อีกด้านของเหรียญ / คนขายของ
- คนขายของ
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 792
- ผู้ติดตาม: 0
อีกด้านของเหรียญ / คนขายของ
โพสต์ที่ 1
อีกด้านของเหรียญ / โดย คนขายของ
ในช่วงที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อนๆนักลงทุนหลายท่านเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ประเด็นหลักในช่วงนี้คงหนีไม่พ้นความกังวลที่ว่าตลาดหุ้นอาจจะมีการปรับตัวลดลงรุนแรง ทั้งนี้ ด้วยเหตุผลหลักๆ คือ หนึ่ง ดอกเบี้ยอาจกลับมาเป็นขาขึ้น สอง ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งอาจทำให้การบริโภคชะลอตัวลง และ สาม ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยเทรดที่ PE 18 เท่านับว่าสูงกว่า ค่าเฉลี่ยในอดีต เนื่องจากเหตุผลที่สนับสนุนข้อกังวลดังกล่าวเป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวาง ในบทความนี้ผมขอนำเสนอการมองต่างมุมของนักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งต่อประเด็นทั้งสาม เพื่อให้ท่าน ผู้อ่านได้เห็นข้อมูลทั้งสองด้านก่อนที่จะตัดสินใจในการลงทุน
ดอกเบี้ยกลับมาเป็นขาขึ้น: ข้อมูลจาก McKinsey ได้ประเมินว่าขนาดของตลาด Global Bond ใหญ่กว่า Global Equity ประมาณหนึ่งเท่า และจากการที่ดอกเบี้ยพันธบัตร 10 ปีของอเมริกา เป็นขาลงมาตลอด 33 ปีนับตั้งแต่ปี 1981 ที่ดอกเบี้ย 15% มาอยู่ที่ 2.2% ในปัจจุบันถ้าดอกเบี้ย กลับมาเป็นขาขึ้นจริง ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดพันธบัตรจะมีมากกว่าตลาดหุ้น เงินที่จะไหลออก จากตลาดพันธบัตรจำนวนมากเพื่อหนีจากการขาดทุนในดอกเบี้ยขาขึ้น และน่าจะไหลเข้ามาสู่ ตลาดหุ้นบ้าง ทำให้หุ้นน่าจะยังคงไปต่อได้ ทั้งนี้เราจะเห็นได้จากการเปลี่ยน แปลงนโยบายของ PIMCO กองทุนตราสารหนี้ขนาดมหึมาของสหรัฐซึ่งให้ความสนใจในหุ้นมากขึ้นในระยะ สามสี่ปีที่ผ่านมา และ กองทุนบำเน็จบำนาญของญี่ปุ่นประกาศเพิ่มสัดส่วนลงทุน ในหุ้นเมื่อเร็วๆนี้
การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ: ปัจจุบันประเทศไทยมีสัดส่วนผู้สูงอายุราว 10% และจะเพิ่มเป็น 20% ในปี 2030 อาจมีผลลบต่อตลาดหุ้น อาจไม่เป็นจริงเสมอไปหากเรามองดูประเทศที่มีสัดส่วน ผู้สูงอายุมากกว่าประเทศไทยเช่น เยอรมันนี ซึ่งปัจจุบันมีผู้สูงอายุเป็นสัดส่วน 21% แต่ดัชนี DAX ของเยอรมันก็ยังสามารถทำ All Time High ที่ 9,850จุดได้ในปีนี้ ซึ่งหากเราดูข้อมูลย้อนหลัง เราจะพบว่า DAX ได้เริ่มการเป็นขาขึ้นยาวนานตั้งแต่ปี 2003 ที่ดัชนีประมาณ 2,500 จุดซึ่งในปีนั้นเยอรมันนีมีประชากรสูงอายุ 18%ของประชากรรวม
ตลาดหุ้นไทยที่ PE 18 เท่า: หากเราย้อนกลับไปดูค่า PE ย้อนหลังของตลาดหุ้นไทยในรอบเกือบ 40 ปีตั้งแต่ก่อตั้ง เราจะพบว่า PE หุ้นไทยจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 5-30 เท่า ค่า PE โดยเฉลี่ย น่าจะอยู่ในช่วง 10-12 เท่า ถึงแม้ 18 เท่าดูเหมือนจะสูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่หากเราดูค่า PE ตลาดใน 12 เดือนข้างหน้า ตามบทวิเคราะห์ของธนาคารต่างประเทศแห่งหนึ่ง คาดว่า PE ของตลาดหุ้นไทย จะลดลงเหลือ 15-16 เท่าเนื่องจากกำไรของบริษัทจดทะเบียนน่าจะโตได้อีก สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ ณ PE ขนาดนี้ ตลาดหุ้นไทยก็ดูไม่แพงกว่าเพื่อนบ้าน ASEAN เราเท่าไหร่ นอกจากนี้ที่ PE 18 เท่า ในปัจจุบัน ตลาดไทย (SET ไม่รวม MAI) ให้ปันผลโดยเฉลี่ยที่ 2.77% ซึ่งยังสูงกว่าดอกเบี้ย ฝากประจำ 12 เดือนของธนาคารที่อยู่ที่ 1.5% สถานการณ์ในตอนนี้ต่างกับในช่วงปี พ.ศ. 2537-2538 ซึ่งดัชนีมีค่า PE อยู่ในช่วง 16-26 เท่า ให้ปันผลอยู่ในช่วง 1.86-2.25% แต่ในขณะนั้น ดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ประมาณ 8.5% สูงกว่าเงินปันผลเกือบสามเท่า
โดยส่วนตัว ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรต่อไป จะออกหัว หรือ ออกก้อย ในฐานะนักลงทุนคนหนึ่ง หน้าที่หลักของผม คือ หนึ่ง เฝ้นหากิจการที่ยอดเยี่ยม สอง ทำความเข้าใจพลวัตรการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม และ สาม ดูว่าอุตสาหกรรมไหนจะได้ ประโยชน์สูงสุด จากสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป นานมาแล้ว คุณ “ต๊อบ” เจ้าของ “เถ้าแก่น้อย” เคยกล่าวไว้ว่า “ในงานศพ ก็ยังมีสัปเหร่อ มีคนขายโจ๊ก มีคนขายพวงหรีด...ในวิกฤตก็มีโอกาส อยู่เสมอ มันอยู่ที่ว่าคุณเลือกที่จะเป็นศพ หรือเป็นคนขายพวงหรีด” ผมยังจำได้ว่าหลังวิกฤต ต้มยำกุ้ง หุ้นไทยลงถล่มถลาย แต่หุ้นส่งออกกลับทำกำไรได้มากมาย ดังนั้นผมเชื่อว่า ไม่ว่าสภาวะไหน หมั่นสร้างความรู้ในการลงทุนไว้เถอะครับ เพราะความรู้จะเป็นเหมือนดาว ส่องแสงนำทาง ที่ช่วยให้คุณสามารถเดินทางอยู่บนถนนสายทุนนิยมสายนี้ได้ในทุกสถานะการณ์
ในช่วงที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อนๆนักลงทุนหลายท่านเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ประเด็นหลักในช่วงนี้คงหนีไม่พ้นความกังวลที่ว่าตลาดหุ้นอาจจะมีการปรับตัวลดลงรุนแรง ทั้งนี้ ด้วยเหตุผลหลักๆ คือ หนึ่ง ดอกเบี้ยอาจกลับมาเป็นขาขึ้น สอง ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งอาจทำให้การบริโภคชะลอตัวลง และ สาม ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยเทรดที่ PE 18 เท่านับว่าสูงกว่า ค่าเฉลี่ยในอดีต เนื่องจากเหตุผลที่สนับสนุนข้อกังวลดังกล่าวเป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวาง ในบทความนี้ผมขอนำเสนอการมองต่างมุมของนักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งต่อประเด็นทั้งสาม เพื่อให้ท่าน ผู้อ่านได้เห็นข้อมูลทั้งสองด้านก่อนที่จะตัดสินใจในการลงทุน
ดอกเบี้ยกลับมาเป็นขาขึ้น: ข้อมูลจาก McKinsey ได้ประเมินว่าขนาดของตลาด Global Bond ใหญ่กว่า Global Equity ประมาณหนึ่งเท่า และจากการที่ดอกเบี้ยพันธบัตร 10 ปีของอเมริกา เป็นขาลงมาตลอด 33 ปีนับตั้งแต่ปี 1981 ที่ดอกเบี้ย 15% มาอยู่ที่ 2.2% ในปัจจุบันถ้าดอกเบี้ย กลับมาเป็นขาขึ้นจริง ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดพันธบัตรจะมีมากกว่าตลาดหุ้น เงินที่จะไหลออก จากตลาดพันธบัตรจำนวนมากเพื่อหนีจากการขาดทุนในดอกเบี้ยขาขึ้น และน่าจะไหลเข้ามาสู่ ตลาดหุ้นบ้าง ทำให้หุ้นน่าจะยังคงไปต่อได้ ทั้งนี้เราจะเห็นได้จากการเปลี่ยน แปลงนโยบายของ PIMCO กองทุนตราสารหนี้ขนาดมหึมาของสหรัฐซึ่งให้ความสนใจในหุ้นมากขึ้นในระยะ สามสี่ปีที่ผ่านมา และ กองทุนบำเน็จบำนาญของญี่ปุ่นประกาศเพิ่มสัดส่วนลงทุน ในหุ้นเมื่อเร็วๆนี้
การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ: ปัจจุบันประเทศไทยมีสัดส่วนผู้สูงอายุราว 10% และจะเพิ่มเป็น 20% ในปี 2030 อาจมีผลลบต่อตลาดหุ้น อาจไม่เป็นจริงเสมอไปหากเรามองดูประเทศที่มีสัดส่วน ผู้สูงอายุมากกว่าประเทศไทยเช่น เยอรมันนี ซึ่งปัจจุบันมีผู้สูงอายุเป็นสัดส่วน 21% แต่ดัชนี DAX ของเยอรมันก็ยังสามารถทำ All Time High ที่ 9,850จุดได้ในปีนี้ ซึ่งหากเราดูข้อมูลย้อนหลัง เราจะพบว่า DAX ได้เริ่มการเป็นขาขึ้นยาวนานตั้งแต่ปี 2003 ที่ดัชนีประมาณ 2,500 จุดซึ่งในปีนั้นเยอรมันนีมีประชากรสูงอายุ 18%ของประชากรรวม
ตลาดหุ้นไทยที่ PE 18 เท่า: หากเราย้อนกลับไปดูค่า PE ย้อนหลังของตลาดหุ้นไทยในรอบเกือบ 40 ปีตั้งแต่ก่อตั้ง เราจะพบว่า PE หุ้นไทยจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 5-30 เท่า ค่า PE โดยเฉลี่ย น่าจะอยู่ในช่วง 10-12 เท่า ถึงแม้ 18 เท่าดูเหมือนจะสูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่หากเราดูค่า PE ตลาดใน 12 เดือนข้างหน้า ตามบทวิเคราะห์ของธนาคารต่างประเทศแห่งหนึ่ง คาดว่า PE ของตลาดหุ้นไทย จะลดลงเหลือ 15-16 เท่าเนื่องจากกำไรของบริษัทจดทะเบียนน่าจะโตได้อีก สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ ณ PE ขนาดนี้ ตลาดหุ้นไทยก็ดูไม่แพงกว่าเพื่อนบ้าน ASEAN เราเท่าไหร่ นอกจากนี้ที่ PE 18 เท่า ในปัจจุบัน ตลาดไทย (SET ไม่รวม MAI) ให้ปันผลโดยเฉลี่ยที่ 2.77% ซึ่งยังสูงกว่าดอกเบี้ย ฝากประจำ 12 เดือนของธนาคารที่อยู่ที่ 1.5% สถานการณ์ในตอนนี้ต่างกับในช่วงปี พ.ศ. 2537-2538 ซึ่งดัชนีมีค่า PE อยู่ในช่วง 16-26 เท่า ให้ปันผลอยู่ในช่วง 1.86-2.25% แต่ในขณะนั้น ดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ประมาณ 8.5% สูงกว่าเงินปันผลเกือบสามเท่า
โดยส่วนตัว ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรต่อไป จะออกหัว หรือ ออกก้อย ในฐานะนักลงทุนคนหนึ่ง หน้าที่หลักของผม คือ หนึ่ง เฝ้นหากิจการที่ยอดเยี่ยม สอง ทำความเข้าใจพลวัตรการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม และ สาม ดูว่าอุตสาหกรรมไหนจะได้ ประโยชน์สูงสุด จากสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป นานมาแล้ว คุณ “ต๊อบ” เจ้าของ “เถ้าแก่น้อย” เคยกล่าวไว้ว่า “ในงานศพ ก็ยังมีสัปเหร่อ มีคนขายโจ๊ก มีคนขายพวงหรีด...ในวิกฤตก็มีโอกาส อยู่เสมอ มันอยู่ที่ว่าคุณเลือกที่จะเป็นศพ หรือเป็นคนขายพวงหรีด” ผมยังจำได้ว่าหลังวิกฤต ต้มยำกุ้ง หุ้นไทยลงถล่มถลาย แต่หุ้นส่งออกกลับทำกำไรได้มากมาย ดังนั้นผมเชื่อว่า ไม่ว่าสภาวะไหน หมั่นสร้างความรู้ในการลงทุนไว้เถอะครับ เพราะความรู้จะเป็นเหมือนดาว ส่องแสงนำทาง ที่ช่วยให้คุณสามารถเดินทางอยู่บนถนนสายทุนนิยมสายนี้ได้ในทุกสถานะการณ์
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีกด้านของเหรียญ / คนขายของ
โพสต์ที่ 5
สุดยอดเลยครับ เป็นบทความที่ดีมาก ขอบคุณครับ
ด้วยความเคารพ
ขอถาม พี่ๆ เพื่อนๆ อีกแง่เรื่อง Aging Society นะครับ
เข้าใจว่า German เป็นประเทศ โลก 1 Advanc Economy ซึ่งมีระบบสวัสดิการดี มาก มีการจ่ายเงินบำนาญดูแลผู้สูงอายุที่เกษียณ ซึ่งมากพอต่อการ จับจ่าย อยู่สบาย คือ มีกำลังซื้อ เพราะTax บ้านเค้าสูง ดังนั้น ความมั่นใจในการจับจ่ายสินค้า ของ คนแก่ ใน ประเทศโลก 1 กับ โลก 3 อย่างไทย ที่ไม่มีเงินยั้งชีพ ไม่มีกำลังซื้อ เท่าประเทศโลก1 ก็ น่าจะต่างกันด้วยไหมครับ ซึ่งก็อาจส่งผลต่อ กำไร ของ บมจ ในตลาด ทำให้ตลาดเติบโตไม่ได้มาก
ไม่ทราบว่า พอมี ตัวอย่าง ประเทศโลก 3 Developing Countries ที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุ แบบGerman แต่ไม่มีสวัสดิการ ดูแล ผู้ที่เกษียณ ทำให้ไม่มีกำลังซื้อ ไหมครับ และอยากทราบ ผลกระทบต่อ ตลาดหุ้น ประเทศนั้นๆนะครับ ว่าเติบโต หรือ ชะลอ เพราะเหตุใด
ขอบคุณครับ
ด้วยความเคารพ
ขอถาม พี่ๆ เพื่อนๆ อีกแง่เรื่อง Aging Society นะครับ
เข้าใจว่า German เป็นประเทศ โลก 1 Advanc Economy ซึ่งมีระบบสวัสดิการดี มาก มีการจ่ายเงินบำนาญดูแลผู้สูงอายุที่เกษียณ ซึ่งมากพอต่อการ จับจ่าย อยู่สบาย คือ มีกำลังซื้อ เพราะTax บ้านเค้าสูง ดังนั้น ความมั่นใจในการจับจ่ายสินค้า ของ คนแก่ ใน ประเทศโลก 1 กับ โลก 3 อย่างไทย ที่ไม่มีเงินยั้งชีพ ไม่มีกำลังซื้อ เท่าประเทศโลก1 ก็ น่าจะต่างกันด้วยไหมครับ ซึ่งก็อาจส่งผลต่อ กำไร ของ บมจ ในตลาด ทำให้ตลาดเติบโตไม่ได้มาก
ไม่ทราบว่า พอมี ตัวอย่าง ประเทศโลก 3 Developing Countries ที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุ แบบGerman แต่ไม่มีสวัสดิการ ดูแล ผู้ที่เกษียณ ทำให้ไม่มีกำลังซื้อ ไหมครับ และอยากทราบ ผลกระทบต่อ ตลาดหุ้น ประเทศนั้นๆนะครับ ว่าเติบโต หรือ ชะลอ เพราะเหตุใด
ขอบคุณครับ
- คนขายของ
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 792
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีกด้านของเหรียญ / คนขายของ
โพสต์ที่ 6
น้อง Rocker ลองศึกษาดู Index ของตลาดหุ้น Poland ดูได้ครับ
โปแลนด์ หลังจากเข้าร่วม EU ในปี 2004 เจอปัญหาประชากรน้ายถิ่นฐานออกไปทำงานในประเทศที่เจริญกว่าร่วมล้านคน จากประชากรทั้งหมดราวๆ 36 ล้านคน
นอกจากนั้นโปแลนด์เองยังเข้าสู่ aging population เร็วกว่าไทย ตอนนี้โปแลนด์มี aging > 65 ราวๆ 15% แต่ตลาดหุ้นโปแลนด์ก็ยัง perform ดีอยู่หลังจากการเข้าร่วม EU และหลังจาก hamburger crisis ก็โตมาตลอดครับ
โปแลนด์ หลังจากเข้าร่วม EU ในปี 2004 เจอปัญหาประชากรน้ายถิ่นฐานออกไปทำงานในประเทศที่เจริญกว่าร่วมล้านคน จากประชากรทั้งหมดราวๆ 36 ล้านคน
นอกจากนั้นโปแลนด์เองยังเข้าสู่ aging population เร็วกว่าไทย ตอนนี้โปแลนด์มี aging > 65 ราวๆ 15% แต่ตลาดหุ้นโปแลนด์ก็ยัง perform ดีอยู่หลังจากการเข้าร่วม EU และหลังจาก hamburger crisis ก็โตมาตลอดครับ
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีกด้านของเหรียญ / คนขายของ
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณครับคนขายของ เขียน:น้อง Rocker ลองศึกษาดู Index ของตลาดหุ้น Poland ดูได้ครับ
โปแลนด์ หลังจากเข้าร่วม EU ในปี 2004 เจอปัญหาประชากรน้ายถิ่นฐานออกไปทำงานในประเทศที่เจริญกว่าร่วมล้านคน จากประชากรทั้งหมดราวๆ 36 ล้านคน
นอกจากนั้นโปแลนด์เองยังเข้าสู่ aging population เร็วกว่าไทย ตอนนี้โปแลนด์มี aging > 65 ราวๆ 15% แต่ตลาดหุ้นโปแลนด์ก็ยัง perform ดีอยู่หลังจากการเข้าร่วม EU และหลังจาก hamburger crisis ก็โตมาตลอดครับ
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อีกด้านของเหรียญ / คนขายของ
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณครัช
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530