โค้ด: เลือกทั้งหมด
ในยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงในโลกนี้ ไม่ใช่สถาบันการเงิน หรือบริษัทรถยนต์อีกต่อไป แต่เป็บบริษัทเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งกำลังมาแรงในทุกตลาด
เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา มูลค่าตลาด หรือ Market Capitalization (จำนวนหุ้นคูณด้วยราคาตลาด) ของบริษัทเทนเซนต์โฮลดิ้ง (Tencent Holdings) ได้ทำสถิติแซงหน้าบริษัทมือถือ ไชน่าโมบาย ของจีน ขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในเอเชียด้วยมูลค่า 256,660 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8.8 ล้านล้านบาท
บริษัทเทนเซนต์ ก่อตั้งที่เมืองเสินเจิ้น ประเทศจีน ในปี 1998 เพื่อทำธุรกิจอินเตอร์เน็ต โดยผู้ก่อตั้งเป็นเพื่อนที่เรียนจบคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยเสินเจิ้น คือ หัวเต็ง หม่า (Huateng Ma หรือ Pony Ma) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ เฉ็นเย่ ซู (Chenye Xu หรือ Daniel Xu) ประธานเจ้าหน้าที่สารสนเทศ
เทนเซนต์ ได้เข้าสู่ธุรกิจโซเชียลมีเดียในปี 1999 โดยมีโซเชียลแพลทฟอร์มชื่อ คิวคิว (QQ) บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วและเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง เมื่อ 16 มิถุนายน 2004 โดยใช้รหัส 700
รายการสินค้าและบริการของบริษัทมีอยู่ถึง 7 หน้ากระดาษ โดยบริษัทมีรายได้แยกกลุ่มได้ 3 ประเภท คือ รายได้จากค่าธรรมเนียม หรือ Fee-based revenue มาจากบริการ โซเชียลมีเดีย และเกมส์ โดย 6 เดือนแรกของปีนี้เทียบกับ 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว รายได้จากโซเชียลมีเดียของบริษัท เติบโตถึง 57% (ทั้ง QQIM ซึ่งมีบัญชีผู้ใช้ที่แอคทีฟเดือนละ 899 ล้านบัญชี เว่ยซิน ( Weixin) และ วีแชท (WeChat) ซึ่งมีบัญชีผู้ใช้ที่แอคทีฟรวมกันเดือนละ 805.7 ล้านบัญชี) และรายได้จากเกมส์ (ทั้งเกมส์บนพีซี และเกมส์บนมือถือ) เติบโต 32%
รายได้ประเภทที่สองคิดจากจำนวนผู้เข้าชม หรือ Traffic-based revenue ซึ่งได้แก่รายได้จากโฆษณา โดยมียี่ห้อต่างๆใช้บริการโฆษณามากกว่า 1,600 ยี่ห้อ และใน 6 เดือนแรกรายได้ส่วนนี้เติบโตถึง 60%
รายได้ประเภทที่สาม คิดจากธุรกรรม หรือ Transaction-based revenue คือบริการชำระเงิน ซึ่งมีการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ
ใน 6 เดือนแรกของปี 2016 บริษัทเทนเซนต์มีรายได้รวม 67,686 ล้านหยวน หรือประมาณ 351,967 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% จาก 6 เดือนแรกของปี 2015 และมีกำไรสุทธิ 20,148 ล้านหยวน หรือประมาณ 104,770 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41 % จากปี 2015
บริษัทพยายามเพิ่มธุรกิจประเภทบันเทิง โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้ประกอบการที่มีเนื้อหา หรือ content ที่ดีที่สุด โดยที่ผ่านมา ได้ควบรวม QQ Music กับ China Music กลายเป็นผู้นำในด้าน on-line music platform ในจีน และยังซื้อกิจการของ Supercell ซึ่งเป็นบริษัทเกมส์มือถือชั้นนำของโลก
บริษัทกำลังพัฒนาหนังสือ on-line และต่อสู้กับการละเมิดลิขสิทธิ์ เพื่อที่จะทำให้นักเขียนมีรายได้ที่ยั่งยืน และทำให้อุตสาหกรรมดีขึ้น
ลูกค้าของบริษัทสามารถซื้อเพคเกจวีไอพี ขึ้นอยู่กับว่า อยากใช้บริการใดบ้าง เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ชมกีฬา ชมภาพยนตร์ เล่นเกมส์ หรือจะเลือกเพคเกจที่ทำได้ทุกๆอย่างที่มีก็ย่อมได้
บริษัทเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และประกาศกลยุทธ์สามประการคือ สร้างความเหนียวแน่นกับผู้ใช้งานด้วยการขยายขอบเขตของสินค้าและบริการ เพิ่มความถี่ในการใช้งานด้วยการโฆษณาและการเพิ่มปริมาณการทำธุรกรรมผ่านแพลทฟอร์มของบริษัท และจะเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ซึ่งถูกปลดล็อกด้วยอินเตอร์เน็ตบนมือถือ ทั้งนี้พนักงานด้านการวิจัยและพัฒนาของบริษัทมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของพนักงานทั้งหมด
กลยุทธ์เหล่านี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจทุกอย่างได้ค่ะ
ราคาหุ้นของบริษัท ณ วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2559 ปิดที่ 209.80 เหรียญฮ่องกง คิดเป็นมูลค่าตลาด 1.986 ล้านล้านเหรียญฮ่องกง (ประมาณ 8.9 ล้านล้านบาท) กำไรต่อหุ้นในปีที่ผ่านมา เท่ากับ 3.6962 เหรียญฮ่องกง และปีนี้คาดว่ากำไรต่อหุ้นจะเท่ากับ 4.7 เหรียญฮ่องกง(ข้อมูลจากบลูมเบิร์ก) คิดเป็นค่าพีอี ประมาณ 44.64 เท่า และมีราคาต่อกำไรต่อหุ้น (Price to Book Ratio) 12 เท่า
แม้พีอีจะสูง แต่ก็เป็นบริษัทที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงด้วยค่ะ
หมายเหตุ : การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง และบทความนี้ใช้เป็นกรณีศึกษา มิได้มีความประสงค์จะชักชวนให้ลงทุนในหุ้นดังกล่าวแต่อย่างใด