อย่าเพิ่งหมดหวัง/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

[Thai VI Article]

หลายคนเหนื่อยหน่ายท้อแท้ หลายคนลำบากยากเข็ญ หลายคนหมดเนื้อหมดตัว หลายคนสูญเสียคนในครอบครัว สูญเสียญาติ สูญเสียเพื่อน สูญเสียเพื่อนร่วมงาน ฯลฯ ไป เพราะไวรัสโควิด -19 วายร้ายตัวนี้

วัคซีนที่เป็นความหวังว่าจะทำให้เปิดประเทศได้ ก็หาซื้อยาก เพราะกำลังผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการทั่วโลก

อย่าเพิ่งหมดหวังนะคะ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราสามารถทำประโยชน์ให้กับโลกได้ค่ะ ไม่ว่าจะทำให้กับตัวเอง ทำให้กับคนในครอบครัว ทำให้กับชุมชน ทำให้กับสังคม หรือทำให้กับโลก ทำได้ตั้งแต่สิ่งเล็กๆน้อยๆ จนถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้น เราต้องอยู่สู้ต่อไป เพื่อตัวเรา เพื่อคนที่เรารัก เพื่อคนที่รักเรา เพื่อสังคม เพื่อประเทศ และเพื่อโลก

มีคนถามว่า ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบควรได้รับการเยียวยาอย่างไร ดิฉันเสนอเลยว่า “แจกเงินชดเชย”ค่ะ การให้เงินกู้ เป็นเพียงการช่วยบรรเทาให้ธุรกิจมีสภาพคล่อง แต่เงินกู้ก็มีต้นทุนดอกเบี้ย และต้องใช้คืน ตอนนี้ธุรกิจต้องการรับการแจกเงินเหมือนบุคคลธรรมดาบ้าง รัฐควรจัดสรรให้ จะเป็นหลักหมื่น หรือหลักแสนบาทต่อเดือน ก็ว่ากันไป

หลายประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น ก็ทำเช่นนี้ และผู้ประกอบการก็พึงพอใจ

อย่าเสียเวลาโทษใครเลยค่ะ ตอนนี้ ปัญหาเกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ต้องแก้ไข และเดินหน้าต่อไป ส่วนใครทำผิด จุดบกพร่องอยู่ที่ไหนนั้น ค่อยว่ากันในภายหลัง

ดิฉันเห็นว่า สิ่งหนึ่งที่ดีอย่างหนึ่งในโลกของการจัดการเงินลงทุน เพื่อจูงใจให้คนอยากเข้ามาช่วยบริหารเงินให้คนอื่น ก็คือเรามีเกณฑ์ว่า “หากได้ทำดีที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ ในสถานการณ์และข้อมูลที่มีอยู่ในขณะที่ตัดสินใจนั้น และกระทำด้วยวิจารณญาณเยี่ยงวิญญูชน โดยสุจริตแล้ว แม้จะเกิดผิดพลาดเสียหายขึ้น ก็ไม่ถือว่าผู้ดำเนินการต้องรับผิด” เพราะหากต้องรับผิด จะไม่มีใครยอมประกอบอาชีพบริหารเงินให้ผู้อื่นเลยค่ะ มีแต่เสียกับเสีย

เพราะฉะนั้น คนที่เข้ามาบริหารประเทศ หรือบริหารองค์กร หากได้พยายามทำดีที่สุด ทำในสิ่งที่ถูกต้อง และทำโดยสุจริตแล้ว ก็อย่าหมดกำลังใจนะคะ ขอให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไปค่ะ

ขอรายงานข่าวดีบ้างนะคะ จากข่าวในสัปดาห์ที่แล้วเกี่ยวกับวัคซีน COVID-19 ตัวใหม่ของ โนวาแวค (Novavax) ซึ่งดิฉันเคยเขียนถึงเมื่อสองเดือนก่อนนั้น มีรายงานว่าวัคซีน NVX-CoV2373 ตัวนี้ พร้อมจะให้ใช้กันได้ในปลายปีนี้ โดยเป็นวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยี โปรตีนซับยูนิต (Protein Subunit) โดยใช้โปรตีนจากผีเสื้อกลางคืน หรือ Moth ซึ่งผลจากการทดลองในมนุษย์เฟสที่สาม พบว่ามีประสิทธิภาพ 90.4% มีประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยหนัก 100% และประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสที่กลายสายพันธุ์สูงถึง 93%

Novavax เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันค่ะ สำนักงานตั้งอยู่ในรัฐแมรีแลนด์ ในเดือนกุมภาพันธ์ ตั้งแต่ยังศึกษาวิจัยไม่เสร็จ รัฐบาลแคนาดาก็ได้เซ็นสัญญาให้ไปตั้งโรงงานผลิตในรัฐมอนทริออล เพื่อจะสั่งซื้อ และจะเป็นวัคซีนแรกที่ผลิตในประเทศแคนาดาเพื่อใช้ในแคนาดาค่ะ สำหรับประเทศอื่นที่สั่งซื้อคือ ฟิลิปปินส์ สั่งซื้อเมื่อกลางเดือนมีนาคม สหราชอาณาจักร สั่งซื้อ 60 ล้านโด้ส โดยจะผลิตในสหราชอาณาจักรเอง และสิงคโปร์สั่งซื้อเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

หลังจากทดสอบในมนุษย์ในระยะที่สามแล้ว บริษัทจะต้องมีการทดสอบความปลอดภัยของวัคซีนอีก ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นปีนี้ และประเทศต่างๆที่สั่งซื้อก็น่าจะได้รับวัคซีนของโนวาแวคในช่วงสิ้นปีเช่นเดียวกัน

สื่อ The Atlantic ยกว่าวัคซีนตัวนี้เป็นวัคซีนที่ดีที่สุดในปัจจุบัน เพราะมีประสิทธิภาพสูง ผลข้างเคียงน้อย และมีสื่อไทยนำมาลงว่าเป็นวัคซีนที่คนตั้งหน้าตั้งตารอ เพราะมีประสิทธิภาพสูงในไวรัสหลายๆสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น อัลฟ่า (อังกฤษ) เบต้า (อัฟริกาใต้) แกมมา (บราซิล) หรือเดลต้า (อินเดีย) และสามารถเก็บรักษาได้ในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาไม่สูงมาก และทำให้มีทางเลือกในการขนส่งมากขึ้นด้วยค่ะ

ข่าวดีคือ วัคซีนตัวนี้ใช้เทคโนโลยี “Protein Subunit” เช่นเดียวกับ “วัคซีนใบยา” ของไทยที่ดิฉันเชียร์อย่างออกนอกหน้าค่ะ แต่ของไทยเป็นโปรตีนที่ผลิตจากพืช คือใบยาสูบ ในขณะที่ของ Novavax เป็นโปรตีนจากเซลล์แมลง

วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของใบยาไฟโตฟาร์ม ที่วิจัยและพัฒนาโดย รศ.ดร.วรัญญู พูลเจริญ และ ผศ.ภญ.ดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ กำลังจะทำการทดสอบในมนุษย์ระยะแรกในเดือนกันยายนนี้ หลังจากที่ผ่านการทดสองในหนูขาวและลิงแล้ว พบว่าสามารถกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้สูงในสัตว์ทั้งสองชนิด ปัจจุบัน ได้สร้างโรงงานผลิตแล้ว อยู่ในพื้นที่ที่เป็นทรัพย์สินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอยู่ระหว่างขออนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบคุณภาพโรงงาน เพื่อสามารถทำการผลิตวัคซีนที่จะนำไปใช้ในการทดสอบในมนุษย์ โดยช่วงเดือนสิงหาคมจะทำการรับสมัครอาสาสมัคร

ในขณะนี้ บริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม ยังเปิดรับบริจาคเงินเพื่อนำไปใช้ในการทดลองในมนุษย์อยู่ โดยสามารถบริจาคผ่านมูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ได้ ที่ www.cuenterprise.co.th ไม่จำกัดจำนวนค่ะ เงินบริจาคทุก 500 บาท สามารถรับสิทธิ์ในการจองซื้อวัคซีนได้ (สามารถฉีดเป็นเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิ สำหรับผู้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง หรือฉีดเป็นเข็มแรก เข็มที่สอง หากท่านอยู่ในพื้นที่ไม่เสี่ยง) และสามารถมีส่วนร่วมกับก้าวสำคัญของประเทศ ช่วยกันคนละไม้ละมือ เพื่อให้ไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาวัคซีนของตนเองได้ในอนาคตอันใกล้นี้

เห็นไหมคะ ไม่ใช่จะมีแต่เรื่องร้ายๆไปเสียทีเดียว เรื่องดีก็มีอยู่ ขอฝากให้กำลังใจทุกท่านด้วยข้อคิดนี้ค่ะ

“มีบางสิ่งซ่อนอยู่ในทุกวัน สำหรับให้ท่านเป็นสุขและแปลกใจ
บางอย่างที่อาจทำให้หัวเราะ บางอย่างที่จะทำให้เราแจ่มใสขึ้น
จงออกไปเผชิญกับชีวิตด้วยความยินดี กล่าวต้อนรับทุกชั่วโมงด้วยความร่าเริง
ด้วยว่ามีบางอย่างมอบให้ท่าน ในทุกๆวัน ของทุกๆปี”

-จากกวีนิรนามของฝรั่ง

สู้สู้! นะคะทุกท่าน แล้วมันก็จะผ่านไปค่ะ หลังฝนย่อมมีฟ้าที่แจ่มใส

[Tanukicho]

ป้ามองแค่ปัจจุบัน แล้วแก้ไขปัญหาก่อนดีกว่าครับ
อย่าขายฝันด้วยคำพูดที่สวยหรู

[พ่อน้องเพชร]

บทความช่วยให้มีความหวัง มีความคิดเชิงบวก จะได้มีกำลังใจ

[wj]

เรื่องดีๆคือ เขามีวัคซีนกันแล้ว
เรื่องร้ายคือ แต่ไทยยังไม่มี
คนเขียนพยายามมองแง่ดี แต่ความจริงมันไม่ใช่ อ่านแล้วเหมือนพยายามเอาเหตุมาสนับสนุนการมองโลกในแง่บวก แต่นั้นมันคนละเรื่องกันเลยครับ เช่นกองทุนบริหารห่วยแต่ทำสุดความสามารถถือว่าไม่ผิด จริงครับไม่ผิดกฎหมาย แต่มันก็ยังห่วยไงครับ
และคนที่ยังเชื่อผจก.กองทุนนี้ ก็คือโง่ไงครับ
คนที่มันตกงานหมดเงินเลี้ยงครอบครัวทำไงครับ คนที่ต้องเป็นแรงงานและต้องไปทำงานเสี่ยงโควิดทุกวันทำไงครับ
เรารู้คำตอบว่าต้องเร่งหาวัคซีนดีๆมาฉีด ลดงบทางทหารและไม่จำเป็น เอามาจัดการโควิด แต่ที่เป็นอยู่มันคนละเรื่อง
และจะบอกให้ครับ ปชช.แห่ซื้อวัคซีนด้วยเงินของเขาเอง กฎหมายรัฐธรรมนูญก็ระบุชัดเป็นหน้าที่รัฐบาลต้องหาให้ปชช.ฟรี
พอวิจารณ์รัฐบาล รัฐบาลก็ขู่ฟ้อง มีประเทศไหนครับทำแบบนี้ในโลก

[Peter1011]

บทความนี้มัน bias หรือไม่ ลองไปคิดดูนะครับ