สหัสวรรษประเทศไทย
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย
โพสต์ที่ 1
วันนี้จะล้างไฟล์คอมพิวเตอร์
หลังจากปล่อยให้อ้วนย้วยมานานเต็มที
เจอบทความเก่าๆที่เคยตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ธุรกิจ
เมื่อประมาณสี่ห้าปีที่แล้วก็เลยอ่านทวนดู เออ..ยังพอเข้าสมัยเหมือนกัน
เลยเอามาถ่ายทอดให้เพื่อนๆฟังในห้องบทความแห่งนี้ดีกว่า
มีทั้งหมดอยู่ 3-4 ตอน ค่อยๆลงทีละตอนแล้วนะคร้าบ
เพราะยาวพอสมควร ประมาณหนึ่งคอลัมน์หนังสือพิมพ์
ใครเอาชีสของฉันไป
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่าน สหัสวรรษประเทศไทยฉบับนี้
ขอแนะนำหนังสือนิทานดีๆมีคุณค่าเล่มหนึ่งให้ได้อ่านกัน
นั่นก็คือ Who Moved My Cheese?
หรือแปลเป็นภาษาไทยด้วยประโยคง่ายๆ ใครเอาชีสของฉันไป
แต่งโดย Spencer Johnson, M.D.
ซึ่งได้เคยฝากผลงานฝีมือการขีดเขียนและแนวความคิดที่ท้าทายมาแล้ว
ในหนังสือ The One Minute Manager อันลือลั่น
ในฐานะผู้ประพันธ์ร่วมกับ Dr. Kenneth Blanchard, Ph.D.
แห่งสถาบันฝึกอบรมบริหารธุรกิจ Blanchard สหรัฐอเมริกา
Spencer Johnson เขียนเรื่อง Who Moved My Cheese?
ด้วยสายตาของผู้เฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงแบบพลวัต
ที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเราทุกหน ทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิถีชีวิต
หน้าที่การงาน จุดมุ่งหวัง ความมั่นคง
แต่แทนที่จะแค่เพียงจับตาเฝ้าคอยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
และรอว่าเมื่อไหร่จะกระทบถึงตัวเรา
ผู้เขียนกลับให้เราเตรียมตัวพร้อมรับสภาพการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
และแสวงหาวิธีการจัดการแต่เนิ่นๆ
( An Amazing Way To deal With Change In Your Work And In Your Life)
เพื่อให้ท่านผู้ฟังสามารถจินตนาการภาพตามได้
จะเล่าเรื่องย่อๆให้ฟังดังนี้
หลังจากปล่อยให้อ้วนย้วยมานานเต็มที
เจอบทความเก่าๆที่เคยตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ธุรกิจ
เมื่อประมาณสี่ห้าปีที่แล้วก็เลยอ่านทวนดู เออ..ยังพอเข้าสมัยเหมือนกัน
เลยเอามาถ่ายทอดให้เพื่อนๆฟังในห้องบทความแห่งนี้ดีกว่า
มีทั้งหมดอยู่ 3-4 ตอน ค่อยๆลงทีละตอนแล้วนะคร้าบ
เพราะยาวพอสมควร ประมาณหนึ่งคอลัมน์หนังสือพิมพ์
ใครเอาชีสของฉันไป
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่าน สหัสวรรษประเทศไทยฉบับนี้
ขอแนะนำหนังสือนิทานดีๆมีคุณค่าเล่มหนึ่งให้ได้อ่านกัน
นั่นก็คือ Who Moved My Cheese?
หรือแปลเป็นภาษาไทยด้วยประโยคง่ายๆ ใครเอาชีสของฉันไป
แต่งโดย Spencer Johnson, M.D.
ซึ่งได้เคยฝากผลงานฝีมือการขีดเขียนและแนวความคิดที่ท้าทายมาแล้ว
ในหนังสือ The One Minute Manager อันลือลั่น
ในฐานะผู้ประพันธ์ร่วมกับ Dr. Kenneth Blanchard, Ph.D.
แห่งสถาบันฝึกอบรมบริหารธุรกิจ Blanchard สหรัฐอเมริกา
Spencer Johnson เขียนเรื่อง Who Moved My Cheese?
ด้วยสายตาของผู้เฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงแบบพลวัต
ที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเราทุกหน ทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิถีชีวิต
หน้าที่การงาน จุดมุ่งหวัง ความมั่นคง
แต่แทนที่จะแค่เพียงจับตาเฝ้าคอยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
และรอว่าเมื่อไหร่จะกระทบถึงตัวเรา
ผู้เขียนกลับให้เราเตรียมตัวพร้อมรับสภาพการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
และแสวงหาวิธีการจัดการแต่เนิ่นๆ
( An Amazing Way To deal With Change In Your Work And In Your Life)
เพื่อให้ท่านผู้ฟังสามารถจินตนาการภาพตามได้
จะเล่าเรื่องย่อๆให้ฟังดังนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย
โพสต์ที่ 2
ณ สถานที่หนึ่งที่วกวนสลับซับซ้อนดั่งเขาวงกต(Labyrinth)
ห่างไกลจากกาลเวลาปัจจุบันไปนานแสนนาน
มีตัวละครอยู่สี่ตัวโลดแล่นไปตามท้องเรื่อง
สองตัวแรกเป็นหนูขยันชื่อ สนิฟ และ สเคอร์รี่ ( Sniff and Scurry)
ส่วนสองตัวหลังเป็นมนุษย์จิ๋ว ซึ่งมีสติปัญญา ความนึกคิด
และอารมณ์ไม่แตกต่างไปจากเราๆท่านๆเลย
พวกเขามีชื่อว่า เฮม และ ฮอว์ ( Hem and Haw)
ตัวละครทั้งสี่ตัวมีชีวิตอย่างเรียบง่ายตามประสาหนูๆและมนุษย์จิ๋วๆ
ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยเนยแข็งหรือที่เราเรียกกันว่า ชีส
ซึ่งมีอยู่อุดมสมบูรณ์มากมาย
ขณะที่เจ้าหนูสนิฟ และสเคอร์รี่ จะตื่นแต่เช้าขึ้นมาจากบ้านของมัน
แล้วก็มาแทะชีสอย่างอิ่มหมีพีมันแล้วก็เดินทางกลับบ้าน
มนุษย์จิ๋วสองตัวคือ เฮมและฮอว์ กลับมีสติปราดเปรื่องขึ้นมาอีกนิด
ด้วยการอพยพถิ่นฐานตัวเองมาอยู่ใกล้ๆก้อน ชีส
จะได้ไม่เสียเวลาเดินทาง เพื่อให้นอนใจว่าเจ้าเนยแข็งนี้จะยังอยู่กับพวกเขาตลอดไป
พวกเขาไม่เคยตั้งคำถามใดๆเกี่ยวกับ ชีสเลยว่า
มาจากไหน ใครเป็นผู้นำมา คิดแต่เพียงว่า
นับแต่นี้ชีวิตมนุษย์จิ๋วๆของทั้งสองจะสุโขสบายไปอีกนาน
และ ชีสก้อนนี้ก็คงจะไม่หายไปไหนหรอก
ทั้งคู่ทิ้งรองเท้าวิ่งและชุดจ้อกกิ้งอย่างไม่อินังขังขอบ
ด้วยไม่เห็นประโยชน์อันใดที่จะต้องวิ่งหาแหล่งอาหารอื่นๆอีก
ตราบเท่าที่มี ชีส ก้อนมหึมาให้เห็นอยู่ต่อหน้า
เฮมและฮอว์ใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญ
แวดล้อมไปด้วยเพื่อนฝูงและปารตี้ ชีสที่กินเท่าไรก็ดูเหมือนจะไม่มีวันหมด
ชีวิตที่สุขสำราญใจเช่นนี้ทำให้ เฮมและฮอว์ หลงระเริง
โดยไม่เคยระแวงเลยว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น :roll:
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย
โพสต์ที่ 3
แล้ววันนั้นก็มาถึง เช้าวันหนึ่ง เฮมและฮอว์ ตื่นขึ้นมาหา ชีสกินตามปกติ
แต่ทั้งคู่ตกใจแทบไม่เชื่อสายตาเลยว่า
ชีสก้อนเดิมที่เปรียบเสมือนขุมทรัพย์พักพิง
ได้หายไปแล้วอย่างปราศจากร่องรอย
เจ้าหนูสองตัวสนิฟและสเคอร์รี่ก็หายหน้าหายตา
ไม่มาทักทายกันเหมือนเช่นเคย
ด้วยความหลงตนเองว่าเป็นมนุษย์ที่ฉลาดปราดเปรื่องมากกว่า
เฮมและฮอว์ ก็เลยนั่งๆนอนๆสบายใจ วิเคราะห์เข้าข้างตัวเองว่า
ใครสักคนคงอยากจะเล่นสนุกๆโดยซ่อน ชีสไว้
เดี๋ยวก็คงเอามาคืน หรือไม่ก็ใครสักคนแอบกิน ชีสไปแล้ว
เดี๋ยวก็คงมี ชีสใหม่อร่อยๆมาแทนที่ตามเดิม :lol:
แต่วันเวลาผ่านไป ไม่ปรากฏ ชีสก้อนเก่าให้ได้เห็นอีกเลย
มิหนำซ้ำ ชีสก้อนใหม่ที่เฝ้าคอยก็ไม่มีวี่แววหรือกลิ่นอายประการใด
มนุษย์จิ๋วอย่างเฮมและฮอว์ เริ่มตระหนกในการสูญเสียแหล่งอาหารอันทรงค่า
ต่างตีโพยตีพายกล่าวโทษ ใครเอาชีสของฉันไป
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย
โพสต์ที่ 4
วันแล้ว วันเล่าขณะที่เฮม มนุษย์จิ๋วคนแรกได้แต่นั่งหมดอาลัยตายอยาก
อ้อนวอนให้ใครก็ได้เอาชีสกลับคืนมา
ฮอว์ เพื่อนมนุษย์จิ๋วด้วยกัน หลังจากรวบรวมสติอารมณ์และสัมปชัญญะได้ครู่ใหญ่
ก็เริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง แทนที่จะพร่ำวอนอย่างไม่เห็นความหวังเช่นเฮม
ทำไมเขาไม่ละถิ่นฐานและเดินออกเสาะแสวงหา ชีส ณ ที่อื่นๆ
ฮอว์จึงตั้งปณิธานมุ่งมั่นออกเดินทาง
ปล่อยให้เฮมผู้ปฏิเสธการออกเดินทางด้วยเกรงภยันตรายที่ไม่คุ้นเคย
จ่อมจมอยู่กับเสียงร่ำไห้โอดครวญตามเดิม
ชีสของฉันไปไหน ใครเอาชีสของฉันไป ไม่ยุติธรรมเลย
เป็นครั้งแรกของมนุษย์จิ๋วๆเช่น ฮอว์ ที่ละถิ่นฐานความมั่นคง ปลอดภัยจากบ้าน
ไปสู่การผจญภัยครั้งสำคัญ ที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะประสบเหตุการณ์ฉันใด
ยิ่งเดิน ยิ่งเหนื่อย ยิ่งนับก้าว ยิ่งล้า
เพราะฮอว์ไม่ได้เดินออกกำลังกายมานานเต็มที
ยิ่งไกลออกไปจากบ้านเดิมมากเท่าไร ยิ่งกลัวและหวาดระแวงมากขึ้นเท่านั้น
ท้องก็หิวโซ ตาก็พร่าลาย แต่ฮอว์ยังมีความมุ่งมั่น
ถ้าโชคดีเขาอาจจะเจอ ชีสก้อนใหม่
ขอกินประทังท้องก่อนแล้วค่อยไปตามเฮมมากินด้วยกัน
หากโชคร้ายเขาอาจจะหมดแรงก่อนที่จะเจอ ชีส
อย่างไรก็ตามยิ่งเดินตามหา ชีสใหม่ไกลเท่าไร
เขายิ่งรู้สึกถึงความท้าทายที่เกิดขึ้นระหว่างเส้นทางตลอดเวลา
เขาวงกตที่พวกเขาอาศัยอยู่มีซอกหลืบคดเคี้ยวมากมาย
ซึ่งเขาเองไม่รู้มาก่อน :roll:
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย
โพสต์ที่ 5
ฮอว์ต้องตัดสินใจทุกครั้งเมื่อเจอทางแยกว่าจะเดินไปทางไหน
เพื่อตามหาร่องรอยของ ชีส ก้อนใหม่
ยิ่งตัดสินใจมากขึ้นเท่าไร เขารู้สึกเหมือนกับสมองได้ลับกับอุปสรรค
ยิ่งเผชิญกับอุปสรรคฮอว์รู้สึกเหมือนชีวิตเป็นอิสระมากขึ้นจากก้อนชีสเดิม
และยิ่งเป็นอิสระมากขึ้น ฮอว์ก็เกิดความมั่นใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ
ความกลัวแต่แรกได้หายไปโดยสิ้นเชิง
ในที่สุดฮอว์ก็ได้พบ ชีส ก้อนใหม่
ซึ่ง ณ ที่นั้นมีสหายหนูสนิฟและเคอร์รี่
แทะชีสกินอย่างเอร็ดอร่อยก่อนหน้านี้แล้ว
ครับ เนื้อเรื่องสั้นๆของหนังสือเล่มนี้ก็จบลงอย่างค่อนข้างสมหวัง
คือ ตัวละครทั้งหมดก็มี ชีสกินตามเดิม
แต่ไม่มีใครประมาทอีกแล้วว่า
ชีสจะต้องอยู่ยงคงกระพันกับพวกเขาตลอดไป
ตัวละครทุกตัวจะต้องเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
และการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า
เป็นอย่างไรบ้างครับ ได้คติสอนใจกันพอสมควรทีเดียว
จากหนังสือเล่มเล็กๆหนาเพียง ๗๙ หน้า
ท่านผู้อ่านสามารถอ่านเก็บรายละเอียดและคติอื่นๆได้มากกว่านี้
ถ้าได้มีโอกาสอ่านด้วยตัวเอง
หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วเจ้า ชีส ก้อนเนยแข็งนี้
จริงๆมันคืออะไรกันแน่ ก็ขอตอบว่า เป็นได้ทุกๆอย่างที่เรายึดมั่น ถือมั่น
โดยคิดว่าเป็นของตายใกล้มือ หยิบฉวยได้ตลอดกาล
ไม่ว่าจะเป็นอาชีพการงาน ทรัพย์สมบัติ ความมั่นคงของชีวิต
ยศถาบรรดาศักดิ์ สถานภาพทางสังคม
โดยไม่มีวันฉุกคิดเลยว่าสรรพสิ่งดังกล่าวล้วนมีการเปลี่ยนแปลง
สำหรับในยุคโลกาภิวัตรนั้น แน่นอนครับ
การเปลี่ยนแปลงนั้นจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
รวดเร็วอย่างที่พวกเราตั้งตัวไม่ทัน
เหมือนเช้าวันที่โลกล่มสลาย เฮมและฮอว์มองหาชีสไม่เจอฉันใดฉันนั้น
ขณะที่สหายหนูสองตัวคือ สนิฟและเคอร์รี่
ใช้ชีวิตขยันแบบหนูๆช่างแทะ ช่างเล็มไปทั่ว
แม้มันจะไม่มีอัจฉริยภาพปราดเปรื่องเท่ามนุษย์
ไม่มีเหตุผลในการวิเคราะห์เชิงตรรกมากมาย
แต่ก็มีสัญชาติญาณของการดมกลิ่นอย่างดีเยี่ยม
รู้ว่าเมื่อใดที่ ชีส ก้อนเก่าเริ่มมีกลิ่นไม่ดีหรือก้อนเล็กลงทุกทีๆ
มันก็เริ่มดมหากลิ่นและร่องรอยของ ชีสก้อนใหม่ว่าควรจะอยู่ที่ไหน
ด้วยสมองทื่อมะลื่อ ดื้อๆตามแบบฉบับหนูๆนั่นแหละครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย
โพสต์ที่ 6
บทเรียนอะไรบ้างที่ฮอว์ และ เราๆท่านๆ ได้รับจากการเดินตามหา ชีส
หนึ่ง การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นตลอดเวลา
สัจธรรมข้อนี้เป็นที่ประจักษ์กันดี
โดยเฉพาะในสังคมชาวพุทธที่มักจะซึ้งใจในคำกล่าวสอนที่ว่า
สังขารทั้งหลายย่อมไม่เที่ยงและเป็นอนิจจัง
เพียงแต่ความรุนแรงและความรวดเร็วจะทวีขึ้น
พร้อมๆกับผลกระทบสืบเนื่องที่ทำให้เราตกตะลึงเหมือนล้มทั้งยืนเลยก็ว่าได้
วิกฤตการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยที่ผ่านมาสองสามปีนี้
เป็นอุทาหรณ์สอนใจได้อย่างดีทีเดียวครับ
สอง คาดการณ์ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใดบ้าง
เตรียมพร้อมเสมอ ถ้าคุณจะต้องสูญเสียชีส ของคุณไป สักวันใดวันหนึ่ง
ไม่มัวนั่งโอดครวญถึงคืนวันเก่าที่คุณนั่งแทะเล็ม ชีสอย่างมีความสุข
หรือจมจ่อมกับความทุกข์ว่าชีสหายไปไหน ใครขโมยชีสไป
โลกไม่ยุติธรรมเลย แบบเฮม ผู้เฝ้าคอย ชีส กลับคืนมา
สาม สำรวจการเปลี่ยนแปลงสม่ำเสมอ
ถึงคุณจะไม่ใช่เจ้าหนูสนิฟและสเคอร์รี่ที่มีจมูกดมกลิ่นเป็นอาวุธ
แต่คุณก็คงมีสายตาและความคิดกว้างไกลไม่แพ้หนูหรอกครับ
หมั่นสำรวจรอบๆตัวคุณบ้างว่าชีสของคุณอยู่ในสภาพอย่างไร
มีกลิ่นบูดเน่า ค้างคืน เหม็นหืนหรือเปล่า
สีเปลี่ยนไปหรือไม่ ขึ้นราหรือไม่
สี่ ปรับ/เปลี่ยน/แปลงอย่างรวดเร็ว
ยิ่งคุณสามารถล่วงรู้และละทิ้งชีสเก่าที่เหม็นหืน เร็วเท่าไร
โอกาสที่คุณจะได้ค้นหาและอิ่มอร่อยกับชีสใหม่ ก็มีมากขึ้น
เสียดายคงมีบ้างแต่อย่ามัวนั่งพร่ำเสียใจภายหลัง
ห้า เปลี่ยนแปลงตัวคุณเองไปพร้อมกับ ชีสก้อนใหม่
หก รื่นรมย์กับการเปลี่ยนแปลงนั้น
ถึงคุณไม่มีวันหวนหาอดีตได้อีก แต่คุณยังมีปัจจุบันที่ต้องคำนึงถึง
และเมื่อคุณเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างเต็มที่แล้ว จ
ะมีเหตุผลอะไรเล่าที่จะทำให้คุณหยุดรื่นรมย์กับชีวิตในขณะนั้นไปได้
เจ็ด เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน อีกครั้งและอีกครั้ง
ในโลกของการแข่งขันที่แท้จริง อีกนั่นแหละครับ
เราคงโชคไม่ดีเท่าเฮมและฮอว์ สองมนุษย์จิ๋วในเรื่อง
ที่ยังมีหนูอารีคอยแบ่งปัน ชีสให้กิน
เพราะถ้าเราไปช้า ชีสก็คงจะหมดเสียก่อน
ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหนูที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
ก็ต้องเป็นคนอื่นที่เขาก็เร่งรุดหา ชีส กินเหมือนกัน
บทเรียนที่ที่เฮม(รวมทั้งมนุษย์ตัวใหญ่ๆอย่างเราๆท่านด้วย)
ต้องเรียนรู้ขึ้นมาอีกระดับก็คือ ทำอย่างไรจึงจะหา ชีสได้ก่อนคนอื่น
ทำอย่างไร จึงจะมีความสามารถในการแข่งขันดมร่องรอย ชีสก้อนใหม่
ได้เร็วเท่าหรือเร็วกว่าเจ้าหนูสนิฟและสเคอร์รี่
ท่านผู้อ่านคิดอย่างไรครับ
- luckyman
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2203
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย
โพสต์ที่ 7
ขอบคุนครับ
มีประโยชน์มากมาก
มีประโยชน์มากมาก
website for the value investor
=> https://hoonapp.com
=> https://hoonapp.com
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย
โพสต์ที่ 8
พระเจ้า พี่กูรูสุดยอดครับ ^^
ขอบคุณมากๆนะครับผม
ขอบคุณมากๆนะครับผม
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย
โพสต์ที่ 12
ขอบคุณสำหรับผู้ที่ติดตามอ่านทุกท่าน
กำลังจะโพสตอนต่อไปเร็วๆนี้
อ้อ มีผู้ถามหลังไมค์ว่า
ข้อเขียนของกูรูในห้องบทความกับนั่งเล่นจะต่างกันอย่างไร
ขอตอบดังนี้
ในห้องบทความจะเป็นบทความวิชาการหรือกรณีศึกษาที่ผ่านมาระยะหนึ่ง
จนมีบทสรุปที่ชัดเจน จะได้ไม่มีเรื่องฟ้องร้องภายหลัง
มีข้อมูล ตัวเลข และข้อเท็จจริงสนับสนุน
(อิงความรู้สึกส่วนตัวน้อยมาก)
ส่วนนั่งเล่นเป็นเรื่องที่ใช้ประสบการณ์ตัวเองเป็นหลัก
อาจจะเป็นเรื่องราวบทเรียนที่ทำจริง ร่วมจริงในอดีต
ข้อเขียนจะเบาๆ ไร้สาระเล็กน้อย
ใส่ความคิดเห็นตัวเองเยอะ
เพราะฉะนั้นอ่านๆอาจจะมีอคติบ้าง ไม่ว่ากันนะ :lol:
ส่วนห้องหุ้น (ไม่ค่อยได้โพสบ่อย)
จะต่อยอดเรื่องราวของธุรกิจที่กล่าวถึงในปัจจุบัน
ไม่เก่าจนเกินไปนัก
กำลังจะโพสตอนต่อไปเร็วๆนี้
อ้อ มีผู้ถามหลังไมค์ว่า
ข้อเขียนของกูรูในห้องบทความกับนั่งเล่นจะต่างกันอย่างไร
ขอตอบดังนี้
ในห้องบทความจะเป็นบทความวิชาการหรือกรณีศึกษาที่ผ่านมาระยะหนึ่ง
จนมีบทสรุปที่ชัดเจน จะได้ไม่มีเรื่องฟ้องร้องภายหลัง
มีข้อมูล ตัวเลข และข้อเท็จจริงสนับสนุน
(อิงความรู้สึกส่วนตัวน้อยมาก)
ส่วนนั่งเล่นเป็นเรื่องที่ใช้ประสบการณ์ตัวเองเป็นหลัก
อาจจะเป็นเรื่องราวบทเรียนที่ทำจริง ร่วมจริงในอดีต
ข้อเขียนจะเบาๆ ไร้สาระเล็กน้อย
ใส่ความคิดเห็นตัวเองเยอะ
เพราะฉะนั้นอ่านๆอาจจะมีอคติบ้าง ไม่ว่ากันนะ :lol:
ส่วนห้องหุ้น (ไม่ค่อยได้โพสบ่อย)
จะต่อยอดเรื่องราวของธุรกิจที่กล่าวถึงในปัจจุบัน
ไม่เก่าจนเกินไปนัก
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย
โพสต์ที่ 13
อ้อ อีกนิดหนึ่ง ลืมแจ้งไป
น้องๆหรือเพื่อนๆคนไหนต้องการจะเอาบทความที่เขียน
ไปใช้ประกอบในการวิเคราะห์หรือเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับทำรายงาน
ระหว่างเรียนหนังสือ
กูรูยินดีเลย เพียงขอเครดิตต้นเรื่องให้ทางเวปเท่านั้น :lol:
น้องๆหรือเพื่อนๆคนไหนต้องการจะเอาบทความที่เขียน
ไปใช้ประกอบในการวิเคราะห์หรือเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับทำรายงาน
ระหว่างเรียนหนังสือ
กูรูยินดีเลย เพียงขอเครดิตต้นเรื่องให้ทางเวปเท่านั้น :lol:
- holidaytours
- Verified User
- โพสต์: 349
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณคับ :D บทความดีมากคับ