Value Way ฉบับวันที่ 5 เมษายน 2553
โดยวิบูลย์ พึงประเสริฐ
คุยกับจิม โรเจอร์
จิม โรเจอร์ ผู้ก่อตั้งควอนตัมฟันด์ร่วมกับจอร์จ โซรอส เจ้าของฉายาอินเดียนา โจนส์แห่งวงการไฟแนนซ์ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนลเชี่ยลไทม์เกี่ยวกับเรื่องการลงทุนและมุมมองของเขาในอนาคตที่น่าสนใจ
โรเจอร์กล่าวว่าอนาคตของโลกอยู่ที่เอเชีย ถ้าดูประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่ของโลกในปัจจุบันต่างอยู่ในเอเชียแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกงและสิงคโปร์ ความจริงก็คือประเทศในยุโรปและสหรัฐเป็นลูกหนี้ของประเทศเอเซียเหล่านี้ ตัวของโรเจอร์เองถึงกับขายบ้านในนิวยอร์คมาตั้งหลักแหล่งอยู่ในสิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2007 เขาให้เหตุผลว่าในอนาคต เอเชียจะเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจแห่งใหม่ในศตวรรษหน้า สิ่งที่เกิดขึ้นจะเหมือนกับการที่สหรัฐเข้าแทนที่อังกฤษในการเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นล่าสุดเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
เหตุผลที่เขาเลือกประเทศสิงคโปร์เนื่องมาจากความตั้งใจในครั้งแรกของเขานั้นอยากตั้งรกรากที่ประเทศจีนมากกว่า แต่เมืองใหญ่ๆในจีนอย่างเซี่ยงไฮ้หรือปักกิ่งมีมลพิษในสิ่งแวดล้อมมากเกินไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องอากาศเสีย น้ำเสียหรือรถยนต์ที่มากเกินไป ทำให้เขาเลือกมาอยู่ที่สิงคโปร์แทนเพราะมีการบริการทางการแพทย์ที่ดี โรงเรียนที่ได้มาตรฐานโลกและความสะอาดปลอดภัย ถึงแม้จะเป็นเยี่ยมในด้านสาธารณูปโภค แต่โรเจอร์บอกว่าการบริการทางการเงินยังไม่สามารถสู้กับระบบของธนาคารในประเทศตะวันตกอย่างนิวยอร์คได้
เขากล่าวว่าคอยดูในอีก 30 ปีข้างหน้า เอเชียจะกลายเป็นมหาอำนาจแทนสหรัฐอเมริกาอย่างแน่นอน ตอนนี้เขามีลูกสาวคนเล็กโดยจ้างพี่เลี้ยงเป็นคนจีนที่คอยสอนลูกของเขาให้พูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว พูดถึงเรื่องการลงทุน เงินลงทุนส่วนใหญ่ของเขาอยู่ในเอเชียแต่ไม่ทั้งหมด ตอนนี้เขาเริ่มเข้าลงทุนในเงินยูโรบ้างแล้ว เนื่องจากมองว่าสหภาพยุโรปน่าจะผ่านพ้นวิกฤติการณ์หนี้ของกรีซไปได้ ถ้าพ้นช่วงนี้ไป เงินยูโรน่าจะแข็งค่าขึ้นมาได้
ในส่วนเรื่องของเงินหยวน เขามองว่ารัฐบาลจีนคงไม่ปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าเร็วเกินไป จีนคงควบคุมค่าเงินหยวนเช่นนี้ไปเรื่อยๆแต่จะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถึงแม้สหรัฐจะกดดันจีนอย่างหนัก นอกเหนือจากนั้นเขามองว่ารัฐบาลสหรัฐไม่เข้าใจในท่าทีของจีนในเรื่องของค่าเงินหยวนที่ว่ายิ่งกดดันจีนมากเท่าไหร่ จีนยิ่งรู้สึกต่อต้านมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากการลงทุนในเงินยูโรแล้ว เขายังซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐไว้อีกด้วย เขาคิดว่าเงินดอลลาร์ตกต่ำมากเกินไป เหตุผลหนึ่งคือเขาคิดว่าตลาดมองเงินดอลลาร์ในแง่ร้ายมากเกินไป มีคนขายดออลาร์ออกมามาก ทำให้เขาเริ่มเข้าไปเทรดเงินดอลลาร์ถึงแม้จะไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัดนัก แต่โรเจอร์มองว่าเขาสามารถรอจนกว่าตลาดจะกลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้ง เขาอาจตัดสินใจขายเงินดอลลาร์ที่ถืออยู่ออกไป
ถามถึงเรื่องข้อผิดพลาดในการลงทุนของเขา เขาบอกว่าถ้าพูดถึงเรื่องข้อผิดพลาดคงเขียนหนังสือได้อีกหลายเล่ม อันดับแรกคือข้อผิดพลาดในการแต่งงานกับภรรยาคนแรกที่ลงเอยด้วยการหย่าร้าง ส่วนในเรื่องการซื้อขายหุ้น โรเจอร์กล่าวว่าข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงครั้งหนึ่งในชีวิตคือการขายช๊อตน้ำมันก่อนที่เกิดสงครามอ่าวเปอร์เซียระหว่างอิรักและอิหร่าน ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นหลังจากสงครามเกิดขึ้น เขาอาจจะโทษสาเหตุอื่นๆที่ทำให้เขาขาดทุนจากการลงทุนครั้งนั้น แต่เวลาสอนให้เขารู้ว่าข้อผิดพลาดทั้งหมดเกิดจากตัวเขาเอง เพราะเมื่อราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น เขาเกิดอาการตกใจและปิดสถานะช๊อตน้ำมันทั้งหมด แต่หลังจากนั้นราคาน้ำมันได้ลดลงอยู่ในระดับต่ำกว่าเดิมในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เขาบอกว่าในครั้งนั้นเขาทำการบ้านไม่เพียงพอ
โรเจอร์ชอบพูดและเปิดเผยถึงเรื่องข้อผิดพลาดของเขา เขาคิดว่ามันเป็นประสบการณ์ในการเรียนรู้ และข้อผิดพลาดของเขาเป็นการเตือนสติว่าเขายังเป็นเพียงปุถุชนธรรมดาที่ยังมีความโลภและความกลัวอยู่เหมือนนักลงทุนคนอื่นๆ
คุยกับจิม โรเจอร์ : ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 795
- ผู้ติดตาม: 0
คุยกับจิม โรเจอร์ : ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ
โพสต์ที่ 1
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"