"แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
kotaro
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1496
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 61

โพสต์

แมนเดลา ทำให้เรียนรู้ว่า ชีวิตเพื่ออุดมการณ์นี่ช่างยิ่งใหญ่จริงๆครับ

ขอบคุณครับ พี่เคน ติดตามอยู่ตลอดครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 62

โพสต์

ขอบคุณคับ

ผ่านไปแล้ว5ฉบับของตัวอย่างหนังสือที่ผมbrief. ให้คู่ค้าคับ

ปล. ฉบับที่แล้วไม่ใช่4คับ แต่เป็น 5 คับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
<< New >>
Verified User
โพสต์: 1147
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 63

โพสต์

ขอบคุณมากครับสำหรับ Book Brief
ปล. สวัสดีปีใหม่ครับพี่เคน :)
Anti-Aircraft
Verified User
โพสต์: 807
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 64

โพสต์

ขอบคุณสำหรับประสบการณ์และข้อคิดดีๆ ที่นำมาแบ่งปันครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 65

โพสต์

อย่าพึ่งเบื่อนะครับ นี่เป็นตัวอย่างจดหมายประจำเดือนในฉบับที่ 6 คับ เพื่อทำให้เพื่อน ๆ ไม่ต้องเสียเวลาอ่านหนังสือครับ แล้วได้มุมมองในการที่ผมไปใช้งานจริงคับ

คมความคิด ฉบับที่ 6 คับ


เรื่อง แกะดำทำธุรกิจ : ทุ่งหญ้าแห่งความรู้

ผมได้ติดตามผลงานของคุณประเสริฐมาโดยตลอด ได้เห็นถึงแนวความคิดที่แปลก จากคุณอื่นๆ แต่ความคิดที่แปลกก็สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีมากมาย ซึ่งแนวการคิดแบบแกะดำจะเป็นแบบการพึ่งพาตัวเอง หากทำได้ก็จะเป็นคนที่รวยความรู้และมีความสุข ผู้ประกอบการ SME ที่รักการเปลี่ยนแปลงสามารถนำแนวความคิดของแกะดำไปลองปรับใช้ จะทำให้ได้เปรียบเหนือคู่แข็ง มาดูกันครับว่าการสร้างแบรนด์แบบแกะดำเขาคิดกันอย่างไร
1.แบรนด์ชอบฟัง แบรนด์ส่วนใหญ่จะพยายามเล่าความดีของตนซ้ำๆเกินความพอดี นั้นหมายความว่าแบรนด์เหล่านั้นจะไม่มีโอกาสได้ฟัง
ผู้บริโภค ตัวเลขที่น่าสนใจคือ ความสามารถในการฟังของคน 500 คำ/นาที ขณะที่ความสามารถในการพูด125 -150 คำ/นาที ดังนั้นจึงทำให้ผู้ฟังมีโอกาสวอกแวกเพราะสมองจะมีที่ว่างคิดเตรียมประเด็นในการตอบคู่สนทนา สมาธิจะเกิดขึ้นได้หากเราสามารถควบคุมทั้งสมองและปากให้นิ่ง เปลี่ยนการฟังเป็นการได้ยิน แปลงคำพูดเป็นการรับรู้ แบรนด์ที่รู้จักฟังจะทำให้ผู้บริโภคนึกถึงแบรนด์เหล่านั้นว่าเป็น Humble brand รู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ พูดแล้วหยุดฟัง นี่คือเครื่องมือใหม่ในการสร้างแบรนด์
2.การให้แบบไร้เงื่อนไข เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน Batista ของ Starbucks ยินดีชงกาแฟแก้วใหม่ให้กับลูกค้าจนกว่าจะพอใจ เพราะเขาเชื่อว่าคุณภาพสามารถสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้ ถ้าแบรนด์เอาประสบการณ์ของตัวเองเป็นที่ตั้งความสัมพันธ์จะเกิดใน
ระยะสั้น แต่ถ้าแบรนด์โฟกัสความรู้สึกของลูกค้าจะเกิดความสัมพันธ์แบบชั่วชีวิต Starbucks มองว่าการดูแลคน แบรนด์ต้องไม่มีเงื่อนไข รอยยิ้มของลูกค้าคือที่มาของรายได้ที่ยั่งยืน ของ Starbucks
3.คน เครื่องสำคัญในการทำให้แบรนด์มีพลังคือ คนที่อยู่เบื้องหลัง คนจึงมีความสำคัญต่อการมีสุขภาพดีของแบรนด์ องค์กรจึงต้องให้ความสำคัญในการคัดเลือกคนที่มีทัศนคติ มากกว่าประสบการณ์หรือฝีมือ หน้าที่ของอค์กรเปรียบเสมือนรถโดยสารที่วิ่งรอบเมืองเชื้อเชิญคนที่มีแนวความคิดเดียวกันเดินทางไปด้วยกัน และกระตุ้นให้มีความกระหายอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ สุดท้ายการรักษาคนดีให้อยู่ในองค์กรคือ การดูแลทุกข์สุขของคนแบบจริงใจ ต่อเนื่องและยาวนาน ต้องบริหารแบบกินแบ่ง มิใช่กินรวบ แล้วคำว่า คน ก็จะเป็นคำนามไม่ใช่คำกริยา
4.SPEED & STARATEGY ปัจจัยความสำเร็จของ นโปเลียน กษัตริย์ของฝรั่งเศษที่สามารถครอบครองยุโรปได้ ด้วยการมีคุณสมบัติ
3 ประการ
1. นักวางแผนยุทธศาาสตร์ชั้นเยี่ยม
2. เป็นผู้นำทางความคิดที่สามารถกระตุ้นให้ผู้อื่นคล้อยตาม
3. เป็นนักสื่อสารตัวยง
นโปเลียนได้เป็นแม่ทัพครั้งแรกด้วยอายุ 27 ปี รบชนะมาตลอด และอายุ 35 ปี ก็ได้รับการสถาปนาเป็นกษัตริย์ ด้วยการวางกลยุทธ์
2 ประการ 1. Corp Unit มีความคล่องตัวในการเดินทัพ 2. การใช้การสื่อสาร เป็นกระดูกสันหลังในการรบ รายงานโดยตรงต่อผู้ตัดสินใจให้รับรู้ตลอดเวลา นโปเลียนมีการปรับเปลี่ยนแผนการรบด้วยการ Mix & Match ไปตามสถานการณ์ที่สมรภูมิรบได้ แผนการรบของ
นโปเลียน เน้นที่ ความเร็ว ยืดหยุ่น การปรับตัว จึงสร้างความประหลาดใจให้กับข้าศึกได้
5.Big Picture การรู้จักวิเคราะห์ภาพใหญ่ของธุรกิจ การมองภาพจากมุมสูงจะทำให้มองเห็นประเด็นทางธุรกิจที่ช่วยกำหนดแนวทางของการนำไปปฏิบัติได้ จากตัวอย่างของผู้บริหารของ IBM ที่มีการวิเคราะห์แบบ Bird eye view มองภาพของอุตสาหกรรม IT ได้มีการเปลี่ยนยุทธศาสาตร์ IBM จากผู้ขายอุปกรณ์ Computer มาเป็น Solution Provider หรือแม้แต่ปั๊มน้ำมันในปัจจุบันลูกค้าไม่ได้เข้าไปเติมแค่น้ำมันอย่างเดียว เพราะได้เปลี่ยนให้มีการบริการหลากหลายขึ้น ธุรกิจจะมีการเติบโตแบบมีรากแก้ว จะต้องรู้จักมองภาพใหญ่ แล้วค่อยกำหนดรายละเอียดย่อยลงไป







ผมเชื่อว่าการทำธุรกิจถ้าอยากเติบโตก็ต้องลองกลับหัวคิดใหม่ในมุมที่คนอื่นๆเขาไม่คิดกันดูบ้างนะครับ ความสวยงามของภาพศิลปะที่จิตกรตั้งใจที่จะบรรจงแต่งแต้มสีสันให้สวยงามเกิดเป็นภาพที่วิจิตรที่สุด นี่เป็นภาพที่ใครก็อยากจะมองความสวยงามของมัน
แต่เราคงไม่สามารถที่เลือกมองเฉพาะภาพที่สวยงามได้เหมือนกันทุกครั้งไป หรือแม้แต่การปรุงอาหารซัก 1 อย่าง หาก Chef มีใจรักในการปรุงอาหารเขาคงจะปรุงให้อร่อยและใส่ใจกับอาหารทุกๆจานที่ปรุง ไม่ว่าลูกค้าคนนั้นจะป็นระดับไหนก็ตาม แต่ถ้าหาก Chef เลือกลูกค้าในการให้บริการ ถึงแม้จะเป็นอารหารเมนูเดียวกัน ถ้าเป็นระดับนายกรัฐมนตรี กับประชาชนคนธรรมดา ความใส่ใจจะแตกต่างกัน
อย่างนี้ถือว่าเขาไม่มีความศัทธาในอาชีพของตน สำหรับผมแล้วเราคือผู้ให้บริการผมไม่สามารถเลือกลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า
ระดับไหนหากเขาเดินเข้ามาหาเราหรือแค่คิดถึงเรา เขาจะต้องมีรอยยิ้มกลับไปแน่นอนครับ ผมบอกกับลูกน้องที่ดีของผมเสมอว่าเราต้องสร้างพื้นฐานของการเป็นทั้งคนและสินค้า เบื้องหน้าแห่ง “คุณภาพ” และเบื้องหลังของ “คุณธรรม” ท่านทราบไหมครับว่าการคัดเลือกบุคลากรซักคนหนึ่งเข้ามาร่วมอยู่ในองค์กรผมเองมุ้งเน้นคนที่มีพื้นฐานของทัศนคติที่ดีต่อองค์กร หลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะได้รับการฝึกฝนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนผมมั่นใจว่าเขาเหล่านั้นจะสามารถดูแลลูกค้าที่ดีของผมต่อไปได้ และจะทำให้ลูกค้าอยู่อย่างยั่งยืน อย่าได้
มุ่งเน้นแค่ปริมาณ เพราะปริมาณจะทำให้คนยึดติดกับตัวเลขจนลืมทั้ง สองอย่างนั้นไป แล้วลูกค้าผู้บริโภคก็จะไม่รักเราแบบยั่งยืน

ขอบคุณคับ

ติดตามต่อ ฉบับ 7 นะคับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
TP2007
Verified User
โพสต์: 78
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 66

โพสต์

ขอบคุณมากครับสำหรับบทความดีๆ ขออนุญาตคัดลอกบางบทความส่งเมล์ให้เพื่อนๆผมได้อ่านด้วยน่ะครับ ผมรอตามอ่านบทความจากคุณเคนเรื่อยถ้ายังลงบทความให้อ่านอยู่

ชื่นชมในความสามารถและเป้นผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 67

โพสต์

ด้วยความยินดีครับ

ขอให้เป็นส่วนจุดประกายเล็ก ๆ แด่สังคม ผมก็ดีใจและไม่เสียดายกับชีวิตที่เกิดมาแล้วคับ

ด้วยความตั้งมั่นในพรหมวิหารสี่ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 68

โพสต์

นี่คือ บทความฉบับที่ 7 ครับ

เชิญชิมอาหารสมองได้เลยครับ ^^

“มองลึก นึกไกล ใจกว้าง”
หนังสือ มองลึก นึกไกล ใจกว้าง เล่มนี้ ได้นำเสนอการปฏิสัมพันธ์ต่อข้อมูลข่าวสาร พร้อมกันนั้น ก็ชี้ชวนให้เห็นถึงมรรควิธีในการมองโลกและดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคมในยุคโลกาภิวัตน์
มองลึก คือการมองแบบวินิจฉัยไม่ได้มองอย่างผิวเผิน เพราะจะทำให้พลาดจากเนื้อหาสาระที่แท้จริงของสิ่งๆนั้น รูปแบบหนึ่งของการมองลึกที่เห็นได้ง่ายคือ”การมองคน” ถ้าเรามองคนไม่ลึกเราจะพลาดโอกาสได้เจอคนดีๆและนั่นก็หมายถึงการที่เราต้องสูญเสียคนดีๆด้วยเช่นกัน เช่นเจ้านายสูญเสียลูกน้องดีๆไปก็เพราะมองตื้น หากเราทุกคนมองลึกไม่ตัดสินอะไรง่ายๆไม่ว่าจะเรื่องคน เรื่องงาน เรื่องเหตุการณ์ เรื่องธรรมะ ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าเราเป็นคนมองลึก จะสัมผัสได้มากกว่าคนทั่วไป เวลามองอะไรให้หัดสังเกต มองอย่างมีสติก็จะได้ปัญญาทุกครั้ง
นึกไกล นึกไกลคือการนึกว่า ในขณะที่ฉันได้อะไร คนอื่นเสียอะไรบ้าง เป็นการปลูกฝังให้มีจิตสำนึกสาธารณะไม่เห็นแก่ตัว เพราะว่าถ้าเราเห็นแก่ตัว เท่ากับทำร้ายตัวเอง คนที่เห็นแก่คนอื่น คือ คนที่รักตัวเอง คนที่เดือดร้อนทุกวันนี้คือคนที่เห็นแก่ตัว คิดว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่เราจะได้ จึงทำเต็มที่เพื่อให้ตัวเองได้ แต่คนอื่นได้รับความเดือดร้อน ไม่นานคนอื่นก็จะเริ่มเกลียดชังเขา กลายเป็นความเห็นแก่ตัวของเขาเป็นการทำร้ายตัวเขาเอง
ใจกว้าง คือใจที่หลุดจากอคติทั้ง 4 ประการ คือ ลำเอียงเพราะรัก ลำเอียงเพราะชัง ลำเอียงเพราะหลง ลำเอียงเพราะกลัว เมื่อใดที่เรามีอคติทั้ง 4 นี้จิตใจของเราจะไม่ปกติ และจะทำให้ศักยภาพของหัวใจนั้นด้อยลง รักคนอื่นได้น้อยลง กลายเป็นคนใจแคบ ถ้าสามารถก้าวข้ามจากความลำเอียงได้ใจของเราก็จะสูงกว่าท้องฟ้า ลึกกว่าทะเล กว้างกว่าผืนปฐพี
ด้วยความที่ผมได้นำการมองลึก มองอย่างมีสติและมองด้วยปัญญามาใช้ในการมองคน ทำให้ผมมองลูกน้องของผมเป็นบุคคลที่ฝึกได้ การใส่ความรู้ด้วยวิธีการต่างๆเช่น Pantalk สำหรับพนักงานระดับoffice และเปิดใจเบิกชัยสำหรับพนักงานระดับปฏิบัติการ ให้กับพวกเขาจึงเกิดเป็นผลที่น่าพอใจ นั่นเพราะการมองลึกทำให้ผมเห็นว่าลูกน้องของผมมีความสามารถนั่นเอง การใส่ความรู้ เพิ่มศักยภาพและความสามารถให้กับพวกเขา รวมไปถึงการดูแลพวกเขาด้วยสวัสดิการต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขาและครอบครัวโดยที่ทุกคนทุกระดับได้รับในสิ่งเหล่านี้เท่าๆกันนั้นได้ผ่านการเปลี่ยนจากคำถามว่า ผมจะได้อะไร เป็น ผมจะให้อะไรพวกเขา มาเรียบร้อยแล้ว และจากคำถามนี้ทำให้สิ่งที่ผมได้รับคืนมานั่นคือความรักและความศรัทธานี่คือการนึกไกล ส่วนความใจกว้าง ดูได้จากคติพจน์ประจำตัวของผม “ไม่มีทางบินสง่างามอย่างอินทรีด้วยปีกนกกระจอก” เมื่อใดที่ใจเราหลุดพ้นจากอคติทั้ง 4 ได้เราจะเปรียบเสมือนนกอินทรีที่บินไปได้ทั่วทั้งโลก แต่ถ้าเรายังไม่สามารถพ้นจากอคติทั้ง 4 ได้เราก็จะเหมือนนกกระจอกที่บินได้นิดหน่อยก็ต้องหยุดพัก ไปไม่ได้ไกล ทั้งหมดนี้เพราะหลักการมองลึก นึกไกล ใจกว้างทำให้ทำให้รอบตัวผมล้อมรอบด้วยลูกน้องที่ดี ไม่เช่นนั้นแล้วรอบตัวผมคงมีแต่ลูกน้องที่ขี้ประจบช่างประแจง เอาตัวรอดและไร้ความจริงใจเป็นแน่.


หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

^^^^
ภาพประจำตัวสมาชิก
PRO_BABY
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1584
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 69

โพสต์

งานเยอะ ยังมีเวลาเอาความรู้มาฝากน้องๆ ขอบคุณมากๆครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
gozzip
Verified User
โพสต์: 191
ผู้ติดตาม: 1

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 70

โพสต์

^^ ชอบครับ
itnas
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 232
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 71

โพสต์

ได้บทความของพี่เคน มาเติมอาหารสมองของผม
รู้สึกว่าชีวิตนี้ยังมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะเลยครับ
ขอบคุณมากครับพี่เคน
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 72

โพสต์

สวัสดีครับ

ผมขออาสา มาเพิ่มมองมุมเป็นอาหารสมองแด่เพื่อน ๆ คับ ด้วย

คมความคิดฉบับ แปด คับ


แม่ทัพ : ภาวะผู้นำเชิงเปรียบเทียบ
หนังสือที่แสดงให้เห็นมุมมองเกี่ยวกับผู้นำที่หลากหลายทั้งในโลกตะวันออกและตะวันตกทั้งในยุคอดีตและยุคปัจจุบัน อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วทำให้เห็นถึงลักษณะของคนที่เป็นผู้นำและคุณธรรมหลักการของความเป็นผู้นำ ดังตัวอย่างผู้นำในซีกโลกตะวันตกที่ผมอ่านหลักการของท่านแล้วเห็นถึงความชัดเจนในคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นผู้นำคนอื่น ท่านนี้คือ นายพลดักลาส แมคอาเธอร์ แห่งกองทัพสหรัฐอเมริกา ผู้พิชิตกองทัพญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สองและกองทัพเกาหลีเหนือในสงครามเกาหลี ท่านได้กำหนดหลักการของการเป็นผู้นำไว้ 17 ประการที่น่าสนใจดังนี้
๑. ใช้การจูงใจด้วยการสร้างเสริมและสนับสนุนผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ใช่ด้วยการข่มขู่
๒. ใช้หลักศีลธรรมเป็นเครื่องมือในการนำและชักชวนให้ผู้อื่นประพฤติตาม
๓. ผู้นำต้องหาวิ๔ทางทั้งการให้กำลังใจ การหาเหตุผลและการกระตุ้นเตือนผู้ที่หลงผิดให้กลับมาทำในสิ่งที่ถูกต้อง
๔. ความใกล้ชิดกับผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างศรัทธา
๕. ผู้นำต้องสามารถกำหนดวัตถุประสงค์และรูปแบบการบริหารให้บรรลุเป้าหมายได้
๖. ต้องไม่เป็นคนเจ้าอารมณ์
๗. เป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความจริงใจไม่เสแสร้ง
๘. แสดงความรับผิดชอบให้เห็นอย่างเด่นชัด
๙. รู้จักการมอบอำนาจ เพื่อสร้างศรัทธาให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีความเชื่อมั่นในตัวผู้นำและตัวเขาเอง
๑๐. หมั่นฝึกฝนผู้ใต้บังคับบัญชาให้มีลักษณะผู้นำด้วยการมอบงานที่เหมาะสมให้ปฏิบัติ
๑๑. เอื้ออาทรและดูแลความเป็นอยู่ผู้ใต้บังคับบัญชาเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว
๑๒. แสดงความเชื่อมั่นให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเกิดศรัทธาด้วยการมีสติมั่นคง แสดงออกได้ด้วยสุ้มสียงและกิริยาท่าทาง
๑๓. สร้างบรรทัดฐานให้ผู้ใต้บังคับบัญชายึดถือปฏิบัติตามได้ เช่น บุคลิกที่ดี การแต่งกาย มารยาทหรือความมีเมตตากรุณา
๑๔. ไม่เอาใจเจ้านายแต่ลืมลูกน้อง
๑๕. ต้องเปิดใจต้อนรับผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอ
๑๖. ผู้นำต้องชั่งน้ำหนักระหว่างหน้าที่กับตำแหน่ง เพราะหน้าที่คือเรื่องที่ต้องปฏิบัติแต่ตำแหน่งเป็นเพียงหัวโขน
๑๗. ไม่ควรตำหนิผู้ใต้บังคับบัญชาต่อหน้าผู้อื่น
ในซีกโลกตะวันออกมีหลักสำคัญสำหรับผู้ที่เป็นผู้นำทางการทหารและยังสามารถสร้างความฮึกเหิมห้าวหาญให้กับทั้งแม่ทัพและเหล่าทหารได้อีกด้วยนั่นคือ “ตำราพิชัยสงคราม” ตำรานี้จะสอนธรรมเนียมเกี่ยวกับการสงครามและหลักการประพฤติปฏิบัติสำหรับเหล่านักรบคุณสมบัติของผู้นำทัพในตำราพิชัยสงครามมี ๕ ประการคือ
๑. ผู้นำทัพจะต้องมีสติปัญญาเชี่ยวชาญเชิงรบ
๒. ผู้นำทัพต้องมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีถ้อยคำวาจาเป็นมิตรกับผู้ใต้บังคับบัญชา
๓. ผู้นำทัพจะต้องมีความรอบคอบและรักษาคำพูด
๔. ผู้นำทัพต้องไม่ลุ่มหลงในอำนาจหรือความเก่งกาจของตนมากเกินไป
๕. ผู้นำทัพจะต้องเป็นผู้กตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ
ด้วยเพราะการที่มีตำราพิชัยสงคราม ที่เกิดจากภูมิปัญญาของคนไทยที่สร้างสรรค์ศาสตร์และศิลป์แห่งการสงครามเอาไว้บวกกับพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ไทยทำให้ประเทศไทยมีความเป็นเอกภาพและดำรงรักษาเอกราชไว้ได้อย่างสมบูรณ์จนถึงยุคปัจจุบัน
สิ่งที่พบได้ในหลายๆหลักการของความเป็นผู้นำนั่นคือการสร้าง “ศรัทธา” ให้เกิดขึ้นในกองทัพหรือในองค์กร ซึ่งผมก็ได้รับสิ่งที่เรียกว่า “ศรัทธา” นี้จากลูกน้องของผมที่เกิดจากการเริ่มสร้างให้พวกเขามีพลังกายที่สมบูรณ์ ด้วยการมีกิจกรรมออกกำลังกายในช่วงเช้าและการมีโครงการ My Pan ที่มีการสนับสนุนทุนส่วนหนึ่งให้มนุษย์ พีเอสามารถนำไปใช้ในสิ่งที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับตัวเขาเองเช่น การไปสมัครเข้าคอร์สโยคะหรือฟิตเนส พลังใจที่พร้อมทุ่มเทให้กับองค์กรสร้างได้ด้วยสวัสดิการต่างๆที่คิดขึ้นมาให้กับพวกเขาก่อนที่จะถูกร้องขอจากพวกเขา สวัสดิการที่เอื้อเฟื้อไปถึงครอบครัวที่รักของพวกเขา พลังความคิดที่เกิดจากการฝึกอบรมด้านต่างๆด้วยตัวผมเองเช่น การบริหารและการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในชั้นเรียน Pantalk การตลาดในชั้นเรียน Marketing Version To Be Number One และการปลูกฝังให้พวกเขาเป็นผู้ที่ใฝ่รู้และเรียนรู้ตลอดเวลาด้วยการมีห้องแสงเทียน ห้องหนังสือที่มีหนังสือหลายประเภท และพลังสุดท้าย พลังความรักที่เป็นพลังสำคัญเพราะความรักคือแรงบันดาลใจที่จะทำให้เราทำทุกสิ่งได้สำเร็จ พลังนี้สร้างได้จากการที่ผมได้ให้ความรักความจริงใจกับพวกเขาก่อนนั่นเอง ซึ่งเมื่อสร้างพลังกาย พลังใจ พลังความคิด และพลังความรักให้เกิดขึ้นได้แล้ว พลังศรัทธาก็จะก่อเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอนครับ.


ด้วยความตั้งมั่นในพรหมวิหารสี่ครับ

^^
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 73

โพสต์

สวัสดีตอนเช้าคับ การตื่นเช้าย่อมได้เปรียบนะครับ สามารถทำอะไรได้มากมายในเวลาที่สั้นลง เพราะสมาธิจะเกิดสูงมากคับ ตอนเช้า ๆ จึงเป็นช่วงคมความคิดของผมคับ

นี่คือ คมความคิด ฉบับ เก้า นะครับ


สำเร็จได้ไม่ใช่เพราะโชคช่วย
“ความสำเร็จเริ่มต้นที่ความคิด”
ความสำเร็จเป็นสิ่งที่ไม่ได้ได้มาโดยบังเอิญ หรือไม่ใช่จะยกความดีให้กับเรื่องของ “โชค” ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเรื่องของเหตุและผล ซึ่งเป็นกฎพื้นฐานของโลก คนที่ประสบความสำเร็จมากมาย เริ่มต้นจากสภาวะที่ไม่ได้อำนวยนัก บ้างไม่ร่ำรวยมาตั้งแต่เกิด ไม่ได้มีพร้อมทุกอย่างแต่ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ เพราะมีทัศนคติและความคิดที่ดี และ เตรียมพร้อม (การเตรียมพร้อม = เป้าหมาย + การวางแผน + การฝึกซ้อม + ความมุ่งมั่น + ความอดทน + ความภาคภูมิใจ) ที่จะคว้าโอกาสที่มีมากมายคล้ายดั่งฝุ่นละอองที่ล้อมรอบตัว เพราะ ความสำเร็จนั้นเริ่มต้นที่ความคิด สิ่งพิเศษสุดที่ธรรมชาติมอบให้มนุษย์
กฎของความสำเร็จ คือ กฎตามธรรมชาติ
ความสำเร็จอยู่ภายใต้กฎของธรรมชาติ มันไม่ใช่เรื่องของโชคแต่เป็นเรื่องของเหตุและผล เราต้องเข้าใจกฎของเหตุและผลของการกระทำและผลลัพท์ สำหรับผลที่เกิดขึ้นทุกอย่างย่อมมีสาเหตุเหมือนกับการหว่านเมล็ดพืชชนิดใด ก็ย่อมได้ผลของพืชชนิดนั้น ธรรมชาติสอนให้รู้ว่า เมล็ดพันธุ์ที่มีมากมายเมื่อเปรียบเทียบกับผลของมัน เป็นเพราะเมล็ดพันธุ์ส่วนใหญ่จะไม่เจริญเติบโต มีเพียงบางเมล็ดเท่านั้นที่จะสามารถทนกับสภาพภูมิอากาศหรือสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายและเติบโตอย่างเข้มแข็งและสง่างาม คอยให้ประโยชน์แก่ผู้อื่นต่อไป เฉกเช่นเดียวกับความสำเร็จไม่ใช่ทุกคนที่จะพบเจอแต่ต้องเป็น คนพร้อมที่จะสำเร็จ ไม่ใช่เพียงคนหวังว่าจะสำเร็จเท่านั้น
ตึกสูงทุกแห่งต้องมีรากฐานที่แข็งแรง
โลกเราเต็มไปด้วยตึกระฟ้า...บางตึกอาจสูงเป็นร้อยเมตร แต่ไม่ว่าจะสูงเท่าใด รากฐานของตึกนั้นสำคัญที่สุดเพราะต้องรับน้ำหนักถึง 60-70% ของตึกทั้งหลัง เฉกเช่นเดียวกับทัศนคติและวิธีคิดก็เป็นรากฐานที่ดีของความสำเร็จ แต่รากฐานที่ดีจะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่ดูแลเอาใจใส่ หมั่นป้อนของข้อมูลดีๆให้เป็นอาหารสมองทั้งการฟัง การดู การอ่าน รวมถึงการนำประสบการณ์และความผิดพลาดของผู้อื่นมาเป็นบทเรียนลัดในการวิเคราะห์และลงมือปฏิบัติเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ แต่จงจำไว้ว่า “ความสำเร็จไม่อาจได้มาด้วยการอ่านหลักการของความสำเร็จ แต่ต้องนำไปใช้งานได้จริง”
นอกจากแนวความคิดดีๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ไขว่คว้าสำเร็จแล้ว ยังมีตัวอย่างความสำเร็จของบุคคลที่ไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วย รวมทั้งการเปรียบเปรยความสำเร็จอย่างเฉียบขาด เพื่อเป่าลมหัวใจไให้พองโตพร้อมยื่นมือไปคว้าความสำเร็จที่ห่างเพียงเอื้อมได้ไม่ยากเย็นนัก

ความสำเร็จ...ที่เหนือความสำเร็จ
แพนเอเชียอุตสาหกรรม บริษัทเล็กๆ ที่ผลิตแผ่นอะคริลิกสัญชาติไทยรายเดียวในปัจจุบัน ได้รับรางวัลต่างมากมายไม่ว่าจะเป็นรางวัลด้านพลังงาน รางวัลธรรมาภิบาลดีเด่นด้านการปฏิบัติต่อพนักงาน รางวัลSMEs และรางวัลอื่นๆ ทั้งหมดเป็น “ผลลัพธ์” ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจาก “เหตุ” ที่ชัดเจนไม่ใช่เพียงโชคช่วยเท่านั้น ผมเข้ามารับช่วงกิจการในช่วงฟองสบู่แตก ผู้ร่วมลงทุนถอนตัวออกไป ผมจึงตัดสินใจซื้อกิจการทั้งหมดมาเป็นของเรา ในช่วงเวลานั้นเรามีหนี้สินจำนวนมาก การเป็นผู้นำจำเป็นต้องกำหนดเป้าหมายเพื่อพยุงให้ธุรกิจอยู่รอดให้ได้ ตอนนั้นจึงมีการปรับองค์กรครั้งใหญ่ ผมมองความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นโอกาสมิใช่ปัญหา จนกระทั่ง 7 ปีผ่านไปถึงอยู่ตัว ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรารอดพ้นวิกฤตครั้งนั้นมาได้คือ ความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้และความอดทนของผู้นำ แล้วก็มีลูกน้องเป็นกองทัพที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ด้วยการสร้างรากฐานที่สำคัญทางความคิดและทัศนคติให้พวกเขาทั้งกิจกรรม Morning Talk ,ห้องเรียนธุรกิจ Pantalk ห้องเรียนการตลาดและกิจกรรมสร้างความรู้และวิธีการคิด จนกลายเป็น ”มนุษย์ PA (Pro-Active Generation)” ที่มีประสิทธิภาพ จึงทำให้ประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้
พอเราผ่านจุดหนึ่งมาพอสมควร เมื่อเรามีบางอย่างเพียงพอแล้ว ชีวิตของผมเปลี่ยนไป เป้าหมายความสำเร็จของผมก็เปลี่ยนตามไปด้วย เป้าหมายต่อไปของผมก็คือคำว่า “เหนือความสำเร็จ” คำนี้เป็นแก่นสำคัญ ผู้นำเก่งจะต้องทำให้คนอื่นสำเร็จ นั่นคือความท้าทายที่อยู่เหนือความสำเร็จ ความท้าทายของผมคือ จะทำอย่างไรให้มนุษย์ PA เป็นอย่างผมให้ได้ เป็นผู้นำกระตุ้นให้ผู้ตามเกิดพลังในการทำงาน สร้างความ ตื่นตัว และสร้างแรงบันดาลให้แก่ลูกน้องอยู่เสมอ
สิ่งหนึ่งที่เด่นชัดคือให้ความสำคัญกับลูกน้องเสมือนคนในครอบครัวดูแลพวกเขาอย่างดีและผมบอกพวกเขาเสมอว่า “เฮียดูแลพวกเรา พวกเราดูแลลูกค้า เพราะเฮีย ไม่สามารถดูแลลูกค้าทุกคนได้ เราต้องช่วยกัน”
นิยามที่สมบูรณ์แบบที่ผมให้กับคำว่า "เหนือความสำเร็จ" ณ เวลานี้คือ "ลูกค้ามีรอยยิ้ม ลูกน้องมีเสียงหัวเราะ และผู้บริหารมีความภาคภูมิใจ” เพราะมันเป็นผลลัพธ์สุดยอดความสำเร็จของทั้งลูกค้า ลูกน้องและตัวผมเองยังงัยล่ะครับ

ขอตั้งมั้นในพรหมวิหารสี่ ด้วยพื้นฐานของพุทธะ คับ

^^
ภาพประจำตัวสมาชิก
Croyoty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3658
ผู้ติดตาม: 1

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 74

โพสต์

ขอบพระคุณครับ พี่เคน ที่ทำให้ผม มีรอยหยักบนสมองที่มากและลึกขึ้นกว่าเดิม
ภาพประจำตัวสมาชิก
thaloengsak
Verified User
โพสต์: 2716
ผู้ติดตาม: 1

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 75

โพสต์

เพิ่งได้รู้จักพี่ก็วันนี้
พี่เก่งมากครับ
ผมขอเรียนรู้จากความผิดพลาดของพี่บ้างได้ไหมครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 76

โพสต์

ยินดีมากครับ

แล้วตราบใดที่ผมยังมีลมหายใจ และพร้อมจะทำสิ่งใหม่ ๆ อีกเสมอ ๆ ผมก็จะมีความผิดพลาดระหว่างทางไปสู่เป้าหมายอีกมามายครับ

ไม่ต้องเป็นห่วงว่าความผิดพลาดผมจะหมดไปไม่ได้มา share นะครับ

ยิ่งผมทำมาก ก็ยิ่งผิดพลาดมาก
ยิ่งผมไม่ทำอะไรเลยเพราะกลัวจะผิดพลาด ก็ยิ่งผิดพลาดที่ไม่ได้ทำ
จงอย่าคิดว่าตนเองจะไม่ผิดพลาด เพราะนั่นคือเรื่องโกหก
ถ้าผิดพลาดแล้วอย่าหนีปัญหาต่างหาก
ขอเพียงอยู่และเรียนรู้กับความผิดพลาดของตนเอง นานกว่าเดิมอีกสักนิด
แล้วเราจะสำเร็จมากขึ้นครับ

ความผิดพลาดจะหมดไป เมื่อเราหมดลมหายใจคับ

ขอบคุณคับ ^^
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 77

โพสต์

สวัสดีครับ

นี่เป็นคมความคิด ฉบับที่สิบ แล้วนะครับ

หวังว่ายังได้ประโยชน์ จุดประกายความคิด หรือ เป็นวัตถุดิบทางปัญญา อย่างต่อเนื่องนะครับ


คมความคิด ฉบับ สิบ ห้องนั่งเล่นของความคิด
ความคิดของเราก็เหมือนบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งข้างในก็มีหลายห้องที่แตกต่างกันเป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องครัว ห้องรับแขก แต่และมุมแต่ละห้องก็มีเรื่องราวให้คิดที่แตกต่างกัน และมีอยู่ห้องหนึ่งที่เรียกว่าห้องนั่งเล่นแห่งความคิดเป็นที่สบายๆ มีความเป็นส่วนตัว เหมาะกับการมานั่งคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิตเพื่อให้สามารถเป็นแนวคิดในการใช้ชีวิตต่อไป
กรองชีวิตด้วยก้อนหิน แม่น้ำลำธารยังรู้จักการสะสมตะกอน ก้อนดิน และเศษหิน แม้สิ่งเหล่าจะไม่สามารถกรองน้ำให้ใสสะอาดได้ แต่มันมีไว้เพื่อชะลอความแรงของสายน้ำเมื่อยามน้ำหลาก สามารถต้านทานน้ำป่าให้ไหลช้าลง ป้องกันไม่ให้น้ำล้นทะลักแล้วสร้างความเสียหาย และให้คนที่อยู่ปลายน้ำสามารถรับมือและตั้งตัวได้ทันท่วงที เช่นเดียวกับคนเราที่จะต้องมีก้อนดินและก้อนหินไว้ในจิตใจเอาไว้เพื่อต้านทานและชะลออารมณ์ที่รุนแรง ในยามที่ต้องเจอกับสิ่งยั่วยุทางอารมณ์ ที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่รู้เพียงว่าหากเรามีก้อนหินในใจเก็บไว้ จะทำให้เราได้มีเวลาหยุดคิดทบทวนก่อนที่จะสร้างความเสียหายได้
เกร็ดทรายกลายเป็นแก้ว ของทุกอย่างในโลกมีค่าในตัวเสมอขึ้นอยู่กับว่าใครจะใช้... และใช้มันอย่างไร ตึกที่สูงตระหง่านคงไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้หากไม่มีอิฐก้อนแรกที่เกิดจากเม็ดทรายที่เราเหยียบย่ำอย่างไร้ค่า เราคงไม่สนใจว่าใครจะเหยียบย่ำอย่างไร แต่จงสนใจว่าใครที่เป็นคนหยิบขึ้นมาเพื่อสร้างคุณค่าให้กับมันต่างหาก ทรายบนพื้นอาจไม่มีค่า แต่พอมีคนคิดที่จะนำมาคิดและทำ ก็สามารถสร้างประโยชน์ได้อย่างยิ่งใหญ่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะหยอบไปทำอะไรมากกว่า คนเก่งไม่ใช่คนที่มองสิ่งสวยงามแล้วบอกว่ามันมีค่าแค่ไหน แต่คนเก่งคือคนที่สามารถมองสิ่งที่ธรรมดาแล้วบอกได้ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดมีคุณค่าขึ้นมาได้ต่างหาก
ต้นไม้กับก้านไม่ขีด หลายครั้งเราพบว่าขณะที่เรากำลังสร้างอะไรหลายอย่างแต่กลับพบว่าเรากำลังทำลายอะไรอีกหลายอย่างเช่นเดียวกัน การทำอะไรก็ตามย่อมอาจจะมีทั้งประโยชน์และโทษในคราวเดียวกันขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้ใช้ และใช้อย่างไร ไม่มีอะไรที่ได้มาเปล่าๆ โดยไม่ต้องเอาอะไรไปแลก บางครั้งก็คุ้มค่ากับการที่ต้องสูญเสียอะไรไป เพื่อที่จะได้อะไรอีกอย่างกลับมา แต่ก็มีอีกหลายครั้งที่ลืมนึกไปว่า ของที่ได้มากลับไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไป ถ้าคืนหนึ่งกลับมาบ้านแล้วพบว่าคนที่เรารัก... ไม่ได้อยู่เพื่อให้เรารักอีกต่อไป ถ้าเรารู้เรายังจะออกจากบ้านอยู่มั้ย ไม่มีใครคิดแทนใครได้ว่าควรดีใจกับสิ่งที่ได้มา หรือจะเสียใจมั้ยกับสิ่งที่เสียไป เฉกเช่นเดียวกับต้นไม้หนึ่งต้นที่สามารถสร้างไม้ขีดได้เป็นนับล้านก้าน แต่ไม้ขีดก้านเดียวก็สามารถทำลายต้นไม้เป็นล้านต้นได้เช่นกัน สิ่งที่ได้มากับสิ่งที่เสียไปไม่อาจเทียบกันได้ แล้วเราหล่ะจะยอมเป็นต้นไม้หนึ่งต้นที่ยอมสละต้นเองเพื่อสร้างประโยชน์อย่างมหาศาล หรือจะเป็นเจ้าไม่ขีดไฟที่ยอมทำลายตัวเองไปพร้อมกับการทำลายล้างอย่างโหดเหี้ยมของสิ่งที่อยู่รอบข้าง
นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะจากการที่เราได้ไปใช้เวลาเพียงเล็กน้อย เข้าไปอยู่ในห้องนั่งเล่นของความคิด ที่เกิดขึ้นเพียงแค่เรามีเวลาให้กับตัวเองได้กลับมานั่งคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาเพื่อให้ประสบการณ์ดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตที่สามารถเก็บเกี่ยวมาเป็นบทเรียน นำมาเป็นสิ่งเตือนสติในการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี


สำหรับที่บ้านหลังนี้แล้วการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันให้เกิดความสุขนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีในบ้านหลังนี้ ปัจจัยที่ทำให้คนเรามีความสุขในการอยู่รวมนั้นคนทุกคนต้องมีเหตุผลมีผล มีความอดทนอดกลั้น มีความยืดหยุ่นซึ่งกันและกันเพราะทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อให้ถึงจุดหมายร่วมกัน หากคนในบ้านหลังนี้มีแต่ทะเลาะเบาะแว้งกันแล้วไม่เพียงแต่จะทำให้งาน ณ จุดนั้นเสีย ยังเกี่ยวโยงไปถึงอีกหลายส่วนงานอีกด้วยและสุดท้ายสิ่งที่อาจจะได้รับผลกระทบมากก็อาจจะเป็นลูกค้าได้ นี่เป็นจุดเล็กๆ ที่อาจขยายให้เกิดความเสียหายที่ยิ่งใหญ่ไม่ต่างอะไรกับไม้ขีดก้านเดียวที่สามารถทำลายได้ทั้งป่า เพียงเพราะบางครั้งไม่อาจยับยั้งชั่งใจเหมือนการมีก้อนหินที่อยู่ในใจ ดังนั้นผมจะไม่ให้สิ่งเหลานี้เกิดขึ้นที่นี่อย่างเด็ดขาด ผมได้นำหลักธรรมต่างๆ มาปกครองลูกน้อง เพื่อให้พวกเค้ามีคุณธรรมในการอยู่ร่วมกันไม่เพียงแต่จะให้บ้านหลังนี้น่าอยู่แต่พวกเค้ายังสามารถส่งผ่านความสุขที่มีอยู่ผ่านไปยังแผ่นอะคริลิกให้ถึงมือลูกค้าได้อีกด้วย


ด้วยความตั้งมั่นในพรหมวิหารสี่ คับ

^^
ภาพประจำตัวสมาชิก
begin again
Verified User
โพสต์: 337
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 78

โพสต์

gooddddddddddd เลยพี่เคน
ตอมตามอ่านแนวคิดพี่บ่อยๆ
ชอบมั่กๆเลยค่ะ ได้ความรู้เยอะขึ้น

หวังว่าวันนึงตอมจามีธุรกิจเป็นของตัวเองบ้าง

ขอบคุนที่มาแบ่งปันเรื่องดีๆจ้าาา
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 79

โพสต์

ขอบคุณครับ ด้วยความยินดีครับ

ต่อไปเป็น จดหมายคู่ค้าคู่คิด ฉบับ 11 แล้วนะครับ

เชิญรับประทานได้ครับ ^^


คมความคิด “การบริหารงานสไตล์พระเยซู”
ศาสนากับการบริหาร (อาร์ท)
หลักคำสอนทางศาสนาที่มีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม หรือศาสนาอื่นๆ รวมไปถึงหลักความเชื่อของแต่ละชนเผ่า เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นอ่างมาก ที่หลักคำสอนเหล่านี้ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่มันก็ยังคงอยู่ในสังคมด้วยศรัทธาที่แรงกล้า และเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของมนุษยชาติ ดังนั้นการนำเอาหลักศาสนามาปรับใช้เพื่อการพัฒนาธุรกิจสมัยใหม่น่าจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะเอามาปรับใช้กับองค์กรได้ ปกติแล้วผมจะเน้นใช้หลักการทางพระพุทธศาสนาในการบริหารงานทั้งในเรื่องของลูกน้อง คู่ค้าคู่คิด และการบริหารธุรกิจอยู่แล้ว แต่การบริหารงานสไตล์พระเยซูซึ่งนำหลักการและวิธีการดำเนินการก่อตั้งคริสตจักรของ “พระเยซู” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพระปรีชาของพระองค์ที่มีความคิดลึกล้ำ มีศิลปะในการสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างยอดเยี่ยม และการแก้ปัญหาต่างๆอย่างชาญฉลาด ยกตัวอย่างหลายๆ หัวข้อ
การเตรียมพร้อม พระองค์เตรียมพร้อมในแผนการซึ่งเป็นหลักการพื้นฐาน พระองค์เตรียมตัวกว่า 30 ปีก่อนคริสตกาล เพื่อก่อตั้งเยรูซาเล็มที่ซึ่งเป็นต้นกำเนิดแห่งคริสตจักร
การเลือกผู้ร่วมงาน พระองค์ทรงเลือกผู้ร่วมงานของพระองค์เอง แม้เซนต์เปาโลจะเป็นศัตรูในตอนแรก แต่พระองค์เล็งเห็นและเชื่อมั่น สุดท้ายเซนต์เปาโลกลายเป็นอัครสาวกของพระองค์
สอน/สอน/สอน จงเป็นเหมือนพระเยซู จงเป็นครู และจงประสบความสำเร็จ พระองค์ทรงปฏิบัติตนเป็นครูที่ดีคลอดเวลา มานะอุตสาหะและเป็นครูผู้สร้างแรงบันดาลใจ เรียกได้ว่าเป็นพระบรมครูเลยก็ว่าได้
ฝึกฝนและสนทนาส่วนตัว การได้สนทนาตัวต่อตัวจะทำให้ข้อมูลข่าวสารนั้นกระจางแจ้งมากยิ่งขึ้น สามารถแลกเปลี่ยนแนวคิดวิธีการได้อย่างมีรายละเอียดที่ชัดเจน
จงให้คนที่ทำงานกับคุณรู้ว่า อะไรที่รอคอยเขาอยู่ข้างหน้า พระองค์ได้บอกกับเหล่าสาวกของท่านเสมอว่าอะไรเล่าคอยพวกเขาอยู่ข้างหน้า พระองค์ไม่สัญญาว่าเส้นทางนั้นเป็นเส้นทางที่สะดวกสบาย
ฝึกฝนการประชาสัมพันธ์ที่ดี ยอห์น เป็นนักประชาสัมพันธ์ที่ดี เขาถูกที่ถูกเวลา เขากล่าวว่า “พระเยซูต้องยิ่งใหญ่ แต่ข้าพเจ้าต้องด้อยลง” เพราะเขาไม่คิดว่าเขาสำคัญแต่พระเยซูนั้นสำคัญที่สุด
จงเป็นผู้รับใช้ พระองค์ทรงบอกเสมอว่า การปฏิบัติรับใช้จะเป็นวิธีการนำไปสู่ความสำเร็จโดยให้ความสำคัญกับผู้อื่นก่อน
รับใช้ครอบครัว พระองค์ทำการอัศจรรย์ครั้งแรกตามคำร้องขอของพระมารดา โดยการรักษาแม่ยายของเปโตรที่ป่วยหนัก บอกให้เราเห็นว่าพระเยซูทรงทำกระทำสิ่งต่างเพื่อครอบครัวของพระองค์และเหล่าสาวก
สำหรับบริษัทอย่างเราแล้วการวางแผนเตรียมพร้อมเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้เราได้มีการวางแผนเตรียมตัวเพื่อแก้วิกฤตนี้เป็นอย่างดี ผมมีการปรับองค์กรในลักษณะงานของแต่ละบุคคล หมั่นฝึกฝนระดมปัญญา โดยการพัฒนาความรู้ผ่านห้องเรียน Pantalk การตลาดและการเจรจาต่อรอง และห้องเรียนความรู้เฉพาะด้านเพื่อให้เขาพร้อมที่จะพัฒนาองค์กรไปสู่องค์แห่งอนาคต นอกจากห้องเรียนต่างๆ แล้ว ผมยังมีการกำหนดกลยุทธ์ 5 วัน 5 ยุทธศาสตร์ เพื่อปรับกลยุทธ์โดยตรงให้กับ ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายขาย ฝ่ายวิจัย ฝ่ายผลิต และระดมสมองเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ นอกจากการพัฒนาส่วนต่างๆ ภายในองค์กรแล้วการบอกเล่าเรื่องราวก็เป็นสิ่งสำคัญ บริษัทของเราก็ต้องเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการบริการอย่างดีที่สุด โดยผ่านการบรรยายต่างๆ ที่ผมเริ่มต้นโครงการทดแทนพระคุณแผ่นดิน และยังมี panteam ที่เป็นทีมประชาสัมพันธ์ทำกิจกรรมทั้งภายในและภายนอกองค์กรเพื่อสร้างแบรนด์ที่ดีให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง กิจกรรมที่มุ่งเน้นเรื่องผลกำไรแล้วผมยังเน้นเรื่องการทำประโยชน์เพื่อสังคม เพราะผมคิดว่าการมีความสุขเพียงคนเดียวโดยไม่แบ่งปันคงจะเป็นความสุขที่ไม่แท้จริงและไม่ยั่งยืน สุดท้ายที่ผมจะลืมไม่ได้เลยคือพนักงานของผมที่ผมจะต้องทำให้พวกเขาเป็นคนดี เก่ง กล้า และมีความสุข ด้วยรางวัลธรรมภิบาลดีเด่นด้านการปฏิบัติต่อพนักงานถึง 2 รางวัล ที่เป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดี
ผมคิดว่าการนำหลักการของศาสนาหรือหลักความเชื่อใดมาประยุกต์ และปฏิบัติใช้คงเป็นประโยชน์ทั้งนั้น แต่สิ่งที่การที่เราได้บริหารธุรกิจด้วยคุณธรรมและจริยธรรมต่างหาก ที่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด


ด้วยความตั้งมั่นในพรหมวิหาร 4 ครับ

^^
Jimmy
Verified User
โพสต์: 772
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 80

โพสต์

เพี่งเข้ามาอ่าน ร่วมติดตามพี่เคนด้วยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 81

โพสต์

สวัสดีครับ

นี่คือ คมความคิด ฉบับที่ 12 ครับ เชิญชิมครับ

เรื่อง เราเกิดมาเพื่อให้คนอื่นรัก
สวัสดีค่ะดิฉันคือ แม่ติ๋ว ของบ้านโฮมฮัก ความหวังของดิฉันเหลืออยู่ คือการได้ให้ความรักกับคนอื่น โดยเฉพาะเด็กๆที่ไม่รู้ถึงความผิดของตัวเอง ทำไมเพื่อนๆจึงไม่อยากเล่นกับเขาหรืออยู่ๆพ่อแม่ก็หายไป ฉันรู้ว่าทุกคนต้องการความรัก และฉันมีความสุขเมื่อได้ให้ความรักและฉันก็มักจะได้ความรักตอบแทนกลับมาเสมอ และแต่ละวันก็เป็นสุขได้ สุขด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน อยู่กันไปแบบนี้ ครูติ๋วเดิมทำงานเป็นอาสาสมัคร และเกิดอยากเปลี่ยนงานใหม่ที่ไม่ต้องการเงินเดือนสูงๆ ซึ่งคุณหมออัญลี อินทนนท์ แพทย์ดีเด่นประจำปี ของจังหวัดยโสธรจึงได้เชิญไปร่วมงานด้วย เริ่มต้นด้วยการบำบัดผู้ป่วยที่โรงพยาบาลกุดชุม และโครงการช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ HIV
วิกฤติชีวิตขณะที่ทำงานที่บ้านก็ได้เจอเหตุการณ์ต่างๆที่ทำให้ต้องจดจำไปตลอดชีวิตของครู
1. ช่วงปี 2540 ได้พาน้องที่เข้าโครงการบำบัดยาเสพติดสำเร็จได้ไปเรียนต่อที่เวียดนามไปลงทะเบียนและฝากบ้านไว้กับน้องที่มาช่วยงานจากธรรมศาสตร์ คือน้องจ๋าย แต่น้องก็ประสบอุบัติเหตุจมน้ำตาย
2. กระทรวงสาธารณสุขได้เข้ามาตรวจสารเสพติด พบว่าปัสสาวะของเด็กๆมีสารเสพติดเจือปนอยู่ทุกคน ครูต้องไปศาลเพื่อให้ปากคำอยู่ตลอดทำให้เกิดอาการเครียดอย่างหนักและภายหลังก็พ้นจากความผิดเนื่องจากได้รับการให้ความช่วยเหลือจากทางการ
3. คุณพ่อซึ่งได้แยกทางกับแม่ ได้ป่วยเข้าโรงพยาบาลปราจีน ตอนนั้นครูทำงานที่ยโสธร เสาร์- อาทิตย์ ไปเรียนโทที่ราชภัฏอุบลฯ
เย็นวันอาทิตย์ต้องไปดูแลพ่อที่ปราจีน เป็นช่วงเวลาที่ได้ใกล้ชิดพ่อจนลมหายใจสุดท้าย ฉันได้รู้แล้วว่าช่วงเวลาแห่งการจากลาตลอดกาลได้มาถึงแล้ว
4. วันที่ 8 ส.ค 2542 ฉันและน้องๆอีก 5 คนได้ไปเรียนที่ราชภัฏอุบลฯ วันนั้นน้องๆเดินทางกลับก่อนฉันเหนื่อยจึงไม่อยากเดินทาง พอไม่นานก็มีโทรศัพท์มาแจ้งว่ารถที่น้องขับกลับประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตทั้ง 5 คน เหตุการณ์ทั้งหมดมันช่างเลวร้ายสำหรับฉันเหลือเกิน
เมื่อมะเร็งคือเพื่อน เมื่อ 9 ปีก่อนฉันเป็นลมบ่อยมาก หมอตรวจพบว่าฉันเป็นมะเร็งลำไส้ โลกมืดมนไปในพริบตา คิดว่าหมอตรวจผิด ถามตัวเองตลอดว่านี่คือเรื่องจริงใช่ไหม หลังจากนั้นได้ไปทำ ธรรมชาติบำบัด ฉันไม่ค่อยพึ่งหมอ เพราะแต่ละครั้งที่พบหมอฉันจะมีแต่ความเครียดฉันจึงเลือกใช้ชีวิตอยู่กับเสียงหัวเราะ ร้องไห้ กับบรรยากาศของครอบครัว ไม่กังวลกับความตาย เพราะซักวันเราต้องเจอ สำคัญ ก่อนที่ความตายจะมาเยือนเราได้ดูแลซึ่งกันและกันหรือยัง เราได้รักกันและกันหรือยัง ความสำคัญอยู่ตรงนี้ต่างหาก ฉันได้สติจากมะเร็ง มันคอยเตือนให้ฉันไม่วู่วาม คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่คนนั้นเป็นใคร แต่อยู่ที่เขาได้ทำอะไรให้คนอื่นป็นสุขหรือยัง เมื่อใดที่คนคนหนึ่งไปอยู่ ณ ที่ใด ที่นั่นเกิดความสุข มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ นั่นหมายถึงคุณค่าของชีวิต
โฮมฮักบ้านแห่งความรัก จุดเริ่มต้นจากการทำงานที่โรงพยาบาลกุดชุม เราได้รับความช่วยเหลือจากนายตำรวจ ให้ใช้พื้นที่ใกล้โรงพยาบาลเป็นสถานที่บำบัดเด็กติดยา ด้วยนโยบายของรัฐบาลปราบปรามยาเสพติดหนักขึ้น นายตำรวจจึงช่วยเราไม่ได้อีก ตอนนั้นเรามีกัน 24 ชีวิต จึงย้ายออกมาสร้างกระต๊อบอยู่กันอย่างลำบาก ฝนตกต้องตื่นแอบมุมอยู่เพราะหลังคารั่ว ปัจจุบันฉันก็ยังเก็บไว้เตือนถึงความลำบาก ฉันบอกลูกๆว่าหากไม่มีฉันแล้วก็ให้เก็บมันไว้อย่าทำลายมัน ลูกๆของบ้านมาจากพื้นเพไม่เหมือนกัน กลุ่มที่หนึ่ง คือ กลุ่มปกติแต่มีปัญหาที่ใจ กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มติดเชื้อจากพ่อแม่ กลุ่มที่สาม คือ กลุ่มที่หลังจากพ่อแม่เสียชีวิตถูกล่วงละเมิดซ้ำ กลุ่มที่สี่ คือ กลุ่มสติปัญญาไมค่อยดีนัก ยาวิเศษที่ช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจเด็กให้ผ่อนคลาย มีที่พึ่ง มีกำลังใจได้ก็คือ อ้อมกอด เด็กๆที่นี่แต่ละวันไม่ลดน้อยลงเลย แต่ฉันก็ดีใจที่พวกเขาไม่ถูกนำไปฆ่า ไปทรมาน ฉันต้องให้ความรักกับพวกเขามากที่สุดเท่าที่ทำได้ เด็กๆที่มาที่นี่ฉันจะตั้งชื่อให้เขาใหม่หมดและชื่อจะต้องขึ้นต้นด้วย ก เช่น เกื้อ แก้ว กัณ เพราะเด็กๆที่มาที่นี่ ถึงแม้จะไม่เป็นที่รักของใครที่เขาสำคัญที่หนึ่งสำหรับเราที่นี่เสมอ และเมื่อพวกเราพร้อมเปิดปะตูความรัก ความรักที่ว่าคือการได้เปิดให้คนภายนอกได้เข้ามาช่วยเหลือเด็กๆที่นี่ เมื่อก่อนเรากลัว กลัวว่าคนอื่นจะรังเกียจเรา ตอนนี้เราหลุดพ้นจากความกลัว ประเด็นสำคัญคือ ฉันไม่ต้องการให้คนมาสงสาร แต่ต้องการให้คนไทยได้รับรู้ว่ายังมีเด็กกลุ่มนี้อยู่และเขาคือคนไทย ถ้าเราไม่ช่วยกันวันนี้ สักวันข้างหน้าลูกหลานของคุณก็ต้องเติบโตไปพร้อมกับเด็กเหล่านี้ก็ได้ การบริจาคจะต้องมาจากความเมตตา ไม่ใช่เพราะความสงสาร
ทุกท่านครับชีวิตหลังความตาย เราไม่ทราบได้ว่ามันเป็นอย่างไร แต่ก่อนความตายจะมาถึงนี่สิเรายังได้มีเวลาทำอะไรดีๆเพื่อมนุษย์โลกให้มีความสุขได้ ผมเองก็อยากเดินทางไปที่บ้านโฮมฮัก เหมือนกัน ขอแปลนิดหนึ่งนะครับ โฮม คือบ้าน ส่วน ฮัก ภาษาอีสาน คือ รัก โฮมฮักคือบ้านที่มีแต่ความรัก อย่าแปลกใจนะครับทำไมถึงแปลได้เพราะลูกน้องผมมาจากแถบนั้นเยอะครับ การได้ให้โอกาสกับผู้ที่ด้อยโอกาส ผมว่าเป็นการให้ที่สมควรได้รับการยกย่องเป็นอย่างยิ่ง กิจกรรม CSR ที่ผมได้ทำมาอย่างต่อเนื่องหากทุกท่านที่ติดตามเรามาตลอดท่านก็จะเห็นว่าผมมักจะเลือกทำกิจกรรมที่ทำให้เหล่ามนุษย์ PA ได้กลับมาสะท้อนถึงชีวิตของตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นอดีตที่ผ่านมา หรือ อนาคต ของการก้าวเดินอย่างระมัดระวังให้มากที่สุด ที่เห็นผู้ด้อยโอกาสหรือผู้พิการ ซึ่งเขาเองมีโอกาสที่ดีกว่าเขาควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรให้สมกับการเป็นมนุษย์ที่ได้รับการปลูกฝังมาเป็นอย่างดีแล้ว บทเรียนที่จะสอนให้ทุกคนจดจำได้อย่างขึ้นใจคือการได้ประสบเหตุการณ์นั้นด้วยตัวเอง คงจะดีถ้าบทเรียนนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่เราคงเลือกแต่สิ่งที่ดีให้เข้ามาในชีวิตไม่ได้ ผมไม่อยากให้ชีวิตหลังความตายของหนึ่งคนมาเป็นบทลงโทษให้กับคนที่เหลืออยู่ว่าไม่ได้ทำอะไรดีเพื่อเขาในเวลาที่เขามีชีวิตเลย ถึงเวลานั้นหากคิดได้แล้วมันจะมีค่าอะไร หากแต่วันนี้เราเร่งสร้างแต่ความดี สร้างความสุข รอยยิ้มให้คนที่อยู่ข้างๆ ให้เขารู้ว่าเขามีเราแล้วเขาจะมีความสุขที่สุด


ขอตั้งมั่นใน พรหมวิหารสี่ ทั้งชีวิตครับ

^^
ภาพประจำตัวสมาชิก
Simply
Verified User
โพสต์: 150
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 82

โพสต์

เมื่อไหร่จะเข้าตลาดหุ้น บอกด้วยครับ วางแผนไว้อีกกี่ปีครับ จะได้เตรียมตังค์ไว้ซื้อIPO
หรือจะออกหุ้นกู้ก็บอกครับ.....อ่านเรื่องราวของพี่แล้ว นึกถึงหนังสือCEOของบัฟเฟตต์เลยครับ
อยากได้บริษัทที่มีCEOแบบพี่....ซื้อแล้วกอดไปจนตายครับ
Pat T Buffett
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 340
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 83

โพสต์

ขอบคุณและชื่นชมพี่เคนจากใจครับ พี่เก่งและเป็นคนดีมากเลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 84

โพสต์

ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 85

โพสต์

สวัสดีครับ

นี่เป็น คมความคิด ฉบับที่ 13 ครับ

เชิญชิมต่อครับ

“ อาจารย์ในร้านคุกกี้”

เราอยากให้ทุกคนนึกภาพร้านคุกกี้ ที่ภายในมีคุกกี้แสนอร่อย ที่เสิร์ฟพร้อมกลิ่นของนมเนย ความหวานของน้ำตาล ด้วยบรรยากาศแสนอบอุ่น คิดว่าถ้าในโลกที่แสนวุ่นวายนี้มีร้านคุกกี้อีกหลายๆร้าน ชีวิตเราจะน่าอยู่เพียงใด หากมองแล้วเปรียบเหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ หรือสิ่งของ คือ อาจารย์นอกห้องเรียนที่สามารถเข้ามาเปิดมุมมองใหม่ๆ ในชีวิตได้ ตลอดเวลา เรามาพบกับอาจารย์เหล่านั้นกันดีกว่า
1. สระว่ายน้ำ : ความปลอดภัยไม่เคยทำให้ใครเติบโต
หากใครว่ายน้ำไม่เป็น คงกลัวที่จะต้องลงไปในน้ำ แต่สำหรับบางคนสระว่ายน้ำ คือ สถานที่วัดใจที่มีทั้งอันตรายและความท้าทาย เปรียบเหมือนการทำงาน อะไรที่ท้าทายจะกระตุ้นให้เกิดความตื่นเต้นและมีพลัง อย่าทำงานในความรู้สึกที่ปลอดภัย นั่นแปลว่าเราจะเริ่มนิ่ง เริ่มหยุดพัฒนาตนเอง เหมือนกับ CEO ของ Dtac ที่เค้าชอบโยกย้าย สับเปลี่ยนตำแหน่งพนักงานไปมา เพื่อให้พนักงานได้รับสิ่งใหม่ พร้อมที่จะเสนอความคิดที่ไม่เคยทำมาก่อน และต้องพยายามปรับตัวเองตลอดเวลา การทำงานเดิมๆ จะทำให้เราเกิดความเคยชิน ซึ่งความเคยชินเป็นศัตรูกับความคิดสร้างสรรค์
2. เข็มกับไม้จิ้มฟัน : เราต่างมีความสามารถมากกว่าที่เราถนัด
ดร.เทียมกล่าวไว้ว่า เข็มเล่มหนึ่งไม่มีปลายแหลม 2 ด้าน เปรียบเหมือนคนที่ไม่มีใครเก่งทุกอย่าง เราควรเรียนรู้ ทบทวนจุดด้อยและจุดดีของเราอยู่เสมอ ในมุมมองของหัวหน้า ลูกน้องแต่ละคนก้อมีจุดเด่นและจุดด้อยต่างกันอาจทำให้ยอมรับความสามารถของลูกน้องได้อย่างเข้าใจ แต่ในมุมมองของลูกน้อง เราน่าจะมองตัวเองเป็นไม้จิ้มฟันที่มีปลายแหลมทั้ง 2 ด้าน แต่หากเราลองเหลาปลายด้านที่ทู่ให้แหลมขึ้นมา สนใจอะไรนอกเหนือจากที่เคยทำน่าจะทำให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มุมมองใหม่ๆ ในการทำงานเดิมได้ ซึ่งบางทีปลายด้านใหม่อาจจะแหลมมากกว่าด้านที่เคยแหลมด้วยซ้ำไป
3. นักบินไร้แขนคนแรกของโลก : “คำถามสำคัญไม่ใช่เราขาดอะไรไป แต่ เรามีอะไรบ้าง
เจสสิก้า ค็อกซ์ เป็นนักบินไร้แขนคนแรกของโลก เธอพิการไร้แขนมาตั้งแต่กำเนิด แต่เธอสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยใช้ขา เธอมุ่งมั่นที่จะทำให้ตัวเองขับเครื่องบินเดี่ยวโดยใช้เท้าทั้งสองข้างได้ โดยทั่วไปคนปกติจะใช้เวลาฝึกฝนการขับเครื่องบินถึงหกเดือน แต่สำหรับเธอ 3 ปี กับการหาเครื่องบินชนิดพิเศษเพื่อหัดขับ จนกระทั่งบินได้ เธอต้องมีใบอนุญาตซึ่งเป็นใบอนุญาตใบแรกที่อนุญาตให้นักบินไม่มีแขนขับเครื่องบินได้ ความคิดสร้างสรรค์ ความไม่ยอมแพ้ และความกล้าหาญ คือ สามสิ่งที่เธอศรัทธา จริงอยู่ว่าโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ทุกคนต่างมีบางสิ่งและขาดบางสิ่งด้วยกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าใครจะใช้สิ่งที่ตัวเองมีอยู่อย่างเต็มที่แค่ไหน
4. สก๊อตช์ไบรต์และฟองน้ำล้างจาน : จะให้ดีต้องมีทั้งพระเดชและพระคุณ
วัสดุที่เกิดจากการรวมตัวระหว่างขั้วที่ขัดแย้งสองอย่าง คือความอ่อนนุ่มกับความแข็งกระด้าง เหมือนหยินและหยางที่วางไว้ในวงกลมเดียวกัน ภาชนะต่างๆ ก้อเหมือนการทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะลูกน้อง บางครั้งต้องพูดจาอ่อนโยนเอาฟองน้ำเข้าลูบ แต่บางครั้งก้อต้องหาสก๊อตช์ไบร์ทเพื่อขจัดคราบบางอย่างที่ติดฝังแน่นออกบ้าง โลกใบนี้ก้อเหมือนอ่างล้างจาน การเป็นผู้นำที่ดีนั้นต้องเล่นบทบาทที่ไม่ถนัดบ้าง เพื่อให้การล้างจานสะดวกขึ้น บางจังหวะต้องนุ่ม บางจังหวะต้องขัดคราบเยอะ เราจึงต้องมีทั้งพระเดชและพระคุณ
5. รายการจ่ายตลาด : วางแผนก่อนปรุงชีวิต
รายการอาหารที่จะทำในแต่ละวันก้อเหมือนเป้าหมาย ที่ต้องก่อนว่าจะใส่สิ่งใดลงไปในการปรุงอาหารจานนั้น สำหรับคนที่รู้ว่าจะปรุงชีวิตเป็นยังงัย มีรายการที่ชัดเจน น่าจะดีกว่าคนที่ไปจ่ายตลาดอย่างไร้จุดหมาย รายการกันลืมไม่ต่างจากแผนที่ที่จะนำเราไปสู่จุดหมายปลายทาง โดยอาจจะกำหนดรายการต่างๆ ตามระยะเวลา เช่น ภายในปีนี้เราจะทำอะไรบ้าง ภายในเดือนนี้เราจะทำอะไรให้สำเร็จบ้าง หรือแม้กระทั่งสิ่งที่ฉันจะทำในวันนี้ รายการเหล่านี้คงจะทำให้แต่ละช่วงของชีวิตมีความหมายมากขึ้น






6. เพนกวิน : โลกนี้มีงานอยู่สองประเภท และทุกคนมีสิทธิเลือก
ทางศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ TCDC ได้มีการมอบรางวัล เพนกวินตัวแรก โดยการใช้หลักของเพนกวินที่มักยืนออบริเวณน้ำแข็งใกล้ผิวน้ำเพื่อรอกินเหยื่อที่อยู่ในน้ำ ซึ่งเพนกวินมักจะเกี่ยงกันโดดลงไปจับปลาตัวแรก เพราะอาจเกิดความเสี่ยงที่ตกเป็นเหยื่อของสัตว์อื่นได้เช่นกันเดียวกัน แต่ เพนกวินตัวแรกมักจะ ทำได้สำเร็จและได้กินปลามากกว่าคนอื่น ซึ่งความสำคัญของเพนกวินตัวแรกไม่เพียงการกล้ากระโดดลงไปเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เพนกวินตัวต่อไปกระโดดตาม เพื่อตามล่าหาปลาคนละแบบในประโยชน์ที่ต่างกัน โลกนี้ยังต้องการเพนกวินตัวแรกในการกล้าลงมือทำในสิ่งที่คนอื่นอยากทำแต่ไม่กล้าอีกมากมาย ชีวิตของเราจึงมีงานอยู่สองประเภท คือ งานที่ทำไปวันๆ กับงานที่ได้สร้างอะไรไว้ให้กับโลกบ้าง

อร่อยมั๊ยครับ คุกกี้ฉบับนี้ ผมมองว่าสิ่งรอบตัวเราทุกอย่างสามารถเรียนรู้ได้ ไม่มีมนุษย์ PA คนไหนที่ว่ายน้ำไม่เป็น เพราะผมสามารถสอนมนุษย์ PA ให้ว่ายน้ำ โดยการตั้งเป้าหมายให้ท้าทาย ไม่ว่าจะเป็น หน่วยงาน R&D เค้าไม่ได้มีหน้าที่เพียงวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่เค้ามีเป้าหมายเป็นกำไรขององค์กร ดังนั้นสิ่งที่เค้าต้องทำนอกเหนือจากการเป็น R&D คือ ต้องออกสำรวจตลาด ทำ marketing เพื่อหาความต้องการใหม่ๆของลูกค้า เพราะผมเชื่อว่ามนุษย์ PA ทุกคนไม่ใช่เข็ม แต่เผมเหลาให้ทุกคนเป็น”ไม้จิ้มฟัน”ให้มีความสามารถมากกว่าสิ่งที่เค้าถนัด เพื่อให้เกิดมุมมองใหม่ๆในการทำงานตลอดเวลา แต่เพราะโลกใบนี้ก้อเหมือนอ่างล้างจาน พนักงานก้อเหมือนจานที่ต่างกันไป ผมในฐานะผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงจึงต้องใช้หลักการของสก๊อตไบร์ทในการบริหารลูกน้อง ทุกเดือนเราจะมีการประชุมทุกหน่วยงาน ทุก 4 เดือน เราจะมีการประชุมรวมทั้งบริษัท เพื่อให้ทุกฝ่ายมาแสดงผลงานที่ตัวเองได้สร้างให้กับองค์กร หากหน่วยงานไหนผลงานไม่ดี ผมก็ต้องให้คำแนะนำไปอย่างตรงไปตรงมา แต่ถ้าหน่วยงานไหนทำผลงานได้ดี ถึงขั้น A+ เค้าจะได้รับโบนัส 1 เดือนทันที โดยไม่รวมกับโบนัสที่จะให้ในปลายปีนี้ เพราะผมถือว่าคนเหล่านั้น เป็นเหมือนดั่งเพนกวินตัวแรก ที่สามารถทำเป้าหมายขององค์กรได้สำเร็จ เค้าจึงควรเป็นเพนกวินที่ได้รับปลามากกว่าเพนกวินตัวอื่น เพื่อเป็นตัวอย่างให้หน่วยงานอื่นๆ กระโดดตามความสำเร็จกันมา ในฐานะที่ผมเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง ทุกลมหายใจผมคิดและทำเพื่อให้บ้านหลังนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งทุกเรื่องราวไม่ได้เกิดจากตัวผมคนเดียว แต่เกิดจากสิ่งที่ผมใส่วัตถุดิบที่ดีให้แก่ลูกน้องเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีงาม เพราะชีวิตของพวกเค้าครึ่งหนึ่งคือการใช้เวลาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ผมจึงเลือกที่จะทำให้ทุกช่วงเวลาของชีวิตเค้ามีความหมาย เพื่ออย่างน้อยสิ่งที่เค้าทำก็ได้สร้างอะไรไว้ให้กับองค์กร ชาตินี้จะได้ตายอย่างไม่เสียชาติเกิด

ขอตั้งมั่นในพรหมวิหารสี่ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
นพพร
Verified User
โพสต์: 1039
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 86

โพสต์

ผมมันห่างไกลพี่เหลือเกิน
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 87

โพสต์

คุณนพพร ครับ
คนเรามีเป้าหมายที่แตกต่างกันครับ
มีความสุขกับการตั้งเป้าหมายและการเดินทางสู่เป้าหมายครับ

เป็นกำลังใจในการเดินทางไกลครับ

^^
ภาพประจำตัวสมาชิก
VSนักลงทุนอริยะ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

Re: "แพนเอเชียฯ" เปิดกลยุทธ์ปลดหนี้ ล้มได้ ก็ยืนใหม่ได้

โพสต์ที่ 88

โพสต์

สวัสดีครับ

นี่คือ จดหมายคู่ค้าคู่คิดฉบับ 14 ครับ

เชิญชิม เผื่อจะได้ประกายความคิดอะไรบ้างอย่างครับ


สร้างทีมเวิร์กสร้างฝัน
คุณฝันไกลพอหรือยัง?
คำถามนี้อาจฟังดูแปลกจนอาจจะต้องย้อนกลับมาถามตัวเองว่า “ยังต้องฝันให้ไกลกว่านี้อีกเหรอ?” คุณเองอาจบอกว่า ขนาดเป้าหมายเล็กๆ ยังไม่บรรลุผล แล้วยังจะให้คิดฝันอะไรที่ใหญ่ไปกว่านี้อีกล่ะหลายต่อหลายคนกลัวการฝันให้ไกลคือพวกเขาไม่ค่อยกล้าจะคาดหวังอะไรมากมายเพราะไม่อยากผิดหวัง ด้วยเหตุเหตุนี้พวกเขาก็ยังคงพอใจกับสิ่งเดิมซ้ำซาก แต่ก็ไม่เห็นจะต้องเป็นแบบนั้นเลย ถึงแม้ว่าคุณไม่มีความสามารถหรือทรัพยากรใดที่จะช่วยให้คุณสร้างฝันให้เป็นจริงใด ก็ไม่เห็นต้องล้มเลิกความฝันทั้งหมด แต่ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เท่านั้น นั่นคือ แทนที่จะทำงานตามลำพัง คุณควรเป็นหนึ่งในทีม จะว่าไปแล้ว ทีม เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อเพราะสำหรับทีมไม่มีงานชิ้นใดที่ใหญ่เกินกำลัง ไม่มีความสำเร็จใดยิ่งใหญ่เกินตัวและที่สำคัญไม่มีฝันใดไกลเกินเอื้อม
ทีมเวิร์กพิชิตยอดเขาความสำเร็จ
เทนซิง นอร์เกย์ อายุ 21 ปี ได้เดินทางขึ้นเทือกเขาเอเวอเรสต์เป็นครั้งแรกในฐานะลูกหาบแต่ก็ยังไม่เคยขึ้นไปพิชิตยอดเขาได้สักครั้ง ในการปีนเขาเอเวอเรสต์นั้นระหว่างจะพบเต๊นท์เก่าที่ผุขาดภายในมีซากโครงกระดูกที่เย็นเกือบจะแช่แข็งนั่งอยู่ท่าแปลกๆให้เห็นเป็นระยะเนื่องจากไม่สามารถทนกับสภาพแวดล้อมอันแสนวิบากได้ จนกระทั่งเทนซิงได้เริ่มเดินทางเป็นครั้งที่ 7 เพื่อพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ โดยรับจ้างจากกลุ่มชาวอังกฤษ ในการจะพาคนสัก 2 คนจากที่พักขึ้นไปบนยอดเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายต้องพานักปีนเขาที่มีประสบการณ์สูงถึง 10 คน ต้องใช้เสบียงกว่า 2.5 ตันซึ่งเป็นเสบียงที่ขนได้ด้วยการแบกหามเท่านั้น ก่อนขึ้นไปบนยอดต้องจ้างลูกหาบประมาณ 200-300 คน เพื่นำเสบียงไปถึงตีนเขา และอีก 40 คนเพื่อขนขึ้นไปใกล้ฐานที่พักใกล้กับยอดเขา “คุณไม่อาจปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ได้เพียงลำพังหรือแข่งกับเพื่อนนักปีนเขาในทีมเดียวกัน แต่ต้องปีนอย่างช้าๆและระมัดระวังร่วมกัน เป็นทีมเดียวกันที่ไม่มีใครเห็นประโยชน์ส่วนตน” เทนซิงกล่าว ในที่สุดมีเพียงเทนซิงและนักปีนเขาจากอังกฤษเท่านั้นที่สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ได้สำเร็จ จากความช่วยเหลือและการทำงานเป็นทีมร่วมกัน
พื้นฐานของทีมชนะ
กว่าร้อยทีม พันหมื่นความสำเร็จมีหลักพื้นฐานของผู้เล่นในทีมแต่ละคนอยู่ 4 อย่าง
1. พวกเขาเล่นเพื่อชัยชนะ ความแตกต่างระหว่างกระเล่นให้ได้ชัยชนะกับการเล่นเพื่อไม่ให้แพ้ คือความแตกต่างระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลว
2. พวกเขามีทัศนคติแห่งชัยชนะ สมาชิกในทีมเชื่อในตนเอง เพื่อนร่วมทีม และความฝันของพวกเขา พวกเขาไม่ยอมให้แนวคิดเชิงลบมาแทรก
3. พวกเขาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง รางวัลสูงสุดสำหรับความพยายามไม่ใช่สิ่งที่พวกเขานั้นได้มาแต่เป็นสิ่งที่พวกเขาเป็น เนื่องจากสิ่งนั้นลูกทีมรู้เองว่า ถ้าพวกเขาปรับปรุงตนเองได้ก็จะประสบความสำเร็จ
4. พวกเขาให้เพื่อร่วมทีมประสบความสำเร็จยิ่งกว่า ผู้ชนะ คือผู้ที่ไดีรับการสนับสนุน ดังคำกล่าว “มีไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จได้ถ้าคนหมู่มากไม่สนับสนุน”
ในฐานะผมนั่งแท่นเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนของที่นี่ การจะสร้างทีมเวิร์กที่เข้มแข็งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ขอเพียงมีใจ วิธีการและกลยุทธ์ที่จะสร้างแรงบันดาลใจในการเป็นทีมเวิร์กของผู้เล่นทุกคนให้กระหายความสำเร็จ ผมต้องมีการวางแผนและโจทย์ที่ท้าทายความสามารถ แต่สิ่งที่จะลืมไปไม่ได้เลยคือคุณต้องเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ ผมมีหลัก 5 อย่างที่สร้างเหตุผลที่ดีในการเป็นผู้ตามให้กับเหล่า มนุษย์ PA ทีมีค่ายิ่งสำหรับผมว่าเขาจะตามอย่างเชื่อมั่นและศรัทธา คือ
1. ความเป็นตัวจริงที่จะสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว
2. ความเชื่อมั่นที่จะสร้างพลังและแรงบันดาลใจให้กับพวกเขา
3. ตระหนักและความสามารถในการเข้าถึงความต้องการของแต่ละคน
4. ความสามารถในการนำทิศทางที่เปี่ยมไปด้วยกลยุทธ์
5. ช่วงเวลาแห่งชัยชนะระหว่างการเดิน
แน่นอนว่าในทีมที่ยิ่งใหญ่ ไม่อาจะไร้ซึ่งความขัดแย้ง แต่ผู้นำที่มีกลยุทธ์จะสามารถสร้างโอกาสจากปัญหา ผมมักนำเอากระแสความคิดเห็นที่ขัดแย้งมาเป็นตัวการสร้าง ความคิดเชิงสร้างสรรค์ เพราะการค้นพบวิธีการแก้ปัญหาใหม่ๆนั้น อาจเกิดจากการหลอมรวมความคิดที่แตกต่างกันกลายเป็นคำตอบของปัญหานั้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับการควบคุมความขัดแย้งให้เหมาะสมเท่านั้นเอง
ทั้งหมดในการทำทีมเวิร์กที่ดีให้เกิดขึ้นภายในองค์กรคือการสร้างวัฒนธรรมในการสร้างความสำเร็จร่วมกัน เพราะผมคงไม่อาจยินดีหากความสำเร็จเกิดขึ้นกับผมเพียงผู้เดียว แต่หากมนุษย์ PA ที่เป็นทรัพย์สินที่มีค่ายิ่งของผมล้วนประสบความสำเร็จร่วมกัน นั่นคือสิ่งที่ผมจะยินดีและภาคภูมิใจมากที่สุด เพราะคงไม่มีใครอยากจะฉลองความสำเร็จบนหอคอยสูงเสียดฟ้า...เพียงลำพัง ใช่มั้ยครับ?

ด้วยความตั้งมั่นในพรหมวิหารสี่ ครับ ^^