Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 1
Angpao gearing up
Shares to resume trading next week
Published: 2/09/2011 at 12:00 AM
Newspaper section: Business
Angpao Assets Plc, owned by former major shareholders of the property developer Nusasiri Group, will launch two new projects worth a combined 3 billion baht in the fourth quarter and will resume trading on the Stock Exchange of Thailand next Friday.
CEO Visanu Thepcharoen said the company's shares would trade under the symbol PAO. Angpao acquired the suspended listed company Thai Durable Group Plc (TDT) in 2009 under a back-door listing. Its financial adviser was Finansia Syrus Securities.
''It's a good time to be back trading as overall property market sentiment is on an upward trend, supported by the new government's policies,'' said Mr Visanu, the former CEO of Nusasiri Group.
As of Aug 26, the company was owned 23.73% by Mr Visanu, 21.64% by his wife Siriya, 9.66% by his brother Siva, 0.54% by Nusasiri Group and KMP Property and 44.46% by other shareholders. The company received financial assistance of 100 million baht from Nusasiri Group this year.
Angpao Asset currently has seven property developments on hand, acquired from Nusasiri Group. The total includes single-house projects at four sites including Nusasiri Sathorn-Wong Waen, Nusasiri Sathorn-Pin Klao, Nusasiri Rama II and Krissana Rama V. It has land bank plots of around 200 rai in Rama II area for single housing developments that would be worth up to 4 billion baht.
It also has two condominiums for sale including Parc Exo on a 20-rai site on Kaset-Nawamin Road, comprising six eight-storey buildings with 1,296 units worth a combined 2 billion baht and 40% sold. The other is Up Ekamai on a 2-rai site with 260 units worth 1.2 billion baht and 50% sold.
Another business involves retail space for rent and sale at three sites including Bangkok Mediplex Center on Sukhumvit 42 with 50 units totalling 4,800 square metres and an occupancy rate of 90%. The other two projects will be Nuza Avenue at Nusasiri Rama II with 4,396 sq m or rental space, and Sport Mall at Parc Exo with 4,498 sq m. Both will be completed in the third quarter of 2012.
The company expects to record 1.6 billion baht in sales and one billion baht in revenue this year, up from revenue of 633 million baht last year with a net profit of 87 million baht. In the first half, it recorded 284 million baht in revenue with a net profit of 14.88 million baht.
The current sales backlog totals about 1.25 billion baht, of which 300 million would be recognised in the second half of this year. The company's accumulated loss as of the end of June 2011 was 234 million baht.http://www.bangkokpost.com/business/eco ... gearing-up
Shares to resume trading next week
Published: 2/09/2011 at 12:00 AM
Newspaper section: Business
Angpao Assets Plc, owned by former major shareholders of the property developer Nusasiri Group, will launch two new projects worth a combined 3 billion baht in the fourth quarter and will resume trading on the Stock Exchange of Thailand next Friday.
CEO Visanu Thepcharoen said the company's shares would trade under the symbol PAO. Angpao acquired the suspended listed company Thai Durable Group Plc (TDT) in 2009 under a back-door listing. Its financial adviser was Finansia Syrus Securities.
''It's a good time to be back trading as overall property market sentiment is on an upward trend, supported by the new government's policies,'' said Mr Visanu, the former CEO of Nusasiri Group.
As of Aug 26, the company was owned 23.73% by Mr Visanu, 21.64% by his wife Siriya, 9.66% by his brother Siva, 0.54% by Nusasiri Group and KMP Property and 44.46% by other shareholders. The company received financial assistance of 100 million baht from Nusasiri Group this year.
Angpao Asset currently has seven property developments on hand, acquired from Nusasiri Group. The total includes single-house projects at four sites including Nusasiri Sathorn-Wong Waen, Nusasiri Sathorn-Pin Klao, Nusasiri Rama II and Krissana Rama V. It has land bank plots of around 200 rai in Rama II area for single housing developments that would be worth up to 4 billion baht.
It also has two condominiums for sale including Parc Exo on a 20-rai site on Kaset-Nawamin Road, comprising six eight-storey buildings with 1,296 units worth a combined 2 billion baht and 40% sold. The other is Up Ekamai on a 2-rai site with 260 units worth 1.2 billion baht and 50% sold.
Another business involves retail space for rent and sale at three sites including Bangkok Mediplex Center on Sukhumvit 42 with 50 units totalling 4,800 square metres and an occupancy rate of 90%. The other two projects will be Nuza Avenue at Nusasiri Rama II with 4,396 sq m or rental space, and Sport Mall at Parc Exo with 4,498 sq m. Both will be completed in the third quarter of 2012.
The company expects to record 1.6 billion baht in sales and one billion baht in revenue this year, up from revenue of 633 million baht last year with a net profit of 87 million baht. In the first half, it recorded 284 million baht in revenue with a net profit of 14.88 million baht.
The current sales backlog totals about 1.25 billion baht, of which 300 million would be recognised in the second half of this year. The company's accumulated loss as of the end of June 2011 was 234 million baht.http://www.bangkokpost.com/business/eco ... gearing-up
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 2
แกะกระปุกคนดัง วิษณุ เทพเจริญ CEO อั่งเปาแอสเสท ลงทุนเล็กๆ สู่ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่
แกะกระปุกคนดัง วิษณุ เทพเจริญ ลงทุนเล็กๆ สู่ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่
สมัยก่อนก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเจ้าของตึก ตอนทำงานใหม่ๆ ได้ซื้อรถเบนซ์สักคันคงดีใจ จากเบนซ์คันเล็กเป็นเบนซ์คันใหญ่ ทุกวันนี้จะซื้ออะไรก็ซื้อได้ มันก็เลยหมดความต้องการที่เราเคยตั้งเป้าหมายไว้แล้ว วันนี้อยากเห็นแค่ความสำเร็จของบริษัทที่เราสร้าง เห็นพนักงานทุกคนมีความเจริญรุ่งเรือง อยู่กับเราด้วยความมั่นคง อยู่แล้วสบายใจ
จากความคิดที่จะทำให้เงินงอกเงยให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด จึงได้เริ่มมีการทำธุรกิจจากธุรกิจลีสซิ่ง สู่ธุรกิจปั๊มน้ำมัน ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างตัวแทนจำหน่ายตั๋วเครื่องบิน และมาประสบความสำเร็จอย่างมากในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ วิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน) จากประสบการณ์การทำในมาหลายรูปแบบ ที่เริ่มต้นจากความคิดที่จะทำให้เงินเกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้ทุกวันนี้เขาประสบความสำเร็จอย่างที่เรียกได้ว่าเกินเป้าหมายที่วางไว้ไปมากทีเดียว
วิษณุเล่าว่า “เรื่องการออมเงินผมจะเน้นที่การทำยังไงก็ได้ให้เงินงอกเงยเกิดประโยชน์ได้สูงสุด ผมมาจากธุรกิจไฟแนนซ์ ลีสซิ่งเล็กๆ ที่ต่างจังหวัด ผมมองว่าเราเอาเงินส่วนหนึ่งไปทำประโยชน์ให้งอกเงย โดยการปล่อยกู้ก็ดี อะไรก็ดี มันทำให้เงินเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ การออมเป็นสิ่งที่ดี มันเป็นความมั่นคงในชีวิต ส่วนตัวผมนิยมการออมในอสังหาริมทรัพย์ ซื้อห้องให้เช่า ซื้อตึกให้เช่า ผลตอบแทนจะได้มากกว่าเงินออมที่ฝากไว้กับธนาคาร สมมติมีเงินออม 1 ล้านบาทถ้าฝากออมให้เป็นความมั่นคงในชีวิต ก็ได้ดอกเบี้ยรายปีได้ไปเรื่อยๆ แต่ผมมองว่ามันช้า และผลตอบแทนน้อย ผมจึงไม่ค่อยจะออมเงินกับธนาคารมากเท่าไร
มองว่าการซื้อห้องให้เช่า ซื้อตึกให้เช่า มีประโยชน์สองทาง หนึ่งคือผลตอบ แทนที่เข้ามาอาจจะเท่ากับดอกเบี้ย หรือมากกว่าดอกเบี้ย หรือน้อยกว่าในบางครั้งเล็กน้อย สองคือสินทรัพย์ก็โตขึ้นไปเรื่อยๆ มูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็เท่ากับว่าได้ประโยชน์ทั้งสองทาง แต่ความคล่องตัวหรือสภาพคล่อง ความสะดวกที่จะหยิบ ขึ้นมาใช้จะน้อยกว่าเงินที่ออมในธนาคาร ผมจึงต้องมีเงินที่ออมในธนาคารบ้าง กันไว้ส่วนหนึ่งให้เพื่อเป็นสภาพคล่องไว้ไม่เกิน 20% นอกเหนือจากนี้ก็ลงทุนหมดเพื่อให้เงินงอกเงยได้เร็วกว่าที่ควรจะเป็นการแบ่งสัดส่วนการใช้จ่ายเงินจาก 100% ของผมส่วนใหญ่ประมาณ70% ก็เป็นการออมในลักษณะของการไปลงทุน ที่เหลือก็ใช้จ่าย นอกจากนั้นก็เหลือเก็บบ้างสัดส่วนของการลงทุน เนื่องจากทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว โดยมาก ก็จะซื้อเป็นสินทรัพย์ เห็นที่ดินแปลงไหนสวยทำเลดีก็จะซื้อไว้ ผมไม่ค่อยเก็บบัญชีในธนาคาร แต่ผมเก็บเป็นโฉนดที่ดินมากกว่า”
เรื่องการลงทุนวิษณุมองว่า “การลงทุนมีหลายรูปแบบ สำหรับการลงทุนในประเทศไทยตอนนี้ผมมองว่า ยังมีอีกหลายมุมหลายด้านน่าลงทุน เพราะว่าตลาดหลักทรัพย์ของเราก็ยังถือว่ายังเป็นตัวเลขที่ต่ำอยู่ ยังน่าลงทุนอยู่ ผลตอบแทนก็ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับนานาประเทศ ซึ่งให้อัตราตอบแทนต่างประเทศดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ ผลตอบแทนในบ้านเรายังสูงอยู่ ตลาดหลักทรัพย์ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ที่น่าจะเข้าไปลงทุน
ส่วนตัวตอนนี้ก็เพิ่งจะเริ่มเข้าไปดูในตลาดหลัก ทรัพย์ เพราะที่ผ่านมาผมมองการเล่นหุ้นของคนไทยเป็นการเสี่ยงดวงไม่เหมือนการลงทุน เหมือนว่าเขาดูแค่กระแสในช่วงนั้นว่าหุ้นตัวไหนดีก็ซื้อ แต่ว่าไม่ได้ศึกษาในตัวพื้นฐานเท่าไหร่ แต่สำหรับผมมองเป็นเรื่องการลงทุน ดูที่ปัจจัยพื้นฐาน ผลตอบแทนระยะยาว ในส่วนหุ้นจะสวิงขึ้นสวิงลงก็เป็นผลพลอยได้ ก็คงมองที่ผลตอบแทนมากกว่าตอนนี้ก็ศึกษาดูในกลุ่มของสถาบันการเงินกลุ่มพลังงาน ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็ดูเทียบเคียงเพราะผมทำธุรกิจอสังหาฯ อยู่แล้ว เราก็มั่นใจในบริษัท ของเราเอง
ณ วันนี้ผมได้ผลตอบแทนจากผลประกอบการที่ดีของบริษัท ที่สามารถหล่อเลี้ยงครอบครัวของเราและพนักงานของบริษัทในอนาคต ในวันนี้ผมประสบความสำเร็จมาเกินเป้าหมายที่เคยได้วางไว้มาก ผมกับครอบครัวจึงมีความพอเพียง สมัยก่อนก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเจ้าของตึก ตอนทำงานใหม่ๆ ได้ซื้อรถเบนซ์สักคันคงดีใจ จากเบนซ์คันเล็กเป็นเบนซ์คันใหญ่ ทุกวันนี้จะซื้ออะไรก็ซื้อได้ มันก็เลยหมดความต้องการที่เราเคยตั้งเป้าหมายไว้แล้ว วันนี้อยากเห็นแค่ความสำเร็จของบริษัทที่เรา สร้าง เห็นพนักงานทุกคนมีความเจริญรุ่งเรือง อยู่กับเราด้วยความมั่นคงอยู่แล้ว สบายใจ”
สุดท้ายวิษณุแนะนำว่า “สำหรับคนที่มีเงินเดือนแต่ละคนคงมีไม่เท่ากัน อย่างผมฐานเงินเดือนค่อนข้างสูง จริงๆ แล้วคนที่มีเงินเดือนยิ่งสูงการใช้จ่ายจะยิ่งมีน้อย มันจะสวนทางกัน คนที่มีเงินน้อยมักจะใช้จ่ายเยอะ การออมก็เข้าใจในชีวิต ประจำวันเขา อย่างผมวันๆ ตอนนี้จะออก ไปใช้จ่ายข้างนอกก็แทบจะไม่มีเวลา มีเงินแต่ไม่มีเวลา มีเวลาแต่ไม่มีเงิน ปัจจัยมันสวนทางตลอดเวลา สำหรับคนที่ยังเงินเดือนน้อย ก็เริ่มจากออมน้อย ค่อยๆ เก็บเป็นขั้นบันได ณ วันนี้ผมมีฐานเยอะ ผมก็แบ่งสัดส่วนออมมากขึ้น ออมให้มีความสมดุลในชีวิต ไม่มากจนเกินไปและไม่น้อยจนเกินไป เก็บตามสัดส่วนให้การออมมีความพอดีกับรายจ่าย ไม่มากเกินไปกว่ารายได้ที่มี ควรออมให้เหลือมีความ พอเพียงที่จะใช้จ่ายได้ในชีวิตประจำวัน เก็บเงินแล้วอย่าทุกข์ ควรจะเก็บเงินให้เห็นเงินในบัญชีแล้วมีความสุข”
http://www.siamturakij.com/home/news/di ... =413355245
แกะกระปุกคนดัง วิษณุ เทพเจริญ ลงทุนเล็กๆ สู่ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่
สมัยก่อนก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเจ้าของตึก ตอนทำงานใหม่ๆ ได้ซื้อรถเบนซ์สักคันคงดีใจ จากเบนซ์คันเล็กเป็นเบนซ์คันใหญ่ ทุกวันนี้จะซื้ออะไรก็ซื้อได้ มันก็เลยหมดความต้องการที่เราเคยตั้งเป้าหมายไว้แล้ว วันนี้อยากเห็นแค่ความสำเร็จของบริษัทที่เราสร้าง เห็นพนักงานทุกคนมีความเจริญรุ่งเรือง อยู่กับเราด้วยความมั่นคง อยู่แล้วสบายใจ
จากความคิดที่จะทำให้เงินงอกเงยให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด จึงได้เริ่มมีการทำธุรกิจจากธุรกิจลีสซิ่ง สู่ธุรกิจปั๊มน้ำมัน ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างตัวแทนจำหน่ายตั๋วเครื่องบิน และมาประสบความสำเร็จอย่างมากในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ วิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน) จากประสบการณ์การทำในมาหลายรูปแบบ ที่เริ่มต้นจากความคิดที่จะทำให้เงินเกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้ทุกวันนี้เขาประสบความสำเร็จอย่างที่เรียกได้ว่าเกินเป้าหมายที่วางไว้ไปมากทีเดียว
วิษณุเล่าว่า “เรื่องการออมเงินผมจะเน้นที่การทำยังไงก็ได้ให้เงินงอกเงยเกิดประโยชน์ได้สูงสุด ผมมาจากธุรกิจไฟแนนซ์ ลีสซิ่งเล็กๆ ที่ต่างจังหวัด ผมมองว่าเราเอาเงินส่วนหนึ่งไปทำประโยชน์ให้งอกเงย โดยการปล่อยกู้ก็ดี อะไรก็ดี มันทำให้เงินเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ การออมเป็นสิ่งที่ดี มันเป็นความมั่นคงในชีวิต ส่วนตัวผมนิยมการออมในอสังหาริมทรัพย์ ซื้อห้องให้เช่า ซื้อตึกให้เช่า ผลตอบแทนจะได้มากกว่าเงินออมที่ฝากไว้กับธนาคาร สมมติมีเงินออม 1 ล้านบาทถ้าฝากออมให้เป็นความมั่นคงในชีวิต ก็ได้ดอกเบี้ยรายปีได้ไปเรื่อยๆ แต่ผมมองว่ามันช้า และผลตอบแทนน้อย ผมจึงไม่ค่อยจะออมเงินกับธนาคารมากเท่าไร
มองว่าการซื้อห้องให้เช่า ซื้อตึกให้เช่า มีประโยชน์สองทาง หนึ่งคือผลตอบ แทนที่เข้ามาอาจจะเท่ากับดอกเบี้ย หรือมากกว่าดอกเบี้ย หรือน้อยกว่าในบางครั้งเล็กน้อย สองคือสินทรัพย์ก็โตขึ้นไปเรื่อยๆ มูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็เท่ากับว่าได้ประโยชน์ทั้งสองทาง แต่ความคล่องตัวหรือสภาพคล่อง ความสะดวกที่จะหยิบ ขึ้นมาใช้จะน้อยกว่าเงินที่ออมในธนาคาร ผมจึงต้องมีเงินที่ออมในธนาคารบ้าง กันไว้ส่วนหนึ่งให้เพื่อเป็นสภาพคล่องไว้ไม่เกิน 20% นอกเหนือจากนี้ก็ลงทุนหมดเพื่อให้เงินงอกเงยได้เร็วกว่าที่ควรจะเป็นการแบ่งสัดส่วนการใช้จ่ายเงินจาก 100% ของผมส่วนใหญ่ประมาณ70% ก็เป็นการออมในลักษณะของการไปลงทุน ที่เหลือก็ใช้จ่าย นอกจากนั้นก็เหลือเก็บบ้างสัดส่วนของการลงทุน เนื่องจากทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว โดยมาก ก็จะซื้อเป็นสินทรัพย์ เห็นที่ดินแปลงไหนสวยทำเลดีก็จะซื้อไว้ ผมไม่ค่อยเก็บบัญชีในธนาคาร แต่ผมเก็บเป็นโฉนดที่ดินมากกว่า”
เรื่องการลงทุนวิษณุมองว่า “การลงทุนมีหลายรูปแบบ สำหรับการลงทุนในประเทศไทยตอนนี้ผมมองว่า ยังมีอีกหลายมุมหลายด้านน่าลงทุน เพราะว่าตลาดหลักทรัพย์ของเราก็ยังถือว่ายังเป็นตัวเลขที่ต่ำอยู่ ยังน่าลงทุนอยู่ ผลตอบแทนก็ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับนานาประเทศ ซึ่งให้อัตราตอบแทนต่างประเทศดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ ผลตอบแทนในบ้านเรายังสูงอยู่ ตลาดหลักทรัพย์ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ที่น่าจะเข้าไปลงทุน
ส่วนตัวตอนนี้ก็เพิ่งจะเริ่มเข้าไปดูในตลาดหลัก ทรัพย์ เพราะที่ผ่านมาผมมองการเล่นหุ้นของคนไทยเป็นการเสี่ยงดวงไม่เหมือนการลงทุน เหมือนว่าเขาดูแค่กระแสในช่วงนั้นว่าหุ้นตัวไหนดีก็ซื้อ แต่ว่าไม่ได้ศึกษาในตัวพื้นฐานเท่าไหร่ แต่สำหรับผมมองเป็นเรื่องการลงทุน ดูที่ปัจจัยพื้นฐาน ผลตอบแทนระยะยาว ในส่วนหุ้นจะสวิงขึ้นสวิงลงก็เป็นผลพลอยได้ ก็คงมองที่ผลตอบแทนมากกว่าตอนนี้ก็ศึกษาดูในกลุ่มของสถาบันการเงินกลุ่มพลังงาน ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็ดูเทียบเคียงเพราะผมทำธุรกิจอสังหาฯ อยู่แล้ว เราก็มั่นใจในบริษัท ของเราเอง
ณ วันนี้ผมได้ผลตอบแทนจากผลประกอบการที่ดีของบริษัท ที่สามารถหล่อเลี้ยงครอบครัวของเราและพนักงานของบริษัทในอนาคต ในวันนี้ผมประสบความสำเร็จมาเกินเป้าหมายที่เคยได้วางไว้มาก ผมกับครอบครัวจึงมีความพอเพียง สมัยก่อนก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเจ้าของตึก ตอนทำงานใหม่ๆ ได้ซื้อรถเบนซ์สักคันคงดีใจ จากเบนซ์คันเล็กเป็นเบนซ์คันใหญ่ ทุกวันนี้จะซื้ออะไรก็ซื้อได้ มันก็เลยหมดความต้องการที่เราเคยตั้งเป้าหมายไว้แล้ว วันนี้อยากเห็นแค่ความสำเร็จของบริษัทที่เรา สร้าง เห็นพนักงานทุกคนมีความเจริญรุ่งเรือง อยู่กับเราด้วยความมั่นคงอยู่แล้ว สบายใจ”
สุดท้ายวิษณุแนะนำว่า “สำหรับคนที่มีเงินเดือนแต่ละคนคงมีไม่เท่ากัน อย่างผมฐานเงินเดือนค่อนข้างสูง จริงๆ แล้วคนที่มีเงินเดือนยิ่งสูงการใช้จ่ายจะยิ่งมีน้อย มันจะสวนทางกัน คนที่มีเงินน้อยมักจะใช้จ่ายเยอะ การออมก็เข้าใจในชีวิต ประจำวันเขา อย่างผมวันๆ ตอนนี้จะออก ไปใช้จ่ายข้างนอกก็แทบจะไม่มีเวลา มีเงินแต่ไม่มีเวลา มีเวลาแต่ไม่มีเงิน ปัจจัยมันสวนทางตลอดเวลา สำหรับคนที่ยังเงินเดือนน้อย ก็เริ่มจากออมน้อย ค่อยๆ เก็บเป็นขั้นบันได ณ วันนี้ผมมีฐานเยอะ ผมก็แบ่งสัดส่วนออมมากขึ้น ออมให้มีความสมดุลในชีวิต ไม่มากจนเกินไปและไม่น้อยจนเกินไป เก็บตามสัดส่วนให้การออมมีความพอดีกับรายจ่าย ไม่มากเกินไปกว่ารายได้ที่มี ควรออมให้เหลือมีความ พอเพียงที่จะใช้จ่ายได้ในชีวิตประจำวัน เก็บเงินแล้วอย่าทุกข์ ควรจะเก็บเงินให้เห็นเงินในบัญชีแล้วมีความสุข”
http://www.siamturakij.com/home/news/di ... =413355245
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1284
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 3
ณ วันนี้ผมได้ผลตอบแทนจากผลประกอบการที่ดีของบริษัท ที่สามารถหล่อเลี้ยงครอบครัวของเราและพนักงานของบริษัทในอนาคต ในวันนี้ผมประสบความสำเร็จมาเกินเป้าหมายที่เคยได้วางไว้มาก ผมกับครอบครัวจึงมีความพอเพียง สมัยก่อนก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเจ้าของตึก ตอนทำงานใหม่ๆ ได้ซื้อรถเบนซ์สักคันคงดีใจ จากเบนซ์คันเล็กเป็นเบนซ์คันใหญ่ ทุกวันนี้จะซื้ออะไรก็ซื้อได้ มันก็เลยหมดความต้องการที่เราเคยตั้งเป้าหมายไว้แล้ว วันนี้อยากเห็นแค่ความสำเร็จของบริษัทที่เรา สร้าง เห็นพนักงานทุกคนมีความเจริญรุ่งเรือง อยู่กับเราด้วยความมั่นคงอยู่แล้ว สบายใจ”
อ่านดูแล้วผู้บริหารออกแนวใช้ชีวิตแบบพอเพียง ลอง search ข้อมูลดู ก็เห็นว่าใช้รถ Porche เก่า ๆ พอเพียงจัง
ราคาตลาดคันละเท่าไหร่อ่ะ
ดูข้อมูลตามนี้เลยครับ
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
รายการซื้อยานพาหนะ
ลักษณะของรายการ: บริษัทซื้อรถยนต์ยี่ห้อ PORSCHE แบบ CAYENNE ปี 2008 เลขทะเบียน ฌล 3333 จากณุศาศิริ
เพื่อใช้ในกิจกรรมของบริษัท โดยบริษัทรับช่วงจากณุศาศิริในการผ่อนชำระหนี้เช่าซื้อให้ธนาคาร
โดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนใด ๆ เพิ่มเติม
วันเดือนปีที่เกิดรายการ: วันที่ทำสัญญาจะซื้อจะขายกับณุศาศิริคือ 28 เมษายน 2553
และวันที่ทำสัญญาโอนสิทธิเช่าซื้อกับธนาคารคือ 13 กรกฎาคม 2553
มูลค่ารายการ: 5.9 ล้านบาท
แหล่งเงินทุนที่ใช้: บริษัททยอยจ่ายค่างวดเป็นรายเดือนโดยมีแหล่งเงินทุนจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
ซึ่งบริษัทคาดว่ามีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอ
เหตุผลและความจำเป็น: บริษัทจัดซื้อยานพาหนะ เพื่อใช้ในกิจกรรมของบริษัท
เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและรักษาภาพลักษณ์ของโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทได้ซื้อจากณุศาศิริ
ความเห็นของคณะกรรมการ: การทำรายการเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท
เป็นการรักษาภาพลักษณ์ของโครงการและทำให้เกิดความต่อเนื่องทางการตลาด
โดยเป็นประโยชน์มากกว่าการซื้อรถใหม่ เนื่องจากราคาเหมาะสม
และราคาที่รับโอนสิทธิเป็นไปตามราคาตลาดทั่วไป จึงมีมติอนุมัติการทำรายการดังกล่าว
ความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบ: ไม่แตกต่างจากคณะกรรมการบริษัท
In search of super stocks
- Hisoka
- Verified User
- โพสต์: 175
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 4
โห บอกว่าพอเพียง แต่ดันให้บริษัทซื้อ Porche มาใช้ สุดยอดไปเลย เยี่ยมครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน
สู้ใช้แค่ toyota camry หรือไม่ก็เบนซ์ แล้วเอาเงินที่เหลือมาใช้ทำการตลาดดีๆ ปรับปรุงเครื่องมือทำมาหากิน
หรือไม่ก็เป็นโบนัสกระตุ้นพนักงานจะไม่ดีกว่าหรือ?
กรรมการก็บ้าจี้อนุมัติไปได้
สู้ใช้แค่ toyota camry หรือไม่ก็เบนซ์ แล้วเอาเงินที่เหลือมาใช้ทำการตลาดดีๆ ปรับปรุงเครื่องมือทำมาหากิน
หรือไม่ก็เป็นโบนัสกระตุ้นพนักงานจะไม่ดีกว่าหรือ?
กรรมการก็บ้าจี้อนุมัติไปได้
- Java The Boy
- Verified User
- โพสต์: 497
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 6
ธรรดามากครับ ซื้อ Porche 5-6 ล้าน ในกลุ่มพวกเศรษฐี เขานิยมกัน ฮิตกันเพื่อสร้างภาพลักษณ์Hisoka เขียน:โห บอกว่าพอเพียง แต่ดันให้บริษัทซื้อ Porche มาใช้ สุดยอดไปเลย เยี่ยมครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน
สู้ใช้แค่ toyota camry หรือไม่ก็เบนซ์ แล้วเอาเงินที่เหลือมาใช้ทำการตลาดดีๆ ปรับปรุงเครื่องมือทำมาหากิน
หรือไม่ก็เป็นโบนัสกระตุ้นพนักงานจะไม่ดีกว่าหรือ?
กรรมการก็บ้าจี้อนุมัติไปได้
ตอนนี้คนขับเบนซ์คันละ 10 M ยังอาจจะดูไม่ไฮโซ ไม่หรู โก้เก๋เท่าคนขับ Porche เลย
คนพวกนี้เขามีกันเป็นชมรม เธอมีฉันก็ต้องซื้อไว้จะได้ไปไหนไปกัน จะได้คุยเรื่องเดียวกัน ธุรกิจอะไรก็คุยกันจบง่ายๆ เวลาไปเที่ยวไปขับรถเที่ยวกัน ขายกันตอนนั้นจบกันตอนนั้นง่ายกว่าเยอะ
อย่าไปติดใจเรื่อง Porche เลย ภาพลักษณ์นั้นสำคัญทีเดียวในการทำธุรกิจ หากมองด้วยสายตาของคนที่เรียบง่าย พอเพียงอาจรู้สึกว่าไม่เหมาะสม ฟุ่มเฟือย ครับ
คนรวยมากๆ นี่บางทีไม่รู้จะเอาตังค์ไปทำอะไรก็มี ใช้ส่งเดช แต่ก็มีการวางแผน เขาให้บริษัทซื้อรถที่อยากใช้ เอาไปหักค่าใช้จ่ายอะไรทำนองเนี้ย เขาทำกันทุกบริษัท บริษัทระดับสิบล้านอาจจะซื้อ คัมรี่ ร้อยล้านซื้อเบนซ์ หรือบีเอ็ม พันล้านก็ซื้ออีกแบบ หรือซื้อทั้งหมด
ประเด็นก็คนอยากให้ไปดูว่า เปามีอะไรดี ธุรกิจและเรื่องราวของเปานั้นน่าสนใจที่จะลงทุนหรือเปล่า
จากคนขับรถซื้อผลผลิตทางการเกษตร รวยเป็นพันล้านทำได้ไง ทำไมเก่ง ทำไมรวย แล้วเป็นคนไม่สุจริตหรือเปล่า ช่วยกันดูเรื่องพวกนี้ ใครมีข้อมูลเอามาแชร์กันจะมีประโยชน์มากทีเดียว
ปล.ไม่มีหุ้น แต่สนใจ เรื่องราวของเปา มันคล้าย TCC Earth และอีกหลายตัวที่ เปลี่ยน Business Model แล้วทำได้ดี บางคนวิเคราะห์ถูกมีข้อมูลมาก ก็ได้ผลตอบแทนมาก ๆ ครับ
ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์มีอยู่ 4 ข้อคือ...
ได้อยู่ในที่อากาศปลอดโปร่ง
พ้นจากความทะเยอทะยาน
ทำงานสร้างสรรค์
และรักใครสักคน ...
"อัลแบร์ กามูส์"
ได้อยู่ในที่อากาศปลอดโปร่ง
พ้นจากความทะเยอทะยาน
ทำงานสร้างสรรค์
และรักใครสักคน ...
"อัลแบร์ กามูส์"
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 8
afraid...น่ากัว
ไม่ผิด แต่ไม่น่าไว้ใจ
http://www.set.or.th/dat/news/201104/11016389.pdf
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
หลักทรัพย์ PAO
แหล่งข่าว SET
หัวข้อข่าว IFA เห็นว่าผู้ถือหุ้น PAO ไม่ควรให้สัตยาบันรายการเกี่ยวโยงกันกับผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท
วันที่/เวลา 25 เม.ย. 2554 19:16:00
เตือนผู้ลงทุน/ศึกษาข้อมูล
เรื่อง : IFA เห็นว่าผู้ถือหุ้น PAO
ไม่ควรให้สัตยาบันรายการเกี่ยวโยงกันกับผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท
ชื่อบริษัท : บริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน) (PAO)
หมายเหตุ :
ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของ PAO มีความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นของ PAO
ควรมีมติไม่ให้สัตยาบันต่อการเข้าทำรายการเกี่ยวโยงกับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ PAO ดังนี้
1. รายการรับโอนสิทธิเช่าซื้อรถยนต์ PORSCHE จากบริษัท ณุศาศิริ แกรนด์ จำกัด (มหาชน) และ
2. การให้เงินกู้ยืมแก่นางสาวเจติยา กฤษณา และนางสาวอรนุช รชตะสมบูรณ์
นอกจากนี้ IFA มีข้อสังเกตต่อรายการจ่ายค่าปรับปรุงห้องชุดในอาคารแบงคอค เมดิเพล็กซ์ให้แก่
ณุศาศิริว่ามีการแก้ไขเงื่อนไขการตกแต่งห้องชุดระหว่างณุศาศิริกับผู้เช่าก่อนที่จะโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด
มาให้ PAO ส่งผลให้ PAO ต้องรับภาระค่าตกแต่งทั้งหมด แต่ IFA
เห็นว่าผู้ถือหุ้นควรมีมติให้สัตยาบันต่อการเข้าทำรายการดังกล่าวเนื่องจากราคาและเงื่อนไขเหมาะสม
และสำหรับรายการขายที่ดินเนื้อที่ 19.30 ตร.ว. ให้แก่เดอะซัคเซส เฮอริเทจ แมเนจเม้นท์ IFA
เห็นว่าราคาขายที่ดินไม่เหมาะสม
แต่ผู้ถือหุ้นควรมีมติให้สัตยาบันต่อการเข้าทำรายการเนื่องจากมีความจำเป็นที่โครงการต้องมีพื้นที่ติดตั้
งตู้มิเตอร์ไฟฟ้า
เพื่อให้โครงการมีระบบสาธารณูปโภคพร้อมสำหรับการเข้าอยู่อาศัยซึ่งเป็นประโยชน์ในการขายโครงการของ PAO
ตลาดหลักทรัพย์จึงขอให้ผู้ถือหุ้นของ PAO
โปรดศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบและเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาวาระการให้สัตยาบันและการอนุมัต
ิการเข้าทำรายการเกี่ยวโยงกันในวันที่ 28 เมษายน 2554 เวลา 8.30 น. ณ ห้องรัชดาบอลรูม (ชั้น 6) โรงแรม
เอส ซี ปาร์ค กรุงเทพ
สรุปข้อมูลสำคัญ
คณะกรรมการบริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน) (PAO) ได้มีมติเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2554
ให้เสนอรายการเกี่ยวโยงที่ PAO เข้าทำรายการกับ บริษัท ณุศาศิริ แกรนด์ จำกัด (มหาชน) (ณุศาศิริ) บริษัท
เค เอ็ม พี พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (เคเอ็มพี) และกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง (รวมเรียกว่ากลุ่มณุศาศิริ)
ซึ่งณุศาศิริและเคเอ็มพี เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ PAO ร้อยละ 46.41 และ 11.73 ตามลำดับ
เพื่อขอสัตยาบันและขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 เมษายน 2554
เรื่องที่ขอสัตยาบันเกี่ยวกับรายการที่ได้ดำเนินการไปแล้วในปี 2553
1. การจ่ายค่าพัฒนาโครงการและสาธารณูปโภคในโครงการณุศาศิริ พระราม 2 ให้แก่ณุศาศิริ
มูลค่า (ลบ.) 76.21
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
2. การซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโครงการณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า จำนวน 4 แปลง จากณุศาศิริ
มูลค่า (ลบ.) 64.00
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
3. การรับโอนสิทธิการเช่าซื้อรถยนต์ PORSCHE จากณุศาศิริ
มูลค่า(ลบ.) 6.43
สรุปความเห็น IFA ไม่ให้สัตยาบัน
4. การชำระค่าปรับปรุงและตกแต่งห้องชุดในอาคารแบงคอค เมดิเพล็กซ์ ให้แก่ณุศาศิริ
มูลค่า(ลบ.) 23.38
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
5. การให้เช่าพื้นที่ห้องชุดในอาคารแบงคอค เมดิเพล็กซ์ แก่บริษัท ไทยเมดิเพล็กซ์ จำกัด
มูลค่า(ลบ.) 47.32
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
6. การซื้อโครงการ พาร์ค เอ็กโซ จากบริษัท ภูศิริ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
มูลค่า(ลบ.) 337.93
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
7. การรับความช่วยเหลือทางการเงินจากบริษัท ภูศิริ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
มูลค่า(ลบ.) 5.11
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
8. การขายที่ดิน 19.30 ตร.ว. โครงการณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า ให้แก่เดอะ ซัคเซส เฮอริเทจ แมเนจเม้นท์
มูลค่า(ลบ.) 1.25
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
9. การว่าจ้าง จี.เค.บิลค์ เพื่อก่อสร้างโครงการของบริษัท
มูลค่า(ลบ.) 214.12
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
10. การซื้ออุปกรณ์ และเครื่องใช้สำนักงานจาก เคเอ็มพี
มูลค่า(ลบ.) 0.19
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
11. การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บุคคลที่เกี่ยวโยงได้แก่
- นางสาวเจติยา กฤษณา มูลค่า(ลบ.) 5.23
- นางสาวอรนุช รชตะสมบูรณ์ มูลค่า(ลบ.) 12.27
สรุปความเห็น IFA ไม่ให้สัตยาบัน*
* ปัจจุบัน PAO ได้รับคืนเงินกู้ทั้งหมดแล้ว และที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2554
มีมติยกเลิกการมอบอำนาจการพิจารณาให้กู้ยืมเงินแก่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
เรื่องที่ขออนุมัติเกี่ยวกับรายการที่จะดำเนินการในปี 2554
1. การซื้ออุปกรณ์สำนักงาน และยานพาหนะจากณุศาศิริ
มูลค่า(ลบ.) 5.87
สรุปความเห็น IFA อนุมัติ
2. การซื้อห้องชุดในอาคารแบงคอค เมดิเพล็กซ์ จากณุศาศิริ
มูลค่า(ลบ.) 83.72
สรุปความเห็น IFA อนุมัติ
3. การรับความช่วยเหลือทางการเงินจากณุศาศิริ จำนวน 100 ลบ.
มูลค่า(ลบ.) 7.63
สรุปความเห็น IFA อนุมัติ
สรุปความเห็นของ IFA
บริษัท เจดี พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) มีความเห็นว่า
ผู้ถือหุ้นควรลงมติให้สัตยาบันและอนุมัติการทำรายการเกี่ยวโยงตามรายการที่คณะกรรมการเสนอต่อที่ประชุมผู้
ถือหุ้น ดังที่กล่าวข้างต้น ยกเว้นรายการรับโอนสิทธิการเช่าซื้อรถยนต์ PORSCHE จากณุศาศิริ
และรายการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่นางสาวเจติยา กฤษณา และนางสาวอรนุช รชตะสมบูรณ์
สรุปความเห็นของ IFA ต่อรายการที่ IFA มีความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นไม่ควรลงมติให้สัตยาบัน ดังนี้
- รายการรับโอนสิทธิการเช่าซื้อรถยนต์ PORSCHE จากณุศาศิริ
ด้วยการรับช่วงการผ่อนชำระหนี้เช่าซื้อส่วนที่เหลืออีก 31 งวด รวมจำนวน 6.43 ลบ.
แม้ว่ารายการดังกล่าวมีความเหมาะสมด้านราคาและเงื่อนไขในการทำรายการ แต่การซื้อรถยนต์ดังกล่าว
โดยมุ่งหวังประโยชน์ด้านการสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทเป็นสำคัญ
อาจเป็นการลงทุนในทรัพย์สินที่ไม่สามารถพิสูจน์ถึงประโยชน์หรือส่งผลให้เกิดรายได้อย่างชัดเจน
อีกทั้งในช่วงที่บริษัทมีแผนงานเร่งสร้างการเติบโตด้านรายได้จากการประกอบธุรกิจ
เพื่อให้พ้นเหตุแห่งการถูกเพิกถอนหลักทรัพย์ และสามารถย้ายกลับมาทำการซื้อขายได้ในหมวดปกติต่อไป
บริษัทควรนำเงินทุนหมุนเวียนที่มีไปใช้ในโครงการที่จะก่อให้เกิดรายได้โดยตรงมากกว่าการซื้อรถยนต์ที่มีรา
คาสูง
หรืออาจนำเงินไปซื้อรถยนต์ใหม่ยี่ห้ออื่นซึ่งมีคุณลักษณะเหมาะสมกับการใช้งานได้โดยมีราคาที่ต่ำกว่า
- รายการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่นางสาวเจติยา กฤษณา และนางสาวอรนุช รชตะสมบูรณ์
แม้ว่ารายการดังกล่าวมีความเหมาะสมด้านราคาและเงื่อนไขในการทำรายการ
แต่เนื่องจากการให้กู้ยืมเงินในลักษณะดังกล่าว มีความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท
หากเกิดกรณีที่ผู้กู้ไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ตามข้อตกลงที่ทำไว้กับบริษัทได้
ประกอบกับบริษัทยังมีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมากเพื่อใช้สำหรับการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย
์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท
อนึ่ง สำหรับรายการเกี่ยวโยงที่ IFA มีความเห็นว่าผู้ถือหุ้นควรให้สัตยาบัน โดยมีข้อสังเกต
และรายการที่มีความเห็นว่าผู้ถือหุ้นควรให้สัตยาบัน แม้ว่าราคาของการเข้าทำรายการไม่เหมาะสมได้แก่
- รายการจ่ายค่าปรับปรุงห้องชุดอาคารแบงคอค เมดิเพล็กซ์ จำนวน 8 ยูนิต ให้แก่ณุศาศิริ
IFA
ได้ตั้งข้อสังเกตว่าการเข้าทำรายการจ่ายค่าปรับปรุงห้องชุดดังกล่าวเป็นผลจากการทำบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติม
สัญญาเช่าระหว่างณุศาศิริกับบริษัท วีเอส เบสท์ คาร์ส จำกัด (ผู้เช่า) เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2552
ที่ระบุให้ณุศาศิริเป็นผู้รับผิดชอบในการตกแต่งพื้นที่เช่าด้วยค่าใช้จ่ายของณุศาศิริเอง
ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวอาจต่างไปจากธรรมเนียมปฏิบัติโดยทั่วไปของธุรกิจให้เช่า
ทั้งนี้การทำบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นการแก้ไขจากสัญญาเดิมลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2552
ที่ระบุให้ วีเอส เบสท์ คาร์ส (ผู้เช่า) เป็นผู้ดำเนินการตกแต่งห้องเช่าด้วยค่าใช้จ่ายของตนเอง
และเงื่อนไขดังกล่าวได้มีการแก้ไขภายหลังวันที่ลงนามในสัญญาซื้อขายทรัพย์สินระหว่าง PAO และณุศาศิริ (24
มิถุนายน 2552) และอยู่ในช่วงก่อนวันที่ PAO รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด (12 กุมภาพันธ์ 2553)
- รายการขายที่ดิน 19.30 ตร.ว. ให้แก่เดอะซัคเซส เฮอริเทจ แมเนจเม้นท์
เพื่อใช้เป็นที่ติดตั้งตู้มิเตอร์ไฟฟ้า สำหรับโครงการณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า
แม้ว่าราคาของการเข้าทำรายการไม่เหมาะสม
โดยราคาขายของที่ดินแปลงข้างเคียงและราคาขายเฉลี่ยของที่ดินแปลงอื่นๆ
ในโครงการสามารถขายได้สูงกว่าราคาเข้าทำรายการดังกล่าว
แต่เนื่องจากมีความจำเป็นสำหรับโครงการที่จะต้องมีพื้นที่ติดตั้งตู้มิเตอร์ไฟฟ้า
เพื่อให้ระบบสาธารณูปโภคของโครงการสมบูรณ์พร้อมต่อการอยู่อาศัย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขายโครงการของ
PAO ด้วย หากผู้ถือหุ้นไม่ให้สัตยาบันในรายการนี้ และต้องมีการรื้อถอนตู้ไฟดังกล่าว
จะต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการขายโครงการณุศาศิริ
สาทร-ปิ่นเกล้า
ความเห็นของคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบ
เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2554 คณะกรรมการตรวจสอบมีมติรับทราบความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
และมีมติยืนยันตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2554
ที่มีมติให้สัตยาบันการเข้าทำรายการและอนุมัติการเข้าทำรายการกับกลุ่มณุศาศิริ
สำหรับรายการรับโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ PORSCHE จากณุศาศิริ
คณะกรรมการตรวจสอบยืนยันความเห็นว่ารายการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท
รวมทั้งเพื่อรักษาภาพลักษณ์ ทำให้เกิดความต่อเนื่องทางการตลาด
เนื่องจากปัจจุบันผู้บริหารของณุศาศิริเป็นผู้บริหารของบริษัท
และราคาที่รับโอนสิทธิเป็นไปตามราคาตลาดทั่วไป
ในขณะที่รายการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในรูปของเงินกู้ยืมแก่บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน
คณะกรรมการตรวจสอบมีความเห็นว่าเป็นการบริหารเงินสดระยะสั้น
โดยผลตอบแทนที่ได้รับสูงกว่าการฝากเงินธนาคาร
และมูลค่าตลาดของหลักประกันมีมูลค่าสูงกว่าวงเงินที่ให้กู้ยืม
ตลาดหลักทรัพย์จึงขอให้ผู้ถือหุ้นของ PAO โปรดศึกษาข้อมูลในรายงานความเห็นของ IFA
ความเห็นของคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบ เกี่ยวกับรายการเกี่ยวโยงอย่างรอบคอบ และขอเชิญผู้ถือหุ้น
PAO เข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นโดยพร้อมเพรียงในวันที่ 28 เมษายน 2554 เวลา 8.30 น. ณ
ห้องรัชดาบอลรูม (ชั้น 6) โรงแรม เอส ซี ปาร์ค กรุงเทพ
สำหรับรายละเอียดของรายงานความเห็น IFA และความเห็นของคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบ
ปรากฏตามข่าวของ PAO ในวันที่ 23, 25 มีนาคม 2554 และวันที่ 4, 12 และ 20 เมษายน 2554
______________________________________________________________________
ไม่ผิด แต่ไม่น่าไว้ใจ
http://www.set.or.th/dat/news/201104/11016389.pdf
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
หลักทรัพย์ PAO
แหล่งข่าว SET
หัวข้อข่าว IFA เห็นว่าผู้ถือหุ้น PAO ไม่ควรให้สัตยาบันรายการเกี่ยวโยงกันกับผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท
วันที่/เวลา 25 เม.ย. 2554 19:16:00
เตือนผู้ลงทุน/ศึกษาข้อมูล
เรื่อง : IFA เห็นว่าผู้ถือหุ้น PAO
ไม่ควรให้สัตยาบันรายการเกี่ยวโยงกันกับผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท
ชื่อบริษัท : บริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน) (PAO)
หมายเหตุ :
ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของ PAO มีความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นของ PAO
ควรมีมติไม่ให้สัตยาบันต่อการเข้าทำรายการเกี่ยวโยงกับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ PAO ดังนี้
1. รายการรับโอนสิทธิเช่าซื้อรถยนต์ PORSCHE จากบริษัท ณุศาศิริ แกรนด์ จำกัด (มหาชน) และ
2. การให้เงินกู้ยืมแก่นางสาวเจติยา กฤษณา และนางสาวอรนุช รชตะสมบูรณ์
นอกจากนี้ IFA มีข้อสังเกตต่อรายการจ่ายค่าปรับปรุงห้องชุดในอาคารแบงคอค เมดิเพล็กซ์ให้แก่
ณุศาศิริว่ามีการแก้ไขเงื่อนไขการตกแต่งห้องชุดระหว่างณุศาศิริกับผู้เช่าก่อนที่จะโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด
มาให้ PAO ส่งผลให้ PAO ต้องรับภาระค่าตกแต่งทั้งหมด แต่ IFA
เห็นว่าผู้ถือหุ้นควรมีมติให้สัตยาบันต่อการเข้าทำรายการดังกล่าวเนื่องจากราคาและเงื่อนไขเหมาะสม
และสำหรับรายการขายที่ดินเนื้อที่ 19.30 ตร.ว. ให้แก่เดอะซัคเซส เฮอริเทจ แมเนจเม้นท์ IFA
เห็นว่าราคาขายที่ดินไม่เหมาะสม
แต่ผู้ถือหุ้นควรมีมติให้สัตยาบันต่อการเข้าทำรายการเนื่องจากมีความจำเป็นที่โครงการต้องมีพื้นที่ติดตั้
งตู้มิเตอร์ไฟฟ้า
เพื่อให้โครงการมีระบบสาธารณูปโภคพร้อมสำหรับการเข้าอยู่อาศัยซึ่งเป็นประโยชน์ในการขายโครงการของ PAO
ตลาดหลักทรัพย์จึงขอให้ผู้ถือหุ้นของ PAO
โปรดศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบและเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาวาระการให้สัตยาบันและการอนุมัต
ิการเข้าทำรายการเกี่ยวโยงกันในวันที่ 28 เมษายน 2554 เวลา 8.30 น. ณ ห้องรัชดาบอลรูม (ชั้น 6) โรงแรม
เอส ซี ปาร์ค กรุงเทพ
สรุปข้อมูลสำคัญ
คณะกรรมการบริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน) (PAO) ได้มีมติเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2554
ให้เสนอรายการเกี่ยวโยงที่ PAO เข้าทำรายการกับ บริษัท ณุศาศิริ แกรนด์ จำกัด (มหาชน) (ณุศาศิริ) บริษัท
เค เอ็ม พี พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (เคเอ็มพี) และกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง (รวมเรียกว่ากลุ่มณุศาศิริ)
ซึ่งณุศาศิริและเคเอ็มพี เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ PAO ร้อยละ 46.41 และ 11.73 ตามลำดับ
เพื่อขอสัตยาบันและขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 เมษายน 2554
เรื่องที่ขอสัตยาบันเกี่ยวกับรายการที่ได้ดำเนินการไปแล้วในปี 2553
1. การจ่ายค่าพัฒนาโครงการและสาธารณูปโภคในโครงการณุศาศิริ พระราม 2 ให้แก่ณุศาศิริ
มูลค่า (ลบ.) 76.21
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
2. การซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโครงการณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า จำนวน 4 แปลง จากณุศาศิริ
มูลค่า (ลบ.) 64.00
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
3. การรับโอนสิทธิการเช่าซื้อรถยนต์ PORSCHE จากณุศาศิริ
มูลค่า(ลบ.) 6.43
สรุปความเห็น IFA ไม่ให้สัตยาบัน
4. การชำระค่าปรับปรุงและตกแต่งห้องชุดในอาคารแบงคอค เมดิเพล็กซ์ ให้แก่ณุศาศิริ
มูลค่า(ลบ.) 23.38
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
5. การให้เช่าพื้นที่ห้องชุดในอาคารแบงคอค เมดิเพล็กซ์ แก่บริษัท ไทยเมดิเพล็กซ์ จำกัด
มูลค่า(ลบ.) 47.32
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
6. การซื้อโครงการ พาร์ค เอ็กโซ จากบริษัท ภูศิริ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
มูลค่า(ลบ.) 337.93
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
7. การรับความช่วยเหลือทางการเงินจากบริษัท ภูศิริ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
มูลค่า(ลบ.) 5.11
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
8. การขายที่ดิน 19.30 ตร.ว. โครงการณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า ให้แก่เดอะ ซัคเซส เฮอริเทจ แมเนจเม้นท์
มูลค่า(ลบ.) 1.25
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
9. การว่าจ้าง จี.เค.บิลค์ เพื่อก่อสร้างโครงการของบริษัท
มูลค่า(ลบ.) 214.12
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
10. การซื้ออุปกรณ์ และเครื่องใช้สำนักงานจาก เคเอ็มพี
มูลค่า(ลบ.) 0.19
สรุปความเห็น IFA ให้สัตยาบัน
11. การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บุคคลที่เกี่ยวโยงได้แก่
- นางสาวเจติยา กฤษณา มูลค่า(ลบ.) 5.23
- นางสาวอรนุช รชตะสมบูรณ์ มูลค่า(ลบ.) 12.27
สรุปความเห็น IFA ไม่ให้สัตยาบัน*
* ปัจจุบัน PAO ได้รับคืนเงินกู้ทั้งหมดแล้ว และที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2554
มีมติยกเลิกการมอบอำนาจการพิจารณาให้กู้ยืมเงินแก่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
เรื่องที่ขออนุมัติเกี่ยวกับรายการที่จะดำเนินการในปี 2554
1. การซื้ออุปกรณ์สำนักงาน และยานพาหนะจากณุศาศิริ
มูลค่า(ลบ.) 5.87
สรุปความเห็น IFA อนุมัติ
2. การซื้อห้องชุดในอาคารแบงคอค เมดิเพล็กซ์ จากณุศาศิริ
มูลค่า(ลบ.) 83.72
สรุปความเห็น IFA อนุมัติ
3. การรับความช่วยเหลือทางการเงินจากณุศาศิริ จำนวน 100 ลบ.
มูลค่า(ลบ.) 7.63
สรุปความเห็น IFA อนุมัติ
สรุปความเห็นของ IFA
บริษัท เจดี พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) มีความเห็นว่า
ผู้ถือหุ้นควรลงมติให้สัตยาบันและอนุมัติการทำรายการเกี่ยวโยงตามรายการที่คณะกรรมการเสนอต่อที่ประชุมผู้
ถือหุ้น ดังที่กล่าวข้างต้น ยกเว้นรายการรับโอนสิทธิการเช่าซื้อรถยนต์ PORSCHE จากณุศาศิริ
และรายการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่นางสาวเจติยา กฤษณา และนางสาวอรนุช รชตะสมบูรณ์
สรุปความเห็นของ IFA ต่อรายการที่ IFA มีความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นไม่ควรลงมติให้สัตยาบัน ดังนี้
- รายการรับโอนสิทธิการเช่าซื้อรถยนต์ PORSCHE จากณุศาศิริ
ด้วยการรับช่วงการผ่อนชำระหนี้เช่าซื้อส่วนที่เหลืออีก 31 งวด รวมจำนวน 6.43 ลบ.
แม้ว่ารายการดังกล่าวมีความเหมาะสมด้านราคาและเงื่อนไขในการทำรายการ แต่การซื้อรถยนต์ดังกล่าว
โดยมุ่งหวังประโยชน์ด้านการสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทเป็นสำคัญ
อาจเป็นการลงทุนในทรัพย์สินที่ไม่สามารถพิสูจน์ถึงประโยชน์หรือส่งผลให้เกิดรายได้อย่างชัดเจน
อีกทั้งในช่วงที่บริษัทมีแผนงานเร่งสร้างการเติบโตด้านรายได้จากการประกอบธุรกิจ
เพื่อให้พ้นเหตุแห่งการถูกเพิกถอนหลักทรัพย์ และสามารถย้ายกลับมาทำการซื้อขายได้ในหมวดปกติต่อไป
บริษัทควรนำเงินทุนหมุนเวียนที่มีไปใช้ในโครงการที่จะก่อให้เกิดรายได้โดยตรงมากกว่าการซื้อรถยนต์ที่มีรา
คาสูง
หรืออาจนำเงินไปซื้อรถยนต์ใหม่ยี่ห้ออื่นซึ่งมีคุณลักษณะเหมาะสมกับการใช้งานได้โดยมีราคาที่ต่ำกว่า
- รายการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่นางสาวเจติยา กฤษณา และนางสาวอรนุช รชตะสมบูรณ์
แม้ว่ารายการดังกล่าวมีความเหมาะสมด้านราคาและเงื่อนไขในการทำรายการ
แต่เนื่องจากการให้กู้ยืมเงินในลักษณะดังกล่าว มีความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท
หากเกิดกรณีที่ผู้กู้ไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ตามข้อตกลงที่ทำไว้กับบริษัทได้
ประกอบกับบริษัทยังมีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมากเพื่อใช้สำหรับการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย
์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท
อนึ่ง สำหรับรายการเกี่ยวโยงที่ IFA มีความเห็นว่าผู้ถือหุ้นควรให้สัตยาบัน โดยมีข้อสังเกต
และรายการที่มีความเห็นว่าผู้ถือหุ้นควรให้สัตยาบัน แม้ว่าราคาของการเข้าทำรายการไม่เหมาะสมได้แก่
- รายการจ่ายค่าปรับปรุงห้องชุดอาคารแบงคอค เมดิเพล็กซ์ จำนวน 8 ยูนิต ให้แก่ณุศาศิริ
IFA
ได้ตั้งข้อสังเกตว่าการเข้าทำรายการจ่ายค่าปรับปรุงห้องชุดดังกล่าวเป็นผลจากการทำบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติม
สัญญาเช่าระหว่างณุศาศิริกับบริษัท วีเอส เบสท์ คาร์ส จำกัด (ผู้เช่า) เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2552
ที่ระบุให้ณุศาศิริเป็นผู้รับผิดชอบในการตกแต่งพื้นที่เช่าด้วยค่าใช้จ่ายของณุศาศิริเอง
ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวอาจต่างไปจากธรรมเนียมปฏิบัติโดยทั่วไปของธุรกิจให้เช่า
ทั้งนี้การทำบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นการแก้ไขจากสัญญาเดิมลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2552
ที่ระบุให้ วีเอส เบสท์ คาร์ส (ผู้เช่า) เป็นผู้ดำเนินการตกแต่งห้องเช่าด้วยค่าใช้จ่ายของตนเอง
และเงื่อนไขดังกล่าวได้มีการแก้ไขภายหลังวันที่ลงนามในสัญญาซื้อขายทรัพย์สินระหว่าง PAO และณุศาศิริ (24
มิถุนายน 2552) และอยู่ในช่วงก่อนวันที่ PAO รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด (12 กุมภาพันธ์ 2553)
- รายการขายที่ดิน 19.30 ตร.ว. ให้แก่เดอะซัคเซส เฮอริเทจ แมเนจเม้นท์
เพื่อใช้เป็นที่ติดตั้งตู้มิเตอร์ไฟฟ้า สำหรับโครงการณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า
แม้ว่าราคาของการเข้าทำรายการไม่เหมาะสม
โดยราคาขายของที่ดินแปลงข้างเคียงและราคาขายเฉลี่ยของที่ดินแปลงอื่นๆ
ในโครงการสามารถขายได้สูงกว่าราคาเข้าทำรายการดังกล่าว
แต่เนื่องจากมีความจำเป็นสำหรับโครงการที่จะต้องมีพื้นที่ติดตั้งตู้มิเตอร์ไฟฟ้า
เพื่อให้ระบบสาธารณูปโภคของโครงการสมบูรณ์พร้อมต่อการอยู่อาศัย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขายโครงการของ
PAO ด้วย หากผู้ถือหุ้นไม่ให้สัตยาบันในรายการนี้ และต้องมีการรื้อถอนตู้ไฟดังกล่าว
จะต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการขายโครงการณุศาศิริ
สาทร-ปิ่นเกล้า
ความเห็นของคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบ
เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2554 คณะกรรมการตรวจสอบมีมติรับทราบความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
และมีมติยืนยันตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2554
ที่มีมติให้สัตยาบันการเข้าทำรายการและอนุมัติการเข้าทำรายการกับกลุ่มณุศาศิริ
สำหรับรายการรับโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ PORSCHE จากณุศาศิริ
คณะกรรมการตรวจสอบยืนยันความเห็นว่ารายการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท
รวมทั้งเพื่อรักษาภาพลักษณ์ ทำให้เกิดความต่อเนื่องทางการตลาด
เนื่องจากปัจจุบันผู้บริหารของณุศาศิริเป็นผู้บริหารของบริษัท
และราคาที่รับโอนสิทธิเป็นไปตามราคาตลาดทั่วไป
ในขณะที่รายการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในรูปของเงินกู้ยืมแก่บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน
คณะกรรมการตรวจสอบมีความเห็นว่าเป็นการบริหารเงินสดระยะสั้น
โดยผลตอบแทนที่ได้รับสูงกว่าการฝากเงินธนาคาร
และมูลค่าตลาดของหลักประกันมีมูลค่าสูงกว่าวงเงินที่ให้กู้ยืม
ตลาดหลักทรัพย์จึงขอให้ผู้ถือหุ้นของ PAO โปรดศึกษาข้อมูลในรายงานความเห็นของ IFA
ความเห็นของคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบ เกี่ยวกับรายการเกี่ยวโยงอย่างรอบคอบ และขอเชิญผู้ถือหุ้น
PAO เข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นโดยพร้อมเพรียงในวันที่ 28 เมษายน 2554 เวลา 8.30 น. ณ
ห้องรัชดาบอลรูม (ชั้น 6) โรงแรม เอส ซี ปาร์ค กรุงเทพ
สำหรับรายละเอียดของรายงานความเห็น IFA และความเห็นของคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบ
ปรากฏตามข่าวของ PAO ในวันที่ 23, 25 มีนาคม 2554 และวันที่ 4, 12 และ 20 เมษายน 2554
______________________________________________________________________
- ^^
- Verified User
- โพสต์: 519
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 9
พี่thailandhandsome คุณหล่อล่ำ คุณthaihunk เห็นชื่อคล้ายๆกัน อิอิ
อ้อไม่รู้มีอีกชื่อ JRด้วยเปล่า อิอิ
หน้าม้าในเวบนี้ระวังตัวดีๆนะ
ที่โน่นมีแมงเม่า ที่นี่มีคนดันเชิงคุณภาพด้วยการพูดเรื่องงบ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 19073.html
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 22502.html
http://www.doohoon.com/smf/index.php?topic=52594.0
---------------------------------------------------------------------
ขายของแพงจริงๆ ลูกบ้านจะเผาตัวเองตายเลยนะนั่น
สรุปสาระข่าว
ลูกบ้าน'ณุศาศิริ'ขู่เผาตัวเอง! เหตุบริษัทสร้างบ้านไม่เสร็จแถมไม่คืนเงินดาวน์ 3.5 ล้านบาท/สคบ.รับลูกเตรียมฟ้องแทน ลูกบ้าน 'ณุศาศิริ' สุดทนเป็นเหยื่อผู้ประกอบการขายบ้าน 2 สัญญา ทุ่มซื้อบ้านหรูราคา 11.6 ล้านในโครงการณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า ปีเศษบ้านไม่เสร็จ แถมต้องเสียค่าเช่าบ้านอยู่ร่วมปี ร้องสคบ.ขอคืนเงินดาวน์-จอง 3.5 ล้านบาท สุดท้ายจ่ายแค่ 3 แสนบาท ที่เหลือให้ไปฟ้องศาล ด้าน "วิษณุ เทพเจริญ" แจงรับผิดชอบแล้วในส่วนค่าจองที่ดิน บอกปัดงานก่อสร้างไม่เกี่ยวเป็นเรื่อง "ณุศาศิริ คอนสตรัคชั่น" ของเครือญาติ ส่วนข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์พบ "เจ๊หมวย" ภรรยานั่งตำแหน่งกรรมการอยู่
นายธวัช สันติพงศ์ชัยศรี ลูกบ้านในโครงการณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า ได้เข้าร้องเรียน "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ตนได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านพร้อมที่ดินในโครงการณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า โดยแบ่งเป็นสองสัญญาคือสัญญาซื้อขายที่ดิน 1 แปลง ขนาดเนื้อที่ 114.98 ตร.ว. มูลค่า 5,749,000 บาท กับบริษัท ณุศาศิริ กรุ๊ป จำกัด และสัญญาซื้อบ้านแบบ Mezzanine พร้อมก่อสร้างบ้านกับบริษัท ณุศาศิริ คอนสตรัคชั่น จำกัด มูลค่าอีกประมาณ 595,000 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 11,699,000 ล้านบาท หนังสือสัญญาลงวันที่ 4 สิงหาคม 2547 ผู้ขายคือนางสาวบุณฑริกา วรรณพิม และมีกำหนดโอนบ้านในวันที่ 4 กันยายน 2548
ทั้งนี้ตนได้ชำระเงินดาวน์ 30% พร้อมเงินจองและเงินทำสัญญา (300,000 บาท) ไปครบแล้วทั้งสิ้น 3,509,700 บาท โดยแบ่งชำระเงินดาวน์เป็นจำนวน 12 งวด ต่อมาเมื่อครบกำหนดโอนบ้าน ปรากฎว่าบ้านยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จโดยในส่วนโครงสร้างบ้านนั้นก่อสร้างไปเพียง 60% เท่านั้น ส่วนถนนเมนและงานร้อยสายไฟฟ้ายังไม่เรียบร้อย ดังนั้นตนจึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยังประธานบริษัท ณุศาศิริ กรุ๊ป จำกัด เพื่อขอให้ก่อสร้างบ้านที่จองไว้ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันนับจากที่ได้รับหนังสือดังกล่าว พร้อมกับสวนสาธารณะ คลับเฮาส์ สระว่ายน้ำ ถนนเข้าออกในโครงการ ตลอดจนไฟฟ้าและแสงสว่างต่างๆ
ทั้งนี้ตนเองมีความจำเป็นต้องย้ายเข้าอยู่เพราะมีภาระค่าใช้จ่ายค่าเช่าบ้านระหว่างรอการก่อสร้างบ้านถึงเดือนละ 50,000 บาท ซึ่งทางบริษัทณุศาศิริ กรุ๊ปฯ เมื่อรับเรื่องแล้วก็แจ้งให้ทางตนทราบว่ายินดีที่จะให้ปรับเป็นจำนวนเงิน 2,500 บาทต่อวัน ซึ่งทางตนรู้สึกเสียความศรัทธาในตัวผู้ประกอบการจึงได้ขอคืนเงินดาวน์ที่ชำระไปทั้งหมดคืนพร้อมสินไหมทดแทนโดยได้ทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2548 และทางสคบ.ได้นัดไกล่เกลี่ยครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2549 โดยทางณุศาศิริ กรุ๊ปฯได้มอบหมายให้นายณัฐพล พลพิชัย เจ้าหน้าที่แผนกนิติกรรม บริษัท ณุศาศิริ คอนสตรัคชั่น จำกัด มาเป็นผู้ดำเนินการไกล่เกลี่ยแทน ซึ่งทางณุศาศิริ คอนสตรัคชั่นฯ ได้ยื่นขอเสนอคืนเงินที่ตนได้ชำระไปแล้วทั้งหมดตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและสัญญาจ้างก่อสร้างอาคาร พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5.75 ต่อปี โดยมีกำหนดชำระภายใน 30 วันนับตั้งแต่ทำบันทึกข้อตกลง
นายธวัช กล่าวต่อว่า ทางตนเห็นว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่เป็นธรรมเนื่องจากงานก่อสร้างได้ล่าช้ามาเป็นเวลานาน ทำให้ตนต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าเช่าบ้านเพิ่มขึ้นถึงเดือนละ 50,000 บาท จึงได้ยื่นขอเสนอให้บริษัทณุศาศิริ คอนสตรัคชั่นฯ ใน 3 ข้อ คือ คืนเงินดาวน์พร้อมเงินจองที่ชำระไปทั้งสิ้น 3,509,700 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยให้ชำระคืนภายใน 15 วัน เป็นจำนวนครั้งเดียว หรือลดอัตราดอกเบี้ยเหลือเพียงร้อยละ 5.75 หากชำระภายใน 7 วัน และหรือ คืนเงินดาวน์ที่ชำระไปทั้งสิ้น พร้อมอัตราดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี และพร้อมชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าเช่าบ้านเดือนละ 50,000 บาท นับแต่วันที่ผิดสัญญาด้วย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเจรจาไกล่เกลี่ยอยู่ร่วม 3 ครั้ง บริษัทณุศาศิริ คอนสตรัคชั่นฯ ได้ขอคืนเงินจองที่ดินก่อนเป็นจำนวน 300,000 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.75ต่อปี และค่าเสียหายจำยอมอีก 50,000 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 377,331,97 บาท โดยมีกำหนดชำระภายในวันที่ 31 มกราคม 2549 จากนั้นจะชำระค่ารับจ้างก่อสร้างที่ตนชำระไปอีก 3,209,700 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.75% ต่อปี รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3,388,838.06 บาท อีกครั้งในวันที่ 10 ภุมภาพันธ์ 2549 แต่เมื่อครบกำหนดชำระ ทางบริษัทณุศาศิริ คอนสตรัคชั่นฯ ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่สคบ.พร้อมตนทราบว่าไม่มีเงินชำระและให้ไปฟ้องร้องเอา
ทั้งนี้เมื่อตนนำเรื่องดังกล่าวปรึกษาสคบ. ก็ได้รับคำตอบว่าหากถึงขั้นฟ้องร้องจะต้องนำเอกสารมาประกอบคำร้องเพิ่มเติมเช่นใบอนุญาติขอจัดสรรและใบอนุญาติก่อสร้างของโครงการณุศาศิริ และใช้เวลานานเป็นปีกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการทางศาล ซึ่งในตอนแรกสคบ.ไม่ได้ชี้แจงว่าจะต้องมีเอกสารเกี่ยวกับใบอนุญาติจัดสรรเข้ามาประกอบคำฟ้องด้วย ทำให้ตนสงสัยว่าสคบ.มีความเป็นธรรมหรือไม่ และขณะนี้ตนได้หมดหวังในหนทางที่จะได้เงินคืนแล้วไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่คิดว่าจะเอาน้ำมันราดตัวเองแล้วเผาเพื่อให้สังคมได้รับรู้
สำหรับเหตุผลที่เลือกซื้อโครงการบ้านณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า เนื่องจากผู้ขายได้นำเสนอของแถมเป็นจำนวนมาก เช่นแถมชุดเคาน์เตอร์ครัวและเตรียมอาหารของโมเดิร์นฟอร์ม ในวงเงิน 200,000 บาท, เครื่องปรับอากาศ 8 เครื่อง,จัดสวนรอบบ้านในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท, ชำระค่าจดทะเบียนในการโอนกรรมสิทธิ์คนละครึ่ง เป็นต้น
ด้าน นางรัศมี วิศทเวทย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทางสคบ.จะยื่นเรื่องดังกล่าวเข้าไปยังคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยอีกครั้งก่อน เมื่อไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้จะยื่นเรื่องดังกล่าวไปให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาส่งฟ้องศาลซึ่งคณะกรรมการชุดใหญ่จะมีการประชุมในเดือนเมษายนนี้แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถประชุมได้หรือไม่จากปัญหาทางการเมือง
ต่อเรื่องดังกล่าวนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้สอบถามไปยังนายวิษณุ เทพเจริญ ประธานกรรมการบริหารและประธานกรรมการ บริษัท ณุศาศิริ กรุ๊ป จำกัด และได้เปิดเผยว่า บริษัท ณุศาศิริ กรุ๊ป จำกัด ได้รับผิดชอบเฉพาะเงินค่าจองที่ดินเป็นจำนวน 300,000 บาท และได้ชำระให้กับลูกค้าไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 3,388,838.06 บาท เป็นความรับผิดชอบของบริษัท ณุศาศิริ คอนสครัคชั่น จำกัด ผู้รับจ้างก่อสร้างซึ่งเป็นของเครือญาติที่ร่วมทุนกับคนนอกโดยตนนั้นไม่ได้มีถือหุ้นในณุศาศิริ คอนสครัคชั่นฯ และเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ความผิดของโครงการ ในเรื่องของงานก่อสร้าง ทุกโครงการย่อมมีการดีเลย์ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้ามีเจตนาที่จะซื้อหรือไม่ หากลูกค้าอ่อนไหวง่ายและต้องยอมให้กับลูกค้าทุกรายก็คงจะแย่
อย่างไรก็ตาม หากลูกค้าต้องการฟ้องก็คงต้องปล่อยให้ฟ้องไป แต่ลูกค้ามักไม่ยอมรับว่าเหตุผลที่ช้าส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าลูกค้ามีการเปลี่ยนแบบบ้าน ส่วนกรณีที่บริษัท ณุศาศริ คอนสครัคชั่นฯ แจ้งกับลูกค้าไปว่าไม่มีเงินมาชำระนั้น ตนไม่ทราบว่าบริษัทขาดสภาพคล่องทางการเงินหรือไม่แต่ผู้รับก่อสร้างต้องใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก รวมถึงบ้านแปลงที่ลูกค้าดังกล่าวซื้อก็ต้องแบกภาระค่าก่อสร้างเป็นมูลค่า 10 ล้านบาท ปัจจุบันนี้บ้านหลังดังกล่าวก่อสร้างเสร็จแล้ว และบริษัทก็ไม่ได้มีผู้รับเหมาดังกล่าวทำงานให้กับบริษัทเพียงรายเดียว
ทั้งนี้ การตรวจสอบข้อมูลจากกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า บริษัท ณุศาศิริ คอนสตรัคชั่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2546 มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ผู้มีอำนาจตามสบช. 3 นางสาวกมลพร กฤษณา กรรมการ คือนางศิริมล เทพเจริญ ภรรยานายวิษณุ เทพเจริญ และมีที่ตั้งเดียวกับบริษัท ณุศาศิริ จำกัด คือ เลขที่ 52/9 หมู่ที่ 13 ถนนกรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10240
http://www.thaiappraisal.org/thai/newsd ... ewsd81.htm
หมายเหตุ โหงวเฮ้งบอกอะไรคุณได้เยอะ
อ้อไม่รู้มีอีกชื่อ JRด้วยเปล่า อิอิ
หน้าม้าในเวบนี้ระวังตัวดีๆนะ
ที่โน่นมีแมงเม่า ที่นี่มีคนดันเชิงคุณภาพด้วยการพูดเรื่องงบ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 19073.html
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 22502.html
http://www.doohoon.com/smf/index.php?topic=52594.0
---------------------------------------------------------------------
ขายของแพงจริงๆ ลูกบ้านจะเผาตัวเองตายเลยนะนั่น
สรุปสาระข่าว
ลูกบ้าน'ณุศาศิริ'ขู่เผาตัวเอง! เหตุบริษัทสร้างบ้านไม่เสร็จแถมไม่คืนเงินดาวน์ 3.5 ล้านบาท/สคบ.รับลูกเตรียมฟ้องแทน ลูกบ้าน 'ณุศาศิริ' สุดทนเป็นเหยื่อผู้ประกอบการขายบ้าน 2 สัญญา ทุ่มซื้อบ้านหรูราคา 11.6 ล้านในโครงการณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า ปีเศษบ้านไม่เสร็จ แถมต้องเสียค่าเช่าบ้านอยู่ร่วมปี ร้องสคบ.ขอคืนเงินดาวน์-จอง 3.5 ล้านบาท สุดท้ายจ่ายแค่ 3 แสนบาท ที่เหลือให้ไปฟ้องศาล ด้าน "วิษณุ เทพเจริญ" แจงรับผิดชอบแล้วในส่วนค่าจองที่ดิน บอกปัดงานก่อสร้างไม่เกี่ยวเป็นเรื่อง "ณุศาศิริ คอนสตรัคชั่น" ของเครือญาติ ส่วนข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์พบ "เจ๊หมวย" ภรรยานั่งตำแหน่งกรรมการอยู่
นายธวัช สันติพงศ์ชัยศรี ลูกบ้านในโครงการณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า ได้เข้าร้องเรียน "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ตนได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านพร้อมที่ดินในโครงการณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า โดยแบ่งเป็นสองสัญญาคือสัญญาซื้อขายที่ดิน 1 แปลง ขนาดเนื้อที่ 114.98 ตร.ว. มูลค่า 5,749,000 บาท กับบริษัท ณุศาศิริ กรุ๊ป จำกัด และสัญญาซื้อบ้านแบบ Mezzanine พร้อมก่อสร้างบ้านกับบริษัท ณุศาศิริ คอนสตรัคชั่น จำกัด มูลค่าอีกประมาณ 595,000 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 11,699,000 ล้านบาท หนังสือสัญญาลงวันที่ 4 สิงหาคม 2547 ผู้ขายคือนางสาวบุณฑริกา วรรณพิม และมีกำหนดโอนบ้านในวันที่ 4 กันยายน 2548
ทั้งนี้ตนได้ชำระเงินดาวน์ 30% พร้อมเงินจองและเงินทำสัญญา (300,000 บาท) ไปครบแล้วทั้งสิ้น 3,509,700 บาท โดยแบ่งชำระเงินดาวน์เป็นจำนวน 12 งวด ต่อมาเมื่อครบกำหนดโอนบ้าน ปรากฎว่าบ้านยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จโดยในส่วนโครงสร้างบ้านนั้นก่อสร้างไปเพียง 60% เท่านั้น ส่วนถนนเมนและงานร้อยสายไฟฟ้ายังไม่เรียบร้อย ดังนั้นตนจึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยังประธานบริษัท ณุศาศิริ กรุ๊ป จำกัด เพื่อขอให้ก่อสร้างบ้านที่จองไว้ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันนับจากที่ได้รับหนังสือดังกล่าว พร้อมกับสวนสาธารณะ คลับเฮาส์ สระว่ายน้ำ ถนนเข้าออกในโครงการ ตลอดจนไฟฟ้าและแสงสว่างต่างๆ
ทั้งนี้ตนเองมีความจำเป็นต้องย้ายเข้าอยู่เพราะมีภาระค่าใช้จ่ายค่าเช่าบ้านระหว่างรอการก่อสร้างบ้านถึงเดือนละ 50,000 บาท ซึ่งทางบริษัทณุศาศิริ กรุ๊ปฯ เมื่อรับเรื่องแล้วก็แจ้งให้ทางตนทราบว่ายินดีที่จะให้ปรับเป็นจำนวนเงิน 2,500 บาทต่อวัน ซึ่งทางตนรู้สึกเสียความศรัทธาในตัวผู้ประกอบการจึงได้ขอคืนเงินดาวน์ที่ชำระไปทั้งหมดคืนพร้อมสินไหมทดแทนโดยได้ทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2548 และทางสคบ.ได้นัดไกล่เกลี่ยครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2549 โดยทางณุศาศิริ กรุ๊ปฯได้มอบหมายให้นายณัฐพล พลพิชัย เจ้าหน้าที่แผนกนิติกรรม บริษัท ณุศาศิริ คอนสตรัคชั่น จำกัด มาเป็นผู้ดำเนินการไกล่เกลี่ยแทน ซึ่งทางณุศาศิริ คอนสตรัคชั่นฯ ได้ยื่นขอเสนอคืนเงินที่ตนได้ชำระไปแล้วทั้งหมดตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและสัญญาจ้างก่อสร้างอาคาร พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5.75 ต่อปี โดยมีกำหนดชำระภายใน 30 วันนับตั้งแต่ทำบันทึกข้อตกลง
นายธวัช กล่าวต่อว่า ทางตนเห็นว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่เป็นธรรมเนื่องจากงานก่อสร้างได้ล่าช้ามาเป็นเวลานาน ทำให้ตนต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าเช่าบ้านเพิ่มขึ้นถึงเดือนละ 50,000 บาท จึงได้ยื่นขอเสนอให้บริษัทณุศาศิริ คอนสตรัคชั่นฯ ใน 3 ข้อ คือ คืนเงินดาวน์พร้อมเงินจองที่ชำระไปทั้งสิ้น 3,509,700 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยให้ชำระคืนภายใน 15 วัน เป็นจำนวนครั้งเดียว หรือลดอัตราดอกเบี้ยเหลือเพียงร้อยละ 5.75 หากชำระภายใน 7 วัน และหรือ คืนเงินดาวน์ที่ชำระไปทั้งสิ้น พร้อมอัตราดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี และพร้อมชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าเช่าบ้านเดือนละ 50,000 บาท นับแต่วันที่ผิดสัญญาด้วย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเจรจาไกล่เกลี่ยอยู่ร่วม 3 ครั้ง บริษัทณุศาศิริ คอนสตรัคชั่นฯ ได้ขอคืนเงินจองที่ดินก่อนเป็นจำนวน 300,000 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.75ต่อปี และค่าเสียหายจำยอมอีก 50,000 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 377,331,97 บาท โดยมีกำหนดชำระภายในวันที่ 31 มกราคม 2549 จากนั้นจะชำระค่ารับจ้างก่อสร้างที่ตนชำระไปอีก 3,209,700 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.75% ต่อปี รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3,388,838.06 บาท อีกครั้งในวันที่ 10 ภุมภาพันธ์ 2549 แต่เมื่อครบกำหนดชำระ ทางบริษัทณุศาศิริ คอนสตรัคชั่นฯ ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่สคบ.พร้อมตนทราบว่าไม่มีเงินชำระและให้ไปฟ้องร้องเอา
ทั้งนี้เมื่อตนนำเรื่องดังกล่าวปรึกษาสคบ. ก็ได้รับคำตอบว่าหากถึงขั้นฟ้องร้องจะต้องนำเอกสารมาประกอบคำร้องเพิ่มเติมเช่นใบอนุญาติขอจัดสรรและใบอนุญาติก่อสร้างของโครงการณุศาศิริ และใช้เวลานานเป็นปีกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการทางศาล ซึ่งในตอนแรกสคบ.ไม่ได้ชี้แจงว่าจะต้องมีเอกสารเกี่ยวกับใบอนุญาติจัดสรรเข้ามาประกอบคำฟ้องด้วย ทำให้ตนสงสัยว่าสคบ.มีความเป็นธรรมหรือไม่ และขณะนี้ตนได้หมดหวังในหนทางที่จะได้เงินคืนแล้วไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่คิดว่าจะเอาน้ำมันราดตัวเองแล้วเผาเพื่อให้สังคมได้รับรู้
สำหรับเหตุผลที่เลือกซื้อโครงการบ้านณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า เนื่องจากผู้ขายได้นำเสนอของแถมเป็นจำนวนมาก เช่นแถมชุดเคาน์เตอร์ครัวและเตรียมอาหารของโมเดิร์นฟอร์ม ในวงเงิน 200,000 บาท, เครื่องปรับอากาศ 8 เครื่อง,จัดสวนรอบบ้านในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท, ชำระค่าจดทะเบียนในการโอนกรรมสิทธิ์คนละครึ่ง เป็นต้น
ด้าน นางรัศมี วิศทเวทย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทางสคบ.จะยื่นเรื่องดังกล่าวเข้าไปยังคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยอีกครั้งก่อน เมื่อไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้จะยื่นเรื่องดังกล่าวไปให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาส่งฟ้องศาลซึ่งคณะกรรมการชุดใหญ่จะมีการประชุมในเดือนเมษายนนี้แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถประชุมได้หรือไม่จากปัญหาทางการเมือง
ต่อเรื่องดังกล่าวนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้สอบถามไปยังนายวิษณุ เทพเจริญ ประธานกรรมการบริหารและประธานกรรมการ บริษัท ณุศาศิริ กรุ๊ป จำกัด และได้เปิดเผยว่า บริษัท ณุศาศิริ กรุ๊ป จำกัด ได้รับผิดชอบเฉพาะเงินค่าจองที่ดินเป็นจำนวน 300,000 บาท และได้ชำระให้กับลูกค้าไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 3,388,838.06 บาท เป็นความรับผิดชอบของบริษัท ณุศาศิริ คอนสครัคชั่น จำกัด ผู้รับจ้างก่อสร้างซึ่งเป็นของเครือญาติที่ร่วมทุนกับคนนอกโดยตนนั้นไม่ได้มีถือหุ้นในณุศาศิริ คอนสครัคชั่นฯ และเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ความผิดของโครงการ ในเรื่องของงานก่อสร้าง ทุกโครงการย่อมมีการดีเลย์ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้ามีเจตนาที่จะซื้อหรือไม่ หากลูกค้าอ่อนไหวง่ายและต้องยอมให้กับลูกค้าทุกรายก็คงจะแย่
อย่างไรก็ตาม หากลูกค้าต้องการฟ้องก็คงต้องปล่อยให้ฟ้องไป แต่ลูกค้ามักไม่ยอมรับว่าเหตุผลที่ช้าส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าลูกค้ามีการเปลี่ยนแบบบ้าน ส่วนกรณีที่บริษัท ณุศาศริ คอนสครัคชั่นฯ แจ้งกับลูกค้าไปว่าไม่มีเงินมาชำระนั้น ตนไม่ทราบว่าบริษัทขาดสภาพคล่องทางการเงินหรือไม่แต่ผู้รับก่อสร้างต้องใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก รวมถึงบ้านแปลงที่ลูกค้าดังกล่าวซื้อก็ต้องแบกภาระค่าก่อสร้างเป็นมูลค่า 10 ล้านบาท ปัจจุบันนี้บ้านหลังดังกล่าวก่อสร้างเสร็จแล้ว และบริษัทก็ไม่ได้มีผู้รับเหมาดังกล่าวทำงานให้กับบริษัทเพียงรายเดียว
ทั้งนี้ การตรวจสอบข้อมูลจากกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า บริษัท ณุศาศิริ คอนสตรัคชั่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2546 มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ผู้มีอำนาจตามสบช. 3 นางสาวกมลพร กฤษณา กรรมการ คือนางศิริมล เทพเจริญ ภรรยานายวิษณุ เทพเจริญ และมีที่ตั้งเดียวกับบริษัท ณุศาศิริ จำกัด คือ เลขที่ 52/9 หมู่ที่ 13 ถนนกรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10240
http://www.thaiappraisal.org/thai/newsd ... ewsd81.htm
หมายเหตุ โหงวเฮ้งบอกอะไรคุณได้เยอะ
หุ้นมันอยู่รอบๆตัวเราเสมอ
- Java The Boy
- Verified User
- โพสต์: 497
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 11
อืม เสียชื่อทีเดียวเชียว ผบห.ตอบไม่น่าฟังเลย แต่ลูกบ้านก็เหลือเกิน ยาวเลยทีนี้
ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์มีอยู่ 4 ข้อคือ...
ได้อยู่ในที่อากาศปลอดโปร่ง
พ้นจากความทะเยอทะยาน
ทำงานสร้างสรรค์
และรักใครสักคน ...
"อัลแบร์ กามูส์"
ได้อยู่ในที่อากาศปลอดโปร่ง
พ้นจากความทะเยอทะยาน
ทำงานสร้างสรรค์
และรักใครสักคน ...
"อัลแบร์ กามูส์"
- ^^
- Verified User
- โพสต์: 519
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 12
investment biker เขียน:เหตุผลและความจำเป็น: บริษัทจัดซื้อยานพาหนะ เพื่อใช้ในกิจกรรมของบริษัท เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและรักษาภาพลักษณ์ของโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทได้ซื้อจากณุศาศิริ
ความเห็นของคณะกรรมการ: การทำรายการเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท
คณะกรรมการก็เห็นด้วย ช่วยส่วนไหนให้บริษัทกำไรหรอ ค่าการตลาดแพงกว่าสินค้าที่ขาย อิอิ
หุ้นมันอยู่รอบๆตัวเราเสมอ
- ^^
- Verified User
- โพสต์: 519
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 13
หุ้นมันอยู่รอบๆตัวเราเสมอ
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 15
ตอบคุณที่โพสต์ที่แม้แต่ชื่อก็ไม่มี เป็นเครื่องหมายอย่างเดียว เหมือนตัวประหลาดอะไรสักอย่างน่ะครับ^^ เขียน:พี่thailandhandsome คุณหล่อล่ำ คุณthaihunk เห็นชื่อคล้ายๆกัน อิอิ
อ้อไม่รู้มีอีกชื่อ JRด้วยเปล่า อิอิ
หน้าม้าในเวบนี้ระวังตัวดีๆนะ
ที่โน่นมีแมงเม่า ที่นี่มีคนดันเชิงคุณภาพด้วยการพูดเรื่องงบ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 19073.html
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 22502.html
http://www.doohoon.com/smf/index.php?topic=52594.0
---------------------------------------------------------------------
ขายของแพงจริงๆ ลูกบ้านจะเผาตัวเองตายเลยนะนั่น
สรุปสาระข่าว
ลูกบ้าน'ณุศาศิริ'ขู่เผาตัวเอง! เหตุบริษัทสร้างบ้านไม่เสร็จแถมไม่คืนเงินดาวน์ 3.5 ล้านบาท/สคบ.รับลูกเตรียมฟ้องแทน ลูกบ้าน 'ณุศาศิริ' สุดทนเป็นเหยื่อผู้ประกอบการขายบ้าน 2 สัญญา ทุ่มซื้อบ้านหรูราคา 11.6 ล้านในโครงการณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า ปีเศษบ้านไม่เสร็จ แถมต้องเสียค่าเช่าบ้านอยู่ร่วมปี ร้องสคบ.ขอคืนเงินดาวน์-จอง 3.5 ล้านบาท สุดท้ายจ่ายแค่ 3 แสนบาท ที่เหลือให้ไปฟ้องศาล ด้าน "วิษณุ เทพเจริญ" แจงรับผิดชอบแล้วในส่วนค่าจองที่ดิน บอกปัดงานก่อสร้างไม่เกี่ยวเป็นเรื่อง "ณุศาศิริ คอนสตรัคชั่น" ของเครือญาติ ส่วนข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์พบ "เจ๊หมวย" ภรรยานั่งตำแหน่งกรรมการอยู่
นายธวัช สันติพงศ์ชัยศรี ลูกบ้านในโครงการณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า ได้เข้าร้องเรียน "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ตนได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านพร้อมที่ดินในโครงการณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า โดยแบ่งเป็นสองสัญญาคือสัญญาซื้อขายที่ดิน 1 แปลง ขนาดเนื้อที่ 114.98 ตร.ว. มูลค่า 5,749,000 บาท กับบริษัท ณุศาศิริ กรุ๊ป จำกัด และสัญญาซื้อบ้านแบบ Mezzanine พร้อมก่อสร้างบ้านกับบริษัท ณุศาศิริ คอนสตรัคชั่น จำกัด มูลค่าอีกประมาณ 595,000 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 11,699,000 ล้านบาท หนังสือสัญญาลงวันที่ 4 สิงหาคม 2547 ผู้ขายคือนางสาวบุณฑริกา วรรณพิม และมีกำหนดโอนบ้านในวันที่ 4 กันยายน 2548
ทั้งนี้ตนได้ชำระเงินดาวน์ 30% พร้อมเงินจองและเงินทำสัญญา (300,000 บาท) ไปครบแล้วทั้งสิ้น 3,509,700 บาท โดยแบ่งชำระเงินดาวน์เป็นจำนวน 12 งวด ต่อมาเมื่อครบกำหนดโอนบ้าน ปรากฎว่าบ้านยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จโดยในส่วนโครงสร้างบ้านนั้นก่อสร้างไปเพียง 60% เท่านั้น ส่วนถนนเมนและงานร้อยสายไฟฟ้ายังไม่เรียบร้อย ดังนั้นตนจึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยังประธานบริษัท ณุศาศิริ กรุ๊ป จำกัด เพื่อขอให้ก่อสร้างบ้านที่จองไว้ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันนับจากที่ได้รับหนังสือดังกล่าว พร้อมกับสวนสาธารณะ คลับเฮาส์ สระว่ายน้ำ ถนนเข้าออกในโครงการ ตลอดจนไฟฟ้าและแสงสว่างต่างๆ
ทั้งนี้ตนเองมีความจำเป็นต้องย้ายเข้าอยู่เพราะมีภาระค่าใช้จ่ายค่าเช่าบ้านระหว่างรอการก่อสร้างบ้านถึงเดือนละ 50,000 บาท ซึ่งทางบริษัทณุศาศิริ กรุ๊ปฯ เมื่อรับเรื่องแล้วก็แจ้งให้ทางตนทราบว่ายินดีที่จะให้ปรับเป็นจำนวนเงิน 2,500 บาทต่อวัน ซึ่งทางตนรู้สึกเสียความศรัทธาในตัวผู้ประกอบการจึงได้ขอคืนเงินดาวน์ที่ชำระไปทั้งหมดคืนพร้อมสินไหมทดแทนโดยได้ทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2548 และทางสคบ.ได้นัดไกล่เกลี่ยครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2549 โดยทางณุศาศิริ กรุ๊ปฯได้มอบหมายให้นายณัฐพล พลพิชัย เจ้าหน้าที่แผนกนิติกรรม บริษัท ณุศาศิริ คอนสตรัคชั่น จำกัด มาเป็นผู้ดำเนินการไกล่เกลี่ยแทน ซึ่งทางณุศาศิริ คอนสตรัคชั่นฯ ได้ยื่นขอเสนอคืนเงินที่ตนได้ชำระไปแล้วทั้งหมดตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและสัญญาจ้างก่อสร้างอาคาร พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5.75 ต่อปี โดยมีกำหนดชำระภายใน 30 วันนับตั้งแต่ทำบันทึกข้อตกลง
นายธวัช กล่าวต่อว่า ทางตนเห็นว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่เป็นธรรมเนื่องจากงานก่อสร้างได้ล่าช้ามาเป็นเวลานาน ทำให้ตนต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าเช่าบ้านเพิ่มขึ้นถึงเดือนละ 50,000 บาท จึงได้ยื่นขอเสนอให้บริษัทณุศาศิริ คอนสตรัคชั่นฯ ใน 3 ข้อ คือ คืนเงินดาวน์พร้อมเงินจองที่ชำระไปทั้งสิ้น 3,509,700 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยให้ชำระคืนภายใน 15 วัน เป็นจำนวนครั้งเดียว หรือลดอัตราดอกเบี้ยเหลือเพียงร้อยละ 5.75 หากชำระภายใน 7 วัน และหรือ คืนเงินดาวน์ที่ชำระไปทั้งสิ้น พร้อมอัตราดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี และพร้อมชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าเช่าบ้านเดือนละ 50,000 บาท นับแต่วันที่ผิดสัญญาด้วย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเจรจาไกล่เกลี่ยอยู่ร่วม 3 ครั้ง บริษัทณุศาศิริ คอนสตรัคชั่นฯ ได้ขอคืนเงินจองที่ดินก่อนเป็นจำนวน 300,000 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.75ต่อปี และค่าเสียหายจำยอมอีก 50,000 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 377,331,97 บาท โดยมีกำหนดชำระภายในวันที่ 31 มกราคม 2549 จากนั้นจะชำระค่ารับจ้างก่อสร้างที่ตนชำระไปอีก 3,209,700 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.75% ต่อปี รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3,388,838.06 บาท อีกครั้งในวันที่ 10 ภุมภาพันธ์ 2549 แต่เมื่อครบกำหนดชำระ ทางบริษัทณุศาศิริ คอนสตรัคชั่นฯ ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่สคบ.พร้อมตนทราบว่าไม่มีเงินชำระและให้ไปฟ้องร้องเอา
ทั้งนี้เมื่อตนนำเรื่องดังกล่าวปรึกษาสคบ. ก็ได้รับคำตอบว่าหากถึงขั้นฟ้องร้องจะต้องนำเอกสารมาประกอบคำร้องเพิ่มเติมเช่นใบอนุญาติขอจัดสรรและใบอนุญาติก่อสร้างของโครงการณุศาศิริ และใช้เวลานานเป็นปีกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการทางศาล ซึ่งในตอนแรกสคบ.ไม่ได้ชี้แจงว่าจะต้องมีเอกสารเกี่ยวกับใบอนุญาติจัดสรรเข้ามาประกอบคำฟ้องด้วย ทำให้ตนสงสัยว่าสคบ.มีความเป็นธรรมหรือไม่ และขณะนี้ตนได้หมดหวังในหนทางที่จะได้เงินคืนแล้วไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่คิดว่าจะเอาน้ำมันราดตัวเองแล้วเผาเพื่อให้สังคมได้รับรู้
สำหรับเหตุผลที่เลือกซื้อโครงการบ้านณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า เนื่องจากผู้ขายได้นำเสนอของแถมเป็นจำนวนมาก เช่นแถมชุดเคาน์เตอร์ครัวและเตรียมอาหารของโมเดิร์นฟอร์ม ในวงเงิน 200,000 บาท, เครื่องปรับอากาศ 8 เครื่อง,จัดสวนรอบบ้านในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท, ชำระค่าจดทะเบียนในการโอนกรรมสิทธิ์คนละครึ่ง เป็นต้น
ด้าน นางรัศมี วิศทเวทย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทางสคบ.จะยื่นเรื่องดังกล่าวเข้าไปยังคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยอีกครั้งก่อน เมื่อไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้จะยื่นเรื่องดังกล่าวไปให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาส่งฟ้องศาลซึ่งคณะกรรมการชุดใหญ่จะมีการประชุมในเดือนเมษายนนี้แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถประชุมได้หรือไม่จากปัญหาทางการเมือง
ต่อเรื่องดังกล่าวนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้สอบถามไปยังนายวิษณุ เทพเจริญ ประธานกรรมการบริหารและประธานกรรมการ บริษัท ณุศาศิริ กรุ๊ป จำกัด และได้เปิดเผยว่า บริษัท ณุศาศิริ กรุ๊ป จำกัด ได้รับผิดชอบเฉพาะเงินค่าจองที่ดินเป็นจำนวน 300,000 บาท และได้ชำระให้กับลูกค้าไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 3,388,838.06 บาท เป็นความรับผิดชอบของบริษัท ณุศาศิริ คอนสครัคชั่น จำกัด ผู้รับจ้างก่อสร้างซึ่งเป็นของเครือญาติที่ร่วมทุนกับคนนอกโดยตนนั้นไม่ได้มีถือหุ้นในณุศาศิริ คอนสครัคชั่นฯ และเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ความผิดของโครงการ ในเรื่องของงานก่อสร้าง ทุกโครงการย่อมมีการดีเลย์ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้ามีเจตนาที่จะซื้อหรือไม่ หากลูกค้าอ่อนไหวง่ายและต้องยอมให้กับลูกค้าทุกรายก็คงจะแย่
อย่างไรก็ตาม หากลูกค้าต้องการฟ้องก็คงต้องปล่อยให้ฟ้องไป แต่ลูกค้ามักไม่ยอมรับว่าเหตุผลที่ช้าส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าลูกค้ามีการเปลี่ยนแบบบ้าน ส่วนกรณีที่บริษัท ณุศาศริ คอนสครัคชั่นฯ แจ้งกับลูกค้าไปว่าไม่มีเงินมาชำระนั้น ตนไม่ทราบว่าบริษัทขาดสภาพคล่องทางการเงินหรือไม่แต่ผู้รับก่อสร้างต้องใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก รวมถึงบ้านแปลงที่ลูกค้าดังกล่าวซื้อก็ต้องแบกภาระค่าก่อสร้างเป็นมูลค่า 10 ล้านบาท ปัจจุบันนี้บ้านหลังดังกล่าวก่อสร้างเสร็จแล้ว และบริษัทก็ไม่ได้มีผู้รับเหมาดังกล่าวทำงานให้กับบริษัทเพียงรายเดียว
ทั้งนี้ การตรวจสอบข้อมูลจากกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า บริษัท ณุศาศิริ คอนสตรัคชั่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2546 มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ผู้มีอำนาจตามสบช. 3 นางสาวกมลพร กฤษณา กรรมการ คือนางศิริมล เทพเจริญ ภรรยานายวิษณุ เทพเจริญ และมีที่ตั้งเดียวกับบริษัท ณุศาศิริ จำกัด คือ เลขที่ 52/9 หมู่ที่ 13 ถนนกรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10240
http://www.thaiappraisal.org/thai/newsd ... ewsd81.htm
หมายเหตุ โหงวเฮ้งบอกอะไรคุณได้เยอะ
คุณเที่ยวไปขุดเอาเรื่องเก่าๆ ที่มันจบกันไปเรียบร้อยแล้วตั้งกี่ปีมาแล้ว นี่มันปี 2554 แล้ว เขาเคลียร์กันจบเรียบร้อยแล้วครับ
อ้อ ถ้าโหงวเฮ้งบอกอะไรได้เยอะ แต่คุณที่ไม่มีแม้แต่ชื่อ แต่ใช้เครื่องหมายแทนตัวนี่ มันหมายถึงอะไรดี???
- ^^
- Verified User
- โพสต์: 519
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 16
ตกลงคุณคือคนนั้นหรอครับที่เป็นข่าวกัน ผมเพิ่งรู้
เพราะคนๆนั้นมักจะแนะนำแต่หุ้นเล็กๆเน่าๆ และเอาข่าวเสี่ยโน่นนี้ซื้อ biglotที่หาไม่เจอ
ให้แมงเม่าเข้าไป ไปหลายๆเวบแล้วก็เปลี่ยนชื่อ
แต่หุ้นตัวเดิมๆ คือเน่า คุณคงไม่ใช่มั้งคนๆนั้น
โหงวเฮ้ง ผมไม่ได้บอกถึงคุณ ผมไม่เคยเห็นหน้าคุณนิ
เพราะคนๆนั้นมักจะแนะนำแต่หุ้นเล็กๆเน่าๆ และเอาข่าวเสี่ยโน่นนี้ซื้อ biglotที่หาไม่เจอ
ให้แมงเม่าเข้าไป ไปหลายๆเวบแล้วก็เปลี่ยนชื่อ
แต่หุ้นตัวเดิมๆ คือเน่า คุณคงไม่ใช่มั้งคนๆนั้น
โหงวเฮ้ง ผมไม่ได้บอกถึงคุณ ผมไม่เคยเห็นหน้าคุณนิ
หุ้นมันอยู่รอบๆตัวเราเสมอ
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 17
ผมก็เป็นผม ไม่ได้เป็นใครอย่างที่คุณมาเหมารวม แต่ผมสงสัยในความประหลาดของคุณไง???^^ เขียน:ตกลงคุณคือคนนั้นหรอครับที่เป็นข่าวกัน ผมเพิ่งรู้
เพราะคนๆนั้นมักจะแนะนำแต่หุ้นเล็กๆเน่าๆ และเอาข่าวเสี่ยโน่นนี้ซื้อ biglotที่หาไม่เจอ
ให้แมงเม่าเข้าไป ไปหลายๆเวบแล้วก็เปลี่ยนชื่อ
แต่หุ้นตัวเดิมๆ คือเน่า คุณคงไม่ใช่มั้งคนๆนั้น
โหงวเฮ้ง ผมไม่ได้บอกถึงคุณ ผมไม่เคยเห็นหน้าคุณนิ
มันส่อถึงอะไรในหัวสมองคุณครับ?????? และความเป็น ??? ของคุณครับ
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 19
ผมพยายามเข้าใจคุณ thaihandsome
เห็นที่คุณ post ใครผูกพันกับหุ้นตัวไหนกิจการไหน ก็จะลำเอียงเข้าหาเรื่องของหุ้นนั้น
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=48942
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=48796
ผมก็เป็นบ้าง กับหุ้นที่ผมถืออยู่หรือเล็งอยู่ (เพียงแต่ส่วนตัวผมถือว่า คนที่ผมรักอยู่ปัจจุบัน ผมพร้อมที่จะตีจากถ้าเธอไม่ซื่อสัตย์ต่อผม แม้เธอจะมีเสน่ห์ปานใด เธอเคยทำให้ผมพิสวาทรัญจวนใจขนาดไหนก็ตาม)
แต่การที่หลายๆ คนจะเห็นคล้ายกัน ถึงจะเป็น "คนอื่น" ก็ตาม ฟังคนอื่นบ้างก็ดีนะครับ จะเชื่อหรือไม่เชื่อได้อยู่แล้ว จะได้ระมัดระวังในการลงทุน การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยงอยู่แล้วไม่ว่าธุรกิจจะสุดยอดขนาดไหน
ไม่มีใครรู้ได้หมด แม้แต่ขนาดเป็นคนในก็รู้ได้เฉพาะแง่ที่ตัวเองเกี่ยวข้องเท่านั้น อย่างผมไม่กล้าลงทุนในหุ้นที่เป็นนายจ้างผมเลย เพราะได้รู้เรื่องที่ไม่น่าไว้วางใจบางเรื่องที่เคยมี แม้จะไล่ตีแลงสาบที่ออกมาเพ่นพ่าน จนตายไปแล้วก็ตาม แต่ไม่รู้ได้ว่ามีแมลงสาบซ่อนอยู่หลังตู้กับข้าวกับใต้ถังแก๊สอีกกี่ตัว
บางทีตั้งข้อสงสัยไว้บ้างเพื่อเป็นแนวทางในการจับตากิจการที่เราจะลงทุน ก็ช่วยลดความเสี่ยงของเราเอง
เห็นที่คุณ post ใครผูกพันกับหุ้นตัวไหนกิจการไหน ก็จะลำเอียงเข้าหาเรื่องของหุ้นนั้น
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=48942
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=48796
ผมก็เป็นบ้าง กับหุ้นที่ผมถืออยู่หรือเล็งอยู่ (เพียงแต่ส่วนตัวผมถือว่า คนที่ผมรักอยู่ปัจจุบัน ผมพร้อมที่จะตีจากถ้าเธอไม่ซื่อสัตย์ต่อผม แม้เธอจะมีเสน่ห์ปานใด เธอเคยทำให้ผมพิสวาทรัญจวนใจขนาดไหนก็ตาม)
แต่การที่หลายๆ คนจะเห็นคล้ายกัน ถึงจะเป็น "คนอื่น" ก็ตาม ฟังคนอื่นบ้างก็ดีนะครับ จะเชื่อหรือไม่เชื่อได้อยู่แล้ว จะได้ระมัดระวังในการลงทุน การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยงอยู่แล้วไม่ว่าธุรกิจจะสุดยอดขนาดไหน
ไม่มีใครรู้ได้หมด แม้แต่ขนาดเป็นคนในก็รู้ได้เฉพาะแง่ที่ตัวเองเกี่ยวข้องเท่านั้น อย่างผมไม่กล้าลงทุนในหุ้นที่เป็นนายจ้างผมเลย เพราะได้รู้เรื่องที่ไม่น่าไว้วางใจบางเรื่องที่เคยมี แม้จะไล่ตีแลงสาบที่ออกมาเพ่นพ่าน จนตายไปแล้วก็ตาม แต่ไม่รู้ได้ว่ามีแมลงสาบซ่อนอยู่หลังตู้กับข้าวกับใต้ถังแก๊สอีกกี่ตัว
บางทีตั้งข้อสงสัยไว้บ้างเพื่อเป็นแนวทางในการจับตากิจการที่เราจะลงทุน ก็ช่วยลดความเสี่ยงของเราเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 21
PAO มาแร้วฤกษ์ดี เทรดวันที่9 เดือน9 แว่วๆตอนนี้นักลงทุนอยากได้หุ้นPAO มาครอบครองมากมาย แต่ไม่มีใครอยากขายเพราะหลายคนขอถือหุ้นอั่งเปา รอลุ้นวันเทรดดีกว่า ขณะที่คนมีของมีหุ้นอยากขายก็ตั้งราคาแบบไม่อยากขายเอาป่าว 1.50 บาท 2 บาท นั่นก็ว่ากันไปแต่ที่แน่ๆ คนอยากได้ขอรอวัดดวงบนกระดานดีกว่าเพราะอาจได้ของถูกก็ได้ ฟากFA ฟินันเซีย ไซรัส นามเฮียแกะ ฝากกระซิบผู้ถือหุ้นที่ทนถือมา6 ปี วันที่ 9เดือน 9คงมีรอยยิ้มอย่าลืมการลงทุนมีความเสี่ยงนะคร้า
วันที่ 2 กันยายน 2554 พบกับ เจ๊มดแดง ได้ที่ www.hooninside.com รู้ลึก รู้จริง คลุกวงใน สไตล์กล้วยๆ http://bbznet.pukpik.com/scripts3/view. ... r=numtopic
ที่มา www.hooninside.com
วันที่ 2 กันยายน 2554 พบกับ เจ๊มดแดง ได้ที่ www.hooninside.com รู้ลึก รู้จริง คลุกวงใน สไตล์กล้วยๆ http://bbznet.pukpik.com/scripts3/view. ... r=numtopic
ที่มา www.hooninside.com
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10548
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 26
ผมว่านักลงทุนรายย่อย โดยเฉพาะแนว VI ไม่ใช่จะมีการตัดสินใจโดยข้อมูลหรือเหตุผลเพียงสั้นๆ
ยิ่งถ้าข้อมูลนั้น ไม่เป็นเหตุผลกันอย่างชัดเจน รวมทั้งมีการนำเสนอแบบจงใจอย่างยิ่ง
นักลงทุนทุกท่านโปรดแยกแยะข้อมูลที่ท่านได้รับ ในยุคแห่งความมากมายของข่าวสารข้อมูล โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ทั้งหลายครับ
ขอบคุณนักลงทุนรุ่นพี่ ที่คอยเป็นหูเป็นตาให้ครับ
ยิ่งถ้าข้อมูลนั้น ไม่เป็นเหตุผลกันอย่างชัดเจน รวมทั้งมีการนำเสนอแบบจงใจอย่างยิ่ง
นักลงทุนทุกท่านโปรดแยกแยะข้อมูลที่ท่านได้รับ ในยุคแห่งความมากมายของข่าวสารข้อมูล โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ทั้งหลายครับ
ขอบคุณนักลงทุนรุ่นพี่ ที่คอยเป็นหูเป็นตาให้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 567
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Angpao gearing up Shares to resume trading on 9/9/2011
โพสต์ที่ 29
จะไม่เห็นข้อความที่เค้า post ครับ จะดูต้องกดเข้าไปอีกที่ครับJeng เขียน:แล้วมันจะมีผลอย่างไรครับguhungry เขียน:สิ่งที่ผมจะทำได้เมื่อรู้ว่าใครชอบ post สิ่งที่ไม่มีประโยชน์เลย หรือทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ผมก็ทำได้แค่ Add คนนั้นเป็น Foe
วิธีทำให้เข้าไปใน
User Control Panel >> Friends & Foes >> Manage foes
พิมพ์ชื่อเข้าไปในช่อง Add new foes แล้วกดปุ่ม Submit ครับ
แนบไฟล์