ทุนเสน่หา/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- little wing
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
ทุนเสน่หา/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 1
โลกในมุมมองของ Value Investor 15 ตุลาคม 54
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
คนที่จะรวยได้นั้นจะต้องมีทุน ยิ่งมีทุนมากโอกาสที่จะมั่งคั่งก็มาก เพราะทุนคือทรัพยากรที่จะสร้างหรือทำเงินให้เรา คนไม่มีทุนหรือมีทุนน้อยโอกาสที่จะรวยแทบเป็นศูนย์ ดูเหมือนว่าคนไม่มีทุนนั้น โอกาสที่จะรวยมากที่สุดก็คือการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งซึ่งก็คือโอกาสหนึ่งในหลาย ๆ ล้าน และถึงจะรวยก็คงรวยไม่มากไม่ถึงร้อยล้านบาท ผมพูดแบบนี้อาจจะทำให้หลายคนมีข้อโต้แย้งอย่างแรง เพราะเศรษฐีหรือเจ้าสัวหลายคนในเมืองไทยนั้น ว่ากันว่าไม่มีทุนเลย หลาย ๆ คนแทบจะมีแต่ “เสื่อผืนหมอนใบ” ตอนเริ่มต้นสร้างตัว ดังนั้นจะบอกได้อย่างไรว่าคนไม่มีทุนไม่มีวันรวย? ว่าที่จริงนักลงทุนหลายคนในตลาดหุ้นที่มั่งคั่งร่ำรวยกันในวันนี้ก็เริ่มจากทุนจำนวนน้อยมาก แต่ผมก็ยังยืนยันว่าทุนเป็นปัจจัยสำคัญแทบจะประการเดียวที่ทำให้คนมั่งคั่งหรือร่ำรวย เพราะทุนในความหมายของผมครอบคลุมทุนหลายแบบ อะไรที่ทำเงินได้ก็เป็นทุนทั้งสิ้น
ทุนแบบแรกก็คือ ทุนทางเศรษฐกิจ หรือ Economic Capital นี่คือทุนที่เราคุ้นเคยกันที่สุด มันก็คือเงินทอง ที่ดินอาคาร หุ้น ทอง เครื่องเพชร และสิ่งของต่าง ๆ ที่เราจับต้องได้ มีมูลค่าและ/หรือราคาในตลาด คนที่มีทุนประเภทนี้มาก เช่นคนที่ได้รับมรดกหรือได้รับเป็นของขวัญจากพ่อแม่ทั้งในรูปให้เปล่าหรือแม้แต่ให้ยืมก็จะมีโอกาสที่เขาจะสร้างเงินหรือความมั่งคั่งซึ่งก็จะกลับมาเป็นทุนที่เพิ่มขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม คนที่ใช้ทุนไม่เป็น เช่น นำทุนไปลงทุนต่อแล้วขาดทุนจนหมดตัวก็มีอยู่เช่นกัน ดังนั้น การใช้ทุนให้เป็นหรือใช้อย่างฉลาดก็เป็นปัจจัยสำคัญในการที่จะสร้างความมั่งคั่งไม่น้อยไปกว่าการมีทุนเหมือนกัน
ทุนแบบที่สองคือ “ทุนมนุษย์” หรือ Human Capital นี่ก็คือความรู้ ความสามารถและทักษะของเรา ซึ่งผมคิดว่า IQ ก็น่าจะมีส่วนสำคัญในการกำหนดว่าเราจะมีทุนแบบนี้มากน้อยแค่ไหน ทุนมนุษย์นั้น เป็นทุนที่เราสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเองไม่น้อย นั่นก็คือ ถ้าเราตั้งใจเรียนหมั่นศึกษาหาความรู้ เราก็สามารถเพิ่มพูนทุนนี้ได้ ทุนมนุษย์นั้น ในอดีตอาจจะสร้างเงินไม่ได้มากมายนักเทียบกับทุนทางเศรษฐกิจ และมักจะมีคำกล่าวเสมอว่า “การรับจ้างกินเงินเดือนนั้นไม่มีวันรวย” แต่ในโลกที่เจริญขึ้น บริษัทมีขนาดใหญ่ขึ้น และมีการแบ่งแยกระหว่างเจ้าของกิจการกับผู้บริหารมากขึ้น การใช้ทุนมนุษย์หรือความสามารถก็สามารถทำเงินให้กับเราได้มหาศาลไม่แพ้คนที่มีทุนทางเศรษฐกิจเหมือนกัน
ทุนแบบที่สามคือ “ทุนทางสังคม” หรือ Social Capital นี่คือการใช้ Connection หรือความสัมพันธ์ในการทำเงิน คนที่มีทุนแบบนี้มาก นั่นคือคนที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับคนอื่น ๆ หรือเป็นคนที่มีภาพพจน์ที่ดีในสายตาของคนอื่น โดยเฉพาะกับคนที่สามารถเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองได้ ก็จะสามารถใช้ความสัมพันธ์นั้นทำเงินหรือทำให้ตนเองมั่งคั่งได้มากกว่าคนที่มีทุนแบบนี้น้อยกว่า แน่นอนว่าคนบางคนนั้นมีทุนแบบนี้มาก แต่ถ้าเขาไม่รู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์ในทางการเงิน เขาก็จะไม่ร่ำรวยหรือมั่งคั่งเพิ่ม และนี่ก็เหมือนกับทุนอย่างอื่นเหมือนกันที่คนบางคนอาจจะมี แต่ทิ้งไว้เฉย ๆ หรือบริหารทุนนั้นแบบผิดพลาด ประโยชน์ก็ไม่เกิดขึ้น
ทุนตัวสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงและหลายคนอาจจะไม่แยกออกมาเป็นทุนอีกแบบหนึ่งก็คือสิ่งที่ผมอยากเรียกว่า “ทุนเสน่หา” หรือ Erotic Capital หรือถ้าจะพูดแบบเท่ ๆ ก็คือทุนจำพวก “สวย มีเสน่ห์ และ เซ็กซี่” นี่เป็นทุนที่มีบทบาทหรือสร้างเงินและความมั่งคั่งได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมยุคข่าวสารข้อมูล ทุนเสน่หาในอดีตมักจะถูก “กีดกัน” ไม่ให้สามารถสร้างความมั่งคั่งหรือร่ำรวยได้ อาจจะด้วยเหตุผลทางสังคมและการปกครอง ในอดีตสมัยที่ผมยังเป็นเด็กนั้น แม้แต่นักร้องหรือดาราระดับซุปเปอร์สตาร์ก็ยังต้อง “ปากกัดตีนถีบ” คนที่เรียนจบปริญญาตรีไม่มีใครยอมเป็นดาราเพราะอาชีพดารานั้นถูกมองว่าเป็นคน “เต้นกินรำกิน” ลูกหลาน “ไฮโซ” ในสังคมจะไม่ยอมให้ลูกเป็นดาราหรือไปแต่งงานกับดาราเป็นอันขาด แต่เดี๋ยวนี้ตรงกันข้าม ทุกคนอยากเป็นดาราหรือแฟนดารา ดาราระดับซุปตาร์นั้นทำเงินมหาศาลและหลายคนร่ำรวยกว่าคนที่เป็นลูกหลานไฮโซ
แน่นอน ทุนเสน่หานั้น ไม่ได้จำกัดเฉพาะแต่คนที่อยู่ในแวดวงบันเทิง คนที่เกิดมาสวยหรือหล่อ ร่างกายสูงและรักษาน้ำหนักไม่ให้อ้วน เป็นคนที่ยิ้มมีเสน่ห์น่าประทับใจ บางคนนั้นดู “เซ็กซี่” สำหรับเพศตรงข้าม คนแบบนี้ต้องถือว่ามีทุนเสน่หาสูง และถ้าพวกเขารู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์ เช่น ไปทำงานในแวดวงที่ให้คุณค่ากับ Erotic Capital มาก เช่นงานที่เกี่ยวข้องกับคนอย่างงานบันเทิงหรืองานบริการ พวกเขาก็จะสามารถทำเงินได้มาก และแม้แต่งานอย่างอื่นทั่ว ๆ ไป ความ “เสน่หา” ก็สามารถช่วยเพิ่มความสำเร็จหรือเพิ่มเงินให้พวกเขาได้ การศึกษาในต่างประเทศพบว่าคนที่หน้าตาดีประเภทหล่อหรือสวยนั้นทำให้คนได้เงินเดือนโดยเฉลี่ยสูงกว่าคนที่หน้าตาขี้เหล่ถึงประมาณ 15-20% ในอาชีพทั่ว ๆ ไป ที่ยิ่งหนักกว่านั้นก็คือ คนที่สูงจะทำเงินมากกว่าคนเตี้ยประมาณ 20-25% ในทางตรงกันข้าม คนอ้วนจะได้เงินเดือนต่ำกว่าคนน้ำหนักปกติในระดับ 10-15% และที่น่าแปลกใจก็คือ ผลกระทบถ้าเป็นผู้ชายส่วนใหญ่จะสูงกว่าผู้หญิง
ทุนเสน่หานั้น ในอดีตดูเหมือนว่ามักจะขึ้นอยู่กับ “ดวง” เสียมาก นั่นคือเกิดมาสวยหล่อและสูง แต่ในปัจจุบันนี้เราสามารถเพิ่มทุนตัวนี้ได้พอสมควรเช่นโดยการทำศัลยกรรม การลดน้ำหนัก การเข้ายิม การทำสีผิวให้ขาว และการแต่งหน้าและแต่งตัวให้ดูดี การลงทุนเพิ่มทุนเสน่หาให้กับตัวเองนั้นนับวันจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนี่อาจจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก คนจำนวนมากอาจจะไม่ตระหนักว่าการมีหน้าตาดี มีหุ่นสูงใหญ่ มีการแต่งตัวที่ดีนั้น จะไปเกี่ยวอะไรกับการทำงานอาชีพเช่น ผู้บริหารที่ต้องใช้ประวัติการศึกษา ทักษะ และความสามารถในการวิเคราะห์พิจารณาตัดสินใจอย่างไร แต่ข้อเท็จจริงก็คือ คนที่มีทุนเสน่หาสูงนั้น มักได้รับการโปรโมตดีกว่าคนที่มีคุณสมบัติอย่างอื่นเท่า ๆ กัน พวกเขามักได้เงินที่สูงกว่า ถูกเลือกให้เข้าทำงานมากกว่าคนที่หน้าตาและหุ่นไม่ให้ ทั้ง ๆ ที่งานเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวกับรูปร่างและหน้าตาแต่อย่างใด
ทุนทั้งสี่แบบนั้นมีการเพิ่มและลดได้ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวที่จะทำ เช่น คนที่มีทุนที่เป็นเงินก็มักจะไปเพิ่มทุนมนุษย์ ทุนสังคม และทุนเสน่หา ซึ่งก็อาจจะกลับไปทำให้เขาเก่ง มีสายสัมพันธ์และดูดี ซึ่งก็จะทำให้เขาสามารถทำเงินเพิ่มขึ้นได้มากกว่าเงินที่ลงไป ตัวทุนเองก็เปลี่ยนแปลงไปได้ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ใช้ เช่น ตัวทุนเสน่หาเองนั้น เมื่อเวลาผ่านไป ทุนนั้นก็จะลดลงตามธรรมชาติ ดังนั้น คนที่มีทุนตัวนี้แต่ไม่ได้ใช้ในเวลาที่เหมาะสมก็อาจจะเสียโอกาสไป ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของทุนซึ่งทุกคนมีแต่หลายคนอาจจะรู้ไม่ครบว่าตนเองมี เจ้าสัวที่รวยได้แม้ว่าจะเริ่มจากเสื่อผืนหมอนใบ หรือ นักลงทุนที่รวยโดยเริ่มจากเงินทุนเพียงเล็กน้อยนั้น แท้ที่จริงแล้วพวกเขาคงมีทุนมนุษย์ที่มากล้นแต่คนมองไม่เห็น แต่ถ้าเราเข้าใจเรื่องของทุนจริง ๆ แล้ว เราจะไม่สงสัยเลยว่าความมั่งคั่งส่วนใหญ่นั้นมาจากทุนทั้งสิ้น
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
คนที่จะรวยได้นั้นจะต้องมีทุน ยิ่งมีทุนมากโอกาสที่จะมั่งคั่งก็มาก เพราะทุนคือทรัพยากรที่จะสร้างหรือทำเงินให้เรา คนไม่มีทุนหรือมีทุนน้อยโอกาสที่จะรวยแทบเป็นศูนย์ ดูเหมือนว่าคนไม่มีทุนนั้น โอกาสที่จะรวยมากที่สุดก็คือการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งซึ่งก็คือโอกาสหนึ่งในหลาย ๆ ล้าน และถึงจะรวยก็คงรวยไม่มากไม่ถึงร้อยล้านบาท ผมพูดแบบนี้อาจจะทำให้หลายคนมีข้อโต้แย้งอย่างแรง เพราะเศรษฐีหรือเจ้าสัวหลายคนในเมืองไทยนั้น ว่ากันว่าไม่มีทุนเลย หลาย ๆ คนแทบจะมีแต่ “เสื่อผืนหมอนใบ” ตอนเริ่มต้นสร้างตัว ดังนั้นจะบอกได้อย่างไรว่าคนไม่มีทุนไม่มีวันรวย? ว่าที่จริงนักลงทุนหลายคนในตลาดหุ้นที่มั่งคั่งร่ำรวยกันในวันนี้ก็เริ่มจากทุนจำนวนน้อยมาก แต่ผมก็ยังยืนยันว่าทุนเป็นปัจจัยสำคัญแทบจะประการเดียวที่ทำให้คนมั่งคั่งหรือร่ำรวย เพราะทุนในความหมายของผมครอบคลุมทุนหลายแบบ อะไรที่ทำเงินได้ก็เป็นทุนทั้งสิ้น
ทุนแบบแรกก็คือ ทุนทางเศรษฐกิจ หรือ Economic Capital นี่คือทุนที่เราคุ้นเคยกันที่สุด มันก็คือเงินทอง ที่ดินอาคาร หุ้น ทอง เครื่องเพชร และสิ่งของต่าง ๆ ที่เราจับต้องได้ มีมูลค่าและ/หรือราคาในตลาด คนที่มีทุนประเภทนี้มาก เช่นคนที่ได้รับมรดกหรือได้รับเป็นของขวัญจากพ่อแม่ทั้งในรูปให้เปล่าหรือแม้แต่ให้ยืมก็จะมีโอกาสที่เขาจะสร้างเงินหรือความมั่งคั่งซึ่งก็จะกลับมาเป็นทุนที่เพิ่มขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม คนที่ใช้ทุนไม่เป็น เช่น นำทุนไปลงทุนต่อแล้วขาดทุนจนหมดตัวก็มีอยู่เช่นกัน ดังนั้น การใช้ทุนให้เป็นหรือใช้อย่างฉลาดก็เป็นปัจจัยสำคัญในการที่จะสร้างความมั่งคั่งไม่น้อยไปกว่าการมีทุนเหมือนกัน
ทุนแบบที่สองคือ “ทุนมนุษย์” หรือ Human Capital นี่ก็คือความรู้ ความสามารถและทักษะของเรา ซึ่งผมคิดว่า IQ ก็น่าจะมีส่วนสำคัญในการกำหนดว่าเราจะมีทุนแบบนี้มากน้อยแค่ไหน ทุนมนุษย์นั้น เป็นทุนที่เราสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเองไม่น้อย นั่นก็คือ ถ้าเราตั้งใจเรียนหมั่นศึกษาหาความรู้ เราก็สามารถเพิ่มพูนทุนนี้ได้ ทุนมนุษย์นั้น ในอดีตอาจจะสร้างเงินไม่ได้มากมายนักเทียบกับทุนทางเศรษฐกิจ และมักจะมีคำกล่าวเสมอว่า “การรับจ้างกินเงินเดือนนั้นไม่มีวันรวย” แต่ในโลกที่เจริญขึ้น บริษัทมีขนาดใหญ่ขึ้น และมีการแบ่งแยกระหว่างเจ้าของกิจการกับผู้บริหารมากขึ้น การใช้ทุนมนุษย์หรือความสามารถก็สามารถทำเงินให้กับเราได้มหาศาลไม่แพ้คนที่มีทุนทางเศรษฐกิจเหมือนกัน
ทุนแบบที่สามคือ “ทุนทางสังคม” หรือ Social Capital นี่คือการใช้ Connection หรือความสัมพันธ์ในการทำเงิน คนที่มีทุนแบบนี้มาก นั่นคือคนที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับคนอื่น ๆ หรือเป็นคนที่มีภาพพจน์ที่ดีในสายตาของคนอื่น โดยเฉพาะกับคนที่สามารถเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองได้ ก็จะสามารถใช้ความสัมพันธ์นั้นทำเงินหรือทำให้ตนเองมั่งคั่งได้มากกว่าคนที่มีทุนแบบนี้น้อยกว่า แน่นอนว่าคนบางคนนั้นมีทุนแบบนี้มาก แต่ถ้าเขาไม่รู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์ในทางการเงิน เขาก็จะไม่ร่ำรวยหรือมั่งคั่งเพิ่ม และนี่ก็เหมือนกับทุนอย่างอื่นเหมือนกันที่คนบางคนอาจจะมี แต่ทิ้งไว้เฉย ๆ หรือบริหารทุนนั้นแบบผิดพลาด ประโยชน์ก็ไม่เกิดขึ้น
ทุนตัวสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงและหลายคนอาจจะไม่แยกออกมาเป็นทุนอีกแบบหนึ่งก็คือสิ่งที่ผมอยากเรียกว่า “ทุนเสน่หา” หรือ Erotic Capital หรือถ้าจะพูดแบบเท่ ๆ ก็คือทุนจำพวก “สวย มีเสน่ห์ และ เซ็กซี่” นี่เป็นทุนที่มีบทบาทหรือสร้างเงินและความมั่งคั่งได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมยุคข่าวสารข้อมูล ทุนเสน่หาในอดีตมักจะถูก “กีดกัน” ไม่ให้สามารถสร้างความมั่งคั่งหรือร่ำรวยได้ อาจจะด้วยเหตุผลทางสังคมและการปกครอง ในอดีตสมัยที่ผมยังเป็นเด็กนั้น แม้แต่นักร้องหรือดาราระดับซุปเปอร์สตาร์ก็ยังต้อง “ปากกัดตีนถีบ” คนที่เรียนจบปริญญาตรีไม่มีใครยอมเป็นดาราเพราะอาชีพดารานั้นถูกมองว่าเป็นคน “เต้นกินรำกิน” ลูกหลาน “ไฮโซ” ในสังคมจะไม่ยอมให้ลูกเป็นดาราหรือไปแต่งงานกับดาราเป็นอันขาด แต่เดี๋ยวนี้ตรงกันข้าม ทุกคนอยากเป็นดาราหรือแฟนดารา ดาราระดับซุปตาร์นั้นทำเงินมหาศาลและหลายคนร่ำรวยกว่าคนที่เป็นลูกหลานไฮโซ
แน่นอน ทุนเสน่หานั้น ไม่ได้จำกัดเฉพาะแต่คนที่อยู่ในแวดวงบันเทิง คนที่เกิดมาสวยหรือหล่อ ร่างกายสูงและรักษาน้ำหนักไม่ให้อ้วน เป็นคนที่ยิ้มมีเสน่ห์น่าประทับใจ บางคนนั้นดู “เซ็กซี่” สำหรับเพศตรงข้าม คนแบบนี้ต้องถือว่ามีทุนเสน่หาสูง และถ้าพวกเขารู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์ เช่น ไปทำงานในแวดวงที่ให้คุณค่ากับ Erotic Capital มาก เช่นงานที่เกี่ยวข้องกับคนอย่างงานบันเทิงหรืองานบริการ พวกเขาก็จะสามารถทำเงินได้มาก และแม้แต่งานอย่างอื่นทั่ว ๆ ไป ความ “เสน่หา” ก็สามารถช่วยเพิ่มความสำเร็จหรือเพิ่มเงินให้พวกเขาได้ การศึกษาในต่างประเทศพบว่าคนที่หน้าตาดีประเภทหล่อหรือสวยนั้นทำให้คนได้เงินเดือนโดยเฉลี่ยสูงกว่าคนที่หน้าตาขี้เหล่ถึงประมาณ 15-20% ในอาชีพทั่ว ๆ ไป ที่ยิ่งหนักกว่านั้นก็คือ คนที่สูงจะทำเงินมากกว่าคนเตี้ยประมาณ 20-25% ในทางตรงกันข้าม คนอ้วนจะได้เงินเดือนต่ำกว่าคนน้ำหนักปกติในระดับ 10-15% และที่น่าแปลกใจก็คือ ผลกระทบถ้าเป็นผู้ชายส่วนใหญ่จะสูงกว่าผู้หญิง
ทุนเสน่หานั้น ในอดีตดูเหมือนว่ามักจะขึ้นอยู่กับ “ดวง” เสียมาก นั่นคือเกิดมาสวยหล่อและสูง แต่ในปัจจุบันนี้เราสามารถเพิ่มทุนตัวนี้ได้พอสมควรเช่นโดยการทำศัลยกรรม การลดน้ำหนัก การเข้ายิม การทำสีผิวให้ขาว และการแต่งหน้าและแต่งตัวให้ดูดี การลงทุนเพิ่มทุนเสน่หาให้กับตัวเองนั้นนับวันจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนี่อาจจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก คนจำนวนมากอาจจะไม่ตระหนักว่าการมีหน้าตาดี มีหุ่นสูงใหญ่ มีการแต่งตัวที่ดีนั้น จะไปเกี่ยวอะไรกับการทำงานอาชีพเช่น ผู้บริหารที่ต้องใช้ประวัติการศึกษา ทักษะ และความสามารถในการวิเคราะห์พิจารณาตัดสินใจอย่างไร แต่ข้อเท็จจริงก็คือ คนที่มีทุนเสน่หาสูงนั้น มักได้รับการโปรโมตดีกว่าคนที่มีคุณสมบัติอย่างอื่นเท่า ๆ กัน พวกเขามักได้เงินที่สูงกว่า ถูกเลือกให้เข้าทำงานมากกว่าคนที่หน้าตาและหุ่นไม่ให้ ทั้ง ๆ ที่งานเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวกับรูปร่างและหน้าตาแต่อย่างใด
ทุนทั้งสี่แบบนั้นมีการเพิ่มและลดได้ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวที่จะทำ เช่น คนที่มีทุนที่เป็นเงินก็มักจะไปเพิ่มทุนมนุษย์ ทุนสังคม และทุนเสน่หา ซึ่งก็อาจจะกลับไปทำให้เขาเก่ง มีสายสัมพันธ์และดูดี ซึ่งก็จะทำให้เขาสามารถทำเงินเพิ่มขึ้นได้มากกว่าเงินที่ลงไป ตัวทุนเองก็เปลี่ยนแปลงไปได้ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ใช้ เช่น ตัวทุนเสน่หาเองนั้น เมื่อเวลาผ่านไป ทุนนั้นก็จะลดลงตามธรรมชาติ ดังนั้น คนที่มีทุนตัวนี้แต่ไม่ได้ใช้ในเวลาที่เหมาะสมก็อาจจะเสียโอกาสไป ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของทุนซึ่งทุกคนมีแต่หลายคนอาจจะรู้ไม่ครบว่าตนเองมี เจ้าสัวที่รวยได้แม้ว่าจะเริ่มจากเสื่อผืนหมอนใบ หรือ นักลงทุนที่รวยโดยเริ่มจากเงินทุนเพียงเล็กน้อยนั้น แท้ที่จริงแล้วพวกเขาคงมีทุนมนุษย์ที่มากล้นแต่คนมองไม่เห็น แต่ถ้าเราเข้าใจเรื่องของทุนจริง ๆ แล้ว เราจะไม่สงสัยเลยว่าความมั่งคั่งส่วนใหญ่นั้นมาจากทุนทั้งสิ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุนเสน่หา/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 2
ขอบคุณมากครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุนเสน่หา/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 3
ถ้าเกิดชาติหน้ามีจริง แล้วขอพรได้ ผมจะลำดับความสำคัญจากมากไปน้อยดังต่อไปนี้ครับ
1.ฉลาด 2.หน้าตาและบุคคิคดี 3.รวย 4.มีconnectionมากๆ
ผมว่าคนจะดูสมาร์ทที่สุด ต้องดูจากสติปัญญาครับ
1.ฉลาด 2.หน้าตาและบุคคิคดี 3.รวย 4.มีconnectionมากๆ
ผมว่าคนจะดูสมาร์ทที่สุด ต้องดูจากสติปัญญาครับ
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุนเสน่หา/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณท่านอาจารย์และบทความดีๆๆครับ รวมถึงผู้นำบทความมาลง
ผมชอบประโยคนี้ ของท่านอาจารย์มาก
ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของทุนซึ่งทุกคนมีแต่หลายคนอาจจะรู้ไม่ ครบว่าตนเองมี เจ้าสัวที่รวยได้แม้ว่าจะเริ่มจากเสื่อผืนหมอนใบ หรือ นักลงทุนที่รวยโดยเริ่มจากเงินทุนเพียงเล็กน้อยนั้น แท้ที่จริงแล้วพวกเขาคงมีทุนมนุษย์ที่มากล้นแต่คนมองไม่เห็น แต่ถ้าเราเข้าใจเรื่องของทุนจริง ๆ แล้ว เราจะไม่สงสัยเลยว่าความมั่งคั่งส่วนใหญ่นั้นมาจากทุนทั้งสิ้น
ในโลกของการแข่งขันทุกคนรู้ข่าวเท่ากัน รู้ข้อมูลแบบเดียวกัน แต่ จะมีสักกี่คน
ที่จะมองข้ามช๊อต และเดินก่อน หมากกระดาน เดินก่อนย่อมเป็นผู้นำ เดินทีหลัง
ก้ต้องตามเขาไปไม่มีทางรวย
ผู้พันแซนเดอร์ คิดสูตรไก่ทอดได้ก่อนคนอื่น ถ้าท่านคิดได้หลังคนอื่น ท่านคงไม่ได้ขาย
สูตรไก่ทอดเคเอฟซีแน่ๆๆ
คุณคิดได้คนแรก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ถ้ามันจำเป็นและมีคนต้องการมัน คุณรวย
ทุกธุรกิจ ควรแหวกแนว มีอินโนเวชั่น ของตัวเอง ของที่ง่ายและดูเหมือนจะดีที่สุด
คือ คิดแบบง่ายๆๆครับ
ผมชอบประโยคนี้ ของท่านอาจารย์มาก
ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของทุนซึ่งทุกคนมีแต่หลายคนอาจจะรู้ไม่ ครบว่าตนเองมี เจ้าสัวที่รวยได้แม้ว่าจะเริ่มจากเสื่อผืนหมอนใบ หรือ นักลงทุนที่รวยโดยเริ่มจากเงินทุนเพียงเล็กน้อยนั้น แท้ที่จริงแล้วพวกเขาคงมีทุนมนุษย์ที่มากล้นแต่คนมองไม่เห็น แต่ถ้าเราเข้าใจเรื่องของทุนจริง ๆ แล้ว เราจะไม่สงสัยเลยว่าความมั่งคั่งส่วนใหญ่นั้นมาจากทุนทั้งสิ้น
ในโลกของการแข่งขันทุกคนรู้ข่าวเท่ากัน รู้ข้อมูลแบบเดียวกัน แต่ จะมีสักกี่คน
ที่จะมองข้ามช๊อต และเดินก่อน หมากกระดาน เดินก่อนย่อมเป็นผู้นำ เดินทีหลัง
ก้ต้องตามเขาไปไม่มีทางรวย
ผู้พันแซนเดอร์ คิดสูตรไก่ทอดได้ก่อนคนอื่น ถ้าท่านคิดได้หลังคนอื่น ท่านคงไม่ได้ขาย
สูตรไก่ทอดเคเอฟซีแน่ๆๆ
คุณคิดได้คนแรก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ถ้ามันจำเป็นและมีคนต้องการมัน คุณรวย
ทุกธุรกิจ ควรแหวกแนว มีอินโนเวชั่น ของตัวเอง ของที่ง่ายและดูเหมือนจะดีที่สุด
คือ คิดแบบง่ายๆๆครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- Hisoka
- Verified User
- โพสต์: 175
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทุนเสน่หา/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 7
ใช่ครับ จักรพรรดิจีนในสมัยที่มาโคโปโลติดต่อกับจีน ยังตระหนักเลยว่า ปัญญาคืออาวุธที่ร้ายกาจที่สุดnavapon เขียน:ถ้าเกิดชาติหน้ามีจริง แล้วขอพรได้ ผมจะลำดับความสำคัญจากมากไปน้อยดังต่อไปนี้ครับ
1.ฉลาด 2.หน้าตาและบุคคิคดี 3.รวย 4.มีconnectionมากๆ
ผมว่าคนจะดูสมาร์ทที่สุด ต้องดูจากสติปัญญาครับ
- romee
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทุนเสน่หา/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 11
ไม่เป็นไรครับพี่มี่ ถ้ามีทุน Economic เยอะพอ เดี๋ยวพวกทุนเสน่หาจะวิ่งมาหาเองครับ....sai เขียน:ขอบคุณมากมากครับ อ่านไปอ่านมา รู้สึกตัวเองจะขาดแคลนหลายทุน โดยเฉพาะทุนเสน่หาครับ
เอ๊ะลืมไป พี่มี่อยู่ในข่าย มีคนควบคุมการเพิ่มทุนอยู่แล้วนิ
การลงทุนแนวvi ไม่ได้แปลว่า นักลงทุนคนนั้นดีกว่า หรือมีวรรณะสูงกว่าคนที่ลงทุนแนวอื่นๆหรอก
-
- Verified User
- โพสต์: 1822
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุนเสน่หา/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 13
ดร. เขียนไว้ชัดเจนดีมากเลยครับ
ทุนทุกอย่างมีแล้วไม่รู้จักใช้รู้จักหาให้ไม่ลดลง ให้เพิ่มขึ้นได้ ทุนก็หมดไป รวยแค่ไหนก็จนได้
แต่ถ้ารู้จักใช้รู้จักหา ให้มันเพิ่มขึ้นให้มันไม่ลดลง วันหน้าต้องสุขสบายแน่นอนช้าเร็วก็แล้วแต่คน
ผมเห็นข่าวมาไม่น้อยแล้วเล่าถึงคนที่มีทุนเหล่านี้ บางคนมีหลายแบบ บางคนมีแบบเดียว แต่ว่าใช้ชีวิตเละเทะไปวันๆไม่รู้จักใช้รู้จักหาก็หมดไป แถมมาร้องขอความช่วยเหลือใครจะอยากช่วย ข่าวคนมีน้อยหรือไม่มีกัดฟันอดทนหาจนมีมากก็มีให้เห็นเช่นกัน และแน่นอนว่าคนที่มีทุนเยอะก็ทำให้มันเยอะขึ้นไปอีกก็มีเช่นกัน
ทุนทุกอย่างมีแล้วไม่รู้จักใช้รู้จักหาให้ไม่ลดลง ให้เพิ่มขึ้นได้ ทุนก็หมดไป รวยแค่ไหนก็จนได้
แต่ถ้ารู้จักใช้รู้จักหา ให้มันเพิ่มขึ้นให้มันไม่ลดลง วันหน้าต้องสุขสบายแน่นอนช้าเร็วก็แล้วแต่คน
ผมเห็นข่าวมาไม่น้อยแล้วเล่าถึงคนที่มีทุนเหล่านี้ บางคนมีหลายแบบ บางคนมีแบบเดียว แต่ว่าใช้ชีวิตเละเทะไปวันๆไม่รู้จักใช้รู้จักหาก็หมดไป แถมมาร้องขอความช่วยเหลือใครจะอยากช่วย ข่าวคนมีน้อยหรือไม่มีกัดฟันอดทนหาจนมีมากก็มีให้เห็นเช่นกัน และแน่นอนว่าคนที่มีทุนเยอะก็ทำให้มันเยอะขึ้นไปอีกก็มีเช่นกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 262
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุนเสน่หา/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 15
ขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้มากครับผม
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุนเสน่หา/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 16
สินสอด ของ หมั้น นี่ถือ ว่า ทุนเสนห์หา ไหมครับ เพราะ เป็นการให้โดยเสนห์หา
หรือ
เสี่ยให้ เงินทอง รถ คอนโด เมียน้อย ถือว่าเป็น ทุนเสนห์หาไหมครับ
เพราะเมียน้อยได้ทรัพย์หลายล้านโดยมีเรือนร่างเป็นทุนทรัพย์ ลงทุนแต่งตัวสวยๆ เสริมสวย ก็ลงทุนอยู่ดี
หรือ
เสี่ยให้ เงินทอง รถ คอนโด เมียน้อย ถือว่าเป็น ทุนเสนห์หาไหมครับ
เพราะเมียน้อยได้ทรัพย์หลายล้านโดยมีเรือนร่างเป็นทุนทรัพย์ ลงทุนแต่งตัวสวยๆ เสริมสวย ก็ลงทุนอยู่ดี
- panda_power
- Verified User
- โพสต์: 54
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุนเสน่หา/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 19
แล้วโลกอนาคต ทุนอะไรๆใหม่ๆ จะเข้ามาเน้อ.... ยังคิดไม่ออกครับ
แต่ว่า ดร. ชอบเขียนคำว่า "ว่าที่จริง" และ "อันที่จริง" บ่อยๆ ทั้งในหนังสือและบทความ.
แต่ว่า ดร. ชอบเขียนคำว่า "ว่าที่จริง" และ "อันที่จริง" บ่อยๆ ทั้งในหนังสือและบทความ.
- honey_lady
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุนเสน่หา/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 20
ทุนที่มีสูงอยู่ตอนนี้คือ.... "ต้นทุน" #ติดดอยอยู่งิ
ขอบคุณสำหรับบทความค่ะ
ขอบคุณสำหรับบทความค่ะ
- lengmanutd
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุนเสน่หา/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 24
ขอบคุณครับ
ลงทุนในบริษัทที่ดี ราคาหุ้นมี MOS (Downside = Limited) และแนวโน้มกำไรมี Growth (Upside = Infinity)
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทุนเสน่หา/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 25
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG