Blitzkrieg/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- little wing
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
Blitzkrieg/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 1
โลกในมุมมองของ Value Investor 22 ตุลาคม 2554
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
น้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทยเวลานี้ทำให้ผมนึกไปถึงสงครามโลกครั้งที่สอง เปรียบเทียบประเทศไทยก็คล้าย ๆ กับฝรั่งเศสหรืออังกฤษขึ้นอยู่กับว่าผลของน้ำท่วมสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ส่วนน้ำนั้นก็คือเยอรมัน สงครามโลกครั้งที่สองนั้นเป็นมหาสงครามระหว่างฝรั่งเศส อังกฤษและพันธมิตรอื่น ๆ กับเยอรมัน ส่วนน้ำท่วมใหญ่นั้นเป็น “มหาสงคราม” ระหว่างประเทศไทยกับมวลน้ำมหาศาลที่กำลังบุกเข้าโจมตีกรุงเทพ
สงครามโลกครั้งที่สองเริ่มจริง ๆ ในเดือนกันยายน ปี 1939 เมื่อฮิตเลอร์บุกโปแลนด์ซึ่งทำให้อังกฤษและฝรั่งเศสต้องประกาศสงครามกับเยอรมัน แต่ในความเป็นจริงการรบระหว่างสองค่ายยังไม่เกิดขึ้น คนในอังกฤษและฝรั่งเศสก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ยังคงใช้ชีวิตและฉลองคริสต์มาศกันตามปกติ ช่วงเวลาหลายเดือนต่อจากนั้นจึงถูกเรียกกันว่า Phony War หรือ “สงครามเก๊” แต่ในทางตรงกันข้าม เยอรมันนั้นกำลังเตรียมอาวุธยุทโธปกรณ์และฝึกซ้อมทหารอย่างขะมักเขม้นเพื่อเตรียมบุกยึดประเทศศัตรู ถ้าเปรียบไปก็คงเหมือนช่วงประมาณเดือนมิถุนายนปีนี้ที่น้ำเริ่มท่วมในชนบทของไทยหลายแห่งแต่ก็ไม่ใคร่มีใครคิดว่ามันจะกลายเป็นการท่วมที่ใหญ่โตอะไรนัก ในเวลาเดียวกัน น้ำฝนก็เริ่มตกลงมาและสะสมพลังน้ำไว้มหาศาลโดยที่ไม่มีใครตระหนัก และเขื่อนต่าง ๆ ยังกักเก็บน้ำตามปกติ มหาสงครามโลกครั้งที่สองกำลังจะเริ่มแล้ว.. เช่นเดียวกับ “มหาสงครามน้ำ” ในประเทศไทย
ประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม 1940 เยอรมันก็เริ่มสงครามเปิดศึก “Blitzkrieg” หรือการรุกแบบ “สายฟ้าแลบ” เข้ายึดประเทศต่าง ๆ เช่นเดนมาร์ก นอร์เวย์ เบลเยี่ยม ประเทศยุโรปที่อยู่ทางใต้หลายประเทศ และยึดฝรั่งเศสได้ในวันที่ 22 มิถุนายน 1940 ใช้เวลาเพียงประมาณ 2-3 เดือน จากนั้นก็เตรียมบุกอังกฤษซึ่งมี “ป้อมปราการ” ที่เป็นช่องแคบอังกฤษขวางอยู่
Blitzkrieg นั้น เป็นกลยุทธ์การรบที่เยอรมันใช้หน่วยรถถังแพนเซอร์ที่เคลื่อนที่เร็วและทรงพลานุภาพพร้อม ๆ กับกองกำลังทหารจำนวนมหาศาลบุกเข้าโจมตีแนวป้องกันต่าง ๆ ของฝ่ายตรงข้ามจุดแล้วจุดเล่า ทุกแห่งนั้นไม่สามารถป้องกันได้และ “แตก” อย่างรวดเร็ว ในกรณีของฝรั่งเศสนั้น “แนวป้องกันมายิโนต์” ซึ่งฝรั่งเศสสร้างเอาไว้อย่างยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมากและคิดว่า “ไม่มีใครสามารถผ่านไปได้” ก็ถูก “อ้อม” และผ่านไปในที่สุด ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรสามารถต้านทานกองทัพเยอรมันได้
ประมาณ เดือนสิงหาคม 2554 น้ำก็เริ่ม “บุก” จังหวัดต่าง ๆ ทางภาคเหนือของประเทศไทยตั้งแต่เชียงใหม่ และต่อมาที่นครสวรรค์ อยุธยา ปทุมธานี ทุกเมืองต่างก็สร้าง “เขื่อน” ป้องกันและ “ต่อสู้” กับน้ำในทุกรูปแบบแต่ก็ล้มเหลว เช่นเดียวกัน นิคมอุตสาหกรรมซึ่งเปรียบเสมือนเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญเทียบได้กับโรงงานผลิตอาวุธหรือแหล่งแร่หรือพลังงานที่จำเป็นในสงครามที่เราพยายามป้องกันอย่างเต็มที่นั้น ต่างก็ “แตก” อย่างง่ายดายทุกที่ที่น้ำผ่าน แห่งแล้ว แห่งเล่า มวลน้ำมหาศาลที่ไหลบ่ามานั้นก็คงเหมือนรถถังแพนเซอร์และกองกำลังของเยอรมันที่มีประสิทธิภาพสูงจนไม่มีใครสามารถทานได้ ในเวลาเพียง 2-3 เดือนน้ำก็มาจ่ออยู่ที่กรุงเทพซึ่งได้สร้าง “ป้อมปราการ” เป็นแนวป้องกันที่แข็งแกร่งและหวังว่าจะ “ไม่มีมวลน้ำที่จะสามารผ่านไปได้”
ขณะที่เขียนบทความนี้ ผมเองก็ยังไม่ทราบว่ากรุงเทพโดยเฉพาะในเขตชั้นใน จะรอดพ้นจากภาวะน้ำท่วมรุนแรงได้หรือไม่ ถ้าไม่สำเร็จ กรุงเทพก็คงจะเปรียบเหมือนฝรั่งเศส ที่ถูกยึดครองอย่างรวดเร็วเมื่อกองทัพเยอรมันเคลื่อนพลมาถึง แต่ถ้ากรุงเทพรอดพ้นจากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ไปได้ก็คงจะเหมือนกับอังกฤษ ที่รอดพ้นจากการยึดครองของเยอรมันเนื่องจากมีช่องแคบอังกฤษขวางอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้อังกฤษรอดไปได้นั้นอยู่ที่กองทัพเรือและกองทัพอากาศที่มีประสิทธิภาพในการที่จะยับยั้งฝ่ายเยอรมันไม่ให้รุกข้ามช่องแคบมาได้ เหนือสิ่งอื่นใด กำลังใจที่เข้มแข็งและความสามัคคีอันยิ่งใหญ่ของชาวอังกฤษที่พร้อมจะต่อสู้และปกป้องประเทศจากข้าศึกเป็นปัจจัยชี้ขาดทำให้อังกฤษสามารถปกป้องประเทศไว้ได้ และในที่สุดก็เอาชนะฝ่ายเยอรมันได้สำเร็จ
ความพ่ายแพ้ของเยอรมันนั้น ถ้ามองกันในภาพใหญ่จริง ๆ แล้วก็คือ เยอรมันมีทรัพยากรหรือกำลังไม่พอที่จะทำสงครามยืดเยื้อยาวนานได้ เช่นเดียวกัน น้ำนั้นก็มีพลังเพียงเท่าที่มันยังอยู่ในที่สูงและอยู่บนพื้นดิน ซึ่งในไม่ช้าน้ำทั้งหมดก็จะต้องไหลลงทะเลเป็นส่วนใหญ่และก็จะหมดพลังไปในที่สุด เรารู้ว่าในที่สุดเยอรมันก็ต้องแพ้โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับอังกฤษฝรั่งเศส เรารู้ว่าในที่สุดน้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทยก็ต้องจบลงไป แต่ในขณะนี้สิ่งที่ต้องทำก็คือ ลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
ในแง่ของผู้คนทั่วไป ผมดูแล้วผลกระทบก็น่าจะคล้ายกัน ในสงครามมีผู้อพยพและศูนย์ผู้ลี้ภัย มีการอพยพไปอยู่กับญาติในต่างจังหวัด น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ก็คล้ายกัน ในสงครามผู้คนต่างก็ต้องกักตุนอาหาร เช่นเดียวกัน น้ำท่วมครั้งนี้สินค้าจำนวนมากถูกกวาดจากชั้นวางของในห้าง ซึ่งรวมถึงน้ำ อาหารแห้งและอาหารกระป๋อง เราเห็นความแตกตื่นของผู้คนที่หนีการสู้รบและหนีน้ำไม่ต่างกัน แต่ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ความเสียหายของทรัพย์สินที่มากมายมหาศาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านและของใช้ภายในบ้านที่จะหายไปกับสงครามและสายน้ำ แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป
ในมหาสงครามโลกครั้งที่สองนั้น แน่นอน ถือเป็นวิกฤติที่ยิ่งใหญ่ แต่วิกฤตินั้นมีโอกาสอยู่เสมอโดยเฉพาะในตลาดหุ้น ตลาดหุ้นทั้งในอเมริกาและอังกฤษในช่วงของสงครามมีราคาขึ้นลงหวือหวารุนแรงตามสภาวการณ์ของสงคราม ในช่วงที่ฝรั่งเศสและอังกฤษเพลี่ยงพล้ำ ตลาดหุ้นตกต่ำอย่างแรง แต่ในยามที่เยอรมันปราชัย ตลาดหุ้นก็วิ่งขึ้น เช่นเดียวกัน ราคาหุ้นของบางบริษัท เช่นผู้ผลิตอาวุธและยุทธปัจจัยในอเมริกาต่างก็ได้ประโยชน์และวิ่งขึ้น ตรงกันข้ามกิจการหลายอย่างโดยเฉพาะที่เป็นสิ่งฟุ่มเฟือยก็ถูกกระทบเพราะคนคงลดการใช้ลงไปมาก
น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ก็เช่นกัน บางบริษัทได้ประโยชน์แม้ว่าส่วนใหญ่จะเสียหาย อย่างไรก็ตาม กรณีของน้ำท่วมนี้ เรารู้ผลลัพธ์ชัดเจนอยู่แล้วว่าในไม่ช้าน้ำก็จะลดลงหรือแพ้ไปตามธรรมชาติ ดังนั้น สิ่งที่เราจะต้องพิจารณาจึงมีเพียงว่าบริษัทจะได้รับความเสียหายแค่ไหนและความเสียหายนั้นจะต่อเนื่องต่อไปอีกนานเท่าไร ภาพโดยรวมแล้วผมคิดว่าบริษัทที่น่าจะเสียหายมากที่สุดก็คือบริษัทที่ตั้งอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมหรือมีทรัพย์สินอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมรุนแรง เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ บริษัทที่มีโรงงานส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ที่ที่โดนน้ำท่วมหนักและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีที่ดินและโครงการจมอยู่ใต้น้ำ ส่วนบริษัทอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบรองลงมาก็คือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบริษัทอื่นที่ถูกกระทบรุนแรงและการผลิตหรือการดำเนินงานต้อง “สะดุด” หยุดลงชั่วคราว ส่วนบริษัทที่ได้ประโยชน์หรือเสียหายน้อยก็คือบริษัทที่อาจจะมียอดขายลดลงบ้างในช่วงนี้แต่จะกลับมาขายดีขึ้นเมื่อน้ำลดเช่นบริษัทขายวัสดุก่อสร้างหรือบริษัทที่ขายสินค้าจำเป็นทั้งหลาย แต่สิ่งที่จะเป็นโอกาสจริง ๆ นั้นก็คือ เราจะต้องพิจารณาว่าราคาหุ้นของแต่ละบริษัทที่เรากำลังพิจารณานั้นตกลงมาแค่ไหนเมื่อเทียบกับผลกระทบที่บริษัทได้รับ
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
น้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทยเวลานี้ทำให้ผมนึกไปถึงสงครามโลกครั้งที่สอง เปรียบเทียบประเทศไทยก็คล้าย ๆ กับฝรั่งเศสหรืออังกฤษขึ้นอยู่กับว่าผลของน้ำท่วมสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ส่วนน้ำนั้นก็คือเยอรมัน สงครามโลกครั้งที่สองนั้นเป็นมหาสงครามระหว่างฝรั่งเศส อังกฤษและพันธมิตรอื่น ๆ กับเยอรมัน ส่วนน้ำท่วมใหญ่นั้นเป็น “มหาสงคราม” ระหว่างประเทศไทยกับมวลน้ำมหาศาลที่กำลังบุกเข้าโจมตีกรุงเทพ
สงครามโลกครั้งที่สองเริ่มจริง ๆ ในเดือนกันยายน ปี 1939 เมื่อฮิตเลอร์บุกโปแลนด์ซึ่งทำให้อังกฤษและฝรั่งเศสต้องประกาศสงครามกับเยอรมัน แต่ในความเป็นจริงการรบระหว่างสองค่ายยังไม่เกิดขึ้น คนในอังกฤษและฝรั่งเศสก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ยังคงใช้ชีวิตและฉลองคริสต์มาศกันตามปกติ ช่วงเวลาหลายเดือนต่อจากนั้นจึงถูกเรียกกันว่า Phony War หรือ “สงครามเก๊” แต่ในทางตรงกันข้าม เยอรมันนั้นกำลังเตรียมอาวุธยุทโธปกรณ์และฝึกซ้อมทหารอย่างขะมักเขม้นเพื่อเตรียมบุกยึดประเทศศัตรู ถ้าเปรียบไปก็คงเหมือนช่วงประมาณเดือนมิถุนายนปีนี้ที่น้ำเริ่มท่วมในชนบทของไทยหลายแห่งแต่ก็ไม่ใคร่มีใครคิดว่ามันจะกลายเป็นการท่วมที่ใหญ่โตอะไรนัก ในเวลาเดียวกัน น้ำฝนก็เริ่มตกลงมาและสะสมพลังน้ำไว้มหาศาลโดยที่ไม่มีใครตระหนัก และเขื่อนต่าง ๆ ยังกักเก็บน้ำตามปกติ มหาสงครามโลกครั้งที่สองกำลังจะเริ่มแล้ว.. เช่นเดียวกับ “มหาสงครามน้ำ” ในประเทศไทย
ประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม 1940 เยอรมันก็เริ่มสงครามเปิดศึก “Blitzkrieg” หรือการรุกแบบ “สายฟ้าแลบ” เข้ายึดประเทศต่าง ๆ เช่นเดนมาร์ก นอร์เวย์ เบลเยี่ยม ประเทศยุโรปที่อยู่ทางใต้หลายประเทศ และยึดฝรั่งเศสได้ในวันที่ 22 มิถุนายน 1940 ใช้เวลาเพียงประมาณ 2-3 เดือน จากนั้นก็เตรียมบุกอังกฤษซึ่งมี “ป้อมปราการ” ที่เป็นช่องแคบอังกฤษขวางอยู่
Blitzkrieg นั้น เป็นกลยุทธ์การรบที่เยอรมันใช้หน่วยรถถังแพนเซอร์ที่เคลื่อนที่เร็วและทรงพลานุภาพพร้อม ๆ กับกองกำลังทหารจำนวนมหาศาลบุกเข้าโจมตีแนวป้องกันต่าง ๆ ของฝ่ายตรงข้ามจุดแล้วจุดเล่า ทุกแห่งนั้นไม่สามารถป้องกันได้และ “แตก” อย่างรวดเร็ว ในกรณีของฝรั่งเศสนั้น “แนวป้องกันมายิโนต์” ซึ่งฝรั่งเศสสร้างเอาไว้อย่างยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมากและคิดว่า “ไม่มีใครสามารถผ่านไปได้” ก็ถูก “อ้อม” และผ่านไปในที่สุด ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรสามารถต้านทานกองทัพเยอรมันได้
ประมาณ เดือนสิงหาคม 2554 น้ำก็เริ่ม “บุก” จังหวัดต่าง ๆ ทางภาคเหนือของประเทศไทยตั้งแต่เชียงใหม่ และต่อมาที่นครสวรรค์ อยุธยา ปทุมธานี ทุกเมืองต่างก็สร้าง “เขื่อน” ป้องกันและ “ต่อสู้” กับน้ำในทุกรูปแบบแต่ก็ล้มเหลว เช่นเดียวกัน นิคมอุตสาหกรรมซึ่งเปรียบเสมือนเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญเทียบได้กับโรงงานผลิตอาวุธหรือแหล่งแร่หรือพลังงานที่จำเป็นในสงครามที่เราพยายามป้องกันอย่างเต็มที่นั้น ต่างก็ “แตก” อย่างง่ายดายทุกที่ที่น้ำผ่าน แห่งแล้ว แห่งเล่า มวลน้ำมหาศาลที่ไหลบ่ามานั้นก็คงเหมือนรถถังแพนเซอร์และกองกำลังของเยอรมันที่มีประสิทธิภาพสูงจนไม่มีใครสามารถทานได้ ในเวลาเพียง 2-3 เดือนน้ำก็มาจ่ออยู่ที่กรุงเทพซึ่งได้สร้าง “ป้อมปราการ” เป็นแนวป้องกันที่แข็งแกร่งและหวังว่าจะ “ไม่มีมวลน้ำที่จะสามารผ่านไปได้”
ขณะที่เขียนบทความนี้ ผมเองก็ยังไม่ทราบว่ากรุงเทพโดยเฉพาะในเขตชั้นใน จะรอดพ้นจากภาวะน้ำท่วมรุนแรงได้หรือไม่ ถ้าไม่สำเร็จ กรุงเทพก็คงจะเปรียบเหมือนฝรั่งเศส ที่ถูกยึดครองอย่างรวดเร็วเมื่อกองทัพเยอรมันเคลื่อนพลมาถึง แต่ถ้ากรุงเทพรอดพ้นจากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ไปได้ก็คงจะเหมือนกับอังกฤษ ที่รอดพ้นจากการยึดครองของเยอรมันเนื่องจากมีช่องแคบอังกฤษขวางอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้อังกฤษรอดไปได้นั้นอยู่ที่กองทัพเรือและกองทัพอากาศที่มีประสิทธิภาพในการที่จะยับยั้งฝ่ายเยอรมันไม่ให้รุกข้ามช่องแคบมาได้ เหนือสิ่งอื่นใด กำลังใจที่เข้มแข็งและความสามัคคีอันยิ่งใหญ่ของชาวอังกฤษที่พร้อมจะต่อสู้และปกป้องประเทศจากข้าศึกเป็นปัจจัยชี้ขาดทำให้อังกฤษสามารถปกป้องประเทศไว้ได้ และในที่สุดก็เอาชนะฝ่ายเยอรมันได้สำเร็จ
ความพ่ายแพ้ของเยอรมันนั้น ถ้ามองกันในภาพใหญ่จริง ๆ แล้วก็คือ เยอรมันมีทรัพยากรหรือกำลังไม่พอที่จะทำสงครามยืดเยื้อยาวนานได้ เช่นเดียวกัน น้ำนั้นก็มีพลังเพียงเท่าที่มันยังอยู่ในที่สูงและอยู่บนพื้นดิน ซึ่งในไม่ช้าน้ำทั้งหมดก็จะต้องไหลลงทะเลเป็นส่วนใหญ่และก็จะหมดพลังไปในที่สุด เรารู้ว่าในที่สุดเยอรมันก็ต้องแพ้โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับอังกฤษฝรั่งเศส เรารู้ว่าในที่สุดน้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทยก็ต้องจบลงไป แต่ในขณะนี้สิ่งที่ต้องทำก็คือ ลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
ในแง่ของผู้คนทั่วไป ผมดูแล้วผลกระทบก็น่าจะคล้ายกัน ในสงครามมีผู้อพยพและศูนย์ผู้ลี้ภัย มีการอพยพไปอยู่กับญาติในต่างจังหวัด น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ก็คล้ายกัน ในสงครามผู้คนต่างก็ต้องกักตุนอาหาร เช่นเดียวกัน น้ำท่วมครั้งนี้สินค้าจำนวนมากถูกกวาดจากชั้นวางของในห้าง ซึ่งรวมถึงน้ำ อาหารแห้งและอาหารกระป๋อง เราเห็นความแตกตื่นของผู้คนที่หนีการสู้รบและหนีน้ำไม่ต่างกัน แต่ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ความเสียหายของทรัพย์สินที่มากมายมหาศาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านและของใช้ภายในบ้านที่จะหายไปกับสงครามและสายน้ำ แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป
ในมหาสงครามโลกครั้งที่สองนั้น แน่นอน ถือเป็นวิกฤติที่ยิ่งใหญ่ แต่วิกฤตินั้นมีโอกาสอยู่เสมอโดยเฉพาะในตลาดหุ้น ตลาดหุ้นทั้งในอเมริกาและอังกฤษในช่วงของสงครามมีราคาขึ้นลงหวือหวารุนแรงตามสภาวการณ์ของสงคราม ในช่วงที่ฝรั่งเศสและอังกฤษเพลี่ยงพล้ำ ตลาดหุ้นตกต่ำอย่างแรง แต่ในยามที่เยอรมันปราชัย ตลาดหุ้นก็วิ่งขึ้น เช่นเดียวกัน ราคาหุ้นของบางบริษัท เช่นผู้ผลิตอาวุธและยุทธปัจจัยในอเมริกาต่างก็ได้ประโยชน์และวิ่งขึ้น ตรงกันข้ามกิจการหลายอย่างโดยเฉพาะที่เป็นสิ่งฟุ่มเฟือยก็ถูกกระทบเพราะคนคงลดการใช้ลงไปมาก
น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ก็เช่นกัน บางบริษัทได้ประโยชน์แม้ว่าส่วนใหญ่จะเสียหาย อย่างไรก็ตาม กรณีของน้ำท่วมนี้ เรารู้ผลลัพธ์ชัดเจนอยู่แล้วว่าในไม่ช้าน้ำก็จะลดลงหรือแพ้ไปตามธรรมชาติ ดังนั้น สิ่งที่เราจะต้องพิจารณาจึงมีเพียงว่าบริษัทจะได้รับความเสียหายแค่ไหนและความเสียหายนั้นจะต่อเนื่องต่อไปอีกนานเท่าไร ภาพโดยรวมแล้วผมคิดว่าบริษัทที่น่าจะเสียหายมากที่สุดก็คือบริษัทที่ตั้งอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมหรือมีทรัพย์สินอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมรุนแรง เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ บริษัทที่มีโรงงานส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ที่ที่โดนน้ำท่วมหนักและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีที่ดินและโครงการจมอยู่ใต้น้ำ ส่วนบริษัทอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบรองลงมาก็คือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบริษัทอื่นที่ถูกกระทบรุนแรงและการผลิตหรือการดำเนินงานต้อง “สะดุด” หยุดลงชั่วคราว ส่วนบริษัทที่ได้ประโยชน์หรือเสียหายน้อยก็คือบริษัทที่อาจจะมียอดขายลดลงบ้างในช่วงนี้แต่จะกลับมาขายดีขึ้นเมื่อน้ำลดเช่นบริษัทขายวัสดุก่อสร้างหรือบริษัทที่ขายสินค้าจำเป็นทั้งหลาย แต่สิ่งที่จะเป็นโอกาสจริง ๆ นั้นก็คือ เราจะต้องพิจารณาว่าราคาหุ้นของแต่ละบริษัทที่เรากำลังพิจารณานั้นตกลงมาแค่ไหนเมื่อเทียบกับผลกระทบที่บริษัทได้รับ
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Blitzkrieg/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
-
- Verified User
- โพสต์: 1187
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Blitzkrieg/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 8
สินค้าจำเป็นผมก็มองไปถึงพวกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
ด้วยนะเพราะปัจจุบันมันก็เป็นสิ่งจำเป็นไปแล้ว..พวก
sis และ synex ก็พอน่าจะได้ประโยชน์และปัจจุบัน
ราคาก็สะท้อนเรื่องพวกนี้ไปพอสมควร...ก็แค่คิดนะครับ..
ด้วยนะเพราะปัจจุบันมันก็เป็นสิ่งจำเป็นไปแล้ว..พวก
sis และ synex ก็พอน่าจะได้ประโยชน์และปัจจุบัน
ราคาก็สะท้อนเรื่องพวกนี้ไปพอสมควร...ก็แค่คิดนะครับ..
ควรทุ่มเทเจริญให้มาก..ในงานที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง..
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Blitzkrieg/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 11
อาจารย์มีความสามารถในการมองมิติ สูง นอกจากหุ้นแล้ว ยังมองอะไรๆทะลุทะลวงอีก
จึงสามารถโยงเรื่องหุ้นกับเหตุการณ์ปัจจุบัน เป็นบทเรียนให้พวกเราได้ครับ
อย่างแกเรียกว่า ระดับ อัจริยะ ครับ ผมสังเกตุวิธีของ ดร คือ " เรียบง่ายแต่คลอบคลุม"
จึงสามารถโยงเรื่องหุ้นกับเหตุการณ์ปัจจุบัน เป็นบทเรียนให้พวกเราได้ครับ
อย่างแกเรียกว่า ระดับ อัจริยะ ครับ ผมสังเกตุวิธีของ ดร คือ " เรียบง่ายแต่คลอบคลุม"
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Blitzkrieg/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 13
เห็นด้วยครับ อาจารย์แกพูดนิ่งๆดี ชอบโดนแซวในรายการ Money Talk บ่อยๆAleAle เขียน:อาจารย์เป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งในความรู้สึกของผม แต่งานเขียนนี่สุดยอดมากครับ
ปล.ขอบคุณ พี่ little wing สำหรับการเผยแพร่้บทความครับ
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10548
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Blitzkrieg/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 15
เป็นความถนัดแต่ละคนครับ บางคนถนัดพูด หรือ บรรยาย ได้ใจความและเรียบเรียงได้ดีมากเช่นกันครับAleAle เขียน:อาจารย์เป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งในความรู้สึกของผม แต่งานเขียนนี่สุดยอดมากครับ
ขอบคุณความรู้ใหม่ ๆสำหรับเรื่องนี้ครับ
- yoyoeffect
- Verified User
- โพสต์: 364
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Blitzkrieg/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 17
แสดงถึงความเป็นนักอ่าน นักศึกษา หลายแขนงอย่างแตกฉานของอาจารย์
บทความทั้งหลายมักจะมีการเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ต่างๆ อย่างเห็นภาพ
เข้าใจง่าย ไม่เฉพาะเรื่องการลงทุน เพียงอย่างเดียว
ผมชอบคนเก่ง ที่สามารถเผยแผ่ บอกสอนได้เก่ง ดี เข้าใจง่าย
บทความทั้งหลายมักจะมีการเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ต่างๆ อย่างเห็นภาพ
เข้าใจง่าย ไม่เฉพาะเรื่องการลงทุน เพียงอย่างเดียว
ผมชอบคนเก่ง ที่สามารถเผยแผ่ บอกสอนได้เก่ง ดี เข้าใจง่าย
- py106
- Verified User
- โพสต์: 296
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Blitzkrieg/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 24
ไม่ว่าสุดท้ายภัยจากน้ำครั้งนี้จะมีผลลัพธ์อย่างไร
ส่วนตัวอยากให้มีคนเอาไปทำเป็นภาพยนตร์ครับ
ส่วนตัวอยากให้มีคนเอาไปทำเป็นภาพยนตร์ครับ
แวะไปเยี่ยมเยียนกันได้ครับ ^^
http://py106travel.blogspot.com
http://py106travel.blogspot.com
- panda_power
- Verified User
- โพสต์: 54
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Blitzkrieg/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 25
อเมริกามีส่วนช่วยให้พันธมิตรชนะส่งคราม
แล้วประเทศมีอะไรที่เป็นส่วนช่วยให้ชนะสงครามน้ำนี้
อือ.... หรือว่าจะเป็นน้ำใจของคนไทยที่ช่วยเหลือกันเน้อ
แล้วประเทศมีอะไรที่เป็นส่วนช่วยให้ชนะสงครามน้ำนี้
อือ.... หรือว่าจะเป็นน้ำใจของคนไทยที่ช่วยเหลือกันเน้อ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 991
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Blitzkrieg/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 26
น่าทึ่งมากครับ อ่านจบ ตาสว่างขึ้นมาทันทีเลยครับ ขอบคุณอาจารย์มากครับ
ในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ
ในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ
"Look at market fluctuations as your friend rather than your enemy; profit from folly rather than participate in it." – Warren Buffett
-
- Verified User
- โพสต์: 31
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Blitzkrieg/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 29
แต่สิ่งที่ทำให้อังกฤษรอดไปได้นั้นอยู่ที่กองทัพเรือและกองทัพอากาศที่มีประสิทธิภาพในการที่จะยับยั้งฝ่ายเยอรมันไม่ให้รุกข้ามช่องแคบมาได้ เหนือสิ่งอื่นใด กำลังใจที่เข้มแข็งและความสามัคคีอันยิ่งใหญ่ของชาวอังกฤษที่พร้อมจะต่อสู้และปกป้องประเทศจากข้าศึกเป็นปัจจัยชี้ขาดทำให้อังกฤษสามารถปกป้องประเทศไว้ได้ และในที่สุดก็เอาชนะฝ่ายเยอรมันได้สำเร็จ
.....อยากให้ประชาชนคนใทย สามัคคีร่วมด้วยช่วยกัน....เราจะได้ชนะข้าศึก น้ำ ที่มีกำลังไม่จำกัดในช่วงเวลาหนึ่งครับ
.....อยากให้ประชาชนคนใทย สามัคคีร่วมด้วยช่วยกัน....เราจะได้ชนะข้าศึก น้ำ ที่มีกำลังไม่จำกัดในช่วงเวลาหนึ่งครับ
ใจ เย็นๆ
- honey_lady
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Blitzkrieg/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 30
อ่านง่ายเห็นภาพ ขอคาราวะค่ะ