นักลงทุนที่เบาสบาย
- ม้าเฉียว
- Verified User
- โพสต์: 350
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เบาสบาย
โพสต์ที่ 1
นักลงทุนที่เบาสบาย
ม้าเฉียว
ผมได้รับอีเมล์บทความเรื่อง ความสุขใกล้ตัวของพระไพศาล วิสาโล
คุณอยากได้กล้องถ่ายรูปแบบดิจิตัลสักตัวหนึ่งหลังจากหาข้อมูลมาหลายวันทั้งจากหนังสือพิมพ์และคนรู้จัก ก็ตัดสินใจได้ว่าจะซื้อยี่ห้อและรุ่นอะไรคุณใช้เวลา ๒-๓ วันในการหาร้านที่ขายถูกที่สุดแล้วคุณก็พบร้านหนึ่งซึ่งขายต่ำกว่าราคาทั่วไปถึง ๒๕ % คุณตัดสินใจควักเงิน ๗,๕๐๐ บาท แล้วพากล้องใหม่กลับบ้านด้วยความปลื้มใจที่ได้ทั้งของดีและราคาถูก...แต่เมื่อกลับถึงบ้าน ตั้งใจว่าจะไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง แต่กลับพบว่าเขาเพิ่งซื้อกล้องยี่ห้อและรุ่นเดียวกับคุณ แต่ซื้อได้ถูกกว่านั้น คือจ่ายไปเพียง ๕,๐๐๐ บาทเท่านั้น คุณจะรู้สึกอย่างไร? ยังจะยิ้มได้อีกหรือไม่ ? ถ้าคุณยิ้มไม่ออก ก็น่าถามตัวเองว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น... ก็คุณเพิ่งได้ของใหม่มา แถมจ่ายน้อยกว่าคนทั่วไป อีกทั้งสินค้าก็มีคุณภาพและถูกใจคุณเสียด้วย ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่คุณน่าจะดีใจมิใช่หรือ... แต่ทำไมคุณถึงเสียใจหรือถึงกับโมโหตัวเอง เป็นเพราะคุณไปเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านใช่หรือไม่
ชีวิตนักลงทุนของผมก็พบกับประสบการณ์ทำนองนี้อยู่เสมอ เช่น
อุตสาห์รอตั้งนานเพื่อซื้อหุ้นในดวงใจในราคาที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว แหม่! ราคาลงไปอีก เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เล็งหุ้นตัวเดียวกัน ต่างเฮโลกันซื้อได้ราคาถูกกว่าเรา เฮ้อ เวรกรรมจริง แม้ว่าหุ้นตัวนั้นจะมีราคาเพิ่มขึ้นจนทำให้เรามีกำไรพอสมควรแล้ว ก็ยังทุกข์ใจ เพราะกำไรที่เราได้ น้อยกว่าที่เพื่อนเราได้
สองวันที่ผ่านมาหุ้นพุ่งขึ้นมากว่า 30 จุด หุ้นในพอร์ตเราทำไมไม่ไปไหนเลย แย่จังเลย คนอื่นได้กำไรกันถ้วนหน้า
ตั้งใจไว้ว่า ลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 15%ต่อปี ก็ดีแล้ว แต่เห็นเพื่อนมันเล่นเก็งกำไร 2-3 วันได้กำไร 50% เห็นแล้ว อยากลองเก็งกำไรแบบเค้าบ้างจัง
ความทุกข์ของผมเกิดขึ้นเพราะไปมองคนอื่นมากเกินไป ไม่เคยพอใจกับสิ่งที่มีหรือเป็นเสียที แม้ว่าจะเลือกลงทุนในหุ้นที่คัดเลือกมาดีแล้ว ซื้อมาในราคาที่เหมาะสมแล้ว ก็ยังรู้สึกแย่ เมื่อเห็นว่ามีคนอื่นซื้อมาได้ถูกกว่าเรา หรือคนอื่นลงทุนในหุ้นตัวอื่นแล้วได้ผลตอบแทนมากกว่าเรา และเริ่มรู้สึกว่า หุ้นของเราไม่ค่อยเอาไหน เริ่มรู้สึกว่าขี้เหร่ ไม่เหมือนหุ้นดารา ที่ใครๆเค้าเล่นกันจนมีกำไรงาม
แต่เมื่อใดที่เราหันมาพอใจกับหุ้นที่เรามีอยู่ แม้จะได้ผลตอบแทนไม่หวือหวา แต่ก็เสี่ยงน้อย ได้ปันผลเรื่อยๆความสุขในการลงทุนก็จะเพิ่มพูนขึ้นมา จิตใจจะเบาขึ้น และไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับเกมการลงทุนที่ผันผวน
ผมว่าแค่นี้ชีวิตการลงทุนก็คงเบาสบาย และสงบเย็นอย่างบอกไม่ถูก
ม้าเฉียว
ผมได้รับอีเมล์บทความเรื่อง ความสุขใกล้ตัวของพระไพศาล วิสาโล
คุณอยากได้กล้องถ่ายรูปแบบดิจิตัลสักตัวหนึ่งหลังจากหาข้อมูลมาหลายวันทั้งจากหนังสือพิมพ์และคนรู้จัก ก็ตัดสินใจได้ว่าจะซื้อยี่ห้อและรุ่นอะไรคุณใช้เวลา ๒-๓ วันในการหาร้านที่ขายถูกที่สุดแล้วคุณก็พบร้านหนึ่งซึ่งขายต่ำกว่าราคาทั่วไปถึง ๒๕ % คุณตัดสินใจควักเงิน ๗,๕๐๐ บาท แล้วพากล้องใหม่กลับบ้านด้วยความปลื้มใจที่ได้ทั้งของดีและราคาถูก...แต่เมื่อกลับถึงบ้าน ตั้งใจว่าจะไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง แต่กลับพบว่าเขาเพิ่งซื้อกล้องยี่ห้อและรุ่นเดียวกับคุณ แต่ซื้อได้ถูกกว่านั้น คือจ่ายไปเพียง ๕,๐๐๐ บาทเท่านั้น คุณจะรู้สึกอย่างไร? ยังจะยิ้มได้อีกหรือไม่ ? ถ้าคุณยิ้มไม่ออก ก็น่าถามตัวเองว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น... ก็คุณเพิ่งได้ของใหม่มา แถมจ่ายน้อยกว่าคนทั่วไป อีกทั้งสินค้าก็มีคุณภาพและถูกใจคุณเสียด้วย ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่คุณน่าจะดีใจมิใช่หรือ... แต่ทำไมคุณถึงเสียใจหรือถึงกับโมโหตัวเอง เป็นเพราะคุณไปเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านใช่หรือไม่
ชีวิตนักลงทุนของผมก็พบกับประสบการณ์ทำนองนี้อยู่เสมอ เช่น
อุตสาห์รอตั้งนานเพื่อซื้อหุ้นในดวงใจในราคาที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว แหม่! ราคาลงไปอีก เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เล็งหุ้นตัวเดียวกัน ต่างเฮโลกันซื้อได้ราคาถูกกว่าเรา เฮ้อ เวรกรรมจริง แม้ว่าหุ้นตัวนั้นจะมีราคาเพิ่มขึ้นจนทำให้เรามีกำไรพอสมควรแล้ว ก็ยังทุกข์ใจ เพราะกำไรที่เราได้ น้อยกว่าที่เพื่อนเราได้
สองวันที่ผ่านมาหุ้นพุ่งขึ้นมากว่า 30 จุด หุ้นในพอร์ตเราทำไมไม่ไปไหนเลย แย่จังเลย คนอื่นได้กำไรกันถ้วนหน้า
ตั้งใจไว้ว่า ลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 15%ต่อปี ก็ดีแล้ว แต่เห็นเพื่อนมันเล่นเก็งกำไร 2-3 วันได้กำไร 50% เห็นแล้ว อยากลองเก็งกำไรแบบเค้าบ้างจัง
ความทุกข์ของผมเกิดขึ้นเพราะไปมองคนอื่นมากเกินไป ไม่เคยพอใจกับสิ่งที่มีหรือเป็นเสียที แม้ว่าจะเลือกลงทุนในหุ้นที่คัดเลือกมาดีแล้ว ซื้อมาในราคาที่เหมาะสมแล้ว ก็ยังรู้สึกแย่ เมื่อเห็นว่ามีคนอื่นซื้อมาได้ถูกกว่าเรา หรือคนอื่นลงทุนในหุ้นตัวอื่นแล้วได้ผลตอบแทนมากกว่าเรา และเริ่มรู้สึกว่า หุ้นของเราไม่ค่อยเอาไหน เริ่มรู้สึกว่าขี้เหร่ ไม่เหมือนหุ้นดารา ที่ใครๆเค้าเล่นกันจนมีกำไรงาม
แต่เมื่อใดที่เราหันมาพอใจกับหุ้นที่เรามีอยู่ แม้จะได้ผลตอบแทนไม่หวือหวา แต่ก็เสี่ยงน้อย ได้ปันผลเรื่อยๆความสุขในการลงทุนก็จะเพิ่มพูนขึ้นมา จิตใจจะเบาขึ้น และไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับเกมการลงทุนที่ผันผวน
ผมว่าแค่นี้ชีวิตการลงทุนก็คงเบาสบาย และสงบเย็นอย่างบอกไม่ถูก
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เบาสบาย
โพสต์ที่ 4
ถ้าเป็นกล้องดิจิตอล ซื้อมาแล้ว เจอข้างบ้านซื้อถูกกว่า คงเซ็งไปสักพัก แต่เราก็ถ่ายมันจนคุ้ม จะให้ซื้อมาอีกอันมันก็กระไรอยู่
ถ้าเป็นหุ้น ซื้อมาแล้ว ยังถูกลงอีก ก็ซื้อเพิ่มอย่างเดียวเลยครับ หุ้นบริษัทหนึ่งยิ่งมีมากยิ่งทำเงินได้มาก
แต่กล้องยี่ห้อเดียวกันและรุ่นเดียวกัน ไม่รู้จะมีมากกว่า 1 ตัวไปทำมัย
Expecto Patronum!!!!!!
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เบาสบาย
โพสต์ที่ 7
มันเป็นความผิดพลาดเลยขายทิ้งครับCK เขียน: อืมม์ แล้วตอนโน้นขาย FANCY ทำไมครับ
ลงมาจาก 9 บาทกว่า เหลือ 4 บาทกว่าเอง
น่าจะซื้อเพิ่มอย่างเดียวเลยนะ
พอเราเริ่มฉลาดขึ้น ก็รู้ว่าที่ทำไปแล้วนั่นถูกหรือผิด
แต่หุ้นที่ถือตอนนี้ยังไม่ได้ขายครับ
Expecto Patronum!!!!!!
-
- Verified User
- โพสต์: 34
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนที่เบาสบาย
โพสต์ที่ 8
เยี่ยมครับ ซื้อผิดขายทิ้ง ถือว่าเป็นเซียนได้แล้วครับ