ซื้อขายหุ้นในยามวิกฤติ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
oatty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2444
ผู้ติดตาม: 0

ซื้อขายหุ้นในยามวิกฤติ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โลกในมุมมองของ Value Investor                     16 พฤษภาคม 2552



ในยามเศรษฐกิจวิกฤตินั้น การซื้อขายหุ้นน่าจะต้องมีความแตกต่างจากการลงทุนในภาวะปกติอยู่บ้าง  ต่อไปนี้คือแนวทางที่ผมคิดว่าควรจะนำไปพิจารณาถ้าคิดจะซื้อหุ้นในยามนี้  

ข้อแรก  บริษัทหรือกิจการที่เราจะลงทุนนั้น   เราจะต้องมั่นใจว่ามันจะไม่  “เจ๊ง“  หรือล้มละลายหรือต้องเพิ่มทุนมากมายเพื่อที่จะกู้ฐานะของกิจการ  นี่เป็นกฏที่สำคัญ  เพราะในยามวิกฤตินั้น  สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการที่กิจการขาดสภาพคล่องและต้องเลิกกิจการหรือต้องมีการเพิ่มทุนที่ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมมีมูลค่าลดลงมาก   และถ้าเราซื้อหุ้นไปแล้วเกิดสถานการณ์อย่างนั้น   ความเสียหายก็จะมหาศาล

ข้อสอง  วิธีที่จะทำให้เราปลอดภัยในการซื้อหุ้นลงทุน  นั่นคือ  ไม่ใช่ว่าซื้อแล้วหุ้นจะตกลงไปและเราก็กระวนกระวายใจไม่รู้ว่ามันจะกลับขึ้นมาเมื่อไรก็คือ  ต้องมองว่าอนาคตโดยเฉพาะในปีนี้หรือปีหน้า   กำไรของบริษัทจะต้องไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญหรือลดลงมาก   เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น  ราคาหุ้นก็จะขึ้นไปยาก  เผลอ ๆ  จะลดลงไปอีก  และกว่าจะฟื้นได้ก็อาจจะใช้เวลานาน  ดังนั้น  ถ้าจะซื้อหุ้นแบบนี้   เราก็น่าจะรอไว้ก่อนได้  รอจนกว่าจะ   “เห็นแสงที่ปลายอุโมง“  ก่อนจะดีกว่า

ข้อสาม  ในยามที่หุ้นส่วนใหญ่ตกลงมามาก  หุ้นจำนวนมากกลายเป็นหุ้น  Value  ซึ่งรวมถึงหุ้นขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพดี  มีความเข้มแข็งสูง  ดังนั้น  ความจำเป็นที่จะลงทุนในหุ้นขนาดเล็กที่ยังไม่ค่อยได้พิสูจน์ถึงคุณภาพของกิจการจึงมีน้อย  เช่นเดียวกัน  การลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ นั้น  ความเสี่ยงย่อมจะต่ำกว่าหุ้นขนาดเล็ก  ทั้งในเรื่องของผลประกอบการของกิจการเองและในเรื่องสภาพคล่องของหุ้น  พูดกันชัด ๆ  ก็คือ  ถ้าซื้อหุ้นขนาดเล็กแล้วพลาด   ความเสียหายบางทีจะสูงมาก  เพราะเวลาขายจะหาคนซื้อยากและราคาก็จะตกลงมากกว่าปกติ  นอกจากนั้น  ในเวลาที่ตลาดหุ้นฟื้นตัว  หุ้นขนาดใหญ่ก็มักจะปรับตัวขึ้นก่อน

สำหรับกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุนในยามวิกฤติแบบนี้ก็คงจะมีมากมาย   ผมเองลองนึกดูก็พอจะบอกได้สามสี่กลุ่มดังต่อไปนี้

กลุ่มแรกก็คือกลุ่มที่มี  Monopoly Power หรือมีอำนาจผูกขาดทางการตลาดสูง  ข้อสังเกตก็คือ  บริษัทในกลุ่มนี้จะมีกำไรต่อเนื่องมานาน   อย่างไรก็ตาม  ในยามวิกฤติ  ยอดขายอาจจะตกลงไปมากทำให้กำไรลดลงมากหรืออาจจะขาดทุน  นี่ทำให้ราคาหุ้นตกลงไปมาก  แต่ถ้าเรามั่นใจว่าในอนาคตเศรษฐกิจจะต้องฟื้นและยอดขายของกิจการก็จะกลับมาอย่างน้อยเท่าเดิม  และกำไรก็น่าจะกลับมาเท่าเดิมได้  แบบนี้  เราก็สามารถที่จะเก็บหุ้นลงทุนได้  โดยที่ราคาหุ้นที่เราจะซื้อนั้น  อย่างน้อยควรจะเท่ากับหรือต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของราคาหุ้นของบริษัทก่อนที่จะเกิดวิกฤติ เมื่อซื้อแล้วก็รอจนกว่าเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นและยอดขายของกิจการฟื้นตัว   โดยที่กระบวนการนี้เราคาดว่าไม่น่าเกิน 4 -5 ปี ซึ่งก็ยังคุ้มค่า  เพราะการลงทุน 5 ปีแล้วราคาหุ้นขึ้นมาได้หนึ่งเท่าตัวนั้น  เท่ากับผลตอบแทนทบต้นปีละถึง 15%

กลุ่มที่สอง  นี่คือกลุ่มที่น่าจะปลอดภัยที่สุดแต่ผลตอบแทนอาจจะไม่หวือหวาเมื่อเทียบกับกลุ่มแรก  นี่คือหุ้นของกิจการที่ดีเยี่ยมหรือเป็น Super Company   บริษัทในกลุ่มนี้เป็นกิจการที่แข็งแกร่ง  มีความได้เปรียบคู่แข่งอย่างยั่งยืน  มียอดขายและกำไรที่เติบโตต่อเนื่องมายาวนาน  สินค้าทดแทนมีน้อยหรือไม่มี   ข้อสังเกตของกิจการในกลุ่มนี้ก็คือ  แม้ในยามที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ  ยอดขายก็ไม่ลดลงหรือยังเพิ่มขึ้น  เช่นเดียวกับกำไรที่มักจะยังรักษาอยู่ได้หรือเพิ่มขึ้น   และทั้งสองอย่างนั้น  ไม่ได้เกิดขึ้นจากรายการที่ผิดปกติหรือเป็นเรื่องของการลงบัญชีหรือเป็นกำไรที่เกิดจากการขายในอดีต  ถ้าเป็นแบบนี้  และราคาหุ้นตกลงมาหรือไม่ได้ปรับตัวขึ้นอย่างที่มันควรเป็น  การซื้อหุ้นแบบนี้ก็คือ  โอกาสในการซื้อหุ้น  Super Stock ในราคาถูกหรือราคายุติธรรม  ซึ่งก็จะเป็นแนวการลงทุนแบบที่  วอเร็น บัฟเฟตต์ ชอบใช้

กลุ่มที่สามที่ผมจะพูดถึงก็คือ  การเล่นหุ้น  Commodities หรือสินค้าโภคภัณฑ์  นี่จะเป็นการลงทุนประเภท  High Risk, High Return หรือเล่นแบบกล้าได้กล้าเสีย  เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสู่งแต่ก็คาดว่าจะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าปกติ   แนวความคิดนี้ก็คือ  ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้ปรับตัวลงมามากเนื่องจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ  นั่นทำให้บริษัทที่ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์เช่นน้ำมัน ปิโตรเคมี ต้องขาดทุนกันอย่างหนัก   ราคาหุ้นของบริษัทเหล่านั้นตกลงมามาก  แต่ราคาโภคคภัณฑ์เหล่านั้นเราเห็นว่าเริ่มอยู่ตัวแล้ว  ในอนาคต  โดยเฉพาะถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัว  ราคาสินค้ามีแต่จะปรับตัวขึ้น  และเมื่อนั้น  บริษัทก็จะกลับมาทำกำไรได้อย่างงดงาม   และในกรณีที่ราคาสินค้าไม่ปรับตัวขึ้นเราก็ยังเห็นว่าบริษัทก็ยังสามารถทำกำไรได้   ในสถานการณ์แบบนี้  และราคาหุ้นของบริษัทได้ปรับตัวลงมาต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของราคาหุ้นก่อนวิกฤติ    การซื้อหุ้นไว้ก็อาจจะทำให้เราสามารถทำกำไรรได้อย่างงดงาม  อย่างไรก็ตาม  ความเสี่ยงก็ยังมีอยู่ในกรณีที่ราคาโภคภัณฑ์อาจจะลดลงไปได้อีกเนื่องจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในช่วงก่อนใกล้วิกฤติ   ดังนั้น  การวิเคราะห์ในเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อที่จะลดความเสี่ยงในการลงทุนลง

ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงบางส่วนของกลยุทธ์ในการมองหาโอกาสจากวิกฤติ  ซึ่งถ้าทำดี ๆ  เราก็จะได้เงินมากและเร็วกว่าในภาวะปกติ  ความเสี่ยงนั้นมีแน่  แต่มักจะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ  ไม่เกินหนึ่งหรือสองปี   ดังนั้น  คนที่จะลงทุนซื้อหุ้นในช่วงนี้จะต้องเข้าใจและทำใจให้ได้
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
Laziale
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2147
ผู้ติดตาม: 0

ซื้อขายหุ้นในยามวิกฤติ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ข้อคิดของอาจารย์ยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิม และออกมากระตุ้นนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง  :D

กลุ่มแรกก็คือกลุ่มที่มี  Monopoly Power หรือมีอำนาจผูกขาดทางการตลาดสูง
กลุ่มที่สอง  นี่คือกลุ่มที่น่าจะปลอดภัยที่สุดแต่ผลตอบแทนอาจจะไม่หวือหวาเมื่อเทียบกับกลุ่มแรก


มาแชร์ความเห็นกันดีกว่าครับ
กลุ่มแรก STANLY IRC IT
กลุ่มสอง HMPRO
เพื่อนๆว่ายังไงบ้างครับ  :D
i_sarut
Verified User
โพสต์: 1808
ผู้ติดตาม: 0

ซื้อขายหุ้นในยามวิกฤติ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

[quote="Laziale"]ข้อคิดของอาจารย์ยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิม และออกมากระตุ้นนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet

สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย

http://www.sarut-homesite.net/
drypoint
Verified User
โพสต์: 148
ผู้ติดตาม: 0

ซื้อขายหุ้นในยามวิกฤติ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

monopolyน่าจะเป็น
tf
bol
bafs
aot
mcot
นะครับ
Hughes
Verified User
โพสต์: 1088
ผู้ติดตาม: 0

ซื้อขายหุ้นในยามวิกฤติ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 5

โพสต์

โหเหมือน ดร มาแอบอ่านโพสต์ผมเลย  :lol:

เดี๋ยววันจันทร์ปรับพอร์ทถือตัวชัวร์ๆหมดละ  :oops:
Surfing
Verified User
โพสต์: 670
ผู้ติดตาม: 0

ซื้อขายหุ้นในยามวิกฤติ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 6

โพสต์

drypoint เขียน:monopolyน่าจะเป็น
tf
bol
bafs
aot
mcot
นะครับ
ผมว่า MCOT ถือเป็นหุ้นที่ดี แต่อาจไม่เข้าข่าย Monopoly นะครับ
Surfing
Verified User
โพสต์: 670
ผู้ติดตาม: 0

ซื้อขายหุ้นในยามวิกฤติ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ผมลองเสนอหุ้นเรียงตามกลุ่มของอาจารย์ครับ

กลุ่มแรกก็คือกลุ่มที่มี  Monopoly Power

AOT BAFS EASTW STANLY BOL SPF TTW BMCL BECL PTT (สำหรับการกำหนดราคาขายปลีกของน้ำมัน)

กลุ่มที่สอง หุ้นของกิจการที่ดีเยี่ยมหรือเป็น Super Company

CPALL HMPRO BH SCNYL SE-ED BEC CPN MCOT KH ADVANC OISHI PB ROBINS

กลุ่มที่สามที่ Commodities หรือสินค้าโภคภัณฑ์

เพียบเลย เลือกเอาเองในตลาด มีมากกว่าครึ่งในตลาดหลักทรัพย์ไทย
Hughes
Verified User
โพสต์: 1088
ผู้ติดตาม: 0

ซื้อขายหุ้นในยามวิกฤติ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ตาม requirement ที่อ่าน

หุ้น monopoly power ที่ราคาต่ำลงมาเกินครึ่งก็ขึ้นไปหมดแล้ว (มีตัวไหนผมพลาดบอกด้วย)

หุ้น super stock ที่อ่านจากบทความ ดร เก่าๆ ยังเหลือ SCC, METCO, STANLY ที่ราคาลงมามาก แต่ว่าพวกนี้ผลประกอบการณ์ระยะสั้นไม่ค่อยดี อย่างนี้คงต้องรอไปก่อนจนเห็น "แสงที่ปลายอุโมงค์" รึปล่าว?

ส่วนหุ้น commodities นี่ BANPU, PTT ขึ้นไปเยอะ ( BANPU นี่น่าจะเป็น Super Stock นะ) แต่ PSL, TTA นี่ยังราคาลงมามากจากปีที่แล้ว ว่าแต่จะมีใครกล้าซื้อในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้บ้าง?  :lol:
ศิษย์เซียน007
Verified User
โพสต์: 1252
ผู้ติดตาม: 0

ซื้อขายหุ้นในยามวิกฤติ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ขอบคุณครับท่านอ. จากชื่อหัวข้อ(ซื้อขายหุ้นในยามวิกฤติ )ก็เฮง เฮง เฮง สิครับ  :lol:  

ถ้าเดาไจท่านไม่ผิด กล่มแรกน่าจะหมายถึงที่ให้เครื่องบินลงจอด กลุ่มสองน่าจะหมายถึงค้าปลีกแถวบ้าน

ปล. ชื่อกลุ่มแรกทำให้นึกถึงเกมส์เศรษฐีครับ(เล่นแล้วไม่รวยจริงๆซักทีเลยมาเล่นหุ้นซะเลยครับ :twisted: )
Laziale
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2147
ผู้ติดตาม: 0

ซื้อขายหุ้นในยามวิกฤติ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 10

โพสต์

[quote="Hughes"]ตาม requirement ที่อ่าน

หุ้น monopoly power ที่ราคาต่ำลงมาเกินครึ่งก็ขึ้นไปหมดแล้ว (มีตัวไหนผมพลาดบอกด้วย)

หุ้น super stock ที่อ่านจากบทความ ดร เก่าๆ ยังเหลือ SCC, METCO, STANLY ที่ราคาลงมามาก แต่ว่าพวกนี้ผลประกอบการณ์ระยะสั้นไม่ค่อยดี อย่างนี้คงต้องรอไปก่อนจนเห็น "แสงที่ปลายอุโมงค์" รึปล่าว?

ส่วนหุ้น commodities นี่ BANPU, PTT ขึ้นไปเยอะ ( BANPU นี่น่าจะเป็น Super Stock นะ) แต่ PSL, TTA นี่ยังราคาลงมามากจากปีที่แล้ว ว่าแต่จะมีใครกล้าซื้อในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้บ้าง?
โพสต์โพสต์