นักฆ่าความฝัน
-
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
นักฆ่าความฝัน
โพสต์ที่ 1
มติชนวันอาทิตย์20/02/05
โครงการที่ไม่น่าสนใจ
ถึงพี่ประภาส
น้องชายดิฉันจบด้านสื่อสารมวลชน ตอนเรียนเขาก็ดูไฟแรงดี พอจบมาแล้วกลายเป็นคนขี้เกียจไปได้ยังไงไม่รู้ พยายามบอกให้เขาลุกขึ้นทำอะไรบ้าง แม่ก็อยากให้ไปทำงานบริษัท เขาก็บอกว่าไม่อยากเป็นลูกน้องใคร บอกให้ลองลงทุนทำอะไรเองหรือไม่ก็คิดเรื่องใหม่ๆ หรือแต่งเพลงออกมาสักม้วนอย่างที่เคยทำสมัยเรียน เขาก็เอาแต่กวนประสาทบอกว่าสมัยนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน คิดอะไรไปก็มีคนทำหมดแล้ว เพลงรักเพลงเพื่อชีวิตก็ถูกแต่งหมดแล้ว ไม่รู้จะแต่งอะไรอีก จะให้ค้าขายอะไรเขาก็บอกว่าอันนี้ก็ทำไม่ได้อันนั้นก็ไม่น่าทำ ฟังแล้วท้อค่ะ บางทีดิฉันมีโปรเจ็คท์ดีๆไปชวนเขาทำ เขาก็เบรคเราเสียเราเองก็ไม่กล้าทำตามเขาไปเลย พี่ประภาส พอจะมีอะไรแนะนำให้ต่อกรกับคนแบบนี้บ้าง
นุช
เคยได้ยินประโยคทำนองนี้กันบ้างไหมครับ บทสนทนาในละครฉากเล็กๆของชีวิตจริง
ลูกชาย พ่อ เห็นตึกสี่ชั้นที่อยู่หน้าหมู่บ้านนั่นไหม เขาติดประกาศขายแล้ว ไม่ไกลจากบ้านเราด้วย หน้ามันกว้างดี จอดรถน่าจะได้สองคันสบายๆเลยนะพ่อ
พ่อ ไหน หลังไหน ร้านหนังสือเก่านั่นน่ะเหรอ ละเมอไปหรือเปล่า อย่างเราจะมีปัญญาไปซื้ออย่างไรไหว
ลูกชาย ลองโทรไปถามหน่อยไม่ดีหรือ เผื่อเอาเข้าแบ๊งค์แล้วขยับขยายร้านได้ใหญ่ขึ้น
พ่อ เสียเวลา เสียค่าโทรศัพท์เปล่าๆ ก้มหน้าก้มตาทำงานไปเถอะ
.
สามี ไปเที่ยวยุโรปกันไหม กลางๆปีเขาว่าไม่หนาวมาก อยากไปเห็นเมืองนอกบ้าง
ภรรยา ไปต่างประเทศ คุณจะมีเวลาหรือ แล้วเรื่องเงินอีก ไหนจะค่าตั๋ว ค่าที่พัก แล้วยังต้องซื้อของฝากคนอื่นอีกล่ะ โอยยุ่งยากเปล่าๆ อย่าคิดอะไรเกินตัวนักสิ
น้อง พินัยกรรมสรุปออกมาแล้ว คุณป้าท่านยกเงินให้เราแสนหนึ่งแน่ะ
พี่ แสนหนึ่ง ค่าทนาย ค่าธรรมเนียม แล้วก็ต้องผ่อนรถที่เหลืออีกสามสี่เดือน จะไปเหลือสักเท่าไร ไม่เห็นน่าดีใจเลย
.
อาจารย์ที่ปรึกษา อีกอาทิตย์เดียวก็สอบใหญ่แล้วนะ เธอนอนอยู่โรงพยาบาลนานขนาดนั้น ขาดเรียนสิบกว่าครั้งอย่างนี้ อ่านทวนเยอะๆหน่อยก็ดี ข้อสอบปีนี้ไม่ง่ายนะ
นักศึกษา อ่านอย่างไรอ่านก็ไม่ทันแล้วครับ หนังสือตั้งเกือบสิบเล่ม อาทิตย์เดียวจะไปอ่านทันได้อย่างไร ช่างมันเถอะครับอาจารย์ มันจะตกก็ให้มันตกไป อ่านไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
.
บางทีผมก็แอบเรียกคนมองโลกในแง่ร้ายอย่างนี้ว่า นักฆ่าความฝัน
ในสังคมรอบๆตัวท่านผู้อ่านก็คงมีให้เห็นบ้างละครับ ทั้งแบบนักฆ่าสมัครเล่นที่มองอะไรก็เห็นว่าเป็นไปไม่ได้หมด กับพวกนักฆ่ามืออาชีพ พวกนี้ต่างจากพวกสมัครเล่นก็คือไม่เพียงแต่มองไม่เห็นความเป็นไปได้แค่นั้น พวกนี้ยังออกโรงออกแรงค้านอย่างจริงจังจนทุกโครงการที่นักฝันคนไหนก็ตามเสนอขึ้นมา เป็นหมันตั้งแต่ออกจากปากแล้ว
คุณนุชเขียนมาขอวิธีต่อกรกับพวกฆาตกรความฝัน ยอมรับครับว่าทุกวันนี้ผมก็ยังผจญภัยกับคนเหล่านี้อยู่ วิธีคิดของผมก็คือ อย่ามองเขาเป็นศัตรู มองเขาเป็นเพื่อนมองเขาเป็นฝ่ายค้านที่มาช่วยติงช่วยติ
แต่อย่ายอมให้เขาฆ่าความฝันเราได้นะครับ
ที่สำคัญที่สุดหากเราทำให้ฝันที่เขาคิดว่าเป็นจริงไม่ได้สำเร็จเป็นรูปเป็นร่างให้เขาเห็นได้บ่อยๆ ต่อไปเขาก็จะไม่กล้าฆ่าความฝันใคร แม้แต่ของตัวเอง
มีกรณีศึกษาจากนักจิตวิทยาที่ผมเคยอ่านเจอ นักฆ่าความฝันพวกนี้มักมีปมในวัยเด็กกับประสบการณ์แย่ๆ เช่น พ่อกับแม่ชอบสัญญิงสัญญาอะไรกับเขาแล้วไม่เคยทำได้สักครั้ง คงเคยเห็นใช่ไหมครับพ่อแม่ที่รับปากลูกไปวันๆ ฝันอันงดงามในความรู้สึกของเด็กจึงกลายเป็นฝันลมๆแล้งๆแทบทุกครั้ง หนักเข้าก็เริ่มไม่วางใจใคร สุดท้ายการมองโลกในแง่ร้ายก็เลยฝังลึกลงก้นบึ้งจิตใจ
ไม่มีอะไรแนะนำมากกว่านี้ครับ นอกจากขออนุญาตเล่าถึงโครงการแปลกๆในอดีตให้ฟังกัน ฝากเอาไปเล่าให้น้องชายคุณนุชฟังอีกต่อด้วยนะครับ
โครงการพวกนี้ล้วนเคยเป็นโครงการที่ไม่น่าสนใจแทบทั้งสิ้นครับ
อากิโอะ โมริตะประธานฯบริษัทโซนี่ มองเห็นอีฟูกะ ผู้ร่วมก่อตั้งโซนี่อีกคนหนึ่งชอบหิ้วเครื่องเล่นเทปพร้อมกับหูฟังติดอยู่ที่หูเดินไปไหนมาไหนอยู่เรื่อย จึงออกปากถามถึงเหตุผล อีฟูกะบอกว่าเขาชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ เดินไปนั่งตรงไหนก็อยากเอาเพลงไปฟังด้วย แต่ไม่อยากเปิดเบาๆ และก็ไม่อยากให้หนวกหูคนอื่นจึงจำต้องใช้หูฟัง
อากิโอะ ได้ยินเข้าก็เกิดความคิดสว่างวาบขึ้นที่จะทำสินค้าออกขาย โดยคิดย่อเครื่องเล่นเทปให้เล็กลง พร้อมหูฟังที่เล็กลงด้วย
ใช่ครับ จุดกำเนิดซาวด์นอะเบ๊าท์ มันเกิดง่ายๆอย่างนี้แหละครับ
แต่ฝ่ายการตลาดไม่เห็นด้วยกับสินค้าตัวนี้ คำวิจารณ์แรงๆก็คือ จะมีใครที่ไหนโง่มาซื้อเครื่องเล่นเทปที่ไม่มีส่วนของการบันทึกเสียง
อากิโอะไม่คิดอย่างนั้น เขาไม่ยอมให้ใครฆ่าความฝันของเขา เขาเชื่อว่าซาวด์นอะเบาท์นั้นมีไว้เพื่อฟังไม่ใช่เพื่ออัด การจะใส่ส่วนของการบันทึกเสียงลงไปด้วยจะทำให้เครื่องใหญ่ขึ้น และเพื่อไม่ทะเลาะกับฝ่ายการตลาด เขาขอเป้าการขายแค่เพียงปีละหนึ่งแสนเครื่องเท่านั้น และไม่ต้องทุ่มโฆษณาให้สินค้าตัวนี้มากนักด้วย ปีแรกที่วางตลาด ซาวด์อะเบ๊าท์ ทำยอดจำหน่ายให้โซนี่เท่าไรรู้ไหมครับ
สี่ล้านเครื่อง !
เรื่องราวของอากิโอะนั้นคล้ายๆกับบิล เลียร์ แต่ตอนจบกลับไม่เหมือนกัน
บิล เลียร์ คิดเรื่องวิทยุติดรถยนต์ขึ้นมาครั้งแรก คนรอบๆข้างเขาต่างรุมถล่มความฝันอันบรรเจิดของเขาอย่างหูดับตับไหม้ ความเห็นที่มองไปทางเดียวกันก็คือ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้คนจะติดวิทยุไว้ในรถ เพราะมันจะทำให้คนขับเสียสมาธิได้ ไม่รู้ว่าเลียร์ไม่หนักแน่นพอหรือนักฆ่าพวกนั้นออกอาวุธหนักเสียจนเลียร์ตั้งตัวไม่ติด เขายอมขายความคิดนี้ให้กับบริษัทกัลวิน แมนูแฟคเตอร์ไป
หลังจากร่ำรวยจากวิทยุติดรถยนต์ บริษัทกัลวินนี้ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น โมโตโรลา บริษัทที่เป็นยักษ์ใหญ่บริษัทหนึ่งในวงการโทรศัพท์มือถือตอนนี้
พูดถึงโทรศัพท์มือถือ นี่ถ้าเกรแฮมเบลล์ ผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์รู้ว่าทุกวันนี้มีคนบนโลกใช้โทรศัพท์อยู่ตลอดเวลาไม่เว้นแต่วินาทีเดียว เขาคงดีใจที่สุด เพราะตอนที่เบลล์ เพิ่งทดลองโทรศัพท์ข้ามแม่น้ำสำเร็จใหม่ๆเมื่อร้อยสามสิบปีก่อน มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งดูแคลนสิ่งประดิษฐ์ของเบลล์ว่า ของเล่นอันนี้มันก็ดีอยู่หรอก แต่มันจะใช้ทำอะไรได้
ปีพ.ศ.2505 บริษัทแผ่นเสียงยักษ์ใหญ่ เดคค้า เรคคอร์ด ปฏิเสธงานของวงดนตรีหน้าใหม่วงหนึ่งด้วยเหตุผลว่า เพลงที่เล่นด้วยกีต้าร์กำลังจะหมดสมัยแล้ว แต่หลังจากคำพูดนั้นมาจนถึงวันนี้ วงดนตรีที่ถูกสบประมาทวงนั้นก็บรรเลงเพลงให้คนทั้งโลกฟังด้วยเสียงกีต้าร์มาตลอดครึ่งศตวรรษอย่างยิ่งใหญ่ หรือใครจะเถียงว่าเดอะบี้ทเทิ้ลไม่ยิ่งใหญ่
ใกล้ๆตัวนี่เลยครับ จา พนมที่กำลังเนื้อหอมในต่างประเทศจากหนังเรื่ององค์บาก ก็เคยถูกคำวิจารณ์จากบริษัทเก่าที่จาเคยเซ็นสัญญาด้วยว่า เขาไม่มีเสน่ห์พอ ถ้าจะทำหนังให้เขาเล่น เขาต้องประกบกับพระเอกที่หล่อกว่าเขา ไม่รู้ปรัชญา ปิ่นแก้วผู้กำกับฯองค์บากประชดประชันหรือคิดอะไรอยู่ หลังจากมาเซ็นสัญญากับบริษัทใหม่ เขาให้จาเล่นหนังเรื่องแรกโดยประกบกับหม่ำ จ๊กมกเสียเลย
มองคำทักท้วงเหล่านี้เป็นมิตรสิครับ แล้วเอาชนะมันให้เขาเห็น
เมื่อ 60 ปีก่อน โทมัส วัตสัน ประธานไอบีเอ็มยังเคยพูดถึงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเลยว่า ตลาดของพีซีทั้งโลก น่าจะมีประมาณห้าเครื่องได้มั้ง ดีนะครับที่สุดท้ายแล้วผู้บริหารรุ่นหลังของไอบีเอ็มไม่ได้เชื่อคำพูดของวัตสัน
ประโยคสกัดดาวรุ่งประโยคสุดท้ายครับ เป็นของนักฝันชื่อดัง บิล เกตส์ เจ้าพ่อไมโครซอฟท์
ฟังประโยคนี้แล้วอย่าหัวเราะดังนะครับ บิล เกตส์ พูดไว้เมื่อปี พ.ศ.2511 คนเรานี่บางทีก็เผลอเป็นนักฆ่าความฝันของตัวเองไปเหมือนกัน เขาพยากรณ์ถึงหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในอนาคตว่า
640 k ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับทุกๆคน
โครงการที่ไม่น่าสนใจ
ถึงพี่ประภาส
น้องชายดิฉันจบด้านสื่อสารมวลชน ตอนเรียนเขาก็ดูไฟแรงดี พอจบมาแล้วกลายเป็นคนขี้เกียจไปได้ยังไงไม่รู้ พยายามบอกให้เขาลุกขึ้นทำอะไรบ้าง แม่ก็อยากให้ไปทำงานบริษัท เขาก็บอกว่าไม่อยากเป็นลูกน้องใคร บอกให้ลองลงทุนทำอะไรเองหรือไม่ก็คิดเรื่องใหม่ๆ หรือแต่งเพลงออกมาสักม้วนอย่างที่เคยทำสมัยเรียน เขาก็เอาแต่กวนประสาทบอกว่าสมัยนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน คิดอะไรไปก็มีคนทำหมดแล้ว เพลงรักเพลงเพื่อชีวิตก็ถูกแต่งหมดแล้ว ไม่รู้จะแต่งอะไรอีก จะให้ค้าขายอะไรเขาก็บอกว่าอันนี้ก็ทำไม่ได้อันนั้นก็ไม่น่าทำ ฟังแล้วท้อค่ะ บางทีดิฉันมีโปรเจ็คท์ดีๆไปชวนเขาทำ เขาก็เบรคเราเสียเราเองก็ไม่กล้าทำตามเขาไปเลย พี่ประภาส พอจะมีอะไรแนะนำให้ต่อกรกับคนแบบนี้บ้าง
นุช
เคยได้ยินประโยคทำนองนี้กันบ้างไหมครับ บทสนทนาในละครฉากเล็กๆของชีวิตจริง
ลูกชาย พ่อ เห็นตึกสี่ชั้นที่อยู่หน้าหมู่บ้านนั่นไหม เขาติดประกาศขายแล้ว ไม่ไกลจากบ้านเราด้วย หน้ามันกว้างดี จอดรถน่าจะได้สองคันสบายๆเลยนะพ่อ
พ่อ ไหน หลังไหน ร้านหนังสือเก่านั่นน่ะเหรอ ละเมอไปหรือเปล่า อย่างเราจะมีปัญญาไปซื้ออย่างไรไหว
ลูกชาย ลองโทรไปถามหน่อยไม่ดีหรือ เผื่อเอาเข้าแบ๊งค์แล้วขยับขยายร้านได้ใหญ่ขึ้น
พ่อ เสียเวลา เสียค่าโทรศัพท์เปล่าๆ ก้มหน้าก้มตาทำงานไปเถอะ
.
สามี ไปเที่ยวยุโรปกันไหม กลางๆปีเขาว่าไม่หนาวมาก อยากไปเห็นเมืองนอกบ้าง
ภรรยา ไปต่างประเทศ คุณจะมีเวลาหรือ แล้วเรื่องเงินอีก ไหนจะค่าตั๋ว ค่าที่พัก แล้วยังต้องซื้อของฝากคนอื่นอีกล่ะ โอยยุ่งยากเปล่าๆ อย่าคิดอะไรเกินตัวนักสิ
น้อง พินัยกรรมสรุปออกมาแล้ว คุณป้าท่านยกเงินให้เราแสนหนึ่งแน่ะ
พี่ แสนหนึ่ง ค่าทนาย ค่าธรรมเนียม แล้วก็ต้องผ่อนรถที่เหลืออีกสามสี่เดือน จะไปเหลือสักเท่าไร ไม่เห็นน่าดีใจเลย
.
อาจารย์ที่ปรึกษา อีกอาทิตย์เดียวก็สอบใหญ่แล้วนะ เธอนอนอยู่โรงพยาบาลนานขนาดนั้น ขาดเรียนสิบกว่าครั้งอย่างนี้ อ่านทวนเยอะๆหน่อยก็ดี ข้อสอบปีนี้ไม่ง่ายนะ
นักศึกษา อ่านอย่างไรอ่านก็ไม่ทันแล้วครับ หนังสือตั้งเกือบสิบเล่ม อาทิตย์เดียวจะไปอ่านทันได้อย่างไร ช่างมันเถอะครับอาจารย์ มันจะตกก็ให้มันตกไป อ่านไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
.
บางทีผมก็แอบเรียกคนมองโลกในแง่ร้ายอย่างนี้ว่า นักฆ่าความฝัน
ในสังคมรอบๆตัวท่านผู้อ่านก็คงมีให้เห็นบ้างละครับ ทั้งแบบนักฆ่าสมัครเล่นที่มองอะไรก็เห็นว่าเป็นไปไม่ได้หมด กับพวกนักฆ่ามืออาชีพ พวกนี้ต่างจากพวกสมัครเล่นก็คือไม่เพียงแต่มองไม่เห็นความเป็นไปได้แค่นั้น พวกนี้ยังออกโรงออกแรงค้านอย่างจริงจังจนทุกโครงการที่นักฝันคนไหนก็ตามเสนอขึ้นมา เป็นหมันตั้งแต่ออกจากปากแล้ว
คุณนุชเขียนมาขอวิธีต่อกรกับพวกฆาตกรความฝัน ยอมรับครับว่าทุกวันนี้ผมก็ยังผจญภัยกับคนเหล่านี้อยู่ วิธีคิดของผมก็คือ อย่ามองเขาเป็นศัตรู มองเขาเป็นเพื่อนมองเขาเป็นฝ่ายค้านที่มาช่วยติงช่วยติ
แต่อย่ายอมให้เขาฆ่าความฝันเราได้นะครับ
ที่สำคัญที่สุดหากเราทำให้ฝันที่เขาคิดว่าเป็นจริงไม่ได้สำเร็จเป็นรูปเป็นร่างให้เขาเห็นได้บ่อยๆ ต่อไปเขาก็จะไม่กล้าฆ่าความฝันใคร แม้แต่ของตัวเอง
มีกรณีศึกษาจากนักจิตวิทยาที่ผมเคยอ่านเจอ นักฆ่าความฝันพวกนี้มักมีปมในวัยเด็กกับประสบการณ์แย่ๆ เช่น พ่อกับแม่ชอบสัญญิงสัญญาอะไรกับเขาแล้วไม่เคยทำได้สักครั้ง คงเคยเห็นใช่ไหมครับพ่อแม่ที่รับปากลูกไปวันๆ ฝันอันงดงามในความรู้สึกของเด็กจึงกลายเป็นฝันลมๆแล้งๆแทบทุกครั้ง หนักเข้าก็เริ่มไม่วางใจใคร สุดท้ายการมองโลกในแง่ร้ายก็เลยฝังลึกลงก้นบึ้งจิตใจ
ไม่มีอะไรแนะนำมากกว่านี้ครับ นอกจากขออนุญาตเล่าถึงโครงการแปลกๆในอดีตให้ฟังกัน ฝากเอาไปเล่าให้น้องชายคุณนุชฟังอีกต่อด้วยนะครับ
โครงการพวกนี้ล้วนเคยเป็นโครงการที่ไม่น่าสนใจแทบทั้งสิ้นครับ
อากิโอะ โมริตะประธานฯบริษัทโซนี่ มองเห็นอีฟูกะ ผู้ร่วมก่อตั้งโซนี่อีกคนหนึ่งชอบหิ้วเครื่องเล่นเทปพร้อมกับหูฟังติดอยู่ที่หูเดินไปไหนมาไหนอยู่เรื่อย จึงออกปากถามถึงเหตุผล อีฟูกะบอกว่าเขาชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ เดินไปนั่งตรงไหนก็อยากเอาเพลงไปฟังด้วย แต่ไม่อยากเปิดเบาๆ และก็ไม่อยากให้หนวกหูคนอื่นจึงจำต้องใช้หูฟัง
อากิโอะ ได้ยินเข้าก็เกิดความคิดสว่างวาบขึ้นที่จะทำสินค้าออกขาย โดยคิดย่อเครื่องเล่นเทปให้เล็กลง พร้อมหูฟังที่เล็กลงด้วย
ใช่ครับ จุดกำเนิดซาวด์นอะเบ๊าท์ มันเกิดง่ายๆอย่างนี้แหละครับ
แต่ฝ่ายการตลาดไม่เห็นด้วยกับสินค้าตัวนี้ คำวิจารณ์แรงๆก็คือ จะมีใครที่ไหนโง่มาซื้อเครื่องเล่นเทปที่ไม่มีส่วนของการบันทึกเสียง
อากิโอะไม่คิดอย่างนั้น เขาไม่ยอมให้ใครฆ่าความฝันของเขา เขาเชื่อว่าซาวด์นอะเบาท์นั้นมีไว้เพื่อฟังไม่ใช่เพื่ออัด การจะใส่ส่วนของการบันทึกเสียงลงไปด้วยจะทำให้เครื่องใหญ่ขึ้น และเพื่อไม่ทะเลาะกับฝ่ายการตลาด เขาขอเป้าการขายแค่เพียงปีละหนึ่งแสนเครื่องเท่านั้น และไม่ต้องทุ่มโฆษณาให้สินค้าตัวนี้มากนักด้วย ปีแรกที่วางตลาด ซาวด์อะเบ๊าท์ ทำยอดจำหน่ายให้โซนี่เท่าไรรู้ไหมครับ
สี่ล้านเครื่อง !
เรื่องราวของอากิโอะนั้นคล้ายๆกับบิล เลียร์ แต่ตอนจบกลับไม่เหมือนกัน
บิล เลียร์ คิดเรื่องวิทยุติดรถยนต์ขึ้นมาครั้งแรก คนรอบๆข้างเขาต่างรุมถล่มความฝันอันบรรเจิดของเขาอย่างหูดับตับไหม้ ความเห็นที่มองไปทางเดียวกันก็คือ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้คนจะติดวิทยุไว้ในรถ เพราะมันจะทำให้คนขับเสียสมาธิได้ ไม่รู้ว่าเลียร์ไม่หนักแน่นพอหรือนักฆ่าพวกนั้นออกอาวุธหนักเสียจนเลียร์ตั้งตัวไม่ติด เขายอมขายความคิดนี้ให้กับบริษัทกัลวิน แมนูแฟคเตอร์ไป
หลังจากร่ำรวยจากวิทยุติดรถยนต์ บริษัทกัลวินนี้ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น โมโตโรลา บริษัทที่เป็นยักษ์ใหญ่บริษัทหนึ่งในวงการโทรศัพท์มือถือตอนนี้
พูดถึงโทรศัพท์มือถือ นี่ถ้าเกรแฮมเบลล์ ผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์รู้ว่าทุกวันนี้มีคนบนโลกใช้โทรศัพท์อยู่ตลอดเวลาไม่เว้นแต่วินาทีเดียว เขาคงดีใจที่สุด เพราะตอนที่เบลล์ เพิ่งทดลองโทรศัพท์ข้ามแม่น้ำสำเร็จใหม่ๆเมื่อร้อยสามสิบปีก่อน มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งดูแคลนสิ่งประดิษฐ์ของเบลล์ว่า ของเล่นอันนี้มันก็ดีอยู่หรอก แต่มันจะใช้ทำอะไรได้
ปีพ.ศ.2505 บริษัทแผ่นเสียงยักษ์ใหญ่ เดคค้า เรคคอร์ด ปฏิเสธงานของวงดนตรีหน้าใหม่วงหนึ่งด้วยเหตุผลว่า เพลงที่เล่นด้วยกีต้าร์กำลังจะหมดสมัยแล้ว แต่หลังจากคำพูดนั้นมาจนถึงวันนี้ วงดนตรีที่ถูกสบประมาทวงนั้นก็บรรเลงเพลงให้คนทั้งโลกฟังด้วยเสียงกีต้าร์มาตลอดครึ่งศตวรรษอย่างยิ่งใหญ่ หรือใครจะเถียงว่าเดอะบี้ทเทิ้ลไม่ยิ่งใหญ่
ใกล้ๆตัวนี่เลยครับ จา พนมที่กำลังเนื้อหอมในต่างประเทศจากหนังเรื่ององค์บาก ก็เคยถูกคำวิจารณ์จากบริษัทเก่าที่จาเคยเซ็นสัญญาด้วยว่า เขาไม่มีเสน่ห์พอ ถ้าจะทำหนังให้เขาเล่น เขาต้องประกบกับพระเอกที่หล่อกว่าเขา ไม่รู้ปรัชญา ปิ่นแก้วผู้กำกับฯองค์บากประชดประชันหรือคิดอะไรอยู่ หลังจากมาเซ็นสัญญากับบริษัทใหม่ เขาให้จาเล่นหนังเรื่องแรกโดยประกบกับหม่ำ จ๊กมกเสียเลย
มองคำทักท้วงเหล่านี้เป็นมิตรสิครับ แล้วเอาชนะมันให้เขาเห็น
เมื่อ 60 ปีก่อน โทมัส วัตสัน ประธานไอบีเอ็มยังเคยพูดถึงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเลยว่า ตลาดของพีซีทั้งโลก น่าจะมีประมาณห้าเครื่องได้มั้ง ดีนะครับที่สุดท้ายแล้วผู้บริหารรุ่นหลังของไอบีเอ็มไม่ได้เชื่อคำพูดของวัตสัน
ประโยคสกัดดาวรุ่งประโยคสุดท้ายครับ เป็นของนักฝันชื่อดัง บิล เกตส์ เจ้าพ่อไมโครซอฟท์
ฟังประโยคนี้แล้วอย่าหัวเราะดังนะครับ บิล เกตส์ พูดไว้เมื่อปี พ.ศ.2511 คนเรานี่บางทีก็เผลอเป็นนักฆ่าความฝันของตัวเองไปเหมือนกัน เขาพยากรณ์ถึงหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในอนาคตว่า
640 k ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับทุกๆคน
" เสียงข้างใน" เป็นสิ่งมหัศจรรย์ เราได้ยินมัน แต่มันไม่มีเสียง ,,,,,นิ้วกลม
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
นักฆ่าความฝัน
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณครับ
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
นักฆ่าความฝัน
โพสต์ที่ 4
ดีมากครับ
ขอบคุณ
ขอบคุณ
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
นักฆ่าความฝัน
โพสต์ที่ 5
หนทางของนักล่าฝันนั้นช่างโดดเดี่ยว และสุดแสนจะโรแมนติค
อย่ายอมแพ้
-
- Verified User
- โพสต์: 1024
- ผู้ติดตาม: 0
นักฆ่าความฝัน
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณครับ เจ๋งดี ครับ