ทำไมบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไม่ทำงบกระแสเงินสดแบบนี้

[todsapon]

ทำไมต้องทำแบบคิดย้อนกลับ ทำไมเวลาทำงบกระแสเงินสด ไม่บอกไปตรง ๆ เลยได้เิงนจากอะไร ใช้เงินทำอะไรไปเลย โดยเฉพาะตรง เงินสดสุทธิได้มาจาก(ใช้ไปใน)การดำเนินงาน

[sun_cisa2]

งบการเงิน จัดทำและนำเสนอตามมาตฐานการบัญชี และมาตรฐานการบัญชีใช้แนวทางของสากลตาม IFRS (International Financial Report Standard) ดังนั้นไม่ใช่ว่าทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมทำอย่างนั้นอย่างนี้ และเรื่องมาตรฐานการบัญชีสากลมีคณะกรรมการวางแนวทางจากนักบัญชีนานาประเทศที่คัดกลือกมา มีทั้งคนตะวันตก ตะวันออก เช่น อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นต้น กรรมการก็มีการเปลี่ยนหมุนเวียนตามวาระ ส่วนใหญ่จะมาจากประเทศที่มีเศณฐกิจชั้นนำ เพราะรายงานการเงินจะมีส่วนในการตัดสินใจของนักลงทุนทั่วโลก ดังนั้นถ้าโลกไปทิศทางใดก็ต้อนำเสนดรายงานการเงินที่จะให้ประโยชน์ในการตัอสินใจเชิงเศรษฐกิจไปในทางนั้น เช่น งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ (comprehensive income) ออกมาทำไมเพราะอะไร นักลงทุนไทย บริษัทจดทะเบียน นักบัญชีไทยอาจจะยังงง เรื่องนี้เพราะทุนโลกมีแนวโน้มการวัดความสามารถการประกอบธุรกิจไปที่มูลค่ามากกว่าเพียงรายได้สุทธิที่เกิดในงวด (กำไรสุทธิ) เท่านั้น แต่หลักการรับรู้รายได้ทางบัญชียังคงไม่เปลี่ยน เป็นต้น สิ่งที่เราต้องเรียนรู้คือติดตามโลกให้ทัน ทุกวันนี้เป้าหมายธุรกิจ ไม่ใช่เพียงการทำกำไรสูงสุดซึ่งแนวคิด (paradigm)นี้ มีมาถึงช่วง 1990 และได้เปลี่ยนไปสู่ แนวคิด maximize shareholders' wealth ปัจจุบันไดยึดแนวคิดในเรื่อง sustainable shraeholders's value creation เห็นได้จากแนวคิดการวัดผลการดำเนินงานด้วย EVA (Economic Value Added) การบริหารมูลค่ากิจการด้วย VBM (Vale Based Management) ซึ่งในโลฏธุรกิจปัจจุบันมีแนวคิดแตกไปอีกกมากกว่าจะกล่าวในที่นี้ได้หมด ทุกเรื่องเชื่อมโยงกันได้หมด สิ่งที่สำคัญคือเราต้องเท่าทันหลักคิดเหล่านี่ และวิเคราะห์ให้เป็นด้วยแนวทางเหล่านี้ การที่เราต้องตามเพราะเราอยุ่และเชื่อมโยง พึ่งพิงกับทุนของโลก เราไม่ตามเราก็อยู่ไม่ได้ ถูกโดดเดี่ยว ทุนโลกจะไม่สนใจ ลองคิดดูว่าตลาดหุ้นไทย ไม่มีต่างชาติไหลเข้ามาลงทุน ดัชนีไทยจะอยู่ที่เท่าไร ปฏิเสธไม่ได้ว่าดัชนีที่ trade เหนือ 1000 จุดเพราะทุนต่างประเทศหากไม่เข้ามาดังช่วงที่เกิดวิกฤตปี 40 คงจะต้วมเตี้ยมไม่ถึง 1000 จุด ถ้าเข้าใจโลกกาภิวัตน์แล้ว การวิเคราะห์จะไม่ยากลำบาก เพราะหลักสากลที่ดูนั้นเพียงพอต่อสิ่งที่นักลงทุนต้องการ ที่ไม่รายงานแสดงว่ายังไม่จำเป็น หากจำเป็นเมื่อใดแล้ว มาตรฐานการรายงานทางการเงินจะปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับกระแสทุนโลก