บทความอาทิตย์นี้ของดร. นิเวศน์

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

ล็อคหัวข้อ
toon
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 216
ผู้ติดตาม: 0

บทความอาทิตย์นี้ของดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ตามรอยบัฟเฟตต์

นักลงทุนหลายท่านคงอยากจะรู้ว่า วอเร็น บัฟเฟตต์ ลงทุนในหุ้นประเภทไหนถึงได้กำไรมากมายมายาวนานทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยได้ขายหุ้นเลย ซื้อแล้วมักจะเก็บเอาไว้นานมาก

ผมลอง แกะรอย ดูย้อนหลังไปหลายสิบปีว่าบัฟเฟตต์ ลงทุนในหุ้นประเภทไหนก็พบว่า หุ้นหรือธุรกิจที่วอเร็น บัฟเฟตต์ ลงทุนมักจะอยู่ในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจต่อไปนี้

กลุ่มแรกนั้น แน่นอนก็คือ ธุรกิจประกันภัย ซึ่งเป็นทั้งธุรกิจและแหล่งเงินที่บัฟเฟตต์ใช้ในการเอาไปลงทุนในธุรกิจอื่นต่อ ว่าที่จริงเวลามีการอ้างถึงบริษัทเบอร์กไชร์ ฮาธาเวย์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่ลงทุนในบริษัทอื่น ๆ ของบัฟเฟตต์ สื่อมวลชนจะบอกว่าเป็นบริษัทในกลุ่มประกันภัย บริษัทประกันภัยหลัก ๆ ที่บัฟเฟตต์ถือก็คือ General Reinsurance และ GEICO ซึ่งเขาถือมานานและสุดท้ายก็เป็นเจ้าของทั้งบริษัท

เหตุผลในการที่เขาชอบธุรกิจประกันนั้น ผมคิดว่าอยู่ที่เม็ดเงินที่ไม่มีต้นทุนที่เขาสามารถเอามา ต่อเงินได้มหาศาล

กลุ่มที่สอง ผมอยากเรียกว่าเป็นกลุ่มที่ ขายโฆษณา ซึ่งประกอบไปด้วย หนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ และ ทีวี หนังสือพิมพ์หลักที่บัฟเฟตต์ลงทุนก็คือ วอชิงตันโพสต์ ที่ทรงอิทธิพล นอกจากนั้นก็มีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เช่น Buffalo News ในเมืองบัฟฟาโล รัฐโอไฮโอ ในส่วนของสิ่งพิมพ์ก็มี Time Inc. เจ้าของนิตยสารไทม์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ด้านทีวีก็มีสถานีโทรทัศน์ ABC ซึ่งเป็นทีวีเน็ตเวิร์กระดับชาติ หนึ่งในสามของประเทศ

ธุรกิจ ขายโฆษณา เหล่านี้ ผมคิดว่าบัฟเฟตต์ชอบเพราะเป็นธุรกิจที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมาก และลูกค้ามักจะติดที่จะอ่านหรือดูเป็นประจำ มาร์จินหรือกำไรเมื่อเทียบกับยอดขายค่อนข้างสูง ในขณะที่คู่แข่งเข้ามาแข่งยาก โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ในเมือง

ธุรกิจกลุ่มที่สามที่บัฟเฟตต์ลงทุนซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของอเมริกาค่อนข้างมากก็คือ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มียี่ห้อแข็งแกร่งระดับโลก ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทอย่าง โคคา โคลา บริษัทยิลเล็ต และหุ้นของบริษัทแม็คโดนัลด์ ซึ่งสินค้าขายไปทั่วโลกและตลาดยังมีโอกาสเติบโตมหาศาล

แต่บัฟเฟตต์เองยังลงทุนซื้อธุรกิจหรือกิจการทั้งหมดที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศ หรือในท้องถิ่นของอเมริกาเป็นหลัก เช่นธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์อย่าง Nebraska Furniture Mart ซึ่งอยู่ที่บ้านเกิดของบัฟเฟตต์เอง Jordan Furniture, Star Furniture และ R.C. Willy Home Furnishing เป็นต้น

ถัดจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ก็เป็นธุรกิจรองเท้าที่บัฟเฟตต์ซื้อเข้ามาทั้งบริษัทเหมือนกัน เช่น Dexter Shoe, H.H. Brown Shoe และ Lowell Shoe เป็นต้น นอกเหนือจากนี้ยังมีร้านขายเครื่องประดับและเพชรพลอยอย่าง Borsheims Fine Jewelry และ Helzberg Daimonds ถ้าจะว่าไป เขาซื้อบริษัทที่ขายสินค้าของกินของใช้หลากหลายมาก ซึ่งอาจจะเป็นผลต่อเนื่องจากการซื้อบริษัทขายช็อคโกแล็ต Sees Candiesในช่วงต้นที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง

ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคที่มียี่ห้อแข็งแกร่งนั้น ผมคิดว่าบัฟเฟตต์ชอบเพราะสินค้าเหล่านี้มีอำนาจทางการตลาดเหนือคู่แข่ง สามารถกำหนดราคาสูงกว่า หรือขายสินค้าได้มากกว่า และมีกำไรต่อยอดขายหรือมาร์จินสูง นอกจากนั้นยังเป็นธุรกิจที่เข้าใจง่ายและมีความมั่นคงสูง

กลุ่มที่สี่ที่ผมเห็นว่าบัฟเฟตต์มักลงทุนเป็นครั้งเป็นคราวก็คือ ธุรกิจประเภทโลหะหรือทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่สามารถผลิตขึ้นได้เช่น อะลูมิเนียม โลหะเงิน หรือแม้แต่น้ำมัน เช่น ซื้อหุ้นในบริษัท Aluminum Company of America, Kaiser Aluminum and Chemical Corp, Handy & Harman เป็นต้น นอกจากนั้น เขายังเคยกวาดซื้อโลหะในตลาดล่วงหน้ามหาศาลเพื่อเก็งกำไรราคาโลหะที่จะขึ้นเพราะอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในขณะที่อุปทานหยุดนิ่งมานาน

เหตุผลในการลงทุนในกิจการเหล่านี้ผมคิดว่าบัฟเฟตต์น่าจะต้องการเก็งกำไรเป็นหลัก โดยที่เขาอาจจะเห็นว่าทรัพย์สินสุทธิที่ประกอบด้วยโลหะที่บริษัทมีอยู่นั้นมีค่ามากกว่ามูลค่าของหุ้นของบริษัท

กลุ่มที่ห้าที่วอเร็นบัฟเฟตต์ซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็คือหุ้นของธุรกิจการเงิน ในกลุ่มนี้ดูเหมือนว่าบัฟเฟตต์จะเลือกเฉพาะบริษัทที่มีจุดเด่นหรือเก่งจริง ๆ อย่างอเมริกันเอ็กเพรสหรือแบงค์ระดับเซียนอย่าง Well Fargo หรือสถาบันรับซื้อพอร์ตสินเชื่อบ้านอย่าง Federal Home Loan Mortgage เป็นต้น

กลุ่มสุดท้ายก็คือกลุ่มที่บัฟเฟตต์เริ่มซื้อมากขึ้นก็คือบริษัทที่ขายบริการที่โดดเด่นและเป็นเจ้าตลาดที่คนอื่นสู้ไม่ได้ เช่น H&R Block ที่ให้คำแนะนำในการกรอกฟอร์มเสียภาษี Executive Jet ที่ให้เช่าเครื่องบินแก่ผู้บริหารของบริษัทต่าง ๆ และ Flight Safety ที่สอนขับเครื่องบินให้กับนักบินทั่วโลก และนี่ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่บัฟเฟตต์สนใจเพราะเป็นธุรกิจที่ผูกขาดและใช้ทุนไม่มากในขณะที่คนอื่นเข้ามาแข่งได้ยากมาก

ข้อสรุปของผมอย่างคร่าว ๆ ก็คือ บัฟเฟตต์ชอบการลงทุนในธุรกิจที่หาเงินสดได้มาก ใช้เงินลงทุนน้อย กิจการต้องมีอำนาจทางการตลาดสูงไม่ว่าจะในระดับโลกหรือในระดับท้องถิ่น เป็นกิจการที่ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย มีความมั่นคงทางธุรกิจสูง มีผู้บริหารที่ดีไว้ใจได้ และเมื่อเขาลงทุนแล้วจะถือเก็บไว้ยาวมาก โดยหุ้นบางตัวเขาไม่ขายเลย กิจการจำนวนมากเขาซื้อหุ้นทั้ง 100% เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว และดูเหมือนว่าในระยะหลัง หุ้นที่เขาถือนั้น ส่วนใหญ่กลายเป็นหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ที่เขาจะบริหารแบบบริษัทลูกที่เขาจะปล่อยให้ฝ่ายจัดการบริหารเองทุกอย่างยกเว้นการจัดสรรกำไรและการลงทุนใหญ่ ๆ ของบริษัท

และนี่ก็คือเส้นทางการลงทุนของวอเร็นบัฟเฟตต์ซึ่งนับวันคนจะไม่สามารถเลียนแบบได้ เพราะหุ้นที่เขาถืออยู่จำนวนมากนั้นหาซื้อไม่ได้ในท้องตลาด
Dr.T
Verified User
โพสต์: 1608
ผู้ติดตาม: 0

บทความอาทิตย์นี้ของดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เดี๋ยวนี้ต้องไปตามหาใน settrade.com แล้วครับ เฮ่อ
มนุษย์เห่อลูก :lol:
http://tyakon.multiply.com
ล็อคหัวข้อ