เซียนเก็งกำไร 'ทองคำ' ม.3 'เจ๊จง' หมูทอดเงินล้าน
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
เซียนเก็งกำไร 'ทองคำ' ม.3 'เจ๊จง' หมูทอดเงินล้าน
โพสต์ที่ 1
เซียนเก็งกำไร 'ทองคำ' ม.3 'เจ๊จง' หมูทอดเงินล้าน
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
Monday, June 11, 2012 07:45
13614 XTHAI XGEN IKEY V%NETNEWS P%WKT
ชาลินี กุลแพทย์
เจาะกลยุทธ์เก็งกำไรทองคำ “เจ๊จง” จงใจ กิจแสวง เจ้าของร้านหมูทอด หลังเทสโก้ โลตัส พระราม 4 ใครจะรู้ว่าเจ๊เคยสะสมทองมากสุด 80 บาท แถมโกยกำไร 500 บาทต่อ 1 บาททองคำมาแล้ว กับชีวิต ล้ม-ลุก-คลุก-คลาน-สำเร็จ ยิ่งกว่านิยาย
มุมหนึ่ง “เจ๊จง” (จงใจ กิจแสวง) หญิงกลางคนวัย 47 ปี เจ้าของฉายา “หมูทอดเศรษฐี” โด่งดังในฐานะเจ้าของร้านหมูทอด ตั้งอยู่หลัง “เทสโก้โลตัส” สาขาพระราม 4 แต่จะมีใครรู้บ้างว่า อีกมุมหนึ่ง เธอคือ “นักเก็งกำไรทองคำ” ตัวจริงเสียงจริง เรียกได้ว่า “เก็งกำไร” กันทั้งครอบครัว
ย้อนประวัติ “เจ๊จง” หมูทอดเงินล้าน เธอเริ่มเป็นที่รู้จัก หลังรายการ SME ตีแตก ออนแอร์เมื่อปี 2553 จากความ "ไม่ธรรมดา" ของร้านหมูทอดแห่งนี้ ที่มีรายได้เฉลี่ยถึงวันละ 100,000 บาท หรือปีละกว่า 20 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ข้าวหมูทอด และอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนูปูจ๋า ปลาหมึก หอยจ๊อ และไส้กรอกมีราคาขายเพียงจานละ 13-31 บาทเท่านั้น ยังเติมข้าวได้ไม่อั้น แถมด้วยผักสดและกล้วยน้ำว้าให้กินฟรีอีกต่างหาก
“เจ๊จง” เป็นลูกสาวคนโตจากจำนวนพี่น้องทั้งหมด 4 คน 2 คน มาช่วยงานในร้านหมูทอด ชีวิตในวัยเด็กของ “เจ๊จง” ไม่แตกต่างอะไรจาก “เด็กสลัม” ฐานะยากจน เรียกได้ว่า “หาเช้ากินเย็น” พ่อยึดอาชีพขับรถ TAXI ทุกเย็นจะต้องนำเงินที่หาได้มาให้ภรรยาที่ทำงานทอผ้าเป็นงานหลัก และเล่นไพ่เป็นอาชีพเสริม
ในวัยเยาว์ “เจ๊จง” ถือเป็นเด็กที่ “รักเรียน” พยายามทำงานทุกอย่าง เพื่อหาเงินเรียนหนังสือจนจบชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 (ม. 3) ภาคค่ำ จากโรงเรียนวัดคลองเตย
งานแรกที่ “เจ๊” เริ่มทำ คือ ชวนน้องๆ เข้าไปในชุมชนที่โดนไฟไหม้เป็นประจำ (ปัจจุบัน คือ เทสโก้ โลตัส พระราม 4) เพื่อช่วยกันเก็บเศษเหล็กไปขาย จากนั้นไม่นานก็ไปเดินขายไอติม ก่อนจะมาทำงานในโรงงานพัดลมได้ค่าแรงวันละ 60 บาท เมื่อโรงงานปิดตัว ก็หันไปขายของเรียกได้ว่าขายทุกอย่างที่ได้เงิน
ช่วงที่ขายของ “เจ๊จง” พบรักกับสามี และแต่งงานตอนอายุ 17 ปัจจุบันมีลูก 3 คน คนโตลูกสาววัย 25 ปี “น้องลูกหนู” สิรินทิพย์ เริงวิจิตรา เรียนจบมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ลูกสาวคนกลางวัย 22 ปี “น้องแต้ว” เรียนจบมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ และลูกชายคนสุดท้องวัย 16 ปี “น้องโอ๊ต” พงศ์ภัค เริงวิจิตร กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนศรีวิกรม์
หลังจากแต่งงาน เจ๊ยึดอาชีพ “ขายของชำ” เปิดร้านเล็กๆ อยู่ใต้แฟลตคลองเตย ส่วนสามีก็ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แต่ 2 อาชีพนี้ไม่สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้กินอิ่มนอนหลับได้ ประกอบกับเจ๊ไม่อยากใช้เงินของสามี เพราะสามีเคยบอกว่า แค่เอาเงินมาฝากไว้ไม่ได้ให้ใช้
ท่าจะไม่รอด “เจ๊จง” เลยตัดสินใจนำสินค้าต่างๆ ที่เหลืออยู่ในร้าน ไม่ว่าจะเป็น สบู่ แป้ง ยาสระผม และอื่นๆ อีกมากมาย ใส่ลังเบียร์แบกขึ้นรถสี่ล้อเล็กของสามี เพื่อนำไปขายในแหล่งชุมชน วันแรก “เจ๊จง” ขายของได้ถึง 3,000 บาท ก่อนจะเพิ่มพูนเป็นวันละ 20,000-30,000 บาท ขายดีจนน่าตกใจ
นอกจากนั้น “เจ๊จง” ยังมีผุดอาชีพใหม่ นั่นคือ “เคาน์เตอร์เซอร์วิส” รับจ่ายค่าน้ำ และค่าไฟฟ้า เรียกได้ว่าทำก่อน “เซเว่น อีเลฟเว่น” เสียอีก โดยจะเรียกเก็บค่าบริการเพียงคนละสิบบาทเท่านั้น ชีวิตช่วงนั้น “รุ่งเรือง” มากเจ๊บอก แม้จะไม่ได้มีเงินเก็บมากมาย
ทว่าความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ !!
ด้วยความเป็นคนชอบให้ อยากเห็นเพื่อนๆ มีเงินใช้ จึงชวนกันมาตั้งวงแชร์ สุดท้ายหลายคน “หนี และเบี้ยว” ไม่ยอมจ่ายค่าแชร์ ทำให้ทุกอย่างตกมาอยู่ที่ “เจ๊จง” เพียงผู้เดียว
สุดท้ายเจ๊กลายเป็นคนมีหนี้ล้านกว่าบาท “เจ๊จง” ต้องจำนองแฟลต ขายรถยนต์และบ้าน เพื่อใช้หนี้ เรียกได้ว่าขายทุกอย่างจนไม่มีอะไรเหลือ ถึงขนาดโยนกุญแจห้องให้เจ้าหนี้ไปเปิดห้องขนของมีค่าออกไป
หลังแยกทางกับสามี “เจ๊จง” หันมาขายอาหาร และนมสด เพื่อเลี้ยงลูก 3 คน พร้อมกับใช้หนี้ แต่ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ เพราะโดนเทศกิจไล่ จากนั้นก็มาขายกาแฟต่อด้วยข้าวเหนียวหมูปิ้ง แต่ยังได้เงินไม่พอใช้หนี้ จึงหันมาขายอาหารตามสั่ง อุปกรณ์ขายของเกือบทุกชิ้นยืมคนแถวบ้าน ช่วงนั้น “เจ๊จง” ประสบอุบัติเหตุรถชน ทำให้อดีตสามีที่ห่างหายไปนานกว่า 2 ปี กลับมาดูแลกันเหมือนเดิม
โชคดีเริ่มเข้าข้างเธอบ้าง เมื่อวันหนึ่ง “เจ๊จง” ไปซื้อข้าวหมูทอดมาให้ลูกๆ กิน พร้อมกับบอกลูกคนกลาง (น้องแต้ว) ว่า “แบบนี้แม่ก็ทำได้ เดี๋ยวทำให้กิน” ก่อนจะยึดอาชีพขายข้าวหมูทอด ขายไปขายมา “เจ๊จง” เริ่มมีเงินเก็บมากขึ้น จนเข้าข่าย “คนรวย” เพราะเดินเข้าร้านทองแถวบ้านแทบทุกวัน
ซื้อทองวันละหลายๆ บาท
ตอนนั้น “เจ๊จง” เริ่มคุยกับเจ้าหนี้รายใหญ่ที่ติดเงินอยู่ประมาณ 1.5-2 แสนบาท เพื่อขอผ่อนชำระหนี้เดือนละ 5,000 บาท ส่วนเจ้าหนี้ที่ชอบข่มขู่ “เจ๊จง” ไม่ขอเจรจาและไม่จ่าย เรียกได้ว่า “มีเงิน แต่ไม่อยากจ่าย โทษฐานชอบข่มขู่”
“เจ๊จง” เปิด iPad พร้อมนั่งประจำการเก้าอี้ตัวเดิม ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ซึ่งเป็นทั้งห้องนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ ห้องเก็บเงิน และห้องขายน้ำ เพื่อเล่า “จุดเริ่มต้นการเก็งกำไรทองคำ” ให้ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ฟังว่า เจ๊เริ่มเก็งกำไรทองคำเมื่อ 3-4 ปีก่อน เกิดจากการอ่านหนังสือพิมพ์แล้วสงสัยว่าอะไรทำให้ราคาทองคำขึ้นลง จากนั้นก็เข้าไปศึกษารายละเอียดในเว็บไซต์ของสมาคมทองคำ
อ่านไปอ่านมาเริ่มรู้สึกสนุกจึงตัดสินใจซื้อทองคำ !!!
"จำได้ตอนนั้นเจ๊ให้น้องชายขี่มอเตอร์ไซค์ไปซื้อทองคำที่ร้านทองเยาวราช 15 บาท ผ่านไป 2-3 วัน ได้กำไร 3,000 บาท เจ๊ขายเลยไม่รอช้า จากนั้นก็ซื้อมาเรื่อยๆ ครั้งละ 10-20 บาท เคยซื้อทองคำมากที่สุดประมาณ 80 บาท และเคยได้กำไรมากสุดประมาณ 500 บาทต่อทองคำ 1 บาท"
ช่วงแรกๆ ยอมรับดูกราฟทองคำไม่เป็น เช้าๆ เจ๊ก็จะเข้าไปอ่านดูว่าคนเก่งๆ เขาคุยกันในเว็บไซต์สมาคมทองคำกันยังไง ไม่เข้าใจอะไรก็ไปถามเขาส่วนใหญ่จะไขข้อข้องใจให้ได้ตลอด บางครั้งก็จดศัพท์ภาษาอังกฤษหรือถ่ายรูปกราฟทองคำมาถามลูกค้าในร้านที่มีความรู้
เมื่อก่อนเจ๊ไม่รู้จักคำว่า “กินข้าวต้ม และขึ้นดอย” ที่คนในสมาคมทองคำกันว่าแปลว่าอะไร แต่ตอนนี้เจ๊เข้าใจแล้ว
กินข้าวต้ม คือ ขายทองคำได้กำไร ส่วนขึ้นดอยก็ขาดทุนยังขายไม่ได้
ก่อนซื้อทองคำทุกครั้ง เจ๊จะเข้าไปดูว่าคนเก่งๆ เขาวิเคราะห์ราคาทองคำไว้อย่างไร ส่วนใหญ่เขาจะคุยกันเรื่องแนวโน้มขึ้นลงของราคา และภาวะเศรษฐกิจโลก เพราะราคาทองคำจะอิงกับเศรษฐกิจโลก (เมื่อก่อนไม่รู้เลยจริงๆ เจ๊กระซิบกระซาบ) เจ๊ยอมรับว่าบางครั้งการวิเคราะห์ของกูรูก็มีทั้งแม่นและพลาด แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดา
ช่วงหลังเจ๊สมัคร Twitter ใช้ชื่อ Jehjong และ Facebook ใช้ชื่อ “ร้านหมูทอดเจ๊จง” อยากรู้อะไรก็ถามในนี้ คนเก่งเรื่องการลงทุนเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นหุ้น กองทุน และทองคำ เจ๊บอกว่าที่ตัดสินใจเรียนรู้ “โซเชียลเน็ตเวิร์ค” เพราะ “อาจารย์ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย” ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด และกรรมการตัดสิน รายการ SME ตีแตกของ “เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์” แนะนำ
โดยอาจารย์บอกว่า "เราต้องรู้จักสร้างแบรนด์ให้ตัวเอง"
ตอนนี้มีคน Follow Twitter ของเจ๊แล้วประมาณ 9,147 คน และ Follow Facebook ประมาณ 13,000 คน จนเมื่อหลายปีก่อนเจ๊ได้เนรมิตร้านขายหมูทอดเป็นงานมิตติ้ง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้หลายๆ เรื่อง ไม่น่าเชื่อคนมาเป็นร้อย นั่งพูดคุยกันอยู่ 2-3 ชั่วโมงก่อนจะแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน
ตอนนี้ก็ยังมีอยู่มิตติ้ง แต่ลดขนาดเป็นงานปาร์ตี้เล็กๆ ประมาณ 10-20 คนแทน เจ๊จะจัดเกือบทุกวันหยุด เพราะสนุกและมีความสุข ส่วนใหญ่คนที่มาจะมีหลากหลายวัย เด็กเรียนปริญญาโท เด็กจบใหม่ก็มี ไม่ใช่มีแต่ สว. (คนสูงวัย)
เจ๊ชอบไปตามงานสัมมนาต่างๆ ไปหาความรู้เรื่องการลงทุนใส่ตัวเอง บางครั้งก็ไปฟังสัมมนาเกี่ยวกับธุรกิจต่างๆ แต่จะเน้นไปงานที่วิทยากรรู้จักเรา อาจารย์ธันยวัชร์ แนะนำว่ามันเป็นการสร้างแบรนด์ชนิดหนึ่ง แกอธิบายเหตุผลที่ต้องไปฟังวิทยากรที่รู้จักเราว่า..
เมื่อเขารู้ว่าคุณเป็นใคร เขาก็จะพูดชื่อคุณออกไมค์ คนที่ไม่รู้จักคุณก็จะรู้จักคุณในงานนี้
ช่วงนี้เจ๊ไม่ค่อยได้ซื้อทองคำ เพราะทองคำที่มีอยู่ประมาณ 30 บาท ยังเข้าข่ายขาดทุน ซื้อมาบาทละ 24,000 แต่ตอนนี้เหลือบาทละ 23,000 ขายไปก็ขาดทุนเก็บไว้ก่อน อีกอย่างมีกูรูวิเคราะห์ว่าราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1,560 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็น 1,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสัญญาณราคาทองคำมาจริงๆ อาจซื้อทองเพิ่มเติม แต่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อเท่าไรขอดูสถานการณ์ก่อน เจ๊ประเมิน
ที่ผ่านมา ไม่เคยกำหนดว่าต้องได้กำไรจากการเก็งกำไรทองคำกี่บาท ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ความพอใจ ไม่อยากโลภมากเดี๋ยวลาภหาย ช่วงแรกๆ ที่เล่นเก็งกำไรเจ๊ซื้อทองคำเก็บไว้ค่อนข้างเยอะ สุดท้ายก็เอาไปขายเพื่อนำเงินมาซื้อบ้านแถววัชรพล แต่ไม่ค่อยได้อยู่ส่วนใหญ่จะไปแค่วันหยุด
ลงทุนทองคำให้อะไรเยอะแยะมากมาย เมื่อก่อนไม่เคยเก็บเงินในแบงก์เกินระดับแสน แต่เดี๋ยวนี้ทุกวันต้องให้ลูกน้องเอาเงินที่ได้จากการขายของส่วนหนึ่งประมาณ 40,000 บาทไปเข้าแบงก์ทุกวัน การลงทุนสอนให้เรารู้จักออม ไม่ได้สอนให้รู้แต่การเก็งกำไร ตอนแรกตั้งใจจะลงทุนทองคำตอนเกษียณอายุ
เจ๊คิดว่าวันหนึ่งจะซื้อทองคำให้ได้ครั้งละ 200-300 บาท เชื่อว่าสัก 2-3 ปี น่าจะทำได้ เพราะเจ๊มีแผนจะเพิ่มรายได้ในกระเป๋าให้มากขึ้น ตอนนี้คิดอยากลงทุนกองทุน กำลังศึกษาการลงทุน จากผู้รู้ใน Twitter
ถามว่าอยากลงทุนในตลาดหุ้นไหม ถ้ามีโอกาสเจ๊ ไม่พลาด จริงๆ ก็มีคนแนะนำ บางคนก็ไม่สนับสนุน โดยเฉพาะ “ตัน ภาสกรนที” เจ้าของอิชิตัน แกเบรกว่า “ห้ามเล่นหุ้น” ไม่ได้บอกเหตุผล แต่เจ๊ก็อยากศึกษาเห็นกลุ่มที่ทัวร์ทำบุญด้วยกัน เขาคุยกันเรื่องหุ้นท่าทางน่าสนใจ ประกายตาเจ๊แวววาว
ลูกสาวคนโต (น้องลูกหนู) ที่นั่งอยู่ด้วยกันในห้อง พูดสวนขึ้นมาว่า หนูก็สนใจตลาดหุ้น ซื้อหนังสือมาอ่านแต่ไม่เข้าใจศัพท์เทคนิค ถามว่าทำไมถึงสนใจหนูอยากศึกษา หลังเล่นทองคำตามแม่แล้วโอเค ส่วนใหญ่จะซื้อทองร้านแม่ทองใบที่เยาวราช เมื่อก่อนเคยซื้อร้านทองฮั่วเซ่งเฮง เธอบอกชื่อร้านเสร็จสรรพ
ได้ยินว่า “เจ๊จง” เป็น "ที่ปรึกษา" เก็งกำไรทองคำด้วย ทุกเช้าหลังเจ๊จะดูกราฟทองคำ ไปบอกเพื่อนๆ ที่เป็นแม่ค้าในตลาดสดที่มีอยู่ประมาณ 3-4 คน เจ๊จะนำสิ่งที่กูรูบอกไปบอกต่อ แต่มีกฎว่าเราจะไม่ซื้อขายพร้อมกัน
หน้าที่ของเจ๊ คือ มาบอกข่าวสารเท่านั้น เพื่อนเขาเห็นเจ๊เก็งกำไรทองคำแล้วได้กำไรเขาก็อยากเล่นบ้าง อย่างเซลส์ขายโค้ก ก็มาปรึกษาเหมือนกัน ขานั้นก็เล่นหลายสิบบาท ตอนนี้ตกอยู่ในภาวะเดียวกัน คือ “ติดดอย” (หัวเราะ) เจ๊ไม่ใช่คนเก่งก็ฟังเขามาอีกที เธอถ่อมตัว
"ลงทุนแล้วได้กำไรก็อยากให้เพื่อนได้บ้าง เจ๊จนมาก่อนรู้ว่ามันลำบากขนาดไหน อะไรที่ทำให้มีเงินเพิ่มขึ้นถ้ารู้ก็จะบอก ทุกวันนี้ ก็ไม่ได้ร่ำรวยมากมีสินทรัพย์ประมาณ 10 ล้าน แบ่งเป็นที่ดินแถวนครปฐม 2 ไร่ บ้านย่านวัชรพล 3 หลัง และแถวคลอง 3 จำนวน 1 หลัง ก็เท่านั้น"
มีเพียงเท่านี้ก็พอใจแล้ว เพราะมาจากพื้นฐานไม่มีอะไรเลย ถ้ามีโอกาสก็จะซื้อที่ดินเก็บไว้อีก ไม่ได้หวังไปเก็งกำไรแต่จะเก็บไว้ในลูก เจ๊เล่า
ถามถึงกิจการร้านขายหมูทอด ปีหน้า (2556) เจ๊บอกว่า อยากมีรายได้ปีละ 30 ล้านบาท เท่ากับว่าต้องขายหมูมากถึง 200 กว่าโล ตอนนี้เล็งจะขยายสาขาอีก 1 แห่ง หากเป็นไปได้อาจไปซื้อตึกแถว 4 ห้อง มูลค่า 12 ล้านบาท ที่ชลบุรี
"เจ๊ชอบมากแต่ยังไม่มีเงินซื้อ ตั้งใจจะขายของให้มากขึ้น ตอนนี้เข้าไปคุยกับกรมการค้าภายใน เรื่องรถเข็นธงฟ้า ถ้าเขาอนุมัติจริงๆ ใครอยากขายหมูทอดมาคุยกัน คุณเข็นออกไปในราคาต้นทุน 16 บาท แต่เอาไปขาย 19 บาท แค่นี้ก็รวยแล้ว"
เจ๊ตั้งเป้าหมายระยะยาว อยากมีรายได้จากการขายหมูทอดปีละ 100 ล้านบาท (หัวเราะ) ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย และอยากขยายสาขาไปเชียงใหม่ต่ออีก
เจ๊โชคดีที่มีผู้ใหญ่เก่งๆ คอยช่วยเหลือเรื่องการตลาด ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ธันยวัชร์ และ “พี่ใช้” สมชาติ ลีลาไกรศร ซึ่งอาจารย์ธันยวัชร์ฝากฝังเจ๊ไว้กับ “พี่ใช้” แกจะคอยแนะนำโน่นนี่นั่นตลอด
ตอนนี้กำลังหาทำเลขายหมูทอดแห่งใหม่ เพราะตรงที่ขายอยู่ปัจจุบัน (หลังเทสโก้โลตัส พระราม 4) เจ๊เช่าการท่าเรือฯ มา 7 ปี หากเขายึดที่คืนต้องไปขายที่อื่น ตอนนี้เล็งแถวถนนเทพารักษ์ เคยผ่านไปคนเยอะมาก เจ๊ไม่กลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ เพราะหากของเราดีจริงมันขายได้ดีอยู่แล้ว
ทุกวันนี้ เจ๊มีความสุขมาก เมื่อก่อนร้องไห้บ่อย ทุกวันก็ยังเครียด แต่เครียดเรื่องพี่น้อง ที่ผ่านมา สอนลูกเสมอว่า “อย่าคิดมาก จงปลง แล้วทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี
สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยลืม เจ๊เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เพราะคอลัมน์ “เอ็กซ์ไซด์” หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ เขาเป็นหนังสือพิมพ์แรกที่ลงเรื่องร้านหมูทอดของเจ๊ เพราะไปขอความช่วยเหลือจากคนรู้จักในไทยโพสต์ จากนั้นรายการทีวีก็โทรมาขอถ่ายรายการเพียบ เจ๊ก็ “ดัง” ไปตามระเบียบ
เจ๊จงสอนลูก “พี่น้องต้องรักกัน”
“สิรินทิพย์ เริงวิจิตรา” หรือ น้องลูกหนู ลูกสาวคนโตวัย 25 ปี อาสาเล่าให้ฟังว่า แม่มักสอนหนูเสมอว่า “พี่น้องต้องรักกัน” ประโยคนี้แม่พูดเสมอจนจำขึ้นใจ ที่ผ่านมา แม่สอนให้เดินตามรอยเท้า เพราะพิสูจน์แล้วว่ามันดีจริงๆ อย่างการที่ลงทุนทองคำก็เพราะทำแล้วได้กำไรจริงๆ
“เชื่อแม่ดีที่สุด”
อาชีพขายของ แม่ก็ทำให้ดูว่ามันได้กำไรมากมายแค่ไหน ตั้งแต่เรียนจบ หนูไม่เคยทำงานบริษัท เพราะได้เงินน้อยไม่เหมือนขายของ ครั้งหนึ่งแม่เคยโยนเงินจากการขายหมูทอดให้หนูกับน้องนับ แม่บอกว่าหักค่าใช้จ่ายออกที่เหลือเป็นกำไร
“เห็นแบบนี้แล้วไม่อยากขายของเหรอ”
จำได้เคยฝึกงานอยู่สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แล้วรู้สึกไม่ชอบ มันดูซ้ำซาก หนูเลย ตัดสินใจช่วยแม่ดูแลร้านหมูทอด ทุกวันนี้ได้ค่าแรงจากแม่วันละ 500 บาท เท่าๆ กับพนักงานคนอื่นในร้าน
ตอนนี้หนูเก็บเงินได้เป็นแสนแล้ว น้องคนสุดท้องน่าจะได้หลายแสนแล้ว ส่วนใหญ่หนูจะเก็บเงินไม่ค่อยเอาไปทำอะไร ล่าสุดเอาไปซื้อเครื่องเติมเงนมือถือ มาตั้งหน้าร้าน
จนป่านนี้ยังไม่คืนทุน (หัวเราะ)
คนที่ซื้อของให้ทุกคนในบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อ เพราะของที่หนูและแม่ใช้ ไม่ว่าจะเป็น iPhone ของหนู และ iPad ของแม่ พ่อก็เป็นคนซื้อให้ทั้งนั้น
เรียกได้ว่า “เสี่ยเลี้ยง”
"การลงทุนสอนให้เรารู้จักออมไม่ได้สอนให้รู้แต่การเก็งกำไร"
บรรยายใต้ภาพ
ครอบครัวกิจแสวง--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
Monday, June 11, 2012 07:45
13614 XTHAI XGEN IKEY V%NETNEWS P%WKT
ชาลินี กุลแพทย์
เจาะกลยุทธ์เก็งกำไรทองคำ “เจ๊จง” จงใจ กิจแสวง เจ้าของร้านหมูทอด หลังเทสโก้ โลตัส พระราม 4 ใครจะรู้ว่าเจ๊เคยสะสมทองมากสุด 80 บาท แถมโกยกำไร 500 บาทต่อ 1 บาททองคำมาแล้ว กับชีวิต ล้ม-ลุก-คลุก-คลาน-สำเร็จ ยิ่งกว่านิยาย
มุมหนึ่ง “เจ๊จง” (จงใจ กิจแสวง) หญิงกลางคนวัย 47 ปี เจ้าของฉายา “หมูทอดเศรษฐี” โด่งดังในฐานะเจ้าของร้านหมูทอด ตั้งอยู่หลัง “เทสโก้โลตัส” สาขาพระราม 4 แต่จะมีใครรู้บ้างว่า อีกมุมหนึ่ง เธอคือ “นักเก็งกำไรทองคำ” ตัวจริงเสียงจริง เรียกได้ว่า “เก็งกำไร” กันทั้งครอบครัว
ย้อนประวัติ “เจ๊จง” หมูทอดเงินล้าน เธอเริ่มเป็นที่รู้จัก หลังรายการ SME ตีแตก ออนแอร์เมื่อปี 2553 จากความ "ไม่ธรรมดา" ของร้านหมูทอดแห่งนี้ ที่มีรายได้เฉลี่ยถึงวันละ 100,000 บาท หรือปีละกว่า 20 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ข้าวหมูทอด และอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนูปูจ๋า ปลาหมึก หอยจ๊อ และไส้กรอกมีราคาขายเพียงจานละ 13-31 บาทเท่านั้น ยังเติมข้าวได้ไม่อั้น แถมด้วยผักสดและกล้วยน้ำว้าให้กินฟรีอีกต่างหาก
“เจ๊จง” เป็นลูกสาวคนโตจากจำนวนพี่น้องทั้งหมด 4 คน 2 คน มาช่วยงานในร้านหมูทอด ชีวิตในวัยเด็กของ “เจ๊จง” ไม่แตกต่างอะไรจาก “เด็กสลัม” ฐานะยากจน เรียกได้ว่า “หาเช้ากินเย็น” พ่อยึดอาชีพขับรถ TAXI ทุกเย็นจะต้องนำเงินที่หาได้มาให้ภรรยาที่ทำงานทอผ้าเป็นงานหลัก และเล่นไพ่เป็นอาชีพเสริม
ในวัยเยาว์ “เจ๊จง” ถือเป็นเด็กที่ “รักเรียน” พยายามทำงานทุกอย่าง เพื่อหาเงินเรียนหนังสือจนจบชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 (ม. 3) ภาคค่ำ จากโรงเรียนวัดคลองเตย
งานแรกที่ “เจ๊” เริ่มทำ คือ ชวนน้องๆ เข้าไปในชุมชนที่โดนไฟไหม้เป็นประจำ (ปัจจุบัน คือ เทสโก้ โลตัส พระราม 4) เพื่อช่วยกันเก็บเศษเหล็กไปขาย จากนั้นไม่นานก็ไปเดินขายไอติม ก่อนจะมาทำงานในโรงงานพัดลมได้ค่าแรงวันละ 60 บาท เมื่อโรงงานปิดตัว ก็หันไปขายของเรียกได้ว่าขายทุกอย่างที่ได้เงิน
ช่วงที่ขายของ “เจ๊จง” พบรักกับสามี และแต่งงานตอนอายุ 17 ปัจจุบันมีลูก 3 คน คนโตลูกสาววัย 25 ปี “น้องลูกหนู” สิรินทิพย์ เริงวิจิตรา เรียนจบมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ลูกสาวคนกลางวัย 22 ปี “น้องแต้ว” เรียนจบมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ และลูกชายคนสุดท้องวัย 16 ปี “น้องโอ๊ต” พงศ์ภัค เริงวิจิตร กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนศรีวิกรม์
หลังจากแต่งงาน เจ๊ยึดอาชีพ “ขายของชำ” เปิดร้านเล็กๆ อยู่ใต้แฟลตคลองเตย ส่วนสามีก็ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แต่ 2 อาชีพนี้ไม่สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้กินอิ่มนอนหลับได้ ประกอบกับเจ๊ไม่อยากใช้เงินของสามี เพราะสามีเคยบอกว่า แค่เอาเงินมาฝากไว้ไม่ได้ให้ใช้
ท่าจะไม่รอด “เจ๊จง” เลยตัดสินใจนำสินค้าต่างๆ ที่เหลืออยู่ในร้าน ไม่ว่าจะเป็น สบู่ แป้ง ยาสระผม และอื่นๆ อีกมากมาย ใส่ลังเบียร์แบกขึ้นรถสี่ล้อเล็กของสามี เพื่อนำไปขายในแหล่งชุมชน วันแรก “เจ๊จง” ขายของได้ถึง 3,000 บาท ก่อนจะเพิ่มพูนเป็นวันละ 20,000-30,000 บาท ขายดีจนน่าตกใจ
นอกจากนั้น “เจ๊จง” ยังมีผุดอาชีพใหม่ นั่นคือ “เคาน์เตอร์เซอร์วิส” รับจ่ายค่าน้ำ และค่าไฟฟ้า เรียกได้ว่าทำก่อน “เซเว่น อีเลฟเว่น” เสียอีก โดยจะเรียกเก็บค่าบริการเพียงคนละสิบบาทเท่านั้น ชีวิตช่วงนั้น “รุ่งเรือง” มากเจ๊บอก แม้จะไม่ได้มีเงินเก็บมากมาย
ทว่าความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ !!
ด้วยความเป็นคนชอบให้ อยากเห็นเพื่อนๆ มีเงินใช้ จึงชวนกันมาตั้งวงแชร์ สุดท้ายหลายคน “หนี และเบี้ยว” ไม่ยอมจ่ายค่าแชร์ ทำให้ทุกอย่างตกมาอยู่ที่ “เจ๊จง” เพียงผู้เดียว
สุดท้ายเจ๊กลายเป็นคนมีหนี้ล้านกว่าบาท “เจ๊จง” ต้องจำนองแฟลต ขายรถยนต์และบ้าน เพื่อใช้หนี้ เรียกได้ว่าขายทุกอย่างจนไม่มีอะไรเหลือ ถึงขนาดโยนกุญแจห้องให้เจ้าหนี้ไปเปิดห้องขนของมีค่าออกไป
หลังแยกทางกับสามี “เจ๊จง” หันมาขายอาหาร และนมสด เพื่อเลี้ยงลูก 3 คน พร้อมกับใช้หนี้ แต่ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ เพราะโดนเทศกิจไล่ จากนั้นก็มาขายกาแฟต่อด้วยข้าวเหนียวหมูปิ้ง แต่ยังได้เงินไม่พอใช้หนี้ จึงหันมาขายอาหารตามสั่ง อุปกรณ์ขายของเกือบทุกชิ้นยืมคนแถวบ้าน ช่วงนั้น “เจ๊จง” ประสบอุบัติเหตุรถชน ทำให้อดีตสามีที่ห่างหายไปนานกว่า 2 ปี กลับมาดูแลกันเหมือนเดิม
โชคดีเริ่มเข้าข้างเธอบ้าง เมื่อวันหนึ่ง “เจ๊จง” ไปซื้อข้าวหมูทอดมาให้ลูกๆ กิน พร้อมกับบอกลูกคนกลาง (น้องแต้ว) ว่า “แบบนี้แม่ก็ทำได้ เดี๋ยวทำให้กิน” ก่อนจะยึดอาชีพขายข้าวหมูทอด ขายไปขายมา “เจ๊จง” เริ่มมีเงินเก็บมากขึ้น จนเข้าข่าย “คนรวย” เพราะเดินเข้าร้านทองแถวบ้านแทบทุกวัน
ซื้อทองวันละหลายๆ บาท
ตอนนั้น “เจ๊จง” เริ่มคุยกับเจ้าหนี้รายใหญ่ที่ติดเงินอยู่ประมาณ 1.5-2 แสนบาท เพื่อขอผ่อนชำระหนี้เดือนละ 5,000 บาท ส่วนเจ้าหนี้ที่ชอบข่มขู่ “เจ๊จง” ไม่ขอเจรจาและไม่จ่าย เรียกได้ว่า “มีเงิน แต่ไม่อยากจ่าย โทษฐานชอบข่มขู่”
“เจ๊จง” เปิด iPad พร้อมนั่งประจำการเก้าอี้ตัวเดิม ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ซึ่งเป็นทั้งห้องนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ ห้องเก็บเงิน และห้องขายน้ำ เพื่อเล่า “จุดเริ่มต้นการเก็งกำไรทองคำ” ให้ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ฟังว่า เจ๊เริ่มเก็งกำไรทองคำเมื่อ 3-4 ปีก่อน เกิดจากการอ่านหนังสือพิมพ์แล้วสงสัยว่าอะไรทำให้ราคาทองคำขึ้นลง จากนั้นก็เข้าไปศึกษารายละเอียดในเว็บไซต์ของสมาคมทองคำ
อ่านไปอ่านมาเริ่มรู้สึกสนุกจึงตัดสินใจซื้อทองคำ !!!
"จำได้ตอนนั้นเจ๊ให้น้องชายขี่มอเตอร์ไซค์ไปซื้อทองคำที่ร้านทองเยาวราช 15 บาท ผ่านไป 2-3 วัน ได้กำไร 3,000 บาท เจ๊ขายเลยไม่รอช้า จากนั้นก็ซื้อมาเรื่อยๆ ครั้งละ 10-20 บาท เคยซื้อทองคำมากที่สุดประมาณ 80 บาท และเคยได้กำไรมากสุดประมาณ 500 บาทต่อทองคำ 1 บาท"
ช่วงแรกๆ ยอมรับดูกราฟทองคำไม่เป็น เช้าๆ เจ๊ก็จะเข้าไปอ่านดูว่าคนเก่งๆ เขาคุยกันในเว็บไซต์สมาคมทองคำกันยังไง ไม่เข้าใจอะไรก็ไปถามเขาส่วนใหญ่จะไขข้อข้องใจให้ได้ตลอด บางครั้งก็จดศัพท์ภาษาอังกฤษหรือถ่ายรูปกราฟทองคำมาถามลูกค้าในร้านที่มีความรู้
เมื่อก่อนเจ๊ไม่รู้จักคำว่า “กินข้าวต้ม และขึ้นดอย” ที่คนในสมาคมทองคำกันว่าแปลว่าอะไร แต่ตอนนี้เจ๊เข้าใจแล้ว
กินข้าวต้ม คือ ขายทองคำได้กำไร ส่วนขึ้นดอยก็ขาดทุนยังขายไม่ได้
ก่อนซื้อทองคำทุกครั้ง เจ๊จะเข้าไปดูว่าคนเก่งๆ เขาวิเคราะห์ราคาทองคำไว้อย่างไร ส่วนใหญ่เขาจะคุยกันเรื่องแนวโน้มขึ้นลงของราคา และภาวะเศรษฐกิจโลก เพราะราคาทองคำจะอิงกับเศรษฐกิจโลก (เมื่อก่อนไม่รู้เลยจริงๆ เจ๊กระซิบกระซาบ) เจ๊ยอมรับว่าบางครั้งการวิเคราะห์ของกูรูก็มีทั้งแม่นและพลาด แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดา
ช่วงหลังเจ๊สมัคร Twitter ใช้ชื่อ Jehjong และ Facebook ใช้ชื่อ “ร้านหมูทอดเจ๊จง” อยากรู้อะไรก็ถามในนี้ คนเก่งเรื่องการลงทุนเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นหุ้น กองทุน และทองคำ เจ๊บอกว่าที่ตัดสินใจเรียนรู้ “โซเชียลเน็ตเวิร์ค” เพราะ “อาจารย์ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย” ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด และกรรมการตัดสิน รายการ SME ตีแตกของ “เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์” แนะนำ
โดยอาจารย์บอกว่า "เราต้องรู้จักสร้างแบรนด์ให้ตัวเอง"
ตอนนี้มีคน Follow Twitter ของเจ๊แล้วประมาณ 9,147 คน และ Follow Facebook ประมาณ 13,000 คน จนเมื่อหลายปีก่อนเจ๊ได้เนรมิตร้านขายหมูทอดเป็นงานมิตติ้ง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้หลายๆ เรื่อง ไม่น่าเชื่อคนมาเป็นร้อย นั่งพูดคุยกันอยู่ 2-3 ชั่วโมงก่อนจะแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน
ตอนนี้ก็ยังมีอยู่มิตติ้ง แต่ลดขนาดเป็นงานปาร์ตี้เล็กๆ ประมาณ 10-20 คนแทน เจ๊จะจัดเกือบทุกวันหยุด เพราะสนุกและมีความสุข ส่วนใหญ่คนที่มาจะมีหลากหลายวัย เด็กเรียนปริญญาโท เด็กจบใหม่ก็มี ไม่ใช่มีแต่ สว. (คนสูงวัย)
เจ๊ชอบไปตามงานสัมมนาต่างๆ ไปหาความรู้เรื่องการลงทุนใส่ตัวเอง บางครั้งก็ไปฟังสัมมนาเกี่ยวกับธุรกิจต่างๆ แต่จะเน้นไปงานที่วิทยากรรู้จักเรา อาจารย์ธันยวัชร์ แนะนำว่ามันเป็นการสร้างแบรนด์ชนิดหนึ่ง แกอธิบายเหตุผลที่ต้องไปฟังวิทยากรที่รู้จักเราว่า..
เมื่อเขารู้ว่าคุณเป็นใคร เขาก็จะพูดชื่อคุณออกไมค์ คนที่ไม่รู้จักคุณก็จะรู้จักคุณในงานนี้
ช่วงนี้เจ๊ไม่ค่อยได้ซื้อทองคำ เพราะทองคำที่มีอยู่ประมาณ 30 บาท ยังเข้าข่ายขาดทุน ซื้อมาบาทละ 24,000 แต่ตอนนี้เหลือบาทละ 23,000 ขายไปก็ขาดทุนเก็บไว้ก่อน อีกอย่างมีกูรูวิเคราะห์ว่าราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1,560 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็น 1,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสัญญาณราคาทองคำมาจริงๆ อาจซื้อทองเพิ่มเติม แต่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อเท่าไรขอดูสถานการณ์ก่อน เจ๊ประเมิน
ที่ผ่านมา ไม่เคยกำหนดว่าต้องได้กำไรจากการเก็งกำไรทองคำกี่บาท ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ความพอใจ ไม่อยากโลภมากเดี๋ยวลาภหาย ช่วงแรกๆ ที่เล่นเก็งกำไรเจ๊ซื้อทองคำเก็บไว้ค่อนข้างเยอะ สุดท้ายก็เอาไปขายเพื่อนำเงินมาซื้อบ้านแถววัชรพล แต่ไม่ค่อยได้อยู่ส่วนใหญ่จะไปแค่วันหยุด
ลงทุนทองคำให้อะไรเยอะแยะมากมาย เมื่อก่อนไม่เคยเก็บเงินในแบงก์เกินระดับแสน แต่เดี๋ยวนี้ทุกวันต้องให้ลูกน้องเอาเงินที่ได้จากการขายของส่วนหนึ่งประมาณ 40,000 บาทไปเข้าแบงก์ทุกวัน การลงทุนสอนให้เรารู้จักออม ไม่ได้สอนให้รู้แต่การเก็งกำไร ตอนแรกตั้งใจจะลงทุนทองคำตอนเกษียณอายุ
เจ๊คิดว่าวันหนึ่งจะซื้อทองคำให้ได้ครั้งละ 200-300 บาท เชื่อว่าสัก 2-3 ปี น่าจะทำได้ เพราะเจ๊มีแผนจะเพิ่มรายได้ในกระเป๋าให้มากขึ้น ตอนนี้คิดอยากลงทุนกองทุน กำลังศึกษาการลงทุน จากผู้รู้ใน Twitter
ถามว่าอยากลงทุนในตลาดหุ้นไหม ถ้ามีโอกาสเจ๊ ไม่พลาด จริงๆ ก็มีคนแนะนำ บางคนก็ไม่สนับสนุน โดยเฉพาะ “ตัน ภาสกรนที” เจ้าของอิชิตัน แกเบรกว่า “ห้ามเล่นหุ้น” ไม่ได้บอกเหตุผล แต่เจ๊ก็อยากศึกษาเห็นกลุ่มที่ทัวร์ทำบุญด้วยกัน เขาคุยกันเรื่องหุ้นท่าทางน่าสนใจ ประกายตาเจ๊แวววาว
ลูกสาวคนโต (น้องลูกหนู) ที่นั่งอยู่ด้วยกันในห้อง พูดสวนขึ้นมาว่า หนูก็สนใจตลาดหุ้น ซื้อหนังสือมาอ่านแต่ไม่เข้าใจศัพท์เทคนิค ถามว่าทำไมถึงสนใจหนูอยากศึกษา หลังเล่นทองคำตามแม่แล้วโอเค ส่วนใหญ่จะซื้อทองร้านแม่ทองใบที่เยาวราช เมื่อก่อนเคยซื้อร้านทองฮั่วเซ่งเฮง เธอบอกชื่อร้านเสร็จสรรพ
ได้ยินว่า “เจ๊จง” เป็น "ที่ปรึกษา" เก็งกำไรทองคำด้วย ทุกเช้าหลังเจ๊จะดูกราฟทองคำ ไปบอกเพื่อนๆ ที่เป็นแม่ค้าในตลาดสดที่มีอยู่ประมาณ 3-4 คน เจ๊จะนำสิ่งที่กูรูบอกไปบอกต่อ แต่มีกฎว่าเราจะไม่ซื้อขายพร้อมกัน
หน้าที่ของเจ๊ คือ มาบอกข่าวสารเท่านั้น เพื่อนเขาเห็นเจ๊เก็งกำไรทองคำแล้วได้กำไรเขาก็อยากเล่นบ้าง อย่างเซลส์ขายโค้ก ก็มาปรึกษาเหมือนกัน ขานั้นก็เล่นหลายสิบบาท ตอนนี้ตกอยู่ในภาวะเดียวกัน คือ “ติดดอย” (หัวเราะ) เจ๊ไม่ใช่คนเก่งก็ฟังเขามาอีกที เธอถ่อมตัว
"ลงทุนแล้วได้กำไรก็อยากให้เพื่อนได้บ้าง เจ๊จนมาก่อนรู้ว่ามันลำบากขนาดไหน อะไรที่ทำให้มีเงินเพิ่มขึ้นถ้ารู้ก็จะบอก ทุกวันนี้ ก็ไม่ได้ร่ำรวยมากมีสินทรัพย์ประมาณ 10 ล้าน แบ่งเป็นที่ดินแถวนครปฐม 2 ไร่ บ้านย่านวัชรพล 3 หลัง และแถวคลอง 3 จำนวน 1 หลัง ก็เท่านั้น"
มีเพียงเท่านี้ก็พอใจแล้ว เพราะมาจากพื้นฐานไม่มีอะไรเลย ถ้ามีโอกาสก็จะซื้อที่ดินเก็บไว้อีก ไม่ได้หวังไปเก็งกำไรแต่จะเก็บไว้ในลูก เจ๊เล่า
ถามถึงกิจการร้านขายหมูทอด ปีหน้า (2556) เจ๊บอกว่า อยากมีรายได้ปีละ 30 ล้านบาท เท่ากับว่าต้องขายหมูมากถึง 200 กว่าโล ตอนนี้เล็งจะขยายสาขาอีก 1 แห่ง หากเป็นไปได้อาจไปซื้อตึกแถว 4 ห้อง มูลค่า 12 ล้านบาท ที่ชลบุรี
"เจ๊ชอบมากแต่ยังไม่มีเงินซื้อ ตั้งใจจะขายของให้มากขึ้น ตอนนี้เข้าไปคุยกับกรมการค้าภายใน เรื่องรถเข็นธงฟ้า ถ้าเขาอนุมัติจริงๆ ใครอยากขายหมูทอดมาคุยกัน คุณเข็นออกไปในราคาต้นทุน 16 บาท แต่เอาไปขาย 19 บาท แค่นี้ก็รวยแล้ว"
เจ๊ตั้งเป้าหมายระยะยาว อยากมีรายได้จากการขายหมูทอดปีละ 100 ล้านบาท (หัวเราะ) ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย และอยากขยายสาขาไปเชียงใหม่ต่ออีก
เจ๊โชคดีที่มีผู้ใหญ่เก่งๆ คอยช่วยเหลือเรื่องการตลาด ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ธันยวัชร์ และ “พี่ใช้” สมชาติ ลีลาไกรศร ซึ่งอาจารย์ธันยวัชร์ฝากฝังเจ๊ไว้กับ “พี่ใช้” แกจะคอยแนะนำโน่นนี่นั่นตลอด
ตอนนี้กำลังหาทำเลขายหมูทอดแห่งใหม่ เพราะตรงที่ขายอยู่ปัจจุบัน (หลังเทสโก้โลตัส พระราม 4) เจ๊เช่าการท่าเรือฯ มา 7 ปี หากเขายึดที่คืนต้องไปขายที่อื่น ตอนนี้เล็งแถวถนนเทพารักษ์ เคยผ่านไปคนเยอะมาก เจ๊ไม่กลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ เพราะหากของเราดีจริงมันขายได้ดีอยู่แล้ว
ทุกวันนี้ เจ๊มีความสุขมาก เมื่อก่อนร้องไห้บ่อย ทุกวันก็ยังเครียด แต่เครียดเรื่องพี่น้อง ที่ผ่านมา สอนลูกเสมอว่า “อย่าคิดมาก จงปลง แล้วทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี
สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยลืม เจ๊เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เพราะคอลัมน์ “เอ็กซ์ไซด์” หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ เขาเป็นหนังสือพิมพ์แรกที่ลงเรื่องร้านหมูทอดของเจ๊ เพราะไปขอความช่วยเหลือจากคนรู้จักในไทยโพสต์ จากนั้นรายการทีวีก็โทรมาขอถ่ายรายการเพียบ เจ๊ก็ “ดัง” ไปตามระเบียบ
เจ๊จงสอนลูก “พี่น้องต้องรักกัน”
“สิรินทิพย์ เริงวิจิตรา” หรือ น้องลูกหนู ลูกสาวคนโตวัย 25 ปี อาสาเล่าให้ฟังว่า แม่มักสอนหนูเสมอว่า “พี่น้องต้องรักกัน” ประโยคนี้แม่พูดเสมอจนจำขึ้นใจ ที่ผ่านมา แม่สอนให้เดินตามรอยเท้า เพราะพิสูจน์แล้วว่ามันดีจริงๆ อย่างการที่ลงทุนทองคำก็เพราะทำแล้วได้กำไรจริงๆ
“เชื่อแม่ดีที่สุด”
อาชีพขายของ แม่ก็ทำให้ดูว่ามันได้กำไรมากมายแค่ไหน ตั้งแต่เรียนจบ หนูไม่เคยทำงานบริษัท เพราะได้เงินน้อยไม่เหมือนขายของ ครั้งหนึ่งแม่เคยโยนเงินจากการขายหมูทอดให้หนูกับน้องนับ แม่บอกว่าหักค่าใช้จ่ายออกที่เหลือเป็นกำไร
“เห็นแบบนี้แล้วไม่อยากขายของเหรอ”
จำได้เคยฝึกงานอยู่สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แล้วรู้สึกไม่ชอบ มันดูซ้ำซาก หนูเลย ตัดสินใจช่วยแม่ดูแลร้านหมูทอด ทุกวันนี้ได้ค่าแรงจากแม่วันละ 500 บาท เท่าๆ กับพนักงานคนอื่นในร้าน
ตอนนี้หนูเก็บเงินได้เป็นแสนแล้ว น้องคนสุดท้องน่าจะได้หลายแสนแล้ว ส่วนใหญ่หนูจะเก็บเงินไม่ค่อยเอาไปทำอะไร ล่าสุดเอาไปซื้อเครื่องเติมเงนมือถือ มาตั้งหน้าร้าน
จนป่านนี้ยังไม่คืนทุน (หัวเราะ)
คนที่ซื้อของให้ทุกคนในบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อ เพราะของที่หนูและแม่ใช้ ไม่ว่าจะเป็น iPhone ของหนู และ iPad ของแม่ พ่อก็เป็นคนซื้อให้ทั้งนั้น
เรียกได้ว่า “เสี่ยเลี้ยง”
"การลงทุนสอนให้เรารู้จักออมไม่ได้สอนให้รู้แต่การเก็งกำไร"
บรรยายใต้ภาพ
ครอบครัวกิจแสวง--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เซียนเก็งกำไร 'ทองคำ' ม.3 'เจ๊จง' หมูทอดเงินล้าน
โพสต์ที่ 2
ผมกลัวเจ๊แกโดนปล้นจริงๆ ออกข่าวแบบนี้..
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เซียนเก็งกำไร 'ทองคำ' ม.3 'เจ๊จง' หมูทอดเงินล้าน
โพสต์ที่ 3
จะติดต่อลูกสาวแกได้อย่างไรครับ
555
555
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เซียนเก็งกำไร 'ทองคำ' ม.3 'เจ๊จง' หมูทอดเงินล้าน
โพสต์ที่ 4
อยากรู้ว่าซื้อเครื่องเติมเงินมือถือยี่ห้อ อะไรมาตั้งอ่ะครับpakapong_u เขียน:เซียนเก็งกำไร 'ทองคำ' ม.3 'เจ๊จง' หมูทอดเงินล้าน
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
เจ๊จงสอนลูก “พี่น้องต้องรักกัน”
“สิรินทิพย์ เริงวิจิตรา” หรือ น้องลูกหนู ลูกสาวคนโตวัย 25 ปี อาสาเล่าให้ฟังว่า แม่มักสอนหนูเสมอว่า “พี่น้องต้องรักกัน” ประโยคนี้แม่พูดเสมอจนจำขึ้นใจ ที่ผ่านมา แม่สอนให้เดินตามรอยเท้า เพราะพิสูจน์แล้วว่ามันดีจริงๆ อย่างการที่ลงทุนทองคำก็เพราะทำแล้วได้กำไรจริงๆ
“เชื่อแม่ดีที่สุด”
อาชีพขายของ แม่ก็ทำให้ดูว่ามันได้กำไรมากมายแค่ไหน ตั้งแต่เรียนจบ หนูไม่เคยทำงานบริษัท เพราะได้เงินน้อยไม่เหมือนขายของ ครั้งหนึ่งแม่เคยโยนเงินจากการขายหมูทอดให้หนูกับน้องนับ แม่บอกว่าหักค่าใช้จ่ายออกที่เหลือเป็นกำไร
“เห็นแบบนี้แล้วไม่อยากขายของเหรอ”
จำได้เคยฝึกงานอยู่สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แล้วรู้สึกไม่ชอบ มันดูซ้ำซาก หนูเลย ตัดสินใจช่วยแม่ดูแลร้านหมูทอด ทุกวันนี้ได้ค่าแรงจากแม่วันละ 500 บาท เท่าๆ กับพนักงานคนอื่นในร้าน
ตอนนี้หนูเก็บเงินได้เป็นแสนแล้ว น้องคนสุดท้องน่าจะได้หลายแสนแล้ว ส่วนใหญ่หนูจะเก็บเงินไม่ค่อยเอาไปทำอะไร ล่าสุดเอาไปซื้อเครื่องเติมเงินมือถือ มาตั้งหน้าร้าน
จนป่านนี้ยังไม่คืนทุน (หัวเราะ)
คนที่ซื้อของให้ทุกคนในบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อ เพราะของที่หนูและแม่ใช้ ไม่ว่าจะเป็น iPhone ของหนู และ iPad ของแม่ พ่อก็เป็นคนซื้อให้ทั้งนั้น
เรียกได้ว่า “เสี่ยเลี้ยง”
"การลงทุนสอนให้เรารู้จักออมไม่ได้สอนให้รู้แต่การเก็งกำไร"
บรรยายใต้ภาพ
ครอบครัวกิจแสวง--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ปล. คนที่มาซื้อหมูทอด อาจมือเปื้อน มัวแต่กินหมู เลยเติมเงินไม่สะดวกมั้งครับ เอาผ้าเช็ดมือแขวนไว้ที่ตู้เลยครับ ฮ่าๆ ล้อเล่น
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เซียนเก็งกำไร 'ทองคำ' ม.3 'เจ๊จง' หมูทอดเงินล้าน
โพสต์ที่ 6
ถ้าพี่พลาด ผมรอจีบคิว2 นะครับ 55+chowbe76 เขียน:จะติดต่อลูกสาวแกได้อย่างไรครับ
555
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เซียนเก็งกำไร 'ทองคำ' ม.3 'เจ๊จง' หมูทอดเงินล้าน
โพสต์ที่ 7
ดูนางให้ดูที่แม่ครับchowbe76 เขียน:จะติดต่อลูกสาวแกได้อย่างไรครับ
555
แนบไฟล์
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
- xavi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 123
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เซียนเก็งกำไร 'ทองคำ' ม.3 'เจ๊จง' หมูทอดเงินล้าน
โพสต์ที่ 8
ฟังชื่ออาชีพของเจ๊แล้วเสียวเลยครับ "ขายหมู"
ล้อเล่นนะครับ ยินทีแทนเจ๊ด้วยจริงๆครับ
เคยดูในรายการเริ่มจากแกคิดดีก่อน คืออยากให้คนรายได้น้อยได้กินอาหารอิ่ม
ก็เลยสร้างแนวคิดให้กินข้าวได้ไม่อั้น และขายสินค้าราคาไม่แพง
ช่วงแรกก็ได้ลูกค้าเป็นชาววินมอเตอร์ไซด์ และแท๊กซี่ เป็นส่วนใหญ่
แต่หลังจากมีชื่อเสียง พวกพนักงาน Office ก็เริ่มมากิน เพราะประหยัดเพราะแถวนั้นมี Office เยอะ
จนช่วงหลังแกออก TV บ่อย ก็ได้พวกไฮซ้อไฮโซให้คนขับรถมาสั่งซื้อไปกินด้วย
แบบว่ากินได้เรียบทุกกลุ่มจริงๆครับ เก่งขนาดนี้ไม่ต้องปรึกษา อ.ธันยวัชร์ ก็ได้ครับ
แต่ผมคิดว่าธุรกิจแบบนี้มันเป็นลักษณะเฉพาะล่ะครับ ต้องเฉพาะคน เฉพาะที่ เฉพาะเวลาจริงๆ
เคยมีหลายเจ้าที่เด่นๆอย่างนี้แล้วขยาย สาขาถัดไปส่วนใหญ่ไม่ดีเท่าสาขาแรก ทำแล้วจะไม่ค่อยคุ้ม
เหตุผลจริงๆส่วนใหญ่ จะเป็นการสร้างสาขาให้รุ่นลูกมากกว่า
ถ้าเจ๊ขายได้วันละ 100,000 นี่ผมว่าสาขาเดียวพอแล้วครับ เน้นต่ออายุกับทางท่าเรือให้ได้ดีที่สุดครับ
ล้อเล่นนะครับ ยินทีแทนเจ๊ด้วยจริงๆครับ
เคยดูในรายการเริ่มจากแกคิดดีก่อน คืออยากให้คนรายได้น้อยได้กินอาหารอิ่ม
ก็เลยสร้างแนวคิดให้กินข้าวได้ไม่อั้น และขายสินค้าราคาไม่แพง
ช่วงแรกก็ได้ลูกค้าเป็นชาววินมอเตอร์ไซด์ และแท๊กซี่ เป็นส่วนใหญ่
แต่หลังจากมีชื่อเสียง พวกพนักงาน Office ก็เริ่มมากิน เพราะประหยัดเพราะแถวนั้นมี Office เยอะ
จนช่วงหลังแกออก TV บ่อย ก็ได้พวกไฮซ้อไฮโซให้คนขับรถมาสั่งซื้อไปกินด้วย
แบบว่ากินได้เรียบทุกกลุ่มจริงๆครับ เก่งขนาดนี้ไม่ต้องปรึกษา อ.ธันยวัชร์ ก็ได้ครับ
แต่ผมคิดว่าธุรกิจแบบนี้มันเป็นลักษณะเฉพาะล่ะครับ ต้องเฉพาะคน เฉพาะที่ เฉพาะเวลาจริงๆ
เคยมีหลายเจ้าที่เด่นๆอย่างนี้แล้วขยาย สาขาถัดไปส่วนใหญ่ไม่ดีเท่าสาขาแรก ทำแล้วจะไม่ค่อยคุ้ม
เหตุผลจริงๆส่วนใหญ่ จะเป็นการสร้างสาขาให้รุ่นลูกมากกว่า
ถ้าเจ๊ขายได้วันละ 100,000 นี่ผมว่าสาขาเดียวพอแล้วครับ เน้นต่ออายุกับทางท่าเรือให้ได้ดีที่สุดครับ
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เซียนเก็งกำไร 'ทองคำ' ม.3 'เจ๊จง' หมูทอดเงินล้าน
โพสต์ที่ 9
"เซียน" "เก็งกำไร" "ชอบขายหมู" อืมมมม
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เซียนเก็งกำไร 'ทองคำ' ม.3 'เจ๊จง' หมูทอดเงินล้าน
โพสต์ที่ 11
เซียนเขียนข่าว เซียนเขียนคอลัมน์ มากฟ่าาาาา @กรุงเทพธุรกิจ
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เซียนเก็งกำไร 'ทองคำ' ม.3 'เจ๊จง' หมูทอดเงินล้าน
โพสต์ที่ 13
นี่เรียงคิวกันเลย เหรอครับ สงสารน้องเค้าเถอะครับ เดี๋ยวระบม.............หมดnut776 เขียน:ตอกบัตร คิว 3 คับchukieat30 เขียน:ถ้าพี่พลาด ผมรอจีบคิว2 นะครับ 55+chowbe76 เขียน:จะติดต่อลูกสาวแกได้อย่างไรครับ
555
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เซียนเก็งกำไร 'ทองคำ' ม.3 'เจ๊จง' หมูทอดเงินล้าน
โพสต์ที่ 14
^^ พี่ rocker ครับ...................................................................... ผมไม่เคยคิดเลยว่าพี่จะเป็นคนแบบนี้
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เซียนเก็งกำไร 'ทองคำ' ม.3 'เจ๊จง' หมูทอดเงินล้าน
โพสต์ที่ 16
ไม่ได้ระบมหัวใจหรอกครับ
เพราะผมรักจริงหวัง....
Yahahaha
เพราะผมรักจริงหวัง....
Yahahaha
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.