มาบตะพุด
-
- Verified User
- โพสต์: 520
- ผู้ติดตาม: 0
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 61
ต่ออีกหน่อย...
ทั้ง นี้ นายศรีสุวรรณ บอกว่า ไทยจำเป็นต้องเดินหน้าเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากทำได้สมบูรณ์ ประเทศไทยจะก้าวไปไกลกว่า ประเทศมาเลเซีย และเวียดนาม
ผมปูเสื่อรอติดตามเลยครับพี่ท่าน
ทั้ง นี้ นายศรีสุวรรณ บอกว่า ไทยจำเป็นต้องเดินหน้าเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากทำได้สมบูรณ์ ประเทศไทยจะก้าวไปไกลกว่า ประเทศมาเลเซีย และเวียดนาม
ผมปูเสื่อรอติดตามเลยครับพี่ท่าน
In the long run, We are all dead.
- dabudara
- Verified User
- โพสต์: 77
- ผู้ติดตาม: 1
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 62
ช็อกกรอบเวลาม.67 NGOลากยาว420วัน หวั่นมาบตาพุดพังยับ
กรรมการ 4 ฝ่ายถกหนักเรื่องกรอบเวลาการดำเนินการตามมาตรา 67 (2) เอกชนลุ้นใช้ฟาสต์แทร็กลดกระบวนการแก้ปัญหาเหลือแค่ 6 เดือน ปตท.-ปูนใหญ่เร่งประเมินผลกระทบจากปัญหามาบตาพุด ห่วงสินค้าที่ป้อนให้กับโรงงานที่ถูกสั่งระงับไม่มีที่ระบาย พร้อมปรับแผนรับมือดอกเบี้ย-ค่าบำรุงรักษาโรงงานใหม่-ปัญหาแรงงานก่อสร้างลามเป็นลูกโซ่ กดดันกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานต้องลงพื้นที่หาทางออกด่วน
หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้ระงับ 65 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จนกว่าจะมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 67(2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ที่กำหนดให้โครงการที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงต้องมีการประเมินผล EIA-HIA การให้ความเห็นขององค์กรอิสระ และการเปิดรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ส่งผลให้กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ 2 กลุ่ม ได้แก่ ปตท.กับปูนซิเมนต์ไทย ต้องเร่งประเมินผลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้น เบื้องต้นทั้ง 2 กลุ่มมีความเป็นห่วงในเรื่องของสินค้าที่ผลิตเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบให้กับโครงการที่ถูกระงับจะดำเนินการอย่างไร ไปจนกระทั่งถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และค่าบำรุงรักษากรณีโรงงานไม่สามารถเปิดดำเนินการตามแผนที่วางไว้ได้
ทั้งหมดนี้จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงปัญหาทางด้านแรงงาน ทั้งแรงงานรับเหมาก่อสร้างและแรงงานที่จะต้องเปิดรับใหม่ในอนาคต ซึ่งมีการประเมินกันไว้ว่า น่าจะกระทบไม่ต่ำกว่า 100,000 คน รวมไปถึงแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานด้วย ในขณะที่คณะกรรมการ 4 ฝ่าย ชุดของนายอานันท์ ปันยารชุน ก็ยังถกเถียงกันอย่างหนักใน เรื่องของระยะเวลาในการปฏิบัติตามมาตรา 67(2)
ปตท.ปรับแผนส่งออกฟีนอล
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) PTTAR กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่ม ปตท.กำลังอยู่ระหว่างประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น เบื้องต้นจะมีแรงงานจากทั้ง 65 โครงการได้รับผลกระทบ 10,000 คน ส่วนโครงการที่ได้รับผลกระทบ เช่น บริษัท พีทีที ฟีนอล จำกัด ที่กำลังขยายกำลังการผลิตในโครงการบิส ฟีนอล เอ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากโรงผลิตฟีนอลหลัก อาจจะต้องปรับแผนส่งออกฟีนอลไปยังต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากโครงการต่อเนื่องถูกระงับจากศาลปกครอง
"ส่วนอีก 3 โครงการ คือ โครงการโรงงานผลิตเอทานอลเอมีน, โครงการขยายโรงงานผลิต HDPE (BPEX) และโครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเข้าข่ายตามที่ศาลปกครองระงับหรือไม่นั้น ขณะนี้กำลังพิจารณาเพื่อขอหารือต่อศาลปกครองอีกครั้ง หากให้ตีความเอง อาจจะเข้าใจได้ว่าไม่เข้าข่าย ทั้งนี้มีการหารือกันในกลุ่ม ปตท.ก่อนว่า กรอบของเราทำอะไรได้บ้าง เช่น ให้หน่วยงานรัฐที่ดูแล ยื่นหารือศาล หรือเรายื่นเอง ช่วงนี้ทำได้เพียงประเมินความเสียหาย เบื้องต้นก่อน"
เอสซีจีห่วงดอกเบี้ย
มีรายงานข่าวจากกลุ่มบริษัทเอสซีจีเข้ามาว่า เบื้องต้นในส่วนผลกระทบต่อผู้รับเหมาก่อสร้างของบริษัท "ไม่น่าจะมากนัก" เนื่องจากงานก่อสร้างส่วนใหญ่เกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีปัญหาบ้างก็คือ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหลังจากโครงการถูกระงับเพราะต้องจ่ายดอกเบี้ย ค่าบำรุงรักษา ในส่วนโรงงานที่สร้างเสร็จแล้ว แต่ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพื่อให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอจนกว่าจะเปิดใช้งานจริงได้
รวมถึงการขายสินค้าในส่วนของโรงงานที่เดินหน้าต่อไปได้ แต่โรงงานที่เป็นลูกค้าถูกคำสั่งศาลปกครองระงับ ทำให้กำลังการผลิตสินค้าเหลือ เพราะตลาดไม่มี จะต้องหาตลาดใหม่มาแทน ซึ่งกลุ่มบริษัท เอสซีจี คงต้องให้ทางทีมตลาดหาตลาดใหม่ อย่างการเจาะตลาดต่างประเทศเพิ่ม เช่น ตะวันออกกลาง จีน อินเดีย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องการสต๊อกวัตถุดิบเพื่อผลิตสินค้าล่วงหน้า สำหรับใช้ทดลองผลิตสินค้า ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเช่นกัน
แหล่งข่าวจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าไปเป็นผู้รับเหมาช่วงจากผู้รับเหมาประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักและได้ประมูลงานโครงการโรงกลั่นของกลุ่ม ปตท. 2-3 โครงการ มูลค่างาน 400-500 ล้านบาท/โครงการ แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาก่อสร้างหลังจากศาลปกครองมีคำสั่งระงับการก่อสร้าง ซึ่งบริษัทได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยังสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างแล้ว ให้ช่วยทำเรื่องถึงรัฐบาลให้เร่งพิจารณาการทำผลกระทบสิ่งแวดล้อมโดยเร็ว เพื่อโครงการจะได้เดินหน้าต่อไป
ด้านนายพลพัฒ กรรณสูต นายกสมาคมอุสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ขณะนี้สมาคมยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เพราะเหตุการณ์คงจะไม่เกิดขึ้นทันที กำลังประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้รับเหมาที่จะตกงานจากการถูกยกเลิกสัญญาก่อสร้าง เท่าที่ทราบแรงงานด้านการก่อสร้างมีประมาณ 20% ของแรงงานทั้งหมดในนิคมอุตสาห กรรมมาบตาพุดที่ประมาณ 100,000 คนหรือมีประมาณ 20,000 คน
ส่วนนายสุรศักดิ์ ดุษฏีเมธา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากกรณีมาบตาพุดเข้ามาเจรจากับธนาคาร แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารพร้อมให้ความช่วยเหลือเรื่องเงื่อนไขการชำระหนี้เพียงแต่ต้องมีความชัดเจนจากคณะกรรมการ 4 ฝ่าย เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ที่เอกชนต้องปฏิบัติตาม
กรมแรงงานหารือปูน-ปตท.
นายสมชาย วงษ์ทอง รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งระงับการดำเนินการ 65 โครงการในมาบตาพุด เป็นผลให้ทางกรมมีความเป็นห่วงในเรื่องแรงงานจำนวนมากที่จะถูกเลิกจ้างและว่างงานว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดระยอง ตรวจสอบจำนวนแรงงานที่จะต้องถูกต้องเลิกจ้างและเตรียมการแก้ไขปัญหาหากเกิดกรณีพิพาทขึ้นระหว่างผู้ว่าจ้างกับแรงงานแล้ว
อย่างไรก็ตาม วันที่ 17 ธันวาคมนี้ทางกรมจะลงพื้นที่มาบตาพุดเพื่อหารือร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กับเครือ ซิเมนต์ไทย ในฐานะเอกชนรายใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกระงับหลายโครงการ เพื่อที่จะได้ข้อสรุปชัดเจนว่าจะมีแรงงานเท่าใดที่จะต้องถูกเลิกจ้าง หลังจากนั้นก็ต้องมาเตรียมการรับมือแก้ไข หากเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้นอาจจะไม่รุนแรงมาก เพราะปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ตำแหน่งงานทั่วประเทศที่เปิดรับก็พอจะชดเชยในส่วนนี้ได้
มีรายงานข่าวจากกระทรวงแรงงานเข้ามาว่า ในส่วนของแรงงานที่มีกฎหมายคุ้มครองจะได้รับสวัสดิการจากประกันสังคมจึงไม่น่าเป็นห่วง แต่ที่น่าห่วงก็คือ แรงงานที่ไม่อยู่ในระบบ ไม่มีกฎหมายคุ้มครอง อาจจะถูกเบี้ยวไม่จ่ายค่าจ้าง เกิดความขัดแย้ง ข้อพิพาทขึ้นได้
ผู้ว่าฯระยองรับมือคนตกงาน
ขณะที่นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวถึงผลกระทบต่อภาคแรงงานหรือการจ้างงานในนิคมอุตสาห กรรมมาบตาพุด จังหวัดระยองว่า เท่าที่ตรวจสอบตัวเลขจากการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดระบุว่า เป็นตัวเลขของการจ้างงานในอนาคตหลังโครงการเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด โดยมีการประเมินว่าจะมีการจ้างงานในส่วนของแรงงานก่อสร้างประมาณ 39,000 อัตรา และการนิคมฯเตรียมเปิดตำแหน่งงานรองรับภายหลังโครงการเสร็จสิ้นอีกกว่า 9,000 อัตรา เท่ากับว่า "ตัวเลขแรงงานทั้งหมดถูกระงับไปด้วย"
สำหรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจริงนั้น น่าจะเป็นกลุ่มแรงงานก่อสร้างชั่วคราวที่เป็นประชากรแฝงและแรงงานต่างด้าวที่ย้ายเข้ามาในพื้นที่ตั้งแต่ช่วง 10 ปีที่แล้ว รวมแล้วกว่า 400,000 คน ซึ่งน่าจะโยงไปถึงผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจห้องแถว-อาคารที่พัก-บ้านเช่า ที่มีการลงทุนเปิดให้กลุ่มคนเหล่านี้เช่าอาศัยอยู่ รวมถึงกระทบกับร้านค้าและตลาดนัดชุมชนที่มีกว่า 16 แห่งรอบเขตพื้นที่อุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งในแต่ละวันมีเงินสะพัดกว่า 800,000 บาทถึง 1 ล้านบาท
เอกชน-NGO ต่อรองกันหนัก
ล่าสุด ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานการประชุมคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานในวันที่ 11 ธันวาคมเข้ามาว่า การประชุมไม่ค่อยคืบหน้าเท่าที่ควร ยังอยู่ในประเด็นขั้นตอน กระบวนการ การทำ EIA และ HIA ที่มีความเห็นแตกต่างกันมากระหว่างภาคเอกชนกับเอ็นจีโอ-ภาคประชาชน โดยข้อเสนอของเอ็นจีโอต้องการทำให้กระบวนการโปร่งใส ตรวจสอบได้ ปิดช่องการทุจริต ขณะที่ฝ่ายเอกชนเห็นว่า ถ้าเป็นโครงการใหม่ก็เห็นด้วย ไม่ได้ปฏิเสธ แต่สำหรับ 65 โครงการ อยากให้ใช้ระบบฟาสต์แทร็ก ที่เป็นการต่อยอดจากสิ่งที่ดำเนินการไปแล้ว โดยจะลดเวลาเหลือแค่ 6 เดือน (180 วัน) เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เพราะหากเต็มกระบวนการตามประกาศ จะต้องใช้เวลา 14 เดือน (420 วัน)
กระบวนการตามประกาศกระทรวงทรัพยากรฯ 14 เดือน ประกอบด้วย HIA public scooping เก็บข้อมูล ประเมินผล จัดทำรายงาน 180 วัน กระบวนการ HIA public review อีก 45 วัน ขั้นตอนพิจารณาโครงการรุนแรง 60 วัน public hearing อีก 75 วัน และกระบวนการขององค์กรอิสระอีก 60 วัน รวมแล้ว 420 วัน ซึ่งเอกชน "รอไม่ได้" โดยอยากให้ลดขั้นตอนเหลือ 240 วัน หรือถ้าทำได้ก็เหลือเพียง 180 วัน
ขณะที่เอ็นจีโอเห็นว่า เป็นโอกาสที่จะกำหนดขั้นตอน รื้อใหญ่ทีเดียวทั้งระบบ เพราะปัญหานี้ถูกละเลยมาตลอด 30 ปี แต่เอกชนเห็นว่า แก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนได้ไหม เพราะความเสียหายรอไม่ได้ หากต้องทำครบกระบวนการตามที่เอ็นจีโออาจต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปี ถึงเวลานั้นคนตกงานไม่ใช่แค่ 30,000-40,000 คน แต่จะเป็น 100,000 คน เฉพาะเอสซีจีแห่งเดียวในโครงการก่อสร้างก็มีแรงงานนับหมื่น ยังไม่นับรวมซับคอนแทร็กต์อีก
"คุณอานันท์ต้องการให้ประกาศเสร็จภายในสัปดาห์หน้า แต่การประชุมคืบหน้าได้ช้ามาก ปัญหาที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจคือ ไม่ใช่ว่าออกประกาศแล้วทุกอย่างจะเรียบ ร้อย ความจริงคือมีกระบวนการที่ต้องดำเนินการอีกยาวมาก เต็มสเกลคือ 14 เดือน ขณะที่เอกชนรอแค่ 6 เดือนก็จะตายกันหมดแล้ว"
กรรมการ 4 ฝ่ายถกหนักเรื่องกรอบเวลาการดำเนินการตามมาตรา 67 (2) เอกชนลุ้นใช้ฟาสต์แทร็กลดกระบวนการแก้ปัญหาเหลือแค่ 6 เดือน ปตท.-ปูนใหญ่เร่งประเมินผลกระทบจากปัญหามาบตาพุด ห่วงสินค้าที่ป้อนให้กับโรงงานที่ถูกสั่งระงับไม่มีที่ระบาย พร้อมปรับแผนรับมือดอกเบี้ย-ค่าบำรุงรักษาโรงงานใหม่-ปัญหาแรงงานก่อสร้างลามเป็นลูกโซ่ กดดันกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานต้องลงพื้นที่หาทางออกด่วน
หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้ระงับ 65 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จนกว่าจะมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 67(2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ที่กำหนดให้โครงการที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงต้องมีการประเมินผล EIA-HIA การให้ความเห็นขององค์กรอิสระ และการเปิดรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ส่งผลให้กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ 2 กลุ่ม ได้แก่ ปตท.กับปูนซิเมนต์ไทย ต้องเร่งประเมินผลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้น เบื้องต้นทั้ง 2 กลุ่มมีความเป็นห่วงในเรื่องของสินค้าที่ผลิตเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบให้กับโครงการที่ถูกระงับจะดำเนินการอย่างไร ไปจนกระทั่งถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และค่าบำรุงรักษากรณีโรงงานไม่สามารถเปิดดำเนินการตามแผนที่วางไว้ได้
ทั้งหมดนี้จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงปัญหาทางด้านแรงงาน ทั้งแรงงานรับเหมาก่อสร้างและแรงงานที่จะต้องเปิดรับใหม่ในอนาคต ซึ่งมีการประเมินกันไว้ว่า น่าจะกระทบไม่ต่ำกว่า 100,000 คน รวมไปถึงแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานด้วย ในขณะที่คณะกรรมการ 4 ฝ่าย ชุดของนายอานันท์ ปันยารชุน ก็ยังถกเถียงกันอย่างหนักใน เรื่องของระยะเวลาในการปฏิบัติตามมาตรา 67(2)
ปตท.ปรับแผนส่งออกฟีนอล
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) PTTAR กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่ม ปตท.กำลังอยู่ระหว่างประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น เบื้องต้นจะมีแรงงานจากทั้ง 65 โครงการได้รับผลกระทบ 10,000 คน ส่วนโครงการที่ได้รับผลกระทบ เช่น บริษัท พีทีที ฟีนอล จำกัด ที่กำลังขยายกำลังการผลิตในโครงการบิส ฟีนอล เอ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากโรงผลิตฟีนอลหลัก อาจจะต้องปรับแผนส่งออกฟีนอลไปยังต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากโครงการต่อเนื่องถูกระงับจากศาลปกครอง
"ส่วนอีก 3 โครงการ คือ โครงการโรงงานผลิตเอทานอลเอมีน, โครงการขยายโรงงานผลิต HDPE (BPEX) และโครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเข้าข่ายตามที่ศาลปกครองระงับหรือไม่นั้น ขณะนี้กำลังพิจารณาเพื่อขอหารือต่อศาลปกครองอีกครั้ง หากให้ตีความเอง อาจจะเข้าใจได้ว่าไม่เข้าข่าย ทั้งนี้มีการหารือกันในกลุ่ม ปตท.ก่อนว่า กรอบของเราทำอะไรได้บ้าง เช่น ให้หน่วยงานรัฐที่ดูแล ยื่นหารือศาล หรือเรายื่นเอง ช่วงนี้ทำได้เพียงประเมินความเสียหาย เบื้องต้นก่อน"
เอสซีจีห่วงดอกเบี้ย
มีรายงานข่าวจากกลุ่มบริษัทเอสซีจีเข้ามาว่า เบื้องต้นในส่วนผลกระทบต่อผู้รับเหมาก่อสร้างของบริษัท "ไม่น่าจะมากนัก" เนื่องจากงานก่อสร้างส่วนใหญ่เกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีปัญหาบ้างก็คือ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหลังจากโครงการถูกระงับเพราะต้องจ่ายดอกเบี้ย ค่าบำรุงรักษา ในส่วนโรงงานที่สร้างเสร็จแล้ว แต่ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพื่อให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอจนกว่าจะเปิดใช้งานจริงได้
รวมถึงการขายสินค้าในส่วนของโรงงานที่เดินหน้าต่อไปได้ แต่โรงงานที่เป็นลูกค้าถูกคำสั่งศาลปกครองระงับ ทำให้กำลังการผลิตสินค้าเหลือ เพราะตลาดไม่มี จะต้องหาตลาดใหม่มาแทน ซึ่งกลุ่มบริษัท เอสซีจี คงต้องให้ทางทีมตลาดหาตลาดใหม่ อย่างการเจาะตลาดต่างประเทศเพิ่ม เช่น ตะวันออกกลาง จีน อินเดีย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องการสต๊อกวัตถุดิบเพื่อผลิตสินค้าล่วงหน้า สำหรับใช้ทดลองผลิตสินค้า ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเช่นกัน
แหล่งข่าวจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าไปเป็นผู้รับเหมาช่วงจากผู้รับเหมาประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักและได้ประมูลงานโครงการโรงกลั่นของกลุ่ม ปตท. 2-3 โครงการ มูลค่างาน 400-500 ล้านบาท/โครงการ แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาก่อสร้างหลังจากศาลปกครองมีคำสั่งระงับการก่อสร้าง ซึ่งบริษัทได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยังสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างแล้ว ให้ช่วยทำเรื่องถึงรัฐบาลให้เร่งพิจารณาการทำผลกระทบสิ่งแวดล้อมโดยเร็ว เพื่อโครงการจะได้เดินหน้าต่อไป
ด้านนายพลพัฒ กรรณสูต นายกสมาคมอุสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ขณะนี้สมาคมยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เพราะเหตุการณ์คงจะไม่เกิดขึ้นทันที กำลังประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้รับเหมาที่จะตกงานจากการถูกยกเลิกสัญญาก่อสร้าง เท่าที่ทราบแรงงานด้านการก่อสร้างมีประมาณ 20% ของแรงงานทั้งหมดในนิคมอุตสาห กรรมมาบตาพุดที่ประมาณ 100,000 คนหรือมีประมาณ 20,000 คน
ส่วนนายสุรศักดิ์ ดุษฏีเมธา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากกรณีมาบตาพุดเข้ามาเจรจากับธนาคาร แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารพร้อมให้ความช่วยเหลือเรื่องเงื่อนไขการชำระหนี้เพียงแต่ต้องมีความชัดเจนจากคณะกรรมการ 4 ฝ่าย เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ที่เอกชนต้องปฏิบัติตาม
กรมแรงงานหารือปูน-ปตท.
นายสมชาย วงษ์ทอง รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งระงับการดำเนินการ 65 โครงการในมาบตาพุด เป็นผลให้ทางกรมมีความเป็นห่วงในเรื่องแรงงานจำนวนมากที่จะถูกเลิกจ้างและว่างงานว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดระยอง ตรวจสอบจำนวนแรงงานที่จะต้องถูกต้องเลิกจ้างและเตรียมการแก้ไขปัญหาหากเกิดกรณีพิพาทขึ้นระหว่างผู้ว่าจ้างกับแรงงานแล้ว
อย่างไรก็ตาม วันที่ 17 ธันวาคมนี้ทางกรมจะลงพื้นที่มาบตาพุดเพื่อหารือร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กับเครือ ซิเมนต์ไทย ในฐานะเอกชนรายใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกระงับหลายโครงการ เพื่อที่จะได้ข้อสรุปชัดเจนว่าจะมีแรงงานเท่าใดที่จะต้องถูกเลิกจ้าง หลังจากนั้นก็ต้องมาเตรียมการรับมือแก้ไข หากเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้นอาจจะไม่รุนแรงมาก เพราะปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ตำแหน่งงานทั่วประเทศที่เปิดรับก็พอจะชดเชยในส่วนนี้ได้
มีรายงานข่าวจากกระทรวงแรงงานเข้ามาว่า ในส่วนของแรงงานที่มีกฎหมายคุ้มครองจะได้รับสวัสดิการจากประกันสังคมจึงไม่น่าเป็นห่วง แต่ที่น่าห่วงก็คือ แรงงานที่ไม่อยู่ในระบบ ไม่มีกฎหมายคุ้มครอง อาจจะถูกเบี้ยวไม่จ่ายค่าจ้าง เกิดความขัดแย้ง ข้อพิพาทขึ้นได้
ผู้ว่าฯระยองรับมือคนตกงาน
ขณะที่นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวถึงผลกระทบต่อภาคแรงงานหรือการจ้างงานในนิคมอุตสาห กรรมมาบตาพุด จังหวัดระยองว่า เท่าที่ตรวจสอบตัวเลขจากการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดระบุว่า เป็นตัวเลขของการจ้างงานในอนาคตหลังโครงการเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด โดยมีการประเมินว่าจะมีการจ้างงานในส่วนของแรงงานก่อสร้างประมาณ 39,000 อัตรา และการนิคมฯเตรียมเปิดตำแหน่งงานรองรับภายหลังโครงการเสร็จสิ้นอีกกว่า 9,000 อัตรา เท่ากับว่า "ตัวเลขแรงงานทั้งหมดถูกระงับไปด้วย"
สำหรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจริงนั้น น่าจะเป็นกลุ่มแรงงานก่อสร้างชั่วคราวที่เป็นประชากรแฝงและแรงงานต่างด้าวที่ย้ายเข้ามาในพื้นที่ตั้งแต่ช่วง 10 ปีที่แล้ว รวมแล้วกว่า 400,000 คน ซึ่งน่าจะโยงไปถึงผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจห้องแถว-อาคารที่พัก-บ้านเช่า ที่มีการลงทุนเปิดให้กลุ่มคนเหล่านี้เช่าอาศัยอยู่ รวมถึงกระทบกับร้านค้าและตลาดนัดชุมชนที่มีกว่า 16 แห่งรอบเขตพื้นที่อุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งในแต่ละวันมีเงินสะพัดกว่า 800,000 บาทถึง 1 ล้านบาท
เอกชน-NGO ต่อรองกันหนัก
ล่าสุด ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานการประชุมคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานในวันที่ 11 ธันวาคมเข้ามาว่า การประชุมไม่ค่อยคืบหน้าเท่าที่ควร ยังอยู่ในประเด็นขั้นตอน กระบวนการ การทำ EIA และ HIA ที่มีความเห็นแตกต่างกันมากระหว่างภาคเอกชนกับเอ็นจีโอ-ภาคประชาชน โดยข้อเสนอของเอ็นจีโอต้องการทำให้กระบวนการโปร่งใส ตรวจสอบได้ ปิดช่องการทุจริต ขณะที่ฝ่ายเอกชนเห็นว่า ถ้าเป็นโครงการใหม่ก็เห็นด้วย ไม่ได้ปฏิเสธ แต่สำหรับ 65 โครงการ อยากให้ใช้ระบบฟาสต์แทร็ก ที่เป็นการต่อยอดจากสิ่งที่ดำเนินการไปแล้ว โดยจะลดเวลาเหลือแค่ 6 เดือน (180 วัน) เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เพราะหากเต็มกระบวนการตามประกาศ จะต้องใช้เวลา 14 เดือน (420 วัน)
กระบวนการตามประกาศกระทรวงทรัพยากรฯ 14 เดือน ประกอบด้วย HIA public scooping เก็บข้อมูล ประเมินผล จัดทำรายงาน 180 วัน กระบวนการ HIA public review อีก 45 วัน ขั้นตอนพิจารณาโครงการรุนแรง 60 วัน public hearing อีก 75 วัน และกระบวนการขององค์กรอิสระอีก 60 วัน รวมแล้ว 420 วัน ซึ่งเอกชน "รอไม่ได้" โดยอยากให้ลดขั้นตอนเหลือ 240 วัน หรือถ้าทำได้ก็เหลือเพียง 180 วัน
ขณะที่เอ็นจีโอเห็นว่า เป็นโอกาสที่จะกำหนดขั้นตอน รื้อใหญ่ทีเดียวทั้งระบบ เพราะปัญหานี้ถูกละเลยมาตลอด 30 ปี แต่เอกชนเห็นว่า แก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนได้ไหม เพราะความเสียหายรอไม่ได้ หากต้องทำครบกระบวนการตามที่เอ็นจีโออาจต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปี ถึงเวลานั้นคนตกงานไม่ใช่แค่ 30,000-40,000 คน แต่จะเป็น 100,000 คน เฉพาะเอสซีจีแห่งเดียวในโครงการก่อสร้างก็มีแรงงานนับหมื่น ยังไม่นับรวมซับคอนแทร็กต์อีก
"คุณอานันท์ต้องการให้ประกาศเสร็จภายในสัปดาห์หน้า แต่การประชุมคืบหน้าได้ช้ามาก ปัญหาที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจคือ ไม่ใช่ว่าออกประกาศแล้วทุกอย่างจะเรียบ ร้อย ความจริงคือมีกระบวนการที่ต้องดำเนินการอีกยาวมาก เต็มสเกลคือ 14 เดือน ขณะที่เอกชนรอแค่ 6 เดือนก็จะตายกันหมดแล้ว"
- sai
- Verified User
- โพสต์: 4090
- ผู้ติดตาม: 0
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 63
กูรู ยัน มาบตาพุดกระทบการลงทุนไทยยาว 10 ปี
TUESDAY, 15 DECEMBER 2009 11:45
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า จากกรณีที่ปัญหามาบตาพุดมีความยืดเยื้อ เชื่อว่าจะส่งผลกระทบค่อนข้างรุนแรงประมาณ 10 ปีต่อการลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าการลงทุนจะมีความเสี่ยง โครงการที่อนุมัติไปแล้วอาจถูกระงับ ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในไทยเปลี่ยนใจหันไปลงทุนในประเทศอื่นที่มีความชัดเจน หรือนโยบายการลงทุนที่น่าดึงดูดใจมากกว่าไทย ซึ่งโดยส่วนตัวรู้สึกเป็นห่วง
'การลงทุนอาจจะชะงักหรืออาจเปลี่ยนใจไปประเทศอื่น ผลกระทบจากปัญหานี้ค่อนข้างชัดเจน เพราะต่างประเทศเริ่มส่งสัญญาณ นอกจากนี้อาจจะมีปัญหาสหภาพแรงงานตามมาด้วย ความน่าดึงดูดของไทยจะลดลงมาก ซึ่งถือว่าค่อนข้างอันตราย ซึ่งไม่ได้มองว่ามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยแค่ในปี 2553 มองผลกระทบไปถึง 10 ปีข้างหน้าด้วย' ดร.ก้องเกียรติ กล่าว
ขณะเดียวกันปัญหาดังกล่าวยังส่งผลกระทบทางอ้อมต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย รวมทั้งส่งผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์อีกด้วย ส่วนปีหน้าประเมินว่าจีดีพีน่าจะเติบโตอยู่ที่ 3% กว่าๆ
TUESDAY, 15 DECEMBER 2009 11:45
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า จากกรณีที่ปัญหามาบตาพุดมีความยืดเยื้อ เชื่อว่าจะส่งผลกระทบค่อนข้างรุนแรงประมาณ 10 ปีต่อการลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าการลงทุนจะมีความเสี่ยง โครงการที่อนุมัติไปแล้วอาจถูกระงับ ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในไทยเปลี่ยนใจหันไปลงทุนในประเทศอื่นที่มีความชัดเจน หรือนโยบายการลงทุนที่น่าดึงดูดใจมากกว่าไทย ซึ่งโดยส่วนตัวรู้สึกเป็นห่วง
'การลงทุนอาจจะชะงักหรืออาจเปลี่ยนใจไปประเทศอื่น ผลกระทบจากปัญหานี้ค่อนข้างชัดเจน เพราะต่างประเทศเริ่มส่งสัญญาณ นอกจากนี้อาจจะมีปัญหาสหภาพแรงงานตามมาด้วย ความน่าดึงดูดของไทยจะลดลงมาก ซึ่งถือว่าค่อนข้างอันตราย ซึ่งไม่ได้มองว่ามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยแค่ในปี 2553 มองผลกระทบไปถึง 10 ปีข้างหน้าด้วย' ดร.ก้องเกียรติ กล่าว
ขณะเดียวกันปัญหาดังกล่าวยังส่งผลกระทบทางอ้อมต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย รวมทั้งส่งผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์อีกด้วย ส่วนปีหน้าประเมินว่าจีดีพีน่าจะเติบโตอยู่ที่ 3% กว่าๆ
Small Details Make a Big Difference
- newbie_12
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2912
- ผู้ติดตาม: 1
มาบตะพุด
โพสต์ที่ 64
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้(22 ธ.ค.)มีมติเห็นชอบให้โครงการลงทุนในนิคมอุตฯมาบตาพุดที่ได้รับผลกระทบจากการถูกศาลปกครองสั่งระงับโครงการชั่วคราว
เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 วรรคสอง จำนวน 19 โครงการ จากทั้งหมด 65 โครงการ ที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่ามีโอกาสมากที่สุด ที่ศาลปกครองจะทุเลาคำสั่ง และให้สามารถเดินหน้าโครงการต่อไปได้
กลุ่มที่ 1 ไม่ใช่ประเภทรุนแรงและผ่าน 2 หลักเกณฑ์ หรือโครงการไม่มีการผลิตและลดมลพิษ
1.1 โครงการที่ดำเนินการแล้วมีทั้งหมด 4 โครงการ
1.1.1 บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ชื่อโครงการโรงงานผลิตอีพอกซี่เรซิ่น (ส่วนขยาย) ตั้งที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง มูลค่า 3 พันล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ อีก 1,350 ล้านบาท
1.1.2 บริษัท พีทีที ฟีนอล จำกัด โดยมีลักษณะโครงการและผลต่อสิ่งแวดล้อม คือ เป็นการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการให้ถูกต้องสอดคล้องกับ Detail Design ติดตั้งระบบกำจัดมลพิษทางอากาศ VOC และในส่วนของการเปลี่ยนแปลงไม่มีการระบายมลพิษ NOx SO2 และ TSP มูลค่า 11,325 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ อีก 12,326 ล้านบาท
1.1.3 บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ชื่อโครงการการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ หน่วยการผลิตอีพิคลอโรไฮดิรนำร่อง (ECH Pilot Plan) โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มแต่กำลังการผลิตโดยรวมเท่าเดิม โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสะอาด ลดปริมาณน้ำเสียลงจากกระบวนการผลิต มูลค่า 200 ล้านบาท
1.1.4. บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ชื่อโครงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการปรับปรุงผลิตสารโอเลฟินส์ สาขาถนนไอ-สี่ (ก่อสร้างเตาแครกกิ้งสำรอง) โดยการเพิ่มเตาแครกกิ้งสำรอง โดยไม่ได้เพิ่มกำลังผลิต ไม่ทำให้การระบายมลพิษเพิ่มขึ้น ทำให้ระบายมลพิษ NOx ลดลง เนื่องจากเตาแครกกิ้งสำรองมีอัตราการระบาย NOx ที่ต่ำกว่าเตาเดิม มูลค่า 3,000 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ 5,921 ล้านบาท
1.2 ก่อสร้างเกือบ 100% มี 3 โครงการ
1.2.1 บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ชื่อโครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 เป็นโครงการที่มีการปรับลดการระบายมลพิษ NOx และ SO2 ตามมติ กก.วล. โดยการเปลี่ยนของเครื่องยนต์ของสถานีแรงดันก๊าซเป็นแบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า รวมทั้งติดตั้งระบบ Dry low NOx และ SCR จึงทำให้ภายหลังการมีโครงการเกิดขึ้น มีการระบายมลพิษลดลง ซึ่งส่งผลดีต่อคุณภาพอากาศ เป็นโครงการขอขยายที่มีการปรับลดมลพิษ NOx และ SO2 ตามหลักเกณฑ์ 80:20 มูลค่า 28,154 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ 160,303 ล้านบาท
1.2.2 บริษัท ไทยโพลีเอททิลีน จำกัด เป็นการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการโดยเพิ่มหน่วยเตรียมคะตะลิสต์ (C-1) ในพื้นที่โครงการเดิมของบริษัท ไทยโพลีเอททิลีน จำกัด ซึ่งกระบวนการหลักประกอบไปด้วย หน่วยผลิต หน่วยนำกลับมาใช้ใหม่ และหน่วยบำบัด มูลค่า 720 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ 76 ล้านบาท
1.2.3. บริษัท กรุงเทพซินธิติกส์ จำกัด เป็นโครงการติดตั้ง DME Removal Unit (เป็นการดึงเอา DME ที่ปนเปื้อนใน LPG ออก) เพื่อให้ได้ LPG ที่มีความบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น และ Hydrocabon Scrubber เป็นการดึงเอาสารประกอบ Hydrocabon ออกจาก Vent Gas มูลค่า 88 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ 564 ล้านบาท
กลุ่มที่ 2 ไม่ใช่ประเภทรุนแรง และผ่าน 1 หลักเกณฑ์
2.1 ดำเนินการแล้ว 2 โครงการ
2.1.1 บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ชื่อโครงการท่องส่งก๊าซธรรมชาติไปยังบริษัท พีทีที ยูทิลิตี้ จำกัด บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท มาบตาพุด โอเลฟินส์ จำกัด โดยจะเป็นการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติส่วนย่อย เพื่อขนส่งก๊าซธรรมชาติไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตของบริษัท พีทีที ยูทิลิตี้ จำกัด บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ทดแทนการใช้เชื้อเพลิงอื่น อาทิเช่น น้ำมันเตา เพื่อลดมลพิษ ไม่มีการระบายมลพิษหลัก ไม่มีการผลิต อีกทั้งเป็นการขนส่งในระบบปิด มูลค่า 91 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ 17 ล้านบาท
2.1.2 บริษัท อูเบะไนล่อน (ประเทศไทย) จำกัด ชื่อโครงการเพิ่มกำลังผลิตไนลอน เป็นการเพิ่มกำลังผลิตไนลอน 50,000 ตันต่อปี โดยมีเครื่องจักรเพิ่มขึ้น 6,813 แรงม้า โดยเพิ่มเครื่องจักร polymerization 1 ชุด รวมเป็น 2 ชุด และกระบวนการผลิตเป็นระบบปิดทั้งหมด มูลค่า 1,400 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ 14,090 ล้านบาท
2.2 ก่อสร้าง 100% รอใบอนุญาตดำเนินการ 5 โครงการ
2.2.1 บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ชื่อโครงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการผลิตโพลีเอทธิลีน ไม่ทำให้การผลิตเพิ่มขึ้น และไม่มีการระบายมลพิษ NOx SO2 และ TSP มูลค่า 100 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ อีก 550 ล้านบาท
2.2.2 บริษัท บางกอกโพลีเอททิลีน จำกัด (มหาชน) ชื่อโครงการขยายโรงงานผลิต BPEX ติดตั้งหน่วยผลิต Compound Product ไม่ทำให้การผลิตเพิ่มขึ้น และไม่มีการระบายมลพิษ NOx SO2 และ TSP
2.2.3 บริษัท บางกอกโพลีเอททิลีน จำกัด (มหาชน) ชื่อโครงการส่วนขยายโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกชนิดความหนาแน่นสูง ไม่มีการระบายมลพิษ NOx SO2 และ TSP และยกเลิกการใช้ boiler และ waste incinerator ทำให้การระบาย NOx SO2 และ TSP ลดลง มูลค่า 6,055 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ อีก 3,505 ล้านบาท
2.2.4 บริษัท ไทยเอทานอลเอมีน จำกัด โครงการผลิตสารเอทานอลเอมีน ขนาด 50,000 ตันต่อปี ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตแชมพู สบู่เหลว ผงซักฟอก ไม่มีการระบายมลพิษ มูลค่า 1,926 ล้านบาท ความเสียหายอื่น 2,205 ล้านบาท
2.2.5 บริษัท ไทยเอ็มเอ็มเอ จำกัด โครงการผลิตเมธิลเมตคลีเลต โรงงานที่ 2 มูลค่า 6,800 ล้านบาท
2.3 ก่อสร้างเกือบ 100% 4 โครงการ
2.3.1 บริษัท ไทยเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) โครงการขยายกำลังการผลิตผลพลาสติกโพลีไวนิลคอลไรด์ มูลค่า 100 ล้านบาท
2.3.2 บริษัท สยามเลเท็กซ์สังเคราะห์ จำกัด โครงการโรงงานผลิตโพลีเอทธิลีน มูลค่า 12,550 ล้านบาท
2.3.3 บริษัท สยามเลเท็กซ์สังเคราะห์ จำกัด โครงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการผลิตโพลีเอทธีลีน
2.3.4 บริษัท ไทยโพลีเอททิลีน จำกัด โครงการผลิตเม็ดพลาสติกโพลีเอทธิลีน มูลค่า 950 ล้านบาท
กลุ่มที่ 3 ไม่ใช่ประเภทรุนแรง
ก่อสร้าง 100% รอใบอนุญาต 1 โครงการ 3.1 บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) โครงการขยายกำลังการผลิต PE ปีละ 50,000 ตัน มูลค่า 600 ล้านบาท
เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 วรรคสอง จำนวน 19 โครงการ จากทั้งหมด 65 โครงการ ที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่ามีโอกาสมากที่สุด ที่ศาลปกครองจะทุเลาคำสั่ง และให้สามารถเดินหน้าโครงการต่อไปได้
กลุ่มที่ 1 ไม่ใช่ประเภทรุนแรงและผ่าน 2 หลักเกณฑ์ หรือโครงการไม่มีการผลิตและลดมลพิษ
1.1 โครงการที่ดำเนินการแล้วมีทั้งหมด 4 โครงการ
1.1.1 บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ชื่อโครงการโรงงานผลิตอีพอกซี่เรซิ่น (ส่วนขยาย) ตั้งที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง มูลค่า 3 พันล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ อีก 1,350 ล้านบาท
1.1.2 บริษัท พีทีที ฟีนอล จำกัด โดยมีลักษณะโครงการและผลต่อสิ่งแวดล้อม คือ เป็นการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการให้ถูกต้องสอดคล้องกับ Detail Design ติดตั้งระบบกำจัดมลพิษทางอากาศ VOC และในส่วนของการเปลี่ยนแปลงไม่มีการระบายมลพิษ NOx SO2 และ TSP มูลค่า 11,325 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ อีก 12,326 ล้านบาท
1.1.3 บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ชื่อโครงการการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ หน่วยการผลิตอีพิคลอโรไฮดิรนำร่อง (ECH Pilot Plan) โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มแต่กำลังการผลิตโดยรวมเท่าเดิม โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสะอาด ลดปริมาณน้ำเสียลงจากกระบวนการผลิต มูลค่า 200 ล้านบาท
1.1.4. บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ชื่อโครงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการปรับปรุงผลิตสารโอเลฟินส์ สาขาถนนไอ-สี่ (ก่อสร้างเตาแครกกิ้งสำรอง) โดยการเพิ่มเตาแครกกิ้งสำรอง โดยไม่ได้เพิ่มกำลังผลิต ไม่ทำให้การระบายมลพิษเพิ่มขึ้น ทำให้ระบายมลพิษ NOx ลดลง เนื่องจากเตาแครกกิ้งสำรองมีอัตราการระบาย NOx ที่ต่ำกว่าเตาเดิม มูลค่า 3,000 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ 5,921 ล้านบาท
1.2 ก่อสร้างเกือบ 100% มี 3 โครงการ
1.2.1 บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ชื่อโครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 เป็นโครงการที่มีการปรับลดการระบายมลพิษ NOx และ SO2 ตามมติ กก.วล. โดยการเปลี่ยนของเครื่องยนต์ของสถานีแรงดันก๊าซเป็นแบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า รวมทั้งติดตั้งระบบ Dry low NOx และ SCR จึงทำให้ภายหลังการมีโครงการเกิดขึ้น มีการระบายมลพิษลดลง ซึ่งส่งผลดีต่อคุณภาพอากาศ เป็นโครงการขอขยายที่มีการปรับลดมลพิษ NOx และ SO2 ตามหลักเกณฑ์ 80:20 มูลค่า 28,154 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ 160,303 ล้านบาท
1.2.2 บริษัท ไทยโพลีเอททิลีน จำกัด เป็นการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการโดยเพิ่มหน่วยเตรียมคะตะลิสต์ (C-1) ในพื้นที่โครงการเดิมของบริษัท ไทยโพลีเอททิลีน จำกัด ซึ่งกระบวนการหลักประกอบไปด้วย หน่วยผลิต หน่วยนำกลับมาใช้ใหม่ และหน่วยบำบัด มูลค่า 720 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ 76 ล้านบาท
1.2.3. บริษัท กรุงเทพซินธิติกส์ จำกัด เป็นโครงการติดตั้ง DME Removal Unit (เป็นการดึงเอา DME ที่ปนเปื้อนใน LPG ออก) เพื่อให้ได้ LPG ที่มีความบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น และ Hydrocabon Scrubber เป็นการดึงเอาสารประกอบ Hydrocabon ออกจาก Vent Gas มูลค่า 88 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ 564 ล้านบาท
กลุ่มที่ 2 ไม่ใช่ประเภทรุนแรง และผ่าน 1 หลักเกณฑ์
2.1 ดำเนินการแล้ว 2 โครงการ
2.1.1 บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ชื่อโครงการท่องส่งก๊าซธรรมชาติไปยังบริษัท พีทีที ยูทิลิตี้ จำกัด บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท มาบตาพุด โอเลฟินส์ จำกัด โดยจะเป็นการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติส่วนย่อย เพื่อขนส่งก๊าซธรรมชาติไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตของบริษัท พีทีที ยูทิลิตี้ จำกัด บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ทดแทนการใช้เชื้อเพลิงอื่น อาทิเช่น น้ำมันเตา เพื่อลดมลพิษ ไม่มีการระบายมลพิษหลัก ไม่มีการผลิต อีกทั้งเป็นการขนส่งในระบบปิด มูลค่า 91 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ 17 ล้านบาท
2.1.2 บริษัท อูเบะไนล่อน (ประเทศไทย) จำกัด ชื่อโครงการเพิ่มกำลังผลิตไนลอน เป็นการเพิ่มกำลังผลิตไนลอน 50,000 ตันต่อปี โดยมีเครื่องจักรเพิ่มขึ้น 6,813 แรงม้า โดยเพิ่มเครื่องจักร polymerization 1 ชุด รวมเป็น 2 ชุด และกระบวนการผลิตเป็นระบบปิดทั้งหมด มูลค่า 1,400 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ 14,090 ล้านบาท
2.2 ก่อสร้าง 100% รอใบอนุญาตดำเนินการ 5 โครงการ
2.2.1 บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ชื่อโครงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการผลิตโพลีเอทธิลีน ไม่ทำให้การผลิตเพิ่มขึ้น และไม่มีการระบายมลพิษ NOx SO2 และ TSP มูลค่า 100 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ อีก 550 ล้านบาท
2.2.2 บริษัท บางกอกโพลีเอททิลีน จำกัด (มหาชน) ชื่อโครงการขยายโรงงานผลิต BPEX ติดตั้งหน่วยผลิต Compound Product ไม่ทำให้การผลิตเพิ่มขึ้น และไม่มีการระบายมลพิษ NOx SO2 และ TSP
2.2.3 บริษัท บางกอกโพลีเอททิลีน จำกัด (มหาชน) ชื่อโครงการส่วนขยายโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกชนิดความหนาแน่นสูง ไม่มีการระบายมลพิษ NOx SO2 และ TSP และยกเลิกการใช้ boiler และ waste incinerator ทำให้การระบาย NOx SO2 และ TSP ลดลง มูลค่า 6,055 ล้านบาท และความเสียหายอื่นๆ อีก 3,505 ล้านบาท
2.2.4 บริษัท ไทยเอทานอลเอมีน จำกัด โครงการผลิตสารเอทานอลเอมีน ขนาด 50,000 ตันต่อปี ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตแชมพู สบู่เหลว ผงซักฟอก ไม่มีการระบายมลพิษ มูลค่า 1,926 ล้านบาท ความเสียหายอื่น 2,205 ล้านบาท
2.2.5 บริษัท ไทยเอ็มเอ็มเอ จำกัด โครงการผลิตเมธิลเมตคลีเลต โรงงานที่ 2 มูลค่า 6,800 ล้านบาท
2.3 ก่อสร้างเกือบ 100% 4 โครงการ
2.3.1 บริษัท ไทยเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) โครงการขยายกำลังการผลิตผลพลาสติกโพลีไวนิลคอลไรด์ มูลค่า 100 ล้านบาท
2.3.2 บริษัท สยามเลเท็กซ์สังเคราะห์ จำกัด โครงการโรงงานผลิตโพลีเอทธิลีน มูลค่า 12,550 ล้านบาท
2.3.3 บริษัท สยามเลเท็กซ์สังเคราะห์ จำกัด โครงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการผลิตโพลีเอทธีลีน
2.3.4 บริษัท ไทยโพลีเอททิลีน จำกัด โครงการผลิตเม็ดพลาสติกโพลีเอทธิลีน มูลค่า 950 ล้านบาท
กลุ่มที่ 3 ไม่ใช่ประเภทรุนแรง
ก่อสร้าง 100% รอใบอนุญาต 1 โครงการ 3.1 บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) โครงการขยายกำลังการผลิต PE ปีละ 50,000 ตัน มูลค่า 600 ล้านบาท
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: มาบตะพุด
โพสต์ที่ 66
เผย 12 รายชื่อ ผู้เสียชีวิตโรงงานมาบตาพุดบึ้ม ดับคาที่ 9 ศพ
รมช.สุรวิทย์ เยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุโรงงานระเบิดที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ 137 ราย เหลือนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลวันนี้ 24 ราย ส่วนใหญ่มีบาดแผลจากไฟไหม้
วันนี้ (6 พฤษภาคม 2555) ที่จังหวัดระยอง นายแพทย์สุรวิทย์ คนสบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ระเบิดและเพลิงไหม้โรงงาน บริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ (BST) ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยองว่า ในวันนี้ เวลา 07.30 น. ได้รับรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวน 137 ราย โดยเป็นผู้เสียชีวิต จำนวน 12 ราย ดังนี้ ที่โรงพยาบาลระยอง เสียชีวิต 1 ราย คือ นายไชโย อักษรศรี
ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ-ระยองเสียชีวิต 2 ราย คือ นายสนม น้อยจำนง และ นายสมพงษ์ พรหมขำ
ที่เหลืออีก 9 รายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ได้แก่ ว่าที่ร้อยตรีหัสนัย จันทร์เศรษฐี นายนพพล รุ่งระวี นายศรายุทธ อุนายา นายวัชรากร บุญทวีตระกูล นายขวัญประชา ชาติไทย นายธีรยุทธ จันทร์สิงห์ นายมานพ กลูไข่ นายเอกสิทธิ บุพโกสุม และ มีอีก 1 รายยังไม่ทราบชื่อ
ในส่วนของผู้บาดเจ็บ มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมารับการตรวจที่โรงพยาบาล ทั้งหมด 125 ราย โดยในวันนี้เหลือผู้บาดเจ็บนอนพักรักษาที่โรงพยาบาล 24 ราย ที่โรงพยาบาลระยอง 5 ราย โรงพยาบาลมาบตาพุด 5 ราย โรงพยาบาลกรุงเทพ-ระยอง 13 ราย โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ 1 ราย ในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บอาการหนัก 4 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลระยอง 2 ราย และโรงพยาบาลกรุงเทพ-ระยอง 2 ราย ส่วนใหญ่บาดเจ็บจากแผลไฟไหม้ ทั้งหมดอาการปลอดภัย และในวันนี้โรงพยาบาลมาบตาพุดจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชนที่เจ็บป่วยจากเหตุการณ์ที่ บริเวณศาลเจ้าแม่จันเพ ตำบลมาบตาพุด
นายแพทย์สุรวิทย์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องค่ารักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ ขอให้ผู้บาดเจ็บและญาติไม่ต้องเป็นกังวล รัฐบาลนำโดย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมให้การดูแลตามนโยบาย 3 กองทุนสุขภาพ โดยในวันนี้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลมาบตาพุด จากเหตุการณ์โรงงานระเบิดในครั้งนี้ด้วย
รมช.สุรวิทย์ เยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุโรงงานระเบิดที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ 137 ราย เหลือนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลวันนี้ 24 ราย ส่วนใหญ่มีบาดแผลจากไฟไหม้
วันนี้ (6 พฤษภาคม 2555) ที่จังหวัดระยอง นายแพทย์สุรวิทย์ คนสบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ระเบิดและเพลิงไหม้โรงงาน บริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ (BST) ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยองว่า ในวันนี้ เวลา 07.30 น. ได้รับรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวน 137 ราย โดยเป็นผู้เสียชีวิต จำนวน 12 ราย ดังนี้ ที่โรงพยาบาลระยอง เสียชีวิต 1 ราย คือ นายไชโย อักษรศรี
ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ-ระยองเสียชีวิต 2 ราย คือ นายสนม น้อยจำนง และ นายสมพงษ์ พรหมขำ
ที่เหลืออีก 9 รายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ได้แก่ ว่าที่ร้อยตรีหัสนัย จันทร์เศรษฐี นายนพพล รุ่งระวี นายศรายุทธ อุนายา นายวัชรากร บุญทวีตระกูล นายขวัญประชา ชาติไทย นายธีรยุทธ จันทร์สิงห์ นายมานพ กลูไข่ นายเอกสิทธิ บุพโกสุม และ มีอีก 1 รายยังไม่ทราบชื่อ
ในส่วนของผู้บาดเจ็บ มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมารับการตรวจที่โรงพยาบาล ทั้งหมด 125 ราย โดยในวันนี้เหลือผู้บาดเจ็บนอนพักรักษาที่โรงพยาบาล 24 ราย ที่โรงพยาบาลระยอง 5 ราย โรงพยาบาลมาบตาพุด 5 ราย โรงพยาบาลกรุงเทพ-ระยอง 13 ราย โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ 1 ราย ในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บอาการหนัก 4 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลระยอง 2 ราย และโรงพยาบาลกรุงเทพ-ระยอง 2 ราย ส่วนใหญ่บาดเจ็บจากแผลไฟไหม้ ทั้งหมดอาการปลอดภัย และในวันนี้โรงพยาบาลมาบตาพุดจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชนที่เจ็บป่วยจากเหตุการณ์ที่ บริเวณศาลเจ้าแม่จันเพ ตำบลมาบตาพุด
นายแพทย์สุรวิทย์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องค่ารักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ ขอให้ผู้บาดเจ็บและญาติไม่ต้องเป็นกังวล รัฐบาลนำโดย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมให้การดูแลตามนโยบาย 3 กองทุนสุขภาพ โดยในวันนี้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลมาบตาพุด จากเหตุการณ์โรงงานระเบิดในครั้งนี้ด้วย
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: มาบตะพุด
โพสต์ที่ 67
แนบไฟล์
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: มาบตะพุด
โพสต์ที่ 68
สั่งตรวจสอบทั่วปท.ระบบของโรงงาน เช็กให้ละเอียดที่เก็บสารเคมีกับตั้ง 'วอร์รูม' [ ไทยรัฐ, 9 พ.ค. 55 ]
รมว.อุตสาหกรรมเผยนายกรัฐมนตรีสั่งตรวจสอบและประเมินระบบต่าง ๆ ของโรงงานทุกแห่ง
ทั่วประเทศ ระบุที่ผ่านมาจะทำเฉพาะช่วงขอต่อใบอนุญาตเท่านั้น สั่งเช็กทุกโรงงานเก็บสารเคมีอะไร
ไว้บ้าง แต่ละชนิดมีพิษอย่างไร พร้อมสั่งตั้งวอร์รูมที่มาบตาพุด ขณะที่ กนอ.สั่งปิดโรงงานไว้ก่อนประกัน
สังคมควักกว่า 18 ล้านบาท จ่ายผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต เผยโรงงานที่เกิดเหตุระบบเตือนภัย
สารเคมีรั่วยังทำงาน แต่ลำโพงเสีย ทำให้ไม่มีเสียงเตือน ส่วนระบบเตือนภัยที่แจ้งให้ กนอ.และผู้รับเหมา
ดูแลทราบเหตุโดยตรงก็ยังทำงานได้ แต่ไม่ได้ติดต่ออินเตอร์เน็ต ทำให้ระบบเตือนภัยออนไลน์ขาดหายไป
แคลงใจโรงงานที่สารเคมีรั่วเคยเกิดเหตุมาแล้ว แต่ยังได้รับการต่อใบอนุญาต โฆษกรัฐบาลออกตัวแทน
นายกฯ ไม่ได้วัวหายแล้วล้อมคอก แต่แค่ขันนอตเท่านั้น
รมว.อุตสาหกรรมเผยนายกรัฐมนตรีสั่งตรวจสอบและประเมินระบบต่าง ๆ ของโรงงานทุกแห่ง
ทั่วประเทศ ระบุที่ผ่านมาจะทำเฉพาะช่วงขอต่อใบอนุญาตเท่านั้น สั่งเช็กทุกโรงงานเก็บสารเคมีอะไร
ไว้บ้าง แต่ละชนิดมีพิษอย่างไร พร้อมสั่งตั้งวอร์รูมที่มาบตาพุด ขณะที่ กนอ.สั่งปิดโรงงานไว้ก่อนประกัน
สังคมควักกว่า 18 ล้านบาท จ่ายผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต เผยโรงงานที่เกิดเหตุระบบเตือนภัย
สารเคมีรั่วยังทำงาน แต่ลำโพงเสีย ทำให้ไม่มีเสียงเตือน ส่วนระบบเตือนภัยที่แจ้งให้ กนอ.และผู้รับเหมา
ดูแลทราบเหตุโดยตรงก็ยังทำงานได้ แต่ไม่ได้ติดต่ออินเตอร์เน็ต ทำให้ระบบเตือนภัยออนไลน์ขาดหายไป
แคลงใจโรงงานที่สารเคมีรั่วเคยเกิดเหตุมาแล้ว แต่ยังได้รับการต่อใบอนุญาต โฆษกรัฐบาลออกตัวแทน
นายกฯ ไม่ได้วัวหายแล้วล้อมคอก แต่แค่ขันนอตเท่านั้น
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: มาบตะพุด
โพสต์ที่ 69
ส.อ.ท.วางผังเมือง4จังหวัดพื้นที่เศรษฐกิจ [ ข่าวสด, 28 พ.ค. 55 ]
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.เตรียมหารือร่วมกับชมรมผู้ประกอบการโรงงานในพื้นที่มาบตาพุดคอมเพล็กซ์ ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมฯ เอเชีย นิคมฯ ผาแดง นิคมฯ เหมราชตะวันออก (ระยอง) นิคมฯ อาร์ไอแอล เพื่อพิจารณาถึงมาตรการการดูแลความปลอดภัย และการให้ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของกลุ่มผู้ประกอบการ ว่าจำเป็นต้องปรับปรุง หรือเพิ่มเติมตรงจุดไหนเพื่อให้การป้องกันมีประสิทธิภาพสูงสุด คาดว่าจะหารือกันในช่วงต้นเดือนมิ.ย. แล้วรวบรวมข้อเสนอ แผนการต่างๆ นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (กรอ.) ที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่จะจัดประชุมในภาคตะวันออก ในเดือนมิ.ย. 2555
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.เตรียมหารือร่วมกับชมรมผู้ประกอบการโรงงานในพื้นที่มาบตาพุดคอมเพล็กซ์ ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมฯ เอเชีย นิคมฯ ผาแดง นิคมฯ เหมราชตะวันออก (ระยอง) นิคมฯ อาร์ไอแอล เพื่อพิจารณาถึงมาตรการการดูแลความปลอดภัย และการให้ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของกลุ่มผู้ประกอบการ ว่าจำเป็นต้องปรับปรุง หรือเพิ่มเติมตรงจุดไหนเพื่อให้การป้องกันมีประสิทธิภาพสูงสุด คาดว่าจะหารือกันในช่วงต้นเดือนมิ.ย. แล้วรวบรวมข้อเสนอ แผนการต่างๆ นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (กรอ.) ที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่จะจัดประชุมในภาคตะวันออก ในเดือนมิ.ย. 2555
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: มาบตะพุด
โพสต์ที่ 70
โรงแรมระยองเศร้า ไฟไหม้ยอดวูบ 50% [ โพสต์ทูเดย์, 28 พ.ค. 55 ]
เอกชนท่องเที่ยวระยอง ร้องไฟไหม้โรงงานสารเคมีฉุดนักท่องเที่ยววูบ 50% ชงแผนพัฒนาเข้า
ครม.ปูสัญจรเดือนหน้า
นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ระยอง เปิดเผยว่า หลังเกิด
เหตุการณ์ไฟไหม้ โรงงานสารเคมีในอุตสาหกรรมมาบตาพุด ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพักโรงแรม
จ.ระยอง ลดลงกว่า 50% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554
เอกชนท่องเที่ยวระยอง ร้องไฟไหม้โรงงานสารเคมีฉุดนักท่องเที่ยววูบ 50% ชงแผนพัฒนาเข้า
ครม.ปูสัญจรเดือนหน้า
นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ระยอง เปิดเผยว่า หลังเกิด
เหตุการณ์ไฟไหม้ โรงงานสารเคมีในอุตสาหกรรมมาบตาพุด ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพักโรงแรม
จ.ระยอง ลดลงกว่า 50% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: มาบตะพุด
โพสต์ที่ 71
กนอ.เทงบ550ล้านลดมลพิษมาบตาพุด [ ข่าวสด, 28 พ.ค. 55 ]
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผย
ว่า กนอ.กำลังเตรียมแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง
2555-2559 ซึ่งได้ปรับปรุงแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยจะครอบคลุมการเฝ้าระวัง
และป้องกันมลพิษ รวมทั้งการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพสิ่ง
แวดล้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน แผนการมีส่วนร่วมในการป้องกันแก้ไขมลพิษในพื้นที่
มาบตาพุด และการผลักดันให้นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุดเข้าสู่อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ซึ่ง
จะเสนอคณะกรรมการ กนอ.พิจารณาเห็นชอบตามโครงการแต่ละปี
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผย
ว่า กนอ.กำลังเตรียมแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง
2555-2559 ซึ่งได้ปรับปรุงแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยจะครอบคลุมการเฝ้าระวัง
และป้องกันมลพิษ รวมทั้งการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพสิ่ง
แวดล้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน แผนการมีส่วนร่วมในการป้องกันแก้ไขมลพิษในพื้นที่
มาบตาพุด และการผลักดันให้นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุดเข้าสู่อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ซึ่ง
จะเสนอคณะกรรมการ กนอ.พิจารณาเห็นชอบตามโครงการแต่ละปี
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: มาบตะพุด
โพสต์ที่ 72
นายกฯไปมาบตาพุดชมซ้อมแผนฉุกเฉิน
Source - โพสต์ทูเดย์ (Th), Sunday, June 17, 2012
นายกฯไปมาบตาพุดชมซ้อมแผนรับภาวะฉุกเฉินก่อนประชุมครม.สัญจรพัทยาขับเคลื่อนแผนท่องเที่ยวสร้างรายได้
วันนี้ (17มิ.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ออกจาเดินทางจากกทม.ด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปยังจ.ระยอง เดินทางถึงสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ในเวลา 10.30น. เพื่อสำรวจความคืบหน้าการดำเนินงานกรณีเหตุเพลิงไหม้ บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ จำกัด และแผนปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง ก่อนจะชมการซ้อมแผนปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง ของกลุ่ม ปตท. ที่ศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (EMCC)
นายกฯไปมาบตาพุดชมซ้อมแผนฉุกเฉิน
จากนั้น เวลาประมาณ 13.15 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ จะออกเดินทางจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยขบวนรถยนต์ไป โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ในการเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการท่องเที่ยวเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานของกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว
Source - โพสต์ทูเดย์ (Th), Sunday, June 17, 2012
นายกฯไปมาบตาพุดชมซ้อมแผนรับภาวะฉุกเฉินก่อนประชุมครม.สัญจรพัทยาขับเคลื่อนแผนท่องเที่ยวสร้างรายได้
วันนี้ (17มิ.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ออกจาเดินทางจากกทม.ด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปยังจ.ระยอง เดินทางถึงสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ในเวลา 10.30น. เพื่อสำรวจความคืบหน้าการดำเนินงานกรณีเหตุเพลิงไหม้ บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ จำกัด และแผนปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง ก่อนจะชมการซ้อมแผนปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง ของกลุ่ม ปตท. ที่ศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (EMCC)
นายกฯไปมาบตาพุดชมซ้อมแผนฉุกเฉิน
จากนั้น เวลาประมาณ 13.15 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ จะออกเดินทางจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยขบวนรถยนต์ไป โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ในการเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการท่องเที่ยวเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานของกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: มาบตะพุด
โพสต์ที่ 73
ครม.ล้อมคอกมาบตาพุดดัน92โครงการ4.3พันล้าน [ เดลินิวส์, 20 มิ.ย. 55 ]
นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.ได้เห็น
ชอบแผนการแก้ไขปัญหามาบตาพุดอย่างครบวงจร ระยะเวลา 5 ปี (55-59) ตามที่สำนักงานคณะ
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ โดยมีโครงการที่ต้องดำเนินงานกว่า 92
โครงการ วงเงินรวม 4,347 ล้านบาท ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาทั้งทางด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อม
เศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน และงานบริหารจัดการ โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่อง
การซ้อมแผนปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉินให้รวมกับแผนป้องกันภัยธรรมชาติเพิ่มเติมด้วย
นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.ได้เห็น
ชอบแผนการแก้ไขปัญหามาบตาพุดอย่างครบวงจร ระยะเวลา 5 ปี (55-59) ตามที่สำนักงานคณะ
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ โดยมีโครงการที่ต้องดำเนินงานกว่า 92
โครงการ วงเงินรวม 4,347 ล้านบาท ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาทั้งทางด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อม
เศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน และงานบริหารจัดการ โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่อง
การซ้อมแผนปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉินให้รวมกับแผนป้องกันภัยธรรมชาติเพิ่มเติมด้วย
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: มาบตะพุด
โพสต์ที่ 74
ครม.เลื่อนเคาะอู่ตะเภา ตั้งคณะทำงานศึกษารายละเอียด [ ข่าวหุ้น, 20 มิ.ย. 55 ]
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้(19 มิ.ย.)ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)
ยังไม่ได้พิจารณากรณีที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกาขอใช้สนามบิน
อู่ตะเภา จ.ชลบุรี เพื่อสำรวจสภาพอากาศและชั้นบรรยากาศ แต่ให้ตั้งคณะทำงานศึกษารายละเอียดให้
รอบคอบก่อน
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้(19 มิ.ย.)ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)
ยังไม่ได้พิจารณากรณีที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกาขอใช้สนามบิน
อู่ตะเภา จ.ชลบุรี เพื่อสำรวจสภาพอากาศและชั้นบรรยากาศ แต่ให้ตั้งคณะทำงานศึกษารายละเอียดให้
รอบคอบก่อน
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: มาบตะพุด
โพสต์ที่ 75
"สุรพงษ์" ชี้นาซาใช้อู่ตะเภายาว ทูตสหรัฐฯเผยเคารพการตัดสินใจฝ่ายไทย [ ข่าวหุ้น, 26 มิ.ย. 55 ]
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงที่กระทรวงการต่าง
ประเทศ (25 มิถุนายน) กรณีองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ขอใช้สนามบินอู่ตะเภา
ในโครงการตรวจสอบ การก่อตัวของเมฆในชั้นบรรยากาศ ซึ่งจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใน
วันพรุ่งนี้ว่า จากที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีดังกล่าว จึงขอทำความเข้าใจว่าภารกิจขององค์การนาซาคือ
ศึกษาการก่อตัวของเมฆในช่วงมรสุมที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยทางนาซาได้มีหนังสือมายังสถานทูต
เนื่องจากต้องการคำตอบภายในวันที่ 26 มิ.ย.ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ เนื่องจากทางนาซา
มีเครื่องมือที่ต้องใช้เวลาในการติดตั้ง
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงที่กระทรวงการต่าง
ประเทศ (25 มิถุนายน) กรณีองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ขอใช้สนามบินอู่ตะเภา
ในโครงการตรวจสอบ การก่อตัวของเมฆในชั้นบรรยากาศ ซึ่งจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใน
วันพรุ่งนี้ว่า จากที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีดังกล่าว จึงขอทำความเข้าใจว่าภารกิจขององค์การนาซาคือ
ศึกษาการก่อตัวของเมฆในช่วงมรสุมที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยทางนาซาได้มีหนังสือมายังสถานทูต
เนื่องจากต้องการคำตอบภายในวันที่ 26 มิ.ย.ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ เนื่องจากทางนาซา
มีเครื่องมือที่ต้องใช้เวลาในการติดตั้ง
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: มาบตะพุด
โพสต์ที่ 76
ปิ๊งไอเดียตั้งนิคมฯบันเทิง สู้เกาหลี-ฮอลลีวูด-บอลลีวูด [ เดลินิวส์, 10 ก.ค. 55 ]
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.
ได้ของบประมาณปี 56 จากรัฐบาล 50 ล้านบาท ศึกษาโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสื่อบันเทิงลักษณะ
เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ครบวงจร เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมสื่อบันเทิงในอนาคต
เหมือนกับนิคมฯบันเทิงครบวงจรในประเทศเกาหลีใต้, ศูนย์ถ่ายภาพยนตร์ฮอลลีวูด ประเทศสหรัฐ อเมริกา
และ ศูนย์ถ่ายภาพยนตร์บอลลีวูด ประเทศอินเดีย คาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท และ
สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่าปีละ 5,000-10,000 ล้านบาท เบื้องต้นจะพิจารณาพื้นที่ใน
จ.เพชรบุรี ซึ่งมีทิวทัศน์ที่งดงาม หรือ จ.ระยอง เนื่องจากในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ยังมี
พื้นที่เหลืออีก 1,000 ไร่ เหมาะสมในการก่อสร้างเช่นกันจากเดิมที่ กนอ. มีแนวคิดจะกันไว้เป็นพื้นที่
สีเขียวและการสร้างสำนักงาน เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาศึกษา 8 เดือนจึงจะได้ข้อสรุป
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.
ได้ของบประมาณปี 56 จากรัฐบาล 50 ล้านบาท ศึกษาโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมสื่อบันเทิงลักษณะ
เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ครบวงจร เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมสื่อบันเทิงในอนาคต
เหมือนกับนิคมฯบันเทิงครบวงจรในประเทศเกาหลีใต้, ศูนย์ถ่ายภาพยนตร์ฮอลลีวูด ประเทศสหรัฐ อเมริกา
และ ศูนย์ถ่ายภาพยนตร์บอลลีวูด ประเทศอินเดีย คาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท และ
สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่าปีละ 5,000-10,000 ล้านบาท เบื้องต้นจะพิจารณาพื้นที่ใน
จ.เพชรบุรี ซึ่งมีทิวทัศน์ที่งดงาม หรือ จ.ระยอง เนื่องจากในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ยังมี
พื้นที่เหลืออีก 1,000 ไร่ เหมาะสมในการก่อสร้างเช่นกันจากเดิมที่ กนอ. มีแนวคิดจะกันไว้เป็นพื้นที่
สีเขียวและการสร้างสำนักงาน เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาศึกษา 8 เดือนจึงจะได้ข้อสรุป
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: มาบตะพุด
โพสต์ที่ 77
อุตสาหกรรมระยองส่อแววแล้งหนัก [ โพสต์ทูเดย์, 17 ก.ค. 55 ]
อีสต์วอเตอร์หวั่นปีหน้าภาคอุตสาหกรรมระยองเจอวิกฤตน้ำแล้งซ้ำรอยปี 2548 ล่าสุดน้ำในอ่างเก็บ
น้ำเหลือไม่ถึงครึ่ง
นายธีระศักดิ์ ผดุงตันตระกูล รองประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันน้ำเพื่อความยั่งยืน สภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการน้ำหรือวอร์รูม ซึ่งประกอบด้วยตัวแทน
กรมชลประทาน อีสต์วอเตอร์ และภาคเอกชนผู้ใช้น้ำได้ร่วมหารือพิจารณาสถานการณ์น้ำในภาคตะวันออก
ซึ่งอยู่ในช่วงเฝ้าระวังหลังประเมินว่าปลายปีนี้น้ำต้นทุนค่อนข้างต่ำ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาขาด
แคลนน้ำได้ในฤดูแล้งปีหน้าได้
อีสต์วอเตอร์หวั่นปีหน้าภาคอุตสาหกรรมระยองเจอวิกฤตน้ำแล้งซ้ำรอยปี 2548 ล่าสุดน้ำในอ่างเก็บ
น้ำเหลือไม่ถึงครึ่ง
นายธีระศักดิ์ ผดุงตันตระกูล รองประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันน้ำเพื่อความยั่งยืน สภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการน้ำหรือวอร์รูม ซึ่งประกอบด้วยตัวแทน
กรมชลประทาน อีสต์วอเตอร์ และภาคเอกชนผู้ใช้น้ำได้ร่วมหารือพิจารณาสถานการณ์น้ำในภาคตะวันออก
ซึ่งอยู่ในช่วงเฝ้าระวังหลังประเมินว่าปลายปีนี้น้ำต้นทุนค่อนข้างต่ำ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาขาด
แคลนน้ำได้ในฤดูแล้งปีหน้าได้
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."