เอา "ห้องส่งการบ้าน" ด้วยไหมครับ แต่ มันอาจจะต้องเป็นเวปอย่างอื่นนะครับ..teerasak.moo เขียน:"ห้องลอกการบ้าน" สุอยอดdrsp เขียน:สําหรับผมมันเป็นไปตามสถานการณ์บังคับ
ตอนที่ยังไม่ค่อยเป็น อยากจะขุดหุ้นเอง ก็ไม่มีปัญญาจะขุด
ก็เลยต้องลอก ก็ยังได้กําไรมาหลายบาท
ตอนนี้คนที่เคยลอก เขาไม่ให้ลอกแล้ว
ก็จําเป็นต้องขุดเอง ก็ได้ผลตามสมควร
ปัญหาคือยังไม่รวยทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ไหนๆก็เป็นสมาคมแล้ว
ขอห้อง"ลอกการบ้าน"เป็นเรื่องเป็นราวสักห้องก็ดีนะ
แมงเม่าจะได้เข้าถูกห้อง
ไม่เข้าไปก่อกวนห้องร้อยคนร้อยหุ้นให้คนอื่นรําคาญ
ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4562
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 61
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4562
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 62
ใช้ยังไงเหรอครับ บอกผมด้วยครับ..kongkiti เขียน:นอกประเด็นคำถามนิดนึง
อยากบอกว่า Function Search เป็น Function ที่เทพมาก สำหรับนักลอกการบ้านครับ จริงๆ Function นี้น่าจะใช้ได้เฉพาะสมาชิกสมาคมนะครับ
แหะๆ ทำงานสมาคมยังไม่รู้เลยว่า function นี้ มันเทพยังไง...
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4562
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 63
เหตุผลที่ผมตั้งกระทู้นี้ เพราะ หลังๆ เห็นมือใหม่ เข้ามาลงทุนค่อนข้างมากcrazyrisk เขียน:น้องหมอขอถามเรื่องการวิเคราะห์และหาหุ้นของพี่ด้วยได้ไหมคับบ
แบ่งปันความรู้ให้น้องๆด้วยน่ะคับบบพี่crazyrisk
และ หลายๆ คน ก็บ่นว่า ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่นหุ้นอย่างไร
รวมไปถึง ว่า ใช้ห้องร้อยคนร้อยหุ้นอย่างไรให้เกิดประโยชน์ที่สุด
ก่อนอื่น เริ่มต้นด้วยเหตุผลที่ตั้งกระทู้นี้ก่อนครับ
จริงๆ แล้ว มันคาบเกี่ยวกันค่อนข้างมาก ระหว่าง
ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น ไม่รู้จะตั้งไปทำไม ?
จริงๆ ผมว่า เหตุการณ์ทั้งสองอย่างนี้ มันแทบจะเกิดขึ้นในทุกบุคคลเนี่ยแหละครับ
ปัญหา ที่ผมตั้ง น่าจะไปเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในการถือหุ้น หลังจาก
เหตุปัจจัยทั้งสองอย่างนี้มากกว่า
เคยเป็นไหม เวลา ขุดหุ้นเอง แต่ขายหมูบ่อยๆ
หรือ เคยเป็นไหม ลอกหุ้น เขามา แต่ ขายกำไรมากกว่า ต้นฉบับ
ประเด็นคือ ความเชื่อมั่นครับ เรามักมีความเชื่อมั่นต่างๆกัน ขึ้นกับว่า
ขุดหุ้นเอง - หุ้นตัวนั้น เราเคยได้กำไรจากหุ้นแนวนี้หรือไม่
หรือ ที่ผ่านมา เราเคยได้กำไรจากการลงทุนแนวนี้มากน้อยแค่ไหน
พบได้บ่อยมาก ที่เรามักจะขายหมู เพราะ พอขุดมาเสร็จปุ๊บ
เจอข่าวบางข่าว ที่กระทบกับกิจการระยะสั้น
-เช่น ถือ 7-11 แล้วกลัวเรื่อง น้ำท่วม หรือ ถือ แล้ว กังวลเรื่องโลตัสที่จีน
หรือ ถือ bigc แล้วกลัวเรื่องดอกเบี้ยจ่าย มโหฬาร จากการเทคคาร์ฟูร์
อันนี้ เป็นความเสี่ยงกิจการ ที่ ผมก็ยอมรับว่า การกลัวจากเรื่องพวกนี้ ก็อาจจะทำให้
หลายคนขายหมู จนเป็นเรื่องปกติได้
แต่ หลายคน ขุดหุ้นมาซะดิบดี แต่เวลาขาย ขายเพราะ ม๊อบกีฬาสี
ขายเพราะ ศาลรัฐธรรมนูญ ขายเพราะ สินามิ หรือ ขายเพราะ หุ้นปรับฐาน
ขณะที่ลอกหุ้น ก็เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่า เราลอกใคร บางคน ถ้าลอก คนที่เก่งมากๆ
เกิดความศรัทธา ก็จะถือยาว โดยไม่รู้ว่า คนๆ นั้น เขายังอยู่เป็นเพื่อนเราหรือไม่
เขาต้นทุนเท่าไหร่ บางที เราอาจจะลอกและทุ่มสุดตัว โดยไม่รู้เลยว่า ตัวที่เขาเชียร์
เรานั้น ต้นทุน เขาต่ำมากกกกกกกกกกกก หรือแม้แต่ ตัวที่เขาเล่นนั้น ถือเป็น
สัดส่วน ที่น้อยมากของพอร์ต (แบบว่า ลงไปเหลือ 0 ยังไม่กระเทือนขนหน้าแข้งเลย)
หนำซ้ำ บางคนกลับลอกหุ้น โดยไม่เคยคิดว่า คนที่เราลอกนั้น มี profile ของผลการ
ลงทุนอย่างไร (เปรียบเสมือน ผลการดำเนินงานของบริษัทครับ หลายๆ คน ลงทุน
แล้ว ผลตอบแทน บวกลบสลับกัน ยังกะหุ้นแย่ๆสักตัวในตลาดด้วยซ้ำ)
บางกรณี เรายังลอกแม้กระทั่ง คนที่ เอาข้อมูลมาเชียร์ โดยไม่มีที่มาที่ไปอีกต่างหาก
ผมรู้จัก คนๆ นึง เชียร์ เพื่อนซื้อหุ้น xxxx ที่ราคา 60 บาท... พอ หุ้นลงไปเหลือ 36 บาท
(40%) ในเวลา ไม่เกิน 1 เดือน คนหลายคน เริ่มออกมาบ่น ว่า ไม่น่าลอกหุ้นคนนี้เลย
แย่ๆ ซื้อไปได้ไงฟะ ... ปรากฏว่า คนที่เชียร์แบบเอาเป็นเอาตาย ยังมาบอกอีกว่า
ไม่ต้องกลัวนะครับ อย่าขายนะครับ ผมไปคุยกับเจ้า มาแล้ว ( เก่งจัง เคยเจอเจ้าด้วย )
เจ้า บอกว่า จะเอา 200 ให้ได้ ภายในเร็วๆนี้ (โอ้ มาย ก๊อดดด)
สรุปก็คือ
ขุดหุ้น - ต้องมั่นใจว่า วิธีที่ขุด และ ประเมิน worse case scenario ที่น่าจะเกิดขึ้น
รวมถึง จุด cut loss ในแง่พื้นฐาน ก่อนซื้อเสมอๆ
ลอกหุ้น - อย่าลืม ดูว่า คนที่เราลอก ประสบความสำเร็จ จากการลงทุนแนวไหน
เขา right in the right reason หรือ right in the wrong reason
และเขามีนิสัยในการลงทุนอย่างไร ชอบหุ้นแนวไหน จะขาย หรือ ซื้อเมื่อไหร่
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4562
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 64
ส่วนใครที่ลอกหุ้นอย่างเดียว ตอนนี้ น่าจะเหนื่อยครับ
เพราะว่า พอเวป ขาดเซียนไป ก็จะเริ่มรู้สึกว่า เวปเปลี่ยนไป บรรยากาศเปลี่ยนไป
ซึ่ง หากลองไปดูแล้ว เซียนที่เคยสถิตย์ในเวป จะโพสต์หุ้น ประมาณ 20%
จาก หุ้นอีก 80% ของตลาดครับ (มั่วๆเอานะครับ)
ซึ่งหากไปดูแล้ว อีก 80% ที่เหลือ มีคนเก่งๆ อีกมาก มีสมาชิกดีๆ
ที่คอยเอาบรรยากาศเกี่ยวกับบริษัท หรือใน industry นั้นๆ อีกมาก
ที่เรามองข้ามไป เพราะ มันไม่ใช่หุ้นร้อน หุ้นน่าเล่น นั่นเอง
ลองคิดดูนะครับ
มนุษย์เรา เกิดมา ก็เป็นกาฝากมาตั้งแต่ต้น
เพราะมีรก เกาะดูดเลือดและสารอาหารจากแม่
แต่ พอคลอดออกมา รกก็ต้องถูกตัดทิ้งออกไป เหลือเพียงเราเนี่ยแหละ
ที่จะต้อง ออกมาดิ้นรน และเผชิญโลกเอง
ไม่ต่างอะไร กับต้นไม้ที่เป็นกาฝากครับ
ต้นที่ฝังรากลึกๆ เกาะสูบเอาแต่ต้นแม่ เพียงอย่างเดียว
วันนึงที่ต้นแม่เดินจากไป
ต้นที่ไม่รู้จัก ฝังรากแก้วเอง ก็รั้งแต่จะสูญพันธ์ไป
นอกเสียจาก จะไปเกาะต้นนู้นต้นนี้ เรื่อยมา
เหลือแค่ว่า ต้นที่เขาเกาะ นั้น มัน ใช่ต้นที่สมควรไปเกาะจริงหรือไม่..
เพราะว่า พอเวป ขาดเซียนไป ก็จะเริ่มรู้สึกว่า เวปเปลี่ยนไป บรรยากาศเปลี่ยนไป
ซึ่ง หากลองไปดูแล้ว เซียนที่เคยสถิตย์ในเวป จะโพสต์หุ้น ประมาณ 20%
จาก หุ้นอีก 80% ของตลาดครับ (มั่วๆเอานะครับ)
ซึ่งหากไปดูแล้ว อีก 80% ที่เหลือ มีคนเก่งๆ อีกมาก มีสมาชิกดีๆ
ที่คอยเอาบรรยากาศเกี่ยวกับบริษัท หรือใน industry นั้นๆ อีกมาก
ที่เรามองข้ามไป เพราะ มันไม่ใช่หุ้นร้อน หุ้นน่าเล่น นั่นเอง
ลองคิดดูนะครับ
มนุษย์เรา เกิดมา ก็เป็นกาฝากมาตั้งแต่ต้น
เพราะมีรก เกาะดูดเลือดและสารอาหารจากแม่
แต่ พอคลอดออกมา รกก็ต้องถูกตัดทิ้งออกไป เหลือเพียงเราเนี่ยแหละ
ที่จะต้อง ออกมาดิ้นรน และเผชิญโลกเอง
ไม่ต่างอะไร กับต้นไม้ที่เป็นกาฝากครับ
ต้นที่ฝังรากลึกๆ เกาะสูบเอาแต่ต้นแม่ เพียงอย่างเดียว
วันนึงที่ต้นแม่เดินจากไป
ต้นที่ไม่รู้จัก ฝังรากแก้วเอง ก็รั้งแต่จะสูญพันธ์ไป
นอกเสียจาก จะไปเกาะต้นนู้นต้นนี้ เรื่อยมา
เหลือแค่ว่า ต้นที่เขาเกาะ นั้น มัน ใช่ต้นที่สมควรไปเกาะจริงหรือไม่..
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4562
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 65
เริ่มต้นเล่นหุ้นนั้น ผมลอกคนอื่นครับ
ลอกตลอด ลอกรายใหญ่ด้วยนะครับ
แต่ เป็นการลอกที่แปลกๆ คือ ลอกเอาวิชาที่ไม่ถูก
เช่น หุ้นตัวนี้ จะไปเท่านั้นเท่านี้ เพราะ เจ้าบอกมา
ไปๆมาๆ เจอวิกฤติ 2008 - 2009 ปิดสนามบินแต่ละที
ผมขายหมูไปกี่รอบก็ไม่รู้
สมัยนั้น เอาแต่ถามรายใหญ่ว่า คิดว่า ดัชนี จะเป็นอย่างไร
คิดว่า หุ้นจะลงไหม...
ผมชอบไปฟังนวค ที่ชอบฟันธงว่า set จะไปเท่านั้นเท่านี้
แล้วก็จดๆ เอาไว้ ต่อมา ก็จะมาเป็นตัวบอกว่า จะถือหุ้นนานแค่ไหน
ในรอบนั้นๆ จนกระทั่งวันนึง มีคนเคยไปถามนวค ชอบฟันธงท่านนั้น
ว่า ถ้าไม่ใช่อย่างที่ฟันไว้ ทำไง แกก็ตอบแบบยิ้มๆ ว่า
ถ้าไม่ใช่ก็ฟันใหม่สิครับ....
ประโยคนี้ประโยคเดียว ผมจำได้จนวันนี้ และบรรลุเลยครับ
หลังจากนั้น ผมไม่เชื่อ นวค ท่านใดๆ ที่ออกมาฟันธงอีกเลย
ต่อมา ผมหันมาลงทุนแนว เทคนิค และ เอากราฟมาจับ
ดูว่าผลประกอบการโตๆ เทคนิคสวย ก็ซื้อหุ้น ซื้อไปซื้อมา
แรกๆ ก็ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ แต่พอทำบ่อยๆเข้า
ติดใจ ซื้อๆขายๆ เอาพอร์ตมานับดู เหลือกำไรแค่นิดเดียว
หลังจากนั้น ผมก็เริ่มกลับมานั่งคิดดู ว่าผลตอบแทนเป็นอย่างไร
พอไปฟังคุณ แมงเม่าคลับ และ พี่ vi jr ได้แนวทางคล้ายๆกัน
คุณแมงเม่าคลับ- ทางเทคนิคแล้ว หากเราเลือกหุ้นที่มีความแข็งแกร่งจริงๆ
แล้วถือไว้เฉยๆ ผลตอบแทน ก็จะดีมาก
พี่ vi jr - ทางพื้นฐานแล้ว หากเราเลือกหุ้นที่มี upside น่าสนใจ และถือไว้
ตราบเท่าที่ ผลการดำเนินงานของบ. ยังคงเป็นขาขึ้นอยู่
ก็จะทำกำไรให้เราได้มากๆ
พี่ ตึก เคย บอกว่า เขาเอาผลตอบแทน ของตัวเองมา list ดู พบว่า
ปี ก่อนๆ เขา เทรดบ่อย ผลตอบแทนได้ จำนวนหนึ่ง
แต่พอ ปีหลังๆ เขาเทรดน้อยลง ตัวไหนที่กำไรดี ถือให้ยาว
ตัวไหนที่ขาดทุน ก็ cut ให้เร็ว แต่ ลดการเทรดลง เน้นถือยาวมากขึ้น
กลายเป็นว่า ผลตอบแทน ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
ปีที่ผ่านมา ผมเอาหุ้นที่ตัวเอง เทรดมานั่งทบทวนดู โห มันเต็มไปด้วย
หุ้นน้ำมัน หุ้นโรงกลั่น หุ้นอะไรต่อมิอะไร ที่เราไม่สามารถคาดการณ์อะไร
กับมันได้เลย ยังดี ที่ผลตอบแทนยังคง เป็นบวกอยู่
มาปีนี้ ผมเริ่มต้น โดยการลอกหุ้นครับ
ผมปรับความคิดใหม่หมด
ผมเริ่มต้นตั้งโจทย์ดังนี้
1. ผมคือคนโง่ที่สุดในตลาดหุ้น
2. ผมจะลอกคนที่เก่งที่สุดในตลาดหุ้น
ไว้มาต่อนะครับ ไปกินข้าวก่อน
ลอกตลอด ลอกรายใหญ่ด้วยนะครับ
แต่ เป็นการลอกที่แปลกๆ คือ ลอกเอาวิชาที่ไม่ถูก
เช่น หุ้นตัวนี้ จะไปเท่านั้นเท่านี้ เพราะ เจ้าบอกมา
ไปๆมาๆ เจอวิกฤติ 2008 - 2009 ปิดสนามบินแต่ละที
ผมขายหมูไปกี่รอบก็ไม่รู้
สมัยนั้น เอาแต่ถามรายใหญ่ว่า คิดว่า ดัชนี จะเป็นอย่างไร
คิดว่า หุ้นจะลงไหม...
ผมชอบไปฟังนวค ที่ชอบฟันธงว่า set จะไปเท่านั้นเท่านี้
แล้วก็จดๆ เอาไว้ ต่อมา ก็จะมาเป็นตัวบอกว่า จะถือหุ้นนานแค่ไหน
ในรอบนั้นๆ จนกระทั่งวันนึง มีคนเคยไปถามนวค ชอบฟันธงท่านนั้น
ว่า ถ้าไม่ใช่อย่างที่ฟันไว้ ทำไง แกก็ตอบแบบยิ้มๆ ว่า
ถ้าไม่ใช่ก็ฟันใหม่สิครับ....
ประโยคนี้ประโยคเดียว ผมจำได้จนวันนี้ และบรรลุเลยครับ
หลังจากนั้น ผมไม่เชื่อ นวค ท่านใดๆ ที่ออกมาฟันธงอีกเลย
ต่อมา ผมหันมาลงทุนแนว เทคนิค และ เอากราฟมาจับ
ดูว่าผลประกอบการโตๆ เทคนิคสวย ก็ซื้อหุ้น ซื้อไปซื้อมา
แรกๆ ก็ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ แต่พอทำบ่อยๆเข้า
ติดใจ ซื้อๆขายๆ เอาพอร์ตมานับดู เหลือกำไรแค่นิดเดียว
หลังจากนั้น ผมก็เริ่มกลับมานั่งคิดดู ว่าผลตอบแทนเป็นอย่างไร
พอไปฟังคุณ แมงเม่าคลับ และ พี่ vi jr ได้แนวทางคล้ายๆกัน
คุณแมงเม่าคลับ- ทางเทคนิคแล้ว หากเราเลือกหุ้นที่มีความแข็งแกร่งจริงๆ
แล้วถือไว้เฉยๆ ผลตอบแทน ก็จะดีมาก
พี่ vi jr - ทางพื้นฐานแล้ว หากเราเลือกหุ้นที่มี upside น่าสนใจ และถือไว้
ตราบเท่าที่ ผลการดำเนินงานของบ. ยังคงเป็นขาขึ้นอยู่
ก็จะทำกำไรให้เราได้มากๆ
พี่ ตึก เคย บอกว่า เขาเอาผลตอบแทน ของตัวเองมา list ดู พบว่า
ปี ก่อนๆ เขา เทรดบ่อย ผลตอบแทนได้ จำนวนหนึ่ง
แต่พอ ปีหลังๆ เขาเทรดน้อยลง ตัวไหนที่กำไรดี ถือให้ยาว
ตัวไหนที่ขาดทุน ก็ cut ให้เร็ว แต่ ลดการเทรดลง เน้นถือยาวมากขึ้น
กลายเป็นว่า ผลตอบแทน ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
ปีที่ผ่านมา ผมเอาหุ้นที่ตัวเอง เทรดมานั่งทบทวนดู โห มันเต็มไปด้วย
หุ้นน้ำมัน หุ้นโรงกลั่น หุ้นอะไรต่อมิอะไร ที่เราไม่สามารถคาดการณ์อะไร
กับมันได้เลย ยังดี ที่ผลตอบแทนยังคง เป็นบวกอยู่
มาปีนี้ ผมเริ่มต้น โดยการลอกหุ้นครับ
ผมปรับความคิดใหม่หมด
ผมเริ่มต้นตั้งโจทย์ดังนี้
1. ผมคือคนโง่ที่สุดในตลาดหุ้น
2. ผมจะลอกคนที่เก่งที่สุดในตลาดหุ้น
ไว้มาต่อนะครับ ไปกินข้าวก่อน
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 66
ขุดหุ้นนี่ค่อนข้างแน่นอนว่าจะซื้อขายตอนไหน
ลอกหุ้นนี่ตอนซื้อมาอาจจะงงๆว่า แล้วจะขายตอนไหน เมื่อไหร่คนที่เราลอกหุ้นมาจะขาย
แนะนำให้ขุดหุ้นดีกว่า สนุกกว่ากันเยอะ
ลอกหุ้นนี่ตอนซื้อมาอาจจะงงๆว่า แล้วจะขายตอนไหน เมื่อไหร่คนที่เราลอกหุ้นมาจะขาย
แนะนำให้ขุดหุ้นดีกว่า สนุกกว่ากันเยอะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 411
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 68
ผมเป็นคนที่ชอบคิดอะไรนอกกรอบไม่เหมือนชาวบ้าน
ในความเห็นส่วนตัวผม
ความดังความยิ่งใหญ่ของไทยวีไอทั้งหมดในระยะ2-3ปีนี้
ก็มาจากการลอกการบ้านนี่แหละ
ช่วงที่เวปไทยวีไอดังที่สุด สมาชิกใหม่เยอะสุดก็ยุควีไอทมิฬนี่แหละ
พอเทพแจกหุ้นหยุดโพสท์กันไปหมด
เวปเราก็ค่อยๆเงียบลงตามไป
แต่ก็มีคนจํานวนมากยังไล่ล่าตามการบ้านเทพอยู่
ผมยังคิดว่า
ตอนนี้เทพก็ไม่แจกการบ้านกันแล้ว
เวปเราก็เริ่มเก็บค่าสมาชิก
อาจเป็นยุคที่เวปไทยวีไอเข้าสู่ความเงียบเหงาอีกครั้ง
กีดีจะได้เป็นการพิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของเวปแห่งนี้
เรียนหมอเค
เวลานักลอกการบ้านเขาหาหุ้น
เขาก็ใช้searchนั่นแหละ
ใส่ชื่อเทพเข้าไป เช่น สาัมัญชน naris ฯลฯ
ก็จะรู้ว่าแต่ละคนเข้าร้อยคนร้อยหุ้นห้องไหนบ้าง
ทีนี้ก็มีการบ้านให้ลอกแล้วง่ายนิดเดียว
ไม่อยากเชื่อว่าหมอเคไม่เคยใช้
ถ้าแบบนั้นแสดงว่าไม่ใช่นักลอกการบ้านมืออาชีพ
ไม่อยากคุย นักลอกการบ้านอย่างผม
บางตัวยังขายได้ราคาสูงกว่าเทพอีก
เพราะไม่รู้ว่าเทพขายไปแล้ว 555!
ในความเห็นส่วนตัวผม
ความดังความยิ่งใหญ่ของไทยวีไอทั้งหมดในระยะ2-3ปีนี้
ก็มาจากการลอกการบ้านนี่แหละ
ช่วงที่เวปไทยวีไอดังที่สุด สมาชิกใหม่เยอะสุดก็ยุควีไอทมิฬนี่แหละ
พอเทพแจกหุ้นหยุดโพสท์กันไปหมด
เวปเราก็ค่อยๆเงียบลงตามไป
แต่ก็มีคนจํานวนมากยังไล่ล่าตามการบ้านเทพอยู่
ผมยังคิดว่า
ตอนนี้เทพก็ไม่แจกการบ้านกันแล้ว
เวปเราก็เริ่มเก็บค่าสมาชิก
อาจเป็นยุคที่เวปไทยวีไอเข้าสู่ความเงียบเหงาอีกครั้ง
กีดีจะได้เป็นการพิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของเวปแห่งนี้
เรียนหมอเค
เวลานักลอกการบ้านเขาหาหุ้น
เขาก็ใช้searchนั่นแหละ
ใส่ชื่อเทพเข้าไป เช่น สาัมัญชน naris ฯลฯ
ก็จะรู้ว่าแต่ละคนเข้าร้อยคนร้อยหุ้นห้องไหนบ้าง
ทีนี้ก็มีการบ้านให้ลอกแล้วง่ายนิดเดียว
ไม่อยากเชื่อว่าหมอเคไม่เคยใช้
ถ้าแบบนั้นแสดงว่าไม่ใช่นักลอกการบ้านมืออาชีพ
ไม่อยากคุย นักลอกการบ้านอย่างผม
บางตัวยังขายได้ราคาสูงกว่าเทพอีก
เพราะไม่รู้ว่าเทพขายไปแล้ว 555!
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4562
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 69
[quote="drsp"]
เรียนหมอเค
เวลานักลอกการบ้านเขาหาหุ้น
เขาก็ใช้searchนั่นแหละ
ใส่ชื่อเทพเข้าไป เช่น สาัมัญชน naris ฯลฯ
ก็จะรู้ว่าแต่ละคนเข้าร้อยคนร้อยหุ้นห้องไหนบ้าง
quote]
อ้อ วิธีนี้ ผม เคยใช้ เหมือนกันครับ work มากๆ
ปัจจุบัน ผมยังเคยได้ยินว่า มีคนทำโปรแกรม ตะแกรงร่อนเทพด้วยนะครับ
แบบว่า โปรแกรมจะคอย แทรกดูว่า เซียนคนไหน มีไปโพสต์ที่ไหนมา
มันจะ update ให้อัตโนมัติ แต่ก็ยังไม่เคยเห็นจริงๆสักที
เรียนหมอเค
เวลานักลอกการบ้านเขาหาหุ้น
เขาก็ใช้searchนั่นแหละ
ใส่ชื่อเทพเข้าไป เช่น สาัมัญชน naris ฯลฯ
ก็จะรู้ว่าแต่ละคนเข้าร้อยคนร้อยหุ้นห้องไหนบ้าง
quote]
อ้อ วิธีนี้ ผม เคยใช้ เหมือนกันครับ work มากๆ
ปัจจุบัน ผมยังเคยได้ยินว่า มีคนทำโปรแกรม ตะแกรงร่อนเทพด้วยนะครับ
แบบว่า โปรแกรมจะคอย แทรกดูว่า เซียนคนไหน มีไปโพสต์ที่ไหนมา
มันจะ update ให้อัตโนมัติ แต่ก็ยังไม่เคยเห็นจริงๆสักที
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4562
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 70
ต่อครับ
คำว่า โง่ที่สุด ในตลาดหุ้น คือ ผมจะลด ego ที่ตัวเองมีให้หมด
หลายครั้ง ที่ผมมักจะได้ยิน เวลามีคนมาบอกหุ้น
แล้ว เราขี้เกียจๆ ก็จะไปดูว่า หุ้นตัวนั้น ขึ้นมาเยอะหรือยัง
ถ้าขึ้นมาเยอะแล้ว ผมก็มักจะบอกปฏิเสธหุ้นตัวนั้นๆ
แล้วก็บอกว่า เชียร์ นี่ กะจะเอาผมไปทัวร์ดอยน่ะเหรอ... เมินซะ..
แต่จริงๆ หุ้นหลายๆตัวที่มีคนเชียร์ มันไปเที่ยวสวรรค์มาหลายรอบแล้ว 55
ดังนั้น ผมจะลดทิฐิครับ
เริ่มต้นจาก ที่ พี่ drsp ว่าเนี่ยแหละครับ
ผมเลยมาดูว่า เซียนแต่ละท่าน เขาเคยซื้อหุ้นอะไรบ้าง
คนไหน ที่กำไรตัวไหน กำไรเพราะอะไร
ไล่ดูไปเรื่อยๆ จะรู้ว่า บางคนจะมีสไตล์ของตัวเอง
เช่น ของ Yoyo จะเน้น บริษัทที่มี ROE เติบโตและแข็งแกร่ง
ซึ่งใครที่เป็นแฟนบัฟเฟต ก็จะรู้ว่า บัฟเฟต ก็จะเลือกหุ้นที่มีสไตล์นี้เช่นกัน
เนื่องจากหุ้นที่ มี ROE ต่ำ มักจะเป็นการบอกได้คร่าวๆไปเลยว่า
หุ้นตัวนี้มี ความสามารถในการแข่งขัน ที่เหนือกว่า เจ้าอื่นๆ
หุ้นที่ yoyo ชอบลงทุน ในอดีตเคยเป็นหุ้นสามทหารเสือ
แต่ต่อมา เขาจึงเลือกลงทุนใน SPALI เพราะ ROE แข็งแกร่ง
และคาดการณ์ว่า ตลาดที่เคยให้ PE ต่ำ ด้วยเหตุที่บริษัท
อาจจะ low profile ไม่ได้ออกสื่อประโคมข่าวเท่าบริษัทอื่นๆ
(อันหลังนี้ผมคิดเอง)
เมื่อ ผลการดำเนินงาน เติบโตตามคาด ตลาดก็จะปรับ PE เหมาะสม
เข้ากับ จุดที่มันควรจะเป็นเอง
รายละเอียด ก็คงต้องไปอ่านของ yoyo กันเอง
หรือ พี่ หมอสามัญชน ก็จะไปไล่อ่าน โดยมีแนวคิดหลักๆ
คือ เน้นภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมนั้นๆ แล้วดูว่า
บริษัทที่เราสนใจลงทุนนั้น มีแนวโน้มที่จะได้กำไร
หรือผลการดำเนินงาน ดีหรือไม่
ดังนั้น หุ้น ที่พี่หมอสามัญชน เคยลงทุน จึง ประกอบไปด้วย
ผาแดง - จากภาวะ demand /supply unbalance จากพายุทอร์นาโด
STPI - บ ที่มีเงินสดเต็มมือ พร้อมกับมีความสามารถในการแข่งขันด้านการก่อสร้างที่มีคุณภาพสูง
JAS - ภาพใหญ่ จาก ปริมาณ คนใช้ broadband ที่เพิ่มขึ้น แบบ snow ball
ไล่ดูไปเรื่อยๆ พี่นริศ , พี่ฉัตรชัย รวมไปถึงวีไอคนอื่นๆ ที่อาจจะไม่ค่อยเป็นข่าวเท่าไหร่นัก
หลายๆครั้ง ความรู้ที่ได้ ไม่ต้อง search จาก ร้อยคนร้อยหุ้น
แต่ หาชื่อ major share จาก set.or.th
ดูว่า หุ้นของคนๆ นี้ เขามีแนวโน้มหรือลักษณะอย่างไร
เซียนส่วนมาก มักจะเลือกหุ้นที่ตนเองถนัด
เช่น บางคน ถนัด ค้าปลีก ก็เล่น ตั้งแต่ bigc ยัน ofm (ค้าปลีกออนไลน์)
บางคนถนัด ict ก็เล่นหมด
บางคนถนัด อสังหา เล่นตั้งแต่ คอนโด ยัน แนวราบ ต่อไปยังบ้านจัดสรร
สุดท้าย เวลาไปงานสัมมนาต่างๆ
ผมมักจะเจอคนถาม ดร.นิเวศน์ หรือ ถามเซียนต่างๆ ว่า "ตัวนี้ดีไหม? ถือได้ไหม ?"
ซึ่งจริงๆ ผมว่า คำถามที่ดีที่สุด ที่ควรใช้กับเซียนท่านนั้นๆ ก็คือ
หุ้นที่เขาถือ ซื้อเพราะอะไร และ จะขายเมื่อไหร่
(มองภาพใหญ่คร่าวๆ เช่น ซื้อ CPALL เพราะ เห็นว่า ในด้าน ของ ธุรกิจมันยังโตต่อเนื่อง
และจะขายต่อเมื่อ มันไม่ค่อยสาขาได้แล้ว หรือยอดขาย SSSG drop ลงเรื่อยๆ หรือว่าอย่างไร, หรือแม้แต่ bigc ที่ ดร. คาดการณ์ผลดี จากการรวม carfourre ที่ทำให้มีอำนาจต่อรอง ต่อ supplier มากขึ้น , ลดรายจ่ายพนักงาน , เพิ่มพื้นที่ในการขาย)
ซึ่งคำถามเหล่านี้ คือ การ ลอกวิธีคิด ของเซียน
ลอกวิธี ที่เซียนทำข้อสอบจริงๆ โดยมีเงินหน้าตัก เป็นเดิมพัน
ไม่ใช่ วิธีการเดาข้อสอบ โดยมีบรรยากาศ พาให้ต้องตอบคำถาม
คำว่า โง่ที่สุด ในตลาดหุ้น คือ ผมจะลด ego ที่ตัวเองมีให้หมด
หลายครั้ง ที่ผมมักจะได้ยิน เวลามีคนมาบอกหุ้น
แล้ว เราขี้เกียจๆ ก็จะไปดูว่า หุ้นตัวนั้น ขึ้นมาเยอะหรือยัง
ถ้าขึ้นมาเยอะแล้ว ผมก็มักจะบอกปฏิเสธหุ้นตัวนั้นๆ
แล้วก็บอกว่า เชียร์ นี่ กะจะเอาผมไปทัวร์ดอยน่ะเหรอ... เมินซะ..
แต่จริงๆ หุ้นหลายๆตัวที่มีคนเชียร์ มันไปเที่ยวสวรรค์มาหลายรอบแล้ว 55
ดังนั้น ผมจะลดทิฐิครับ
เริ่มต้นจาก ที่ พี่ drsp ว่าเนี่ยแหละครับ
ผมเลยมาดูว่า เซียนแต่ละท่าน เขาเคยซื้อหุ้นอะไรบ้าง
คนไหน ที่กำไรตัวไหน กำไรเพราะอะไร
ไล่ดูไปเรื่อยๆ จะรู้ว่า บางคนจะมีสไตล์ของตัวเอง
เช่น ของ Yoyo จะเน้น บริษัทที่มี ROE เติบโตและแข็งแกร่ง
ซึ่งใครที่เป็นแฟนบัฟเฟต ก็จะรู้ว่า บัฟเฟต ก็จะเลือกหุ้นที่มีสไตล์นี้เช่นกัน
เนื่องจากหุ้นที่ มี ROE ต่ำ มักจะเป็นการบอกได้คร่าวๆไปเลยว่า
หุ้นตัวนี้มี ความสามารถในการแข่งขัน ที่เหนือกว่า เจ้าอื่นๆ
หุ้นที่ yoyo ชอบลงทุน ในอดีตเคยเป็นหุ้นสามทหารเสือ
แต่ต่อมา เขาจึงเลือกลงทุนใน SPALI เพราะ ROE แข็งแกร่ง
และคาดการณ์ว่า ตลาดที่เคยให้ PE ต่ำ ด้วยเหตุที่บริษัท
อาจจะ low profile ไม่ได้ออกสื่อประโคมข่าวเท่าบริษัทอื่นๆ
(อันหลังนี้ผมคิดเอง)
เมื่อ ผลการดำเนินงาน เติบโตตามคาด ตลาดก็จะปรับ PE เหมาะสม
เข้ากับ จุดที่มันควรจะเป็นเอง
รายละเอียด ก็คงต้องไปอ่านของ yoyo กันเอง
หรือ พี่ หมอสามัญชน ก็จะไปไล่อ่าน โดยมีแนวคิดหลักๆ
คือ เน้นภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมนั้นๆ แล้วดูว่า
บริษัทที่เราสนใจลงทุนนั้น มีแนวโน้มที่จะได้กำไร
หรือผลการดำเนินงาน ดีหรือไม่
ดังนั้น หุ้น ที่พี่หมอสามัญชน เคยลงทุน จึง ประกอบไปด้วย
ผาแดง - จากภาวะ demand /supply unbalance จากพายุทอร์นาโด
STPI - บ ที่มีเงินสดเต็มมือ พร้อมกับมีความสามารถในการแข่งขันด้านการก่อสร้างที่มีคุณภาพสูง
JAS - ภาพใหญ่ จาก ปริมาณ คนใช้ broadband ที่เพิ่มขึ้น แบบ snow ball
ไล่ดูไปเรื่อยๆ พี่นริศ , พี่ฉัตรชัย รวมไปถึงวีไอคนอื่นๆ ที่อาจจะไม่ค่อยเป็นข่าวเท่าไหร่นัก
หลายๆครั้ง ความรู้ที่ได้ ไม่ต้อง search จาก ร้อยคนร้อยหุ้น
แต่ หาชื่อ major share จาก set.or.th
ดูว่า หุ้นของคนๆ นี้ เขามีแนวโน้มหรือลักษณะอย่างไร
เซียนส่วนมาก มักจะเลือกหุ้นที่ตนเองถนัด
เช่น บางคน ถนัด ค้าปลีก ก็เล่น ตั้งแต่ bigc ยัน ofm (ค้าปลีกออนไลน์)
บางคนถนัด ict ก็เล่นหมด
บางคนถนัด อสังหา เล่นตั้งแต่ คอนโด ยัน แนวราบ ต่อไปยังบ้านจัดสรร
สุดท้าย เวลาไปงานสัมมนาต่างๆ
ผมมักจะเจอคนถาม ดร.นิเวศน์ หรือ ถามเซียนต่างๆ ว่า "ตัวนี้ดีไหม? ถือได้ไหม ?"
ซึ่งจริงๆ ผมว่า คำถามที่ดีที่สุด ที่ควรใช้กับเซียนท่านนั้นๆ ก็คือ
หุ้นที่เขาถือ ซื้อเพราะอะไร และ จะขายเมื่อไหร่
(มองภาพใหญ่คร่าวๆ เช่น ซื้อ CPALL เพราะ เห็นว่า ในด้าน ของ ธุรกิจมันยังโตต่อเนื่อง
และจะขายต่อเมื่อ มันไม่ค่อยสาขาได้แล้ว หรือยอดขาย SSSG drop ลงเรื่อยๆ หรือว่าอย่างไร, หรือแม้แต่ bigc ที่ ดร. คาดการณ์ผลดี จากการรวม carfourre ที่ทำให้มีอำนาจต่อรอง ต่อ supplier มากขึ้น , ลดรายจ่ายพนักงาน , เพิ่มพื้นที่ในการขาย)
ซึ่งคำถามเหล่านี้ คือ การ ลอกวิธีคิด ของเซียน
ลอกวิธี ที่เซียนทำข้อสอบจริงๆ โดยมีเงินหน้าตัก เป็นเดิมพัน
ไม่ใช่ วิธีการเดาข้อสอบ โดยมีบรรยากาศ พาให้ต้องตอบคำถาม
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1284
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 71
เคยอ่านเจอ famous quote อันนึงที่สามารถใช้ได้กับการลงทุนและอื่น ๆ นั่นก็คือ...
"The first man gets the oyster; the second, the shell" Andrew Carnegie
"The first man gets the oyster; the second, the shell" Andrew Carnegie
In search of super stocks
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4562
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 72
Welcome kub พี่เชาว์. ช่วยแชร์หน่อยครับinvestment biker เขียน:เคยอ่านเจอ famous quote อันนึงที่สามารถใช้ได้กับการลงทุนและอื่น ๆ นั่นก็คือ...
"The first man gets the oyster; the second, the shell" Andrew Carnegie
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 73
เห็นด้วยครับ ผมรู้จักเว็บนี้เพราะเพื่อนชอบส่งลิงค์ของหุ้นในห้องร้อยคนฯมาให้ ตอนนั้นไม่ได้เป็นสมาชิกก็เลยดูไม่ได้ สุดท้ายก็เลยสมัครสมาชิก เข้ามาดูว่าหุ้นตัวนั้นทำไมเพื่อนถึงคิดว่าดี ส่วนใหญ่ก็จะเห็นต่าง ไม่เคยซื้อตาม แต่เพื่อนผมที่เค้าเข้ามาอ่านมีหมดทุกแนวครับ ทั้งเดย์เทรด เทคนิค ลอกหุ้นdrsp เขียน:ผมเป็นคนที่ชอบคิดอะไรนอกกรอบไม่เหมือนชาวบ้าน
ในความเห็นส่วนตัวผม
ความดังความยิ่งใหญ่ของไทยวีไอทั้งหมดในระยะ2-3ปีนี้
ก็มาจากการลอกการบ้านนี่แหละ
ช่วงที่เวปไทยวีไอดังที่สุด สมาชิกใหม่เยอะสุดก็ยุควีไอทมิฬนี่แหละ
พอเทพแจกหุ้นหยุดโพสท์กันไปหมด
เวปเราก็ค่อยๆเงียบลงตามไป
แต่ก็มีคนจํานวนมากยังไล่ล่าตามการบ้านเทพอยู่
ผมยังคิดว่า
ตอนนี้เทพก็ไม่แจกการบ้านกันแล้ว
เวปเราก็เริ่มเก็บค่าสมาชิก
อาจเป็นยุคที่เวปไทยวีไอเข้าสู่ความเงียบเหงาอีกครั้ง
กีดีจะได้เป็นการพิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของเวปแห่งนี้
ช่วง 1-2 ปีก่อนที่จะมีกรณีมาม่า หุ้นดัง ๆ ที่คนซื้อตามเซียน วัน ๆ มัน active มาก มีคนโพสต์ชั่วโมงละหลาย ๆ คน หุ้นบางตัวจากที่ผมเห็นจำนวนหน้าแค่ร้อยต้น ๆ มันขึ้นไปสองร้อยในระยะเวลาอันสั้น จะว่าไปคนลอกการบ้านเค้าไม่ได้ลอกจากเว็บอย่างเดียวหรอกครับ เค้าตามตั้งแต่เซียนพูดถึงผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ งาน meeting จะว่าไปผมกลับคิดว่าถ้าหุ้นมันไม่ถูกพูดถึงโดยเซียนมันคงไม่ขึ้นมาเยอะแบบนั้นด้วยซ้ำ
และผมก็เห็นด้วยว่าตั้งแต่เกิดเรื่องมาม่า เว็บก็ดู active น้อยลง ตอนแรกผมคิดว่าเป็นเพราะตลาดไม่ดี แต่ตอนที่ SET ทำ new high บรรยากาศมันก็ไม่ฟื้น สำหรับผมถ้าต้องการให้การตั้งสมาคมบรรลุวัตถุประสงค์ ก็ไม่ควรไปยึดติดกับตัวบุคคลว่า ไม่มีเซียนแล้วจะไม่มีหุ้นเด็ดอีก
สำหรับผมเองหุ้นที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างดีสำหรับผมกลับเป็นหุ้น "โลกลืม" ที่แทบจะไม่ค่อยมีคนสนใจโดยดูได้จากจำนวนหน้าในห้องร้อยคนที่มีไม่ถึง 20 หน้า บางตัวเป็นหุ้นเก่าแก่แต่มีไม่ถึง 10 หน้าก็มี บางตัวขึ้นมาหลายสิบเปอร์เซ็นต์แต่แทบไม่มีคนโพสต์ก็มีครับ เลยอยากจะบอกว่าใน "บ่อร้าง" หลายบ่อก็มีปลาชุกชุมครับ อยู่ที่ว่าเราจะเห็นปลาใต้กอหญ้ากอผักตบนั้นหรือเปล่า
จริง ๆ เท่าที่ทราบจากเพื่อนนลท.ท่านอื่นหรือเท่าที่ตามดูการโพสต์ของสมาชิกบางท่าน ผมว่าฝีมือของสมาชิกบางคนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเซียนรุ่นก่อน ๆ นะครับ เพียงแต่เค้าอาจจะไม่ดังครับ
ผมว่าความรู้ทางการลงทุน ถ้าเราอ่านหนังสือไป 40-50 เล่ม ความรู้มันเต็มไปหมดครับ สุดท้ายเราอาจจะจับจุดไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร จะเริ่มอย่างไรดี แต่ผมว่าเอาเข้าจริง ๆ ถ้าเราสามารถเข้าใจถึง "แก่น" ของมัน บางทีมันอาจจะมีหลักใหญ่ ๆ อยู่เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น ที่เหลือมันเป็นแต่เพียงส่วนประกอบเท่านั้นเอง อยู่ที่ว่าเราจะเลือกอะไรมาเป็น "อาวุธ" ประจำกายของเรา
และผมก็คิดว่านอกจากความรู้ สิ่งที่สำคัญน่าจะใกล้เคียงกันก็คือ ประสบการณ์และสภาพจิตใจครับ ที่สำคัญทั้งสองสิ่งไม่สามารถสอนกันได้ หลายคนอาจจะเรียกว่ามันเป็นความรู้สึก ดูเหมือนไม่มีกฎเกณฑ์ที่อธิบายได้ แต่มันก็ถูกต้องอยู่บ่อย ๆ
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่าสำคัญไม่แพ้กันคือเรื่อง "จริยธรรม" ครับ ที่ผมโพสต์ไว้ตอนต้น ๆ คนเก่งถ้าไม่มีจริยธรรม คนประเภทนี้อันตรายที่สุดครับ อย่าคิดว่าการเอาชนะในเกมของตลาดหุ้นจะทำให้ชีวิตมีความสุขนะครับ จริงอยู่บางคนอาจจะชนะในหุ้นลงทุนทีไรกำไรเป็นกอบเป็นกำ แต่ถ้าการกระทำนั้นไม่มีจริยธรรม คน ๆ นั้นอาจจะไปแพ้ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับหุ้น เช่น สุขภาพ ครอบครัว ฯลฯ นั่นเพราะคำว่า "กรรม" ครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 210
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 74
เห็นด้วยกับคุณlekyเป็นอย่างมากคับ
ผมก็เล่นหุ้นในแบบของผมเหมือนกัน ซึ่งมันก็ทำให้ได้ผลตอบแทนดีระดับนึง
แต่ผมชอบตรงที่มันสบายใจกว่าเพราะเราคิดเอง เรามองเห็นหลายๆอย่างมากกว่าการลอกคนอืน
และมีความสุขด้วยคับ
ผมคิดว่าคนที่เป็นvi โดยกำเนิดไม่ได้ชอบที่ผลตอบแทนอย่างเดียวหรอกคับ
แต่ชอบการเดินทางของมันด้วย
ผมรู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่เริ่มลงทุนแล้วคับ และผมก็มีความสุขกับการลงทุนคับ
ผมก็เล่นหุ้นในแบบของผมเหมือนกัน ซึ่งมันก็ทำให้ได้ผลตอบแทนดีระดับนึง
แต่ผมชอบตรงที่มันสบายใจกว่าเพราะเราคิดเอง เรามองเห็นหลายๆอย่างมากกว่าการลอกคนอืน
และมีความสุขด้วยคับ
ผมคิดว่าคนที่เป็นvi โดยกำเนิดไม่ได้ชอบที่ผลตอบแทนอย่างเดียวหรอกคับ
แต่ชอบการเดินทางของมันด้วย
ผมรู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่เริ่มลงทุนแล้วคับ และผมก็มีความสุขกับการลงทุนคับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 75
ออกตัวก่อนว่าที่ผมชอบหาหุ้นเอง ไม่ใช่เพราะผมคิดว่าผมเก่งอะไรนะครับ ผมเองก็ลองผิดลองถูกมาหลายอย่าง เคยเก็งกำไร เล่นหุ้นปั่น จับจังหวะตลาด เคยพยายามจะซื้อหุ้นราคาถูกตามที่มีคนบอกไว้ว่าให้ซื้อหุ้นตอนถูกแล้วขายตอนแพง แต่ไม่เข้าใจแก่นของคำว่าถูกคืออะไร ส่วนหนึ่งก็เจอของถูกแล้วถูกอีก ถูกเรื้อรัง ฯลฯ
ผมปรับวิธีของผมไปเรื่อยครับ เดิมผมก็อ่านหนังสือการลงทุนหลายเล่ม แต่ก็ยังไม่สามารถค้นพบแก่นแท้ของมันได้ จนวันหนึ่งผมได้มาอ่านหนังสือของปีเตอร์ ลินซ์สองเล่ม อยู่ ๆ มันก็เหมือน "คลิ๊ก" ขึ้นมาซะงั้น เหมือนสมองผมมันถูกล้าง "โปรแกรมการลงทุนที่ไม่มีประสิทธิภาพ" ออกไป เอา "โปรแกรมการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ" เข้ามาใส่ในสมองแทน ยอมรับว่าหลังจากนั้นชีวิตเปลี่ยนไปเริ่มจับหลักได้
แต่ปัญหามันก็ยังมีอยู่คือเรื่องของจิตใจ ถามว่าประสบการณ์มีไหมมันก็พอมีครับ สมัยที่ผมรู้จักหุ้นครั้งแรก มีโอกาสไปนั่งเล่นในห้องค้า สมัยนั้นยังไม่มีการเทรดทางเน็ต เห็นการเก็งกำไรของพวกเดย์เทรด พวกเล่นรอบ เล่นเทคนิค ยอมรับว่าทำให้เราเข้าใจวิถีของคนเหล่านี้พอควร เช่น ทำไมคนบางกลุ่มหุ้นลงเค้ายิ่งต้องขาย
หลัง ๆ พอนานเข้า หุ้นบางตัวที่ถืออยู่ผันผวนมาก ๆ ขึ้นลงยังกะรถไฟเหาะ พอเราอยู่กับมันนานเข้า เรากลับด้านชาต่อความหวั่นไหวของราคาหุ้นมากขึ้น ตอนหลังผมเริ่มรู้สึกว่าจริง ๆ แล้วถ้าเราเลือกหุ้นได้ดีตั้งแต่แรก หรือรู้ "นิสัย" ของหุ้นตัวนั้น ๆ บางทีตลาดที่ตกแรง แต่มันกลับไม่ค่อยกระทบกับหุ้นตัวนั้นเลย ยิ่งผมลงทุนนานเข้า ผมกลับยิ่งซื้อขายน้อยลง หุ้นที่อยากซื้อแต่ไม่ได้ซื้อถึงมันจะวิ่งขึ้นไปก็ไม่เสียดาย
เป้าหมายหลักของผมคือการพยายามยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองครับ ถึงมันจะไม่ใช่ผลงานระดับเทพแบบที่เซียนทำได้ แต่เราก็มีความสุขกับผลงานที่เราทำเองครับ
ผมปรับวิธีของผมไปเรื่อยครับ เดิมผมก็อ่านหนังสือการลงทุนหลายเล่ม แต่ก็ยังไม่สามารถค้นพบแก่นแท้ของมันได้ จนวันหนึ่งผมได้มาอ่านหนังสือของปีเตอร์ ลินซ์สองเล่ม อยู่ ๆ มันก็เหมือน "คลิ๊ก" ขึ้นมาซะงั้น เหมือนสมองผมมันถูกล้าง "โปรแกรมการลงทุนที่ไม่มีประสิทธิภาพ" ออกไป เอา "โปรแกรมการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ" เข้ามาใส่ในสมองแทน ยอมรับว่าหลังจากนั้นชีวิตเปลี่ยนไปเริ่มจับหลักได้
แต่ปัญหามันก็ยังมีอยู่คือเรื่องของจิตใจ ถามว่าประสบการณ์มีไหมมันก็พอมีครับ สมัยที่ผมรู้จักหุ้นครั้งแรก มีโอกาสไปนั่งเล่นในห้องค้า สมัยนั้นยังไม่มีการเทรดทางเน็ต เห็นการเก็งกำไรของพวกเดย์เทรด พวกเล่นรอบ เล่นเทคนิค ยอมรับว่าทำให้เราเข้าใจวิถีของคนเหล่านี้พอควร เช่น ทำไมคนบางกลุ่มหุ้นลงเค้ายิ่งต้องขาย
หลัง ๆ พอนานเข้า หุ้นบางตัวที่ถืออยู่ผันผวนมาก ๆ ขึ้นลงยังกะรถไฟเหาะ พอเราอยู่กับมันนานเข้า เรากลับด้านชาต่อความหวั่นไหวของราคาหุ้นมากขึ้น ตอนหลังผมเริ่มรู้สึกว่าจริง ๆ แล้วถ้าเราเลือกหุ้นได้ดีตั้งแต่แรก หรือรู้ "นิสัย" ของหุ้นตัวนั้น ๆ บางทีตลาดที่ตกแรง แต่มันกลับไม่ค่อยกระทบกับหุ้นตัวนั้นเลย ยิ่งผมลงทุนนานเข้า ผมกลับยิ่งซื้อขายน้อยลง หุ้นที่อยากซื้อแต่ไม่ได้ซื้อถึงมันจะวิ่งขึ้นไปก็ไม่เสียดาย
เป้าหมายหลักของผมคือการพยายามยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองครับ ถึงมันจะไม่ใช่ผลงานระดับเทพแบบที่เซียนทำได้ แต่เราก็มีความสุขกับผลงานที่เราทำเองครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 76
ถ้าจะลอก
ขอลอกคนที่กะลังจะเป็นเซียนละกันคับ เอาที่พอร์ทไม่ใหญ่มาก
เซียน พอร์ทใหญ่ผมภาวนาว่าอย่าสนใจตัวเดียวกับผม
ถ้าออกก่อนผม ผมอาจจะเละได้
กว่า จะright for right reason
บางทีอาจจะต้องใช้เวลาไปทั้งชีวิตกับ
wrong for right reason
ถ้าใครยอมให้ลอก ผมก็ลอกคับ
ขอลอกคนที่กะลังจะเป็นเซียนละกันคับ เอาที่พอร์ทไม่ใหญ่มาก
เซียน พอร์ทใหญ่ผมภาวนาว่าอย่าสนใจตัวเดียวกับผม
ถ้าออกก่อนผม ผมอาจจะเละได้
กว่า จะright for right reason
บางทีอาจจะต้องใช้เวลาไปทั้งชีวิตกับ
wrong for right reason
ถ้าใครยอมให้ลอก ผมก็ลอกคับ
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 78
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การลงทุนนี่อย่าทำให้ "งานหลัก" เสียครับ ผมเองยอมรับว่าแต่ก่อนถ้ามีเวลาว่างผมก็ชอบ "ดูจอ" บางครั้งหุ้นในพอร์ตหรือตลาดขึ้นลงรุนแรง ก็ทำให้เสียสมาธิในการทำงาน หลายคนน่าจะเคยเป็นแบบนี้
หลัง ๆ งานผมยุ่งขึ้น บางทีไม่ค่อยมีเวลาดู แต่แปลก ยิ่งไม่ดูผลตอบแทนมันกลับดีขึ้นครับ มันอาจจะเกิดจากพอเรา "ดูจอ" มากพอเห็นหุ้นขึ้นแรงลงแรง มันก็เป็นการเร้าจิตใจของเราทำให้อยากซื้อหรืออยากขายผลคือ ทำไปทำมาก็ซื้อ ๆ ขาย ๆ แทนที่่จะได้ "โต๊ะจีน" อย่างหรูโต๊ะใหญ่ ๆ ก็เลยได้แค่อาหารมื้อธรรมดาเท่านั้น
หลัง ๆ ผมเริ่มคิดได้ว่า จะไป "ดูจอ" มันมากมายทำไม วันนี้มันขึ้นไป 3% เราดีใจ วันต่อมามันลงมา 2% ผ่านไปอีก 10 วัน มาลงไปอีก 5% เหมือนคลื่นระลอกเล็ก ๆ ที่มีอยู่ตลอดเวลา คิดไปคิดมาเสียเวลามากครับ หลัง ๆ ผมพยายามหยิบหนังสือมานั่งอ่านถึงแม้จะเปิดจอก็เปิดทิ้งไว้ เอาเวลามาอ่านเรื่องที่มีประโยชน์มากกว่า ตอนนี้ถึงยังทำไม่ได้ 100% แต่ก็พยายามจะทำให้มากที่สุดครับ
เรื่องหนังสือก็เช่นกัน หนังสือการลงทุนที่มีอยู่ในท้องตลาดมีอยู่มากมายครับ หนังสือดี ๆ ผมพยายามจะซื้อเก็บถึงแม้จะยังไม่ได้อ่าน แต่ก็ต้องซื้อเพราะกลัว "ของหมด" ตอนนี้ที่มีอยู่คิดว่ามากกว่า 50 เล่ม มีหลายแนว หนังสือบางเล่มที่หมดไปจากท้องตลาดบางทีถ้าอยากได้ผมก็ไปตามหาจนได้อย่างเช่นหนังสือของดร.นิเวศน์เล่มแรก ๆ ยอมรับว่ายังอ่านไม่ครบหรอกครับ แต่ก็พยายามจะอ่านให้ครบ เล่มไหนที่เคยอ่านแล้วไม่เข้าใจ พอเราอ่านมากขึ้นกลับไปอ่านใหม่ก็เข้าใจดีขึ้น จะว่าไปหนังสือพวกนี้มันมีหลายแบบเหมาะกับคนที่มีพื้นฐานไม่เหมือนกันนะครับ หนังสือบางเล่มแม้แต่ของลินซ์เองที่เปลี่ยนชีวิตผม ถ้าเป็นคนที่ใหม่จริง ๆ อ่านไปครั้งแรกก็อาจจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ฉะนั้นนลท.หน้าใหม่ ๆ ผมจะให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้มากครับ อ่านหนังสือให้เยอะ เพื่อหา "ความเป็นตัวตนของตัวเอง" เบื้องต้น เพราะคนเขียนมีหลายแบบหลายแนว ถ้าคิดว่าความรู้ใช้ได้ค่อยไป "ลงสนาม" เก็บเกี่ยว" ประสบการณ์ครับ
การลงทุนมันเหมือนคุณปลูกผลไม้ ถ้าคุณคิดแต่จะไปเร่งเอาผลของมัน บางทีแทนที่คุณจะได้ผลไม้คุณภาพดีมันก็กลายเป็นผลไม้ที่เต็มไปด้วยสารเคมีครับ อย่างเรื่องประสบการณ์เราไม่มีทางไปเร่งมันได้แน่นอนครับ
ผมเคยคุยกับน้อง ๆ บางคนเรื่องแนวทางการลงทุน บางคนเพิ่งเริ่มแต่อยากได้กำไรเป็น "เด้ง ๆ" จนผมเองก็ต้องเตือนไปว่า เข้าใจผิดแล้วครับ ถ้าเพิ่งเริ่มเอาแค่ "อย่าขาดทุน" ก็เก่งแล้ว อย่าเพิ่งไปโลภมากขนาดนั้น ยิ่งโลภทำให้เรายิ่งออกนอกกรอบ ถ้าวิชาไม่แข็ง สุดท้ายเกิดความเสียหาย วางมือไปตั้งแต่เริ่มนี่ก็เห็นมามากกว่าด้วยซ้ำครับ
หลัง ๆ งานผมยุ่งขึ้น บางทีไม่ค่อยมีเวลาดู แต่แปลก ยิ่งไม่ดูผลตอบแทนมันกลับดีขึ้นครับ มันอาจจะเกิดจากพอเรา "ดูจอ" มากพอเห็นหุ้นขึ้นแรงลงแรง มันก็เป็นการเร้าจิตใจของเราทำให้อยากซื้อหรืออยากขายผลคือ ทำไปทำมาก็ซื้อ ๆ ขาย ๆ แทนที่่จะได้ "โต๊ะจีน" อย่างหรูโต๊ะใหญ่ ๆ ก็เลยได้แค่อาหารมื้อธรรมดาเท่านั้น
หลัง ๆ ผมเริ่มคิดได้ว่า จะไป "ดูจอ" มันมากมายทำไม วันนี้มันขึ้นไป 3% เราดีใจ วันต่อมามันลงมา 2% ผ่านไปอีก 10 วัน มาลงไปอีก 5% เหมือนคลื่นระลอกเล็ก ๆ ที่มีอยู่ตลอดเวลา คิดไปคิดมาเสียเวลามากครับ หลัง ๆ ผมพยายามหยิบหนังสือมานั่งอ่านถึงแม้จะเปิดจอก็เปิดทิ้งไว้ เอาเวลามาอ่านเรื่องที่มีประโยชน์มากกว่า ตอนนี้ถึงยังทำไม่ได้ 100% แต่ก็พยายามจะทำให้มากที่สุดครับ
เรื่องหนังสือก็เช่นกัน หนังสือการลงทุนที่มีอยู่ในท้องตลาดมีอยู่มากมายครับ หนังสือดี ๆ ผมพยายามจะซื้อเก็บถึงแม้จะยังไม่ได้อ่าน แต่ก็ต้องซื้อเพราะกลัว "ของหมด" ตอนนี้ที่มีอยู่คิดว่ามากกว่า 50 เล่ม มีหลายแนว หนังสือบางเล่มที่หมดไปจากท้องตลาดบางทีถ้าอยากได้ผมก็ไปตามหาจนได้อย่างเช่นหนังสือของดร.นิเวศน์เล่มแรก ๆ ยอมรับว่ายังอ่านไม่ครบหรอกครับ แต่ก็พยายามจะอ่านให้ครบ เล่มไหนที่เคยอ่านแล้วไม่เข้าใจ พอเราอ่านมากขึ้นกลับไปอ่านใหม่ก็เข้าใจดีขึ้น จะว่าไปหนังสือพวกนี้มันมีหลายแบบเหมาะกับคนที่มีพื้นฐานไม่เหมือนกันนะครับ หนังสือบางเล่มแม้แต่ของลินซ์เองที่เปลี่ยนชีวิตผม ถ้าเป็นคนที่ใหม่จริง ๆ อ่านไปครั้งแรกก็อาจจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ฉะนั้นนลท.หน้าใหม่ ๆ ผมจะให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้มากครับ อ่านหนังสือให้เยอะ เพื่อหา "ความเป็นตัวตนของตัวเอง" เบื้องต้น เพราะคนเขียนมีหลายแบบหลายแนว ถ้าคิดว่าความรู้ใช้ได้ค่อยไป "ลงสนาม" เก็บเกี่ยว" ประสบการณ์ครับ
การลงทุนมันเหมือนคุณปลูกผลไม้ ถ้าคุณคิดแต่จะไปเร่งเอาผลของมัน บางทีแทนที่คุณจะได้ผลไม้คุณภาพดีมันก็กลายเป็นผลไม้ที่เต็มไปด้วยสารเคมีครับ อย่างเรื่องประสบการณ์เราไม่มีทางไปเร่งมันได้แน่นอนครับ
ผมเคยคุยกับน้อง ๆ บางคนเรื่องแนวทางการลงทุน บางคนเพิ่งเริ่มแต่อยากได้กำไรเป็น "เด้ง ๆ" จนผมเองก็ต้องเตือนไปว่า เข้าใจผิดแล้วครับ ถ้าเพิ่งเริ่มเอาแค่ "อย่าขาดทุน" ก็เก่งแล้ว อย่าเพิ่งไปโลภมากขนาดนั้น ยิ่งโลภทำให้เรายิ่งออกนอกกรอบ ถ้าวิชาไม่แข็ง สุดท้ายเกิดความเสียหาย วางมือไปตั้งแต่เริ่มนี่ก็เห็นมามากกว่าด้วยซ้ำครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4562
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 79
เซียนเขากินธูป. ผมยังกินข้าวอยู่เลยsuperboy เขียน:เป็นกระทู้รอเซียน อิอิอิ แต่ หมอเค ก้อเซียนนี่หว่า
จะให้ออกทางไหน พี่ๆๆก้อเริ่มกันเลยครับ ผมเป็นหางเครื่อง ครับ
ออกทางไหน ไม่ใช่สาระสำคัญเลยครับ. ประเด็นคำถาม ก้อไม่ได้ต่างกับการโต้วาที
สาระสำคัญมันอยู่ที่เนื้อหาระหว่างการชวนคุยมากกว่าครับ
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4562
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 80
เห็นด้วยกับพี่เล็กอย่างแรงครับ. หนังสือดีๆมีประโยชน์. มัก สวนตลาดleky เขียน: เรื่องหนังสือก็เช่นกัน หนังสือการลงทุนที่มีอยู่ในท้องตลาดมีอยู่มากมายครับ หนังสือดี ๆ ผมพยายามจะซื้อเก็บถึงแม้จะยังไม่ได้อ่าน แต่ก็ต้องซื้อเพราะกลัว "ของหมด" ตอนนี้ที่มีอยู่คิดว่ามากกว่า 50 เล่ม มีหลายแนว หนังสือบางเล่มที่หมดไปจากท้องตลาดบางทีถ้าอยากได้ผมก็ไปตามหาจนได้อย่างเช่นหนังสือของดร.นิเวศน์เล่มแรก ๆ ยอมรับว่ายังอ่านไม่ครบหรอกครับ แต่ก็พยายามจะอ่านให้ครบ เล่มไหนที่เคยอ่านแล้วไม่เข้าใจ พอเราอ่านมากขึ้นกลับไปอ่านใหม่ก็เข้าใจดีขึ้น จะว่าไปหนังสือพวกนี้มันมีหลายแบบเหมาะกับคนที่มีพื้นฐานไม่เหมือนกันนะครับ หนังสือบางเล่มแม้แต่ของลินซ์เองที่เปลี่ยนชีวิตผม ถ้าเป็นคนที่ใหม่จริง ๆ อ่านไปครั้งแรกก็อาจจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ฉะนั้นนลท.หน้าใหม่ ๆ ผมจะให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้มากครับ อ่านหนังสือให้เยอะ เพื่อหา "ความเป็นตัวตนของตัวเอง" เบื้องต้น เพราะคนเขียนมีหลายแบบหลายแนว ถ้าคิดว่าความรู้ใช้ได้ค่อยไป "ลงสนาม" เก็บเกี่ยว" ประสบการณ์ครับ
การลงทุนมันเหมือนคุณปลูกผลไม้ ถ้าคุณคิดแต่จะไปเร่งเอาผลของมัน บางทีแทนที่คุณจะได้ผลไม้คุณภาพดีมันก็กลายเป็นผลไม้ที่เต็มไปด้วยสารเคมีครับ อย่างเรื่องประสบการณ์เราไม่มีทางไปเร่งมันได้แน่นอนครับ
ผมเคยคุยกับน้อง ๆ บางคนเรื่องแนวทางการลงทุน บางคนเพิ่งเริ่มแต่อยากได้กำไรเป็น "เด้ง ๆ" จนผมเองก็ต้องเตือนไปว่า เข้าใจผิดแล้วครับ ถ้าเพิ่งเริ่มเอาแค่ "อย่าขาดทุน" ก็เก่งแล้ว อย่าเพิ่งไปโลภมากขนาดนั้น ยิ่งโลภทำให้เรายิ่งออกนอกกรอบ ถ้าวิชาไม่แข็ง สุดท้ายเกิดความเสียหาย วางมือไปตั้งแต่เริ่มนี่ก็เห็นมามากกว่าด้วยซ้ำครับ
คือ คนเขียนเห็นว่า เนื้อหาดี. เลยไม่ต้องทำการตลาด มากก็ได้ ไปๆมาๆ
ก็อยู่บนแผงได้ไม่นาน ผมเอง เป็นคนบ้าซื้อหนังสือ.
ยังคิดเลยว่า หนังสือที่มีอยู่ อ่านยังไงก้อไม่หมด. แต่ประเด็นสำคัญคืือ
มันมักจะมีเหตุบังเอิญให้ไปรื้อของเก่าอยู่บ่อยๆ
อีกอย่างขาดทุนจากหุ้นยังไม่เท่ากับความรู้จากหนังสือเลย
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4562
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 82
จริงๆ ผมก็ใช้ แค่ 2 วิธีหลักๆครับwigraipat เขียน:ไหนๆก็มีพี่ๆเขามากันเริ่มเยอะแล้ว
ผมอยากให้พี่ๆเล่าวิธีการขุดหุ้นของพี่แต่ละคนเป็นการสอนน้องๆได้ไหมคับ
พี่หมอเค พี่เล็ก
1. top down
2. bottom up
top down อ่านหนังสือพิมพ์แล้วคิดว่า ข่าวนี้ เป็นประเด็นกับธุรกิจอะไร (ย้ำนะครับว่า ธุรกิจอะไร ไม่ใช่
ว่าหุ้นตัวไหน) อ่านรายละเอียดใน บทความ ค้นฟ้าคว้าดาว ของ ดร.นิเวศน์ได้ครับ
bottom up เทศกาลสำคัญ สำหรับ นักลงทุนมีอยู่ 2 เทศกาลหลักครับ
1. ช่วงประกาศผลประกอบการ - มักมีหลายคนบอกว่า ซื้อหุ้นตอนงบออก ก็เจอพวกรู้ inside ขายใส่ หมดน่ะสิ
เรื่องนี้ ทั้งถูกและผิดครับ หลายครั้งที่ คนที่รู้ inside (พนักงานบริษัท,ผบห,ญาติโกโหติกา,ฯลฯ) ก็มักจะขายใส่งบออก
แต่หลายๆครั้ง ก็พิสูจน์ว่า มันไม่ใช่ครับ
ดังนั้น ช่วง หลังงบออก ประมาณ 1เดือนครึ่ง นักลงทุนหลายคน จะงดเดินทาง งดสังสรรค์ แต่นั่งทำงาน
เพราะนี่คืออาชีพของเขาครับ
2. ช่วง opportunity day - สังเกต ง่ายๆ ว่า บ. ใดๆ ที่เพิ่งโผล่หน้ามา ออก oppday เป็นครั้งแรก หรือ หายไปนานโผล่มาใหม่ บ.เหล่านั้น มักจะมีข่าวดี อะไรมาบอก (แน่ครับ ข่าวร้าย ใครจะออกมาให้คนอื่นด่าล่ะครับ)
จริงๆ ผมว่า ขุดหุ้นมันก็มีแค่เนี้ยแหละครับ
ที่เหลือ อยู่ที่ว่า ใครขยันกว่า และใคร apply ไปใช้ได้ดีกว่า
นักลงทุนหลายคนมักคิดว่า ต้องมีข้อมูลมากกว่า คนอื่น ต้องรู้ข่าว ก่อนคนอื่น ต้องซื้อก่อนคนอื่น
แต่สำหรับ ชาววีไอ ที่แท้จริงแล้ว... การวิเคราะห์อย่างถูกต้อง และวางแผนที่ดี คือคำตอบสุดท้ายครับ
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 83
วิธีหาหุ้นของผมมีหลายวิธีครับ ไม่มีอะไรตายตัวเลย แต่การจะหาหุ้นให้ได้ผลดี ผมขอบอกเลยนะครับ ว่าต้องมีความรู้ก่อนนะครับ เพราะถ้าความรู้ยังไม่ดี มันก็จบตั้งแต่ขั้นแรก โอกาสมันจะเกิดหรือไม่เกิดมันอยู่ที่มุมมองของเรา พูดง่าย ๆ ว่าเหมือนพวกแมวมอง ไม่ว่าจะแมวมองของวงการดารา วงการนักกีฬา ถ้าเป็นแมวมองที่ตาถึงเค้าจะรู้ว่า โอเคคนนี้มีโอกาสจะปั้นได้wigraipat เขียน:ไหนๆก็มีพี่ๆเขามากันเริ่มเยอะแล้ว
ผมอยากให้พี่ๆเล่าวิธีการขุดหุ้นของพี่แต่ละคนเป็นการสอนน้องๆได้ไหมคับ
พี่หมอเค พี่เล็ก
นอกจากความรู้พื้นฐานแล้ว ความรู้เกี่ยวกับบ.ในตลาดก็จำเป็นเหมือนกันครับ คือคงไม่ถึงขนาดว่าจะต้องรู้ลึกทั้ง 500 บ. แต่ผมว่ารายละเอียดคร่าว ๆ ว่าทำธุรกิจอะไรนี่ก็น่าจะพอ แต่ถ้าสนใจหุ้นตัวนั้นมาก ๆ ก็เข้าไปอ่านอย่างละเอียดอีกทีครับ ทีนี้ถ้าอ่านมันไปเรื่อย ๆ สุดท้ายเราก็จะรู้หมดครับว่าใครทำอะไร จุดสำคัญที่ผมชอบเข้าไปอ่านคือ เค้าทำธุรกิจอะไร ผลิตภัณฑ์มีอะไรบ้าง และที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องความเสี่ยงของบ.ครับ
เดิมทีสมัยแรก ๆ ผมก็ใช้วิธีดูตัวเลขแบบที่คนทั่วไปใช้ดูกันนั่นแหละครับ เช่น ค่า PE PB ROA ROE แต่ก่อนก็ดูจากในนสพ. แต่เดี๋ยวนี้ดีขึ้นในเว็บของโบรกก็มีข้อมูลพวกนี้ มีการเรียงลำดับ บางทีผมก็เข้าไปดู ถ้าเจอพวก PE PB ต่ำ ๆ หรือ ROE ROA สูง ๆ ก็เข้าไปเจาะดูเป็นตัว ๆ ว่าน่าสนใจหรือไม่ แต่ที่สำคัญก็ต้องเข้าใจก่อนว่าค่าพวกนี้มันมีกับดักของมัน เช่นบางทีบ.ที่พื้นฐานไม่ดี มีการปรับโครงสร้างหนี้ บางทีค่าพวกนี้มันก็หลอกเราได้ วิธีนี้ผมก็ยังใช้อยู่นะครับ
อีกวิธีหนึ่งที่ผมใช้บ่อยว่าคือสกรีนผลประกอบการรายไตรมาสครับ ที่ผมจะดูมีสองประเภท ประเภทแรกบ.ที่กำไรโตผิดปกติ จะเข้าไปดูเหตุผลว่ามันเกิดจากอะไร เราสามารถนำไปต่อยอดได้หรือไม่ ราคาหุ้นน่าสนใจหรือไม่ ธุรกิจเป็นอย่างไรเรามีความเข้าใจมันมากน้อยแค่ไหน อีกประเภทหนึ่งคือกำไรลดลงผิดปกติ ตรงนี้มันก็คือโอกาสครับ ถ้าบ.นั้นกำไรลดลงจากเหตุที่ไม่ปกติซึ่งสามารถแก้ไขได้ บางทีราคาหุ้นรับข่าวร้ายมากเกินไปมันก็เป็นโอกาสครับ
อีกวิธีหนึ่งที่ทำให้เจอหุ้นดี ๆ ได้บ่อยเหมือนกันคือ การดูอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลหรือ yield ครับ ผมเองมีความเชื่ออยู่ว่า yield ที่สูงเปรียบเสมือนเกราะป้องกันไม่ให้หุ้นตกมากนัก ในยามที่ตลาดไม่ดี บางคนมีความเชื่อว่าหุ้นที่ yield สูงมักไม่ค่อยน่าสนใจ อาจจะเพราะบ.ไม่มีโครงการอะไรใหม่ ๆ ทำให้เงินเหลือสามารถเอามาจ่ายเงินปันผล แต่นั่นเป็นความเชื่อเพียงด้านหนึ่งครับ ผมว่าในความเป็นจริง จะมีบ.บางแห่งที่ yield สูง แต่มีการขยายกิจการ มีการเติบโตของกำไร บ.เหล่านี้เมื่อกำไรมากขึ้นก็จะจ่ายเงินปันผลมากขึ้น ราคาหุ้นก็จะขยับตามครับ หุ้นแนวนี้อาจจะรู้สึกน่าเบื่อเชื่องช้า แต่มั่นคงครับ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความหวือหวา
วิธีสุดท้ายก็คือ ข้อมูลจากสภาพแวดล้อมทั่ว ๆ ไปครับ เช่น ข่าวของบ.เอง ทั้งข่าวดีและข่าวร้าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูด้วยว่าน่าเชื่อถือแค่ไหน โดยเฉพาะข่าวดี หรือข่าวเศรษฐกิจทั่ว ๆ ไป ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ฯลฯ สินค้าพวกนี้มันเป็นวัฏจักรครับ มีขึ้นมีลง บางครั้งระบบการเรียนรู้ของเราเหมือนจะต้องมีข้อมูลในหัวจากการสะสมความรู้พวกนี้ เช่น ถ้าราคาน้ำมันลดลงเราจะนึกถึงบ.ไหนบ้างที่ได้ประโยชน์ 10 บ.เป็นต้น เราอาจจะเข้าไปดูมันทั้ง 10 บ.ที่เราเคยลิสต์ไว้ในหัว แล้วก็ดูว่าราคาหุ้นน่าสนใจไหม ธุรกิจมันเป็นยังไงบ้าง นอกจากนั้นการสังเกตเช่น การไปเดินซื้อของร้านหรือสินค้าอะไรที่ขายดีหรือไม่ดีก็เป็นข้อมูลอย่างหนึ่งครับ แต่ข้อมูลแบบนี้มันเป็นข้อมูลในเชิงคุณภาพเป็นหลักครับ
นอกจากนั้นสิ่งที่สำคัญอันหนึ่งก็คือการขอข้อมูลจาก IR ครับ อันนี้สำคัญมาก เพราะบางครั้งสมมติฐานของเราเกี่ยวกับธุรกิจมันอาจจะไม่ถูกต้อง ยกตัวอย่างที่ผมเคยเจอเช่น ตอนนั้นราคาพลาสติกโลกเป็นขาลง ผมเข้าใจว่าบ. A ซึ่งใช้วัตถุดิบเป็นเม็ดพลาสติกน่าจะได้ประโยชน์จากราคาพลาสติกที่ลดลง ผมจึงสอบถามไปที่บ. ข้อมูลที่ผมได้รับกลับเป็นสิ่งที่ไม่ใช่แบบที่ผมคิด เพราะบ.ต้องปรับราคาขายขึ้นลงตามราคาวัตถุดิบ เพราะลูกค้าเค้าก็จะรู้ว่าต้นทุนของบ.เป็นอย่างไร
อันสุดท้ายก็คือข้อมูลของตัวหุ้นเองครับ ผมว่าหลายคนคงเคยเข้าไปศึกษาหุ้นบางตัว แต่เจออะไรบางอย่างที่เป็นอุปสรรคของหุ้นตัวนั้น ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าถ้าบ.ไม่สามารถปลดล็อคตรงนั้นได้ ราคาหุ้นมันก็ไม่มีทางขึ้น ผมยกตัวอย่างเช่น การขาดทุนสะสมที่เป็นตัวเลขมากจนบ.ไม่สามารถดำเนินธุรกิจปกติแล้วล้างมันได้ แต่เราอาจจะรู้สึกว่าธุรกิจช่วงหลังมันก็ดีขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง กำไรมันก็ดีขึ้น แต่ถ้าบ.ไม่สามารถล้างขาดทุนตรงนั้นแล้วกลับมาจ่ายเงินปันผล ความน่าสนใจของหุ้นตัวนี้มันก็แทบจะหมดลง ในกรณีแบบนี้ถ้าวันดีคืนดีเราได้ข่าวว่าหุ้นตัวนั้นอาจจะมีโครงการอะไรบางอย่างที่จะล้างปัจจัยที่ "ล็อคหุ้น" ออกไป ถ้าเราคาดการณ์และได้ข้อมูลที่แม่นยำเราก็อาจจะปัดฝุ่นเอาหุ้นตัวนั้นมาดูอีกครั้งครับ ข้อมูลพวกนี้อาจจะรวมถึงกรณีที่บ.มีทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลที่เราไม่เคยคิดว่าบ.จะบริหารจัดการเพื่อทำกำไรก็ได้ครับ
ถ้านึกอะไรออกแล้วจะมาต่อแล้วกันครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 84
ต่อครับleky เขียน: อีกวิธีหนึ่งที่ผมใช้บ่อยว่าคือสกรีนผลประกอบการรายไตรมาสครับ ที่ผมจะดูมีสองประเภท ประเภทแรกบ.ที่กำไรโตผิดปกติ จะเข้าไปดูเหตุผลว่ามันเกิดจากอะไร เราสามารถนำไปต่อยอดได้หรือไม่ ราคาหุ้นน่าสนใจหรือไม่ ธุรกิจเป็นอย่างไรเรามีความเข้าใจมันมากน้อยแค่ไหน
ผมขยายความตรงนี้อีกนิดนึงครับ บ.ที่ผลประกอบการมีกำไรหรือขาดทุนมากกว่าปกติดูไม่ยากครับ พวกที่มีคำชี้แจงสาเหตุที่ผลประกอบการกำไรหรือขาดทุนมากกว่า 20% มักจะมีสาเหตุคร่าว ๆ ให้เราเลือกได้ว่าน่าจะเข้าไปดูหรือเปล่า เช่น ถ้ากำไรที่โตเกิดจากการโอนกลับค่าอะไรบางอย่าง แบบนี้ผมจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเหตุผลที่มีคุณภาพกว่า เช่น ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากอะไรก็แล้วแต่ หรือต้นทุนการผลิตลดลง ตรงนี้ผมมักจะเข้าไปดูครับ
นอกจากนี้ข้อมูลการซื้อขายของผบห.ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งครับ ถ้าผบห.มีการซื้อหุ้นอย่างหนัก เราก็อาจจะเข้าไปดูว่าบ.มีพื้นฐานอะไรที่เปลี่ยนไปหรือเปล่า
อีกจุดหนึ่งที่บางคนอาจจะมองข้ามไปคือพวกบทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ครับ บางคนชอบมองว่านักวิเคราะห์พวกนี้ผิดบ่อย แต่ผมมีมุมมองอีกอย่างหนึ่งครับ ถ้าเป็นบ.ใหญ่ ๆ ถ้าในแง่ของข้อเท็จจริง ผมว่าเค้าวิเคราะห์ไม่ค่อยผิดหรอกครับ เช่น ข้อมูลการเพิ่มกำลังการผลิต การประมาณการยอดขาย แต่ที่เรามักจะคิดว่าเค้าผิดคือราคาเป้าหมายครับ แต่เราควรจะต้องมองแบบนี้ด้วยครับว่าหุ้นใหญ่มักเป็นหุ้นตลาด บางครั้งการเคลื่อนไหวของราคามันอิงตามสภาพตลาดด้วยครับ แต่ถ้าเป็นบทวิเคราะห์ของโบรกผมจะให้ความสนใจพวกบ.เล็ก ๆ ครับ เพราะหลายครั้งที่สังเกตมามักมีข้อเท็จจริงที่เชื่อถือได้ครับ เนื่องจากการเขียนบทวิเคราะห์ไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ เค้านั่งเทียนเขียนขึ้นมาเองนะครับ นักวิเคราะห์ก็ต้องไปพบผบห. ฟังข้อมูล การคาดการณ์จากบ. ที่สำคัญถ้าเป็นบ.ขนาดเล็ก ผมเชื่อว่าถ้าไม่มีอะไรดี ๆ เค้าก็ไม่อยากเชิญนักวิเคราะห์ไปที่บ.เค้าหรอกครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 85
มาอีกประเด็นนึงครับ
ทีนี้ถ้าเราหาหุ้นที่สนใจได้แล้ว เราก็คงเข้าไปดูข้อมูลของบ.อย่างละเอียดครับ ผมว่าประเด็นนี้หลายคนคงเคยอ่านมาเยอะแล้วว่าจะทำยังไง มีทั้งเข้าไปดูรายงานประจำปี ภาพรวมธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ ความเสี่ยง ข่าวเก่า ๆ ทางสื่อ เช่นการประมาณการยอดขายหรือกำไร ผบห.เป็นประเภท "โม้อมตะ" หรือไม่ ธรรมาภิบาลของผบห. ฯลฯ บางทีถ้าดูละเอียดก็ต้องไปดูกันเลยว่ายอดขายเป็นแบบฤดูกาลหรือไม่ เงินปันผลที่จ่ายจริงคิดเป็นอัตราเท่าไหร่ของกำไร เพราะหลายบ.จ่ายมากกว่านโยบายมากครับ
จุดนึงที่น่าสนใจคือรายงานบันทึกการประชุมประจำปีของบครั้งล่าสุดครับ ตรงนี้มันเป็นการบันทึกการประชุมสด หลายครั้งมีคำถามสดที่ผบห.ยากที่จะหลีกเลี่ยงการตอบครับ รวมถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่างของบ. หรือบางทีมันก็จะมีแผนงานของปีหน้า ซึ่งในรายงานประจำปีจะไม่มีเรื่องพวกนี้
พอเราดูด้านพื้นฐานแล้วทีนี้ก็คงต้องประเมินแล้วล่ะครับว่าราคาหุ้น ณ ตอนนี้มันน่าสนใจหรือไม่ แล้วในอนาคตมันน่าจะเป็นอย่างไร ตรงนี้ผมคงไม่พูดถึงนะครับ เพราะคงอ่านกันมาเยอะแล้ว การประเมินมันก็มีหลายแบบ
แต่ที่อยากจะพูดจุดหนึ่งก็คือ ถ้าเราจะซื้อหุ้นตัวนี้มันมี MOS หรือไม่ สำหรับผม MOS มันมองได้สองมุมครับ คือมุมมองของ MOS ในแง่ของราคาหุ้น กับมุมมองในเชิงธุรกิจครับ
บางคนอาจจะมองในเชิง upside หรือ downside สำหรับผมเองถ้าหุ้นตัวนั้น upside มากแต่ downside ก็มากเหมือนกันผมจะพยายามหลีกเลี่ยงครับ เพราะผมถือหลัก "หุ้นไม่ซื้อไม่ขาดทุน" ถ้าเจอของที่ไม่ดีก็อย่าไปซื้อครับ ถ้าเราขาดทุน 50% แต่เวลาเราจะเอาเงินที่ขาดทุนคืนเรากลับต้องทำกำไรจากเงินที่เหลือ 100% ครับ
จะว่าไปการประเมิน MOS หรือ upside downside มันเหมือนศิลปะนะครับ ไม่มีอะไรตายตัว บางทีผมก็ยอมรับว่ามันก็ใช้ความรู้สึกหรือประสบการณ์ก็เยอะครับ
ทีนี้ถ้าเราหาหุ้นที่สนใจได้แล้ว เราก็คงเข้าไปดูข้อมูลของบ.อย่างละเอียดครับ ผมว่าประเด็นนี้หลายคนคงเคยอ่านมาเยอะแล้วว่าจะทำยังไง มีทั้งเข้าไปดูรายงานประจำปี ภาพรวมธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ ความเสี่ยง ข่าวเก่า ๆ ทางสื่อ เช่นการประมาณการยอดขายหรือกำไร ผบห.เป็นประเภท "โม้อมตะ" หรือไม่ ธรรมาภิบาลของผบห. ฯลฯ บางทีถ้าดูละเอียดก็ต้องไปดูกันเลยว่ายอดขายเป็นแบบฤดูกาลหรือไม่ เงินปันผลที่จ่ายจริงคิดเป็นอัตราเท่าไหร่ของกำไร เพราะหลายบ.จ่ายมากกว่านโยบายมากครับ
จุดนึงที่น่าสนใจคือรายงานบันทึกการประชุมประจำปีของบครั้งล่าสุดครับ ตรงนี้มันเป็นการบันทึกการประชุมสด หลายครั้งมีคำถามสดที่ผบห.ยากที่จะหลีกเลี่ยงการตอบครับ รวมถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่างของบ. หรือบางทีมันก็จะมีแผนงานของปีหน้า ซึ่งในรายงานประจำปีจะไม่มีเรื่องพวกนี้
พอเราดูด้านพื้นฐานแล้วทีนี้ก็คงต้องประเมินแล้วล่ะครับว่าราคาหุ้น ณ ตอนนี้มันน่าสนใจหรือไม่ แล้วในอนาคตมันน่าจะเป็นอย่างไร ตรงนี้ผมคงไม่พูดถึงนะครับ เพราะคงอ่านกันมาเยอะแล้ว การประเมินมันก็มีหลายแบบ
แต่ที่อยากจะพูดจุดหนึ่งก็คือ ถ้าเราจะซื้อหุ้นตัวนี้มันมี MOS หรือไม่ สำหรับผม MOS มันมองได้สองมุมครับ คือมุมมองของ MOS ในแง่ของราคาหุ้น กับมุมมองในเชิงธุรกิจครับ
บางคนอาจจะมองในเชิง upside หรือ downside สำหรับผมเองถ้าหุ้นตัวนั้น upside มากแต่ downside ก็มากเหมือนกันผมจะพยายามหลีกเลี่ยงครับ เพราะผมถือหลัก "หุ้นไม่ซื้อไม่ขาดทุน" ถ้าเจอของที่ไม่ดีก็อย่าไปซื้อครับ ถ้าเราขาดทุน 50% แต่เวลาเราจะเอาเงินที่ขาดทุนคืนเรากลับต้องทำกำไรจากเงินที่เหลือ 100% ครับ
จะว่าไปการประเมิน MOS หรือ upside downside มันเหมือนศิลปะนะครับ ไม่มีอะไรตายตัว บางทีผมก็ยอมรับว่ามันก็ใช้ความรู้สึกหรือประสบการณ์ก็เยอะครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 210
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 86
ขอบคุนมากกคับพี่เล็กที่มาแบ่งปันประสบการณ์คับบ
ขอบคุนพี่หมอเคด้วยคับบ
ของผมจะค่อนข้างคล้ายกับพี่เล็กคับ แต่จะต่างกันที่ผมไม่ค่อยซื้อบริษัทที่ดีคับ จะชอบซื้อบริษัทที่ไม่ดีคับ
ยิ่งไม่ดีมากๆยิ่งชอบคับ เพราะผมรู้worst case แล้วซึ่งในการลงทุนสิ่งที่ผมว่ายากที่สุดคือการประเมิน
Worst case ครับซึ่งผมคิดว่าเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ขาดทุนคับบ
แม้แต่คนที่เล่นเทคนิคพอมีสัญญานขายแล้วบางคนยังไม่ยอมขาย เพราะไม่คิดว่าจะเกิดworst caseนี่ล่ะคับ
ขอบคุนพี่หมอเคด้วยคับบ
ของผมจะค่อนข้างคล้ายกับพี่เล็กคับ แต่จะต่างกันที่ผมไม่ค่อยซื้อบริษัทที่ดีคับ จะชอบซื้อบริษัทที่ไม่ดีคับ
ยิ่งไม่ดีมากๆยิ่งชอบคับ เพราะผมรู้worst case แล้วซึ่งในการลงทุนสิ่งที่ผมว่ายากที่สุดคือการประเมิน
Worst case ครับซึ่งผมคิดว่าเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ขาดทุนคับบ
แม้แต่คนที่เล่นเทคนิคพอมีสัญญานขายแล้วบางคนยังไม่ยอมขาย เพราะไม่คิดว่าจะเกิดworst caseนี่ล่ะคับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 87
เข้าที่ประเด็นสุดท้ายแล้วกันครับ น้องเค้าถามนิดเดียว ผมก็ตอบซะยืดยาว ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดนะครับ ถูกผิดแล้วแต่มุมมองครับ
เรื่องสุดท้ายที่อยากจะพูดถึงคือเรื่องการประเมินผลของหุ้นครับ
การบริหารพอร์ตนี่มันมีหลายแนวทางมากครับ อย่างที่บอกไปตอนต้น ถ้าเราอ่านหนังสือมาก เราจะเข้าใจว่ามันมีแนวคิดมากมาย แม้แต่เรื่องเดียวกันเค้าก็อาจจะมองต่างกัน แต่ผมมองแบบนี้ครับ หลายเรื่องมันเชื่อมโยงกันครับ แนวคิดของเซียนระดับโลก บางทีมันดูเหมือนจะต่างกัน แต่ถ้าเราลองวิเคราะห์ดูเราอาจจะดึงจุดดี ๆ ของเค้ามาใช้เป็นของตัวเองได้ครับ
เวลาที่ผมซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ผมก็จะมี target ของผมอยู่ว่าผมจะดูอะไร และให้เวลากับมันแค่ไหน ระหว่างที่เวลาผ่านไปงบออกทีละไตรมาส ผมก็จะดูว่ามันเป็นไปตามที่เราคิดหรือไม่ เหมือนเราตั้งสมมติฐาน ทำการทดลอง เอาผลมาวิเคราะห์ ผมจะแบ่งผลของมันเป็น 4 กลุ่มครับ
1) ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราคาดการณ์และราคาหุ้นขึ้นไปตาม แบบนี้ถือว่าดีที่สุด
2) ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราคาดการณ์แต่ราคาหุ้นไม่ไปไหนหรือตกลง แบบนี้ถือว่ายังไม่เสียหายเพราะในเชิงการวิเคราะห์พื้นฐานถือว่ายังไม่ผิดพลาด แต่อาจจะต้องให้เวลาหุ้นตัวนั้นอีกหน่อย
3) ผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์แต่หุ้นขึ้น แบบนี้ผมจะถือว่าผมฟลุ๊คครับ หุ้นมันอาจจะขึ้นเพราะ "เจ้าเข้า" ข่าวลือ หรือตลาดกระทิงก็แล้วแต่ แต่สิ่งสำคัญคือ "อย่า bias" ในกรณีแบบนี้เด็ดขาดครับ เพราะมันจะทำให้เราติดกับดักตัวเองครับ เหมือนที่เราเคยได้ยินว่า "ยามตลาดกระทิง ใครซื้ออะไรมันก็ขึ้น"
4) ผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์และหุ้นไม่ขึ้นหรือลง แบบนี้คือแย่ที่สุดครับ ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ ผมจะกลับมาทบทวนใหม่ว่าผมพลาดตรงไหน ความผิดพลาดมันแก้ไขได้หรือไม่ ต้องให้เวลาหุ้นมันมากกว่าเดิมหรือไม่ ถ้าประเมินแล้วไม่มีทางแก้ไข มันคงมีอยู่ทางเดียวครับ คือยอมเจ็บขายหุ้นตัวนั้นออกไปครับ
เรื่องสุดท้ายที่อยากจะพูดถึงคือเรื่องการประเมินผลของหุ้นครับ
การบริหารพอร์ตนี่มันมีหลายแนวทางมากครับ อย่างที่บอกไปตอนต้น ถ้าเราอ่านหนังสือมาก เราจะเข้าใจว่ามันมีแนวคิดมากมาย แม้แต่เรื่องเดียวกันเค้าก็อาจจะมองต่างกัน แต่ผมมองแบบนี้ครับ หลายเรื่องมันเชื่อมโยงกันครับ แนวคิดของเซียนระดับโลก บางทีมันดูเหมือนจะต่างกัน แต่ถ้าเราลองวิเคราะห์ดูเราอาจจะดึงจุดดี ๆ ของเค้ามาใช้เป็นของตัวเองได้ครับ
เวลาที่ผมซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ผมก็จะมี target ของผมอยู่ว่าผมจะดูอะไร และให้เวลากับมันแค่ไหน ระหว่างที่เวลาผ่านไปงบออกทีละไตรมาส ผมก็จะดูว่ามันเป็นไปตามที่เราคิดหรือไม่ เหมือนเราตั้งสมมติฐาน ทำการทดลอง เอาผลมาวิเคราะห์ ผมจะแบ่งผลของมันเป็น 4 กลุ่มครับ
1) ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราคาดการณ์และราคาหุ้นขึ้นไปตาม แบบนี้ถือว่าดีที่สุด
2) ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราคาดการณ์แต่ราคาหุ้นไม่ไปไหนหรือตกลง แบบนี้ถือว่ายังไม่เสียหายเพราะในเชิงการวิเคราะห์พื้นฐานถือว่ายังไม่ผิดพลาด แต่อาจจะต้องให้เวลาหุ้นตัวนั้นอีกหน่อย
3) ผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์แต่หุ้นขึ้น แบบนี้ผมจะถือว่าผมฟลุ๊คครับ หุ้นมันอาจจะขึ้นเพราะ "เจ้าเข้า" ข่าวลือ หรือตลาดกระทิงก็แล้วแต่ แต่สิ่งสำคัญคือ "อย่า bias" ในกรณีแบบนี้เด็ดขาดครับ เพราะมันจะทำให้เราติดกับดักตัวเองครับ เหมือนที่เราเคยได้ยินว่า "ยามตลาดกระทิง ใครซื้ออะไรมันก็ขึ้น"
4) ผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์และหุ้นไม่ขึ้นหรือลง แบบนี้คือแย่ที่สุดครับ ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ ผมจะกลับมาทบทวนใหม่ว่าผมพลาดตรงไหน ความผิดพลาดมันแก้ไขได้หรือไม่ ต้องให้เวลาหุ้นมันมากกว่าเดิมหรือไม่ ถ้าประเมินแล้วไม่มีทางแก้ไข มันคงมีอยู่ทางเดียวครับ คือยอมเจ็บขายหุ้นตัวนั้นออกไปครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 88
อ่านแล้วงง ๆ ครับ ว่าหมายถึงอะไร แต่ผมว่าอีกจุดหนึ่งที่มันอาจจะเป็นปัญหามากกว่าคือ "ความโลภ" ครับ เช่น คิดว่าหุ้นตัวนี้มีโอกาสขึ้น 50% แต่ก็มีโอกาสลง 50% เหมือนกัน ผลตอบแทนทั้งขาขึ้นและขาลงอาจจะได้มากกว่า 50% ก่อนจะซื้อความโลภกลัวจะไม่ได้กำไรเข้าครอบงำ เลยมองแต่ว่าอยากได้ที่จะขึ้น 50% จนเหมือนตาบอดไม่เห็นโอกาสลง 50% เหมือนกันwigraipat เขียน:ขอบคุนมากกคับพี่เล็กที่มาแบ่งปันประสบการณ์คับบ
ขอบคุนพี่หมอเคด้วยคับบ
ของผมจะค่อนข้างคล้ายกับพี่เล็กคับ แต่จะต่างกันที่ผมไม่ค่อยซื้อบริษัทที่ดีคับ จะชอบซื้อบริษัทที่ไม่ดีคับ
ยิ่งไม่ดีมากๆยิ่งชอบคับ เพราะผมรู้worst case แล้วซึ่งในการลงทุนสิ่งที่ผมว่ายากที่สุดคือการประเมิน
Worst case ครับซึ่งผมคิดว่าเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ขาดทุนคับบ
แม้แต่คนที่เล่นเทคนิคพอมีสัญญานขายแล้วบางคนยังไม่ยอมขาย เพราะไม่คิดว่าจะเกิดworst caseนี่ล่ะคับ
หลายคนคงเคยเป็นนะครับ บางทีหุ้นบางตัวโอกาสลงน้อยหรือ downside ต่ำแต่โอกาสขึ้นมีมากแต่ประเมินแล้วผลตอบแทนมันอาจจะไม่เยอะ เช่นอาจจะได้แค่ 10-20% บางทีเรากลับคิดว่ามันน้อยก็มองข้ามมันไป
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 210
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 89
ขอบคุณสำหรับคำถามคับพี่เล็ก
จากประสบการณ์ที่ผมสังเกตุตลาดและเห็นคนรอบตัวเล่นหุ้นมาน่ะคับ
จะมีปัญหาว่าเวลาหุ้นขึ้นมักมองเห็นโอกาสยามขาขึ้น
แต่มองไม่เห็นว่าหุ้นจะลงได้ยังไงหรือประเมินไว้น้อยเกินไปนั้นคือความหมายของคำว่ามองไม่เห็นwost case คับทำให้มีโอกาสขาดทุนสูง
เพราะอาจจะมองว่าหุ้นตัวนี้มีโอกาสขึ้นได้30%โอกาสลงได้10%คุ้มที่จะลงทุน
แต่ถ้าเกิดworst caseแล้วมันลงได้ถึง50%ทำให้ขาดทุนได้คับ นั้นคือประเมินmosไว้ผิดไปคับ
แต่ถ้าเราลองคิดกลับน่ะคับถ้าเราลงทุนตอนหุ้นแย่ตอนนั้นเราอาจจะมองเห็นขาขึ้นไม่ชัดในระยะสั้น
แต่ถ้าเรามองเห็นโอกาสในระยะยาวชัดผมว่าน่าสนใจมาก เพราะโอกาสขาดทุนยามนั้นเราจะมองเห็นชัดมากเลยคับ เพราะมันเกิดให้เห็นตรงหน้าเลย แม้แต่บทวิเคราะห์ยังเชียร์ขายเลยคับ
ถ้าเรามองเห็นโอกาสในวิกฤตนั้นถือว่าคุ้มมากเลยคับ
ผมขอยกตัวอย่างน่ะคับ pttในวิกฤตมาบตาพุด
PSตอนน้ำท่วมที่คนบอกว่าบ้านในโครงการเหล่านั้นจะขายไม่ได้เลย
rojnaตอนน้ำท่วมที่คนคาดการณ์ว่าโรงงานจะย้ายหนีตอนนั้น5บาทกว่าๆเองน่ะ
Amataตอนวิกฤตsubprimeที่แทบจะขายที่ไม่ได้เลยตอนนั้น3บาทกว่าเองน่ะอิอิ
Sat,stanly ตอนขาลงอุตสาหกรรมยานยนต์
แต่การประเมินเหล่านี้ผมว่าต้องใช้ทั้งความรู้และประสบการณ์ร่วมด้วยคับบ
คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนเริ่มเล่นเพราะถ้าพลาดเป็นแบบitv , picnic , npark
คงหาทางกลับกันไม่เจอเลยล่ะคับบ
ผมอยากข้อคำแนะนำจากพี่เล็กด้วยคับว่าผมมองแบบนี้พอจะตอบคำถามพี่เล็กได้ไหมคับ
ถ้ามีข้อคิดเพิ่มเติมช่วยบอกด้วยน่ะคับ
ผมเป็นแค่เด็กน้อยตาดำมือใหม่คับ
จากประสบการณ์ที่ผมสังเกตุตลาดและเห็นคนรอบตัวเล่นหุ้นมาน่ะคับ
จะมีปัญหาว่าเวลาหุ้นขึ้นมักมองเห็นโอกาสยามขาขึ้น
แต่มองไม่เห็นว่าหุ้นจะลงได้ยังไงหรือประเมินไว้น้อยเกินไปนั้นคือความหมายของคำว่ามองไม่เห็นwost case คับทำให้มีโอกาสขาดทุนสูง
เพราะอาจจะมองว่าหุ้นตัวนี้มีโอกาสขึ้นได้30%โอกาสลงได้10%คุ้มที่จะลงทุน
แต่ถ้าเกิดworst caseแล้วมันลงได้ถึง50%ทำให้ขาดทุนได้คับ นั้นคือประเมินmosไว้ผิดไปคับ
แต่ถ้าเราลองคิดกลับน่ะคับถ้าเราลงทุนตอนหุ้นแย่ตอนนั้นเราอาจจะมองเห็นขาขึ้นไม่ชัดในระยะสั้น
แต่ถ้าเรามองเห็นโอกาสในระยะยาวชัดผมว่าน่าสนใจมาก เพราะโอกาสขาดทุนยามนั้นเราจะมองเห็นชัดมากเลยคับ เพราะมันเกิดให้เห็นตรงหน้าเลย แม้แต่บทวิเคราะห์ยังเชียร์ขายเลยคับ
ถ้าเรามองเห็นโอกาสในวิกฤตนั้นถือว่าคุ้มมากเลยคับ
ผมขอยกตัวอย่างน่ะคับ pttในวิกฤตมาบตาพุด
PSตอนน้ำท่วมที่คนบอกว่าบ้านในโครงการเหล่านั้นจะขายไม่ได้เลย
rojnaตอนน้ำท่วมที่คนคาดการณ์ว่าโรงงานจะย้ายหนีตอนนั้น5บาทกว่าๆเองน่ะ
Amataตอนวิกฤตsubprimeที่แทบจะขายที่ไม่ได้เลยตอนนั้น3บาทกว่าเองน่ะอิอิ
Sat,stanly ตอนขาลงอุตสาหกรรมยานยนต์
แต่การประเมินเหล่านี้ผมว่าต้องใช้ทั้งความรู้และประสบการณ์ร่วมด้วยคับบ
คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนเริ่มเล่นเพราะถ้าพลาดเป็นแบบitv , picnic , npark
คงหาทางกลับกันไม่เจอเลยล่ะคับบ
ผมอยากข้อคำแนะนำจากพี่เล็กด้วยคับว่าผมมองแบบนี้พอจะตอบคำถามพี่เล็กได้ไหมคับ
ถ้ามีข้อคิดเพิ่มเติมช่วยบอกด้วยน่ะคับ
ผมเป็นแค่เด็กน้อยตาดำมือใหม่คับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน
โพสต์ที่ 90
ถึงบอกไว้ในตอนต้นไงครับว่า ประสบการณ์กับการควบคุมสภาพจิตใจสำคัญไม่แพ้ความรู้ครับ เวลาหุ้นตกหนัก บางครั้งเราก็รู้สึกว่าหุ้นมันถูกครับ แต่ที่เราไม่กล้าซื้อเพราะ ความกลัวครับ กลัวว่ามันจะถูกอีก ฯลฯwigraipat เขียน: ผมอยากข้อคำแนะนำจากพี่เล็กด้วยคับว่าผมมองแบบนี้พอจะตอบคำถามพี่เล็กได้ไหมคับ
ถ้ามีข้อคิดเพิ่มเติมช่วยบอกด้วยน่ะคับ
ผมเป็นแค่เด็กน้อยตาดำมือใหม่คับ
ผมว่าหุ้นที่ตกหนักนี่ต้องประเมินดี ๆ ครับ ถ้าเป็นเพราะตลาดไม่ดี มันลงตามตลาดแต่ถ้าตัวธุรกิจยังดี ผมมองว่ามันก็คือโอกาสครับ แต่ถ้าหุ้นตกหนักเพราะตัวบ.เองมีปัญหาอันนี้ก็ต้องดูให้ละเอียดครับ ถ้าไม่แน่ใจก็ไม่ต้องไปเสี่ยงครับ วันพระไม่ได้มีหนเดียว วันนี้ไม่ได้ซื้อหุ้นที่ถูกใจเดี๋ยวก็มีตัวใหม่มาให้เลือกครับ หุ้นนี่ไม่ซื้อซะอย่างไม่มีทางขาดทุนครับ เพียงแต่อย่า "มือบอน" เท่านั้นครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"