ใจเย็น ใจร้อน บุคลิกมีผลต่อการลงทุนรึเปล่า
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ใจเย็น ใจร้อน บุคลิกมีผลต่อการลงทุนรึเปล่า
โพสต์ที่ 1
เคยมีคนถามผมว่า ดูผมเป็นคนนิ่งๆ ใจเย็น บุคลิกนี้มีผลต่อการลงทุนรึเปล่า
ผมก็ตอบว่า ภายนอกผมดูเป็นคนใจเย็น แต่ใจจริงๆผมเป็นคนใจร้อนมากนะ
และผมก็พูดต่อว่า ตลาดหุ้นมันเป็นหลักจิตวิทยาในส่วนหนึ่ง ต่อตัวผมเองก็เคยเป็นที่ว่า
ใจของผมวิ่งตามราคาที่ขึ้นลง ดังนั้นเหมือนใจเป็นไปตามราคา (เมื่อราคาขึ้นในหุ้นที่ถืออยู่ก็ตื่นเต้นและเตรียมขาย
เมื่อราคาลงก็ตื่นกลัวและเตรียมขายตัดขาดทุน และเมื่อขาดทุน ในใจก็คิดว่าไว้ก่อนเถอะจะมาเอาคืน
ซึ่งเมื่อดูตัวเองกับการกระทำที่พร้อมที่จะซื้อหรือขายอย่างรวดเร็วนี้ ผมว่าผมก็อยู่ในกลุ่มคนใจร้อน )
แต่เมื่อเวลาที่เราเข้าใจตลาดหุ้น ใจเราก็ไม่จำเป็นต้องวิ่งขึ้นลงตามราคา
ถ้าแยกเป็นสัญชาตญาณโดยทั่วไปของมนุษย์ ก็น่าจะแบ่งได้เป็น คนใจเย็น และ คนใจร้อน (คนพอดีคงจะมีน้อยรึเปล่า)
ถ้าเป็นคนใจร้อนเล่นหุ้น ก็ดูเหมือนมีความเป็นไปได้ว่า จะมีการซื้อขายที่รวดเร็ว มีใจปรารถนาอยากได้กำไรที่มากกว่า
ถ้าเป็นคนใจเย็นเล่นหุ้น ก็ดูเหมือนมีความเป็นไปได้ว่า จะมีการซื้อขายที่ช้ากว่า และยอมรับความเป็นไปในขาดทุนหรือกำไรได้มากกว่า
แต่ถ้ามองเช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่าลักษณะคนใจร้อน คนใจเย็นนั้น ไม่ได้บอกถึงว่าจะสามารถประสบความสำเร็จในการลงทุนได้เลย
แต่ส่วนต่อไป คือ สติปัญญา ซึ่งถ้าเราใช้ มันจะนำพาเราไปถึงคำว่า เข้าใจ
การเข้าใจนี้แหละเป็นสิ่งที่สำคัญ ในการพาเราไปประสบความสำเร็จ
ถ้าให้เปรียบความเข้าใจ ก็เปรียบได้กับสิ่งที่พาตัวเราออกนอกเกม
ผมเคยเล่นเกม และในเกมก็จะมีตัวละครเอก และตัวเราก็เล่นเป็นตัวละครเอกนั้นในเกม
และผจญภัยในเกมไปเรื่อยๆ เจอปัญหาในเกมหลายๆครั้ง บางทีก็เจอทางตัน
และบางที่ผมก็ปวดหัว สับสน หาทางออกไม่ได้ เหมือนผมเป็นตัวละครในเกมจริงๆ
แต่พอผมตั้งสติได้และเข้าใจ ผมรู้สึกได้ว่า ตัวผมได้กลับออกมาอยู่นอกเกม และผมยังคงต้องการจบเกมนี้
เมื่อตัวผมอยู่นอกเกม และไม่สับสนกับการเป็นตัวละครเอก ผมจึงได้เข้าใจว่า เกมนี้กำลังต้องการให้ผมทำอะไร
และองค์ประกอบในฉากนั้นๆกำลังทำหน้าที่อะไรอยู่
เมื่อผมเข้าใจ ผมก็รู้ว่าผมต้องพาตัวละครเอกไปทางไหนเพื่อให้จบเกมได้
จึงคล้ายอยากจะบอกว่า ถ้าเรามีสติและเข้าใจ เราจะกลับมาเป็นผู้คุมเกม
และการจะคุมเกมได้ดีเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับความเข้าใจของเราเอง
อย่างเช่นในตลาดหุ้นและในรูปแบบธุรกิจนั้น
ความเข้าใจก็ยังแบ่งได้ออกเป็นหลายระดับอีก ซึ่งจะใช้เกณฑ์แบ่งเป็นระยะเวลา
การเข้าใจในตลาดหุ้น แบบระยะสั้น ถ้าเป็นระยะปี ก็เข้าใจการคาดการณ์กำไร การเคลื่อนไหวราคา
การเข้าใจในตลาดหุ้น แบบระยะกลาง ถ้าเป็นระยะ 3-5 ปี ก็เข้าใจได้มากกว่าระยะสั้นถึงพวกวัฏจักร หุ้นวัฏจักร
การเข้าใจในตลาดหุ้น แบบระยะยาว ถ้าเป็นระยะเป็น 10 ปีหรือมากกว่านั้น ก็เข้าใจได้มากกว่าระยะกลาง
จนถึงความเป็นจริงตามที่เค้าว่ากันว่า วัฎจักรเศรษฐกิจแต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 10 ปี และถ้าเรามีความเข้าใจในการซื้อบริษัทที่ดี และยังคงมีอนาคตสามารถคงอยู่ได้ ในเวลาที่ราคาถูก และหุ้นตกต่ำ และถ้าการดำเนินชีวิตยังคงเป็นไปอย่างปกติ เมื่อถึงช่วงเวลาที่เศรษฐกิจดี การสะท้อนด้านราคาก็จะออกมา
คล้ายๆกับที่มีนักลงทุนชื่อดังเค้าว่า การซื้อวันนี้ ก็เปรียบเป็นการซื้ออนาคตของอเมริกา Buying American
และเมื่อเรามีสติปัญญา และความเข้าใจนี่แหละ
ความเข้าใจนี้ ก็จะมาผสมกับบุคลิกที่เรามี ทั้งคนใจร้อน และคนใจเย็น
และก็เกิดเป็นลักษณะของแต่ละบุคลขึ้นตามการผสมผสาน
ถ้าการผสมผสานยิ่งพอดีเท่าไหร่ ก็จะยิ่งดีพอที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในการลงทุนเท่านั้น
ผมก็ตอบว่า ภายนอกผมดูเป็นคนใจเย็น แต่ใจจริงๆผมเป็นคนใจร้อนมากนะ
และผมก็พูดต่อว่า ตลาดหุ้นมันเป็นหลักจิตวิทยาในส่วนหนึ่ง ต่อตัวผมเองก็เคยเป็นที่ว่า
ใจของผมวิ่งตามราคาที่ขึ้นลง ดังนั้นเหมือนใจเป็นไปตามราคา (เมื่อราคาขึ้นในหุ้นที่ถืออยู่ก็ตื่นเต้นและเตรียมขาย
เมื่อราคาลงก็ตื่นกลัวและเตรียมขายตัดขาดทุน และเมื่อขาดทุน ในใจก็คิดว่าไว้ก่อนเถอะจะมาเอาคืน
ซึ่งเมื่อดูตัวเองกับการกระทำที่พร้อมที่จะซื้อหรือขายอย่างรวดเร็วนี้ ผมว่าผมก็อยู่ในกลุ่มคนใจร้อน )
แต่เมื่อเวลาที่เราเข้าใจตลาดหุ้น ใจเราก็ไม่จำเป็นต้องวิ่งขึ้นลงตามราคา
ถ้าแยกเป็นสัญชาตญาณโดยทั่วไปของมนุษย์ ก็น่าจะแบ่งได้เป็น คนใจเย็น และ คนใจร้อน (คนพอดีคงจะมีน้อยรึเปล่า)
ถ้าเป็นคนใจร้อนเล่นหุ้น ก็ดูเหมือนมีความเป็นไปได้ว่า จะมีการซื้อขายที่รวดเร็ว มีใจปรารถนาอยากได้กำไรที่มากกว่า
ถ้าเป็นคนใจเย็นเล่นหุ้น ก็ดูเหมือนมีความเป็นไปได้ว่า จะมีการซื้อขายที่ช้ากว่า และยอมรับความเป็นไปในขาดทุนหรือกำไรได้มากกว่า
แต่ถ้ามองเช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่าลักษณะคนใจร้อน คนใจเย็นนั้น ไม่ได้บอกถึงว่าจะสามารถประสบความสำเร็จในการลงทุนได้เลย
แต่ส่วนต่อไป คือ สติปัญญา ซึ่งถ้าเราใช้ มันจะนำพาเราไปถึงคำว่า เข้าใจ
การเข้าใจนี้แหละเป็นสิ่งที่สำคัญ ในการพาเราไปประสบความสำเร็จ
ถ้าให้เปรียบความเข้าใจ ก็เปรียบได้กับสิ่งที่พาตัวเราออกนอกเกม
ผมเคยเล่นเกม และในเกมก็จะมีตัวละครเอก และตัวเราก็เล่นเป็นตัวละครเอกนั้นในเกม
และผจญภัยในเกมไปเรื่อยๆ เจอปัญหาในเกมหลายๆครั้ง บางทีก็เจอทางตัน
และบางที่ผมก็ปวดหัว สับสน หาทางออกไม่ได้ เหมือนผมเป็นตัวละครในเกมจริงๆ
แต่พอผมตั้งสติได้และเข้าใจ ผมรู้สึกได้ว่า ตัวผมได้กลับออกมาอยู่นอกเกม และผมยังคงต้องการจบเกมนี้
เมื่อตัวผมอยู่นอกเกม และไม่สับสนกับการเป็นตัวละครเอก ผมจึงได้เข้าใจว่า เกมนี้กำลังต้องการให้ผมทำอะไร
และองค์ประกอบในฉากนั้นๆกำลังทำหน้าที่อะไรอยู่
เมื่อผมเข้าใจ ผมก็รู้ว่าผมต้องพาตัวละครเอกไปทางไหนเพื่อให้จบเกมได้
จึงคล้ายอยากจะบอกว่า ถ้าเรามีสติและเข้าใจ เราจะกลับมาเป็นผู้คุมเกม
และการจะคุมเกมได้ดีเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับความเข้าใจของเราเอง
อย่างเช่นในตลาดหุ้นและในรูปแบบธุรกิจนั้น
ความเข้าใจก็ยังแบ่งได้ออกเป็นหลายระดับอีก ซึ่งจะใช้เกณฑ์แบ่งเป็นระยะเวลา
การเข้าใจในตลาดหุ้น แบบระยะสั้น ถ้าเป็นระยะปี ก็เข้าใจการคาดการณ์กำไร การเคลื่อนไหวราคา
การเข้าใจในตลาดหุ้น แบบระยะกลาง ถ้าเป็นระยะ 3-5 ปี ก็เข้าใจได้มากกว่าระยะสั้นถึงพวกวัฏจักร หุ้นวัฏจักร
การเข้าใจในตลาดหุ้น แบบระยะยาว ถ้าเป็นระยะเป็น 10 ปีหรือมากกว่านั้น ก็เข้าใจได้มากกว่าระยะกลาง
จนถึงความเป็นจริงตามที่เค้าว่ากันว่า วัฎจักรเศรษฐกิจแต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 10 ปี และถ้าเรามีความเข้าใจในการซื้อบริษัทที่ดี และยังคงมีอนาคตสามารถคงอยู่ได้ ในเวลาที่ราคาถูก และหุ้นตกต่ำ และถ้าการดำเนินชีวิตยังคงเป็นไปอย่างปกติ เมื่อถึงช่วงเวลาที่เศรษฐกิจดี การสะท้อนด้านราคาก็จะออกมา
คล้ายๆกับที่มีนักลงทุนชื่อดังเค้าว่า การซื้อวันนี้ ก็เปรียบเป็นการซื้ออนาคตของอเมริกา Buying American
และเมื่อเรามีสติปัญญา และความเข้าใจนี่แหละ
ความเข้าใจนี้ ก็จะมาผสมกับบุคลิกที่เรามี ทั้งคนใจร้อน และคนใจเย็น
และก็เกิดเป็นลักษณะของแต่ละบุคลขึ้นตามการผสมผสาน
ถ้าการผสมผสานยิ่งพอดีเท่าไหร่ ก็จะยิ่งดีพอที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในการลงทุนเท่านั้น
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
ใจเย็น ใจร้อน บุคลิกมีผลต่อการลงทุนรึเปล่า
โพสต์ที่ 2
น่าจะมีผลเยอะนะครับ
โดยทฤษฎีแล้ว
บุคลิกแบบไหนการลงทุนก็จะเป็นแบบนั้น
แต่ที่ผมเจอบ่อยๆ(ซึ่งอาจจะเป็นส่วนน้อย)
กลายเป็นว่าพรรคพวกผมที่ชอบเสี่ยง
ทั้งเล่นบอลเล่นการพนันเล่นหวยเล่นอื่นๆ
แต่เรื่องลงทุนในหุ้นกลับตรงกันข้ามเลย
กลายเป็นคนใจเย็น สุขุมและได้กำไร
ส่วนพรรคพวกที่ใจเย็น อนุรักษ์นิยม กลัวโน่นกลัวนี่
กลับเล่นเดย์เทรด ขาดทุนกันถ้วนหน้า
อืม......ทีเรื่องนี้ไม่ยักกลัว
ตัวผมก็เหมือนกัน
ใจร้อนเป็นไฟ
อารมณ์ขึ้นลงยังกะพายุบุแคม
แต่พอเป็นเรื่องหุ้น
กลับเย็นเจี๊ยบ........
แปลกแต่จริง :shock:
โดยทฤษฎีแล้ว
บุคลิกแบบไหนการลงทุนก็จะเป็นแบบนั้น
แต่ที่ผมเจอบ่อยๆ(ซึ่งอาจจะเป็นส่วนน้อย)
กลายเป็นว่าพรรคพวกผมที่ชอบเสี่ยง
ทั้งเล่นบอลเล่นการพนันเล่นหวยเล่นอื่นๆ
แต่เรื่องลงทุนในหุ้นกลับตรงกันข้ามเลย
กลายเป็นคนใจเย็น สุขุมและได้กำไร
ส่วนพรรคพวกที่ใจเย็น อนุรักษ์นิยม กลัวโน่นกลัวนี่
กลับเล่นเดย์เทรด ขาดทุนกันถ้วนหน้า
อืม......ทีเรื่องนี้ไม่ยักกลัว
ตัวผมก็เหมือนกัน
ใจร้อนเป็นไฟ
อารมณ์ขึ้นลงยังกะพายุบุแคม
แต่พอเป็นเรื่องหุ้น
กลับเย็นเจี๊ยบ........
แปลกแต่จริง :shock:
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
ใจเย็น ใจร้อน บุคลิกมีผลต่อการลงทุนรึเปล่า
โพสต์ที่ 3
ชอบมากครับ“ถ้าการผสมผสานยิ่งพอดีเท่าไหร่ ก็จะยิ่งดีพอที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในการลงทุนเท่านั้น”
ิ
อ่านแล้วนึกถึงนิยายจีนที่ผมอ่านบ่อยๆ อิอิ
" สติมา สตางค์เกิด "
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ใจเย็น ใจร้อน บุคลิกมีผลต่อการลงทุนรึเปล่า
โพสต์ที่ 4
พอดีผมไปเปิดเจอโฆษณาชิ้นนี้ของ "ธนาคารไทยพาณิชย์" เข้า
จึงทำให้ผมนึกถึงมุมมองสั้นๆที่อยากจะแชร์อ่ะนะครับ
และคิดว่ากระทู้เก่านี้ น่าจะเหมาะสมที่สุด(เพื่อจะได้ไม่ต้องตั้งกระทู้ใหม่โดยไม่จำเป็น)
คนเราสมัยนี้ใจร้อนขึ้น...ผมรู้สึกแบบนั้นนะ
เมื่อก่อนเรารอกันเป็นชั่วโมงได้ แต่เดี๋ยวนี้เพียงไม่ถึงนาที เราก็รู้สึกอึดอัดแล้ว
ลองนึกถึงการต่อคิวในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ซิ
แค่เรารอคิวไม่นาน เราก็เริ่มหงุดหงิด แค่น้องเค้าหั่นไส้กรอกช้า ใส่ถุงช้า หรือทอนตังค์ช้า
เราเริ่มรู้สึกไม่พอใจแล้วซิ จริงไหม?
เมื่อก่อนเรานัดกัน นั่งรอกันเป็นชั่วโมง
แต่เดี๋ยวนี้ ถ้า 5 นาที ยังไม่มา ก็ต้องโทรตามโทรจิกกันแล้ว
เราเริ่มรอคอยกันน้อยลง
เมื่อก่อนเรามีเวลาอยู่กับตัวเองและคนรอบข้างมากกว่านี้
แต่...
เดี๋ยวนี้ เราอยู่กับคนรอบข้าง แต่เรากลับใช้มือถือคุยกับคนอื่น
เดี๋ยวนี้ ถ้าเรามีเวลาว่างแม้เพียงไม่กี่นาที เราก็ต้องหยิบเอา iPhone หรือสมารท์โฟนขึ้นมาเล่นแล้ว
แล้วเราจะเหลือพื้นที่ว่างให้หัวใจเราสงบ และได้อยู่กับตัวเองบ้างไหม?
ผมเอง ถามตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
การลงทุน ก็เช่นกัน
เราวัดความสำเร็จกันที่ หุ้นขึ้นเร็วทันใจ
บอกปุ๊บ ขึ้นปั๊บ!!!
ขึ้นขาย เปลี่ยนตัว ออกตัวนั้น เข้าตัวนี้...ทำรอบได้มากเท่าไหร่ ยิ่งถือว่าเก่งมากเท่านั้น
ชั่วโมง...แห่งความเป็นเจ้าของและผู้ถือหุ้น สั้นลงทุกวัน
หุ้น VI ถูกเอาไปแซวว่า เป็นหุ้น "ไวๆ" หรือ ต้องเข้าไวออกไว
คงไม่มีใครถูก และไม่มีใครผิด
ทุกการลงทุน ย่อมต้องมีแนวทางเป็นของตน และไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกัน
สุดท้าย...
งานประจำ เล่นหุ้น เล่นเน็ต คิดเรื่องธุรกิจ กู้เงิน ซื้อบ้าน เฮฮา ปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง ฯลฯ
โลกหมุนเร็วเหลือเกิน
แล้วเราเหลือช่องว่างให้หัวใจตัวเองบ้างไหม?
ภาพสุดท้ายนี้...
เป็นภาพภายในของ "ลิฟต์" ตัวหนึ่ง ในโรงแรม Concode ประเทศมาเลเซีย ที่ผมแอบชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเค้ามี ปุ่มเปิด หรือ Open เพียงอย่างเดียว
ผมเชื่อว่า เค้าไม่ได้ลืมทำ "ปุ่มปิด" เอาไว้หรอกนะครับ!!!
แต่เค้าอาจจะแค่คิดว่า คนเราก็ไม่ควรเร่งร้อนในชีวิตจนเกินไป
ลิฟต์ปิดช้าไปแค่ชั่ววินาที ก็อาจทำให้ผู้อื่นได้โดยสารไปกับเราด้วย...ก็เท่านั้นเองมั้งครับ
pak ThaiVI
จึงทำให้ผมนึกถึงมุมมองสั้นๆที่อยากจะแชร์อ่ะนะครับ
และคิดว่ากระทู้เก่านี้ น่าจะเหมาะสมที่สุด(เพื่อจะได้ไม่ต้องตั้งกระทู้ใหม่โดยไม่จำเป็น)
คนเราสมัยนี้ใจร้อนขึ้น...ผมรู้สึกแบบนั้นนะ
เมื่อก่อนเรารอกันเป็นชั่วโมงได้ แต่เดี๋ยวนี้เพียงไม่ถึงนาที เราก็รู้สึกอึดอัดแล้ว
ลองนึกถึงการต่อคิวในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ซิ
แค่เรารอคิวไม่นาน เราก็เริ่มหงุดหงิด แค่น้องเค้าหั่นไส้กรอกช้า ใส่ถุงช้า หรือทอนตังค์ช้า
เราเริ่มรู้สึกไม่พอใจแล้วซิ จริงไหม?
เมื่อก่อนเรานัดกัน นั่งรอกันเป็นชั่วโมง
แต่เดี๋ยวนี้ ถ้า 5 นาที ยังไม่มา ก็ต้องโทรตามโทรจิกกันแล้ว
เราเริ่มรอคอยกันน้อยลง
เมื่อก่อนเรามีเวลาอยู่กับตัวเองและคนรอบข้างมากกว่านี้
แต่...
เดี๋ยวนี้ เราอยู่กับคนรอบข้าง แต่เรากลับใช้มือถือคุยกับคนอื่น
เดี๋ยวนี้ ถ้าเรามีเวลาว่างแม้เพียงไม่กี่นาที เราก็ต้องหยิบเอา iPhone หรือสมารท์โฟนขึ้นมาเล่นแล้ว
แล้วเราจะเหลือพื้นที่ว่างให้หัวใจเราสงบ และได้อยู่กับตัวเองบ้างไหม?
ผมเอง ถามตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
การลงทุน ก็เช่นกัน
เราวัดความสำเร็จกันที่ หุ้นขึ้นเร็วทันใจ
บอกปุ๊บ ขึ้นปั๊บ!!!
ขึ้นขาย เปลี่ยนตัว ออกตัวนั้น เข้าตัวนี้...ทำรอบได้มากเท่าไหร่ ยิ่งถือว่าเก่งมากเท่านั้น
ชั่วโมง...แห่งความเป็นเจ้าของและผู้ถือหุ้น สั้นลงทุกวัน
หุ้น VI ถูกเอาไปแซวว่า เป็นหุ้น "ไวๆ" หรือ ต้องเข้าไวออกไว
คงไม่มีใครถูก และไม่มีใครผิด
ทุกการลงทุน ย่อมต้องมีแนวทางเป็นของตน และไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกัน
สุดท้าย...
งานประจำ เล่นหุ้น เล่นเน็ต คิดเรื่องธุรกิจ กู้เงิน ซื้อบ้าน เฮฮา ปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง ฯลฯ
โลกหมุนเร็วเหลือเกิน
แล้วเราเหลือช่องว่างให้หัวใจตัวเองบ้างไหม?
ภาพสุดท้ายนี้...
เป็นภาพภายในของ "ลิฟต์" ตัวหนึ่ง ในโรงแรม Concode ประเทศมาเลเซีย ที่ผมแอบชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเค้ามี ปุ่มเปิด หรือ Open เพียงอย่างเดียว
ผมเชื่อว่า เค้าไม่ได้ลืมทำ "ปุ่มปิด" เอาไว้หรอกนะครับ!!!
แต่เค้าอาจจะแค่คิดว่า คนเราก็ไม่ควรเร่งร้อนในชีวิตจนเกินไป
ลิฟต์ปิดช้าไปแค่ชั่ววินาที ก็อาจทำให้ผู้อื่นได้โดยสารไปกับเราด้วย...ก็เท่านั้นเองมั้งครับ
pak ThaiVI
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใจเย็น ใจร้อน บุคลิกมีผลต่อการลงทุนรึเปล่า
โพสต์ที่ 5
ถ้ามีเรื่องที่โรงแรมที่พี่ pak ว่า วิ่งหนีขึ้นลิฟท์ไม่ได้ ซวยเลย 555555+
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ใจเย็น ใจร้อน บุคลิกมีผลต่อการลงทุนรึเปล่า
โพสต์ที่ 6
เมื่อก่อน 7-11 เป็นร้านสะดวกซื้อครับ
แต่ตอนนี้ผมพบว่า ไม่ใช่
แต่เป็นร้านสะดวกขายต่างหาก
คิวยาวก็ต้องรอ ถึงรีบก็ต้องฟัง
"รับซาลาปาหนมจีบเพิ่มมั๊ยคะ ?"
แต่ตอนนี้ผมพบว่า ไม่ใช่
แต่เป็นร้านสะดวกขายต่างหาก
คิวยาวก็ต้องรอ ถึงรีบก็ต้องฟัง
"รับซาลาปาหนมจีบเพิ่มมั๊ยคะ ?"
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...