เล่นหุ้นตามกระแส/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1827
ผู้ติดตาม: 1

เล่นหุ้นตามกระแส/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โลกในมุมมองของ Value Investor 8 กันยายน 55
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

เล่นหุ้นตามกระแส

เมื่อประมาณ 30 ปีมาแล้วในช่วงที่ผมเรียนปริญญาเอกทางด้านการเงินที่เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น ทฤษฎีที่มาแรงที่สุดในขณะนั้นก็คือ Efficient Market Hypothesis หรือทฤษฎี “ตลาดที่มีประสิทธิภาพ” ซึ่งบอกว่าราคาหุ้นที่ซื้อขายอยู่ในตลาดทุกตัวนั้นเป็นราคาที่เหมาะสมอยู่แล้ว ไม่มีตัวไหนถูกหรือแพง หุ้นตัวไหนจะขึ้นหรือลงในวันพรุ่งนี้หรือเดือนหน้าเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ ในระยะยาวแล้ว หุ้นโดยเฉลี่ยก็จะโตไปตามตลาดซึ่งก็อาจจะให้ผลตอบแทนรวมประมาณปีละซัก 10% โดยเฉลี่ย ดังนั้น การใช้ข้อมูลอะไรมาวิเคราะห์พิจารณาเลือกซื้อหุ้นจึงไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นอย่างที่นักวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ เช่นเรื่องของแนวรับ แนวต้าน ข้อมูลกราฟราคาหุ้นย้อนหลัง 90 วัน 270 วัน หรือเส้นกราฟที่เรียกว่า Head and Shoulder ซึ่งนักวิเคราะห์บอกว่าเป็นรูปแบบที่ราคาหุ้นจะวิ่งไปเป็น 3 ช่วงที่เหมือนกับหัวไหล่ข้างซ้าย ศีรษะ และหัวไหล่ข้างขวา พูดง่ายๆ นักวิเคราะห์ทางเทคนิคเชื่อว่าราคาหุ้นในอดีตนั้น สามารถบอกถึงทิศทางราคาหุ้นในอนาคตได้

นักวิชาการที่เชื่อในทฤษฎีตลาดหุ้นที่มีประสิทธิภาพในขณะนั้น ได้ทดลองใช้ข้อมูลราคาหุ้นย้อนหลังพิสูจน์และก็พบว่าราคาหุ้นนั้น เคลื่อนไหวไปอย่าง “ไร้ทิศทาง” ราคาของหุ้นในวันนี้ไม่ได้มีอะไรสัมพันธ์กับราคาหุ้นในวันก่อน เส้นกราฟราคาหุ้นก็ไม่มีรูปแบบหรือแบบแผนที่แน่นอน แนวรับแนวต้านต่างๆ นั้นไม่มีจริง ยิ่งรูปแบบที่เป็น “ไหล่ ศีรษะ ไหล่” นั้น เป็นเส้นที่เกิดจาก “จินตนาการ” เหมือนกับการดูก้อนเมฆ หรือถ้าเป็นคนไทยก็อาจจะเป็นเหมือนการหาตัวเลขจากขี้เถ้าของธูปที่ขดตัวไปมา ว่าที่จริง มีเรื่องเล่าว่าศาสตราจารย์คนหนึ่งลงทุนใช้คอมพิวเตอร์วาดกราฟราคาหุ้นแบบเดาสุ่มออกมา เสร็จแล้วก็หลอกให้นักศึกษาในชั้นเรียนทางด้านเทคนิควิเคราะห์ว่า “ราคาหุ้นจะไปทางไหน” ซึ่งนักศึกษาต่างก็ใช้เทคนิคต่างๆ วิเคราะห์เป็นตุเป็นตะว่าหุ้นตัวนี้กำลัง “ฟอร์มตัว” อยู่ในช่วงไหนและจะไปอย่างไรทั้งๆที่เส้นกราฟนั้นเกิดขึ้นแบบเดาสุ่มจากคอมพิวเตอร์ และนั่นก็เป็นการ “ปิดฉาก” ของการวิเคราะห์แบบเทคนิคที่เคยเฟื่องฟูก่อนหน้านั้น

แต่เรื่องของการเล่นหุ้นนั้น ก็คงจะคล้ายๆกับทฤษฎีทางสังคมอื่นๆที่มี “วัฏจักร” และมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เราเคยเห็นหุ้นตัวใหญ่มาแรง แล้วบางช่วงหุ้นตัวเล็กก็ให้ผลตอบแทนสูงลิ่ว บางช่วงหุ้นโตเร็วมาแรงแต่บางช่วงหุ้น Value ก็มาแรงกว่า การ “พลิกผัน” หรือเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะในตลาดหุ้นนั้นกลยุทธ์ที่ได้ผลดีในช่วงเวลาหนึ่งนั้น เมื่อคนรู้มากเข้ากลยุทธ์นั้นก็จะได้ผลน้อยลงและอาจจะไม่ได้ผลอีกต่อไป คล้ายๆ กับว่า “ความสำเร็จมักจะทำลายตัวเอง” และนี่ก็นำมาสู่การกลับมาของกลยุทธ์ทางเทคนิคที่เริ่มมีการค้นพบว่า บางทีราคาหุ้นในอดีตก็อาจจะพอบอกถึงราคาที่หุ้นจะไปในอนาคตได้ กลยุทธ์ที่ว่านี้ก็คือ การเล่นหุ้นโดยดูจาก Momentum หรือที่ผมจะใช้คำว่า “เล่นหุ้นตามกระแส”

ในช่วงประมาณสิบปีที่ผ่านมาในตลาดสหรัฐและประเทศอื่นๆ มีการค้นพบใหม่ว่า หุ้นที่มีราคาวิ่งขึ้นแรงๆ ในช่วงประมาณหนึ่งปีหรือหกเดือนนั้น มักจะมี Momentum หรือมี “แรงเฉื่อย” ที่มันจะวิ่งต่อไปอีกอย่างน้อยก็ 3 ถึง 6 เดือน หรืออาจจะถึงหนึ่งปี เพราะฉะนั้น ถ้าเราเล่นหุ้นเก็งกำไรอย่างสั้นๆ เราก็สามารถลงทุนโดยทำเป็นพอร์ตหุ้นที่ซื้อหุ้นที่มีราคาวิ่งแรงที่สุดในช่วงเวลาที่กล่าว เสร็จแล้วก็ขายหลังจากที่ถือไว้ในช่วงเวลาหนึ่ง ผลการศึกษาที่ให้ซื้อหุ้นที่ขึ้นแรงที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมาแล้วถือไว้เป็นเวลา 3 เดือนให้ผลตอบแทนมากกว่าปกติถึง 10% ต่อปีเหนือกว่าตลาดซึ่งถือว่าสูงมาก เช่นเดียวกัน เราอาจจะเลือกหุ้นที่วิ่งแรงที่สุดในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา แล้วก็ถือไว้ต่ออีก 6 เดือน นี่ก็ให้ผลตอบแทนที่งดงามเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ถ้าถือหุ้นต่อไปอีก 3-5 ปี ผลตอบแทนกลับจะถดถอยลง ดังนั้น กลยุทธ์ในการเล่นหุ้นตามกระแสจึงไม่เหมาะกับนักลงทุนระยะยาว ว่าที่จริง มีการศึกษาว่าถ้าเราซื้อหุ้นที่วิ่งขึ้นมาแรงติดต่อกัน 3 ปี แล้วถือยาวต่อไปอีก 3 ปี ผลตอบแทนที่ได้กลับเป็นลบ และทั้งหมดนี้ก็เป็นการขัดแย้งกับทฤษฎีตลาดหุ้นที่มีประสิทธิภาพที่บอกว่าราคาหุ้นในอนาคตไม่สามารถคาดการณ์ได้

คำอธิบายว่าทำไมหุ้นที่ขึ้นมาแรงแล้วจึงมีโอกาสวิ่งต่อไปได้มากกว่าที่จะนิ่งหรือลง คำตอบก็ยังไม่ค่อยชัดเจนนัก อาจจะเป็นไปได้ว่าหุ้นที่ขึ้นแรงนั้น เป็นหุ้นที่ไม่ใคร่มีคนสนใจวิเคราะห์ติดตามหรือมีสภาพคล่องต่ำ เวลาที่หุ้นขึ้นไปแรงๆ คนที่ถือหุ้นไว้โดยเฉพาะที่เป็นรายย่อยอาจจะรีบขายออกไปก่อนทำให้ราคาไม่ขึ้นไปแบบม้วนเดียวจบ แต่เมื่อราคาขึ้นไปคนอาจจะสนใจมากขึ้นและเข้ามาวิเคราะห์และอาจจะพบว่าพื้นฐานกิจการกำลังดีขึ้นมากและดังนั้นจึงเข้ามาซื้อมากขึ้นและทำให้ราคาวิ่งขึ้นไปอีก กระบวนการนี้อาจจะใช้เวลา อาจจะ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ดังนั้น ในช่วงเวลาดังกล่าวหุ้นจึงวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ แต่หลังจากนั้น คนจำนวนมากหรือส่วนใหญ่อาจจะรู้ข้อมูลหมดแล้ว บางคนอาจจะเริ่มเห็นว่าราคาที่ขึ้นไปนั้นสูงเกินพื้นฐานแล้วเนื่องจากหุ้นตัวนั้นมีการ “เก็งกำไร” กันอย่างหนัก ดังนั้นเขาจึงเริ่มขาย นักลงทุนคนต่อมาก็อาจจะเห็นเหมือนกันก็เริ่มจะขายในขณะที่คนที่จะซื้อเริ่มน้อยลงไปเรื่อยๆ และนี่ทำให้การถือหุ้นที่ขึ้นมาแรงนานเกินไปโดยเฉพาะคนที่เข้ามาทีหลังขาดทุน ส่วนคนที่ออกไปก่อนในเวลาที่เหมาะสมทำกำไรได้งดงาม—ในหุ้นที่ไม่ใคร่มีคนสนใจติดตาม

ในตลาดหุ้นไทยเองนั้น ผมไม่แน่ใจว่ากลยุทธ์เล่นหุ้นตามกระแสหรือตามโมเมนตัมใช้ได้ดีแค่ไหนแม้ว่าโดยส่วนตัวจากการสังเกตในช่วงเร็วๆ นี้ ผมรู้สึกว่าหุ้นจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะที่เป็นหุ้นตัวเล็กที่มีสภาพคล่องต่ำมี “กระแส” ที่แรงมาก ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าที่เป็นอย่างนั้นทั้งหมดเป็นเรื่องของกลไกตลาดตามปกติหรือจะมีการ “ปั่น” กระแส ผสมโรงด้วยหรือไม่ ผมเพียงแต่รู้ว่าคนที่ “จับกระแส” ได้ถูกต้อง นั่นก็คือ เข้าและออกได้ถูกเวลา น่าจะสามารถทำกำไร “มโหฬาร” ในขณะที่คนที่เข้าออกผิดเวลานั้นกลับขาดทุนอย่างหนัก นอกจากนั้น ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าหลักเกณฑ์ที่ใช้ในตลาดหุ้นต่างประเทศจำนวนมากที่ให้ใช้หุ้นที่วิ่งแรงมาแล้วหนึ่งปีหรือหกเดือนและขายในช่วง 3 เดือนหรือ 6 เดือนตามลำดับนั้น ใช้ได้กับตลาดหุ้นไทยไหม ดังนั้น คนที่สนใจจะเล่นหุ้นตามกระแสก็ต้องทดลองและ “เสี่ยง” กันเอง

อาจจะมีคำถามว่าถ้าจะเล่นหุ้นตามกระแสแต่อยากจะลดความเสี่ยงโดยการเล่นเฉพาะหุ้นตัวใหญ่เช่นหุ้นใน Set 50 จะได้หรือไม่? คำตอบของผมก็คือ ได้แน่นอน อย่างไรก็ตาม การศึกษาในตลาดหุ้นต่างประเทศก็บอกว่า ผลตอบแทนก็จะน้อยลง หรือพูดง่ายๆ ถ้าหุ้นที่มีนักวิเคราะห์ติดตามมาก ซึ่งมักเป็นหุ้นตัวใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง ราคาก็อาจจะวิ่งต่อไปไม่มากนักแม้ว่ายังจะบวกอยู่

ที่พูดมาทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะแนะนำหรือเชียร์ให้เล่นหุ้นตามกระแส เพราะโดยหลักการแล้ว คงไม่มีอะไรที่จะทดแทนหรือดีกว่าการวิเคราะห์หุ้นอย่างลึกซึ้งและพิจารณาลงทุนตามหลักการแบบ VI ที่ผมเห็นว่าดีและปลอดภัยที่สุดในระยะยาว เพราะการลงทุนแบบใช้กฎเกณฑ์ที่ตายตัวนั้น อาจจะเปลี่ยนไปเมื่อไรก็ได้ดังนั้นในวันที่เราใช้มันอาจจะ “ล้าสมัย” ไปแล้วก็ได้ เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ อีกครั้ง “ความสำเร็จแบบง่ายๆ ในตลาดหุ้นนั้น มักจะทำลายตัวเอง”
Barbulleto
Verified User
โพสต์: 23
ผู้ติดตาม: 0

Re: เล่นหุ้นตามกระแส/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ยอดเลยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 0

Re: เล่นหุ้นตามกระแส/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ยอดเยี่ยมมากๆครับ ขอบคุณท่านปรมาจารย์ครับ
ศิษย์เซียน007
Verified User
โพสต์: 1252
ผู้ติดตาม: 0

Re: เล่นหุ้นตามกระแส/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณมากคับ

เล่นหุ้นตามกระแสหรือMomentum ทำให้ผมนึกถึงวิธีการเทรดของเซียนเต่าท่านหนึ่งขึ้นมาได้คับ ซึ่งวิธีการเทรดด้วยระบบของเซียนเต่าเกิดขึ้นมานานมากแล้วแถมได้เป็นที่ยอมรับกันในวงกว้าง ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นระบบที่เชี่ยวชาญในการเทรดแบบMomentumมากที่สุดระบบหนึ่งคับ เซียนเต่าเชื่อว่าใครๆก็สามารถเป็นtrader ที่ประสบความสำเร็จได้ถ้าเทรดตามระบบของเซียนเต่าอย่างเคร่งครัด จึงได้มีการทดสอบระบบตามความเชื่อของท่านขึ้นมาโดยการหาTurtle อาสาสมัครมากลุ่มหนึ่ง ได้ผู้ร่วมการทดลอง13 คน โดยเปิดบัญชีให้เล่นตลาดสินค้าล่วงหน้าคนละ 5 แสน ถึง 2 ล้านเหรียญแต่มีข้อแม้ว่าต้องเทรดตามระบบของเซียนเต่าอย่างเคร่งครัดเท่านั้นห้ามตัดสินใจเองอย่างเด็ดขาด(ซึ่งระบบของท่านเป็นระบบที่ออกแบบการกำหนดพฤติกรรมการซื้อขายไว้ในทุกๆ ด้านอย่างละเอียดเลยไม่เหลือช่องว่างให้ผู้เทรดได้ใช้ความรู้สึกและอารมณ์เข้าไปในการเทรด ) หลังจากการเทรดของอาสาสมัครผ่านไป4ปีทั้ง 13 คนสามารถทำกำไรเฉลี่ยได้ปีละ 80% ต่อคน!!!!!

เซียนเต่าผู้นี้มีชื่อว่า"Richard Dennis"เจ้าของฉายา“Prince of the pit”ผู้คิดค้นและสร้างระบบที่มีชื่อว่า"Turtle Trading"ขึ้นมาซึ่งระบบนี้มีการใช้เป็นเวลานานมากแล้วปัจจุบันนี้ก็ยังมีการใช้กันอยู่คับ สามารถอ่านหลักการฉบับเต็มของระบบได้จากลิ้งค์ด้านล่างคับ หลังการในการเทรดคร่าวๆในตลาดหุ้นก็คือให้ซื้อหุ้นที่น่าสนใจในการลงทุนเมื่อราคาหุ้นขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่{ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในช่วงเวลานี้ก็น่าจะเป็นหุ้นTMW} เนื่องจากเป็นระบบที่มีอัตรา win rate เฉลียต่า แต่มี Risk Reward ทีสูง ทำให้ผู้ที่จะเทรดด้วยระบบนี้ต้องมีจุดตัดขาดทุนที่ดีและมีความอดทนในการเทรดถึงจะประสบความสำเร็จเพราะจะต้องตัดขาดทุนอยู่หลายครั้งจากสัญญาณลวงให้เข้าซื้ออยู่บ่อยๆ
Richard Dennis บอกว่า บางทีทั้งปีคุณเทรดแค่ 10 ครั้ง อาจจะขาดทุนเสีย 9 ครั้ง และกำไรแค่ครั้งเดียว แต่เมื่อกำไรจะสามารถทำกำไรได้มากกว่าที่ขาดทุนไปหลายเท่านัก


http://www.mangmaoclub.com/the-turtle-trader-1/
TLSS
Verified User
โพสต์: 616
ผู้ติดตาม: 0

Re: เล่นหุ้นตามกระแส/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
woodooshy
Verified User
โพสต์: 185
ผู้ติดตาม: 0

Re: เล่นหุ้นตามกระแส/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 6

โพสต์

Thank kub
thanom
Verified User
โพสต์: 4
ผู้ติดตาม: 0

Re: เล่นหุ้นตามกระแส/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
anny
Verified User
โพสต์: 19
ผู้ติดตาม: 0

Re: เล่นหุ้นตามกระแส/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 8

โพสต์

Thank you
boybancha
Verified User
โพสต์: 2
ผู้ติดตาม: 0

Re: เล่นหุ้นตามกระแส/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
MacBook
Verified User
โพสต์: 6
ผู้ติดตาม: 0

Re: เล่นหุ้นตามกระแส/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณค่ะ
โพสต์โพสต์