คิดว่าตอนนี้ หุ้นจีน น่าสนใจไหมครับ

[chukieat30]

เมื่อเรามองยักษ์ใหญ่ i'm number2 อย่าง จีน

ดัชนี ลดลงมาเรื่อยๆ ยังไม่ทำนิวไฮใหม่ ตั้งแต่ก่อนซัพไพรม์

คิดว่า อนาคตหลัง ประธานเหวิน self QE จะเป็นยังไงบ้างครับ

pe หุ้นจีน 11เท่า peหุ้นไทย 17เท่า

[birthboro]

มีใครมีข้อมูลหุ้นจีน นำมาแชร์กันหน่อยดีไหมครับ ผมไม่ทราบเลยอยากรู้ครับ... ดัชนียังดูไม่เป็นเลย

[yoko]

ผมซื้อtmb china equity index fund
ข้อเสียคือเขาไม่มีเงินปันผลครับ

[thaloengsak]

ผมซื้อtmb china equity index fund
ข้อเสียคือเขาไม่มีเงินปันผลครับ

ผมชอบพวกH-Share มากกว่าครับ
มีกองนึงน่าสนใจ บริหารโดย Templeton

[chukieat30]

ตอนซัพไพรม์ ดัชนี csi300 ลงไปต่ำสุดแถว 1740 จุด

ตอนนี้ดัชนี 2000 ต้นๆ แต่ก่อนจะเกิดซัพไพรม์ ดัชนี csi เคยสูงสุดที่ 6000กว่าจุด

เรียกได้ว่า

csi300 ยังขึ้นมาไม่เจอก่อนจะเกิดซัพไพรม์ด้วยซ้ำไป

PE ตลาด csi300 =11 เท่า

ทั้งๆที่ ได้รับการคาดหมายจากคน ทั้งโลก ว่าจะเป็นผู้นำกอบกู้วิกฤติรอบนี้

ทั้งๆที่ GDP>กลุ่มประเทศในแถบเดียวกัน

แล้วทำไม ดัชนี จึงแลคการด์ที่สุดในกลุ่มเอเซีย

หรือ ว่า มังกรเพิ่งจะ ตื่น ครับ

[koon007]

ผมกลับชอบ ฝั่งยุโรป สเปน+เยอรมัน+อิตาลี+ฝรั่งเศส+อังกิดมากกว่านะครับ

[chukieat30]

คำถาม ตอนดัชนี900 ลงมา500 คุณจะกลัวหรือคุณจะกล้าในการลงไปเลือกหุ้น

แล้วตอนนี้ที่จีน

คุณจะกลัว หรือ คุณจะกล้า ในเมื่อเค้ากำลังแกรนเซลล์

สำหรับผม ซื้อ ดื่มวีต้าและก้นอน เพราะ

เด๋วมันก้จะผ่านไป

คำว่า วิกฤติ =โอกาศ+ภัย

ตอนดัชนีจาก500 มาถึง1260 นี้ก้สร้างเศรษฐีหน้าใหม่หลายคน

ผมก้เชื่อว่า ถ้า csi300กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกรอบ

ก้คงมี ไรเดอร์คนใหม่ ที่มั่งคั่งอีกหลายๆคน

[chukieat30]

ผมกลับชอบ ฝั่งยุโรป สเปน+เยอรมัน+อิตาลี+ฝรั่งเศส+อังกิดมากกว่านะครับ

แถวนั้นก้ ถูก ครับ

แต่ เมื่อระเบิดยุโรปยังไม่เกิด ถูกแล้ว ก้อาจจะมีถูกกว่า

ถ้ามันระเบิดออกมา

หุ้นยุโรป อาจจะเทินอะราวช้ากว่าหุ้นจีนครับ

เพราะ หุ้นยุโรปเหมือนพื้นฐานเปลี่ยน กว่าจะกลับมาได้ ก้คงเกิน10ปีครับ ไม่ต่าง

จากไทยปี40

แต่หุ้นจีนพื้นฐานไม่เปลี่ยน แต่ถูกกระทบในตลาดเดียวกัน

ญี่ปุ่นเองขนาดถูกทั้งsuprime และสึนามิ ยังเทรดกัน pe21 เท่า

ผมเลยเลือกจีน เพราะ ขนาดใหญ่เป็นอันดับ1ในเอเซียครับ

[doikham]

คุณchukieat30คิดว่าจีนใช้เวลาสำหรับ turnaroundนานแค่ไหนคะ มี sign อะไรบ้างคะ

[Frontline]

ผมคิดว่า เนื่องจากจีนนั้นส่งออกไปทางอเมริกาและยุโรปเป็นส่วนมาก ในขณะที่ยุโรปยังมีปัญหาอยู่ อเมริกาก็ยังไม่ได้กลับมารุ่งเรือง หุ้นจีนยังน่าจะยังอยู่แถวนี้ไปอีกสักพักครับ .. กำลังบริโภคภายในประเทศคงค่อยๆโตไปเรื่อยๆครับ แต่ตอนนี้ยังต้องพึ่งการส่งออกเป็นหลัก

[dr1]

น่าสนใจจีนมากครับ
มีเพื่อนชาวมาเลย์คุยให้ฟังว่า
แกอ่านภาษาจีนได้ แต่ไม่กล้า
ถ้าจะลงทุนให้ดูกิจการที่ลิสต์ในฮ่องกง
เพราะตรวจสอบบัญชี+มาตรฐานดีกว่า
แต่ตัวแกเองลงทุนบ.เทคโนสื่อสารในมาเลย์
ที่ไปลงทุนในจีนอีกทีนึง

ท่านๆและอ.ที่ไปมาแล้ว
กรุณาด้วยครับ

ยังไม่เห็นผลก็ไม่เป็นไร
ผมอยากรู้

[dino]

แหะแหะ มะมีความรู้ ไม่กล้าอะครับ

[chukieat30]

คุณchukieat30คิดว่าจีนใช้เวลาสำหรับ turnaroundนานแค่ไหนคะ มี sign อะไรบ้างคะ

สักปีนึงก้น่าจะดีขึ้นครับ

ตอนนี้เค้าทำแบบบ้านเราคือ self qe คงต้องให้เวลา

ืัการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานบ้านเค้า ก้คงแบบไทยเข็มแข็งบ้านเรา

ถ้าเทียบ จีนกับยุโรป จีนอาการดูดีกว่าเยอะ

ยุโรปเหมือน มอดที่ใกล้ไหม้ รอวันเผา ถ้าสินทรัพย์ยังไม่ลดจนถึงขนาด 70-80%

แบบ้านเราในยุค40 ไม่ควรไปรับเร็วครับ

ลองส่อง GDPทั้งโลกในยามนี้

4 ผู้ยิ่งใหญ่ แห่งยอดเขาไท่ซาน ยามนี้

1.เมกา

2.ยุโรป

3.ญี่ปุ่น

4.จีน

3คนข้างบนไม่ต้องพูดถึง ร่อกะแร่ โลกหวังพึ่งพิง ยิปมัน คนเดียวละครับ

ถ้ายิปมัน ไปไม่ไหวอีกคน

ดีไม่ดีอาจจะได้เห็น 1980 อีกรอบ ฝืดจนไม่รู้จะฝืดยังไง

ตอนนี้กำลังเหมือนอยู่บนทางแยกครับ csi300

ระหว่าง ล้มทั้งโลก csiกลับไปต่ำกว่าตอนซัพไพรม์ คือ ต่ำกว่า 1645

กับ2 ยิปมันกู้โลกไว้ด้วยการ ไปช่วยESM ซื้อบอนด์

โลกทั้งใบตอนนี้ หวังพึ่งแค่2คน คือ ยิปมันและกับตันอเมริกา

ถ้า1 ใน2 สละเรือไม่ช่วย

คงยากจะรอดครับ ผมเชื่อว่าสุดท้าย เบน เงินเก๊ จะออกQE3+ผสานจีนออก QE+ECB

3แรง ถ้ายันไม่อยู่

โลกคงจะแย่แน่

ถ้าใครสนใจจีนยามนี้ ถือหุ้นจีนอยู่ ก้แค่รอว่า จะมีtriple QE ไหม

มีก้ รุ่ง ไม่มีก้ ร่วง

[chukieat30]

ผมคิดว่า เนื่องจากจีนนั้นส่งออกไปทางอเมริกาและยุโรปเป็นส่วนมาก ในขณะที่ยุโรปยังมีปัญหาอยู่ อเมริกาก็ยังไม่ได้กลับมารุ่งเรือง หุ้นจีนยังน่าจะยังอยู่แถวนี้ไปอีกสักพักครับ .. กำลังบริโภคภายในประเทศคงค่อยๆโตไปเรื่อยๆครับ แต่ตอนนี้ยังต้องพึ่งการส่งออกเป็นหลัก

เมื่อวาน esm ก้เกิดแล้ว นั่นก้หมายถึงว่า esm จะอัดเงินลงไปอีกก้อนใหญ่ครับ

ขณะที่ประธานเหวิน ของจีนก้มีแนวโน้มจะอัดเงินลงไป เพื่อประคองgdp

ตอนนี้เหลือคนเดียวละครับ

กับตันเมกา ถ้าอัดเงินจริง มวลเงินก้อนใหญ่จะถูกเทใส่ทั้งโลก

มันคงเหมือน เอาสิบล้อขนแบงค์พัน เทใส่ขอทานที่นั่งขออยู่ ถ้า3ผสาน

น่าจะเอาอยู่ อาวุธสุดท้ายของโลกละครับ

ถ้ายังเอาไม่อยู่ ก้ไร้หนทางแก้ละครับ

ไทยเองพิมพ์เงินไม่ได้ เอาเงินสำรองออกมาก้ไม่ได้ ไม่กู้มา ทำQE thailand

จะทำอะไรได้ ตอนนี้เมืองไทยก้ทำ QE

คือ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อ กระจายเงินไปสู่ทั้งประเทศ

ที่เหลือก้แค่ ไทยจะยันเอาไว้ได้นานแค่ไหน

จะยันเอาไว้จนกว่า พวก4ผู้ยิ่งใหญ่จะ ฟื้น ได้หรือเปล่า

[chukieat30]

คุณchukieat30คิดว่าจีนใช้เวลาสำหรับ turnaroundนานแค่ไหนคะ มี sign อะไรบ้างคะ

sign รอบนี้คือ QE3ครับ

เมกาไม่ออก QE3 ถ้าจีนล้มขึ้นมา จีนก้จะขายบอนด์เมกาทิ้ง

ถ้าเมกาเจอแบบนั้นก้ต้องระดมทุนกลับด้วยการขึ้นดอกเบี้ย เพื่อเอาเงินร้อนกลับ

เมกา เองก้ไม่ต้องการให้ จีนล้ม

เพราะถ้าล้ม ก้ล้มกันหมด

[doikham]

ขอบคุณค่ะ คุณchukieat30

[harikung]

ทำไมส่วนตัวผมไม่ค่อยเชื่อว่าจะมีqe3นะ ภาพรวมของอเมกาตอนนี้ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ อัตราการว่างงานก็ค่อยๆลดลงอยู่ แล้วส่วนตัวก็ไม่เชื่อว่าการลงทุนโดยคาดหวังว่าประเทศนู่นประเทศนี่จะออกqe หรืออะไรก็ตามจะเป็นการสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน

[chukieat30]

Nestle (NESN) SA, the world’s largest food company, said China sales will probably grow about 20 percent this year because of rising wages and the government’s policy to boost local consumption.
The slowing growth of Asia’s biggest economy hasn’t affected the local operations of the Vevey, Switzerland-based company, which has seen expansion in most of its businesses, including dairy products and coffee, Greater China Chairman Roland Decorvet said in an interview today. Nestle’s China sales increased by more than 20 percent last year and will grow by a double-digit percentage in 2013, he said.
Enlarge image
Nestle SA's Greater China Chairman Roland Decorvet said, “There are a lot of initiatives done by the government to promote the local economy, domestic economy and local consumption.”Photographer: Nelson Ching/Bloomberg
“There are a lot of initiatives done by the government to promote the local economy, domestic economy and local consumption,” said Decorvet, who was attending the World Economic Forum in Tianjin. “Wage inflation means more purchasing power.”
Nestle bought 60 percent stakes in Hsu Fu Chi International Ltd., a Chinese snack and candy maker, and Yinlu Foods Group last year to expand in the market. The company said Feb. 16 its sales in China were approaching 5 billion Swiss francs ($5.3 billion).
Increasing Investment
The Chinese government is trying to increase domestic consumption as Europe’s deepening debt crisis and a slowing recovery in the U.S. reduce export demand. China’s growth expanded 7.6 percent in the second quarter from a year earlier, the slowest pace in three years.
Decorvet said he expects “double digit” growth in China next year.
Nestle, which makes Nescafe instant coffee, Kit Kat candy bars and Polo mints, has no plans to slow down its investment in the world’s most populous country.
“We are increasing our investments in every single category,” the executive said. Chinese consumers on average drink four cups of coffee each year, while the figure is 150 in Hong Kong, 400 in Japan and 600 in the U.S., he said. “So we can build dozens of more factories over the next decades.”
Nestle shares fell 0.1 percent to 58.35 Swiss francs as of 10:43 a.m. in Zurich.
To contact Bloomberg News staff for this story: Liza Lin in Shanghai at [email protected]


ที่มา blommberg เนสเล่ห์ออกมาตั้งเป้าเติบโต20% ในประเทศจีน

แสดงว่าเนสเล่ห์ก้มองไว้ว่า ทางรัฐบาลจีนก้จะเน้นการบริโภคในประเทศให้มากขึ้น

[chukieat30]

ทางMD หลายๆบริษัทก้ค่อนข้างมอง จีนในแง่ การบริโภคในประเทศ มากขึ้น

เพราะเมื่อวาน

ประธานเหวินว่าไว้

Chinese Premier Wen Jiabao said the nation has room for fiscal and monetary measures to support growth and will meet this year’s economic goals, triggering gains in Asian stocks.
“Be it monetary or fiscal, we still have ample strength,” Wen said at the World Economic Forum in Tianjin yesterday. A fiscal stabilization fund of 100 billion yuan ($16 billion) is available for “preemptive” measures, he said.
Morgan Stanley today became at least the fifth bank to estimate that China’s economic growth this year will be 7.5 percent, the same as Wen’s target and the weakest pace in 22 years, after imports slid in August and industrial production cooled. While the premier’s comments encouraged investors, the government may limit stimulus to restrain inflation and bad loans and avoid undoing a campaign to cool the housing market.
“The government has fiscal and monetary war chests to revive growth but there does not seem to be much appetite to roll out a large-scale stimulus package,” said Wang Qinwei, a London-based economist with Capital Economics Ltd. who previously worked at the People’s Bank of China.
The MSCI Asia Pacific Index rose 1.3 percent as of 7:23 p.m. in Tokyo, extending the rally over the past five days to more than 4 percent.
Stable Growth
The country has full confidence that it will meet this year’s goals and will continue to place more emphasis on stable growth, Wen said, adding that a “proactive” fiscal policy and a “prudent” monetary stance will continue.
Separately today, the government said it will provide aid to exporters including increased loans, faster tax-rebate processing and fiscal support, according to a statement on a State Council meeting chaired by Wen.
Morgan Stanley follows UBS AG, ING Groep NV, Barclays Plc and Royal Bank of Scotland Plc in lowering its growth estimate to 7.5 percent. There’s a 20 percent chance growth will be 7.3 percent and a 20 percent probability of 7.7 percent, Morgan Stanley economists led by Helen Qiao said in a report.
Officials in China have refrained from easing monetary policy since cutting interest rates in June and July and lowering banks’ reserve requirements three times from November to May. Authorities have shied away from stimulus near the scale of a 4 trillion yuan package announced in 2008, amid a global crisis when 20 million migrant workers lost their jobs.
China needs to “moderately lower” interest rates, Li Daokui, a former central bank adviser, told reporters in Tianjin yesterday. Growth will pick up in the fourth quarter and China’s new infrastructure investment plans will benefit expansion at the start of next year, he said.
Home Prices
Inflation that accelerated for the first time in five months in August may limit any monetary easing. The government is also persisting with a campaign to rein in speculation in the property market and make housing more affordable.
The government last week said it approved subway and road projects across the country. Wen last month urged extra measures to support exports and help meet economic targets as a decline in industrial companies’ profits added to evidence that the nation’s slowdown is deepening.
UBS and ING Groep NV on Sept. 7 cut their full-year forecasts for economic expansion to 7.5 percent. The deceleration in China’s growth will probably extend into a seventh quarter, based on projections from ING and Bank of America Corp.
Asia’s biggest economy expanded 7.6 percent in the second quarter from a year earlier, the slowest pace in three years, after the government moved to counter inflation and surging property prices in the wake of the 2008 stimulus.
Stimulus Hangover
The last stimulus resulted in a “large hangover in the form of worries about bad debt and overinvestment,” said Wang of Capital Economics. “The authorities are now increasingly aware that stimulus only worsens China’s economic imbalances.”
Europe’s debt crisis and anemic U.S. growth may hinder a rebound in exports while at home a slump in earnings is deterring companies from spending and banks face rising bad debts.
President Hu Jintao said Sept. 8 that economic expansion faces “notable downward pressure,” some small and mid-sized companies are “facing a hard time and exporters are facing more difficulties.”
Companies including China Cosco Holdings Co., China’s largest listed shipper, are bearing the brunt of weakness in exports. The company lost 4.87 billion yuan in the first half and its top two executives pledged to waive their salaries until profits resume.
China’s exports rose less than 3 percent for a second month in August while imports had the first non-holiday decline since 2009 as the nation’s slowdown and Europe’s turmoil curbed demand at home and abroad. At the same time, new yuan loans were the highest of any August on record.

[chukieat30]

พุธที่ 12 กันยายน 2555 14:17:13 น.
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น ขานรับการออกมาส่งสัญญาณเรื่องการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของนายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตบวก 6 จุด หรือ 0.28% ปิดที่ 2,126.55 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นบวก 47.26 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 8,786.73 จุด

นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีของจีนเผยจีนยังมีโอกาสที่จะใช้มาตรการด้านการคลังและการเงิน เพื่อสนับสนุนการขยายตัว และจะบรรลุซึ่งเป้าหมายทางเศรษฐกิจในปีนี้

นายเหวินกล่าวในการประชุม World Economic Forum ที่เมืองเทียนจินเมื่อวานนี้ว่า จีนมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายในปีนี้ และจะยังคงเน้นไปที่การขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น

ผมมองว่าอีกไม่ช้า จีนก้จะทำแบบเมกาคือ Self QE คือ การอัดเงินลงไปในระบบ

ผ่านระบบโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภคในประเทศ ซึ่งจุดนี้ จะทำให้การหมุน

เวียนของเงินในระบบ มีมากขึ้น น่าจะเป็นผลดีต่อในกลุ่ม อุตสาหกรรมในประเทศ

ซึ่งถ้าตรงนี้เห็นผล ภายใน1ปี การกินใช้ในประเทศก้จะมากขึ้น ส่งผลดีโดยรวมต่อระบบ

ผมคงไม่ได้มองแค่คนเดียวครับ



ซีพีลุยเกษตรจีน1.5แสนล.
นายสารสิน วีระผล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิด
เผยในงานผู้บริหารพบสื่อมวลชน 'มุมธุรกิจกับซีพี' หัวข้อ เกษตรใหม่ในจีน ว่าจากนี้อีก 10 ปี
ข้างหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงในภาคเกษตรทั้งในเรื่องอาหารและความเป็นอยู่ ทุกประเทศต้อง
กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่เพื่อพัฒนาภาคการเกษตร โดยซีพีตั้งเป้าดำเนินโครงการเกษตรรูปแบบใหม่
ในจีนแล้ว 13 โครงการ มูลค่า 3 หมื่นล้านหยวน หรือ 1.5 แสนล้านบาท โดยทุกโครงการซีพีเป็น
ผู้บริหารจัดการธุรกิจทั้งด้านตลาดและตลาดการผลิต เป็นการพัฒนารูปแบบใหม่ ภายใต้นโยบาย
ให้เกษตรกรเป็นเถ้าแก่ บริษัทเป็นลูกจ้าง

ทำไมซีพีจึงไปรุกที่จีน เพราะจีนมีคนมากสิครับ ดังนั้นถ้าไก่ซีพีได้ลูกค้าสัก10%ของประชากร คิดเป็นกี่ล้านตัวเข้าไปแล้ว

ดังนั้น ในยามนี้ตลาดมังกร ถือว่า ถูกมาก

[birthboro]

แล้วเรื่องฟองสบู่อสังหาที่จีนตอนนี้ไปถึงไหนแล้วหรือครับ โดนเรื่องวิกฤติยูโร กลบหมดเลย ไม่มีใครพูดถึงแล้ว....

[chukieat30]

แล้วเรื่องฟองสบู่อสังหาที่จีนตอนนี้ไปถึงไหนแล้วหรือครับ โดนเรื่องวิกฤติยูโร กลบหมดเลย ไม่มีใครพูดถึงแล้ว....

ฟองสบู่ที่จีน หายไปกับการลดความร้อนแรงและครับ

แต่ ที่กำลังจะเห็น คือ คงกำลังจะก่อตัวรอบใหม่อีกรอบ

ผมคาดว่าท่านเหวินจะอัดเงินลงไปประมาณ2 T หยวน

หรือ 1/2 ของรอบที่แล้ว

เงินระดับนี้ คงพอทำให้เกิดฟองคลื่นได้ แต่ไม่ทำให้แตก

ส่วนตัว ขอดัชนี csi300>3500จุด พอละ

เพราะ หุ้นที่อยู่ใน 300 ตัวก้น่าจะวิ่งไปได้เท่าๆกับดัชนี

ตอนนี้ปัจจัยมาครบละ รอท่านเหวินเปิดริบบิ้น มังกรก้จะทะยานฟ้า

[chukieat30]

triple QE สามแรงแข็งขัน

อาวุธสุดท้ายของมวลมนุษย์ชาติ ถ้ายังกอบกู้โลกไม่ได้อีก

เห็นทีเราคงหนี the greatest depression ไปไม่พ้น

ESM อัดเงินแล้ว

เบนเงินเก๊ ก้ออกคิวอี3 เงินผ่อน 40B/เดือน หรือ 0.4T /ปี

ท่านเหวิน คนเค้ารอท่านคนเดียวแล้ว

จะลงขันเท่าไหร่ รอบที่แล้วท่านลงขันไป4T รอบนี้คงลงขันแค่2T ตามคาดหรือเปล่า

ผลพวงจาก อาวุธชิ้นสุดท้าย จะฟื้นเศรษฐกิจโลกได้ไหม

[chukieat30]

เกาหลีใต้ เผยงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เป็นจำนวนเงินกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นการซื้อขายของตลาดภายในประเทศ หลังจากเศรษฐกิจถดถอยหนัก เพราะการส่งออกชะลอตัว

นายบัก แจ-วอน รัฐมนตรีการคลังเกาหลีใต้ เปิดเผยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ภายใต้งบประมาณ 5,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1 แสน 6 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศด้วยการลดอัตราภาษีเงินได้ และลดอัตราภาษีการซื้อบ้านและรถยนต์อีกด้วย

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจนับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีตัวเลขที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยนายบัค แจ-วอน กล่าวว่า สาเหตุมาจากวิกฤติเศรษฐกิจในยุโรปและปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวกินเวลายืดเยื้อเกินไป ทำให้ภาคการส่งออกของเกาหลีใต้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยรายงานของธนาคารแห่งชาติเกาหลีใต้ชี้ว่า ปริมาณการส่งออกในเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมามีปริมาณที่ลดลงร้อยละ 1.4 จากตัวเลขในช่วงเดียวกันเมื่อปี 2554

นายบัก แจ-วอน กล่าวอีกว่า รัฐบาลเกาหลีใต้จำเป็นต้องอัดฉีดงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ เพื่อทำให้เศรษฐกิจกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีใต้ได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบไปแล้วกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นปริมาณที่น้อยเกินกว่าที่จะกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศได้ โดยนโยบายดังกล่าว อาจมีขึ้นเพื่อเรียกคะแนนนิยมก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ในช่วงปลายปีนี้เท่านั้น

[chukieat30]

จริงๆดูกลายๆ ทำไมเกาหลีใต้จึงส่งออกไม่ดี เหตุนึงก้น่าจะมาจากวิกฤติยุโรป

อีกเหตุนึงคือ ค่าเงินวอน ที่แข็งค่าขึ้น เพราะQE3ทำให้ ดอลออ่น เลยทำให้เงินทุกชาติ

แข็งค่าขึ้น และจะแข็งไปเรื่อยๆ

จึงต้องอัดเงินเพื่อ ให้เงินวอนกระจายมากขึ้น ทำให้ค่าเงินวอนอ่อนลง

ครั้นจะให้สำรองเงิน เงินร้อนก้จะไหลออก ก้มีแต่จะทรุด

ไทยเองก้เช่นกัน ยามนี้ถ้าเงินไหลออก เราเสร็จแน่ ถึงแม้เงินบาทจะแข็งจนผู้ส่งออก

เริ่มหนัก แต่ถ้าเงินร้อนไหลออกยามนี้ เราคงยิ่งกว่าบัวแล้งน้ำ

[anubist]

แล้วพี่ชูเกียรติคิดว่ากลุ่มไหนน่าสนใจบ้างครับ

[chukieat30]

แล้วพี่ชูเกียรติคิดว่ากลุ่มไหนน่าสนใจบ้างครับ

ถ้าลงทุนที่จีน กลุ่ม domestic play น่าสนใจครับ

กลุ่มก่อสร้าง กลุ่มรับเหมางานก่อสร้างภาครัฐบาลจีน

การอัดเงิน กลุ่มในประเทศน่าจะได้ประโยชน์มากสุดแล้วครับ

จากภาพใหญ่ๆ มันก้คงไม่ต่างจากเราที่อัดเงินแล้ว พวก domestic stock วิ่งกัน

ในระยะสั้น ถ้าไม่มีความรู้ในตัวหุ้นก้ลงทุนผ่าน กองทุนที่ลงผ่านดัชนีจีนก้ได้ครับ

ในระยะสั้นมาก เราอาจจะยังไม่เห็นอะไรเปลี่ยน

เพราะเงินหมุนต้องใช้เวลา เหมือนรัฐบาลอัดฉีดเงินผ่านงานก่อสร้าง

นายเอได้งาน นายเอจ้างนายบีหาคน นายบีจ้างนายซี

นายซีได้เงินเอาเงินไปซื้อของโชว์ห่วยนายดี

นายดี เอาเงินไปเที่ยวห้างนายอี นายอีเอาเงินไปซื้อรถนายเอฟ

กว่าเงินจะทำงาน ต้องดูสักปีนึงครับ

วิธีนี้จะช้ากว่า ระบบโดยตรงคือ แจกเงิน แต่การทำแบบนั้นไม่ทำให้เงินกระจาย

เพราะ นายเอได้เงิน2000 อาจจะไม่ใช้เงิน ดังนั้นเมื่อนายเอและนายคนอื่นๆไม่ใช้

การกระจายของเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจจะทำได้ไม่ดี


ภาคการบริโภคในประเทศของจีนยังพอประคอง GDPได้ เพราะประชากรเค้าเยอะ

แค่จีน+อินเีดีย สองประเทศ ถ้าใครสามารถเอาของไปขายและกินส่วนแบ่งรายได้สัก10%

จากประชากรทั้งหมด ก้ถือว่าเยี่ยมแล้ว

ไม่แปลกใจเลย ที่CP ยังคิดไปลงทุนที่จีนเพิ่ม เพราะจีนยังเป็นคอมมิวนิสต์อยู่

โอกาศจะฟองสบู่แตกล้นๆ คงยากหน่อย

รัฐบาลสั่งคำเดียวทุกคนต้องทำตาม


ส่วนประเทศไทย กิจการอันดับ1 หรือ2 ที่เน้นกลุ่มพวกคนรวยกับคนกลางๆที่มีระัดับ

น่าจะกระทบไม่มาก

คนรวยและกลุ่มคนชั้นกลางที่รวย ยังมี power พอจะจับจ่ายปกติ ขณะที่กลุ่มลูกค้ารากหญ้า

ในตอนนี้ผมไม่แนะนำ เพราะ รากหญ้าตอนนี้ในมุมผม แห้งตายเกือบหมด

[anubist]

ครับ หลังจากผมถามพี่ชูเกียรติไป ผมได้ลองค้นหาดูว่ามีบ.ไหนบ้าง
ที่หาได้มากสุดก็100บ. จากHang Seng Mainland 100 http://www.hsi.com.hk/HSI-Net/HSI-Net
ผมไม่ได้ดูที่ลิสต์ในจีนโดยตรงเพราะจีนยังไม่อนุญาตให้นักลงทุนรายย่อยเข้าไปลงทุน(มีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนย้ายเงินทุน)
แต่โดยส่วนตัวผมอยากลงทุนด้วยเงินหยวนมากกว่าHK$เพราะผมเชื่อว่าเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้นอีกมาก

ที่จริงน่าจะมีบ.จีนที่ลิสต์ในฮ่องกงมากกว่านี้ แต่จนปัญญาของผมเหมือนกัน
คงต้องไปถามโบรคเพิ่ม

[chukieat30]

ทิสโก้เชียร์ซื้อหุ้นจีนรับเงินไหลเข้าเอเชีย
"ทิสโก้" ชี้เงินทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ เชียร์เพิ่มน้ำหนักหุ้นเอเชียยืนยันตลาดหุ้นจีนดีที่สุด"ฟินันซ่า"
เชื่อมี.ค.ปีหน้าเริ่มเห็นหุ้นจีนขยับ
น.ส.วรสินี สังวรเวชภัณฑ์ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้ เวลธ์ กล่าวว่า กระแสเงินทุนกำลังไหล
ออกจากตลาดที่พัฒนาแล้ว เข้าในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่เพราะเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาเติบโต
สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่น --จบ--

[chukieat30]

ฉบับเต็มครับ ออกวันนี้ 17/9/2555

17 ก.ย. 55 - ทิสโก้ เวลธ์ แนะลงทุนหุ้นเอเชียเพิ่ม หลังเศรษฐกิจขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดในโลก ชูตลาดหุ้นจีนน่าลงทุนที่สุด เนื่องจากราคาหุ้นถูก และ Downside Risk ต่ำ ด้านรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนต่อเนื่อง และการเลือกตั้งผู้นำจีนในปลายปี ส่งผลบวกต่อตลาด ทิสโก้ เวลธ์ (TISCO Wealth) บริการที่ปรึกษาการเงินการลงทุนครบวงจรจากทิสโก้ โดยนางสาววรสินี สังวรเวชภัณฑ์ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้ เวลธ์ (Miss Vorasinee Sangvornvetphan, Wealth Strategist, TISCO Wealth) เปิดเผยว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ TISCO Wealth มองว่าการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงยังมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะตลาดหุ้น เพราะยังคงมีสัญญาณที่เป็นบวก จึงถือเป็นช่วงจังหวะการกลับเข้ามาสะสมหุ้นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต้องเน้นการ selective มากขึ้น ทั้งนี้เพราะเมื่อพิจารณาการไหลเข้า-ออกของเงินทุนในตลาดหุ้นต่างๆ พบว่า เงินทุนที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไม่ได้เกิดขึ้นทุกตลาด แต่จะแยกได้ชัดเจนระหว่างตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเงินทุนไหลออกจากตลาดที่พัฒนาแล้ว และกลับไหลเข้าในประเทศกำลังพัฒนา เพราะเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาเติบโตสูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว โดย TISCO Wealth คาดว่าแนวโน้มการไหลของเงินทุนจะเป็นแบบนี้ต่อไประยะหนึ่ง ดังนั้น แนะนำให้เน้นลงทุนในประเทศที่กำลังพัฒนา (Emerging Market) คือ ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่น ที่ยังมี Upside ที่น่าสนใจในการลงทุน

โดยจากการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ปีนี้ คาดเติบโตที่ประมาณ 3% เทียบกับการเติบโตในเอเชียที่ 6-7% และละตินอเมริกาที่ 5% ตามลำดับ รวมทั้งราคาหุ้นในประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น เอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่น ยังถูกกว่าตลาดหุ้นในประเทศที่พัฒนาแล้ว และราคาหุ้นอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอดีต โดยเมื่อเทียบสัดส่วนราคาต่อมูลค่าบัญชี (P/BV) ณ ระดับปัจจุบัน P/BV ของภูมิภาคนี้อยู่ที่เฉลี่ย 1.6 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าในอดีต และต่ำกว่าค่าปกติที่ P/BV ของตลาดนี้อยู่ที่ 2.7 เท่า แสดงให้เห็นว่าตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่น ยังคงมี Upside สูง โดยจากข้อมูลในอดีตพบว่าการลงทุน 100% จะมีจำนวนถึง 63% ที่ราคาหุ้นจะปรับสูงขึ้นกว่าระดับปัจจุบัน และมีเพียง 35% ที่ราคาหุ้นต่ำกว่าระดับปัจจุบัน

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่น ยังเป็นตลาดหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนสูงทั้งระยะเวลาการลงทุน 1 ปี และ 3 ปี โดยจากข้อมูลในอดีตพบว่าการลงทุนใน 1 ปี และ 3 ปี ได้รับผลตอบแทนสูงเฉลี่ยถึง 31.7% และ 89.5% ตามลำดับ

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกทั้งหมด TISCO Wealth มองว่า ตลาดหุ้นจีนยังมีความโดดเด่นและน่าลงทุนมากที่สุด โดยคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความพยายามของรัฐบาลจีนที่เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามเป้าหมาย 7.5% เช่น การออก Stimulus Project จำนวน 8 ล้านล้านหยวนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้ว 3 ครั้ง ตั้งแต่เดือน พ.ย. ที่ผ่านมา รวมเป็น 1.50% ซึ่งเป็นการเสริมสภาพคล่องในระบบได้ถึงประมาณ 1.2 ล้านล้านหยวน

ธนาคารกลางจีนยังยืดหยุ่นให้ธนาคารพาณิชย์ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จนเหลือ 6% (จาก 9% กว่า) และคาดว่าธนาคารกลางจะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีก 1% ในเร็วๆ นี้ ธนาคารกลางยังได้อัดฉีดเงินทุนเข้าธนาคารพาณิชย์โดยผ่านการซื้อพันธบัตร โดยมีสัญญาขายคืน 278,000 ล้านหยวน เข้าสู่ตลาด Inter Bank เพื่อใช้เป็นมาตรการทดแทนการลดการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์

จากความพยายามที่มีอย่างต่อเนื่องดังกล่าว จึงคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะไม่เกิด Hard Landing และสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นเศรษฐกิจที่เติบโตเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้ TISCO Wealth ยังคงมีมุมมองบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีน อีกทั้งตลาดหุ้นจีนยังคงมีปัจจัยที่สนับสนุนการลงทุน คือ ราคาหุ้นถูกเมื่อเทียบกับภูมิภาคถึง 30% โดยปัจจุบันค่า P/E ของตลาดหุ้นจีนอยู่ที่ประมาณ 8.7 เท่า เมื่อเทียบกับภูมิภาคซึ่งอยู่ที่ประมาณ 11.2 เท่า ซึ่งหากตลาดหุ้นจีนกลับเข้าไปซื้อขายในระดับเดียวกับภูมิภาคคาดว่าตลาดหุ้นจีนจะมี Upside จากระดับปัจจุบันเกือบ 30%

ค่า P/E ของตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก


ที่มา : Bloomberg, Datastream, I/B/E/S via FactSet, Goldman Sachs Global ECS Research estimates.

นอกจากนี้ TISCO Wealth ยังคาดว่าตลาดหุ้นจีนจะได้รับแรงหนุนจากเรื่องการเมืองในช่วงการเปลี่ยนผู้นำจีน โดยการเปลี่ยนผู้นำจีนในช่วงเดือน ต.ค. 2012 - มี.ค. 2013 คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ากระตุ้นเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก เพราะที่ผ่านมา ในช่วงถ่ายโอนอำนาจและมีผู้นำใหม่เข้ามา มักจะเร่งการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของจีน จะส่งผลบวกโดยตรงกับภาพตลาดหุ้นจีน จากการพิจารณาการเปลี่ยนผู้นำจีน 4 ครั้งล่าสุด พบว่า ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนผู้นำจีน ตลาดหุ้นจีนจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะคล้ายกับตลาดหุ้นหลายๆ ประเทศในโลก


“จากมุมมองที่กล่าวมา TISCO Wealth มองว่าตลาดหุ้นเอเชียมีความน่าสนใจ เพราะภูมิภาคเอเชียเป็นเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่สุดในโลก โดยเฉพาะจีนที่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนออกมาต่อเนื่อง ตลอดจนมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นจีน และปัจจุบันราคาหุ้นจีนนับว่าถูกและ Downside Risk ต่ำ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนที่แนะนำในเดือนนี้ คือ ให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหุ้นจีน หรือ H-Shares” นางสาววรสินี กล่าว

นางสาววรสินี กล่าวว่า นอกจากนี้ ล่าสุดจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้มีการออกมาตรการ QE3 ยังคาดว่าจะส่งผลให้เกิดสภาพคล่องที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นปัจจัยผลักดันทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่ Laggard อย่างภูมิภาคเอเชียและจีน ซึ่งจากข้อมูลย้อนหลังพบว่าผลตอบแทนในช่วงของการเกิด QE1 ตลาดหุ้นจีนและภูมิภาคเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น มีการปรับตัวขึ้นแรงถึงเกือบ 100% และ มากกว่า 60% ใน 1 ปี

ผู้นำคนใหม่ที่ว่านี่ ผมจำได้ว่า ท่านประธานCP เคยเอ่ยถึงบ่อยๆ

ก้นับว่า ต่อจากนี้ภายหลังการเปลี่ยนถ่ายอำนาจ

มังกรจะกลับมาสู่ราชันย์