มองหาบริษัทผลิตยาในโลกที่น่าลงทุน
-
- Verified User
- โพสต์: 534
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มองหาบริษัทผลิตยาในโลกที่น่าลงทุน
โพสต์ที่ 2
บริษัท พวก คิดค้นยา มันก็คร่าวๆ ว่ามี สามแบบ นะครับ ตามไอเดีย ของผม
1. Big Pharma พวก นี้ เป็นหุ้น Market Cap ขนาดใหญ่ เป็นกลุ่มบริษัท ที่แต่ละบริษัทเป็นยักษ์ใหญ่ระดับโลก เช่น Pfizer , GlaxoSmith ,Merck , Roche เป็นต้น หรือ TEVA ก็เป็นยักษ์เล็กหน่อย (market cap $40พันล้าน) พวกนี้มี Product ยา ที่หลากหลาย และก็มี Pipeline การวิจัยยา อยู่เยอะ ถ้าไปดูราคาหุ้น ในช่วง 3-4 ปีนี้ กลุ่ม Mega Cap พวกนี้ ไม่ค่อยขึ้นนัก และ มี PE < 20 ทุกตัว แต่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ราคาแพงกว่าตอนนี้เยอะ สาเหตุเพราะว่า ยาที่เป็น Proprietary Drug (คุ้มครองโดย Patent) ซึ่งเป็นตัวที่ทำกำไรได้มหาศาล ค่อยๆ หมด Patent ลง และการ ทำวิจัยยาหลังๆ ทำยากขึ้น (เพราะโจทย์ง่ายแก้ไปหมดแล้ว) ทำให้ไม่มียาใหม่ๆ ออกสู่ท้องตลาดเท่าไหร่นัก
ในกลุ่ม Mega Cap นี้ ผมคิดว่า ราคาไม่แพงนัก เกือบทุกตัว เพราะตลาดให้ Discount จาก ปัจจัยที่กล่าวมา แต่อาจจะไม่ได้หวือหวาอะไรมาก ในกลุ่มนี้ ผมก็สนใจ TEVA ซึ่งเป็น ยักษ์เล็ก อยู่
1. Big Pharma พวก นี้ เป็นหุ้น Market Cap ขนาดใหญ่ เป็นกลุ่มบริษัท ที่แต่ละบริษัทเป็นยักษ์ใหญ่ระดับโลก เช่น Pfizer , GlaxoSmith ,Merck , Roche เป็นต้น หรือ TEVA ก็เป็นยักษ์เล็กหน่อย (market cap $40พันล้าน) พวกนี้มี Product ยา ที่หลากหลาย และก็มี Pipeline การวิจัยยา อยู่เยอะ ถ้าไปดูราคาหุ้น ในช่วง 3-4 ปีนี้ กลุ่ม Mega Cap พวกนี้ ไม่ค่อยขึ้นนัก และ มี PE < 20 ทุกตัว แต่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ราคาแพงกว่าตอนนี้เยอะ สาเหตุเพราะว่า ยาที่เป็น Proprietary Drug (คุ้มครองโดย Patent) ซึ่งเป็นตัวที่ทำกำไรได้มหาศาล ค่อยๆ หมด Patent ลง และการ ทำวิจัยยาหลังๆ ทำยากขึ้น (เพราะโจทย์ง่ายแก้ไปหมดแล้ว) ทำให้ไม่มียาใหม่ๆ ออกสู่ท้องตลาดเท่าไหร่นัก
ในกลุ่ม Mega Cap นี้ ผมคิดว่า ราคาไม่แพงนัก เกือบทุกตัว เพราะตลาดให้ Discount จาก ปัจจัยที่กล่าวมา แต่อาจจะไม่ได้หวือหวาอะไรมาก ในกลุ่มนี้ ผมก็สนใจ TEVA ซึ่งเป็น ยักษ์เล็ก อยู่
-
- Verified User
- โพสต์: 534
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มองหาบริษัทผลิตยาในโลกที่น่าลงทุน
โพสต์ที่ 3
2. กลุ่มถ้ดมา คือ กลุ่ม ขนาดเล็ก คือ market cap ไม่เกิน $1-2 billion ซึ่งเป็น บริษัท วิจัยยา ทำ Research ซึ่ง ขั้นตอน การ ทำ Clinical Trials เพื่อ ขอ Approve ยาจาก FDA นั้น เป็นขึ้นตอนที่ กินเวลา ยาวนานมาก และใช้เงินทุกสูงมากๆ ดังนั้น กลุ่มนี้ มักจะ เข้าตลาด เร็ว ตั้งแต่ช่วงวิจัย เพื่อนำเงินไป พัฒนาต่อ ถ้าวันไหน ประกาศว่า FDA approve ยาของเค้า ราคาก็พุ่งไป 3-10 เท่า ได้ง่ายๆ หรือแต่ถ้ากลับกัน ว่าโดน Reject หุ้นก็จะร่วง 50-70% และสุดท้ายบางบริษัท ก็ล้มละลาย เพราะไม่มีเงินทำ Clinical Trials ต่อ พวกนี้ นักเก็งกำไรจะชอบมา เพราะว่า หวือหวา หุ้นอย่าง Dendreon (DNDN) ลองไปดูราคาดู จะหวือหวา มาก คือ ขึ้นจาก $3 ในปี 2009 ไป ที่ $50 กว่าๆ ในปี 2010 ตอนนี้ ร่วงมาแถวๆ $5
หุ้นกลุ่มนี้ มักจะขึ้นไป ก่อนบริษัทจะัได้่ จม.ตอบกลับ จาก FDA ว่ายาผ่านไม่ผ่าน แล้วแต่ความคาดหวังของนักลงทุน ว่า คาดว่าจะผ่านหรือไม่ บางทีคาดกันมากๆว่าจะผ่าน พอผ่าน ก็ไม่ขึ้นเท่าไหร่แล้ว เพราะขึ้นมาเยอะแล้ว และเมื่อ แนวโน้ม ว่าผ่านแน่ๆ หรือว่า ผ่านแล้ว ก็เป็นหุ้นเนื้อหอม เพราะบริษัท ยาใหญ่ๆ ก็จะมาขอ takeover บริษัท เื่พื่อจะได้ สิทธิ์ยานั้นๆ ไป กลุ่มนี้เล่นยาก ถ้าหากไม่ได้มีความรู้ทางด้านยา การ์แพทย์สูง ถ้าถูกตัวก็หลายเด้ง ผิดก็แทบจะศูนย์
หุ้นกลุ่มนี้ มักจะขึ้นไป ก่อนบริษัทจะัได้่ จม.ตอบกลับ จาก FDA ว่ายาผ่านไม่ผ่าน แล้วแต่ความคาดหวังของนักลงทุน ว่า คาดว่าจะผ่านหรือไม่ บางทีคาดกันมากๆว่าจะผ่าน พอผ่าน ก็ไม่ขึ้นเท่าไหร่แล้ว เพราะขึ้นมาเยอะแล้ว และเมื่อ แนวโน้ม ว่าผ่านแน่ๆ หรือว่า ผ่านแล้ว ก็เป็นหุ้นเนื้อหอม เพราะบริษัท ยาใหญ่ๆ ก็จะมาขอ takeover บริษัท เื่พื่อจะได้ สิทธิ์ยานั้นๆ ไป กลุ่มนี้เล่นยาก ถ้าหากไม่ได้มีความรู้ทางด้านยา การ์แพทย์สูง ถ้าถูกตัวก็หลายเด้ง ผิดก็แทบจะศูนย์
-
- Verified User
- โพสต์: 534
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มองหาบริษัทผลิตยาในโลกที่น่าลงทุน
โพสต์ที่ 4
3. คือ กลุ่มขนาดกลางๆ ก็คือเป็น บริษัท กลุ่มที่ 2 คือขนาดเล็กมาก่อน แต่ว่า มียาที่วิจัย แล้วผ่าน FDA ก็มาทำยาตัวนั้นๆ ขาย ซึ่งบริษัทจะมี Cash Flow เข้ามา มหาศาล และบางบริษัทก็ไม่อยากขายกิจการ ก็เลยทำต่อ พร้อมกับ นำ Cash Flow นั้นๆ ไปทำวิจัยยา ตัวที่ สอง ที่ สามต่อ
กลุ่มนี้ก็ มีความเสี่ยงหลักๆ คือพึ่งพา ใน ยา แค่ ตัว หรือ สองตัว ซึ่งถ้ามีปัญหากับยา ตัวนั้นๆ หรือมีคู่แข่งเข้ามา หุ้นก็ร่วงได้เหมือนกัน แต่ข้อดีคือ มี Cash Flow เยอะ ถ้าทำวิจัย ยาตัวอื่นๆ ได้ถูกต้อง ก็หุ้นก็ขึ้นได้มากๆ เหมือนกัน
ถ้าจะลงทุน เอาแบบไม่หวือหวามาก ผมคิดว่ากลุ่ม Mega cap เหมาะสมสุด ส่วนกลุ่ม ขนาดกลางและเล็ก เราจะรู้พื้นฐานกิจการค่อนข้างยาก ยกเว้นแต่ว่าเป็นหมอ รู้จักยา ตัวนั้นๆ ดี ตรงนี้ก็อาจจะ Gain Advantage ได้ และสำหรับหุ้นยาตัวเล็กๆ ซื้อผิด หมายถึง ขาดทุน 50-70% ต่อหุ้น ขึ้นไป บางตัวอ่านๆไปมีแต่ข่าวดี แต่สุดท้ายก็ลงเละเทะ เพราะว่าเป็นข่าวที่เว่อร์ไป จากผุ้บริหาร หรือพวกกองทุน ที่จะสร้างกระแสให้หุ้นตัวเอง
กลุ่มนี้ก็ มีความเสี่ยงหลักๆ คือพึ่งพา ใน ยา แค่ ตัว หรือ สองตัว ซึ่งถ้ามีปัญหากับยา ตัวนั้นๆ หรือมีคู่แข่งเข้ามา หุ้นก็ร่วงได้เหมือนกัน แต่ข้อดีคือ มี Cash Flow เยอะ ถ้าทำวิจัย ยาตัวอื่นๆ ได้ถูกต้อง ก็หุ้นก็ขึ้นได้มากๆ เหมือนกัน
ถ้าจะลงทุน เอาแบบไม่หวือหวามาก ผมคิดว่ากลุ่ม Mega cap เหมาะสมสุด ส่วนกลุ่ม ขนาดกลางและเล็ก เราจะรู้พื้นฐานกิจการค่อนข้างยาก ยกเว้นแต่ว่าเป็นหมอ รู้จักยา ตัวนั้นๆ ดี ตรงนี้ก็อาจจะ Gain Advantage ได้ และสำหรับหุ้นยาตัวเล็กๆ ซื้อผิด หมายถึง ขาดทุน 50-70% ต่อหุ้น ขึ้นไป บางตัวอ่านๆไปมีแต่ข่าวดี แต่สุดท้ายก็ลงเละเทะ เพราะว่าเป็นข่าวที่เว่อร์ไป จากผุ้บริหาร หรือพวกกองทุน ที่จะสร้างกระแสให้หุ้นตัวเอง
- Paul Octopus
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มองหาบริษัทผลิตยาในโลกที่น่าลงทุน
โพสต์ที่ 5
คุณ sssjjjj มีความรู้ดีครับ ขอบคุณที่แบ่งปัน
ผมสงสัยเรื่องการทำยาเลียนแบบที่ไม่ผิดกฎ ซี่งได้ยินมาว่าที่อินเดีย ทำเป็นอุตสาหกรรมใหญ่โต คำถามคือว่า
1. ทำไมทำได้
2. ขายนอกประเทศได้หรือไม่
3. บริษัทยาในเมืองไทย Apply แบบอินเดียได้หรือไม่ครับ
ท่านอื่นๆที่อยู่ในวงการยา ช่วยตอบให้ด้วยจะขอบคุณมาก
ผมคิดว่าเรื่องเหล่านี้จะช่วยให้เข้าใจอุตสาหกรรมฯได้ดีขึ้นโดยเฉพาะการลงทุน
ผมสงสัยเรื่องการทำยาเลียนแบบที่ไม่ผิดกฎ ซี่งได้ยินมาว่าที่อินเดีย ทำเป็นอุตสาหกรรมใหญ่โต คำถามคือว่า
1. ทำไมทำได้
2. ขายนอกประเทศได้หรือไม่
3. บริษัทยาในเมืองไทย Apply แบบอินเดียได้หรือไม่ครับ
ท่านอื่นๆที่อยู่ในวงการยา ช่วยตอบให้ด้วยจะขอบคุณมาก
ผมคิดว่าเรื่องเหล่านี้จะช่วยให้เข้าใจอุตสาหกรรมฯได้ดีขึ้นโดยเฉพาะการลงทุน
Disclaimer & Disclosure: The articles posted only represent my personal view. They are by no means a guarantee to the stock performance. Have no plan to change my position to the stock mentioned over the next 72 hrs.
-
- Verified User
- โพสต์: 534
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มองหาบริษัทผลิตยาในโลกที่น่าลงทุน
โพสต์ที่ 7
Generic Drugs ทำได้ครับ เพราะว่า Proprietary Drugs นั้นๆ หมดช่วง Patent ไปแล้ว
แต่ตอนนี้มีสิ่งที่เรียกว่า CL ยา (Compulsory License) ตามรายละเอียดใน Link นี้ครับ
http://th.answers.yahoo.com/question/in ... 845AALrH8a
ที่ไทย ที่ให้ทำ CL ก็พวก ยาต้านเอดส์ ทำให้ ในไทยราคายาตรงนี้ถูกลง และทำให้บริษัทยาต่างชาติไม่พอใจ ที่ India ก็ได้ CL ยา ตัวแรกไปแล้วละมั้ง ทำที่อ่านผ่านๆใน เน็ตครับ
เกร็ตเล็กเกร็ดน้อย คือว่า ประเทศอย่าง อเมริกา นั้น ราคายาแพงมากๆครับ ลองไป Search ดูก็ได้ ยาตัวเดียวกัน จะแพงกว่าประเทศอื่นๆเยอะ เป็นเท่าๆตัวเลย (แต่อาหารเสริมจะถูก) ดังนั้น คนอเมริกา อยากได้ยาถูกกัน ก็ต้องพยายามซื้อจาก Internet หรือไปซื้อตามพรมแดน หนังเรื่อง Love & the other drug ที่ นางเอกเป็นอาสาสมัครพาคนสูงอายุ นั่งรถไปซื้อยาที่ แคนาดา แต่ถ้าคนที่มีประกันสุขภาพอยู่แล้วก็ลอยตัวไป ยาถูกแพงก็ไม่ใช่ปัญหานัก
อเมริกาจะมีห้ามส่งยาเข้าอเมริกา ทางไปรษณีย์เพื่อกีดกันการซื้่อทางเน็ต ตอนนี้เห็นว่าพยายามจะ ผลักดันให้อนุญาติ คนอเมริกาสามารถซื้อยาทาง เน็ตจากต่างประเทศได้อยู่ (ซึ่ง UK,Europe ซื้อทางเน็ตได้) แต่กระแสเรื่องนี้ก็ไม่แรงเท่าไหร่ เพราะจริงๆ แล้วการ สร้างยาใหม่ๆ ในอเมริกามีแรงจูงใจก็คือ ว่าเพราะที่ อเมริกาขายยาได้ราคาแพงนั้นเอง
ผมไม่ได้อยู่ในวงการทางการแพทย์หรือยานะครับ ข้อมูลที่ลงเป็นจากประสบการณ์การลงทุน การทำธุรกิจ ดังนั้นอาจจะไม่ถูกต้องนักก็ได้ รอคนในแวดวงมาเสริมอีกที
แต่ตอนนี้มีสิ่งที่เรียกว่า CL ยา (Compulsory License) ตามรายละเอียดใน Link นี้ครับ
http://th.answers.yahoo.com/question/in ... 845AALrH8a
ที่ไทย ที่ให้ทำ CL ก็พวก ยาต้านเอดส์ ทำให้ ในไทยราคายาตรงนี้ถูกลง และทำให้บริษัทยาต่างชาติไม่พอใจ ที่ India ก็ได้ CL ยา ตัวแรกไปแล้วละมั้ง ทำที่อ่านผ่านๆใน เน็ตครับ
เกร็ตเล็กเกร็ดน้อย คือว่า ประเทศอย่าง อเมริกา นั้น ราคายาแพงมากๆครับ ลองไป Search ดูก็ได้ ยาตัวเดียวกัน จะแพงกว่าประเทศอื่นๆเยอะ เป็นเท่าๆตัวเลย (แต่อาหารเสริมจะถูก) ดังนั้น คนอเมริกา อยากได้ยาถูกกัน ก็ต้องพยายามซื้อจาก Internet หรือไปซื้อตามพรมแดน หนังเรื่อง Love & the other drug ที่ นางเอกเป็นอาสาสมัครพาคนสูงอายุ นั่งรถไปซื้อยาที่ แคนาดา แต่ถ้าคนที่มีประกันสุขภาพอยู่แล้วก็ลอยตัวไป ยาถูกแพงก็ไม่ใช่ปัญหานัก
อเมริกาจะมีห้ามส่งยาเข้าอเมริกา ทางไปรษณีย์เพื่อกีดกันการซื้่อทางเน็ต ตอนนี้เห็นว่าพยายามจะ ผลักดันให้อนุญาติ คนอเมริกาสามารถซื้อยาทาง เน็ตจากต่างประเทศได้อยู่ (ซึ่ง UK,Europe ซื้อทางเน็ตได้) แต่กระแสเรื่องนี้ก็ไม่แรงเท่าไหร่ เพราะจริงๆ แล้วการ สร้างยาใหม่ๆ ในอเมริกามีแรงจูงใจก็คือ ว่าเพราะที่ อเมริกาขายยาได้ราคาแพงนั้นเอง
ผมไม่ได้อยู่ในวงการทางการแพทย์หรือยานะครับ ข้อมูลที่ลงเป็นจากประสบการณ์การลงทุน การทำธุรกิจ ดังนั้นอาจจะไม่ถูกต้องนักก็ได้ รอคนในแวดวงมาเสริมอีกที
-
- Verified User
- โพสต์: 534
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มองหาบริษัทผลิตยาในโลกที่น่าลงทุน
โพสต์ที่ 8
ญี่ปุ่นก็ Takeda อะไรพวกนี้ละครับ แต่ผมไม่เคยวิเคราะห์พื้นฐานนะครับf.escape เขียน:ขอบคุณ sssjjjj ค่ะ
แล้วพอจะแนะนำบริษัททางญี่ปุ่นและจีนได้ไม๊คะ
บริษัทยาจีน ที่ทำ R&D มีเยอะครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะแนะนำตัวไหนดีครับ เพราะผมก็ไม่ค่อยรู้จักเหมือนกัน ธุรกิจนี้ รัฐบาลจีนหนุนเต็มที่อยู่แล้ว เพราะว่าจะได้ไม่ต้องเสียเงินให้่พวกฝรั่งมากนัก
-
- Verified User
- โพสต์: 21
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มองหาบริษัทผลิตยาในโลกที่น่าลงทุน
โพสต์ที่ 9
CELG
http://seekingalpha.com/article/760911- ... of-celgene
One company that is excelling in the biotech industry is Celgene Corporation (CELG). The company is a leader in cancer and immune-inflammatory treatments...
http://seekingalpha.com/article/760911- ... of-celgene
One company that is excelling in the biotech industry is Celgene Corporation (CELG). The company is a leader in cancer and immune-inflammatory treatments...
-
- Verified User
- โพสต์: 534
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มองหาบริษัทผลิตยาในโลกที่น่าลงทุน
โพสต์ที่ 10
มีอีกตัว ที่น่าสนใจจับตาดู ก็คือ MannKind ครับ MNKD กำลังทำ วิจัย ยาเบาหวาน แบบฉีด
ถ้าไปอ่านดูเรื่องใน SeekingAlpha เรื่องราวของ Mnkd เป็น มหากาพย์ย่อมๆเลยทีเดียว
เล่าแบบสั้นๆ คือ Alfred Mann เป็นมหาเศรษฐีนักประดิษฐ์ ชาวอเมริกา เค้าเคยทำบริษัทเทคโน แล้วก็ขายต่อ จนทำให้ตัวเค้ารวยในระดับ billionaire ที่อเมริกา ซึ่ง MannKind เป็นบริษัท ล่าสุดที่ Alfred กำลังทำอยู่ มียาตัวเดียว คือ AFREZZA ซึ่ง ปีทีแ่ล้ว ก็ขอ approve จาก FDA ไปแล้ว ซึ่งมีความคาดหวังว่าจะผ่านสูงมาก จนราคาหุ้นพุ่งไป แต่สุดท้ายโดน Reject หุ้นเลยร่วง
แต่ทีนี้ เรื่องราวไม่ใช่แค่นั้น เพราะว่าผ่านไปไม่กี่เดือน มีเจ้าหน้าที่ของ FDA โดนจับ ข้อหา ว่าใช้ข้อมูล ว่าบริษัทยา ตัวไหนจะ Approve ก่อนแจ้ง public มา Long หรือ Short หุ้น ได้กำไรไปมหาศาล ซึ่งใน record ของ FDA มีหลักฐานว่า หุ้นตัวนึง ที่เจ้าหน้าทีคนนี้ซื้อ คือ MNKD แปลว่า เค้ามีข้อมูลภายในก่อนวันประกาศว่า จริงๆ แล้ว ยา AFREZZA จะได้อนุมัติ
ทีนี้ ทำไมพอประกาศถึงไม่อนุมัติ?? สาเหตุก็มาจาก มี Hedge Fund Manager รายนึง ซึ่ง หากินกับการขาย Short หุ้น Biotech (จำได้ว่า background แกเป็นหมอหรือนักวิจัย) ได้ส่ง จดหมายไปที่ FDA ก่อนที่ FDA จะประกาศว่า อนุมติยา AFREZZA โดยใน จดหมาย ระบุถึง ข้อกังวล ในการใช้ Afrezza ทีทีมของเค้าค้นคว้ามา และเป็นจดหมายที่มี น้ำหนักจริง ทาง FDA จึงต้องเปลี่ยนคำตัดสิน และสั่งใน MNKD ไปทำ Clinical Trial phase III มาใหม่ ซึ่งการทำ phaseIII ใหม่นี้ mnkd ต้องใช้เงินอีกมหาศาล และต้องเพิ่มทุนเยอะ ผจก.hedgefund รายนนี้ก็ออกบทความ มาโจมตี mnkd เรื่อยๆ ใน seeking alpha ครับ
ตอนนี้ Timeline คือ บริษัทยังไม่เจ๊ง แต่ Cash เหลือน้อยแล้ว และคงยื่นขอ FDA ได้อีกครั้งในปีหน้า Story คือ ถ้า Capital Raise รอบที่จะเกิด ไม่ได้ Dilute หุ้นเดิมมาก และั FDA ปีหน้าผ่าน หุ้นก็น่าจะขึ้นเยอะ
ถ้าไปอ่านดูเรื่องใน SeekingAlpha เรื่องราวของ Mnkd เป็น มหากาพย์ย่อมๆเลยทีเดียว
เล่าแบบสั้นๆ คือ Alfred Mann เป็นมหาเศรษฐีนักประดิษฐ์ ชาวอเมริกา เค้าเคยทำบริษัทเทคโน แล้วก็ขายต่อ จนทำให้ตัวเค้ารวยในระดับ billionaire ที่อเมริกา ซึ่ง MannKind เป็นบริษัท ล่าสุดที่ Alfred กำลังทำอยู่ มียาตัวเดียว คือ AFREZZA ซึ่ง ปีทีแ่ล้ว ก็ขอ approve จาก FDA ไปแล้ว ซึ่งมีความคาดหวังว่าจะผ่านสูงมาก จนราคาหุ้นพุ่งไป แต่สุดท้ายโดน Reject หุ้นเลยร่วง
แต่ทีนี้ เรื่องราวไม่ใช่แค่นั้น เพราะว่าผ่านไปไม่กี่เดือน มีเจ้าหน้าที่ของ FDA โดนจับ ข้อหา ว่าใช้ข้อมูล ว่าบริษัทยา ตัวไหนจะ Approve ก่อนแจ้ง public มา Long หรือ Short หุ้น ได้กำไรไปมหาศาล ซึ่งใน record ของ FDA มีหลักฐานว่า หุ้นตัวนึง ที่เจ้าหน้าทีคนนี้ซื้อ คือ MNKD แปลว่า เค้ามีข้อมูลภายในก่อนวันประกาศว่า จริงๆ แล้ว ยา AFREZZA จะได้อนุมัติ
ทีนี้ ทำไมพอประกาศถึงไม่อนุมัติ?? สาเหตุก็มาจาก มี Hedge Fund Manager รายนึง ซึ่ง หากินกับการขาย Short หุ้น Biotech (จำได้ว่า background แกเป็นหมอหรือนักวิจัย) ได้ส่ง จดหมายไปที่ FDA ก่อนที่ FDA จะประกาศว่า อนุมติยา AFREZZA โดยใน จดหมาย ระบุถึง ข้อกังวล ในการใช้ Afrezza ทีทีมของเค้าค้นคว้ามา และเป็นจดหมายที่มี น้ำหนักจริง ทาง FDA จึงต้องเปลี่ยนคำตัดสิน และสั่งใน MNKD ไปทำ Clinical Trial phase III มาใหม่ ซึ่งการทำ phaseIII ใหม่นี้ mnkd ต้องใช้เงินอีกมหาศาล และต้องเพิ่มทุนเยอะ ผจก.hedgefund รายนนี้ก็ออกบทความ มาโจมตี mnkd เรื่อยๆ ใน seeking alpha ครับ
ตอนนี้ Timeline คือ บริษัทยังไม่เจ๊ง แต่ Cash เหลือน้อยแล้ว และคงยื่นขอ FDA ได้อีกครั้งในปีหน้า Story คือ ถ้า Capital Raise รอบที่จะเกิด ไม่ได้ Dilute หุ้นเดิมมาก และั FDA ปีหน้าผ่าน หุ้นก็น่าจะขึ้นเยอะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2846
- ผู้ติดตาม: 1
Re: มองหาบริษัทผลิตยาในโลกที่น่าลงทุน
โพสต์ที่ 11
นอกจากบริษัทผลิตยาแล้ว สนใจ บริษัทค้าปลีกขายยา บ้างหรือป่าวครับ
นี้เลยครับ Walgreen ( WAG : NYSE ) เพิ่งประกาศร่วมทุนกับ Boots (ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้นใดๆ) ที่เราๆ รู้จักกันดี
Walgreen นี้ใหญ่มากใน อเมริกา ครับ ในเมืองใหญ่ๆ นี้ เห็นแทบทุกมุมถนนเลย เพราะเค้าไม่ได้เพียงขายยา แต่อย่างเดียวนะครับ ยังขาย อาหารเสริม และพวกสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นซุปเปอร์ย่อมๆ หรือร้านสะดวกซื้อใหญ่ๆ ได้เลยครับ แต่หลักๆ อยู่ที่อเมริกาอย่างเดียว
Alliance Boots หรือ สั้นๆ ว่า Boots ซึ่ง Boots เป็นบริษัทที่กำลังเติบโตนะครับ ตลาดของเค้าอยู่ในยุโรป นอกจากขายยา ยังมีสินค้า พวก Personal Care ด้วย จริงๆ แล้วสินค้าพวกนี้เติบโตสูงมากใน คอนเซป ร้านขายยานะครับ
พอมารวมตัวทำให้กลายเป็นบริษัทระดับโลกเลย มีสาขาหลายหมื่นสาขา น่าจะช่วยให้ Walgreen เติบโตได้บ้างหลังจากที่ ซึมมาหลายปี แต่ดีลนี้ ก็ต้องดูด้วยนะครับ ว่าจะเป็นดีลที่คุ้มค่าหรือป่าว เพราะ Walgreen เองก็ต้องไปกู้เงินมาหลายเหมือนกัน แต่ดีหน่อย ที่ดอกเบี้ยที่อเมริกา มันต่ำเหลือเกิน ดูจากงบดุลแล้วหนี้สินระยะยาวก็คงพอรับได้ ไม่เสี่ยงมากเกินไป
นี้เลยครับ Walgreen ( WAG : NYSE ) เพิ่งประกาศร่วมทุนกับ Boots (ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้นใดๆ) ที่เราๆ รู้จักกันดี
Walgreen นี้ใหญ่มากใน อเมริกา ครับ ในเมืองใหญ่ๆ นี้ เห็นแทบทุกมุมถนนเลย เพราะเค้าไม่ได้เพียงขายยา แต่อย่างเดียวนะครับ ยังขาย อาหารเสริม และพวกสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นซุปเปอร์ย่อมๆ หรือร้านสะดวกซื้อใหญ่ๆ ได้เลยครับ แต่หลักๆ อยู่ที่อเมริกาอย่างเดียว
Alliance Boots หรือ สั้นๆ ว่า Boots ซึ่ง Boots เป็นบริษัทที่กำลังเติบโตนะครับ ตลาดของเค้าอยู่ในยุโรป นอกจากขายยา ยังมีสินค้า พวก Personal Care ด้วย จริงๆ แล้วสินค้าพวกนี้เติบโตสูงมากใน คอนเซป ร้านขายยานะครับ
พอมารวมตัวทำให้กลายเป็นบริษัทระดับโลกเลย มีสาขาหลายหมื่นสาขา น่าจะช่วยให้ Walgreen เติบโตได้บ้างหลังจากที่ ซึมมาหลายปี แต่ดีลนี้ ก็ต้องดูด้วยนะครับ ว่าจะเป็นดีลที่คุ้มค่าหรือป่าว เพราะ Walgreen เองก็ต้องไปกู้เงินมาหลายเหมือนกัน แต่ดีหน่อย ที่ดอกเบี้ยที่อเมริกา มันต่ำเหลือเกิน ดูจากงบดุลแล้วหนี้สินระยะยาวก็คงพอรับได้ ไม่เสี่ยงมากเกินไป
“Market prices are always wrong in the sense that they present a biased view of the future.”, Soros.
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
-
- Verified User
- โพสต์: 898
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มองหาบริษัทผลิตยาในโลกที่น่าลงทุน
โพสต์ที่ 12
Qcor, Prgo
bid please!!