พี่เจ๋ง กลับมาแว้วววว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
พี่เจ๋ง กลับมาแว้วววว
โพสต์ที่ 2
อืม ก็ไม่มีอะไรมาก แต่ถ้าใครอยากปฎิบัติก็ลองไปได้นะครับ วัดมเหยงคณ์ อยุธยา
หลวงพ่อเกษมธรรมทัต
ท่านสอนในเรื่องวิปัสนากรรมฐาน
ทำให้กระจ่างแจ้งขึ้นพอควร
ว่ามีข้อแตกต่างจากสมถะกรรมฐาน ซึ่งจะทำให้มีผลเพื่อให้เกิดความสงบ และฌานในระดับต่างๆ
ส่วนวิปัสนากรรมฐาน มีผลเพื่อให้เกิดปัญญา และการเข้าถึงมรรคผล นิพพาน
อย่างไรก็ตาม อิอิ พี่ไปนั่งเพื่อดับทุกข์ และก็เจอเทคนิคง่ายๆ ซึ่งหลายๆคนคงทำได้อยู่แล้ว แต่พี่ทำไม่ได้
คือ จิตของเราเมื่อเกิดมา จะมีลักษณะ ประภัสสร คือ ใส บริสุทธิ์ แต่เนื่องจากกิเลสที่ปรุงแต่งเข้าไป ทำให้เกิดความทุกข์
ความทุกข์เมื่อเกิดขึ้น เช่น ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ
ถ้าเราไปกดไว้ หรือพยายาม ไม่คิด หรือพยายาม ไปทำให้มันลดลง มันจะกลับทำให้เกิดผลตรงกันข้าม คือ หนักขึ้น
หลวงพ่อบอกว่า ให้เราเฝ้าดู ดูห่างๆ ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ เหล่านั้น จะเกิดขึ้น แล้วก็ดับไปเอง อย่าไปปรุงแต่ง
แต่คนที่ไม่เคยฝึกการเฝ้าดู อาจจะทำยากนิดนึง ในช่วงแรก เพราะชอบเข้าไปปรุงแต่งโดยไม่รู้ตัว ก็เลยทำให้ กิเลสหนาขึ้น พอกพูนเพิ่มขึ้น กลายเป็นทุกข์มากขึ้น
สรุป สุข หรือ ทุกข์ อยู่ที่ใจ ถ้าจะดับทุกข์ ก็ต้องดับที่ใจ โดยการใช้การพิจารณา ที่ดวงจิต ณ ขณะนั้นว่า สุข หรือ ทุกข์ คับแค้น เครียด โกรธ เกลียด เหงา หงอย เศร้าสร้อย ก็ให้พิจารณาดู
แต่การจะพิจารดูได้นั้น จำเป็นต้องฝึก มหาสติปัฐฐาน 4 ของพระพุทธเจ้า
เริ่มจากการ นั่งสมาธิ หรือเดินจงกลม แล้ว เริ่มจาการเฝ้าดูลมหายใจเข้าออก แล้วก็ดูไปเรื่องอื่นๆอีก เช่น เย็น ร้อน อ่อน แข็ง
เมื่อฝึกจนกระทั่งมีสติมากขึ้น ระหว่างที่ทำอะไรอยู่นั้น ก็จะสามารถรับรู้ว่า สภาวะจิตตอนนั้น เป็นอย่างไร
อิอิ อันสรุปให้ฟัง ของจริง ต้องไปฟังเอง ไปฝึกเอง
วันแม่ 11-14 เปิดอบรมกรรมฐาน มีคนไปประมาณ 1000 - 1500 คน
แต่พี่ไม่ไปนะ ไม่ชอบคนเยอะๆ
035-242892 , 035-244335
หลวงพ่อเกษมธรรมทัต
ท่านสอนในเรื่องวิปัสนากรรมฐาน
ทำให้กระจ่างแจ้งขึ้นพอควร
ว่ามีข้อแตกต่างจากสมถะกรรมฐาน ซึ่งจะทำให้มีผลเพื่อให้เกิดความสงบ และฌานในระดับต่างๆ
ส่วนวิปัสนากรรมฐาน มีผลเพื่อให้เกิดปัญญา และการเข้าถึงมรรคผล นิพพาน
อย่างไรก็ตาม อิอิ พี่ไปนั่งเพื่อดับทุกข์ และก็เจอเทคนิคง่ายๆ ซึ่งหลายๆคนคงทำได้อยู่แล้ว แต่พี่ทำไม่ได้
คือ จิตของเราเมื่อเกิดมา จะมีลักษณะ ประภัสสร คือ ใส บริสุทธิ์ แต่เนื่องจากกิเลสที่ปรุงแต่งเข้าไป ทำให้เกิดความทุกข์
ความทุกข์เมื่อเกิดขึ้น เช่น ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ
ถ้าเราไปกดไว้ หรือพยายาม ไม่คิด หรือพยายาม ไปทำให้มันลดลง มันจะกลับทำให้เกิดผลตรงกันข้าม คือ หนักขึ้น
หลวงพ่อบอกว่า ให้เราเฝ้าดู ดูห่างๆ ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ เหล่านั้น จะเกิดขึ้น แล้วก็ดับไปเอง อย่าไปปรุงแต่ง
แต่คนที่ไม่เคยฝึกการเฝ้าดู อาจจะทำยากนิดนึง ในช่วงแรก เพราะชอบเข้าไปปรุงแต่งโดยไม่รู้ตัว ก็เลยทำให้ กิเลสหนาขึ้น พอกพูนเพิ่มขึ้น กลายเป็นทุกข์มากขึ้น
สรุป สุข หรือ ทุกข์ อยู่ที่ใจ ถ้าจะดับทุกข์ ก็ต้องดับที่ใจ โดยการใช้การพิจารณา ที่ดวงจิต ณ ขณะนั้นว่า สุข หรือ ทุกข์ คับแค้น เครียด โกรธ เกลียด เหงา หงอย เศร้าสร้อย ก็ให้พิจารณาดู
แต่การจะพิจารดูได้นั้น จำเป็นต้องฝึก มหาสติปัฐฐาน 4 ของพระพุทธเจ้า
เริ่มจากการ นั่งสมาธิ หรือเดินจงกลม แล้ว เริ่มจาการเฝ้าดูลมหายใจเข้าออก แล้วก็ดูไปเรื่องอื่นๆอีก เช่น เย็น ร้อน อ่อน แข็ง
เมื่อฝึกจนกระทั่งมีสติมากขึ้น ระหว่างที่ทำอะไรอยู่นั้น ก็จะสามารถรับรู้ว่า สภาวะจิตตอนนั้น เป็นอย่างไร
อิอิ อันสรุปให้ฟัง ของจริง ต้องไปฟังเอง ไปฝึกเอง
วันแม่ 11-14 เปิดอบรมกรรมฐาน มีคนไปประมาณ 1000 - 1500 คน
แต่พี่ไม่ไปนะ ไม่ชอบคนเยอะๆ
035-242892 , 035-244335
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
พี่เจ๋ง กลับมาแว้วววว
โพสต์ที่ 3
สาธุ ..คุณเจ๋ง แค่บรรยายหลักธรรมที่ไปฟังมา ขนาดเล่ายังพอรู้ว่า
คุณ เจ๋ง ซึ้งและเข้าใจในรสพระธรรมแล้ว และหากไปปฏิบัติมาด้วย
จะยิ่งดีใหญ่เลย จะตัวเบาไปมากเลยค่ะ คือใจจะสงบลง ทำอะไรก็คิดก่อน
มีสมาธิมากขึ้น ใหม่ๆไปปฏิบัติจะยากและไม่คุ้นกับการนั่งทำสมาธิมากๆ
เดินจงกลมจะง่ายแต่ต้อง ตื่นอยู่ตลอดเวลา ใจต้องรู้ว่าเดินถึงตอนไหนแล้ว
สรุปคือการไปฟังพระท่านเทศน์และรู้หลักธรรม นำมาปฏิบัติใช้กับชีวิตประจำวันได้ดี
ฝึกเตือนความจำนี่สำคัญมาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
มักหลงลืม พอๆไปปฏิบัติกรรมฐาน จะจำอะไรๆแม่นขึ้นมากๆเลยค่ะ
เพราะในขณะที่เราท่อง เราเดิน เรานั่ง จะจำได้ว่าถึงตอนไหน
ก็นับว่าคนไทยเรานี่โชคดี ที่มีหลักธรรมสอนใจให้คนเรามีสติ
และคนไทยมีจิตใจ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อยู่ประจำใจ
จึงเจริญไปพร้อมกับความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายจริงๆ
ขอบคุณ ที่คุณเจ๋ง ได้นำสิ่งดีๆมาให้อ่านค่ะ
คุณ เจ๋ง ซึ้งและเข้าใจในรสพระธรรมแล้ว และหากไปปฏิบัติมาด้วย
จะยิ่งดีใหญ่เลย จะตัวเบาไปมากเลยค่ะ คือใจจะสงบลง ทำอะไรก็คิดก่อน
มีสมาธิมากขึ้น ใหม่ๆไปปฏิบัติจะยากและไม่คุ้นกับการนั่งทำสมาธิมากๆ
เดินจงกลมจะง่ายแต่ต้อง ตื่นอยู่ตลอดเวลา ใจต้องรู้ว่าเดินถึงตอนไหนแล้ว
สรุปคือการไปฟังพระท่านเทศน์และรู้หลักธรรม นำมาปฏิบัติใช้กับชีวิตประจำวันได้ดี
ฝึกเตือนความจำนี่สำคัญมาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
มักหลงลืม พอๆไปปฏิบัติกรรมฐาน จะจำอะไรๆแม่นขึ้นมากๆเลยค่ะ
เพราะในขณะที่เราท่อง เราเดิน เรานั่ง จะจำได้ว่าถึงตอนไหน
ก็นับว่าคนไทยเรานี่โชคดี ที่มีหลักธรรมสอนใจให้คนเรามีสติ
และคนไทยมีจิตใจ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อยู่ประจำใจ
จึงเจริญไปพร้อมกับความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายจริงๆ
ขอบคุณ ที่คุณเจ๋ง ได้นำสิ่งดีๆมาให้อ่านค่ะ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
พี่เจ๋ง กลับมาแว้วววว
โพสต์ที่ 4
เอารูปมาฝากพี่สุเกียง กับน้อง tom
แต่สักพักจะเอาออกเพราะเปลืองเนื้อที่
กรอบใหญ่ เป็นบริเวณวัด
สีแดง เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ จะมีนักปฎิบัตธรรม มานั่งสมาธิกัน
สีน้ำเงินเป็นโบส ไว้ทำวัตร เช้าเย็น และประกอบพี่ธีทางศาสนาอื่นๆ
สีเขียวอ่อน เป็นบริเวณโบสเก่า จะมีนักท่องเทียวแวะมาดู อืม ผมว่าสวยงาม และดูศักดิ์สิทธิ์ ดีครับ
แต่สักพักจะเอาออกเพราะเปลืองเนื้อที่
กรอบใหญ่ เป็นบริเวณวัด
สีแดง เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ จะมีนักปฎิบัตธรรม มานั่งสมาธิกัน
สีน้ำเงินเป็นโบส ไว้ทำวัตร เช้าเย็น และประกอบพี่ธีทางศาสนาอื่นๆ
สีเขียวอ่อน เป็นบริเวณโบสเก่า จะมีนักท่องเทียวแวะมาดู อืม ผมว่าสวยงาม และดูศักดิ์สิทธิ์ ดีครับ
- Tongue
- Verified User
- โพสต์: 725
- ผู้ติดตาม: 0
- MacroArt
- Verified User
- โพสต์: 265
- ผู้ติดตาม: 0
- Guang Ming
- Verified User
- โพสต์: 58
- ผู้ติดตาม: 0
พี่เจ๋ง กลับมาแว้วววว
โพสต์ที่ 12
อนุโมทนาบุญ พี่เจ๋งครับ
ผมก็เพิ่งไปคอร์สของยุวพุทธิกสมาคมมาเมื่อวันที่ 14-21 เดือนที่แล้ว
อยู่เพชรเกษมนี่เอง ซอยเดียวกับสำนักงานเขตภาษีเจริญ
8วัน7คืน ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ต้องจองล่วงหน้า
ใครอยู่ละแวกใกล้เคียงสนใจลองเช็คดูครับ
http://www.ybat.org/members/member_thai5.html
ผมก็เพิ่งไปคอร์สของยุวพุทธิกสมาคมมาเมื่อวันที่ 14-21 เดือนที่แล้ว
อยู่เพชรเกษมนี่เอง ซอยเดียวกับสำนักงานเขตภาษีเจริญ
8วัน7คืน ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ต้องจองล่วงหน้า
ใครอยู่ละแวกใกล้เคียงสนใจลองเช็คดูครับ
http://www.ybat.org/members/member_thai5.html
- Guang Ming
- Verified User
- โพสต์: 58
- ผู้ติดตาม: 0
พี่เจ๋ง กลับมาแว้วววว
โพสต์ที่ 15
ขอเสริม เรื่องประสบการณ์ ส่วนของผมบ้างนะครับ
สำหรับหลักสูตรที่ยุวพุทธ จะเน้นที่สิ่งที่เรียกว่า "การกำหนดอิริยาบทย่อย"
คือ เวลาทำกิจวัตรประจำวัน นอกห้องปฏิบัติ จะต้องกำหนดรู้ก่อนที่จะทำอะไร ๆ และ
รู้ในขณะที่ทำ และรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น
อยากจะกินน้ำ - ยกมือขึ้น - เอื้อมไปจับแก้ว - แข็ง - ยก - หนัก - มา - อ้าปาก - เทน้ำ - เย็น - กลืน
เป็นต้น
เป็นการฝึกให้เรามีสติที่เร็วขึ้น ต้องลองครับแล้วจะรู้ว่าเร็วขึ้นได้จริง ๆ
แล้วสติที่ฝึกให้เร็วแล้ว จะเอาไปใช้ในการนั่งสมาธิ อย่างที่พี่เจ๋ง อธิบายไว้แล้วครับ
สติที่เร็ว ทำให้เรารู้ทันก่อนที่จะทำสิ่งที่เป็นอกุศล ไม่อย่างนั้น อาจทำไปแล้วคิดได้ทีหลัง ... แย่เลย
สำหรับหลักสูตรที่ยุวพุทธ จะเน้นที่สิ่งที่เรียกว่า "การกำหนดอิริยาบทย่อย"
คือ เวลาทำกิจวัตรประจำวัน นอกห้องปฏิบัติ จะต้องกำหนดรู้ก่อนที่จะทำอะไร ๆ และ
รู้ในขณะที่ทำ และรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น
อยากจะกินน้ำ - ยกมือขึ้น - เอื้อมไปจับแก้ว - แข็ง - ยก - หนัก - มา - อ้าปาก - เทน้ำ - เย็น - กลืน
เป็นต้น
เป็นการฝึกให้เรามีสติที่เร็วขึ้น ต้องลองครับแล้วจะรู้ว่าเร็วขึ้นได้จริง ๆ
แล้วสติที่ฝึกให้เร็วแล้ว จะเอาไปใช้ในการนั่งสมาธิ อย่างที่พี่เจ๋ง อธิบายไว้แล้วครับ
สติที่เร็ว ทำให้เรารู้ทันก่อนที่จะทำสิ่งที่เป็นอกุศล ไม่อย่างนั้น อาจทำไปแล้วคิดได้ทีหลัง ... แย่เลย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
พี่เจ๋ง กลับมาแว้วววว
โพสต์ที่ 16
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ขอเสริม เรื่องประสบการณ์ ส่วนของผมบ้างนะครับ
สำหรับหลักสูตรที่ยุวพุทธ จะเน้นที่สิ่งที่เรียกว่า "การกำหนดอิริยาบทย่อย"
คือ เวลาทำกิจวัตรประจำวัน นอกห้องปฏิบัติ จะต้องกำหนดรู้ก่อนที่จะทำอะไร ๆ และ
รู้ในขณะที่ทำ และรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น
อยากจะกินน้ำ - ยกมือขึ้น - เอื้อมไปจับแก้ว - แข็ง - ยก - หนัก - มา - อ้าปาก - เทน้ำ - เย็น - กลืน
เป็นต้น
เป็นการฝึกให้เรามีสติที่เร็วขึ้น ต้องลองครับแล้วจะรู้ว่าเร็วขึ้นได้จริง ๆ
แล้วสติที่ฝึกให้เร็วแล้ว จะเอาไปใช้ในการนั่งสมาธิ อย่างที่พี่เจ๋ง อธิบายไว้แล้วครับ
สติที่เร็ว ทำให้เรารู้ทันก่อนที่จะทำสิ่งที่เป็นอกุศล ไม่อย่างนั้น อาจทำไปแล้วคิดได้ทีหลัง ... แย่เลย
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
พี่เจ๋ง กลับมาแว้วววว
โพสต์ที่ 17
อนุโมทนา สาธุด้วยครับ เจ๋งสมชื่อเลยครับ ผมก็พยายามทำอยู่ครับ ชอบวิมากกว่าครับ ว่าแต่สมถะกับวิปัสสนา มันก็ไปพร้อม ๆ กันได้ แล้วแต่จริตของแต่ละคน
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
พี่เจ๋ง กลับมาแว้วววว
โพสต์ที่ 18
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ว่าแต่สมถะกับวิปัสสนา มันก็ไปพร้อม ๆ กันได้ แล้วแต่จริตของแต่ละคน
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
พี่เจ๋ง กลับมาแว้วววว
โพสต์ที่ 19
ขอบคุณ คุณเจ๋ง ที่นำภาพรอบๆบริเวณวัดมาให้ชม
วัดนี้ใหญ่มากนะคะ เดี๋ยวนี้คนหันมาศึกษาพระธรรมกันมากขึ้น
อาจเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมและการงานทำให้คนเราเครียดก็ได้
สิ่งที่สัมผัสและเป็นที่พึ่งทางใจก็คือ การปฏิบัติธรรม เข้าวิปัสสนา เจริญกรรมฐาน
เป็นสิ่งยึดเหนื่ยวและที่พึ่งทางใจที่ดีที่สุด
การให้ทานเป็นบุญสูงส่ง หากได้นั่งวิปัสสนาเจริญกรรมฐานด้วย
จะยิ่งได้บุญกุศลที่หนุนส่งแรงไปถึงงชาติหน้าเลยทีเดียว
ขอบคุณมากนะคะ
วัดนี้ใหญ่มากนะคะ เดี๋ยวนี้คนหันมาศึกษาพระธรรมกันมากขึ้น
อาจเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมและการงานทำให้คนเราเครียดก็ได้
สิ่งที่สัมผัสและเป็นที่พึ่งทางใจก็คือ การปฏิบัติธรรม เข้าวิปัสสนา เจริญกรรมฐาน
เป็นสิ่งยึดเหนื่ยวและที่พึ่งทางใจที่ดีที่สุด
การให้ทานเป็นบุญสูงส่ง หากได้นั่งวิปัสสนาเจริญกรรมฐานด้วย
จะยิ่งได้บุญกุศลที่หนุนส่งแรงไปถึงงชาติหน้าเลยทีเดียว
ขอบคุณมากนะคะ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
พี่เจ๋ง กลับมาแว้วววว
โพสต์ที่ 20
โค้ด: เลือกทั้งหมด
เป็นสิ่งยึดเหนื่ยวและที่พึ่งทางใจที่ดีที่สุด
ถ้าเราไปเกิดในเวลาที่ไม่มีศาสนาพุทธ
ถ้าเราไปเกิดในประเทศที่ไม่มีศาสนาพุทธ
ถ้าเราเกิดในในกลุ่มญาติพี่น้องที่ไม่ยอมรับศาสนาพุทธ
ถ้าเรามีบุญแต่มีกรรมมาบัง ทำให้เราไม่เห็นในสิ่งที่ควรเห็น
โอกาสที่เราจะได้สัมผัสกับสัจจธรรมเหล่านี้ คงน้อยลงไปมาก
พี่สุเกียงคิดไง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
พี่เจ๋ง กลับมาแว้วววว
โพสต์ที่ 21
ก่อนไปบวช ก็มีรุ่นพี่คนนึง อายุ 56 ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ หุ่นดี หัวใจวายตายไป
เมื่อไปบวช ก็เจอ นักบวชท่านนึง อายุประมาณ 30 เส้นโลหิตในสมองแตก อัมพาติครึ่งซีก ( สูบบุหรี่มาก ) หมอบอกว่า ให้นำส่งญาติเพราะกว่าจะฟื้นตัวต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี
แต่พระรูปนึง ไม่ค่อยเชื่อ แต่เชื่อเรื่องการสร้างกรรมดี ละลายกรรมชั่ว ก็เลย พยามรักษา โดยให้อยู่ในวัด แล้วก็ทำแต่ความดี ปรากฎว่า ผ่านไป 5 สัปดาห์ หาย แต่แล้วในที่สุด นึกว่าหายแล้ว ดันมาเป็นอีกซีกหนึ่ง
พระท่านก็ยังคงเชื่อเหมือนเดิม ก็เลยให้ทำความดี แล้วอยู่วัดต่อไป ปรากฎว่าอีกซีกที่เป็น ผ่านไป 5 สัปดาห์ เริ่มดีขึ้น
ภาพที่ผมเห็นคือ คือ พระที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง กำลังพานักบวชท่านนี้ เดินไป ค่อยๆเดินไปตามทุ่ง เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟู
ขณะที่ผมนั่งคุยด้วย นักบวชท่านนี้ เหลือแต่อาการปากเบี้ยว แต่เดินได้แล้ว
มันก็เป็นเรื่องที่แปลกหรือไม่ ผมไม่ทราบ
เพราะแปลกกว่านี้ผมเคยเจอมาแล้ว
ข้างบ้านเก่าผม สามีเป็นอัมพาติทั้งตัวมา 10 ปี ภรรยาสุดที่รัก และลูกๆคอย พลิกตัวเพื่อป้องกัน แผลกดทับ
และคอยนวดให้
สุดท้าย ผ่านไป 10 ปี อัมพาติ หาย กลับมาเดินได้เฉยเลย
เมื่อไปบวช ก็เจอ นักบวชท่านนึง อายุประมาณ 30 เส้นโลหิตในสมองแตก อัมพาติครึ่งซีก ( สูบบุหรี่มาก ) หมอบอกว่า ให้นำส่งญาติเพราะกว่าจะฟื้นตัวต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี
แต่พระรูปนึง ไม่ค่อยเชื่อ แต่เชื่อเรื่องการสร้างกรรมดี ละลายกรรมชั่ว ก็เลย พยามรักษา โดยให้อยู่ในวัด แล้วก็ทำแต่ความดี ปรากฎว่า ผ่านไป 5 สัปดาห์ หาย แต่แล้วในที่สุด นึกว่าหายแล้ว ดันมาเป็นอีกซีกหนึ่ง
พระท่านก็ยังคงเชื่อเหมือนเดิม ก็เลยให้ทำความดี แล้วอยู่วัดต่อไป ปรากฎว่าอีกซีกที่เป็น ผ่านไป 5 สัปดาห์ เริ่มดีขึ้น
ภาพที่ผมเห็นคือ คือ พระที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง กำลังพานักบวชท่านนี้ เดินไป ค่อยๆเดินไปตามทุ่ง เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟู
ขณะที่ผมนั่งคุยด้วย นักบวชท่านนี้ เหลือแต่อาการปากเบี้ยว แต่เดินได้แล้ว
มันก็เป็นเรื่องที่แปลกหรือไม่ ผมไม่ทราบ
เพราะแปลกกว่านี้ผมเคยเจอมาแล้ว
ข้างบ้านเก่าผม สามีเป็นอัมพาติทั้งตัวมา 10 ปี ภรรยาสุดที่รัก และลูกๆคอย พลิกตัวเพื่อป้องกัน แผลกดทับ
และคอยนวดให้
สุดท้าย ผ่านไป 10 ปี อัมพาติ หาย กลับมาเดินได้เฉยเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
พี่เจ๋ง กลับมาแว้วววว
โพสต์ที่ 22
กำลังใจเป็นพลังอย่างหนึ่ง ในการผลักดันให้จิตที่ซ่อนอยู่ภายในมีพลังขึ้นมาใหม่
เมื่อถูกนำมาใช้จะเหมือนเป็นยารักษา ทำให้เกิดพลังใจที่จะสู้ เพราะใจมีพลังนี่เอง
ดิฉันก็ไปถือศีล ได้เรียนรู้ความสงบที่ไปสัมผัสมา พบแม่ชีที่ลงทะเบียนประวัติของผู้มาปฏิบัติธรรม
เห็นเพื่อนเล่าว่า แม่ชีท่านนี้เป็นมะเร็งเต้านม อาการสุดท้าย ป่วยจนไม่อาจรักษาได้
ท่านเลยมาบวชเป็นแม่ชีวัดนี้
ได้เจริญรอยในพระพุทธศาสนา ทำงานและมีหน้าที่เป็นหัวหน้าแม่ชีในวัด
ปฏิบัติธรรมสอนลูกศิษย์ที่มาเรียนรู้การนั่งวิปัสสนากรรมฐาน รุ่นแล้วรุ่นเล่า
แม่ชีช่วยงานหลวงพ่อเสมอมาด้วยแรงศัทธา นั่งสมาธิ เจริญกรรมฐานสู้โรคร้ายให้หายได้
อยู่มาจนทุกวันนี้ สุขภาพท่านแข็งแรงมาก ดุด้วยค่ะ แต่ดุให้ทุกคนมีระเบียบวินัย
การที่คนเราอยู่ในวัดจะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้ใจสงบ ปล่อยวางนี่ทำให้จิตสงบไม่วอกแวก
โรคต่างๆที่ซ่อนอยู่จะแสดงตัวเมื่อจิตคนเราเกิดความเครียดนะคะ
การทำสมาธิปฏิบัติธรรม เจริญกรรมฐาน เป็นที่พึ่งทางใจ
ทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันออกมาสู้กับโรคต่างๆได้
ธรรมมะ คือ ธรรมฃาติ
ธรรมชาติ นี่ช่วยให้เราสร้างภูมิคุ้มกันที่บกพร่องให้กลับมาแข็งแรงได้
เมื่อถูกนำมาใช้จะเหมือนเป็นยารักษา ทำให้เกิดพลังใจที่จะสู้ เพราะใจมีพลังนี่เอง
ดิฉันก็ไปถือศีล ได้เรียนรู้ความสงบที่ไปสัมผัสมา พบแม่ชีที่ลงทะเบียนประวัติของผู้มาปฏิบัติธรรม
เห็นเพื่อนเล่าว่า แม่ชีท่านนี้เป็นมะเร็งเต้านม อาการสุดท้าย ป่วยจนไม่อาจรักษาได้
ท่านเลยมาบวชเป็นแม่ชีวัดนี้
ได้เจริญรอยในพระพุทธศาสนา ทำงานและมีหน้าที่เป็นหัวหน้าแม่ชีในวัด
ปฏิบัติธรรมสอนลูกศิษย์ที่มาเรียนรู้การนั่งวิปัสสนากรรมฐาน รุ่นแล้วรุ่นเล่า
แม่ชีช่วยงานหลวงพ่อเสมอมาด้วยแรงศัทธา นั่งสมาธิ เจริญกรรมฐานสู้โรคร้ายให้หายได้
อยู่มาจนทุกวันนี้ สุขภาพท่านแข็งแรงมาก ดุด้วยค่ะ แต่ดุให้ทุกคนมีระเบียบวินัย
การที่คนเราอยู่ในวัดจะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้ใจสงบ ปล่อยวางนี่ทำให้จิตสงบไม่วอกแวก
โรคต่างๆที่ซ่อนอยู่จะแสดงตัวเมื่อจิตคนเราเกิดความเครียดนะคะ
การทำสมาธิปฏิบัติธรรม เจริญกรรมฐาน เป็นที่พึ่งทางใจ
ทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันออกมาสู้กับโรคต่างๆได้
ธรรมมะ คือ ธรรมฃาติ
ธรรมชาติ นี่ช่วยให้เราสร้างภูมิคุ้มกันที่บกพร่องให้กลับมาแข็งแรงได้