เกิดอะไรขึ้นกับ singer

[tatandchin]

วานพี่ๆ ช่วยกันวิเคราะห์ครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับ singer  จากงบไตรมาส2
1. รายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 500 ล้านบาท แต่รายจ่ายก็เพิ่มขึ้นเกือบเท่ากัน
2. หนี้ระยะสั้นเพิ่มขึ้นมามาก ประมาณ 1 พันล้านบาท ทำให้ DE ประมาณ 1.8 เท่า และส่งผลต่อ รายจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นประมาณ3 เท่า จากรายจ่ายดอกเบี้ยในช่วงเดียวกันของปีก่อน
3. ค่าเผื่อสินค้าเสื่อมคุณภาพเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 62 ล้านบาท
ถามครับ
1. ทำไมรายได้ ยจ่ายเพิ่มขึ้นในเกือบเท่ากันเลย singer ไม่สามารถคุมค่าใช้จ่ายได้เลยหรือครับ
2. มีเหตุผลอะไรทำไม singer ต้องก่อหนี้สินเพิ่มขึ้นมากขนาดนั้นครับ ในภาวะที่ดอกเบี้ยกำลังขึ้น
3. ค่าเผื่อสินค้าเสื่อมคุณภาพที่เพิ่มขึ้นสะท้อนว่า สินค้าคงเหลือของ singer เริ่มล้าสมัยมากขึ้นใช่ไหม
ถ้าข้อมูลข้างต้นผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ

[ลูกอิสาน]

[quote="tatandchin"]วานพี่ๆ ช่วยกันวิเคราะห์ครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับ singer

[chatchai]

ก่อนพิจารณาเรื่องอื่น

[ต.หยวนเปียว]

มาอ่านหาความรู้

[naris]

ลองเดาดูนะพี่ฉัตรชัยแล้วพี่เฉลยด้วยนะครับ
พี่ฉัตรชัยเป็นไปได้ไหมว่า เขานำทรัพย์สินที่เป็นรถยึดมาตีมูลค่าใหม่และขายให้กับบ.ที่ตั้งขึ้นมารีไฟแนนซ์ลูกหนี้ตัวเอง ทำให้รายได้ไม่เพิ่ม ค่าใช้จ่ายไม่เพิ่ม แต่ลูกหนี้เพิ่มจากทรัพย์สิน(คือรถยึด)และค่าเพื่อสินค้าเสื่อมคุณภาพเยอะขึ้นจากการประเมินทรัพย์สินที่โอนถ่ายให้กับ บ.ใหม่
ลองเดาดู ไม่ถูกก็อย่าว่ากันนะครับ :lol:

[tatandchin]

มารออ่าน ขอความรู้เพิ่มเติมครับ ทั้งของ singer และ tiw เพราะผมก็กำลังดูทั้ง 2 ตัวนี้อยู่ครับ แต่ที่พี่ chachai ตั้งข้อสังเกตุ น่าสนใจมากครับ

[chatchai]

ปรกติเวลาที่เราตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญนั้น  

เราถือว่าเป็นค่าใช้จ่าย  เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องบันทึกในงบกำไรขาดทุนในงวดนั้นๆ

แต่เนื่องจาก  การตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญนั้น  เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสด  เนื่องจากไม่มีเงินสดออกจากบริษัท

ดังนั้นในงบกระแสเงินสด  จึงต้องมีการบวกค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่เราตั้งเพิ่มในงวดการเงินนั้นๆกลับ

แต่ในงบกระแสเงินสด  ที่เพิ่งประกาศ  มีการปรับปรุงค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นจากเดิม  แต่ทำไมค่าใช้จ่ายถึงไม่เพิ่ม  กำไรสุทธิถึงไม่ลด

แล้วรายการลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้นอย่างมากทีเดียว  โดยยอดที่เพิ่มก็เป็นยอดเดียวกับค่าเผื่อสงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้น

ลูกหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงมาจากไหน  ทั้งๆที่ยอดขายในงบก่อนปรับปรุง  และหลังปรับปรุงเท่าเดิม  งอกออกมาได้ยังไงตั้งมาก

อ่านแล้วงงครับ  ใครพออธิบายให้ได้บ้าง

[naris]

ขอบคุณครับที่มาให้ความรู้
ได้ความรู้เพิ่มอีกอย่างเรื่องการกระทบยอดหนี้สงสัยจะสูญครับ

[Jeng]

หมายความว่า เมื่อมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ ก็คือลูกค้าเน่าๆ แล้วก็ตัดเป็นค่าใช้จ่าย + เงินสดยังคงเหลือ

ทำให้กำไรสุทธิ ต้องลดลงใช่หรือเปล่าครับ คุณฉัตรชัย

[chatchai]

กระบวนการหนี้สูญทางบัญชีมี 2 ขั้นตอนครับ

[Jeng]

อืม ชัดเจนมากครับ เดี๋ยวขอเซพไว้อ่าน จะได้ไม่ต้องถามอีก อิอิ

[Kao]

[quote="chatchai"]กระบวนการหนี้สูญทางบัญชีมี 2 ขั้นตอนครับ

[BerZerK]

ตามมางง  :?:

[chatchai]

ผมไม่ได้จบเศรษฐศาสตร์ครับ  จบบริหารธุรกิจครับ

[RR]

[miracle]

ยอดเยี่ยม นึกว่าจบบัญชีมาละนั้น
วิเคราะห็งบได้ดีมากเลย
ข้าน้อยขอคาระหนึ่งจอก

[2nd wind]

พี่ chatchai ครับ ผมขออนุญาติลิ้งค์กระทู้นี้ไปที่ 100 คน 100 หุ้นนะครับ

[chatchai]

ได้เลยครับ

[thaistock2005]

[quote="chatchai"]ปรกติเวลาที่เราตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญนั้น

[thaistock2005]

บางทีเพื่อทำยอดขาย
พนักงานขายขาดยอดนิดหน่อย ก็อาจจะซื้อเองผ่อนเดือนเดียวก็เลิก
ให้บริษัทยึดสินค้า ก็มีครับ
บางทีลงบัญชีผิดพลาดแล้วฝ่ายตรวจสอบมาเช็คถึงรู้ที่หลังมีครับ
ไม่แน่ใจว่าตอบตรงคำถามไหม

คือผมเข้าใจว่าพี่ฉัตรชัยข้องใจเรื่องยอดขาย ยอดลูกหนี้
แต่ในระบบของเขาผมว่าก็โอเคครับ
แต่ว่าต้องยอมรับว่าก็จะมีพนักงานขายบางคนก็ซิกแซกเหมือนกัน
ถ้าถามผมผมว่า มันเริ่มจากพนักงานขายครับ
ทำให้การลงบัญชีผิดพลาดได้

ส่วนผุ้บริหาร ผมว่าไม่ค่อยมีอะไรครับ
ส่วนมากเท่าที่ฟัง ๆ หลาย ๆ คนก็ผูกพันกับบริษัทมานาน
หลาย ๆ คนก็มีความรู้สึก ดี ๆ กับบริษัท

[thaistock2005]

ในความเข้าใจผมคือเป็นที่พนักงานขายครับ
อย่างเช่นผมอยากเป็นพนักงานขายของบริษัท
ผมก็ไปสมัคร ซึ่งตรงนี้ในส่วนของบริษัทก็ชอบ
เพราะพนักงานงานขายมาก ย่อมทำให้ยอดขายมาก
พนักงานขายน้อย ยอดขายก็โตยาก
คิดกันแบบง่าย ๆ นะครับ
เพราะฉะนั้นพนักงานขายตรงนี้ก็จะมีทั้งดีและไม่ดี

แต่ด้วยความที่บริษัทมีระบบตรวจสอบ
บางทีพอถึงงานด้านการตรวจสอบ
มันก็จะมาเจอครับ
ก็ไอ้ที่ซิกแซกไว้มันก็จะปรากฏเอง
ก็ต้องมาทำบัญชีแก้อีก

ไม่รุ้ว่าผมตอบตรงคำถามไหมเนี่ย