บริษัท ธนมิตร แฟคตอริ่ง จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในเดือน มกราคม 2540 โดยมีกลุ่มผู้ร่วม
ทุนหลัก ประกอบด้วย บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด และกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์
จำกัด(มหาชน)
บริษัท ธนมิตร แฟคตอริ่ง จำกัด เริ่มดำเนินการโดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มแรกจำนวน 20 ล้าน
บาท ซึ่งต่อมาได้มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนและชำระแล้วจนถึงปัจจุบันเป็น 100 ล้านบาท บริษัท
ได้มีการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI) ในเดือน
สิงหาคม 2547 บริษัทจึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ธนมิตร แฟคตอริ่ง จำกัด(มหาชน)
ธุรกิจของบริษัท
บริษัทประกอบธุรกิจ เป็นผู้ให้บริการเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น ด้วยการรับซื้อลดลูกหนี้การค้า
โดยการรับโอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงิน โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าให้แก่
ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ได้แก่ กลุ่มห้างสรรพสินค้า และ ร้านสะดวกซื้อ
โดยบริษัทจะให้ลูกค้าโอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงินจากลูกหนี้มายังบริษัท และบริษัทจะเป็น
ผู้เรียกเก็บเงินจากลูกหนี้แต่ละรายโดยตรงตามวันที่ครบกำหนด
พี่ท่านทั้งหลาย มีความเห็นยังไงกับหุ้น DM ชื่อแปลกๆแต่น่าสน
-
naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ท่านทั้งหลาย มีความเห็นยังไงกับหุ้น DM ชื่อแปลกๆแต่น่าสน
โพสต์ที่ 4
มีติดพอร์ตอยู่บ้างครับ มาเก็บตอน8บาทกว่าๆ
ปกติผมจะไม่ลงทุนในธุรกิจ ไฟแนนซ์ และ ธนาคาร เพราะกำไรไม่ได้อยู่ที่มีรายได้เท่าไหร่ แต่กำไรอยู่ที่มีหนี้สูญเท่าไหร่ เลยถือว่าเป็นความเสี่ยง เพราะเราไม่รู้ จึงไม่ลงทุน
แต่มาเจอDM รับซื้อเช็คจากเครือจิราธิวัฒน์(central, big-c, robinson) และไฮเปอร์มาร์ทเช่นคาร์ฟู,โลตัส ซึ่งความเสี่ยงพวกนี้ถือว่าน่าจะน้อยมากในเรื่องหนี้สูญ
ส่วนเรื่องธรรมาภิบาลต้องดูไปซักพัก แต่ก็มีการถ่วงดุลอำนาจกรรมการอยู่3กลุ่ม คือ 1.กลุ่มจิราธิวัฒน์ 2.กลุ่มผู้เห็นให้กู้(ธ.ไทยพาณิชย์)3.กลุ่มเจ้าของบ.เดิม ก็ทำให้มั่นใจระดับหนึ่ง
แต่ในไตรมาทล่าสุดมีการแยกลูกหนี้ที่ละเอียดขึ้น แยกที่มีการโอเวอร์ดิวตั้งแต่1-90วันออกมามียอดที่พอควร ผมก็เลยโทรไปถามกับฝ่ายบัญชี ได้คำตอบมาว่า ฝ่ายตรวจสอบบัญชีมีการวางมาตรฐานใหม่เข้มงวดมากขึ้น สมมุติทำสัญญาซื้อเช็ควันที่1ม.ค48ดิวการชำระ1มี.ค48 ถ้า2มี.ค48ยังไม่มีเงินสดเข้ามาในบัญชีถือว่าเข้าข่ายลูกหนี้โอเวอร์ดิว แต่ทางฝ่ายบัญชีก็บอกว่าได้เงินแน่นอน เท่าที่ผมรู้ปกติทางcentral จอมยืดดิวการชำระเงินเลยหล่ะ ยอดมันเลยโผล่ ต้องคอยติดตามดูว่า ในไตรมาทต่อๆไป จะโอเวอร์ดิวเพิ่มขึ้นหรือเปล่า
ส่วนในปีต่อๆไปผมว่าธุรกิจนี้น่าจะโตตามกลุ่มโมเดอร์น เทรดนะครับ
ส่วนราคาก็ยังไม่แพง น่าฟัง
ปกติผมจะไม่ลงทุนในธุรกิจ ไฟแนนซ์ และ ธนาคาร เพราะกำไรไม่ได้อยู่ที่มีรายได้เท่าไหร่ แต่กำไรอยู่ที่มีหนี้สูญเท่าไหร่ เลยถือว่าเป็นความเสี่ยง เพราะเราไม่รู้ จึงไม่ลงทุน
แต่มาเจอDM รับซื้อเช็คจากเครือจิราธิวัฒน์(central, big-c, robinson) และไฮเปอร์มาร์ทเช่นคาร์ฟู,โลตัส ซึ่งความเสี่ยงพวกนี้ถือว่าน่าจะน้อยมากในเรื่องหนี้สูญ
ส่วนเรื่องธรรมาภิบาลต้องดูไปซักพัก แต่ก็มีการถ่วงดุลอำนาจกรรมการอยู่3กลุ่ม คือ 1.กลุ่มจิราธิวัฒน์ 2.กลุ่มผู้เห็นให้กู้(ธ.ไทยพาณิชย์)3.กลุ่มเจ้าของบ.เดิม ก็ทำให้มั่นใจระดับหนึ่ง
แต่ในไตรมาทล่าสุดมีการแยกลูกหนี้ที่ละเอียดขึ้น แยกที่มีการโอเวอร์ดิวตั้งแต่1-90วันออกมามียอดที่พอควร ผมก็เลยโทรไปถามกับฝ่ายบัญชี ได้คำตอบมาว่า ฝ่ายตรวจสอบบัญชีมีการวางมาตรฐานใหม่เข้มงวดมากขึ้น สมมุติทำสัญญาซื้อเช็ควันที่1ม.ค48ดิวการชำระ1มี.ค48 ถ้า2มี.ค48ยังไม่มีเงินสดเข้ามาในบัญชีถือว่าเข้าข่ายลูกหนี้โอเวอร์ดิว แต่ทางฝ่ายบัญชีก็บอกว่าได้เงินแน่นอน เท่าที่ผมรู้ปกติทางcentral จอมยืดดิวการชำระเงินเลยหล่ะ ยอดมันเลยโผล่ ต้องคอยติดตามดูว่า ในไตรมาทต่อๆไป จะโอเวอร์ดิวเพิ่มขึ้นหรือเปล่า
ส่วนในปีต่อๆไปผมว่าธุรกิจนี้น่าจะโตตามกลุ่มโมเดอร์น เทรดนะครับ
ส่วนราคาก็ยังไม่แพง น่าฟัง
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
บันทึกไม่สำเร็จ