เกิดอะไรขึ้นกับ ATC ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
เกิดอะไรขึ้นกับ ATC ครับ
โพสต์ที่ 32
อันนี้ถูกต้องครับ ถ้าไม่เทขาย หุ้นไม่ลงแรงแน่nanchan เขียน:สาเหตุที่ราคาหุ้นบริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)(ATC)ปรับตัวลงแรง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมา
ATC รีไซเคิลน้ำได้ และใช้น้ำน้อยกว่า TOC, NPC มากๆ แล้วทำไมเจ้า 2 ตัวนั้นไม่ลงแรง เหตุผลฟังไม่ขึ้นจริงๆ (ทำการบ้านบ้างรึเปล่าหว่า?)nanchan เขียน:อันเป็นผลมาจากปัญหาการขาดแคลนน้ำ,ไตรมาส2/48 บริษัทฯจะปิดซ่อมโรงงานและราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวขึ้นไม่มาก ขณะเดียวกัน คาดว่า กองทุนและนักลงทุนต่างชาติคงมีการปรับพอร์ตลงทุน
ปิดซ่อมโรงงาน บริษัทปิโตรฯ ไหนๆ ก็ทำ โรงไฟฟ้าก็ทำ แต่หุ้นลงแรงตัวเดียว เหตุผลฟังไม่ขึ้น (อีกแล้ว)
ผมเพิ่มให้อีกแล้วกันถ้าวิเคราะห์กันแบบนี้ ถัดจาก 20 บาท จะไปเจอ 10 บาท และ 5 บาท ตามลำดับnanchan เขียน:ทั้งนี้แนวรับสำคัญของหุ้นATC อยู่ที่ 37.50 บาท ถ้าหลุด มีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 30 บาทและ 20 บาท
ตอนนี้ราคาเท่าไหร่หว่า?nanchan เขียน:คาดว่า แรงเทขายที่เกิดกับ ATCในวันนี้น่าจะเป็นผลทางจิตวิทยาเท่านั้นและเชื่อว่าราคาหุ้นไม่น่าจะหลุดจากระดับแนวรับทางเทคนิคที่ 37.50 บาทไปได้ เนื่องจากทางด้านปัจจัยพื้นฐานของ ATC ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
-
- Verified User
- โพสต์: 1250
- ผู้ติดตาม: 0
เกิดอะไรขึ้นกับ ATC ครับ
โพสต์ที่ 34
อันนี้ผมผ่านๆข่าวมาเหมือนกันครับทั้งนี้แนวรับสำคัญของหุ้นATC อยู่ที่ 37.50 บาท ถ้าหลุด มีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 30 บาทและ 20 บาท
ผมเพิ่มให้อีกแล้วกันถ้าวิเคราะห์กันแบบนี้ ถัดจาก 20 บาท จะไปเจอ 10 บาท และ 5 บาท ตามลำดับ
ยัง งงว่าเค้าเอาตัวเลข แนวรับ แนวต้าน มาจากไหน
คำนวณ ???
สงสัยต้องอ่านการวิเคราะห์ด้วยเทคนิคบ้าง :?
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
เกิดอะไรขึ้นกับ ATC ครับ
โพสต์ที่ 35
ผมโดนประนามครับFinancial Engineer เขียน: อันนี้ถูกต้องครับ ถ้าไม่เทขาย หุ้นไม่ลงแรงแน่
ATC รีไซเคิลน้ำได้ และใช้น้ำน้อยกว่า TOC, NPC มากๆ แล้วทำไมเจ้า 2 ตัวนั้นไม่ลงแรง เหตุผลฟังไม่ขึ้นจริงๆ (ทำการบ้านบ้างรึเปล่าหว่า?)
ปิดซ่อมโรงงาน บริษัทปิโตรฯ ไหนๆ ก็ทำ โรงไฟฟ้าก็ทำ แต่หุ้นลงแรงตัวเดียว เหตุผลฟังไม่ขึ้น (อีกแล้ว)
ผมเพิ่มให้อีกแล้วกันถ้าวิเคราะห์กันแบบนี้ ถัดจาก 20 บาท จะไปเจอ 10 บาท และ 5 บาท ตามลำดับ
ตอนนี้ราคาเท่าไหร่หว่า?
เดี๋ยวลงมา30จริงๆพรุ่งนี้จะซื้อซะหน่อย
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
เกิดอะไรขึ้นกับ ATC ครับ
โพสต์ที่ 37
โทษทีครับ คุณนัน...
เลยกลายเป็นคุณนันเขียนซะนี่ (ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วก็ยกเครดิตให้คุณนันไปเลยแล้วกัน ในฐานะผู้เอามาโพสต์) :lovl: :lovl:
เลยกลายเป็นคุณนันเขียนซะนี่ (ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วก็ยกเครดิตให้คุณนันไปเลยแล้วกัน ในฐานะผู้เอามาโพสต์) :lovl: :lovl:
- worapong
- Verified User
- โพสต์: 929
- ผู้ติดตาม: 0
cyclical
โพสต์ที่ 38
ผมเคยอ่านหนังสือของลินช์ครับ เลยค่อนข้างระแวงว่าจะซื้อหุ้นวัฎจักรผิดเวลา การซื้อหุ้นวัฎจักรจะตรงข้ามกับหุ้นปกติเพราะถ้าเราซื้อตอน พีอี ต่ำๆ นั่นคงเป็นหายนะของเราครับ ถ้าเราลองดู net profit margin ของ ATC จะพบว่าเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่ -16% ถึง 20% ขึ้นอยู่กับว่ามันอยู่ช่วงไหนของวัฎจักร และราคาหุ้นก็จะลงเร็วกว่า กำไรของบริษัท การที่เราพยายามหาเหตุผลว่าทำไมมันลง ผมคิดว่ามันเกินความสามารถของผม แต่ถ้าถามว่าผมกล้ากระโจนเข้ามั๊ยในตอนนี้ ผมไม่คิดว่าผมกล้าพอ เพราะผมลองคิดดูว่าปีที่แล้ว ATC ทำได้ดีมากเลย แต่มันไม่สามารถทำได้ตลอด 5 ปีข้างหน้าแน่ เพราะปีที่แล้วถึงปีนี้ ผู้ผลิตปิโตรเคมีต่างก็เร่ง debottle neck และ ขยายกำลังการผลิตกันยกใหญ่ และผมเชื่อว่าทุกรายในโลกเหมือนกันหมด เพราะเค้าจบจากมหาลัยเดียวกัน อ่านหนังสือพิมพ์เล่มเดียวกัน ความคิดคล้ายๆกัน ทีนี้โรงงานจะเสร็จพร้อมกัน ถึงเวลานั้นถ้าไม่มีdemand มหาศาลมารองรับจะเกิดอะไรขึ้น และถ้าเศรษฐกิจเกิดแย่ขึ้นมาด้วยทำให้ demand หด เราคงเห็น ATC ขาดทุนหลายพันหรืออาจเป็นหมื่นล้าน ส่วนราคาหุ้นไม่ต้องพูดถึง ที่อยากออกความเห็นก็มีแค่นี้ครับ ถ้าใครไม่เชื่อก็เข้าไปเก็บได้ครับ ไม่ว่ากัน :twisted: :twisted:
-
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
เกิดอะไรขึ้นกับ ATC ครับ
โพสต์ที่ 39
ราคา para -xylene ก็ขึ้นนี่ครับ
23 August 2005
Asian PX spot price moved up again on August 22
Asian PX spot price moved up again on August 22 to bid/offer $880/900 CFR September. PTA prices were quoted in the range of $810-820 CFR.
22 August 2005
Asia PX spot price jumped to $860-865 FOB Korea
Asia PX spot price jumped to $860-865 FOB Korea as a major end-user´s position changed from long to short position.
22 August 2005
Spot MX climbed closed to $700 FOB Korea
Spot MX climbed closed to $700 FOB Korea amid thin deals. Bid at $695 CFR Taiwan, offer at $720 CFR Taiwan.
23 August 2005
Asian PX spot price moved up again on August 22
Asian PX spot price moved up again on August 22 to bid/offer $880/900 CFR September. PTA prices were quoted in the range of $810-820 CFR.
22 August 2005
Asia PX spot price jumped to $860-865 FOB Korea
Asia PX spot price jumped to $860-865 FOB Korea as a major end-user´s position changed from long to short position.
22 August 2005
Spot MX climbed closed to $700 FOB Korea
Spot MX climbed closed to $700 FOB Korea amid thin deals. Bid at $695 CFR Taiwan, offer at $720 CFR Taiwan.
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 1
เกิดอะไรขึ้นกับ ATC ครับ
โพสต์ที่ 40
มีผู้รู้ท่านหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า หุ้น commodity ให้ ซื้อสูง ขายต่ำ ครับ
ผมก็งงว่าแล้วจะกำไรยังไง
ที่บอกให้ซื้อสูง แต่หมายถึงให้ซื้อตอน p/e สูงๆ เพราะธุรกิจเริ่มฟื้นตัว
และขายต่ำ คือ ขายตอนที่ p/e ต่ำๆ ตอนที่ธุรกิจกำลัง peak
ผมก็งงว่าแล้วจะกำไรยังไง
ที่บอกให้ซื้อสูง แต่หมายถึงให้ซื้อตอน p/e สูงๆ เพราะธุรกิจเริ่มฟื้นตัว
และขายต่ำ คือ ขายตอนที่ p/e ต่ำๆ ตอนที่ธุรกิจกำลัง peak
-
- Verified User
- โพสต์: 1250
- ผู้ติดตาม: 0
เกิดอะไรขึ้นกับ ATC ครับ
โพสต์ที่ 41
ขอบคุณครับ หาเจอ แล้วครับ
ส่วนต่างมูลค่าผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ (Product to Feed Margin)
เปรียบเทียบราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบไตรมาส 2 ปี 2548 กับไตรมาส 2 ปี 2547
หน่วย : USD/TON
ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ วัตถุดิบ ราคาเฉลี่ย ราคาเฉลี่ย ส่วนต่าง
เบนซิน พาราไซลีน แนฟทา คอนเดนเซท คอนเดน ผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบ
ชนิดเบา เรซิดิว เสท
Q2/48 836 855 446 452 434 597 459 138
Q2/47 670 716 360 284 309 472 331 141
%เพิ่ม(ลด) 25 19 24 59 40 26 39 (2)
ส่วนต่างมูลค่าผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ (Product to Feed Margin)
เปรียบเทียบราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบไตรมาส 1 ปี 2548 กับไตรมาส 1 ปี 2547
หน่วย : USD/TON
ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ วัตถุดิบ ราคาเฉลี่ย ราคาเฉลี่ย ส่วนต่าง
เบนซิน พาราไซลีน แนฟทาชนิดเบา คอนเดนเซท คอนเดน ผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบ
เรซิดิว เสท
Q1/48 918 890 428 385 385 602 416 186
Q1/47 544 668 346 262 283 416 301 115
% เพิ่ม (ลด) 69 33 24 47 36 45 38 62
ส่วนต่างมูลค่าผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ (Product to Feed Margin)
เปรียบเทียบราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบไตรมาส 2 ปี 2548 กับไตรมาส 2 ปี 2547
หน่วย : USD/TON
ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ วัตถุดิบ ราคาเฉลี่ย ราคาเฉลี่ย ส่วนต่าง
เบนซิน พาราไซลีน แนฟทา คอนเดนเซท คอนเดน ผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบ
ชนิดเบา เรซิดิว เสท
Q2/48 836 855 446 452 434 597 459 138
Q2/47 670 716 360 284 309 472 331 141
%เพิ่ม(ลด) 25 19 24 59 40 26 39 (2)
ส่วนต่างมูลค่าผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ (Product to Feed Margin)
เปรียบเทียบราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบไตรมาส 1 ปี 2548 กับไตรมาส 1 ปี 2547
หน่วย : USD/TON
ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ วัตถุดิบ ราคาเฉลี่ย ราคาเฉลี่ย ส่วนต่าง
เบนซิน พาราไซลีน แนฟทาชนิดเบา คอนเดนเซท คอนเดน ผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบ
เรซิดิว เสท
Q1/48 918 890 428 385 385 602 416 186
Q1/47 544 668 346 262 283 416 301 115
% เพิ่ม (ลด) 69 33 24 47 36 45 38 62
-
- Verified User
- โพสต์: 1250
- ผู้ติดตาม: 0
เกิดอะไรขึ้นกับ ATC ครับ
โพสต์ที่ 42
ส่วนอันนี้เป็นของ ตอนนี้ครับ
พาราไซลีน FE : CP 845.0 845.0 - $/MT
-------------------------------------------------------
SE Asia : Spot 870.0 883.0 13.0 $/MT
------------------------------------------------------
เบนซีน US : CP 822.0 822.0 - $/MT
------------------------------------------------------
SE Asia : Spot 780.0 730.0 -50.0 $/MT
เอามาแค่ 2 อัน เพราะ มันเป็น Product main ของ Atc
หาไปหามา ได้คำตอบแล้ว ว่าควรทำไง ??
พาราไซลีน FE : CP 845.0 845.0 - $/MT
-------------------------------------------------------
SE Asia : Spot 870.0 883.0 13.0 $/MT
------------------------------------------------------
เบนซีน US : CP 822.0 822.0 - $/MT
------------------------------------------------------
SE Asia : Spot 780.0 730.0 -50.0 $/MT
เอามาแค่ 2 อัน เพราะ มันเป็น Product main ของ Atc
หาไปหามา ได้คำตอบแล้ว ว่าควรทำไง ??
-
- Verified User
- โพสต์: 1250
- ผู้ติดตาม: 0
เกิดอะไรขึ้นกับ ATC ครับ
โพสต์ที่ 45
ผลของการปรับราคา ของพาราไซลิน คงไม่เกิดกับ ผลประกอบการณ์ไตรมาศที่จะถึง นี้ ดีไม่ดีผลออกมา ไตรมาศ 3 อาจเลวร้ายกว่า ไตรมาศ 2 ที่ผ่านมาเพราะว่า ราคา ผลผลิตเพิ่งจะปรับรับ ราคา น้ำมัน แต่ ตั้งแต่ผ่านเดือน 6 มา ราคาน้ำมันก็ขึ้นเรื่อยๆ นี่ครับ
ผมกำลังรอจังหวะสวนตัวนี้อยู่ รอไปเรื่อยๆก่อน
ผมกำลังรอจังหวะสวนตัวนี้อยู่ รอไปเรื่อยๆก่อน
- bigshow
- Verified User
- โพสต์: 730
- ผู้ติดตาม: 0
เกิดอะไรขึ้นกับ ATC ครับ
โพสต์ที่ 47
วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล
ถ้าเราสังเกตให้ดีๆ ว่า ธรรมชาติในโลกเรามีลักษณะเป็นวัฏจักรเกือบทั้งสิ้น มีรุ่งเรือง คงอยู่ และสูญสลาย มีกลางวัน และต้องมีกลางคืน มีน้ำขึ้นและต้องมีน้ำลง เช่นเดียวกับหุ้น มีความโลภ และความกลัว และหุ้นหลายตัวจะมีลักษณะแบบแผนเหมือน (Pattern) และวัฏจักรการลงทุน (Cyclical) คือ ในช่วงรุ่งเรือง บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมบางกลุ่ม มีผลประกอบการที่รุ่งเรือง ไม่มีคู่แข่ง กำไรสูง และราคาหุ้นจะดีมาก
ภาวะแบบนี้จะอยู่คงตัวระดับหนึ่ง ขึ้นอยู่กับภาวะอุปทานและอุปสงค์ของสินค้าชนิดนั้น จากนั้นการที่กำไรสูงจะเป็นตัวดึงดูดคู่แข่งและผู้เล่นเข้ามาในอุตสาหกรรมมากขึ้น ทำให้เกิดภาวะอุปทาน (Supply) มาก ในขณะที่ความต้องการ (Demand) ไม่เพิ่มมาก ทำให้การแข่งขันเริ่มรุนแรงขึ้น ผู้แข่งขันที่อ่อนแอจะถูกผลักให้ออกจากการแข่งขันไป เหลือผู้เล่นที่แข็งแรงที่จะมีกำไรส่วนเกิน (Extra Profit) ถ้าอุปสงค์ (Demand) กลับเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ supply
ดังเช่นตัวอย่างเร็วๆ นี้ในอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันหรือปิโตรเคมี เราจะเห็นว่าโรงกลั่นน้ำมันโรงสุดท้ายในประเทศไทย เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2539 และเป็นเวลากว่า 10 ปี ที่เราไม่มีโรงกลั่นน้ำมันใหม่ ทำให้อุตสาหกรรมโรงกลั่นมีกำไรมหาศาล ภาวะความต้องการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่ในทางกลับกัน ถ้าความต้องการลดลง กำไรของกลุ่มโรงกลั่นก็จะลดอย่างฮวบฮาบ ตัวอย่างของอุตสาหกรรมที่เป็นวัฏจักร ได้แก่ กลุ่ม Electronics (วัฏจักรจะมีอายุประมาณ 4-5 ปี คือ จากจุดต่ำสุดไปจุดต่ำสุดใหม่) อสังหาริมทรัพย์หรือที่ดิน ที่วัฏจักรจะผกผันกับอัตราดอกเบี้ย (อายุวัฏจักรประมาณ 10-15 ปี) ทองคำ (ประมาณ 40-50 ปี) หุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ (24-27 เดือน)
สิ่งที่นักลงทุนจะต้องหมั่นศึกษาในการลงทุนหุ้นกลุ่มวัฏจักร (Cycles) คือจะต้องหาจุดที่วัฏจักรกำลังจะวกกลับ (Turn around) คือจะต้องซื้อในช่วงการวกกลับของ Cycles เหมือนพายเรือตามน้ำ ในช่วงขาขึ้น Momentum ของการขึ้นของหุ้นกลุ่มวัฏจักรจะมีอัตราเร่ง (Velocity) ที่สูงมาก
ในทางกลับกัน เมื่อวัฏจักรเปลี่ยนเป็นขาลงแล้ว หุ้นในกลุ่มนี้อาจจะหาจุดต่ำสุดได้ไม่ง่ายนัก เพราะฉะนั้นนักลงทุนที่กำลังค้นหาหุ้นกลุ่มวัฏจักร (Cycles) และที่กำลังจะวกกลับ (Turn around) จะต้องมีลักษณะ
1)จะต้องไม่ตามการลงทุนแบบเป็นฝูง และพร้อมที่จะรับความคิดที่แตกต่างกัน (Be willing to go against the crowd) เนื่องจากกลุ่ม Cyclical ที่กำลัง Turn around มักจะไม่ได้รับความนิยมในช่วงแรก ถ้านักลงทุนท่านใด สามารถ Spot โอกาสในการลงทุนได้ เขาผู้นั้นจะได้กำไรมหาศาลในการลงทุน
2)ราคาหุ้นก่อนหน้านั้น จะไม่สัมพันธ์กับราคาในอนาคต หรือปัจจุบัน
3)จะต้องศึกษาว่าลักษณะวัฏจักรที่เกิดขึ้นเป็นวัฏจักรธรรมชาติ หรือเป็นลักษณะมีแรงขับจากปัจจัยภายนอกหรือภายใน หรือเป็นผลงานของผู้บริหาร
4)โดยปกติหุ้นกลุ่มวัฏจักรมักจะมีหนี้สิน หรือภาระผูกพันสูง ทำให้ส่วนของทุน (Equity Value) มีราคาต่ำและไม่น่าสนใจมากนัก จนกระทั่งถ้าบริษัทสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ หรือลดส่วนหนี้ได้ จะทำให้ส่วนของ Equity Value เพิ่มขึ้นอย่างมาก
5) Diversify หรือการกระจายการลงทุน ในเรื่องนี้ผมมีโอกาสศึกษากับ George Putnam ซึ่งเป็นกูรูทางด้านหุ้นกลุ่ม Turn around สิ่งที่ท่านได้บอกไว้คือ การลงทุนในหุ้นกลุ่ม Cyclical และ Turn around จะต้องมีตัวเลือกมากหน่อย เนื่องจากถ้าบริษัทใดประสบความสำเร็จขึ้นมา กำไรจากการลงทุนจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 15-20 เท่า ทีเดียว เช่น หุ้น Aromatic (ATC) จากราคา 4 บาทในต้นปี พ.ศ. 2546 เป็น 70 บาทในปลายปี พ.ศ. 2547
6) หุ้นกลุ่ม Cyclical จะน่าลงทุนดีที่สุดในช่วง P/E ปัจจุบัน ที่ 50-100 เท่า เนื่องจากราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนถึงการฟื้นตัวของกำไรในอนาคต และควรหลีกเลี่ยงการลงทุน ถ้า P/E ปัจจุบันอยู่ที่ 4-5 เท่า เนื่องจากกำไรส่วนใหญ่ได้สะท้อนเข้าไปในราคาหุ้น
ถ้าเราสังเกตให้ดีๆ ว่า ธรรมชาติในโลกเรามีลักษณะเป็นวัฏจักรเกือบทั้งสิ้น มีรุ่งเรือง คงอยู่ และสูญสลาย มีกลางวัน และต้องมีกลางคืน มีน้ำขึ้นและต้องมีน้ำลง เช่นเดียวกับหุ้น มีความโลภ และความกลัว และหุ้นหลายตัวจะมีลักษณะแบบแผนเหมือน (Pattern) และวัฏจักรการลงทุน (Cyclical) คือ ในช่วงรุ่งเรือง บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมบางกลุ่ม มีผลประกอบการที่รุ่งเรือง ไม่มีคู่แข่ง กำไรสูง และราคาหุ้นจะดีมาก
ภาวะแบบนี้จะอยู่คงตัวระดับหนึ่ง ขึ้นอยู่กับภาวะอุปทานและอุปสงค์ของสินค้าชนิดนั้น จากนั้นการที่กำไรสูงจะเป็นตัวดึงดูดคู่แข่งและผู้เล่นเข้ามาในอุตสาหกรรมมากขึ้น ทำให้เกิดภาวะอุปทาน (Supply) มาก ในขณะที่ความต้องการ (Demand) ไม่เพิ่มมาก ทำให้การแข่งขันเริ่มรุนแรงขึ้น ผู้แข่งขันที่อ่อนแอจะถูกผลักให้ออกจากการแข่งขันไป เหลือผู้เล่นที่แข็งแรงที่จะมีกำไรส่วนเกิน (Extra Profit) ถ้าอุปสงค์ (Demand) กลับเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ supply
ดังเช่นตัวอย่างเร็วๆ นี้ในอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันหรือปิโตรเคมี เราจะเห็นว่าโรงกลั่นน้ำมันโรงสุดท้ายในประเทศไทย เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2539 และเป็นเวลากว่า 10 ปี ที่เราไม่มีโรงกลั่นน้ำมันใหม่ ทำให้อุตสาหกรรมโรงกลั่นมีกำไรมหาศาล ภาวะความต้องการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่ในทางกลับกัน ถ้าความต้องการลดลง กำไรของกลุ่มโรงกลั่นก็จะลดอย่างฮวบฮาบ ตัวอย่างของอุตสาหกรรมที่เป็นวัฏจักร ได้แก่ กลุ่ม Electronics (วัฏจักรจะมีอายุประมาณ 4-5 ปี คือ จากจุดต่ำสุดไปจุดต่ำสุดใหม่) อสังหาริมทรัพย์หรือที่ดิน ที่วัฏจักรจะผกผันกับอัตราดอกเบี้ย (อายุวัฏจักรประมาณ 10-15 ปี) ทองคำ (ประมาณ 40-50 ปี) หุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ (24-27 เดือน)
สิ่งที่นักลงทุนจะต้องหมั่นศึกษาในการลงทุนหุ้นกลุ่มวัฏจักร (Cycles) คือจะต้องหาจุดที่วัฏจักรกำลังจะวกกลับ (Turn around) คือจะต้องซื้อในช่วงการวกกลับของ Cycles เหมือนพายเรือตามน้ำ ในช่วงขาขึ้น Momentum ของการขึ้นของหุ้นกลุ่มวัฏจักรจะมีอัตราเร่ง (Velocity) ที่สูงมาก
ในทางกลับกัน เมื่อวัฏจักรเปลี่ยนเป็นขาลงแล้ว หุ้นในกลุ่มนี้อาจจะหาจุดต่ำสุดได้ไม่ง่ายนัก เพราะฉะนั้นนักลงทุนที่กำลังค้นหาหุ้นกลุ่มวัฏจักร (Cycles) และที่กำลังจะวกกลับ (Turn around) จะต้องมีลักษณะ
1)จะต้องไม่ตามการลงทุนแบบเป็นฝูง และพร้อมที่จะรับความคิดที่แตกต่างกัน (Be willing to go against the crowd) เนื่องจากกลุ่ม Cyclical ที่กำลัง Turn around มักจะไม่ได้รับความนิยมในช่วงแรก ถ้านักลงทุนท่านใด สามารถ Spot โอกาสในการลงทุนได้ เขาผู้นั้นจะได้กำไรมหาศาลในการลงทุน
2)ราคาหุ้นก่อนหน้านั้น จะไม่สัมพันธ์กับราคาในอนาคต หรือปัจจุบัน
3)จะต้องศึกษาว่าลักษณะวัฏจักรที่เกิดขึ้นเป็นวัฏจักรธรรมชาติ หรือเป็นลักษณะมีแรงขับจากปัจจัยภายนอกหรือภายใน หรือเป็นผลงานของผู้บริหาร
4)โดยปกติหุ้นกลุ่มวัฏจักรมักจะมีหนี้สิน หรือภาระผูกพันสูง ทำให้ส่วนของทุน (Equity Value) มีราคาต่ำและไม่น่าสนใจมากนัก จนกระทั่งถ้าบริษัทสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ หรือลดส่วนหนี้ได้ จะทำให้ส่วนของ Equity Value เพิ่มขึ้นอย่างมาก
5) Diversify หรือการกระจายการลงทุน ในเรื่องนี้ผมมีโอกาสศึกษากับ George Putnam ซึ่งเป็นกูรูทางด้านหุ้นกลุ่ม Turn around สิ่งที่ท่านได้บอกไว้คือ การลงทุนในหุ้นกลุ่ม Cyclical และ Turn around จะต้องมีตัวเลือกมากหน่อย เนื่องจากถ้าบริษัทใดประสบความสำเร็จขึ้นมา กำไรจากการลงทุนจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 15-20 เท่า ทีเดียว เช่น หุ้น Aromatic (ATC) จากราคา 4 บาทในต้นปี พ.ศ. 2546 เป็น 70 บาทในปลายปี พ.ศ. 2547
6) หุ้นกลุ่ม Cyclical จะน่าลงทุนดีที่สุดในช่วง P/E ปัจจุบัน ที่ 50-100 เท่า เนื่องจากราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนถึงการฟื้นตัวของกำไรในอนาคต และควรหลีกเลี่ยงการลงทุน ถ้า P/E ปัจจุบันอยู่ที่ 4-5 เท่า เนื่องจากกำไรส่วนใหญ่ได้สะท้อนเข้าไปในราคาหุ้น
เป็นคนเลว ในสายตาคนอื่น ดีกว่าโกหกตัวเอง ให้เทิดทูนบูชา ติดกับมายาคติ ที่กะลาครอบ