ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 1
คงไม่มีใครสงสัยว่าดอกเบี้ยกำลังเพิ่มขึ้นครับ
ธนาคารต่างๆประกาศขึ้นดอกเบี้ยกันแทบทุกวัน(วันละธนาคาร :lol: )
เป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นเกือบทั่วโลก คงเป็นผลจากโลกาภิวัฒน์ที่เงินจะไหลจากที่ให้ผลตอบแทนต่ำ ไปที่ให้ผลตอบแทนสูง เหตผลที่อยู่เบื้องหลังในการขึ้นดอกเบี้ย ก็ว่ากันไปว่าเป็นเพราะจีน (อีกแล้ว) การเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน ทำให้มีการนำเข้าอย่างมหาศาล ฉุดให้ราคาสินค้าในตลาดโลกส่วนใหญ่ ปรับตัวเพิ่มขึ้น เงินเฟ้อก็เพิ่มเป็นเงาตามตัว เป็นที่มาของการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายๆประเทศ เพื่อฉุดให้เงินเฟ้อลดลงครับ
ยุดดอกเบี้ยต่ำกำลังการเป็นอดีต ว่าที่จริงดอกเบี้ยที่ผ่านมาก็ต่ำกว่าปกติจริงๆครับ ต่ำกว่าเงินเฟ้อซะอีก มีอย่างที่ไหน ดอกเบี้ยแค่ 1 % สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างประเทศไทย
มาดูกัน ในเรื่องที่น่าสนใจดีกว่าครับ คือเรื่องหุ้น กลุ่มไหน ตัวใดที่จะได้รับผลดีหรือผลเสีย ของปรากฎการดอกเบี้ยขึ้นรายวัน เราจะรู้และหาประโยชน์จากเรื่องนี้ได้อย่างไร
เพื่อนๆคิดว่ากลุ่มใด หรือให้ชัดๆกันไปเลย ว่าหุ้นตัวไหนที่ได้ประโยชน์กับเรื่องนี้โดยตรง หรือตัวใดจะมีกำไรลดลง จากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นครับ
ธนาคารต่างๆประกาศขึ้นดอกเบี้ยกันแทบทุกวัน(วันละธนาคาร :lol: )
เป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นเกือบทั่วโลก คงเป็นผลจากโลกาภิวัฒน์ที่เงินจะไหลจากที่ให้ผลตอบแทนต่ำ ไปที่ให้ผลตอบแทนสูง เหตผลที่อยู่เบื้องหลังในการขึ้นดอกเบี้ย ก็ว่ากันไปว่าเป็นเพราะจีน (อีกแล้ว) การเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน ทำให้มีการนำเข้าอย่างมหาศาล ฉุดให้ราคาสินค้าในตลาดโลกส่วนใหญ่ ปรับตัวเพิ่มขึ้น เงินเฟ้อก็เพิ่มเป็นเงาตามตัว เป็นที่มาของการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายๆประเทศ เพื่อฉุดให้เงินเฟ้อลดลงครับ
ยุดดอกเบี้ยต่ำกำลังการเป็นอดีต ว่าที่จริงดอกเบี้ยที่ผ่านมาก็ต่ำกว่าปกติจริงๆครับ ต่ำกว่าเงินเฟ้อซะอีก มีอย่างที่ไหน ดอกเบี้ยแค่ 1 % สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างประเทศไทย
มาดูกัน ในเรื่องที่น่าสนใจดีกว่าครับ คือเรื่องหุ้น กลุ่มไหน ตัวใดที่จะได้รับผลดีหรือผลเสีย ของปรากฎการดอกเบี้ยขึ้นรายวัน เราจะรู้และหาประโยชน์จากเรื่องนี้ได้อย่างไร
เพื่อนๆคิดว่ากลุ่มใด หรือให้ชัดๆกันไปเลย ว่าหุ้นตัวไหนที่ได้ประโยชน์กับเรื่องนี้โดยตรง หรือตัวใดจะมีกำไรลดลง จากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- edd
- Verified User
- โพสต์: 325
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 2
ผมไม่รู้หรอกนะว่าในภาวะ I เพิ่มขึ้น จะลงทุนในหุ้นตัวใดดีครับคุณลูกอีสาน
แต่ที่เป็นห่วงก็พวกหุ้นกลุ่มโตเร็วใน port ที่เติบโตจากการลงทุนใน asset มาก เช่นต้องขยายสาขาเพื่อเพิ่มให้ sales เติบโตขึ้น
เพราะส่วนใหญ่พวกนี้ มี d/e ค่อนข้างสูง หรือถึงแม้ d/e ยังคงอยู่ในมาตรฐาน แต่ถ้าดูในแง่เม็ดเงินของการจ่ายดอกเบี้ย ก็สูงเอาการ
ยิ่งถ้าเกิดการขึ้น I ทำให้ demand ลดลงมากๆอีก สงสัยจะแย่แน่
port การออมของผมมีเงินฝากอยู่ใน bank ประมาณ 15% นอกนั้น อยู่ในหุ้นหมด ก็กำลังคิดว่าจะเริ่มลด port หุ้นตัวเองอยู่ คุณลูกอีสานคิดยังไง
แต่ที่เป็นห่วงก็พวกหุ้นกลุ่มโตเร็วใน port ที่เติบโตจากการลงทุนใน asset มาก เช่นต้องขยายสาขาเพื่อเพิ่มให้ sales เติบโตขึ้น
เพราะส่วนใหญ่พวกนี้ มี d/e ค่อนข้างสูง หรือถึงแม้ d/e ยังคงอยู่ในมาตรฐาน แต่ถ้าดูในแง่เม็ดเงินของการจ่ายดอกเบี้ย ก็สูงเอาการ
ยิ่งถ้าเกิดการขึ้น I ทำให้ demand ลดลงมากๆอีก สงสัยจะแย่แน่
port การออมของผมมีเงินฝากอยู่ใน bank ประมาณ 15% นอกนั้น อยู่ในหุ้นหมด ก็กำลังคิดว่าจะเริ่มลด port หุ้นตัวเองอยู่ คุณลูกอีสานคิดยังไง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 249
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 3
ผมว่า หุ้นประกันภัย ที่มีพอร์ตการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นขนาดใหญ่ น่าจะได้รับผลประโยชน์เต็มๆ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 4
แบงค์น่าจะได้กำไรจาก ส่วนต่างของดอกเบี้ยครับ
นอกจากนี้ยังคิดไม่ออก :roll:
นอกจากนี้ยังคิดไม่ออก :roll:
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 5
คุณ edd ผมลองมาคิดดูแล้ว
บริษัทที่จะได้รับผลลบจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นชัดเจน
1.บริษัทที่มีหนี้สินเงินกู้มาก อันนี้แน่นอนและชัดเจนครับ โดยเฉพาะบริษัทที่มีอัตราส่วน กำไรก่อนภาษีและดอกเบี้ย/ดอกเบี้ย ต่ำๆ ค่อนข้างอันตรายครับ รวมถึงบริษัท ที่มีเงินกู้สูงๆ เช่น ratch becl ltx bafs atc tvo tuf cpf vng sta grand
แต่ช้าก่อนครับ บางบริษัทมีหนี้สินมากก็จริง แต่หนี้บางส่วนเหล่านั้น fix อัตราดอกเบี้ยไว้แล้วโดยการออกหุ้นกู้ เช่น mint egcomp เหล่านี้จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า
2.บริษัทที่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ลดลง เช่น บริษัทขายรถ ลิซซิ่ง ขายบ้าน ขายของฟุ่มเฟือย
3.กลุ่มที่มีต้นทุนส่วนใหญ่ เป็นต้นทุนทางการเงิน ลิซซิ่ง ธนาคาร บัตรเครดิต แฟคตอริ่ง เช่าซื้อ สินเชื่อส่วนบุคคล เช่น ktc aeont singer de mida dm ผลดีหรือลบไม่ชัดเจนขึ้นอยู่กับว่าสามารถส่งผ่านต้นทุนไปให้ลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหน
ดังนั้นหากผมถือหุ้น growth ที่ต้องการเงินทุนขยายกิจการ คงต้องดูว่ากิจการมีหนี้เงินกู้หรือเปล่า หรือมีมากเกินไปหรือเปล่า หากกิจการยังมีเงินสด หรือกระแสเงินสดดี ประเด็นนี้ก็ไม่น่าวิตกครับ หรือบางบริษัทอาจจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังขยายตัวอย่างมาก ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมีผลต่กำลังซื้อบ้างแต่ไม่มาก บริษัทเหล่านี้ก็ยังขยายตัวได้ครับ แม้ในอัตราลดลง
สรุปว่าแม้ดอกเบี้ยจะขึ้น แต่ผมก็ยังถือหุ้นอยู่ครับ ตราบใดที่ดอกเบี้ยยังไม่เพิ่มมากเกินไป จนทำให้กำลังซื้อชะงักงัน แต่จะถือหุ้นกลุ่มไหนดี มีคำตอบครับ
บริษัทที่จะได้รับผลลบจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นชัดเจน
1.บริษัทที่มีหนี้สินเงินกู้มาก อันนี้แน่นอนและชัดเจนครับ โดยเฉพาะบริษัทที่มีอัตราส่วน กำไรก่อนภาษีและดอกเบี้ย/ดอกเบี้ย ต่ำๆ ค่อนข้างอันตรายครับ รวมถึงบริษัท ที่มีเงินกู้สูงๆ เช่น ratch becl ltx bafs atc tvo tuf cpf vng sta grand
แต่ช้าก่อนครับ บางบริษัทมีหนี้สินมากก็จริง แต่หนี้บางส่วนเหล่านั้น fix อัตราดอกเบี้ยไว้แล้วโดยการออกหุ้นกู้ เช่น mint egcomp เหล่านี้จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า
2.บริษัทที่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ลดลง เช่น บริษัทขายรถ ลิซซิ่ง ขายบ้าน ขายของฟุ่มเฟือย
3.กลุ่มที่มีต้นทุนส่วนใหญ่ เป็นต้นทุนทางการเงิน ลิซซิ่ง ธนาคาร บัตรเครดิต แฟคตอริ่ง เช่าซื้อ สินเชื่อส่วนบุคคล เช่น ktc aeont singer de mida dm ผลดีหรือลบไม่ชัดเจนขึ้นอยู่กับว่าสามารถส่งผ่านต้นทุนไปให้ลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหน
ดังนั้นหากผมถือหุ้น growth ที่ต้องการเงินทุนขยายกิจการ คงต้องดูว่ากิจการมีหนี้เงินกู้หรือเปล่า หรือมีมากเกินไปหรือเปล่า หากกิจการยังมีเงินสด หรือกระแสเงินสดดี ประเด็นนี้ก็ไม่น่าวิตกครับ หรือบางบริษัทอาจจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังขยายตัวอย่างมาก ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมีผลต่กำลังซื้อบ้างแต่ไม่มาก บริษัทเหล่านี้ก็ยังขยายตัวได้ครับ แม้ในอัตราลดลง
สรุปว่าแม้ดอกเบี้ยจะขึ้น แต่ผมก็ยังถือหุ้นอยู่ครับ ตราบใดที่ดอกเบี้ยยังไม่เพิ่มมากเกินไป จนทำให้กำลังซื้อชะงักงัน แต่จะถือหุ้นกลุ่มไหนดี มีคำตอบครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 593
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 7
หุ้นประกันที่จัดพอร์ตลงทุนดี ๆ ครับ
เป็นหุ้นที่ดูตามงบดุลแล้วมีหนี้เยอะแยะ
แต่เหมือนที่พี่เจย์ บอกไว้ ว่าเป็นหนี้ดี เป็นหนี้ที่ทำเงิน
ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้ผลตอบแทนพื้นฐาน
ไม่รวมในส่วนที่ลงทุนในหุ้นสูงขึ้นด้วย
ในขณะที่ต้นทุนเงิน ก็มากขึ้นตามสถาพปกติของการแข่งขัน
ประกันที่ผมมี มีเงินลงทุนสูงกว่า เงินต้นประมาณ 4 เท่า
ดอกเบี้ยขึ้นสัก 1 เปอร์เซนต์ ไม่รู้ผลตอบแทนการลงทุนจะมากขึ้นซักเท่าไร
ไม่เคยเอางบมาคิดจริงจังซักทีครับ
เป็นหุ้นที่ดูตามงบดุลแล้วมีหนี้เยอะแยะ
แต่เหมือนที่พี่เจย์ บอกไว้ ว่าเป็นหนี้ดี เป็นหนี้ที่ทำเงิน
ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้ผลตอบแทนพื้นฐาน
ไม่รวมในส่วนที่ลงทุนในหุ้นสูงขึ้นด้วย
ในขณะที่ต้นทุนเงิน ก็มากขึ้นตามสถาพปกติของการแข่งขัน
ประกันที่ผมมี มีเงินลงทุนสูงกว่า เงินต้นประมาณ 4 เท่า
ดอกเบี้ยขึ้นสัก 1 เปอร์เซนต์ ไม่รู้ผลตอบแทนการลงทุนจะมากขึ้นซักเท่าไร
ไม่เคยเอางบมาคิดจริงจังซักทีครับ
ต้องเรียนรู้ให้ได้
Li .. Zhi .. Ren
Li .. Zhi .. Ren
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 8
มาดูกันว่าหุ้นกลุ่มไหนจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยครับ
1.กลุ่มแรกได้รับผลดีปานกลาง ได้แก่บริษัทที่มีเงินสดจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เงินฝากประจำ และหากบริษัทเหล่านี้มีกำไรไม่สูงมาก ผลตอบแทนจากเงินฝากเหล่านี้จะมีนัยสำคัญทีเดียว หุ้นในกลุ่มมนี้เช่น เช่น TTL PR SAUCE FANCY SE-ED ส่วน WG จะได้รับประโยชน์น้อยกว่า เพราะเงินลงทุนบางส่วนให้ผลตอบแทนคงที่ ในกรณี TR ผลกระทบจากดอกเบี้ยที่เพิ่ม มีนัยสำคัญน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับกำไรรวมของกิจการ
2.กลุ่มที่ได้รับผลดีเต็มที่ เหมือนที่เพื่อนๆหลายท่านทราบครับ นั่นคือหุ้นในกลุ่มประกัน เพราะรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากการนำเงินประกัน(ที่ยังไม่ถึงกำหนดทดแทนสินใหม) ไปลงทุนเพื่อหาผลตอบแทน ประกันหลายแห่ง มีผลขาดทุนจากธุรกิจประกัน แต่หากำไรได้จากการนำเงินไปลงทุนครับ
ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 1-2% ดูเหมือนไม่มาก แต่หากปัจจุบันผลตอบแทนเงินลงทุนอยู่ที่ 4 % หากดอกเบี้ยในตลาดเพิ่มขึ้น 2 % เท่ากับว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นถึง 50% เชียวนะครับ ไม่น้อยเลย เวลาที่ยากลำบากของธุรกิจประกัน ได้ผ่านไปแล้วครับ
1.กลุ่มแรกได้รับผลดีปานกลาง ได้แก่บริษัทที่มีเงินสดจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เงินฝากประจำ และหากบริษัทเหล่านี้มีกำไรไม่สูงมาก ผลตอบแทนจากเงินฝากเหล่านี้จะมีนัยสำคัญทีเดียว หุ้นในกลุ่มมนี้เช่น เช่น TTL PR SAUCE FANCY SE-ED ส่วน WG จะได้รับประโยชน์น้อยกว่า เพราะเงินลงทุนบางส่วนให้ผลตอบแทนคงที่ ในกรณี TR ผลกระทบจากดอกเบี้ยที่เพิ่ม มีนัยสำคัญน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับกำไรรวมของกิจการ
2.กลุ่มที่ได้รับผลดีเต็มที่ เหมือนที่เพื่อนๆหลายท่านทราบครับ นั่นคือหุ้นในกลุ่มประกัน เพราะรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากการนำเงินประกัน(ที่ยังไม่ถึงกำหนดทดแทนสินใหม) ไปลงทุนเพื่อหาผลตอบแทน ประกันหลายแห่ง มีผลขาดทุนจากธุรกิจประกัน แต่หากำไรได้จากการนำเงินไปลงทุนครับ
ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 1-2% ดูเหมือนไม่มาก แต่หากปัจจุบันผลตอบแทนเงินลงทุนอยู่ที่ 4 % หากดอกเบี้ยในตลาดเพิ่มขึ้น 2 % เท่ากับว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นถึง 50% เชียวนะครับ ไม่น้อยเลย เวลาที่ยากลำบากของธุรกิจประกัน ได้ผ่านไปแล้วครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 9
ความเห็นคุณ momo ชัดเจนเหลือเกินครับmomo29 เขียน:ผมว่า หุ้นประกันภัย ที่มีพอร์ตการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นขนาดใหญ่ น่าจะได้รับผลประโยชน์เต็มๆ
ขอขยายความหน่อยนะครับ
-ประกันที่มีพอร์ตส่วนใหญ่เป็นตราสาหนี้ จะได้รับประโยชน์มากกว่า ประกันที่มีพอร์ตลงทุนในหุ้น (ดอกเบี้ยมักจะเป็นของแสลงสำหรับหุ้นครับ)
-การลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น จะดีกว่าการลงทุนในตราสารระยะยาว เพราะในแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้นสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อลงทุนในตราสานใหม่ๆที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าได้ง่าย ในขณะที่ตราสารระยะยาวจะทำอย่างนั้นไม่ได้ หากทำ ก็จะต้องขายในราคาส่วนลดมากๆ ดังที่เกิดขึ้นในปลายปีที่แล้ว
หลายท่านอาจจะจำได้ ปลายปีที่แล้วเมื่อกองทุนตราสารหนี้เริ่มรับรู้ว่า ดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ก็เทขายตราสารหนี้ระยะยาวเพื่อถือตราสารระยะสั้น ทำให้ตราสารหนี้ระยะยาวราคาตกลงมาก nav ของกองทุนก็ตกลงไปด้วย ทำให้นักลงทุนเกิดตกใจ ไถ่ถอนกองทุนจนวุ่นวาย ดังที่เป็นข่าว
จะเห็นได้ว่าแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นเริ่มขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้วนะครับ และชัดเจนขึ้นในปีนี้ ในปีหน้า หลายสำนักคาดหมายว่าดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นมากทีเดียว คงต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า เราในฐานะนักลงทุนทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากหาโอกาสลงทุนดีๆ จากแนวโน้มเหล่านี้ครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 11
ถ้าดอกเบี้ยที่แท้จริง อยู่ในระดับที่น่าสนใจ ผมว่าค่อยมาคิดก็ยังไม่สาย
เพราะยังไม่รู้ว่า ดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงกว่าเงินเฟ้อ จะมาถึงเมื่อไหร่ แล้วตอนนั้น ดอกกู้จะเท่าไหร่
ผมว่าธุรกิจธนาคารนี่แหละได้ผลดีสุด เพราะดอกกู้คงวิ่งไปไกลกว่าดอกฝากเยอะ ถ้าไม่โดนหนี้เสีย
ประกัน ผมมองว่าเป็นผลพลอยได้ เพราะเอาไปฝากธนาคารไว้ก็ไม่เสียหาย แต่อย่าลืมว่า เดี๋ยวนี้ไม่ค้ำประกันเงินฝากแล้ว บริษัทประกันน่าจะเลือกลงทุนแบบอื่นไปพร้อมๆกับเงินฝากส่วนหนึ่งเท่านั้น และถ้าบริษัทประกันมีแผนกลงทุนเก่ง น่าจะเลือกลงทุนในหุ้น ในอสังหา ในกองทุน ที่ให้ผลตอบแทนระดับ 7-8% ขึ้นไปได้ไม่ยาก
ขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากตอนนี้ก็ 1-2% เท่านั้น
เพราะยังไม่รู้ว่า ดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงกว่าเงินเฟ้อ จะมาถึงเมื่อไหร่ แล้วตอนนั้น ดอกกู้จะเท่าไหร่
ผมว่าธุรกิจธนาคารนี่แหละได้ผลดีสุด เพราะดอกกู้คงวิ่งไปไกลกว่าดอกฝากเยอะ ถ้าไม่โดนหนี้เสีย
ประกัน ผมมองว่าเป็นผลพลอยได้ เพราะเอาไปฝากธนาคารไว้ก็ไม่เสียหาย แต่อย่าลืมว่า เดี๋ยวนี้ไม่ค้ำประกันเงินฝากแล้ว บริษัทประกันน่าจะเลือกลงทุนแบบอื่นไปพร้อมๆกับเงินฝากส่วนหนึ่งเท่านั้น และถ้าบริษัทประกันมีแผนกลงทุนเก่ง น่าจะเลือกลงทุนในหุ้น ในอสังหา ในกองทุน ที่ให้ผลตอบแทนระดับ 7-8% ขึ้นไปได้ไม่ยาก
ขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากตอนนี้ก็ 1-2% เท่านั้น
Expecto Patronum!!!!!!
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 12
หุ้นกลุ่มธนาคาร
ผมมองไม่ออกครับว่าจะได้รับผลดีหรือเปล่า
เพราะดอกเบี้ยที่เพิ่มก็เพิ่มทั้ง 2 ขาคือดอกฝากและดอกกู้
ที่แย่กว่านั้นหากต้องเพิ่มดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ปรับเพิ่มดอกเบี้ยเงินกู้ไม่ได้ หรือได้น้อยกว่า คงจะแย่กันไปใหญ่ ซึ่งก็เป็นไปได้เพราะหากกำลังซื้อลดลงเพราะดอกเบี้ยแพง การปล่อยสินเชื่อของธนาคารต่างๆ จะทำให้ยากขึ้น เพราะกิจการขายสินค้าได้น้อย ความต้องการสินเชื่อก็จะลดลงตามไปด้วย
ผมมองไม่ออกครับว่าจะได้รับผลดีหรือเปล่า
เพราะดอกเบี้ยที่เพิ่มก็เพิ่มทั้ง 2 ขาคือดอกฝากและดอกกู้
ที่แย่กว่านั้นหากต้องเพิ่มดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ปรับเพิ่มดอกเบี้ยเงินกู้ไม่ได้ หรือได้น้อยกว่า คงจะแย่กันไปใหญ่ ซึ่งก็เป็นไปได้เพราะหากกำลังซื้อลดลงเพราะดอกเบี้ยแพง การปล่อยสินเชื่อของธนาคารต่างๆ จะทำให้ยากขึ้น เพราะกิจการขายสินค้าได้น้อย ความต้องการสินเชื่อก็จะลดลงตามไปด้วย
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- เพื่อน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1832
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 13
ผมว่ากลุ่มนี้แหละครับ ได้อานิสงค์มาจากการจัดการกับเงินกู้นอกระบบที่ค่อยๆลดลง แล้วพวกที่เคยกู้นอกระบบจะนิยมการกู้ผ่อนชำระสิ่งอุปโภคโดยไม่ผ่านธนาคารที่มีขั้นตอนยุ่งยากหันมาสู่กลุ่มนี้แทน แถมยังอาจได้ดอกเบี้ยเพิ่มเข้ามาเป็นประโยชน์อีกครับ3.กลุ่มที่มีต้นทุนส่วนใหญ่ เป็นต้นทุนทางการเงิน ลิซซิ่ง ธนาคาร บัตรเครดิต แฟคตอริ่ง เช่าซื้อ สินเชื่อส่วนบุคคล เช่น ktc aeont singer de mida dm ผลดีหรือลบไม่ชัดเจนขึ้นอยู่กับว่าสามารถส่งผ่านต้นทุนไปให้ลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหน
-
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 14
ตัวที่ผมขายหมูไปให้หมอทีนั่นแหละ ลงทุนกับตั๋วเงินเยอะครับ
ผมคิดว่าประกันภัย ไม่ลำบาก เพราะเบี้ยประกันขึ้นมากกว่าครับ 15% แน่ะ เป็นเนื้อเป็นหนังกว่ารอดอกเบี้ยขึ้นเป็นไหนๆ ถ้ายอดเบี้ยประกันรับไม่ตก ครบรอบหนึ่งปี ผมว่ากำไรอู้ฟู่ครับ ...หมอทีถือหุ้นตัวนี้ แต่ทำประกันกับหุ้นของเสือไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆ ผมเองทำกับกรุงเทพประกันภัย เพราะบริการดีกว่า ระบบงานดีกว่า ราคาถูกกว่า โฆษณาก็โดนกว่าครับ
หุ้นที่เงินสดในธนาคารเหลือเยอะ ผมไม่คิดว่าจะดีนะ เพราะเงินสดแพ้เงินเฟ้อวันยังค่ำ ถ้าไม่มี leverage แบบประกันภัย ผมคิดว่าไม่ฉลาดเลยในการเอาเงินสดมาดองในธนาคารหวังจะได้ดอกเบี้ยเพิ่ม อย่างไรเสีย leverage ที่ว่า
เอามาเทียบกับผลตอบแทนการลงทุนอันน้อยนิดในตราสารหนี้ระยะสั้น
กำไรคงไม่ตื่นเต้นเหมือนตอนที่ประกันภัยลงทุนในหุ้นเหมือนที่ผ่านมานะครับ
ผมคิดว่าประกันภัย ไม่ลำบาก เพราะเบี้ยประกันขึ้นมากกว่าครับ 15% แน่ะ เป็นเนื้อเป็นหนังกว่ารอดอกเบี้ยขึ้นเป็นไหนๆ ถ้ายอดเบี้ยประกันรับไม่ตก ครบรอบหนึ่งปี ผมว่ากำไรอู้ฟู่ครับ ...หมอทีถือหุ้นตัวนี้ แต่ทำประกันกับหุ้นของเสือไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆ ผมเองทำกับกรุงเทพประกันภัย เพราะบริการดีกว่า ระบบงานดีกว่า ราคาถูกกว่า โฆษณาก็โดนกว่าครับ
หุ้นที่เงินสดในธนาคารเหลือเยอะ ผมไม่คิดว่าจะดีนะ เพราะเงินสดแพ้เงินเฟ้อวันยังค่ำ ถ้าไม่มี leverage แบบประกันภัย ผมคิดว่าไม่ฉลาดเลยในการเอาเงินสดมาดองในธนาคารหวังจะได้ดอกเบี้ยเพิ่ม อย่างไรเสีย leverage ที่ว่า
เอามาเทียบกับผลตอบแทนการลงทุนอันน้อยนิดในตราสารหนี้ระยะสั้น
กำไรคงไม่ตื่นเต้นเหมือนตอนที่ประกันภัยลงทุนในหุ้นเหมือนที่ผ่านมานะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 15
คือตัวไหนเหรอครับ สินมั่นคง? ผมทำ พรบ. กับสินมั่นคงอะครับหุ้นของเสือ
ตอนที่ทำยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ safe แล้วก็ไปรษณีย์มันขายแพคเกจของ SMK มาให้ เลยเอาตามนั้นครับ (ผมจ่ายภาษีรายปี + ทำประกันรถทางไปรษณีย์)
นี่ SAFE มาเปิดสาขาติดหอเลย ปีหน้าจะอุดหนุนแน่นอนในฐานะผู้ถือหุ้น อิอิ
มนุษย์เห่อลูก :lol:
http://tyakon.multiply.com
http://tyakon.multiply.com
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 16
ดอกเบี้ยขึ้น เพราะมีเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อ เพราะสินค้าราคาขึ้น
ถ้าสินค้าราคาขึ้น แล้ว คนยังซื้อ สินค้า ก็จะขึ้นอีก ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นอีก
รัฐบาลกลัวว่าเงินจะเฟ้อต่อ ก็เลยขึ้นดอกเบี้ย
ในขณะเดียวกัน ถ้ารัฐบาลคิดว่าเงินเฟ้อครั้งนี้ เป็นเรื่องชั่วคราว เดี๋ยวก็ลง รัฐบาลก็จะไม่ขึ้นดอกเบี้ย
อันนี้ไม่รวมปัจจัยภายนอกประเทศนะครับ
โดยส่วนตัว อัตราการว่างงานน้อย + ดอกเบี้ยขึ้น = สัญญานที่ดี ว่าธุรกิจเริ่มฟื้นตัวครับ
ถ้าข้อสันนิฐานนี้ถูกต้อง ธุรกิจที่ได้ประโยชน์ จะเป็นธุรกิจ ที่โตอยู่แล้ว จะโตต่อไป
เงินเฟ้อ เพราะสินค้าราคาขึ้น
ถ้าสินค้าราคาขึ้น แล้ว คนยังซื้อ สินค้า ก็จะขึ้นอีก ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นอีก
รัฐบาลกลัวว่าเงินจะเฟ้อต่อ ก็เลยขึ้นดอกเบี้ย
ในขณะเดียวกัน ถ้ารัฐบาลคิดว่าเงินเฟ้อครั้งนี้ เป็นเรื่องชั่วคราว เดี๋ยวก็ลง รัฐบาลก็จะไม่ขึ้นดอกเบี้ย
อันนี้ไม่รวมปัจจัยภายนอกประเทศนะครับ
โดยส่วนตัว อัตราการว่างงานน้อย + ดอกเบี้ยขึ้น = สัญญานที่ดี ว่าธุรกิจเริ่มฟื้นตัวครับ
ถ้าข้อสันนิฐานนี้ถูกต้อง ธุรกิจที่ได้ประโยชน์ จะเป็นธุรกิจ ที่โตอยู่แล้ว จะโตต่อไป
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 17
ประกันสู้ๆ ประกันสู้ตาย ประกันไว้ลาย
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 249
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 19
ตอนนี้เท่าที่ผมศึกษาพอร์ตตราสารหนี้ของบริษัทประกัน ผมว่า PHA น่าสนใจทีเดียวครับ เพราะมีตราสารหนี้ (รวมเงินฝากธนาคาร)ที่จะครบกำหนดภายใน 1 ปี สูงถึง 1050 ลบ. เมื่อครบกำหนดแล้วหากทางบริษัทฯ Reinvest แล้วได้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น 1-2% บริษัทน่าจะได้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 10-20 ลบ. ซึ่งจะทำให้ผลกำไรรวมเพิ่มขึ้น 5-10% (กำไรปี 47 ของบริษัท = 217 ลบ) ผลกระทบดังกล่าวยังไม่รวมตราสารหนี้ที่มีอายุ 1-5 ปี อีก 544 ลบ. และที่มีอายุมากกว่า 5 ปี อีก 166 ลบ. ครับมีเพื่อนๆท่านใดที่ลงทุนในหุ้นประกันที่มีพอร์ตตราสารหนี้ระยะสั้นขนาดใหญ่
จะแนะนำเพื่อนๆบ้างใหมครับ
แต่สำหรับ PHA ผมเองยังแหยงๆ อยู่ครับ เพราะเคยขาดทุนพอสมควรกับหุ้นตัวนี้ เลยไม่กล้าซื้อเยอะครับ มีเพื่อนๆ ท่านอื่นเห็นหุ้นประกันตัวอื่นที่น่าสนใจกว่านี้มั้ยครับ :?
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 20
บทความน่าสนใจล่าสุดจากกรุงเทพธุรกิจครับ
http://www.bangkokbiznews.com/fundament ... 03818.html
http://www.bangkokbiznews.com/fundament ... 03818.html
กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ฮอต...ข้ามปี
สรวิศ อิ่มบำรุง
ดอกเบี้ยขาขึ้น กับการลงทุนในตราสารหนี้ ดูจะไปด้วยกันไม่ค่อยได้ก็จริงอยู่
แต่ในวิกฤติย่อมมีโอกาส ยิ่งแนวโน้มดอกเบี้ยค่อยๆ ปรับทิศสู่ขาขึ้น "ตราสารหนี้ระยะสั้น" กลับได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย แถมยังถือเป็นแหล่งพักเงินชั้นเยี่ยม
นั่นทำให้ "กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น" ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เรียกได้ว่า "ฮอตข้ามปี" เลยก็ว่าได้ ตัวเลขจำนวนกองทุนมูลค่ากองทุนที่ออกจากบรรดา บลจ.สะท้อนได้ถึงการเติบโตที่ค่อนข้างดี เสมือนหนึ่งว่าแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น จะเป็นปุ๋ยชั้นดี หนุนให้ต้นไม้อย่างกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นงอกงาม และโตวันโตคืน
ในแต่ละสัปดาห์นักช้อปกองทุนทั้งหลาย คงคุ้นเคยกับการที่บริษัทจัดการออกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นขายชนกันหลายเจ้า แต่ก็ยังขายดีแบบเทน้ำเทท่า
สาเหตุอะไรที่ทำให้กองทุนประเภทนี้ได้รับความนิยม แล้วผู้ลงทุนจะเลือกลงทุนอย่างไร Fundamentals สัปดาห์นี้มีคำตอบมาฝาก
.......................................
เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว กองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในตราสารหนี้ ไม่ว่าจะเป็นตั๋วแลกเงิน พันธบัตรจนถึงหุ้นกู้ที่มีเรทติ้งสูงๆ เจอปัญหาเรื่องหนึ่งเหมือนกันหมด คือ "ช็อกของอัตราดอกเบี้ย" เพราะนักลงทุนคาดว่าดอกเบี้ยจะขึ้นจึงทำให้มีการแห่ไถ่ถอนหน่วยลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ในระบบขนานใหญ่ กองทุนประเภทตราสารหนี้จึงต้องเจอวิกฤติเช่นนั้นเหมือนกันหมดทั้งระบบ
จนกระทั่งกลางปี 2547 ธนาคารกลางสหรัฐจึงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฟดฟันด์(FED FUND RATE) จากระดับ 1.00% มาสู่ระดับ 3.75% ในปัจจุบัน ปรับขึ้นต่อเนื่องทั้งหมด 11 ครั้งด้วยกัน แล้วทำให้แบงก์ชาติต้องมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย R/P 14 วัน ขึ้นตามมาจากระดับ 1.25% เมื่อกลางปี 2547 สู่ระดับ 3.25% ในปัจจุบันในช่วงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นเช่นนี้ หลายคนคงเข้าใจว่าน่าจะเป็นแนวโน้มขาลงของตลาดตราสารหนี้ ซึ่งส่งผลกระทบมาถึงกองทุนรวมตราสารหนี้ด้วย
"อย่างไรก็ตาม หากมองโดยภาพรวมแล้วจะพบว่าตั้งแต่ต้นปี 2547 ถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2548 กองทุนรวมตราสารหนี้ทั้งระบบมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ(NAV)เพิ่มขึ้น 202,776 ล้านบาท จากระดับ 114,251.80 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 47 เพิ่มขึ้นเป็น 317,028.20 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 177.48% โดยกองทุนตราสารหนี้ทั่วไปมี NAV เพิ่มขึ้นเป็น 311,512.70 ล้านบาท จากสิ้นปี 47 ที่ 111,317.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 200,194.90 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 179.84% และกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นมี NAV เพิ่มขึ้นเป็น 5,515.51 ล้านบาท จากสิ้นปี 47 ที่ 2,934.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,581.49 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 87.98% และมีจำนวนกองทุนตราสารหนี้ทั้งระบบเพิ่มขึ้นสุทธิ 104 กองทุน นี่ยังไม่นับกองทุนที่ครบอายุไปแล้ว ซึ่งน่าจะมีจำนวนรวมกันเกือบ 200 กองทุน เลยทีเดียว เรียกว่าเป็นการขยายตัวสวนทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นก็คงไม่ผิดนัก"
จากการสำรวจของทีมงาน Fundamentals พบว่าตั้งแต่สิ้นปี 2547 ถึงวันที่ 18 ตุลาคม 2548 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์(SET) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 668.10 จุด เป็น 700.02 จุด เพิ่มขึ้น 4.78% ในขณะที่อุตสาหกรรมกองทุนรวมมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 38.80% แต่กองทุนรวมหุ้นทั้งระบบมี NAV ลดลง 12.62% ,กองทุนผสมแบบยืดหยุ่น มี NAV ลดลง 8.68% ในขณะที่กองทุนตราสารตลาดเงินมี NAV เพิ่มขึ้น 167.69% ,กองทุนหน่วยลงทุน มี NAV เพิ่มขึ้น 6.47% ,กองทุนรวมแบบผสม มี NAV เพิ่มขึ้น 5.87% และกองทุนอสังหาริมทรัพย์(กอง1) มี NAV เพิ่มขึ้นมากที่สุด 845.97%
กองทุนตราสารหนี้ในอุตสาหกรรมกองทุนรวมโตพรวดพราดแค่ไหน ตัวเลขการเติบโตคงฟ้องได้เป็นอย่างดี จังหวะนี้เองที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ต่างๆ ได้ออก "กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น" มาขายกันอย่างไม่ขาดสาย ตั้งแต่ปลายปี 2547 ถึงปัจจุบัน มีตั้งแต่กองทุนอายุ 6 เดือน ,9 เดือน หรือ 1 ปีเป็นต้น
อะไรที่เป็นสาเหตุให้กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นได้รับความนิยมจากนักลงทุนค่อนข้างมาก เหล่านี้คือ สาเหตุที่ทำให้กองทุนประเภทนี้ฮอตข้ามปี
@ลงทุนไม่นาน ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝาก เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการถูกไถ่ถอนก่อนครบกำหนด ทำให้กองทุนตราสารหนี้ที่ออกมาในช่วงหลังจะเป็น "กองทุนปิด" ทั้งหมด ไม่ว่าจะลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น หรือระยะยาวก็ตาม แต่ที่ดูจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลามเห็นจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น โดย "ธีระศันส์ ทุติยะโพธิ" ผู้จัดการตราสารหนี้ บลจ.อเบอร์ดีน บอกว่า ในช่วงที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นสำหรับตราสารหนี้แล้วคงจะเรียกว่า "บูม" ไม่ได้ เพียงแต่ในช่วงที่แนวโน้มดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นนั้น ก็ยังมีตราสารหนี้ที่สามารถเลือกลงทุนได้ คือ ตราสารหนี้ระยะสั้นที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากดอกเบี้ยขาขึ้นเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่มีอายุยาวกว่า นั่นจึงทำให้กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ช่วงที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับการฝากเงิน
"แม้ว่าการฝากเงินในปัจจุบันจะค้ำประกันโดยรัฐบาล ผ่านกองทุนเพื่อการฟื้นฟู และพัฒนาสถาบันการเงินก็ตาม ทำให้เงินฝากปัจจุบันเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ภาครัฐ ก็ถือว่ามีความเสี่ยงไม่แตกต่างกัน แต่เนื่องจากตราสารหนี้ระยะสั้นมีความผันผวนของราคาได้ ผลตอบแทนจึงต้องมากกว่าการฝากเงิน เพื่อชดเชยความผันผวนของราคาตราสารหนี้ตรงนี้ด้วย จึงทำให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้นดีกว่าเงินฝาก"
ด้าน "สุชาติ เตชะโพธิ์ไทร" ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บลจ.อยุธยาเจเอฟ มองว่า ปัจจุบันผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้นกับเงินฝากประจำระยะสั้น 3 เดือน 6 เดือน ยังห่างกันอยู่ประมาณ 2% ซึ่งก็ยังทำกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นสามารถที่จะออกมาเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนได้ต่อไป
@แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น โดย "ดร.สันติ กีระนันทน์" ผู้จัดการตลาดตราสารหนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บอกว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ยังเป็นขาขึ้นอยู่ แล้วก็ยังไม่มีใครรู้ว่าดอกเบี้ยจะนิ่งเมื่อไร ซึ่งตราสารหนี้ระยะสั้นจะได้รับผลกระทบจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นค่อนข้างน้อย
ยิ่งการขยับตัวขึ้นของดอกเบี้ยชัดเจนมากเท่าไหร่ ดูเหมือนว่ายิ่งมีบริษัทจัดการออกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นมากขึ้นเท่านั้น
"ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ" กรรมการผู้จัดการ บลจ.บีที ให้ความเห็นว่าจากการคาดการณ์ปัจจัยหลักๆ เบื้องต้น คาดว่า อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1.0-1.5% ในปีหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนทั้งจากภายนอกและภายในประเทศ เช่น Fed Fund Rate ซึ่งมีแนวโน้มจะปรับตัวไป ถึง 4.50 - 4.75% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 ขณะที่คาดกันว่าอัตราดอกเบี้ย ตลาดซื้อคืนพันธบัตร(R/P) 14 วัน ก็น่าจะปรับตัวสูงขึ้นตาม นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยในช่วงไตรมาสที่ 4 จะอยู่ที่ ระดับ 6-7%
ด้าน "กำพล อัศวกุลชัย" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส บลจ.ธนชาต มองว่าการที่อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันเร่งตัวสูงขึ้นอย่างมากจนมีผลให้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบนั้น จะเป็นตัวเร่งให้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยอาร์/พี 14 วันสูงขึ้น ให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงหรือสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อในปีหน้า เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะทำให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารภาครัฐมีการปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
โดยอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารภาครัฐอายุประมาณ 6 เดือน ณ 12 ตุลาคม 2548 อยู่ที่ 3.69% ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือนของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 5 แห่ง ที่มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 1.75-2.50% และคาดว่าจะอยู่ในระดับนี้จนถึงสิ้นปี เนื่องจากสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ที่ยังมีอยู่มาก อัตราดอกเบี้ยเงินฝากจึงปรับขึ้นได้ช้า สถานการณ์ในขณะนี้จึงเป็นจังหวะที่นักลงทุนไม่ควรพลาดโอกาสการลงทุนในตราสารภาครัฐ
"เพื่อให้สอดรับกับภาวะ อัตราดอกเบี้ยที่กำลังปรับขึ้น และตอบสนองผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนที่มั่นคง บริษัทจัดการแทบทุกแห่งจึงออกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นขายในตลาด"
@ไม่มีเครื่องมือทางการลงทุนอื่นเป็นทางเลือก ดร.สันติ ยังบอกอีกว่า เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนยังไม่มีทางเลือกใหม่ๆ ในการลงทุนที่จะมาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยตรงนี้ได้ ก็เลยทำให้นักลงทุนมาลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นแทน เพราะได้รับผลกระทบน้อย ถ้าเรามี Floating Rate Bond ออกมาเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ถึงดอกเบี้ยจะมีความผันผวนก็ไม่น่ากลัว เพราะดอกเบี้ยจะขึ้นลงไปตามภาวะตลาดในขณะนั้น แต่ทางเลือกในการลงทุนยังมีจำกัดในปัจจุบัน นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ได้รับความนิยมจากนักลงทุนค่อนข้างมาก
กระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทำให้ บลจ.ต่างๆ นำเสนอกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นออกมาไม่ขาดสาย ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่ไปลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของ "ภาครัฐ" กับกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่ลงทุนในตราสารหนี้ "ภาคเอกชน" เนื่องจากความเสี่ยงที่ต่างกันจึงทำให้ผลตอบแทนแตกต่างกันไปด้วย เพราะตราสารหนี้ระยะสั้นภาคเอกชนยังมีความเสี่ยงด้านเครดิตจากการผิดนัดชำระหนี้ต่างจากตราสารหนี้ระยะสั้นของภาครัฐ จนกระทั่งเกิดกรณีตั๋วแลกเงิน(B/E) ของบมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนของกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นในอุตสาหกรรมกองทุนรวมอีกครั้งหนึ่ง
@จากตราสารหนี้ภาคเอกชนสู่ตราสารหนี้ภาครัฐ ดร.สันติ มองว่า แนวโน้มของกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นจะยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง แต่จะเป็นตราสารหนี้ของภาครัฐเป็นหลัก เพราะตั๋ว B/E ของภาคเอกชนคงได้รับผลกระทบพอสมควรจากกรณีการที่ตัว B/E ของ บมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น ชำระหนี้ช้ากว่ากำหนด จนทำให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกมาตรการมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมา ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบกับตั๋ว B/E ภาคเอกชนในอนาคตเมื่อจะออกเพราะอาจจะไม่คุ้ม
"บริษัทที่จะออกตั๋ว B/E ควรจะมีขนาดตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท ขึ้นไปถึงจะคุ้ม แต่ถ้าออกน้อยๆ ก็คงไม่คุ้มเพราะมีค่าใช้จ่ายเยอะ และยังต้องหา บลจ.อย่างน้อย 3 แห่งมาซื้อ ซึ่งถ้าออกมาจำนวนน้อยๆ เช่น 50 ล้านบาท จะไปหา บลจ.3 แห่ง มาซื้อก็คงไม่มีใครสนใจ เพราะทุก บลจ.ก็คงอยากจะซื้อไว้คนเดียวทั้งหมด ตราสารหนี้ระยะสั้นที่จะบูมก็น่าจะเป็นตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรของภาครัฐมากกว่า นั่นจะทำให้กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นต่อจากนี้ไปในแง่ของสินค้าคงไม่แตกต่างกัน ผลตอบแทนก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก"
ความคิดนี้ไม่ต่างไปจาก ธีระศันส์ เพราะเขาเองก็มองว่า กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นนับจากนี้ไปก็คงจะเน้นตราสารหนี้ระยะสั้นของภาครัฐเป็นหลัก ไม่ว่าจะออกโดยกระทรวงการคลัง หรือแบงก์ชาติ ซึ่งกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นของแต่ละ บลจ.ที่จะออกต่อจากนี้ไปคงไม่แตกต่างอะไรกันมาก เพราะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐเช่นเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนไม่แตกต่างกันมาก นอกจากว่าจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่ออกในเวลาที่แตกต่างกัน ตรงนั้นก็อาจจะทำให้ผลตอบแทนต่างกันได้ แต่ก็ไม่มากนัก
"กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่จะมีออกมานับจากนี้ก็จะเน้นไปที่พันธบัตรรัฐบาลอายุ 6 เดือน ถึง 1 ปีเป็นหลัก เพราะตราสารหนี้ระยะสั้นของภาคเอกชน หรือ ตั๋วแลกเงิน(B/E) นั้น คงจะออกกันยากขึ้น ก.ล.ต.เองก็มีกฎเกณฑ์ออกมาค่อนข้างเข้มงวดเกี่ยวกับการลงทุนในตั๋ว B/E หลังจากที่เกิดกรณี บมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น เกิดขึ้นมา ทำให้ตลาดค่อนข้างกลัว" สุชาติ เตชะโพธิ์ไทร ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บลจ.อยุธยาเจเอฟ กล่าว
เมื่อกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่จะมีออกมานับจากนี้เป็นต้นไปส่วนใหญ่ ก็จะเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐเหมือนกัน ดังนั้น "ความเสี่ยง" และ "ผลตอบแทน" จึงไม่มีความแตกต่างกันมากนัก
@แนะทยอยลงทุน โดยธีระศันส์ มองว่า แม้จะลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นภาครัฐไม่แตกต่างกัน แต่ตราสารหนี้ที่ออกในระยะหลังก็มีโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตราสารหนี้ที่ออกมาก่อน ตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นได้ ซึ่งนั่นก็อาจทำให้กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่จะจัดตั้งขึ้นทีหลัง มีโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนที่ออกไปก่อนหน้านี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรจะทยอยลงทุนไปเรื่อยๆ จะเหมาะสมกว่าที่จะไปคอยกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่จะออกมาในช่วงหลังๆ เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่ดีกว่า นอกจากนี้ ก็ควรจะพิจารณาดูกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นของ บลจ.ที่มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารขนาดใหญ่ แสดงว่าผู้ลงทุนให้ความเชื่อถือ ตรงนี้ก็จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง
@ดูผลการดำเนินงานในอดีตจากการบริหารกองทุนตราสารหนี้ของแต่ละ บลจ. ในขณะที่ ดร.สันติ บอกว่า กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นต่อจากนี้ไปในแง่ของสินค้าคงไม่แตกต่างกัน ผลตอบแทนก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก ผู้ลงทุนที่จะเลือกลงทุนก็คงต้องดู Track Record ของ บลจ.นั้นๆ ที่เคยบริหารกองทุนตราสารหนี้ในอดีตเปรียบเทียบดูว่าฝีมือการบริหารในอดีตของ บลจ.นั้นเป็นอย่างไร อ่านหนังสือชี้ชวนให้ดีว่ากองทุนจะไปลงทุนในตราสารหนี้ประเภทไหน
อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนก็คงไม่ทราบอีกว่าผู้จัดการกองทุนคนไหนเป็นผู้บริหารกองทุน เพราะส่วนใหญ่ บลจ.จะไม่ได้บอกเอาไว้ เพราะแต่ละ บลจ.เองก็มีผู้จัดการกองทุนอยู่หลายคน บางครั้งก็ทำให้บอกได้ลำบากเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่า Track Record นั้นผู้จัดการกองทุนคนไหนเป็นผู้บริหาร
"แต่ Track Record ในอดีตก็คงจะช่วยในการตัดสินใจของนักลงทุนได้ในระดับหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดแล้วผู้ลงทุนจะตัดสินใจเลือกลงทุนก็คงต้องกลับมาดูตัวเองว่าอายุการลงทุนของตัวเองยาวเท่าไร แล้วก็จัดสัดส่วนการลงทุนระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาวให้เหมาะสม"
คงได้คำตอบกันแล้วว่า ทำไมกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นถึงได้เติบโตสวนกระแสดอกเบี้ยขาขึ้น เช่นนี้
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- worapong
- Verified User
- โพสต์: 929
- ผู้ติดตาม: 0
ว่าด้วยดอกเบี้ยขาขึ้น
โพสต์ที่ 21
ผมพยายามหาหุ้นที่ได้ประโยชน์มากๆจากดอกเบี้ยขาขึ้นจนมีนัยสำคัญ แต่มันหายากจัง แต่ถ้าให้ผมบอกรายชื่อหุ้นที่กำไรถูกทำร้ายจากดอกเบี้ยขาขึ้น ผมบอกได้เป็นโหลๆเลย ก่อนอื่นก็ พวกประกันทั้งหลายที่มีพอร์ตพันธบัตรระยะยาว พวกนี้จะถูกตีราคายุติธรรมของพันธบัตรลดลง scnyl ของผมคงโดนไม่น้อยเพราะเค้ามีพันธบัตรระยะยาวเต็มพอร์ตเลย แต่ผมก็หวังว่ารายได้จากการขายประกัน credit life จาก ธอส. พันธมิตรใหม่ของเค้าจะช่วยไว้ได้บ้าง ตัวอื่นๆที่กำไรน่าจะโตน้อยกว่าที่คิดก็ พวกค้าปลีกสมัยใหม่บางรายที่ต้องกู้เงินมาลงทุนมากๆ และที่โดนหนักๆน่าจะเป็นพวกโรงงานทั้งหลายที่เป็นพวก capital intensive ผมหวังว่าจะหาบริษัทที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นเป็นกอบเป็นกำให้ได้ ก่อนที่ราคามันจะขึ้นไป ผมไม่ค่อยชอบสูดอากาศบนดอยเท่าไร ความหนาแน่นของอ็อกซิเจนมันต่ำไปหน่อย :twisted: :twisted:
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch
circle of competence
waiting for the perfect pitch
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 22
scnyl เป็นอีกตัวที่ได้รับประโยชน์ครับ
ดอกเบี้ยเพิ่ม 1% ทำให้กำไร AIA ไทยเพิ่มประมาณ 2,000 ล้าน จากพอร์ต 250,000 ล้าน ผลตอบแทนพอร์ตประมาณ 5%
หากเป็นไปตามที่คุณ worapong คาดการณ์ไว้
scnyl คงมีพอร์ตประมาณ 3-40,000 ล้าน ภายใน 3-4 ปี
ถ้าทำผลตอบแทนได้ 5% ก็จะมีกำไรประมาณ 2,000 ล้านครับ
หรือ 30 บาทต่อหุ้น :shock:
ยินดีกับหุ้น 1 เด้งด้วยครับ
หากเป็นไปตามคาด คงได้ 5 เด้ง ภายใน 5 ปีครับ :D
ดอกเบี้ยเพิ่ม 1% ทำให้กำไร AIA ไทยเพิ่มประมาณ 2,000 ล้าน จากพอร์ต 250,000 ล้าน ผลตอบแทนพอร์ตประมาณ 5%
หากเป็นไปตามที่คุณ worapong คาดการณ์ไว้
scnyl คงมีพอร์ตประมาณ 3-40,000 ล้าน ภายใน 3-4 ปี
ถ้าทำผลตอบแทนได้ 5% ก็จะมีกำไรประมาณ 2,000 ล้านครับ
หรือ 30 บาทต่อหุ้น :shock:
ยินดีกับหุ้น 1 เด้งด้วยครับ
หากเป็นไปตามคาด คงได้ 5 เด้ง ภายใน 5 ปีครับ :D
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 24
ผมไม่คิดว่าแบงก์จะดีนะครับ ดอกเบี้ยสูงไม่เอื้อการลงทุนทำให้ปล่อยสินเชื่อได้น้อย แถมหนี้เสียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันต้องขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากแข่งกับแบงก์อื่นเพื่อแย่งเงินฝาก ทำให้กำไรส่วนต่างดอกเบี้ยน่าจะต่ำลง
แบงก์ที่จะแย่เป็นพิเศษคือแบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อระยะยาวอัตราดอกเบี้ยคงทีไปมากในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะแบงก์ใหญ่ที่เคยได้เปรียบแบงก์อื่นจากการที่มีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ขนาดใหญ่เป็นแหล่งเงินดอกเบี้ยต่ำที่นำไปปล่อยกู้ระยะยาวกินส่วนดอกเบี้ยสูงๆ พอดอกเบี้ยขึ้น ดอกเบี้ยระยะสั้นซึ่งคือต้นทุนของแบงก์พวกนี้จะขึ้นไปก่อน ในขณะที่ดอกเบี้ยระยะยาวที่ตนเองปล่อยกู้เอาไว้ไม่สามารถเพิ่มตามได้ทันที จะแย่ครับ
แบงก์ที่จะแย่เป็นพิเศษคือแบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อระยะยาวอัตราดอกเบี้ยคงทีไปมากในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะแบงก์ใหญ่ที่เคยได้เปรียบแบงก์อื่นจากการที่มีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ขนาดใหญ่เป็นแหล่งเงินดอกเบี้ยต่ำที่นำไปปล่อยกู้ระยะยาวกินส่วนดอกเบี้ยสูงๆ พอดอกเบี้ยขึ้น ดอกเบี้ยระยะสั้นซึ่งคือต้นทุนของแบงก์พวกนี้จะขึ้นไปก่อน ในขณะที่ดอกเบี้ยระยะยาวที่ตนเองปล่อยกู้เอาไว้ไม่สามารถเพิ่มตามได้ทันที จะแย่ครับ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- worapong
- Verified User
- โพสต์: 929
- ผู้ติดตาม: 0
เพิ่งได้ความรู้ใหม่มาครับ
โพสต์ที่ 25
[quote="worapong"]พวกประกันทั้งหลายที่มีพอร์ตพันธบัตรระยะยาว พวกนี้จะถูกตีราคายุติธรรมของพันธบัตรลดลง scnyl ของผมคงโดนไม่น้อยเพราะเค้ามีพันธบัตรระยะยาวเต็มพอร์ตเลย :twisted:
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch
circle of competence
waiting for the perfect pitch
-
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 26
ดอกเบี้ยพันธบัตรที่มีอยู่ ไม่ได้เพิ่มตามอัตราดอกเบี้ยนี่ครับเค้าน่าจะได้ผลดีเพราะเวลาเค้ารับเบี้ยประกันปีต่อๆไป เค้าก็ได้ดอกเบี้ยสูงขึ้น ผมคิดว่าหลายๆบริษัทที่ลงทุนในพันธบัตรเยอะๆ เราคงต้องดูหมายเหตุประกอบงบเรื่องนี้ด้วยก็จะเข้าใจได้ดีขึ้นครับ ผมชักชอบดอกเบี้ยขาขึ้นแล้วสิครับ ผมนึกถึงวาทะของนักลงทุนคนนึงขึ้นมาทันทีเลย เค้าพูดว่า "สุภาพบุรุษ ลงทุนในพันธบัตร"
หากผู้เอาประกันยินดีรับปันผลตอบแทนเท่ากับพันธบัตรที่เงินของตนซื้อก็คงจะดี แต่ความเป็นจริงผู้เอาประกันอยากได้ปันผลเทียบเท่าดอกเบี้ยตลาดในปัจจุบันมากกว่า ที่ได้รับผลดีจากดอกเบี้ยขาขึ้นน่าจะเป็นพวกตั๋วเงินคลังมากกว่าครับ ในงบการเงินน่าจะเห็นชัดว่ามีดอกเบี้ยรับ ปันผลจ่ายเท่าไหร่ และ match กันหรือไม่
เรื่อง Mark to market สำหรับบางแห่งก็ไม่ได้ตัดเป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนทันที แต่เพื่อไม่เป็นการปิดบังผู้ถือหุ้นจนเกินไป จะลงเป็น "ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าเงินลงทุน" ในงบส่วนของผู้ถือหุ้นครับ
ผู้จัดการกองทุนสามารถโอนส่วนที่เคยคิดจะถือจนครบอายุ มาขายภายในเวลาอันสั้น และรับรู้ขาดทุนทันที เพราะทนดอกเบี้ยรับที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยในตลาดไม่ไหว หรือในบางกรณีต้องการทำ TAX SWAP คือรับรู้ขาดทุน มาลดภาษี แล้วค่อยซื้อกลับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 27
เท่าที่อ่านคงเป็นกระทู้สำหรับหมวดประกัน
แต่ข้อใช้สิทธิที่คุณลูกอิสานพาดพิงหน่อยครับ
[quote="ลูกอิสาน"]
1.กลุ่มแรกได้รับผลดีปานกลาง ได้แก่บริษัทที่มีเงินสดจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เงินฝากประจำ และหากบริษัทเหล่านี้มีกำไรไม่สูงมาก ผลตอบแทนจากเงินฝากเหล่านี้จะมีนัยสำคัญทีเดียว หุ้นในกลุ่มมนี้เช่น เช่น TTL PR SAUCE FANCY SE-ED ส่วน WG จะได้รับประโยชน์น้อยกว่า เพราะเงินลงทุนบางส่วนให้ผลตอบแทนคงที่
แต่ข้อใช้สิทธิที่คุณลูกอิสานพาดพิงหน่อยครับ
[quote="ลูกอิสาน"]
1.กลุ่มแรกได้รับผลดีปานกลาง ได้แก่บริษัทที่มีเงินสดจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เงินฝากประจำ และหากบริษัทเหล่านี้มีกำไรไม่สูงมาก ผลตอบแทนจากเงินฝากเหล่านี้จะมีนัยสำคัญทีเดียว หุ้นในกลุ่มมนี้เช่น เช่น TTL PR SAUCE FANCY SE-ED ส่วน WG จะได้รับประโยชน์น้อยกว่า เพราะเงินลงทุนบางส่วนให้ผลตอบแทนคงที่
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ลงทุนในหุ้นอะไรดี ในยุดดอกเบี้ยขึ้นรายวัน
โพสต์ที่ 28
โทษด้วยครับ ข้อมูลผมจำคลาดเคลื่อน
ข้อเท็จจริงเป็นดังนี้ครับ
fix rate ที่ 5.75% 2 ปี หลังจากนั้น อิงอัตราเงินกู้ MLR 3 ธนาคารครับ
กองทุน อายุ 10 ปี ไถ่ถอนได้หลังปีที่ 5 ครับ
ข้อเท็จจริงเป็นดังนี้ครับ
fix rate ที่ 5.75% 2 ปี หลังจากนั้น อิงอัตราเงินกู้ MLR 3 ธนาคารครับ
กองทุน อายุ 10 ปี ไถ่ถอนได้หลังปีที่ 5 ครับ
March 28, 2005
The Board of Directors Meeting of White Group Public Co.,Ltd.No. 2/2005 held on Monday March 28, 2005 resolved to approve the Company's investment in the Property Fund with the following details: Name of Property Fund
The Column Property Fund
A type IV property fund established pursuant to the SEC Notification no.
Gor.Nor.54/2543 (2000), having fund size of Baht 1.9 billion, 190 million units, Baht 10 per unit
Investment Objective
To get a higher return on investment as compared to the bank deposit rate of 1.375-2% currently achieved. By investing in this property fund the Company will get a dividend payment at a fixed rate of 5.75% from March 30, 2005 to December 31, 2006,
thereafter, floating rate equal to MLR of 3 leading commercial banks in Thailand (BBL, KTB, SCB). Dividend payable in arrears at the end of each quarter.
Investment Value
Baht 100 mil., representing 10 mil. units at Baht 10 each, equivalent to 14.36% of Net Tangible Assets Value of the Company and 5.26% of Total Property Fund Value.
Term of Investment
10 years, redeemable after the 5th year.
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว