ค้าเสรีไทย-จีน เริ่มแล้วตามด้วย ไทย-อินเดีย
-
- ผู้ติดตาม: 0
ค้าเสรีไทย-จีน เริ่มแล้วตามด้วย ไทย-อินเดีย
โพสต์ที่ 1
และแล้วชีวิตของคุณและของผมคงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
...ชีวิตของประชากรไทยต้องจะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
แบบที่ใครๆ คงเดากันยาก เพราะดีลใหญ่ขนาดนี้ไม่เคยเกิด
ไทย-จีน เริ่มกันแล้วตั้งแต่ต้นตุลาคมนี้
ไทย-อินเดีย จะเริ่มมีนาคมปีหน้า..
คงพอจำช่วงเปิดเสรีการเงินได้ใช่ไหมครับ
ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น แน่ใจหรือว่าเรารับมือกับมันไหว
แน่ใจหรือว่าเราปรับตัวกับมันได้ทัน
เงินบาทกำลังแข็งค่า บวกกับค้าเสรีกับจีน ของจีนราคาถูกกว่าที่เคย
จะทะลักเข้ามาสู่ตลาดไทยหรือเปล่า
และแน่นอนมันกระทบต่อบริษัทในตลาด ที่ทุกท่านถือหุ้นอยู่
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...
...ชีวิตของประชากรไทยต้องจะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
แบบที่ใครๆ คงเดากันยาก เพราะดีลใหญ่ขนาดนี้ไม่เคยเกิด
ไทย-จีน เริ่มกันแล้วตั้งแต่ต้นตุลาคมนี้
ไทย-อินเดีย จะเริ่มมีนาคมปีหน้า..
คงพอจำช่วงเปิดเสรีการเงินได้ใช่ไหมครับ
ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น แน่ใจหรือว่าเรารับมือกับมันไหว
แน่ใจหรือว่าเราปรับตัวกับมันได้ทัน
เงินบาทกำลังแข็งค่า บวกกับค้าเสรีกับจีน ของจีนราคาถูกกว่าที่เคย
จะทะลักเข้ามาสู่ตลาดไทยหรือเปล่า
และแน่นอนมันกระทบต่อบริษัทในตลาด ที่ทุกท่านถือหุ้นอยู่
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...
-
- Verified User
- โพสต์: 5
- ผู้ติดตาม: 0
ค้าเสรีไทย-จีน เริ่มแล้วตามด้วย ไทย-อินเดีย
โพสต์ที่ 3
ทุกอย่างมีได้ก็ต้องมีเสีย แน่นอน ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ
แต่งานใครล่ะที่ได้ แล้วใครล่ะที่เป็นฝ่ายเสีย
เศรษฐีอินเดียมีประมาณ 50 ล้านคน
มากพอๆกับประชากรไทยเกือบทั้งประเทศ
จีนมีเกือบ 400 ล้านคน โอ..มีเศรษฐีให้ขายของให้ตั้ง 450 ล้านคน
แถมพกมาด้วยประชากรอีกสองพันกว่าล้านคน..
น่าขายของด้วยใช่ไหมล่ะครับ แต่..ช้าก่อน
แต่งานใครล่ะที่ได้ แล้วใครล่ะที่เป็นฝ่ายเสีย
เศรษฐีอินเดียมีประมาณ 50 ล้านคน
มากพอๆกับประชากรไทยเกือบทั้งประเทศ
จีนมีเกือบ 400 ล้านคน โอ..มีเศรษฐีให้ขายของให้ตั้ง 450 ล้านคน
แถมพกมาด้วยประชากรอีกสองพันกว่าล้านคน..
น่าขายของด้วยใช่ไหมล่ะครับ แต่..ช้าก่อน
-
- Verified User
- โพสต์: 5
- ผู้ติดตาม: 0
ค้าเสรีไทย-จีน เริ่มแล้วตามด้วย ไทย-อินเดีย
โพสต์ที่ 4
สิ่งที่แถมมากับเศรษฐี 450 ล้านคน
มันมาพร้อมกับสินค้ามหาศาล ที่ผลิตจากกองทัพแรงงานราคาถูก ( มาก )
มอเตอร์ไซค์คันละแค่หมื่นเดียว
เครื่องไฟฟ้า เสื้อผ้า ของอื่นๆจิปาถะที่มากับราคาถูก ถึงถูกจนน่าเกลียด
แน่นอน สินค้าเหล่านั้น ย่อมกระทบโดยตรงต่อผู้ผลิตในประเทศ
กระทบโดยตรงต่อบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
และแน่นอน ต่อหุ้นที่ทุกท่านถืออยู่
ในอนาคตอันใกล้ ..การวิเคราะห์หุ้นของเรา
อาจจะต้องศึกษาสินค้าจากโรงงานในจีนและอินเดีย
เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการอยู่รอดของบริษัทที่เราจะซื้อ
...ก็อาจเป็นได้นะครับ
มันมาพร้อมกับสินค้ามหาศาล ที่ผลิตจากกองทัพแรงงานราคาถูก ( มาก )
มอเตอร์ไซค์คันละแค่หมื่นเดียว
เครื่องไฟฟ้า เสื้อผ้า ของอื่นๆจิปาถะที่มากับราคาถูก ถึงถูกจนน่าเกลียด
แน่นอน สินค้าเหล่านั้น ย่อมกระทบโดยตรงต่อผู้ผลิตในประเทศ
กระทบโดยตรงต่อบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
และแน่นอน ต่อหุ้นที่ทุกท่านถืออยู่
ในอนาคตอันใกล้ ..การวิเคราะห์หุ้นของเรา
อาจจะต้องศึกษาสินค้าจากโรงงานในจีนและอินเดีย
เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการอยู่รอดของบริษัทที่เราจะซื้อ
...ก็อาจเป็นได้นะครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
ค้าเสรีไทย-จีน เริ่มแล้วตามด้วย ไทย-อินเดีย
โพสต์ที่ 5
มองด้านเดียวครับ ระบบเศรษฐกิจของประเทศทั่วโลก เค้าจะมองที่ภาคเอกชนเป็นตัวขับเคลื่อน
แต่ผมว่าพวกคุณดูถูกภาคเอกชนเราไปนะครับ ในมุมมองของพวกคุณ ยังไม่ทันเริ่มทำอะไรก็แย้งซะแล้ว ผมละงง จริงๆ คุณก็เชื่อแต่ว่าเราเปิดเสรีทางการเงินแล้วเจ๊ง คุณว่าใช่เหรอครับจริงๆแล้วเพราะเปิดเสรีทางการเงิน
ที่ผมมองคือเค้าเปิดเสรีทางการเงินแต่ไม่เสรีจริง ดันมาใช่ค่าเงินแบบคงที่ ทำให้อัตราดอกเบี้ยของเราสูงกว่าต่างประเทศอย่างมากประมาณ เท่าตัว คุณมองจีนใช้ค่าเงินหยวนแบบคงที่ แต่การเงินในประเทศยังควบคุมอย่างเข้มงวดอยู่
การเปิดเสรีทางการเงินของเราจริงๆแล้วต้องให้ค่าเงินลอยตัวไปด้วย
เพราะในโลกทางการเงินนี่ไม่มีรัฐบาลไหนที่มีเงินมากพอ เค้าบอกว่ามีเงินประมาณ 2 ล้านล้านดอลล่าร์หมุนเวียนอยู่ทั่วโลก ไม่มีรัฐบาลไหนสู้ได้หรอกครับ
เอกชนของเราจะเป็นผู้ปรับตัวครับ ผมเชื่อว่าคนเรา หนึ่งสมอง สองมือ สองเท้าเท่ากันทำไมเราจะสู้คนอื่นไม่ได้ เราหาจุดเด่นของเราแล้วเอาจุดนั้นมาสู้ จีนอินเดียมีต้นทุนแรงงานถูก ทำไมมองแต่ต้นทุนค่าแรงครับ พวกคุณเป็นนักเศรษฐศาสตร์สำนักคลาสสิคเหรอครับ
แต่ผมว่าพวกคุณดูถูกภาคเอกชนเราไปนะครับ ในมุมมองของพวกคุณ ยังไม่ทันเริ่มทำอะไรก็แย้งซะแล้ว ผมละงง จริงๆ คุณก็เชื่อแต่ว่าเราเปิดเสรีทางการเงินแล้วเจ๊ง คุณว่าใช่เหรอครับจริงๆแล้วเพราะเปิดเสรีทางการเงิน
ที่ผมมองคือเค้าเปิดเสรีทางการเงินแต่ไม่เสรีจริง ดันมาใช่ค่าเงินแบบคงที่ ทำให้อัตราดอกเบี้ยของเราสูงกว่าต่างประเทศอย่างมากประมาณ เท่าตัว คุณมองจีนใช้ค่าเงินหยวนแบบคงที่ แต่การเงินในประเทศยังควบคุมอย่างเข้มงวดอยู่
การเปิดเสรีทางการเงินของเราจริงๆแล้วต้องให้ค่าเงินลอยตัวไปด้วย
เพราะในโลกทางการเงินนี่ไม่มีรัฐบาลไหนที่มีเงินมากพอ เค้าบอกว่ามีเงินประมาณ 2 ล้านล้านดอลล่าร์หมุนเวียนอยู่ทั่วโลก ไม่มีรัฐบาลไหนสู้ได้หรอกครับ
เอกชนของเราจะเป็นผู้ปรับตัวครับ ผมเชื่อว่าคนเรา หนึ่งสมอง สองมือ สองเท้าเท่ากันทำไมเราจะสู้คนอื่นไม่ได้ เราหาจุดเด่นของเราแล้วเอาจุดนั้นมาสู้ จีนอินเดียมีต้นทุนแรงงานถูก ทำไมมองแต่ต้นทุนค่าแรงครับ พวกคุณเป็นนักเศรษฐศาสตร์สำนักคลาสสิคเหรอครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
ค้าเสรีไทย-จีน เริ่มแล้วตามด้วย ไทย-อินเดีย
โพสต์ที่ 6
งั้นรบกวนคุณ ake บอกหน่อยสิครับว่าไทยได้เปรียบจีนด้านไหนครับ
แล้วที่ได้น่ะ มันได้คุ้มเสียรึเปล่า
ตอนนี้จีนเริ่มกระจายการผลิตไปยังสินค้าตั้งแต่ไฮเอนด์
จนถึงสินค้าใช้แรงงานราคาถูกสุดๆ
เป็นแหล่งผลิตตั้งแต่ชิปของอินเทล pcb ยันรถเบนซ์
มีการพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงของตัวเองด้วย
ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมก็คือเค้ามีมือถือของตัวเอง
ซึ่งโนวฮาว เทคโนโลยี สำหรับธุรกิจไฮเทค..เราไม่มี
จีนมีขีดความสามารถที่พัฒนาไปได้ไกลถึงออกไปอวกาศแล้ว
ซึ่งมีไม่กี่ประเทศในโลกนี้ที่ทำได้
เราจะเอาสินค้าอะไรไปต่อกรกับเค้าล่ะครับ เกษตรเหรอครับ
ลองไปศึกษาเรื่องการผลิตข้าวในจีนดูนะครับว่าล่าสุดเค้าไปถึงไหนแล้ว
เรากำลังค้าขายแบบเสรีกับประเทศที่แม้แต่อเมริกายังปวดหัว
จีนวันนี้คือประเทศที่มีพร้อมทั้งด้านแรงงาน เงิน และเทคโนโลยี
จีนวันนี้ไม่ใช่แค่แหล่งผลิตสินค้าราคาถูกอีกต่อไปแล้ว
แน่นอนครับ เรามีสินค้าที่จะขายให้เค้าได้อยู่แล้ว
แต่มันต้องแลกด้วยอะไร งานนี้ต้องดูกันยาวครับ
แล้วที่ได้น่ะ มันได้คุ้มเสียรึเปล่า
ตอนนี้จีนเริ่มกระจายการผลิตไปยังสินค้าตั้งแต่ไฮเอนด์
จนถึงสินค้าใช้แรงงานราคาถูกสุดๆ
เป็นแหล่งผลิตตั้งแต่ชิปของอินเทล pcb ยันรถเบนซ์
มีการพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงของตัวเองด้วย
ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมก็คือเค้ามีมือถือของตัวเอง
ซึ่งโนวฮาว เทคโนโลยี สำหรับธุรกิจไฮเทค..เราไม่มี
จีนมีขีดความสามารถที่พัฒนาไปได้ไกลถึงออกไปอวกาศแล้ว
ซึ่งมีไม่กี่ประเทศในโลกนี้ที่ทำได้
เราจะเอาสินค้าอะไรไปต่อกรกับเค้าล่ะครับ เกษตรเหรอครับ
ลองไปศึกษาเรื่องการผลิตข้าวในจีนดูนะครับว่าล่าสุดเค้าไปถึงไหนแล้ว
เรากำลังค้าขายแบบเสรีกับประเทศที่แม้แต่อเมริกายังปวดหัว
จีนวันนี้คือประเทศที่มีพร้อมทั้งด้านแรงงาน เงิน และเทคโนโลยี
จีนวันนี้ไม่ใช่แค่แหล่งผลิตสินค้าราคาถูกอีกต่อไปแล้ว
แน่นอนครับ เรามีสินค้าที่จะขายให้เค้าได้อยู่แล้ว
แต่มันต้องแลกด้วยอะไร งานนี้ต้องดูกันยาวครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
ค้าเสรีไทย-จีน เริ่มแล้วตามด้วย ไทย-อินเดีย
โพสต์ที่ 7
ผมขอถามคุณ panic นะครับคุณ ว่าคุณทักษิณ(ขอยกตัวอย่างท่านผุ้นำนะครับ) จะเลือกที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีหรือไม่ดีครับ
ผมมองว่าทรัพยสินของท่านนายกก็อยู่ในประเทศเรา ยังไงท่านก็ต้องทำให้เศรษฐกิจประเทศเราดีอยู่แล้วเพราะนั้นหมายถึงมูลค่าทรัพย์สินของท่านก็จะเพิ่มตามมา
คุณมามองที่ปริมาณข้าว ข้าวที่เราใช้แค่บริโภคก็มีหลายอย่างแล้วนะครับ คุณไปดูเลยถ้าเป็นข้าวหอมมะลินี่เราผลิตมาแค่ไหนไม่มีเหลือหรอกครับ
คุณรู้มั้ยว่าข้าวหอมมะลิมันไม่ได้อยู่ที่สายพันธุ์อย่างเดียว มันต้องรวมปัจจัยดินฟ้าอากาศสภาพแวดล้อมแล้วก็ดิน ไม่ง้านเราก็ปลูกข้าวหอมมะลิกันหมดแล้วสิครับแต่จริงๆ เราปลูกได้บางพื้นที่เท่านั้น
ปลูกปริมาณข้าวผมไม่เห็นจะน่ากลัวหรอกครับ มันข้าวพันธุ์อะไร แล้วปลูกให้คนกินหรือไม่
ปริมาณข้าวของเมืองไทยที่ผลิตได้นะประมาณ 25 ล้านตันข้าวเปลือก เราส่งออกประมาณ 6 ล้านตันข้าวเปลือก ปริมาณรวมกันทั้งโลกประมาณ 500 ล้านตันข้าวเปลือกนะครับ
สินค้าเกษตรที่จีนผลิตได้ ถ้าเป็นผลไม้ก็คนละอย่างกันเลยครับ เรามีจุดเด่นในสภาพอากาศของเรา มังคุด ทุเรียน ลำไย สินค้ายางพารา จีนก็ต้องการอย่างมาก
มันสำปะหลังผมก็รู้มาว่าของเมืองไทยนี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกเลยนะครับ พวกเกษตรยุโรปต้องการอย่างมาก เพียงแต่ว่าเราจะค้าขายกับเค้าอย่างซื่อสัตย์ไม่ผสมพวกดินทรายลงไปมาก
ตอนนี้ทุกคนผมว่าก็ต้องร่วมมือกัน ร่วมกันวิจัยพัฒนาเพราะหากเราไม่มีความรู้ต่อให้เราได้เปรียบขนาดไหนด้านทรัพยากร ก็ไม่สามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้
จีนผลิตผลไม้ได้แต่ผลไม้เมืองหนาวนะครับ
คุณมาคิดอย่างนี้ผมว่ามันเป็นข้ออ้างมากกว่า คุณดูสิงคโปร์ ญี่ปุ่นสิครับ ประเทศเค้ามีทรัพยากรอะไรมั่งละครับเปล่าเลยไม่มี เพียงแต่ประเทศเค้ามีคนมีความสามารถเห็นคุณค่าขององค์ความรู้ เค้าก็ไม่เคยโทษเลยว่าประเทศเค้าไม่มีทรัพยากร ทำให้เค้าต้องงอมืองอเท้านั่งสิ้นหวัง
ผมขอเปรียบเทียบประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้วกันครับ
เค้าเป็นจ้าวเทคโนโลยี่อะไรเหรอครับ ไม่มีเลยนะครับ
ที่เห็นก็มีแต่ นาฬิกา เหล้า ธุรกรรมการเงิน แต่คนของเค้ามีรายได้เฉลี่ยอยู่ในอันดับต้นๆของโลก
ธุรกิจที่เราถนัดที่เห็นก็มี การบริการการท่องเที่ยว เกษตร(ถ้าหากเราเริ่มมีการศึกษาต่อยอดขององค์ความรู้ผมคิดว่าเรายังไม่อยู่ในช่วงที่ล้าหลัง สามารถสู้ต่างประเทศได้ ความคิดเห็นผมว่าการเกษตรของเราสามารถที่จะสามารถแข่งขันได้ในปัจจุบัน แต่ในอนาคตไม่รู้)
ผมมองว่าทรัพยสินของท่านนายกก็อยู่ในประเทศเรา ยังไงท่านก็ต้องทำให้เศรษฐกิจประเทศเราดีอยู่แล้วเพราะนั้นหมายถึงมูลค่าทรัพย์สินของท่านก็จะเพิ่มตามมา
คุณมามองที่ปริมาณข้าว ข้าวที่เราใช้แค่บริโภคก็มีหลายอย่างแล้วนะครับ คุณไปดูเลยถ้าเป็นข้าวหอมมะลินี่เราผลิตมาแค่ไหนไม่มีเหลือหรอกครับ
คุณรู้มั้ยว่าข้าวหอมมะลิมันไม่ได้อยู่ที่สายพันธุ์อย่างเดียว มันต้องรวมปัจจัยดินฟ้าอากาศสภาพแวดล้อมแล้วก็ดิน ไม่ง้านเราก็ปลูกข้าวหอมมะลิกันหมดแล้วสิครับแต่จริงๆ เราปลูกได้บางพื้นที่เท่านั้น
ปลูกปริมาณข้าวผมไม่เห็นจะน่ากลัวหรอกครับ มันข้าวพันธุ์อะไร แล้วปลูกให้คนกินหรือไม่
ปริมาณข้าวของเมืองไทยที่ผลิตได้นะประมาณ 25 ล้านตันข้าวเปลือก เราส่งออกประมาณ 6 ล้านตันข้าวเปลือก ปริมาณรวมกันทั้งโลกประมาณ 500 ล้านตันข้าวเปลือกนะครับ
สินค้าเกษตรที่จีนผลิตได้ ถ้าเป็นผลไม้ก็คนละอย่างกันเลยครับ เรามีจุดเด่นในสภาพอากาศของเรา มังคุด ทุเรียน ลำไย สินค้ายางพารา จีนก็ต้องการอย่างมาก
มันสำปะหลังผมก็รู้มาว่าของเมืองไทยนี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกเลยนะครับ พวกเกษตรยุโรปต้องการอย่างมาก เพียงแต่ว่าเราจะค้าขายกับเค้าอย่างซื่อสัตย์ไม่ผสมพวกดินทรายลงไปมาก
ตอนนี้ทุกคนผมว่าก็ต้องร่วมมือกัน ร่วมกันวิจัยพัฒนาเพราะหากเราไม่มีความรู้ต่อให้เราได้เปรียบขนาดไหนด้านทรัพยากร ก็ไม่สามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้
จีนผลิตผลไม้ได้แต่ผลไม้เมืองหนาวนะครับ
คุณมาคิดอย่างนี้ผมว่ามันเป็นข้ออ้างมากกว่า คุณดูสิงคโปร์ ญี่ปุ่นสิครับ ประเทศเค้ามีทรัพยากรอะไรมั่งละครับเปล่าเลยไม่มี เพียงแต่ประเทศเค้ามีคนมีความสามารถเห็นคุณค่าขององค์ความรู้ เค้าก็ไม่เคยโทษเลยว่าประเทศเค้าไม่มีทรัพยากร ทำให้เค้าต้องงอมืองอเท้านั่งสิ้นหวัง
ผมขอเปรียบเทียบประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้วกันครับ
เค้าเป็นจ้าวเทคโนโลยี่อะไรเหรอครับ ไม่มีเลยนะครับ
ที่เห็นก็มีแต่ นาฬิกา เหล้า ธุรกรรมการเงิน แต่คนของเค้ามีรายได้เฉลี่ยอยู่ในอันดับต้นๆของโลก
ธุรกิจที่เราถนัดที่เห็นก็มี การบริการการท่องเที่ยว เกษตร(ถ้าหากเราเริ่มมีการศึกษาต่อยอดขององค์ความรู้ผมคิดว่าเรายังไม่อยู่ในช่วงที่ล้าหลัง สามารถสู้ต่างประเทศได้ ความคิดเห็นผมว่าการเกษตรของเราสามารถที่จะสามารถแข่งขันได้ในปัจจุบัน แต่ในอนาคตไม่รู้)
-
- Verified User
- โพสต์: 920
- ผู้ติดตาม: 0
ค้าเสรีไทย-จีน เริ่มแล้วตามด้วย ไทย-อินเดีย
โพสต์ที่ 8
ไม่ควร panic อย่างยิ่งครับ เท่าที่ทราบการเปิดเสรีเป็นไปอย่างนุ่มนวลครับในช่วงแรกมูลค่าการค้าที่เปิดเสรีต่ำกว่า 10% ของมูลค่าการค้ารวมครับ เราจะมีเวลาปรับตัวและแก้ตัวได้ครับถ้ามันไม่ดี ที่สำคัญพวกเราต้องชาตินิยมมากขึ้นครับซื้อของไทย ใช้ของไทย แพงกว่าบ้างคุณภาพด้อยกว่าบ้างนิดหน่อยก็ควรอุดหนุนคนไทยด้วยกัน (แต่ผมเชื่อว่าพวกสินค้าเกษตรบ้านเราสู้ได้ในแง่คุณภาพ) เพื่อให้เงินทุกบาททุกสตางค์ไหลกลับเข้าไปพัฒนาสินค้าไทย และเกิดการแข่งขันกันผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพต่อไป แล้วสักวันคนไทยคงผลิตโทรศัพท์มือถือที่มีแบรนด์เป็นของตัวเองได้จะได้ไม่ต้องขายของให้ต่างชาติเรื่อยไป
-
- Verified User
- โพสต์: 194
- ผู้ติดตาม: 0
ค้าเสรีไทย-จีน เริ่มแล้วตามด้วย ไทย-อินเดีย
โพสต์ที่ 9
มุมมองของเจ้าของกระทู้ก็ดีนะครับแต่ไม่ควรตระหนกจนเกินไปเพราะคนไทยก็มีอะไรดีๆตั้งหลายอย่าง พวกเราไม่ใช่นั่งงอมืองอเท้าแล้วไม่ใช่ไม่ต่อสู้ไม่ใช่เหรอครับ การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ดีทำให้พวกเราแข็งแรงขึ้นแข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว ไม่ต้องกลัวถ้าตราบใดคนไทยด้วยกันเองยังมีใจต่อสู้และขยัน
-
- ผู้ติดตาม: 0
ค้าเสรีไทย-จีน เริ่มแล้วตามด้วย ไทย-อินเดีย
โพสต์ที่ 10
เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วผู้รู้ท่านหนึ่งซึ่งเก่งมาก ได้แนะนำและเตือนผมในเรื่องนี้ โดยให้ระมัดระวัง เพราะอนาคตการคาดการณ์จะยากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ผมได้ระมัดระวังมากในการลงทุนโดยคำนึงถึงปัจจัยดังกล่าวมาตลอด
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่เตือนอีกครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนทุกท่าน ที่จะกลับไปศึกษาหาข้อมูลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมแต่ละประเภทรวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดกับบริษัทที่ลงทุน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่เตือนอีกครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนทุกท่าน ที่จะกลับไปศึกษาหาข้อมูลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมแต่ละประเภทรวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดกับบริษัทที่ลงทุน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน
-
- ผู้ติดตาม: 0
ค้าเสรีไทย-จีน เริ่มแล้วตามด้วย ไทย-อินเดีย
โพสต์ที่ 11
ไม่ขอเข้าข้างฝ่ายใดครับแต่ขอสนับสนุนแนวความคิดเรื่องการวิจัยและพัฒนาครับ เนื่องด้วยเรียนอยู่คณะวิทยาศาสตร์ทำให้มองเห็นภาพครับว่าการวิจัยในประเทศเรานั้นมีน้อยๆๆๆๆๆ กว่าประเทศที่เค้าพัฒนาแล้วมาก ห่างกันมากครับ ในประเทศที่เค้าพัฒนาแล้ว เค้ามีการลงทุนเรื่องงานวิจัยมากครับ เพราะเค้าเห็นว่าการวิจัยและการพัฒนา จะช่วยให้สินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่เค้าวางขาย มีการพัฒนาให้ทัดเทียมและต่อกรกับคู่แข่งได้อย่างมากครับ ส่วนประเทศเรานั่งรอครับ นั่งรอให้นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยอย่างพวกผม วิจัยและพัฒนาขึ้นมาก่อน ไม่มีการลงทุนให้แต่อย่างใดครับ ประมาณว่าคิดแต่จะเอาฝ่ายเดียว ไม่เกิดการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ประเทศก็ไม่สามารถที่จะพัฒนาได้อย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่นักวิจัยของเราไม่ได้ด้อยไปกว่าชาวต่างชาติเลย อาจจะเก่งกว่าด้วย
แต่ตอนนี้ทาง สวทช ก็เริ่มพัฒนาโครงการให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นแล้วครับตอนนี้ที่เห็นๆ ที่มหาลัยของผมก็มีของ CPF หละครับที่มีการสนับสนุนการวิจัยเรื่องกุ้งให้กับศูนย์วิจัยที่มหาลัย ก็หวังว่าในอนาคต บริษัทอื่นๆ จะเห็นความสำคัญของการวิจัยและพัฒนาบ้าง .... เพื่อที่ผมจะได้มีแรงกระตุ้นในการเรียนต่อทางด้านนี้ครับ :lol: :lol: :lol:
แต่ตอนนี้ทาง สวทช ก็เริ่มพัฒนาโครงการให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นแล้วครับตอนนี้ที่เห็นๆ ที่มหาลัยของผมก็มีของ CPF หละครับที่มีการสนับสนุนการวิจัยเรื่องกุ้งให้กับศูนย์วิจัยที่มหาลัย ก็หวังว่าในอนาคต บริษัทอื่นๆ จะเห็นความสำคัญของการวิจัยและพัฒนาบ้าง .... เพื่อที่ผมจะได้มีแรงกระตุ้นในการเรียนต่อทางด้านนี้ครับ :lol: :lol: :lol:
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ค้าเสรีไทย-จีน เริ่มแล้วตามด้วย ไทย-อินเดีย
โพสต์ที่ 13
เห็นด้วยกับคุณ stockms และ คุณ someone มากๆๆๆๆๆครับ....
ผมติดตามข่าวสารมีหลายสิบปี เรียนรู้มานาน ไปอยู่ก็หลายที่ ทั้งประเทศด้อยพัฒนา -พัฒนา แล้ว ...
วิเคราะห์ออกมาได้ 2 อย่าง คือ ถ้าประเทศไทยต้องการเป็นประเทศพัฒนาแล้ว (ด้อยพัฒนา กะพัฒนาแล้ว มันแตกต่างกันมากจริงๆ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่..ขอบอก)
1.ต้องทำให้คนไทย ภูมิใจในความเป็นชาติ ภูมิใจในเชื้อชาติ เมื่อนั้นสินค้าที่เป็นของคนไทยจะขายได้ เมื่อนั้น ปตท คงจะเ็ป็นเหมือน shell, ameco etc. สหพัฒคงเป็น ีunilever หรือ p&g หลายท่านในบอร์ดนี้คงได้เป็นนายฝรั่ง-ญี่ปุ่น กันหลายคน...ผมทำอยู่ แต่หากอีก 60 ล้านคน ยังเห็นว่าทุกอย่างที่ฝรั่งทำเป็นอารยะ ก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก...
2.งบ R&D เข้าใจว่า 0.1 ของ GDP แต่ประเทศอื่นๆ 1-4 % ฉะนั้นอย่าแปลกใจที่ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ไทยอยู่บ๊วย จากการสำรวจปีที่แล้ว...ผมก็อยู่ในแวดวงวิทยาศาสตร์ครับ แต่จะทำอย่างไรได้ครับ ในเืมื่อผู้นำของเราเรียน กฎหมาย-ธุรกิจ เค้าจะมองภาพไม่ออกครับ...จริงๆ แล้วความตั้งใจของผม หากร่ำรวยจากตลาดหุ้น คงตั้งเป็นกองทุนให้ สสกว หรือหน่วยงานวิจัยอื่นๆ
ครับ เอาดอกผลมาเป็นใช้วิจัยครับ.....
ทั้ง 2 เรื่องผมคิดว่าเป็นจุดผกผันของประเทศเลยครับ ดูประวัติศาสตร์เราจะทราบครับ ญี่ปุ่น-เกาหลี เจริญได้เพราะชาตินิยม แต่อเมริกาและตะวันตก เจริญได้เพราะวิทยาศาสตร์ครับ...
คุยเรื่องเครียดหน่อยนะครับ หวังว่าคงไม่ว่ากัน... :lol:
ผมติดตามข่าวสารมีหลายสิบปี เรียนรู้มานาน ไปอยู่ก็หลายที่ ทั้งประเทศด้อยพัฒนา -พัฒนา แล้ว ...
วิเคราะห์ออกมาได้ 2 อย่าง คือ ถ้าประเทศไทยต้องการเป็นประเทศพัฒนาแล้ว (ด้อยพัฒนา กะพัฒนาแล้ว มันแตกต่างกันมากจริงๆ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่..ขอบอก)
1.ต้องทำให้คนไทย ภูมิใจในความเป็นชาติ ภูมิใจในเชื้อชาติ เมื่อนั้นสินค้าที่เป็นของคนไทยจะขายได้ เมื่อนั้น ปตท คงจะเ็ป็นเหมือน shell, ameco etc. สหพัฒคงเป็น ีunilever หรือ p&g หลายท่านในบอร์ดนี้คงได้เป็นนายฝรั่ง-ญี่ปุ่น กันหลายคน...ผมทำอยู่ แต่หากอีก 60 ล้านคน ยังเห็นว่าทุกอย่างที่ฝรั่งทำเป็นอารยะ ก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก...
2.งบ R&D เข้าใจว่า 0.1 ของ GDP แต่ประเทศอื่นๆ 1-4 % ฉะนั้นอย่าแปลกใจที่ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ไทยอยู่บ๊วย จากการสำรวจปีที่แล้ว...ผมก็อยู่ในแวดวงวิทยาศาสตร์ครับ แต่จะทำอย่างไรได้ครับ ในเืมื่อผู้นำของเราเรียน กฎหมาย-ธุรกิจ เค้าจะมองภาพไม่ออกครับ...จริงๆ แล้วความตั้งใจของผม หากร่ำรวยจากตลาดหุ้น คงตั้งเป็นกองทุนให้ สสกว หรือหน่วยงานวิจัยอื่นๆ
ครับ เอาดอกผลมาเป็นใช้วิจัยครับ.....
ทั้ง 2 เรื่องผมคิดว่าเป็นจุดผกผันของประเทศเลยครับ ดูประวัติศาสตร์เราจะทราบครับ ญี่ปุ่น-เกาหลี เจริญได้เพราะชาตินิยม แต่อเมริกาและตะวันตก เจริญได้เพราะวิทยาศาสตร์ครับ...
คุยเรื่องเครียดหน่อยนะครับ หวังว่าคงไม่ว่ากัน... :lol:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- ผู้ติดตาม: 0
ค้าเสรีไทย-จีน เริ่มแล้วตามด้วย ไทย-อินเดีย
โพสต์ที่ 14
แต่หุ้นบางตัวก็ได้รับผลดีในแง่การขยายตัวของการค้าระหว่างภูมิภาค
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ค้าเสรีไทย-จีน เริ่มแล้วตามด้วย ไทย-อินเดีย
โพสต์ที่ 15
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ญี่ปุ่น-เกาหลี เจริญได้เพราะชาตินิยม แต่อเมริกาและตะวันตก เจริญได้เพราะวิทยาศาสตร์ครับ...
อืม ผมขอเดาว่า ไทยก็เจริญนะครับ คือเจริญทางด้านจิตใจ
ผมยังคงรู้สึกว่าเมืองไทย มีน้ำใจคนไทย หลงเหลืออยู่
รอยยิ้มแบบไทยๆ น้ำใจคนไทย
ในต่างประเทศ ไม่ทราบว่าเป็นแบบคนไทยหรือเปล่า
ใครอยู่ต่างจังหวัดน่าจะรู้ดีว่า คนไทยนิสัยดี อย่างไร
เราคนไทย เจริญแล้วครับ ถ้าไม่ได้มองที่ด้านวัตถุแต่เพียงอย่างเดียว เราน่าจะขายจุดยืนนี้ให้มากๆครับ