หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 61

โพสต์

คุณ tiger ครับผมเห็นด้วยทุกประการ โดยเฉพาะจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวของไทยยังหากินได้อีกนานครับ เราเป็นประเทศที่ low tec but high touch ครับ และ MINT ก็น่าจะได้รับประโยชน์ประเด็นนี้ชัดเจน

ส่วนเรื่องราคาหุ้น ผมก็ไม่ทราบว่ามีคนดูแลหรือเปล่า แต่ก็ทำให้ผมขายหมูไปแถว 3.5 บาท เช่นกัน :x ประเด็นเรื่องการแจกหุ้น เพิ่มทุนมีคำอธิบายจากปากผู้บริหารดังนี้ครับ..
สาเหตุที่ปันผลเป็นหุ้นก็เนื่องมาจากว่าปกติเรามีนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% แต่วันนี้เงินสดปันผลอยู่ที่ประมาณ 38% ซึ่งจะเห็นได้ว่าต่ำไป อีกทั้งบริษัทตั้งเป้าหมายการทำงานในปีนี้และปีหน้าที่เน้นการขยายงานมากขึ้น เพราะมีโอกาสเข้ามาค่อนข้างมาก ดังนั้นเราเห็นว่าหุ้นปันผลจะเป็นวิธีที่จะให้ผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้น ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถเก็บเงินสดไว้ในบริษัทได้ นอกจากนั้น เรายังเสนอขอใน AGM คือ ฟรีวอร์แรนท์ โดยให้สัดส่วน 10:1 ซึ่งตรงนี้เราทำเพื่อรองรับการขยายงานในอนาคต โดยวอร์แรนท์นี้มีอายุไม่เกิน 24 เดือนราคาไม่เกิน 6 บาท ซึ่งต้องรอผู้ถือหุ้นว่าจะอนุมัติหรือไม่ เพราะเป็นการขอเปลี่ยนหุ้นบุริมสิทธิที่เคยอนุมัติไปแล้วเพื่อให้เข้ากับภาวะตลาด ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการเสนอไปว่าจะให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์ประมาณ 5% ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งหมดเป็นการเน้นว่าในอนาคตระยะเวลา 1-2 ปีบริษัทจะอยู่ในช่วงขยายงานและมีโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี

อีกทั้งเป็นการแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้ละเลยผู้ถือหุ้น เราให้สิทธิผู้ถือหุ้นในการเพิ่มทุนก่อน ถ้ามีการเพิ่มทุน ส่วนที่ 2 ในการที่เราให้วอร์แรนท์เป็น 24 เดือนหรือว่าหุ้นบุริมสิทธิที่ 5% เป็นการทำให้ผลอัตรากำไรต่อหุ้นที่ไม่ถูก dilution ลงไป โดยผู้ถือหุ้นปัจจุบันก็ยังได้ EPS ที่อยู่เดิม
ขอบคุณคุณขายของสำหรับข่าวครับ น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ เข้าใจว่าหาดไม้ขาวที่ตั้งโรงแรมเจดิบบลิว อยู่ไม่ไกลจากสนามบิน ไปทางพังงา ที่จะไปเขาหลักได้ โรงแรมแห่งนี้มีรายได้ค่อนข้างมากนะครับ อันดับ 2 หรือ 3 ของโรงแรมทั้งหมดในเครือ และมีส่วนกำไรค่อนข้างสูงครับ เพราะ MINT เพิ่งเสร็จสิ้นการเพิ่มสัดส่วนหุ้นในโรงแรมแห่งนี้จาก 50%เป็น 100% ปีที่ผ่านมา แต่ผมไม่แน่ใจว่ากำไรเป็นสัดส่วนเท่าไหร่เปรียบเทียบกับกำไรทั้งกลุ่ม :?

ผมขอโพสต์อีก 4 หัวข้อคือ
1.ธุรกิจอาหาร
2.ผู้ถือหุ้นและผู้บริหารของ MINT
3.จุดด้อย-ความเสี่ยงของ MINT
4.อะไรที่ให้ MINT น่าสนใจที่จะลงทุน

เป็นพรุ่งนี้นะครับ เพราะวันนี้ไม่ไหวแล้ว :oops:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 62

โพสต์

ธุรกิจอาหาร

หลังจากที่ MINT เสร็จสิ้นการเสนอซื้อ MFG ทั้งหมด ความเสี่ยงของบริษัทก็ลดลงมาก เพราะมีรายได้ทั้ง 2 ทาง เป็น well balance ธุรกิจอาหารของ MINT ก็เป็นที่ทราบกันดีว่ามี เดอะพิซซ่า ไอศครีมสเวนเซ่น แดรี่ควีน เบอร์เกอคิง ซิซเล่อร์ ขอโพสต์แต่ละแบรนด็เลยนะครับ


เดอะพิซซ่า

หลังจากต้องต่อสู้อย่างขมขื่นกับไตรคอน บริษัทลูกของเป็ปซี่โค กรณีพิพาท pizza hut MINT ก็ตัดสินใจแยกทาง และพัฒนาแบรนด์ขึ้นมาเองภายใต้ชื่อ The Pizza และประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 70% ณ.สิ้นปี 2547 มีสาขารวม 139 สาขา และปีนี้มีเป้าหมายที่จะเปิดเพิ่มอีก 37 สาขา โดยปีนี้จะมีสาขาในต่างประเทศเพิ่มเป็นประมาณ 22 สาขา ปัจจุบันเดอะพิซซ่า คอมปะนี ออกไปแข่งขันกับพิซซ่าฮัทแล้ว 10 ประเทศ เช่น คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จีน กัมพูชา เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เป็นต้น ภายใน 5 ปี ตั้งเป้าว่าจะขยายไป 12 ประเทศ ไม่น้อยกว่า 300 สาขา 8) ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท

โดยส่วนใหญเน้นขายแฟรนไชน์เพราะไม่ต้องลงทุนมาก แต่ได้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง จากค่าธรรมเนียมเริ่มแรก ค่าการจัดการ ค่าธรรมเนียมจากยอดขาย 5% ยกเว้นในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพมาก ดังนั้น MINT ให้ความสำคัญและเข้าไปทำตลาดเอง ผ่านบริษัทร่วมทุน 50/50 กับบริษัทในเครือ AIG ยักษ์ใหญ่การเงินสหรัฐ เครือเดียวกันกับประกัน AIA เป้าหมาย 5 ปี จะมี 70 สาขาเฉพาะในจีน

สเวนเซ่นส์
บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดภายในประเทศสูงมากประมาณ 80-90% สำหรับตลาดไอศครีมพรีเมี่ยม ภายใต้แบรดน์สเวนเซ่นส์ สิ้นปี 2547 มี 116 สาขา ปีนี้มีเป้าหมายเปิดเพิ่มอีก 20 สาขา เป็นสาขาในต่างประเทศถึง 10 สาขา โดยขยายสาขาไปพร้อมๆกับแบรนด์ เดอะพิซซ่า เข้าใจว่าบริษัทแม่เจ้าของแบรนด์สเวนเซ่นส์ ให้สิทธิ์ MINT ในการขยายสาขาในภูมิภาคเอเชีย เพราะความไว้วางใจจากความสำเร็จในประเทศไทย

ซิซเล่อร์
ผู้นำตลาดอันดับ 1 สำหรับตลาดสเต็ก และอาหาร western style สิ้นปีมีสาขา 24 สาขา ปีนี้มีเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น 33 สาขา โดยเป็นสาขาในต่างประเทศ 5 สาขา ในตลาดประเทศจีนซึ่งมีศักยภาพ MINT ได้ร่วมทุน 50/50 กับบริษัทแม่ของซิซเลอร์เพื่อขายแฟรนไชน์ในประเทศจีน

แดรี่ควีน
ผู้นำตลาดอันดับ 1 เช่นกันสำหรับตลาดไอศครีมซอฟเสริฟ สิ้นปี 2547 มีสาขารวม 169 สาขาและจะเพิ่มเป็น 182 สาขาในปีนี้

เบอร์เกอร์คิง
ผู้นำตลาดสินค้าแฮมเบอร์เกอร์อันดับ 1 ในแง่ผลกำไร แต่เป็นอันดับ 2 ในแง่ยอดขาย โดยมี 16 สาขาในปีที่ผ่านมา และจะเพิ่มอีก 4 สาขาในปีนี้

อ้อ..MINT มีโรงงานผลิตชีสและไอศครีมเองด้วยนะครับ และมีบริษัทจัดทำอาหารเครื่องบิน ไม่แน่ใจว่าร่วมทุนกับ S&P หรือเปล่า

รวมกลุ่มอาหารทั้งหมดมี 491 สาขาในปีที่แล้ว และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็นเกือบๆ 1,000 สาขาใน 5 ปี โดยเป็นสาขาในต่างประเทศ 300 สาขา และจะเป็นสาขาที่ดำเนินงานเองและแฟรนไชน์เป็น 50:50 ทั้งกลุ่มอาหารมีเป้าหมายยอดขายปี 2548 6,000 ล้านบาท :shock:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
อองตวน
Verified User
โพสต์: 320
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 63

โพสต์

พิษซ่า แพงมากมากเลย โทรสั่ง 1150 ราคาแพงกว่าตะก่อนมาก ปริมาณก็ได้น้อย
ส่วน 1112 ยังไม่ได้ลอง เพิ่งได้คูปองสั่งหนึ่งแถมหนึ่งมา
tt
Verified User
โพสต์: 1150
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 64

โพสต์

ถ้าพูดถึงอนาคตและความนิยมในร้านอาหารผมเห็นด้วยนะครับกับ MINT
แต่ผมว่าถ้าดูราคาปัจจุบันแล้วผมว่า centel ถูกกว่าเยอะครับ
centel นี่แทบจะเหมือน mint เป๊ะ เลยนะครับ centel จะด้อยกว่าก็ตรงที่
อีก 2-3 ปี โรงแรมเซ็นทรัลลาดพร้าวหมดสัญญา แล้วก็สนามบินจะย้าย
กับธุรกิจอาหารของ centel ต้องจ่ายค่าแฟรนไชส์ให้ยัม
แต่ก็มีลุ้นกับ central world แล้ว mister donut กับ ป้าแอน โดยเฉพาะ
ป้าแอนนี่ผมว่ากำลังโตมากเลยนะครับ
ต.หยวนเปียว
Verified User
โพสต์: 1688
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 65

โพสต์

พิซซ่า 1150 อร่อยกว่า 1112
ที่บ้านผมสรุปกันอย่างงี้ แต่พิซซาเรียอร่อยที่สุด
ไม่รู้เพื่อนๆ เห็นว่าอันไหนอร่อยกว่า

ส่วนป้าแอน ผมก็เห็นว่ากำลังโตเหมือนกัน
ที่เห็นว่าแพงผมว่าไอติมสเวนเซ่น :)
==หากบริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดฯ หุ้นยังน่าซื้อหรือไม่ ==
tt
Verified User
โพสต์: 1150
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 66

โพสต์

ผมก็ว่า 1150 อร่อยกว่า แต่ให้ตายเถอะ หมู่บ้านมัณฑนา รัตนาธิเบศ
ติดถนนราชพฤกษ์ มันไม่มาส่ง เลยต้องกิน 1112 เรื่อง delivery นี่
1150 เทียบไม่ติดเลย ขนาดโทรไปตั้งหลายทีแล้วนะ ก็ยังไม่ส่ง
เลยกิน 1112 ก็ได้วะ
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 67

โพสต์

อองตวน เขียน:พิษซ่า แพงมากมากเลย โทรสั่ง 1150 ราคาแพงกว่าตะก่อนมาก ปริมาณก็ได้น้อย
ส่วน 1112 ยังไม่ได้ลอง เพิ่งได้คูปองสั่งหนึ่งแถมหนึ่งมา
ผมติดจะชาตินิยมหน่อยๆ หลังๆก็เลยสั่งเฉพาะ 1112 :lol:
รสชาติไม่รู้ แต่คิดว่าน่าจะเหมือนๆกัน

ส่วน 1150 ของพิซซ่าฮัท เค้าคงต้องขายแพงครับ เพราะมีเหตุผลหลายอย่างคือต้องจ่ายค่าแฟรนไชน์ให้กับยัม(อดีตคือไทคอน) และส่วนใหญ่มีสาขาในห้างสรรพสินค้าซึ่งมีต้นทุนค่าเช่าที่แพงกว่ามาก นอกจากนั้นยังต้องนำเข้าวัตถุดิบบางส่วนจากต่างประเทศ ในขณะที่เดอะพิซซ่ามีภาระอย่างนี้น้อยกว่าหรือไม่มีเลยในประเด็นค่าแฟรนไชน์ ตอนนี้ PIZZA HUT ก็เลยพยายามปรับเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าเป็นครอบครัวที่มีกำลังซื้อสูงกว่าวัยรุ่น และปรับเปลี่ยนเมนูให้หลากหลาย มากกว่าพิซซ่าอย่างเดียว

แต่ผมทานเดอะพิซซ่า ก็ยังเห็นว่าเป็นอาหารที่แพงอยู่ดี ล่าสุดไปทานกับภรรยากับลูกเล็กๆ 1 คน ปาเข้าไปเกือบๆ 600 บาท พอทานเสร็จเพิ่งรู้ว่ามีโปรโมชั่น ราคาถูกกว่าตั้งเกือบ 200 บาท เซ็งเลย :?
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 68

โพสต์

โครงสร้างผู้ถือหุ้นและผู้บริหาร

โครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุดวันที่ 1 เมษา 2548
ลำดับ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จำนวนหุ้น (หุ้น) % หุ้น

1 HSBC (SINGAPORE) NOMINEES PTE LTD 353,870,220 14.59

2 บริษัท ไมเนอร์ โฮลดิ้ง (ไทย) จำกัด 284,536,515 11.73

3 นายนิติ โอสถานุเคราะห์ 180,635,225 7.45

4 บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 151,634,360 6.25

5 บริษัท ไมเนอร์ โฮลดิ้ง (ไทย) จำกัด 145,000,000 5.98

6 SOMERS (U.K.) LIMITED 130,509,800 5.38

7 บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 103,580,680 4.27

8 นายจอห์น สก๊อต ไฮเน็ค 80,440,221 3.32

9 นายวิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค 80,280,500 3.31

10 กองทุนรวม เพื่อผู้ลงทุนซึ่งเป็นคนต่างด้าวโดยลงทุนใ 57,122,850 2.36

11 MORGAN STANLEY & CO INTERNATIONAL LIMITE 56,863,827 2.34

12 นายวิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค 49,918,195 2.06

13 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 42,175,107 1.74

14 THE BANK OF NEW YORK (NOMINEES) LIMITED 39,500,860 1.63

15 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 35,309,564 1.46

16 นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค 32,746,860 1.35

17 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY FOR 32,424,500 1.34

18 กองทุน บำเหน็จบำนาญข้าราชการ 30,637,800 1.26

19 INVESTORS BANK AND TRUST COMPANY 27,473,140 1.13

20 สำนักงานประกันสังคม 27,040,000 1.12

21 บริษัท บางกอกรินเวสท์ จำกัด 22,163,235 0.91

22 นางสมพร โอสถานุเคราะห์ 18,918,875 0.78

23 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 15,728,000 0.65

24 ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 14,650,300 0.60

25 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒ 14,086,334 0.58


ผมเห็นว่าเป็นโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่ดีที่สุดบริษัทหนึ่ง :D ในตลาดหุ้นไทยครับ มาดูรายละเอียดกัน

1.ผู้บริหาร เท่าที่ผมเคยติดตามมา ผู้บริหารในเมืองไทยที่เก่งมาก นอกจากคุณตัน โออิชิ คุณอมร ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้ว คุณ Bill Heinecke หัวเรือใหญ่ของ MINT ก็เป็นอีกท่านครับ ใครได้อ่านหนังสือกฎทอง 21 ข้อ ของผู้ประกอบการ คงจะทราบดี น่าแปลกที่ 3 คนนี้มีอะไรที่เหมือนๆกัน คือก่อนทำธุรกิจเรียนไม่จบปริญญาทั้ง 3 คน และดูเหมือนทั้ง 3 เกิดมาเพื่อเป็นเจ้าของกิจการเท่านั้น เท่าที่ผมสัมผัสทั้งจากอ่านหนังสือและเคยได้ร่วมงานแบบห่างๆ บิลเป็นฝรั่งครับ คือคิดแบบอเมริกัน และเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับการทำงานมากๆ ทำงานเกือบๆ 7 วันและแทบไม่มีเวลาว่างเลย เวลาไปต่างประเทศก็ต้องทำงานไปด้วย แต่เค้าคงชอบครับ ไม่ได้คิดว่าเป็นความทุกข์แต่อย่างไร ชีวิตส่วนตัวก็ทราบเหมือนที่ลุงขวดทราบ คือเค้าชอบกีฬาที่ท้าทายเช่น ขับเครื่องบินเล็ก ขับรถแข่ง คนไทยอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยง แต่ฝรั่งเค้าจะมี safety ค่อนข้างมาก เค้าก็เลยคิดว่าไม่เสี่ยง

ผมเคยสมมุติว่าหาก MINT ขาดผู้บริหารอย่าง Bill ไป จะเป็นอย่างไร คิดดูแล้วก็เป็นความเสี่ยงที่ทุกคนควรจะรับรู้นะครับ แต่ประเด็นนี้ก็มีข้อสังเกตุคือผู้ถือหุ้นลำดับที่ 8 คนนี้คือทายาททางธุรกิจตัวจริงของบิลครับ จอร์น สก็อต ไฮเนค ตอนนี้จอร์นเป็นผู้บริหารของเบอร์เกอร์คิง เท่าที่ผมเคยติดตาม ดูจะเป็นคนที่ดูเข้าทีทีเดียว จอร์นเป็นคนทำงานหนักเหมือนพ่อเขา หากขาดบิล จอร์นน่าจะพา MINT ไปต่อได้ครับ :o

2.ธรรมภิบาล หรือธรรมภิบานนนน เห็นเพื่อนๆหลายท่านตั้งขอสังเกตุ ไม่ทราบพอจะเล่าให้เพื่อนๆฟังได้ไหมครับ ว่ามีอะไรที่ทำให้คิดว่าผู้บริหารMINT ไม่น่าไว้วางใจ เท่าที่ผมติดตามมา ยังไม่มีอะไรนัยสำคัญที่ทำให้น่าสงสัยนะครับ โดยเฉพาะโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ MINT ค่อนข้างมีนักลงทุนสถาบันอยู่มาก และมีนักลงทุนรายย่อยถือหุ้นประมาณ 46% หากผู้บริหารมีท่าทางไม่น่าไว้เนื้อเชื่อใจ ผมคิดว่าผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ คงไม่ยอมแน่ :x

ส่วนตัวไม่คิดว่าบิล จะทำอะไรที่ทุบหม้อข้าวของตัวเอง เพราะบริษัทกำลังอยู่ในช่วงการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้นตลอดเวลา และเงินส่วนนั้นจะได้มา ก็จากการระดมทุนจากผู้ถือหุ้น ดังนั้นบิลต้องทำให้ผู้ถือหุ้นอื่นๆไว้วางใจอย่างที่สุดครับ

กรณีมีวอร์แรนต์อีสป ที่ราคาใช้สิทธิ์ต่ำกว่าราคาตลาดประมาณ 20% ผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่เสียหายมาก เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นๆ ที่ให้กันที่ราคาพาร์ และกรรมการแต่ละท่านก็ได้รับอีสป เป็นจำนวนที่ไม่ได้มากมาย

ผมพูดไปเท่าที่ติดตามบริษัทมานะครับ หากเพื่อนๆมีอะไรที่เคยเจอในทางไม่ดี ช่วนทักท้วงด้วยครับ จะได้ระวังกันไว้
:D
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 69

โพสต์

จุดด้อย-ความเสี่ยง

ไม่มีหุ้นที่สมบูรณ์แบบ MINT ก็เช่นกันครับ

1.ความเสี่ยงในการพึ่งพิงผู้บริหารคือคุณ Bill Heinecke มากเกินไป ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องรับรู้ไว้ แต่ความเสี่ยงนี้ก็ลดลงไป ดังที่โพสต์ก่อนหน้านี้เรื่องทายาทธุรกิจของคุณ บิล

2.ความเสี่ยงจากภัยการก่อการร้าย และภัยธรรมชาติ อาจจะทำกระทบต่อธุรกิจทางด้านโรงแรม และความเชื่อมั่นของประชาชน แต่คาดว่าจะเป็นผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น และ MINT ก็ได้ทำประกันภัยครอบคลุมไว้แล้ว อย่างกรณีโรงแรมโคโคปาล์มที่เสียหายทั้งหมด และ JW ที่เสียหายเล็กน้อย กำลังอยู่ในขั้นตอนเคลมเงินประกันกรณี JW ได้ประกันค่าเสียโอกาสไว้ด้วยประมาณ 300 ล้านบาท :shock:

3.คู่แข่งขันด้านธุรกิจอาหาร คือกลุ่มเซ็นทรัล พยายามกีดกันไม่ไห้ MINT เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าที่สร้างโดยผู้ถือหุ้นใหญ่ของเซ็นทรัลคือ CPN CRR :evil: ทำให้ช่องทางการจำหน่ายของ MINT ลดลง แต่เนื่องจากยังมีพื้นที่เก่าหลายแห่ง ที่ได้ทำการเซ้งพื้นที่เอาไว้ ทำให้ไม่เกิดผลกระทบ ยกเว้นศูนย์การค้าที่สร้างใหม่ การพยายามขยายตลาดไปต่างประเทศ จะลดความเสี่ยงในประเด็นนี้

4.ความต้องการเงินทุน เนื่องจากธุรกิจของ MINT กำลังอยู่ในช่วงการขยายตัวอย่างมาก ทำให้มีความต้องการเงินทุนมากตามไปด้วย โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนในระยะยาว ทำให้ MINT ต้องก่อหนี้เงินกู้จำนวนมาก มีความเสี่ยงหากดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น แม้ว่า MINT ได้ทำการลดความเสี่ยงโดยออกหุ้นกู้ที่ fix ดอกเบี้ยเอาไว้ และมีการออก กองทุนอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนั้นยังต้องมีการเพิ่มทุนเป็นระยะๆ โดยการออกหุ้นเพิ่มทุน ทั้งหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ์ วอร์แรน อีสป

คิดได้แค่นี้ครับ ใครมีประเด็นอะไรเสริมก็ตามสบายเลยครับ :o
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
chokch5
Verified User
โพสต์: 32
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 70

โพสต์

ขอบคุณ คุณลูกอีสานมากเลยครับที่วิเคราะห์ไว้ สอบถามเป็นความรู้หน่อยครับ ไม่ทราบว่ามีวิธีการหาข้อมูลยัง ไงบ้างครับ ถึงได้รู้ละเอียดขนาดนี้ เช่น "รอยัลการ์เดน พลาซ่า พัทยา อยู่ที่บริเวณหาดพัทยา เพิ่งเสร็จสิ้นการขยายพื้นที่ให้เช่า ทำให้มีรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นมากในปีนี้ โครงการที่พัทยาค่อนข้างประสบความสำเร็จมากเพราะทำเลที่ดี และไม่มีคู่แข่งโดยตรง ทั้งสองโครงการมีอัตราการเช่า 100% " ถ้ามาวิเคราะห์ บริษัทผม สงสัยคงรู้หมดแน่
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 71

โพสต์

chokch5 เขียน:ขอบคุณ คุณลูกอีสานมากเลยครับที่วิเคราะห์ไว้ สอบถามเป็นความรู้หน่อยครับ ไม่ทราบว่ามีวิธีการหาข้อมูลยัง ไงบ้างครับ ถึงได้รู้ละเอียดขนาดนี้ เช่น "รอยัลการ์เดน พลาซ่า พัทยา อยู่ที่บริเวณหาดพัทยา เพิ่งเสร็จสิ้นการขยายพื้นที่ให้เช่า ทำให้มีรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นมากในปีนี้ โครงการที่พัทยาค่อนข้างประสบความสำเร็จมากเพราะทำเลที่ดี และไม่มีคู่แข่งโดยตรง ทั้งสองโครงการมีอัตราการเช่า 100% " ถ้ามาวิเคราะห์ บริษัทผม สงสัยคงรู้หมดแน่
ผมก็หาข้อมูลเหมือนเพื่อนๆ ครับ คือจากอินเตอร์เนททั้งสิ้น ข่าวสารทุกชิ้น บทวิจัย เวปไซร์บริษัท เวปไซร์ตลาดหลักทรัพย์ บทสัมภาษณ์ผู้บริหาร หาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะหาได้ เพราะข่าวจากแหล่งเดียว อาจจะมีความคลาดเคลื่อนสูง แต่หากมาจากหลายแหล่ง จะสามารถตรวจสอบ ยืนยันความถูกต้องกันได้ครับ

ที่คุณชอคยกตัวอย่างมา
รอยัลการ์เดน พลาซ่า พัทยา อยู่ที่บริเวณหาดพัทยา เพิ่งเสร็จสิ้นการขยายพื้นที่ให้เช่า ทำให้มีรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นมากในปีนี้ โครงการที่พัทยาค่อนข้างประสบความสำเร็จมากเพราะทำเลที่ดี และไม่มีคู่แข่งโดยตรง ทั้งสองโครงการมีอัตราการเช่า 100% "
เป็นข้อมูลที่นำมาจากรายงานประจำปี และข่าวจากหนังสือพิมพ์ครับ

New dining concept in Pattaya

Tourists and locals alike in Pattaya can now experience various international dishes in one spot while enjoying the magnificent view of Pattaya Bay. Royal Garden Plaza, the only shopping mall in the seaside town.



อัตราการเช่าพื้นที่ หรือตัวเลขพื้นที่เช่าที่เพิ่มขึ้น เป็นเท่าไหร่ ก็สามารถอ่านได้จาก 56-1ครับ :D
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 72

โพสต์

ทำไม MINT เป็นหุ้นที่น่าสนใจ

1.ธุรกิจหลักของ MINT คือโรงแรมและอาหารแบบเชน มีการขยายตัวอย่างมาก หากเป็นไปตามที่วางแผนไว้ บริษัทจะมียอดขายเฉพาะกลุ่มโรงแรม บันเทิง ศูนย์การค้า มากกว่า 10,000 ล้านภายใน 5 ปี(อ้างจากรายงานประจำปี 46) ในขณะที่กลุ่มอาหารจะมีการเปิดสาขาเพิ่มขึ้นเกือบๆ เท่าตัว และส่วนใหญ่เปิดในต่างประเทศ เฉพาะปีนี้ 570 สาขา จะทำยอดขายได้ประมาณ 6,000 ล้าน

2.เรียนรู้ก่อนสร้างแบรนด์ หลังจากเรียนรู้การบริหารกิจการโรงแรมจากแบรนด์ชั้นนำ ในที่สุด MINT ก็พัฒนาแบรนด์ขึ้นมาเอง คือ อนันตรา แปลว่าสายน้ำที่ไหลนิ่ง (ไม่แน่ใจนะครับ) การมีแบรนด์เองหมายถึงการกำไรที่สูงกว่า หากแบรนด์นั้นประสบความสำเร็จ และจะเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ จะเห็นได้ว่าการพัฒนาโรงแรมใหม่ MINT จะใช้แบรนด์อนันตราแทบทั้งสิ้น รวมถึงการรับจ้างบริหารโรงแรม อย่างโรงแรมใหม่ 3 แห่งที่มัลดีฟท์จะร่วมทุนกับพาร์เนอร์เดิมที่ควรทำโคโคปาล์ม โดยใช้แบรนด์อนันตรา หากจำไม่ผิดจะมีรายได้เฉพาะค่าบริหารโรงแรมปีละ 1 ล้านเหรียญ

ด้านกิจการอาหารก็เช่นกัน น่าตื่นตาตื่นใจมากกว่า โดยเฉพาะแบรนด์ The Pizza ซึ่งพัฒนาขึ้นมาเอง เริ่มมีการขายแฟรนไชน์ในต่างประเทศ เริ่มในประเทศคูเวต และประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งคู่แข่งอเมริกันอย่าง Pizza Hut มีปัญหาในการยอมรับของประชาชนแถบนั้น เป็นช่องว่างให้เดอะพิซซ่าเข้าไปได้ หลังจากนั้นก็มีการขยายไปในหลายประเทศ รวมถึงประเทศจีนด้วย หากสำเร็จ MINT จะเป็นบริษัทข้ามชาติรายแรกๆ ของไทย (สาเหตุนี้ทำให้มีการเปลี่ยนชื่อจาก Royal Garden Resort เป็น Minor International)และหากไม่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ MINT ก็แค่เสมอตัว แต่ส่วนตัวผมคิดว่าสำเร็จไม่มากก็น้อยครับ

ตอนนี้ MINT เหมือนเสือที่ติดปีก พร้อมจะบิน แต่ต้องไปลุ้นว่าจะบินสูงได้แค่ไหน :lol:

3.In sort, our ambitions of increasing our net profits to reach Bath 2,000 million within five years using our existing asset base are achievable and should provide a valuation more reflective or our outstanding brands and assets. เป็นประโยคที่ Bill กล่าวไว้ตอนนึงในรายงานประจำปี 2548 ครับ ผมไม่ทราบว่าจะเชื่อดีหรือเปล่า แต่เท่าที่ผ่านมาบิลทำงานได้ตามที่เค้าพูดครับ :?

4.หากผมจำไม่ผิด MINT ได้รับรางวัลนายจ้างดีเด่นปีล่าสุดด้วยนะครับ ระดับผู้บริหารของ MINT ค่อนข้างเก่ง และทำงานหนัก และแน่นอนว่า paid well ด้วย มีครั้งหนึ่งผู้สัมภาษณ์ถาม..
Why it(MINT) is better than the competition? คำตอบคือ What competition??? :shock:


ที่โพสต์มายืดยาว ยาวที่สุดตั้งแต่เคยโพสต์มา ก็เพียงแค่อยากแนะนำหุ้นที่ผมคิดว่าน่าสนใจ ให้เพื่อนๆได้ทราบมุมมองใหม่ๆ รวมถึงวิธีการวิเคราะห์หุ้น ปัจจัยต่างๆที่ควรคำนึงถึง ข้อมูลที่นำมาก็เกิดจากการรวบรวมประมาณ 1-2ปี บางส่วนอาจจะเป็น fact บางส่วนเป็น opinions ดังนั้นโปรดใช้วิจารณญานด้วยนะครับ และหากสนใจจะซื้อต้องดูที่ราคาด้วยนะครับว่าแพงไปหรือเปล่า กรณี tr เป็นหุ้นที่สภาพคล่องน้อยมาก หากจะสนใจซื้อ ต้องแน่ใจว่าจะถือระยะยาว ไม่อย่างนั้นถือแล้วจะอึดอัด และจะขายออกมาในเวลาไม่นาน
8)
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
dr_norr
Verified User
โพสต์: 315
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 73

โพสต์

วันนี้มี 100 หุ้น ที่ 4 บาท
:B :B
แมงเม่าวันนี้ จะตัวใหญ่ขึ้นในวันหน้า
pk8
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 481
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 74

โพสต์

ขอบคุณ คุณลูกอีสานสำหรับความมีน้ำใจที่ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับ
เพื่อนๆในเวปนี้ครับ

Mint ผมเองก็เคยมีอยู่ครับขายไปตอนสึนามิ จากนั้นก็ขึ้นมาตลอดยังไม่ได้ซื้อ
กลับเลยครับ ได้แต่คิดไว้ในใจว่าฝากไว้ก่อน.....555

:lol:
jaychou
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 75

โพสต์

รางวัลนายจ้างดีเด่น ... บริษัทที่ผมทำงานอยู่ก็ได้รางวัลครับ
ผมแนะว่าอย่าพิจารณาเป็นปัจจัยสำคัญดีกว่าครับ เท่าที่ทราบก็ไม่ได้บ่งชี้อะไรมากนัก
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 76

โพสต์

pk8 เขียน:ขอบคุณ คุณลูกอีสานสำหรับความมีน้ำใจที่ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับ
เพื่อนๆในเวปนี้ครับ

Mint ผมเองก็เคยมีอยู่ครับขายไปตอนสึนามิ จากนั้นก็ขึ้นมาตลอดยังไม่ได้ซื้อ
กลับเลยครับ ได้แต่คิดไว้ในใจว่าฝากไว้ก่อน.....555

:lol:
ผมมีอยู่เยอะพอสมควรครับคุณ pk8 ก่อนสึนามิ พอเกิดเหตุก็นอนแทบไม่หลับเหมือนกัน แต่ตั้งใจว่าจะไม่ขาย เพราะถ้าขายก็คงไม่ได้ราคาที่ดี แต่แปลกมากที่วันแรกที่ซื้อ-ขายหลังเกิดเหตุ ราคาตกลงไปไม่มาก และไม่นานหลังจากนั้น ก็มีแรงซื้อดันราคาจนไปถึง 4 บาท ผมก็เลยขายไปแถว 3.5 ยอมรับว่าเสียดายเหมือนกัน และก็แปลกใจเช่นกันว่าทำไมมีแรงซื้อมาก ทั้งที่เพิ่งมีเหตุการที่ส่งผลกระทบ :?

อยากเข้าไปถืออีกเหมือนกันครับ แต่คงไม่ต้องรีบร้อน เพราะคราวที่แล้วกิจการก็ดูดีมากอย่างนี้ แต่กลับมีแรงขายออกมามากมาย จนราคาลงไปแถว 2.4-2.5 ตอนนี้คุณ Bill ซื้อหุ้นใหญ่เลย ผมก็ซื้อเฉลี่ยไปด้วย

ปีนี้ถึงแม้การท่องเที่ยวจะยังไม่ดีมาก แต่กำไร-ยอดขายคงสูงขึ้น เพราะปีที่แล้ว MINT ลงทุนซื้อหุ้นจากผู้ร่วมทุนในหลายๆกิจการ เช่น JW ภูเก็ต โรงแรมราชดำริ(RHC) แมริออทกรุงเทพ มันดาราสปา การขยายพื้นที่ให้เช่า และจะรับรู้รายได้เต็มที่ปีนี้ คาดการว่าจะมีรายได้ทั้งกลุ่ม 11,000 ล้านบาท

วันนี้มีใครได้อ่านแผนการขยายสาขาอาหารของ MINT ใน BKK บ้างครับ อ่านแล้วเคลิ้มเลยนะครับ ต้องรอดูต่อไปว่าจะทำได้ตามที่วาดฝันไว้หรือเปล่า :lol:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
mustang
Verified User
โพสต์: 375
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 77

โพสต์

ออ้ที่แท้ เงินผมหายไปกับซิซเลอร์ ,ไอติม ,พิชซ่า ไปเข้ากระเป๋าท่านลูกอีสานนี่เอง สงสัยผมเก็บบ้างแล้ว :lovl: :lovl:
pk8
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 481
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 78

โพสต์

เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผมเหมือนกันครับคุณลูกอีสานที่คาดว่าตลาดจะมี panic ต่อราคาหุ้นในระยะสั้น ประกอบกับมีหุ้นที่น่าสนใจมากกว่าในขณะนั้นเลยตัดสินใจขายออกไป

แต่สำหรับ Mint ยังอยู่ในความสนใจและติดตามอยู่ตลอด ผมชอบบริษัทมี่มีนโยบายเชิงรุกมากกว่าอนุรักษ์นิยมครับซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียคนละอย่างไม่ได้หมายความว่าที่เราไม่ชอบจะไม่ดีนะครับ

พูดถึง Mint โดยเฉพาะธุรกิจอาหารที่ออกไปต่างประเทศ ที่สำคัญมากก็คือที่จีนหากได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งผมก็ยังมีความเชื่อว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จสูงอยู่ โดยประเมินจากวิธีการและกลยุทธ์รวมไปถึงรูปแบบในการดำเนินธุรกิจที่ Mint ทำในปัจจุบัน ซึ่งหากทำสำเร็จได้จริงในอนาคตรายได้คงจะมีการเติบโตกว่าตอนนี้อีกมากครับในส่วนของธุรกิจอาหาร

:D
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 79

โพสต์

คุณ pk8 และเพื่อนๆครับ อันนี้ข่าวภาษาไทยวันนี้จากผู้จัดการ
http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=34231

เดอะไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ปเปิดแผนบุกตลาดต่างประเทศ ทุ่มงบประมาณลงทุน 5,000 ล้านบาท เจาะ 3 ตลาดหลัก จีน ตะวันออกกลาง เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ หวังสร้างเดอะพิซซ่าเป็นโกลบอลแบรนด์

นายวิลเลียม อี ไฮเน็ค ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า การทำธุรกิจในไทยในภาพรวมในอนาคตอาจจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้และในอนาคตหลายปัจจัย ซึ่งอาจจะมีผลโดยตรงและทางอ้อม เช่น โรคไข้หวัดนกที่อาจจะกลับมาระบาดหนักอีกเป็นต้น แต่ประเทศไทยยังมีการเติบโตด้านเศรษฐกิจที่ดี ไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยจะมีปัญหา ดังนั้นบริษัทฯ จึงต้องมองการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยที่ไม่ได้โฟกัสเฉพาะในไทยเท่านั้น เพื่อเป็นการหาตลาดอื่นสนับสนุนและสร้างรายได้เป็นอีกขาหนึ่งทดแทน โดยเน้นที่ตลาด 3 พื้นที่หลัก คือ จีน ตะวันออกกลาง และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

โดยแผนงานภายใน 2 ปี นับจากนี้หรือภายในปี 2550 บริษัทฯ จะขยายเครือข่ายเชนร้านอาหารที่มีอยู่ทั้งหมด 5 แบรนด์ คือ เดอะพิซซ่าคอมปะนี สเวนเซ่นส์ ซิซซ์เล่อร์ แดรี่ควีน และเบอร์เกอร์คิง ให้ครบ 1,000 สาขาทั่วโลก แบ่งเป็นในไทย 640 สาขา และต่างประเทศ 360 สาขา (แยกเป็น จีน 90 สาขา เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลางรวม 270 สาขา)

จากปัจุบันที่มีสาขาเปิดบริการแล้วทั่วโลก 521 สาขา แบ่งเป็นในไทย 500 สาขา ต่างประเทศ 21 สาขา โดยในไทยมีเดอะพิซซ่า 139 สาขา สเวนเซ่นส์ 120 แห่ง ซิซซ์เล่อร์ 26 สาขา แดรี่ควีน 168 สาขา เบอร์เกอร์คิง16 สาขา ที่เหลือเป็นแบรนด์อื่นๆ ส่วนต่างประเทศขณะนี้มีสาขาเปิดแล้วที่คูเวต จีน ฟิลิปปินส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กัมพูชา โดยแบ่งเป็น เดอะพิซซ่า 10 สาขา สเวนเซ่นส์ 8 สาขา และซิซซ์เล่อร์ 3 สาขา

การขยายตลาดต่างประเทศนั้นบริษัทฯ จะใช้ 4 แบรนด์หลักคือ เดอะพิซซ่าซึ่งเป็นของบริษัทฯ เอง ซิซซ์เล่อร์ได้สิทธิ์ที่จีนและไทย สเวนเซ่นส์ได้สิทธิ์ในไทยและเอเซียตะวันออกฉียงใต้และตะวันออกกกลาง แดรี่ควีนได้สิทธิ์ที่ไทยและกัมพูชา ซึ่งตั้งงบประมาณในการทำตลาดไว้ที่ 10% จากยอดขายรวมซึ่งจะเน้นการสร้างแบรนด์เดอะพิซซ่าที่เป็นของบริษัทฯ เป็นหลักควบคู่ไปกับแบรนด์อื่น

สำหรับงบประมาณในการลงทุนทั้งหมดใน 2 ปีนี้ ประมาณ 5,000 ล้านบาท รวมทั้งหมดทั่วโลก โดยคาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นในไทย 6,300 ล้านบาท และรายได้จากต่างประเทศ 3,600 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมทั่วโลกในปีนี้ตั้งไว้ที่ 6,100 ล้านบาท ส่วนตลาดบริการอาหารจานด่วนหรือ ควิกเรสเตอรองต์สเซอร์วิส(คิวเอสอาร์) ในไทยในช่วงปี 2550 คาดว่าจะมีมูลค่า 21,000 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มไมเนอร์คาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 30% ส่วนตลาดรวมคิวเอสอาร์ปีที่แล้วมีตลาดรวมที่ 16,000 ล้านบาท ไมเนอร์มีส่วนแบ่งตลาดที่ 28.6% หากแยกเป็นเฉพาะตลาดในประเทศไทยเท่านั้นจะพบว่า เดอะพิซซ่ามียอดขายที่ 2,200 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว และปีนี้คาดว่าจะมียอดขาย 2,500 ล้านบาท มีส่วนแบ่ง 70% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 3,000 ล้านบาท
เคยโพสต์ว่าภายใน 5 ปี MINT จะมีสาขาเกือบๆ 1,000 สาขา แต่ล่าสุดคุณบิล บอกว่าภายใน 2 ปี แค่นั้นนะครับ คงต้องรอดูว่าจะเป็นไปได้ตามที่พูดไว้หรือเปล่า เพราะเป็นแผนงานที่ค่อนข้างท้าทายมากครับ :shock:

MINT เป็นบริษัทที่ค่อนข้างเปิดตัวกับนักลงทุนนะครับ โดยแต่ละไตรมาสจะมีคำชี้แจงผลการดำเนินงานอย่างละเอียดทุกกลุ่มธุรกิจ แจ้งให้นักลงทุนทราบ และจะมี analyse brief ทุกไตรมาสหลังประกาศนะครับ ใครสนใจลองติดตามจากโบรคที่ cover MINT นะครับ..
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 80

โพสต์

คงต้องบอกว่าซื้อตอนนี้อาจจะสายไปแล้วนะครับ
เพราะ MInT ราคาเพิ่มขึ้นมาสูงจริงๆครับ
เกือบ 100% จากปีที่แล้วครับ :shock:

ที่ราคาสูงกว่า 4 บาท กองทุนที่ถือหุ้นบุริมสิทธ์คงแปลงเป็นหุ้นสามัญครับ เคยจำได้ว่าเป็นของธ.ไทยพานิชย์ อาจจะเริ่มแปลงอีก 1-2 ปีนี้ข้างหน้าไม่แน่ใจครับ ต้องติดตามต่อไปว่าราคาที่เพิ่มขึ้นมา มีอะไรดีๆรองรับหรือเปล่า หรือเป็นแค่การไล่ซื้อ


ส่วน TR ก็ยังหวานเย็นเหมือนเดิม ไม่เหมือน TCB ที่มีกระตุกๆบ้าง
ทั้งที่ TR ถือ TCB อยู่ 25% :?
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
man
Verified User
โพสต์: 245
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 81

โพสต์

ที่บ้านชอบทั้ง ซิสเลอร์ 1112 ไอติม แต่ยังไม่มีหุ้นเลย
เพราะไม่ยอมลงมาให้เก็บ  สักวันคงถึงตาเรามั่ง :lol:  :lol:  :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 82

โพสต์

ลูกอิสาน เขียน: ที่ราคาสูงกว่า 4 บาท กองทุนที่ถือหุ้นบุริมสิทธ์คงแปลงเป็นหุ้นสามัญครับ เคยจำได้ว่าเป็นของธ.ไทยพานิชย์ อาจจะเริ่มแปลงอีก 1-2 ปีนี้ข้างหน้าไม่แน่ใจครับ ต้องติดตามต่อไปว่าราคาที่เพิ่มขึ้นมา มีอะไรดีๆรองรับหรือเปล่า หรือเป็นแค่การไล่ซื้อ
8) ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องหุ้นบุริมสิทธิ
     รบกวนอธิบายเพิ่มเติมหน่อย
     แล้วมันมีปริมาณที่จะมาแปลงเป็นหุ้นสามัญสักกี่เปอเซนต์ครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 83

โพสต์

por_jai เขียน:
8) ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องหุ้นบุริมสิทธิ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
jiras
Verified User
โพสต์: 558
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 84

โพสต์

17/11/05
MINT = 6.00 ขึ้นมาเกือบ 50%
TR = 388 นี่ก็เกือบ 8%
 :idea:
ภาพประจำตัวสมาชิก
tenkafubu
Verified User
โพสต์: 224
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 85

โพสต์

ไม่ได้เห็นลีลาอย่างนี้นานแล้วน่ะครับ...
แบบนี้สิ เค้าเรียกว่า  นักวิเคราะห์ ตัวจริง 8)
3M Only...
Market Cap.
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 86

โพสต์

ไม่ได้ติดตามข่าว mint ซะนาน (เพราะขายหุ้นไปตั้งแต่เป็นลูกหมู :oops: )

เมื่อคืนอ่านรายงานประจำปี
อ่านไปนานๆ ก็ชักไม่แน่ใจว่าราคาตลาด 9.6 บ. เป็นราคาถูกหรือแพง
แม้พีอีจะเป็น 30 เท่าแล้ว แต่การเติบโตของธุรกิจก็น่าตื่นเต้นมากครับ

จับประเด็นได้อย่างนี้ครับ


1.การเติบโตต่อไปจะเน้นการใช้สินทรัพย์ให้มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อเพิ่มกำไร โดยที่ไม่ต้องลงทุนมากๆอีกต่อไปแล้ว นั่นคือการขายแฟนไชน์ในธุรกิจอาหาร และการรับรายได้ management fee จากธุรกิจโรงแรม

2.ธุรกิจโรงแรม มีโรงแรมใหม่ที่มัลดีฟ 2 แห่ง โพซีซั่นที่เกาะสมุย ธุรกิจปันส่วนเวลาที่ภูเก็ตเฟสใหม่ นอกจากนั้นยังรับบริหารโรงแรมอีก 2-3 แห่งที่บาหลี และ UAE 2 โรง โดยต่อไปจะเน้นการขยายแบรนด์อนันตรา ซึ่งเป็นแบรนด์ของ mint เอง

3.ธุรกิจอาหาร จะมีการขยายตัวอย่างมาก ทั้งร้านของ mint เอง และขายสิทธ์แฟรนไชน์ โดยเฉพาะในต่างประเทศ จะมีการขยายตัวค่อนข้างมาก เช่นในซาอุ ได้ขายสิทธ์ให้กับกลุ่มค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ส่วนในจีนซึ่ง mint ให้ความสำคัญมาก หลังจากซื้อหุ้นส่วนที่เหลือจาก AIG ซึ่งมีร้านอาหารจีนลาแจ็สซ์ รวมถึงเดอะพิซซ่าและซิสเล่อร์ ปี 2005 ได้เปิดร้าน 5 สาขา และยอดขายเป็นไปได้ด้วยดี เริ่มมีผู้ประกอบการจีนสนใจที่จะขอซื้อสิทธิ์แฟรนไชน์ ขยายไปเมืองต่างๆ ทำให้ปีต่อๆไป สาขาจะเติบโตก้าวกระโดด ซึ่งหากธุรกิจอาหารประสบความสำเร็จในจีน พีอี 30 เท่าก็ดูน่าสนใจครับ :shock:

4.ธุรกิจสปา จะขายตัวก้าวกระโดดในปีนี้ ในอนาคต คาดว่ามีศักยภาพเติบโตมาก จนอาจจะถึง 10% ของยอดขายทั้งกลุ่ม เพิ่งทราบว่า mint ได้เปิดสปาที่แทนซาเนียด้วยครับ และจะเปิดแห่งที่ 2 ในปีนี้ :shock:

5.ผู้บริหารคาดว่ากำไรและยอดขาย จะเป็นเท่าตัวภายใน 3 ปี :idea:


ผมมองว่าตอนนี้ mint เริ่มจะบินสูงแล้วครับ นั่นทำให้ตลาดให้พีอี fully dilute ถึง 30 เท่าแล้วที่ 9.6 บาท

ลองคิดดูแล้ว ธุรกิจในไทยมักมีข้อจำกัดในการขยายตัวแค่ตลาดในประเทศ แต่มีข้อยกเว้นสำหรับ MInT และ BH ครับ นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พีอีทั้งสองตัวสูงลิบลิ่ว
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
tpig
Verified User
โพสต์: 13
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 87

โพสต์

ไม่ทายละกันครับ ทายไม่ออกแต่อยากเสนอความเห็น
บริษัทที่มีกำไรสูง แต่จ่ายปันผลน้อย ผมนึกถึงอีกตัวคือ PSL เป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยมมาก เทียบ PSL กับ TTA นะครับ

PSL หนี้ต่ำกว่า ROE สูงกว่า กำไรมากกว่า
แต่ PSL ปันผล(นับเป็นจำนวนเงินต่อหุ้น)พอๆ กัน TTA

การถือหุ้นที่ไม่ค่อยจะปันผลมันมีความเสี่ยงอย่างนึงนะครับ คือถ้าบริษัทมันยังปันผลน้อยเรื่อยๆ ถึงราคาจะขึ้นสูง แต่คุณก้อต้องขายหุ้นทิ้งไป ถึงจะได้กำไร

ราคาในอนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน และในฐานะผู้ถือหุ้นรายย่อย เราก้อไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากนัก

แต่ปันผลที่จ่ายแล้ว เข้ามือคุณแล้ว แน่นอนกว่าครับ
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 88

โพสต์

คุณ tpig คุยกับผมหรือเปล่าครับ :D
ผมยังไม่ค่อย get น่ะครับ



วันนี้ mint บวกอีก 1 บาทเป็น 10.6 บาท
พีอีมากกว่า 30 เท่าแล้ว
กับบริษัทที่นักลงทุนคาดว่าจะเป็น Regional brand

ดูกันต่อไปว่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า
ให้ซื้อคงไม่ละครับ

ส่วน tr ก็คือ tr ครับ ตราบใดที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่เพิ่ม profile และ free-float หุ้นก็คงเทรดที่พีอี 5-6 เท่า เหมือนตอนนี้ นอกจากนั้นยังมีประเด็นเรื่องการบันทึกกำไรจากบริษัทร่วม ไม่แน่ใจว่าจะบันทึกแบบส่วนได้ส่วนเสียหรือเปล่า หากบันทึกเฉพาะปันผล กำไรหดหายแน่ๆครับ แต่ผมยังมองแง่ดีว่า ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ปุย
Verified User
โพสต์: 2032
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 89

โพสต์

ลูกอิสาน เขียน: วันนี้ mint บวกอีก 1 บาทเป็น 10.6 บาท
พีอีมากกว่า 30 เท่าแล้ว
กับบริษัทที่นักลงทุนคาดว่าจะเป็น Regional brand

ดูกันต่อไปว่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า
ให้ซื้อคงไม่ละครับ

อ้าว ก็ตอนพี่ตั้งกระทู้ พี่บอกว่า ไม่มีคำว่าสาย นี่ครับ
พี่ไม่ซื้อตอนพีอี 30 แสดงว่า สายเกินไปแล้วสินะ

แซวเล่นครับ  :lol:

ทีขึ้นวันนี้ เพราะ warrant หรือเปล่าครับ เมื่อวานวันแรก ปิด 4 บาทกว่า
ราคาแปลง 6 บาท ตัวแม่ เลยทะลุ 10 บาทเลย

อีกนิด ผมเจอ ร้าน swensens ที่ mall of emirates เมืองดูไบ แล้ว ตอนเปิดใหม่ๆ ยังไม่ค่อยมีคนเข้าร้าน (ตอนนั้น ช่วงบ่าย)

พรุ่งนี้ ว่าจะไปอีก ถ้ามีเวลา จะไปเดินดู ลาดเลาให้ครับ
tpig
Verified User
โพสต์: 13
ผู้ติดตาม: 0

หุ้น 2 ตัวนี้ ไม่มีคำว่าสาย..หากคิดจะซื้อ

โพสต์ที่ 90

โพสต์

:oops: คือตอนที่ผม post ตอบ ผมลืมดูว่า เค้าคุยกันมาถึง mint แล้ว เห็นแต่ tr แล้วบังเอิญพึ่งมีความคิดจะซื้อ psl ก้อเลยดูเทียบกับ tta แล้วก้อเกิดความคิดขึ้นมาว่า หุ้นที่กำไรดี แต่ไม่ค่อยปันผล สู้หุ้นธรรมดา แต่ปันผลหนักไม่ได้

ส่วน mint นี่ เห็นด้วยครับ ว่าเป็นสุดยอดหุ้น value อีกตัวนึง แต่ซื้อตอนนี้ดูเหมือนจะสายไปซะแล้ว :twisted: ทั้ง mint ทั้ง minor

ปล. เวลาผมเห็นบริษัทที่ผู้บริหาร+ผู้ก่อตั้งมีการศึกษาไม่สูงนัก อย่าง mint/minor นี่ ผมจะชอบบริษัทพวกนั้นมากเลย  :D