บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์ที่ 1
'วอร์เรน บัฟเฟตต์' มหาเศรษฐีเบอร์ 2 ของโลกชี้การขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยเสี่ยงทาง ศก.ที่น่ากลัวที่สุด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นาย วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลกชาวอเมริกันออกมาเตือนวานนี้ว่า การขาดดุลการค้าของสหรัฐฯกำลังเป็นปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่น่าหวั่นเกรงยิ่งกว่าการขาดดุลงบประมาณหรือภาระหนี้ของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังหวั่นเกรงว่า
ประเด็นนี้อาจนำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมือง
'ขณะนี้ทั้งโลกเป็นหนี้เรา 3 ล้านล้านดอลลาร์ ในความเห็นของผม การขาดดุลการค้ามูลค่ามหาศาลของเราจะทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง ซึ่งอาจได้เห็นในเร็วๆนี้ และผมคิดว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่' นาย บัฟเฟตต์กล่าววานนี้
ทั้งนี้ ในปี 2547 สหรัฐฯขาดดุลการค้าเป็นมูลค่าสูงถึง 665.9 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ในปี 2548 เขาคาดว่า สหรัฐฯจะขาดดุลการค้าเกิน 700 พันล้านดอลลาร์
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นาย วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลกชาวอเมริกันออกมาเตือนวานนี้ว่า การขาดดุลการค้าของสหรัฐฯกำลังเป็นปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่น่าหวั่นเกรงยิ่งกว่าการขาดดุลงบประมาณหรือภาระหนี้ของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังหวั่นเกรงว่า
ประเด็นนี้อาจนำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมือง
'ขณะนี้ทั้งโลกเป็นหนี้เรา 3 ล้านล้านดอลลาร์ ในความเห็นของผม การขาดดุลการค้ามูลค่ามหาศาลของเราจะทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง ซึ่งอาจได้เห็นในเร็วๆนี้ และผมคิดว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่' นาย บัฟเฟตต์กล่าววานนี้
ทั้งนี้ ในปี 2547 สหรัฐฯขาดดุลการค้าเป็นมูลค่าสูงถึง 665.9 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ในปี 2548 เขาคาดว่า สหรัฐฯจะขาดดุลการค้าเกิน 700 พันล้านดอลลาร์
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์ที่ 3
ไหนว่าไม่สน ...LOSO เขียน:ความวุ่นวายทางการเมือง และ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ .............
ที่บัฟเฟตต์คิดว่าจะเกิดคืออะไรนะ .........
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์ที่ 5
โค้ด: เลือกทั้งหมด
'ขณะนี้ทั้งโลกเป็นหนี้เรา 3 ล้านล้านดอลลาร์
เขียนผิดเป่านี่
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์ที่ 7
ตราบใดที่แสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐยังเป็นหนึ่งอยู่ และบริษัทในสหรัฐยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอยู่ สหรัฐก็ยังกู้เงินมาบริโภคต่อไปได้เรื่อยๆ ครับ
ตราบใดที่เจ้าหนี้ยังไม่เรียกหนี้คืน ลูกหนี้ก็ยังเดินลอยชายได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับภาพพจน์เป็นหลัก
ตราบใดที่เจ้าหนี้ยังไม่เรียกหนี้คืน ลูกหนี้ก็ยังเดินลอยชายได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับภาพพจน์เป็นหลัก
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- bigbuck
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์ที่ 8
ประกาศ เชิดหนี้ ไงครับ
ยกเลิกเงินสกุลดอลล่าร์ ประกาศสงครามกับทุกประเทศที่เป็นเจ้าหนี้
โดยเฉพาะอาหรับ แล้วสงครามโลกจะเกิดขึ้น
ก็จะได้ข้ออ้างในการระบายสต็อกหัวรบนิวเครียร์ ด้วยการยิงใส่คู่สงคราม
แล้วเมื่อนั้น ไอ้กันก็ชนะอยู่คนเดียว
เพ้อเจ้อไปเรื่อย
ยกเลิกเงินสกุลดอลล่าร์ ประกาศสงครามกับทุกประเทศที่เป็นเจ้าหนี้
โดยเฉพาะอาหรับ แล้วสงครามโลกจะเกิดขึ้น
ก็จะได้ข้ออ้างในการระบายสต็อกหัวรบนิวเครียร์ ด้วยการยิงใส่คู่สงคราม
แล้วเมื่อนั้น ไอ้กันก็ชนะอยู่คนเดียว
เพ้อเจ้อไปเรื่อย
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์ที่ 9
ตามความเข้าใจของผม
เมื่อลูกหนี้มีปืน แล้วเจ้าหนี้มี น้ำมัน + อาหาร
คิดว่าเจ้าหนี้คงทวงเงินลูกหนี้คนนี้ยากครับ
เมื่อลูกหนี้มีปืน แล้วเจ้าหนี้มี น้ำมัน + อาหาร
คิดว่าเจ้าหนี้คงทวงเงินลูกหนี้คนนี้ยากครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์ที่ 14
"สนใจ"?
แล้ว Buffet ขายทรัพย์สินที่อยู่ใน USA ออกหรือเปล่า หรือมีการทำการกระจายการลงทุนในสัดส่วนที่สำคัญ
หรือว่านี่เป็นโอกาสที่ดีในการซื้อหุ้น Coke สัดส่วนรายได้ Coke น่าจะอยู่ที่ 40 ในอเมริกา 60 ในส่วนที่เหลือของโลก ถ้าเกิดปัญหาเงินUSD อ่อนลง รายได้ Coke ก็มากขึ้นในรูป USD
หรือ...
แล้ว Buffet ขายทรัพย์สินที่อยู่ใน USA ออกหรือเปล่า หรือมีการทำการกระจายการลงทุนในสัดส่วนที่สำคัญ
หรือว่านี่เป็นโอกาสที่ดีในการซื้อหุ้น Coke สัดส่วนรายได้ Coke น่าจะอยู่ที่ 40 ในอเมริกา 60 ในส่วนที่เหลือของโลก ถ้าเกิดปัญหาเงินUSD อ่อนลง รายได้ Coke ก็มากขึ้นในรูป USD
หรือ...
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์ที่ 15
ปกติหากเป็นนักลงทุน ก็ต้องติดตามข่าวสารเศรษกิจอยู่แล้ว
ไม่อยากรับรู้ ก็ต้องรับรู้ แต่คงไม่ต้องไปเสียเวลาวิเคราะห์ให้ปวดหัวครับ
ถ้าเป็นแค่ลมกรรโชกแรงๆ คงไม่ต้องสนใจ รอพายุใหญ่มา ค่อยว่ากัน
ไม่อยากรับรู้ ก็ต้องรับรู้ แต่คงไม่ต้องไปเสียเวลาวิเคราะห์ให้ปวดหัวครับ
ถ้าเป็นแค่ลมกรรโชกแรงๆ คงไม่ต้องสนใจ รอพายุใหญ่มา ค่อยว่ากัน
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์ที่ 16
ตามที่ได้ลองพยายามอ่านหาความรู้ทำความเข้าใจแนวคิดของ Buffett ต่อ Macro-Economic(ความเห็นผม อาจไม่ถูกทั้งหมด :D ) ท่านไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องของ Macro โดยเฉพาะในแง่ของการพยากรณ์ว่าทิศทางจะไปทางโน้นทางนี้หรอก เพราะไม่เคยมีใครทายได้ถูกว่าจะเกิดขึ้นทางใด ณ เวลาใด และปัจจัยที่จะทำให้ทิศทางของเศรษฐกิจหันเหไปทางใดนั้นมีมากมายจนนับไม่ถ้วน จึงยากที่จะคาดเดาว่าบทสรุปจะออกมาได้แบบตรงเป๊ะ ณ เมื่อเวลาใดโดยเฉพาะได้ แม้จะมีนักคิดทางเศรษฐศาสตร์ได้เสนอโมเดลออกมาเพื่อทำนายทิศทางเศรษฐกิจจนได้รางวัลโนเบล แต่ไม่พบว่ามีผู้ใดใช้โมเดลนั้นพยายกรณ์ได้ถูกต้องแม้แต่หนเดียว เพราะโมเดลก็ต้องมีอาศัยข้อมูลซึ่งมีตัวผันแปรยั้วเยี้ยเยอะแยะไปหมดใส่เข้าไป ขาดตัวแปรไปตัวหนึ่งหรือข้อมูลตัวแปรผิดไปนิดหนึ่งย่อมทำให้ผลแตกต่างกับแบบขาวกับดำได้ จึงคล้ายกับโปรแกรมวิเคราะห์ด้วยคอมพิวเตอร์ หากใส่ข้อมูลดิบที่เป็นทอง ผลลัพธ์ก็เป็นทองแน่ๆ หากเป็นขยะผลลัพธ์ก็เป็นขยะที่ไร้ค่า
ฉะนั้นเมื่อไม่มีใครสามารถพยากรณ์ทิศทางเศรฐกิจได้แม่นยำได้ ท่านบัฟเฟตต์จึงไม่เสียเวลากับเรื่องของ Macro สู้เอาเวลาดังกล่าวไปค้นคว้าศึกษา economic ของบริษัทแต่ละบริษัทนั้นๆในทุกๆด้านที่ตนสนใจแทน และก็ปรากฏแนวคิดดังกล่าวมันได้ผลทางปฏิบัติทำให้พอร์ตโฟลิโอของ Berkshire Hathaway เติบโตมาในอัตราสูงผิดชาวบ้านจนโด่งดังมาถึงทุกวันนี้
ฉะนั้นเมื่อไม่มีใครสามารถพยากรณ์ทิศทางเศรฐกิจได้แม่นยำได้ ท่านบัฟเฟตต์จึงไม่เสียเวลากับเรื่องของ Macro สู้เอาเวลาดังกล่าวไปค้นคว้าศึกษา economic ของบริษัทแต่ละบริษัทนั้นๆในทุกๆด้านที่ตนสนใจแทน และก็ปรากฏแนวคิดดังกล่าวมันได้ผลทางปฏิบัติทำให้พอร์ตโฟลิโอของ Berkshire Hathaway เติบโตมาในอัตราสูงผิดชาวบ้านจนโด่งดังมาถึงทุกวันนี้
"The man who doesn't read has no advantage over the man who cannot read." Mark Twain
-
- Verified User
- โพสต์: 79
- ผู้ติดตาม: 0
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์ที่ 17
ฉะนั้นเมื่อไม่มีใครสามารถพยากรณ์ทิศทางเศรฐกิจได้แม่นยำได้ ท่านบัฟเฟตต์จึงไม่เสียเวลากับเรื่องของ Macro 8) 8) 8) สู้เอาเวลาดังกล่าวไปค้นคว้าศึกษา economic ของบริษัทแต่ละบริษัทนั้นๆในทุกๆด้านที่ตนสนใจแทน :idea: :idea: :idea: และก็ปรากฏแนวคิดดังกล่าวมันได้ผลทางปฏิบัติทำให้พอร์ตโฟลิโอของ Berkshire Hathaway เติบโตมาในอัตราสูงผิดชาวบ้านจนโด่งดังมาถึงทุกวันนี้
:idea: :idea: :idea: :idea: :idea: :idea: :idea:
:idea: :idea: :idea: :idea: :idea: :idea: :idea:
- Simply
- Verified User
- โพสต์: 150
- ผู้ติดตาม: 0
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์ที่ 18
ผมว่าบัฟเฟตต์ไม่ได้มีความพยายามจะทำนายเศรษฐกิจในส่วนมหภาค แต่การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจมหภาคย่อมกระทบธุรกิจโดยรวม ผมคิดว่าบัฟเฟตต์พยายามหาโอกาสในการซื้อของดีราคาถูกถ้าเกิดผลกระทบในแง่ลบแบบชั่วคราวต่อธุรกิจที่เขากำลังจ้องอยู่ และบัฟเฟตต์อาจคาดถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในธุรกิจที่เขาเองกำลังถืออยู่ว่าจะเกิดความเสียหายเท่าไหร่ หรือต้องเตรียมแผนสำรองไว้ทำอะไรบ้าง...การพยายามทำนายเศรษฐกิจมหภาคก็เหมือนกับการพยากรณ์อากาศซึ่งอาศัยทั้งเครื่องมือและสถิติที่เกิดขึ้นมาแล้ว เหมือนกับการออกเรือเดินทะเล ถ้าเห็นว่าจะเกิดพายุ ก็ต้องเตรียมเรือเตรียมอุปกรณ์ หรือแม้แต่อาจต้องงดเดินทางเพื่อเลี่ยงความเสียหาย...เหมือนสุภาษิตจีนที่ว่า"พึงระวังป้องกันไว้ส่วนหนึ่ง"
Margin Of Safety+Intrinsic Value+Mr.Market
ขอบคุณอ.เกรแฮมที่ทำให้เกิด Value Investing
ขอบคุณบรรดาเหล่าVIทั้งหลายที่พิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของVI
ขอบคุณท่านดร.นิเวศน์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าVIใช้ได้กับบ้านเรา
ขอบคุณอ.เกรแฮมที่ทำให้เกิด Value Investing
ขอบคุณบรรดาเหล่าVIทั้งหลายที่พิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของVI
ขอบคุณท่านดร.นิเวศน์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าVIใช้ได้กับบ้านเรา