เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
- Wvix
- Verified User
- โพสต์: 124
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 1
ในตอนแรกๆผมจะต่อต้านมากสำหรับคนที่ไม่ใช้แนวทางที่ถูกต้องในการลงทุนในหุ้น ผมพยายามเสมอครับที่จะพยายามที่จะอธิบาย และเถียงกันกับเค้า เสมอๆ (นิสัยผมมันชอบชนชอบเถึยงซะด้วย)
ตอนนี้ผมหมดแรงที่จะทำให้ทุกคนหันมาใช้แนวทางของ การลงทุน แบบ Value Investment แล้วครับ
ในตอนแรกๆผมต่อต้านเป็นอย่างมากใครที่วิเคราะห์หุ้นแบบเด็ก ป1คือ เอา PE มาบวกๆคูณๆ กันแล้วก็ ประเมินว่าราคาจะไปเท่านี้เท่านั้น และขอให้มี Story นิดหน่อย ก็จบ
พี่ๆเชื่อไหมครับว่าเค้าไม่ต้องดูกันแล้วครับว่าบริษัทที่เค้าจะลงทุนจะมีหนี้มีปัญหาภายในและมีขาดทุนสะสมเยอะขนาดไหน ปันผลได้หรือไม่ได้ ยอดขายต้นทุนกำไรผันผวนขนาดไหน แนวโน้มการเจริญเติบโตของกำไรเป็นยังไง ครับ
ก็มาเจอข้อความของอาเอียคลายเครียดครับ ได้สติเลยครับ ขออ้างหน่อยครับ
"ผมถือว่า ทุกคนที่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นคือ
นักเล่นเกมล่าส่วนเกินทุนทั้งสิ้น จะต่างกันตรงที่
แนวทางนักลงทุนก็คือ
การซื้อหุ้นไปตามกระแสเงินที่หมุนเวียนอยู่ในบริษัทหรือผลประกอบการ
ส่วนแนวทางเก็งกำไรก็คือ
การซื้อหุ้นไปตามกระแสเงินที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์
ด้วยการซื้อตามข่าวลือ ข่าวปล่อย ข่าววงใน
และกราฟแท่ง กราฟเส้นที่ชี้ให้เห็นแรงกรรมแห่งความโลภและความกลัว
ช่วงนี้เกมล่าส่วนเกินทุนคึกสุดขีด
เพราะมีเงินก้อนใหม่ๆซึ่งทนดอกเบี้ยเงินฝากถูกๆไม่ได้
ตามเข้ามาเล่นเกมแบบเงินต่อเงิน
แรงกรรมแห่งความโลภ จึงสามารถเหวี่ยงราคาหุ้นไปมา
แบบไม่สนใจผลประกอบการเท่าไร
ในตอนนี้ หุ้นไม่มีคำว่าดีหรือเน่า
มีแต่ขึ้นหรือลง
แล้วแต่ว่าคนจำนวนน้อยที่มีเงินมาก(ต่างชาติ กองทุน เซียนหุ้นรายใหญ่)
จะเลือกหยิบไพ่สำรับไหนขึ้นมาเล่น
แล้วทำให้คนจำนวนมากที่มีเงินน้อยเล่นตาม
ดังนั้นในภาวะกระทิงดุ แนวทางการเล่นหุ้นแบบนักลงทุน
จะเสื่อมความนิยมลงไปบ้าง
เพราะคำว่าหุ้นดีหรือหุ้นเน่า
สำคัญน้อยกว่าคำว่าหุ้นขึ้นหรือหุ้นลงมาก
ซึ่งถ้าผมตามเล่นหุ้นแบบเก็งกำไรว่าขึ้นหรือลง
วิธีเดียวที่ผมคิดว่าจะเอาตัวรอดได้ก็คือ
ควบคุมปริมาณความโลภด้วยวิธีการทำคลายเครียดเรโช
แต่กับการเล่นเกมล่าส่วนเกินทุนด้วยการดูกระแสเงินที่หมุนเวียนอยู่ในบริษัท
ถ้าเราดูเป็น แล้วเอามาเทียบกับราคาหุ้นในตลาดให้เหมาะสม
ผมยังนึกไม่ออกเลยว่า เราจะเจ๊งหุ้นได้ไง
ที่สำคัญเราก็ไม่ต้องคอยจำกัดปริมาณความโลภ
เพราะเงินลงทุนของเราจะเหวี่ยงไปตามแรงกรรมของผลประกอบการ
ไม่ใช่แรงกรรมแห่งความโลภของผู้คนในตลาดหุ้น "
ต้องขอบคุณ อาเฮียด้วยครับ
และมีสิ่งที่น่าอายยิ่งกว่าคือ ที่ทำให้เถียงกับเค้าไม่ได้คือ ผลตอบแทนผมต่ำกว่า พวกวิเคราะห์หุ้นแบบเด็กป1 อีก ผมเลยต้องก้มหน้าไม่เถียงต่อแล้วครับ บางทียังเคยมานั่งคิดเลยครับ เรามาทำตัวแบบฉลาดน้อยๆ วิเคราะห์หุ้นตามกระแสเค้าทำดีกว่าไหมนะ ไม่เหนื่อยและง่ายดีด้วย แต่ทำไม่ได้ครับ มีความรู้ขนาดนี้แล้วจะไปวิเคราะห์หุ้นแบบนั้นผมยอมไม่ลงทุนดีกว่า มันกลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆครับ
ไม่มีอะไรมากในกระทู้นี้ครับ มาบ่นให้อ่านเฉยๆ อึดอัดครับ เพราะคนที่ผมรู้จักเค้าหาว่าผมโง่แล้วหัวเราะผมกันหมด แวย่งแวยู่อะไรเค้าไม่สนครับ ตอนนี้ไม่เถียงเค้าแล้วครับ เลิกครับ ปลดระวาง
ตอนนี้ต้องนั่งสมาธิ อ่านหนังสือ แล้วเอาไว้มาหาเรื่องคุยทางด้านแนวทางการลงทุนที่ถูกต้องกับพี่ๆต่อดีกว่า สนุกกว่าเยอะนะครับ
ตอนนี้ผมหมดแรงที่จะทำให้ทุกคนหันมาใช้แนวทางของ การลงทุน แบบ Value Investment แล้วครับ
ในตอนแรกๆผมต่อต้านเป็นอย่างมากใครที่วิเคราะห์หุ้นแบบเด็ก ป1คือ เอา PE มาบวกๆคูณๆ กันแล้วก็ ประเมินว่าราคาจะไปเท่านี้เท่านั้น และขอให้มี Story นิดหน่อย ก็จบ
พี่ๆเชื่อไหมครับว่าเค้าไม่ต้องดูกันแล้วครับว่าบริษัทที่เค้าจะลงทุนจะมีหนี้มีปัญหาภายในและมีขาดทุนสะสมเยอะขนาดไหน ปันผลได้หรือไม่ได้ ยอดขายต้นทุนกำไรผันผวนขนาดไหน แนวโน้มการเจริญเติบโตของกำไรเป็นยังไง ครับ
ก็มาเจอข้อความของอาเอียคลายเครียดครับ ได้สติเลยครับ ขออ้างหน่อยครับ
"ผมถือว่า ทุกคนที่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นคือ
นักเล่นเกมล่าส่วนเกินทุนทั้งสิ้น จะต่างกันตรงที่
แนวทางนักลงทุนก็คือ
การซื้อหุ้นไปตามกระแสเงินที่หมุนเวียนอยู่ในบริษัทหรือผลประกอบการ
ส่วนแนวทางเก็งกำไรก็คือ
การซื้อหุ้นไปตามกระแสเงินที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์
ด้วยการซื้อตามข่าวลือ ข่าวปล่อย ข่าววงใน
และกราฟแท่ง กราฟเส้นที่ชี้ให้เห็นแรงกรรมแห่งความโลภและความกลัว
ช่วงนี้เกมล่าส่วนเกินทุนคึกสุดขีด
เพราะมีเงินก้อนใหม่ๆซึ่งทนดอกเบี้ยเงินฝากถูกๆไม่ได้
ตามเข้ามาเล่นเกมแบบเงินต่อเงิน
แรงกรรมแห่งความโลภ จึงสามารถเหวี่ยงราคาหุ้นไปมา
แบบไม่สนใจผลประกอบการเท่าไร
ในตอนนี้ หุ้นไม่มีคำว่าดีหรือเน่า
มีแต่ขึ้นหรือลง
แล้วแต่ว่าคนจำนวนน้อยที่มีเงินมาก(ต่างชาติ กองทุน เซียนหุ้นรายใหญ่)
จะเลือกหยิบไพ่สำรับไหนขึ้นมาเล่น
แล้วทำให้คนจำนวนมากที่มีเงินน้อยเล่นตาม
ดังนั้นในภาวะกระทิงดุ แนวทางการเล่นหุ้นแบบนักลงทุน
จะเสื่อมความนิยมลงไปบ้าง
เพราะคำว่าหุ้นดีหรือหุ้นเน่า
สำคัญน้อยกว่าคำว่าหุ้นขึ้นหรือหุ้นลงมาก
ซึ่งถ้าผมตามเล่นหุ้นแบบเก็งกำไรว่าขึ้นหรือลง
วิธีเดียวที่ผมคิดว่าจะเอาตัวรอดได้ก็คือ
ควบคุมปริมาณความโลภด้วยวิธีการทำคลายเครียดเรโช
แต่กับการเล่นเกมล่าส่วนเกินทุนด้วยการดูกระแสเงินที่หมุนเวียนอยู่ในบริษัท
ถ้าเราดูเป็น แล้วเอามาเทียบกับราคาหุ้นในตลาดให้เหมาะสม
ผมยังนึกไม่ออกเลยว่า เราจะเจ๊งหุ้นได้ไง
ที่สำคัญเราก็ไม่ต้องคอยจำกัดปริมาณความโลภ
เพราะเงินลงทุนของเราจะเหวี่ยงไปตามแรงกรรมของผลประกอบการ
ไม่ใช่แรงกรรมแห่งความโลภของผู้คนในตลาดหุ้น "
ต้องขอบคุณ อาเฮียด้วยครับ
และมีสิ่งที่น่าอายยิ่งกว่าคือ ที่ทำให้เถียงกับเค้าไม่ได้คือ ผลตอบแทนผมต่ำกว่า พวกวิเคราะห์หุ้นแบบเด็กป1 อีก ผมเลยต้องก้มหน้าไม่เถียงต่อแล้วครับ บางทียังเคยมานั่งคิดเลยครับ เรามาทำตัวแบบฉลาดน้อยๆ วิเคราะห์หุ้นตามกระแสเค้าทำดีกว่าไหมนะ ไม่เหนื่อยและง่ายดีด้วย แต่ทำไม่ได้ครับ มีความรู้ขนาดนี้แล้วจะไปวิเคราะห์หุ้นแบบนั้นผมยอมไม่ลงทุนดีกว่า มันกลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆครับ
ไม่มีอะไรมากในกระทู้นี้ครับ มาบ่นให้อ่านเฉยๆ อึดอัดครับ เพราะคนที่ผมรู้จักเค้าหาว่าผมโง่แล้วหัวเราะผมกันหมด แวย่งแวยู่อะไรเค้าไม่สนครับ ตอนนี้ไม่เถียงเค้าแล้วครับ เลิกครับ ปลดระวาง
ตอนนี้ต้องนั่งสมาธิ อ่านหนังสือ แล้วเอาไว้มาหาเรื่องคุยทางด้านแนวทางการลงทุนที่ถูกต้องกับพี่ๆต่อดีกว่า สนุกกว่าเยอะนะครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 3
ผมเลิกคุยกับชาวบ้านเรื่องVIมานานแล้วครับ
มีแค่ที่นี่ที่เดียวที่ผมเปิดอกคุยแบบไม่ต้องเกรงใจใคร
ผมเคยมีความคิดจะอธิบายให้เพื่อนๆพี่ๆญาติๆฟัง
แต่สุดท้าย ก็ต้องเลิก
เขาหาว่าผมบ้า
ยิ่งตอนนี้ไม่ต้องพูดถึง
ไม่มีใครสนใจพื้นฐานแล้วครับ
ทุกคนสนใจว่าจะมี"ไอ้โง่"คนไหน
มารับของต่อในราคาที่สูงกว่า
ทุกวันนี้
ไม่มีใครรู้ครับว่าผมลงทุนในหุ้น
ยกเว้นคนที่ผม"เคย"คุยด้วย
ผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่
ผมรู้ว่าจุดหมายผมอยู่ที่ไหน
แค่นั้นก็พอแล้ว
ขอเป็นกำลังใจครับ
มีแค่ที่นี่ที่เดียวที่ผมเปิดอกคุยแบบไม่ต้องเกรงใจใคร
ผมเคยมีความคิดจะอธิบายให้เพื่อนๆพี่ๆญาติๆฟัง
แต่สุดท้าย ก็ต้องเลิก
เขาหาว่าผมบ้า
ยิ่งตอนนี้ไม่ต้องพูดถึง
ไม่มีใครสนใจพื้นฐานแล้วครับ
ทุกคนสนใจว่าจะมี"ไอ้โง่"คนไหน
มารับของต่อในราคาที่สูงกว่า
ทุกวันนี้
ไม่มีใครรู้ครับว่าผมลงทุนในหุ้น
ยกเว้นคนที่ผม"เคย"คุยด้วย
ผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่
ผมรู้ว่าจุดหมายผมอยู่ที่ไหน
แค่นั้นก็พอแล้ว
ขอเป็นกำลังใจครับ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 6
คิดมากไปแล้วหนุ่มน้อย
สถานการณ์ตอนนี้มันเป็นแบบนี้ จะให้เขาตามเราคงไม่ได้
คนส่วนมากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นๆอยู่ตรงหน้าครับ ก็มันได้เห็นๆ และเร็วซะด้วย
น้อยคนมองย้อนอดีต แล้วเอามาเป็นบทเรียน
อดีตไม่ได้บอกอนาคต แต่อดีตบอกว่าอะไรเคยเกิด และเกิดแบบใด
ผมเลิกแนะนำใครต่อใครไปนานแล้ว เขาว่าไม่เห็นได้เรื่องเลย
นั่งดูหนังที่กำลังเข้มข้นกันเถิดน้องพี่ แล้วคุณจะเห็นตอนจบว่า Happy Ending หรือไม่
ขอให้เพื่อนๆที่ยังมั่นคงสบายใจเถิดครับ
ขอให้เพื่อนๆที่ผจญภัยอยู่โชคดีมีตังส์มากๆนะครับ
สถานการณ์ตอนนี้มันเป็นแบบนี้ จะให้เขาตามเราคงไม่ได้
คนส่วนมากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นๆอยู่ตรงหน้าครับ ก็มันได้เห็นๆ และเร็วซะด้วย
น้อยคนมองย้อนอดีต แล้วเอามาเป็นบทเรียน
อดีตไม่ได้บอกอนาคต แต่อดีตบอกว่าอะไรเคยเกิด และเกิดแบบใด
ผมเลิกแนะนำใครต่อใครไปนานแล้ว เขาว่าไม่เห็นได้เรื่องเลย
นั่งดูหนังที่กำลังเข้มข้นกันเถิดน้องพี่ แล้วคุณจะเห็นตอนจบว่า Happy Ending หรือไม่
ขอให้เพื่อนๆที่ยังมั่นคงสบายใจเถิดครับ
ขอให้เพื่อนๆที่ผจญภัยอยู่โชคดีมีตังส์มากๆนะครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 7
ที่ถูกต้องคือ เราอย่าไปมองว่า VI เป็นวิธีการที่ถูกต้อง หรือการเก็งกำไรเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ในตลาดหุ้นไม่มีคำว่าถูกหรือผิด มีแต่ว่าใครถนัดอย่างไร และสนใจอย่างไร
ตลาดหุ้นเปรียบเหมือนท้องทะเล คุณอยากจะแค่เดินเล่นชมแสงอาทิตย์ริมชายหาด หรือจะวิ่งเล่นสักราวๆ น้ำท่วมเอว หรืออยากจากเล่นกระดานโต้คลื่น หรือเจ๊ตสกี เอาให้ดุดันกว่านั้นก็ต้องแล่นเรือใบในทะเลลึก แต่ละอย่างล้วนแต่มีความเสี่ยงไม่เท่ากัน และความเชี่ยวชาญก็ไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนก็สามารถหาความสนุกจากท้องทะเลได้
ผมอยากจะบอกอย่างนี้ว่าการลงทุนที่จะได้กำไรและความเสี่ยงต่ำในตลาดหุ้นไทยอาจแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท (เท่าที่ตอนนี้คิดออก) คือ
1. นักลงทุนที่รู้ข่าววงใน (ย้ำ ต้องเป็นวงในจริงๆ ไม่ใช่ที่พูดต่อๆกันมา)
2. นักลงทุนขาใหญ่และเนทเวิร์คของพวกเขา (ก็รู้กันอยู่ว่าตลาดหุ้นไทยเราไม่เคยจับใครได้อยู่แล้ว)
และ 3. ก็คือนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า
ดังนั้นไม่ใช่ว่าวิธีที่คุณเลือกจะถูกต้องเพียงวิธีเดียว คนอื่นที่มีโอกาสและช่องทางก็สามารถทำเงินจากตลาดหุ้นได้เช่นเดียวกัน แต่คนที่จะมีแต่เสียก็คือคนที่เข้ามาซื้อหุ้นโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ซึ่งตอนนี้มีอยู่เยอะมาก เพียงเดือนเดียวที่ผ่านมา ผมได้รับคำถามจากคนที่ปรกติไม่เคยสนใจเรื่องหุ้นเลยถึง 6 คน แสดงให้เห็นว่าตอนนี้ใกล้จะถึงจุดที่ตลาดจะปรับตัวครั้งใหญ่แล้ว ตอนนี้คุณอาจจะรู้สึกว่าผลตอบแทนของคุณต่ำกว่าคนอื่น แต่นั่นเป็นแค่ชั่วคราว ตราบใดที่นักเก็งกำไรรายย่อยไม่ถอนเงินลงทุนออกมา ย่อมมีโอกาสเสียคืนไปได้ทุกเมื่อ
ยึดมั่นในแนวทางของคุณ และไม่ต้องไปต่อล้อต่อเถียงกับแนวทางของคนอื่นหรอกครับ
ตลาดหุ้นเปรียบเหมือนท้องทะเล คุณอยากจะแค่เดินเล่นชมแสงอาทิตย์ริมชายหาด หรือจะวิ่งเล่นสักราวๆ น้ำท่วมเอว หรืออยากจากเล่นกระดานโต้คลื่น หรือเจ๊ตสกี เอาให้ดุดันกว่านั้นก็ต้องแล่นเรือใบในทะเลลึก แต่ละอย่างล้วนแต่มีความเสี่ยงไม่เท่ากัน และความเชี่ยวชาญก็ไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนก็สามารถหาความสนุกจากท้องทะเลได้
ผมอยากจะบอกอย่างนี้ว่าการลงทุนที่จะได้กำไรและความเสี่ยงต่ำในตลาดหุ้นไทยอาจแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท (เท่าที่ตอนนี้คิดออก) คือ
1. นักลงทุนที่รู้ข่าววงใน (ย้ำ ต้องเป็นวงในจริงๆ ไม่ใช่ที่พูดต่อๆกันมา)
2. นักลงทุนขาใหญ่และเนทเวิร์คของพวกเขา (ก็รู้กันอยู่ว่าตลาดหุ้นไทยเราไม่เคยจับใครได้อยู่แล้ว)
และ 3. ก็คือนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า
ดังนั้นไม่ใช่ว่าวิธีที่คุณเลือกจะถูกต้องเพียงวิธีเดียว คนอื่นที่มีโอกาสและช่องทางก็สามารถทำเงินจากตลาดหุ้นได้เช่นเดียวกัน แต่คนที่จะมีแต่เสียก็คือคนที่เข้ามาซื้อหุ้นโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ซึ่งตอนนี้มีอยู่เยอะมาก เพียงเดือนเดียวที่ผ่านมา ผมได้รับคำถามจากคนที่ปรกติไม่เคยสนใจเรื่องหุ้นเลยถึง 6 คน แสดงให้เห็นว่าตอนนี้ใกล้จะถึงจุดที่ตลาดจะปรับตัวครั้งใหญ่แล้ว ตอนนี้คุณอาจจะรู้สึกว่าผลตอบแทนของคุณต่ำกว่าคนอื่น แต่นั่นเป็นแค่ชั่วคราว ตราบใดที่นักเก็งกำไรรายย่อยไม่ถอนเงินลงทุนออกมา ย่อมมีโอกาสเสียคืนไปได้ทุกเมื่อ
ยึดมั่นในแนวทางของคุณ และไม่ต้องไปต่อล้อต่อเถียงกับแนวทางของคนอื่นหรอกครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 8
ผมว่า ทำอะไรก็ได้ ขอให้สบายใจ
ถ้ารักจะเป็น VI ก็ควรจะสบายใจในการเป็น VI
ลองหาจุดที่สบายใจ
1 ปีที่ผ่านมาที่ผมลองเล่นหุ้นแบบ บัพเฟต แนว แมรี่ หุ้นตัวอื่น ผมไม่เคยดู ไม่เคยเสียดาย
ไม่ต้องเครียด
ผมยังเชิญชวนให้คนเลิกเกร็งกำไรเลย เพราะเห็นว่ามันเสี่ยง
................................................................................
ปัจจุบัน ผมแบ่งพอร์ทมาเล่นเกร็งกำไร 10 เปอร์เซ็นต์
ถึงขาดทุนหมด 10 เปอร์เซ็นต์นี้ ก็ต้องถือเป็นบทเรียน
อย่างไรก็ตาม
การมองโลกแบบเครียดๆ จะยิ่งทำให้เราเครียดไปใหญ่
เป็น VI ก็เครียด เก็งกำไรก็เครียด
ผมว่า อยู่ที่คนแล้ว
ผมเกร็งกำไร ผมก็หาจุดที่ผมไม่เครียด เกร็งแบบสนุกๆ สุข สบาย
คือ ผมซื้อขาย ครั้งละ เท่าๆ กัน X บาท ขาดทุนก็เติมให้เป็น X กำไร ก็เอาออกมา
ผมกะซื้อขายแบบนี้ดูซัก 1000 ครั้ง ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
......................................................................
สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนคือ โบรกเกอร์ รวย ได้ค่านายหน้า 1000 X คูณ .42 เปอร์เซ็นต์
......................................................................
แต่สิ่งที่ผมได้ในตอนนี้ เราควรซื้อหุ้นพื้นฐานไว้ ดีแล้ว
เพราะ
1. นอนหลับ
2. ไม่เสี่ยงมาก เงินต้นไม่สูญหาย
3. ผลกำไรค่อนข้างแน่นอน
4. ระยะยาวน่าจะชนะนักเกร็งกำไร
ก็ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
ถ้ารักจะเป็น VI ก็ควรจะสบายใจในการเป็น VI
ลองหาจุดที่สบายใจ
1 ปีที่ผ่านมาที่ผมลองเล่นหุ้นแบบ บัพเฟต แนว แมรี่ หุ้นตัวอื่น ผมไม่เคยดู ไม่เคยเสียดาย
ไม่ต้องเครียด
ผมยังเชิญชวนให้คนเลิกเกร็งกำไรเลย เพราะเห็นว่ามันเสี่ยง
................................................................................
ปัจจุบัน ผมแบ่งพอร์ทมาเล่นเกร็งกำไร 10 เปอร์เซ็นต์
ถึงขาดทุนหมด 10 เปอร์เซ็นต์นี้ ก็ต้องถือเป็นบทเรียน
อย่างไรก็ตาม
การมองโลกแบบเครียดๆ จะยิ่งทำให้เราเครียดไปใหญ่
เป็น VI ก็เครียด เก็งกำไรก็เครียด
ผมว่า อยู่ที่คนแล้ว
ผมเกร็งกำไร ผมก็หาจุดที่ผมไม่เครียด เกร็งแบบสนุกๆ สุข สบาย
คือ ผมซื้อขาย ครั้งละ เท่าๆ กัน X บาท ขาดทุนก็เติมให้เป็น X กำไร ก็เอาออกมา
ผมกะซื้อขายแบบนี้ดูซัก 1000 ครั้ง ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
......................................................................
สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนคือ โบรกเกอร์ รวย ได้ค่านายหน้า 1000 X คูณ .42 เปอร์เซ็นต์
......................................................................
แต่สิ่งที่ผมได้ในตอนนี้ เราควรซื้อหุ้นพื้นฐานไว้ ดีแล้ว
เพราะ
1. นอนหลับ
2. ไม่เสี่ยงมาก เงินต้นไม่สูญหาย
3. ผลกำไรค่อนข้างแน่นอน
4. ระยะยาวน่าจะชนะนักเกร็งกำไร
ก็ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 9
ผมขอเสนอส่วนหนึ่งของจดหมายที่ Buffett เขียนถึงหุ้นส่วนของเขาเพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านจงเชื่อมั่นกับแนวทางที่ตนพิจารณามาเป็นอย่างดีแล้วว่าถูกต้อง โดยไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งยั่วยวนรอบๆตัวครับ
ในเดือน ต.ค. 1967 เมื่อ Buffett ไม่สามารถทนรับกับสภาพตลาดที่กำลังอยู่ในความบ้าคลั่งได้ เขาจึงเขียนจดหมายถึงหุ้นส่วนของเขาซึ่งต่อมาได้กลายเป็นคำแถลงการณ์ที่มีชื่อเสียง ดังนี้
"เป็นความจำเป็นที่ผมไม่สามารถทำตามเงื่อนไขที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้
ผมจะไม่ยอมละทิ้งทฤษฎีก่อนหน้านี้ของผมในหลักการที่ผมเข้าใจ แม้ว่ามันจะหมายถึงการสูญเสียกำไรจำนวนมากไปอย่างง่ายดาย เพื่อที่จะหันไปยอมรับทฤษฎีใหม่ที่ผมไม่สามารถทำความเข้าใจได้ทั้งหมดและมีทางเป็นไปได้ว่าอาจจะนำไปสู่การขาดทุนจำนวนมากของเงินลงทุนอย่างถาวร"
และ Buffett ได้หยุดการดำเนินงานของกองทุน Buffett partnership โดยคืนเงินทั้งหมดให้ผู้ลงทุน ชึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนคงจะหาว่าเขาไม่บ้าก็บ๊องเนื่องจากตลาดหุ้นกำลังไปได้สวย แต่เขาก็ใช้เวลาไม่นานในการพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องเพราะต่อมาตลาดก็ต้องเผชิญกับภาวะตกต่ำครั้งใหญ่จนกระทั่งกลางทศวรรษ 1970 ราคาหุ้นทั้งตลาดได้ปรับตัวลดลงเหลือเพียงครึ่งเดียวของราคาเดิม เขาจึงเริ่มซื้อหุ้นอีกครั้ง
จาก mba ครับ
ในเดือน ต.ค. 1967 เมื่อ Buffett ไม่สามารถทนรับกับสภาพตลาดที่กำลังอยู่ในความบ้าคลั่งได้ เขาจึงเขียนจดหมายถึงหุ้นส่วนของเขาซึ่งต่อมาได้กลายเป็นคำแถลงการณ์ที่มีชื่อเสียง ดังนี้
"เป็นความจำเป็นที่ผมไม่สามารถทำตามเงื่อนไขที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้
ผมจะไม่ยอมละทิ้งทฤษฎีก่อนหน้านี้ของผมในหลักการที่ผมเข้าใจ แม้ว่ามันจะหมายถึงการสูญเสียกำไรจำนวนมากไปอย่างง่ายดาย เพื่อที่จะหันไปยอมรับทฤษฎีใหม่ที่ผมไม่สามารถทำความเข้าใจได้ทั้งหมดและมีทางเป็นไปได้ว่าอาจจะนำไปสู่การขาดทุนจำนวนมากของเงินลงทุนอย่างถาวร"
และ Buffett ได้หยุดการดำเนินงานของกองทุน Buffett partnership โดยคืนเงินทั้งหมดให้ผู้ลงทุน ชึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนคงจะหาว่าเขาไม่บ้าก็บ๊องเนื่องจากตลาดหุ้นกำลังไปได้สวย แต่เขาก็ใช้เวลาไม่นานในการพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องเพราะต่อมาตลาดก็ต้องเผชิญกับภาวะตกต่ำครั้งใหญ่จนกระทั่งกลางทศวรรษ 1970 ราคาหุ้นทั้งตลาดได้ปรับตัวลดลงเหลือเพียงครึ่งเดียวของราคาเดิม เขาจึงเริ่มซื้อหุ้นอีกครั้ง
จาก mba ครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 11
เร็วๆนี้ครับ การปรับฐานผสม ข่าวร้าย แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไร
.........................................................................
การเรียนรู้จากการเกร็งกำไร
ทำให้ผมรู้ว่า
.........................................................................
เวลานี้ไม่ใช่เวลาซื้อหุ้นพื้นฐาน
.........................................................................
ทำไมไม่รอให้ดัชนี ปักหัวลง คนแตกตื่นขาย
ผสมข่าวร้าย
...........................................................................
แล้วเลือกหุ้นตัวที่พื้นฐานดี
...........................................................................
VI หลายท่านมองด้านเดียว บริษัทดี บริษัทดี พอราคาลง ก็รีบเข้าไปซื้อ
..........................................................................
แต่ไม่เคยดูดัชนี
..........................................................................
ถ้าดัชนีตกกระทันหัน + ข่าวร้ายระดับประเทศ + ข่าวร้ายระดับบริษัท
เราจะได้ของถูกมากๆ
ก็ฝากไว้แค่นี้ละครับ
...........................................................................
buffet ค้นพบว่า VI ดีอย่างไร เพราะเขาเคยเก็งกำไรมาก่อนหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่ทราบ
แต่รู้ว่า พระพุทธเจ้าอดอาหารมา 6 ปี จึงรู้ว่าสายกลางดีกว่า
................................................................................
จำเป็นหรือไม่ต้องไปเก็งกำไร แล้วค่อยมา VI
.................................................................................
ไม่แน่ใจ
...............................................................................
แต่ที่แน่ๆ คือ เก็งกำไรสอนให้รู้จักจังหวะในการซื้อ
ส่วน VI สอนให้รู้จักเลือบริษัทที่ควรซื้อไว้ถือยาว
.........................................................................
การเรียนรู้จากการเกร็งกำไร
ทำให้ผมรู้ว่า
.........................................................................
เวลานี้ไม่ใช่เวลาซื้อหุ้นพื้นฐาน
.........................................................................
ทำไมไม่รอให้ดัชนี ปักหัวลง คนแตกตื่นขาย
ผสมข่าวร้าย
...........................................................................
แล้วเลือกหุ้นตัวที่พื้นฐานดี
...........................................................................
VI หลายท่านมองด้านเดียว บริษัทดี บริษัทดี พอราคาลง ก็รีบเข้าไปซื้อ
..........................................................................
แต่ไม่เคยดูดัชนี
..........................................................................
ถ้าดัชนีตกกระทันหัน + ข่าวร้ายระดับประเทศ + ข่าวร้ายระดับบริษัท
เราจะได้ของถูกมากๆ
ก็ฝากไว้แค่นี้ละครับ
...........................................................................
buffet ค้นพบว่า VI ดีอย่างไร เพราะเขาเคยเก็งกำไรมาก่อนหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่ทราบ
แต่รู้ว่า พระพุทธเจ้าอดอาหารมา 6 ปี จึงรู้ว่าสายกลางดีกว่า
................................................................................
จำเป็นหรือไม่ต้องไปเก็งกำไร แล้วค่อยมา VI
.................................................................................
ไม่แน่ใจ
...............................................................................
แต่ที่แน่ๆ คือ เก็งกำไรสอนให้รู้จักจังหวะในการซื้อ
ส่วน VI สอนให้รู้จักเลือบริษัทที่ควรซื้อไว้ถือยาว
-
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 12
หุ้นต้องดูยาวๆครับ
ตอนนี้หากคุณกำไร 30%ต่อปี ถือว่าใช้ไม่ได้ครับ ตอนนี้เห็นพูดกันว่ากี่เท่า
คนส่วนใหญ่ไม่ชอบทำอะไรที่จำเจ ส่วนมากชอบหวือหวาครับ
ตอนนี้ทุกคนต้องรู้จักควบคุมความโลภครับ
ตอนนี้หากคุณกำไร 30%ต่อปี ถือว่าใช้ไม่ได้ครับ ตอนนี้เห็นพูดกันว่ากี่เท่า
คนส่วนใหญ่ไม่ชอบทำอะไรที่จำเจ ส่วนมากชอบหวือหวาครับ
ตอนนี้ทุกคนต้องรู้จักควบคุมความโลภครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 13
คนที่พยายามควบคุมความโลภ สักวันก็พัง เพราะความโลภขึ้นมาอยู่ในจุดที่ควบคุมไม่ได้
วิธีควบคุมความโลภ ทำอย่างไร คิดเอาเองครับ
สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าทำบุญครับ
ลองดูครับ
แล้วความโลภจะหายไปเอง ไม่ต้องควบคุม
การให้ครับ การแบ่งปันครับ
หน้าตาจะสดใส สะอาด
คนโลภดูหน้าก็รู้แล้วว่าโลภ
ดูคำพูดก็รู้แล้วว่า เป็นคนโลภครับ
วิธีควบคุมความโลภ ทำอย่างไร คิดเอาเองครับ
สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าทำบุญครับ
ลองดูครับ
แล้วความโลภจะหายไปเอง ไม่ต้องควบคุม
การให้ครับ การแบ่งปันครับ
หน้าตาจะสดใส สะอาด
คนโลภดูหน้าก็รู้แล้วว่าโลภ
ดูคำพูดก็รู้แล้วว่า เป็นคนโลภครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 14
ผมขอแย้งพี่เจ๋งครับ ที่ว่าการเก็งกำไรทำให้เราร้จักเวลาที่เราควรซื้อ
จากประสบการณ์ของผม การเก็งกำไรไม่ได้สอนให้ผมเลยครับ
แต่สอนผมว่า ไม่มีใครสามารถร้ราคาห้นในระยะเวลาในอันสั้นหรอกครับ
หลายครั้งที่ชาว VI เลือกซื้อห้นที่ดี เวลาห้นขึ้นซักพัก ก็อยากขายเพราะคิดว่า เดี๋ยวราคาตก ก็สามารถซื้อกลับได้ในราคาที่ดีกว่า
บ่อยครั้งการทำเช่นนั้น ก็เป็นการขายหมครับ
อาจจะเป็นเพราะผมไม่เก่งในเรื่องการคาดหมายตลาดก็ได้ครับ
จากประสบการณ์ของผม การเก็งกำไรไม่ได้สอนให้ผมเลยครับ
แต่สอนผมว่า ไม่มีใครสามารถร้ราคาห้นในระยะเวลาในอันสั้นหรอกครับ
หลายครั้งที่ชาว VI เลือกซื้อห้นที่ดี เวลาห้นขึ้นซักพัก ก็อยากขายเพราะคิดว่า เดี๋ยวราคาตก ก็สามารถซื้อกลับได้ในราคาที่ดีกว่า
บ่อยครั้งการทำเช่นนั้น ก็เป็นการขายหมครับ
อาจจะเป็นเพราะผมไม่เก่งในเรื่องการคาดหมายตลาดก็ได้ครับ
- Wvix
- Verified User
- โพสต์: 124
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 15
ผมนึกอยู่ครับว่าส่วนมากพี่ๆที่เป็น VI หน้าตาจะยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าตาไม่เคร่งเครียด สมองปลอดโปร่ง มีจิตใจเอื้ออาทรต่อกัน และเป็นนักวิชาการชอบคิดชอบอ่าน และชอบถกกันเรื่องวิชาการ มองอะไรหลายมุมหลายด้าน
ผมถึงชอบเว็ปนี้ไงครับทุกกระทู้ทุกเนื้อหาเป็นสิ่งที่เป็นสมบัติที่ล้ำค่าและก่อประโยชน์มหาศาลให้แก่คนเข้ามาเยี่ยมชมเลยล่ะครับ
ขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านมากครับซาบซึ้งอยู่ครับ
ผมถึงชอบเว็ปนี้ไงครับทุกกระทู้ทุกเนื้อหาเป็นสิ่งที่เป็นสมบัติที่ล้ำค่าและก่อประโยชน์มหาศาลให้แก่คนเข้ามาเยี่ยมชมเลยล่ะครับ
ขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านมากครับซาบซึ้งอยู่ครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 16
ถ้ามองมุมนั้นก็ถูกครับ ว่าซื้อมาขายไป ไม่เห็นได้เรียนรู้อะไร
.......................................................................
ลองมองอีกมุม
.......................................................................
ปกติเล่นหุ้นแนว VI เราไม่เคยสนใจ ดัชนี
.......................................................................
ที่พี่ไปอ่าน The new buffet มา เขาเน้นจังหวะในการเข้าซื้อ
5 แบบ จากข่าวร้าย
ซึ่ง 2 ในนั้น เกี่ยวกับดัชนี
.......................................................................
บางครั้ง เราเรียกตัวเราเองว่า VI
วอเรน บัพเฟต ที่แมรี่เขียน แมรี่เธอก็เชื่อว่า วอเรน เป็น VI
แต่ เขาดูดัชนี เช่น
1. ซื้อตอนปรับฐาน (โอกาสในการซื้อหุ้นดีๆ ในราคาส่วนลด)
2. ซื้อตอนตลาดหมี (โอกาสซื้อหุ้นดีๆ โดยไม่มีโครมาแย่งซื้อ)
.........................................................................
อีก 3 ข้อ คือ ซื้อ ตอนอุตสาหกรรมตกต่ำ ซื้อตอนบริษัทมีปัญหาที่แก้ไขได้ ซื้อตอนสงคราม
.........................................................................
ที่พูดแบบนี้ เห็นว่า ช่วงนี้ดัชนีกำลังขึ้น แต่ราคาหุ้นพื้นฐานไม่ขึ้นมาก
ทำให้เพื่อนๆบางคนกำลังจะเข้าไปซื้อหุ้น
ทำไมไม่รัอปรับฐาน + ข่าวร้าย ของกิจการ หรือข่าวร้าย ของอุตสาหกรรม
หลายคนบอกว่าตัวเองเป็น VI แล้วเลือกซื้อกิจการที่ดี อันนี้ดีอยู่แล้ว
แต่จังหวะในการซื้อของแต่ละท่าน ในเวลานี้ ถูกต้องแล้วหรือ
ยังไม่แน่ใจ
คงต้องดูกันต่อไป
หมายเหตุการเก็งกำไร ทำให้เราต้องดูหลายอย่าง เช่น อารมณ์ตลาด
วอเรนบอกไม่ได้เล่นหุ้น แต่เล่นกับคนเล่นหุ้น คือ Mr.Market
แต่พอเราซื้อหุ้น เรากลับไม่ต้องสนใจอารมณ์ตลาดหรือ
ก็ไม่ได้แย้งอะไรมากมายครับ
เพียงแต่เสริมเล็กน้อย
..........................................................................
ปีแรก ที่ลงทุนพี่เรียนเรื่อง VI
ปีที่สอง พี่กำลังเรียนเรื่องการเก็งกำไร
ซึ่ง ถ้าจำกัดงบ และความโลภ ความกลัว ความเสี่ยง
เรื่องที่เรียนรู้ก็ไม่ถึงกับแย่เสมอไป
หลายคนที่ขยาดกับการเก็งกำไร
เพราะ สมัยก่อนเคยหมดตัวกับการเก็งกำไรมา
แต่สิ่งที่ได้รับคือ การเล่นหุ้นแนว VI แจ๋วกว่าการเก็งกำไรใช่หรือไม่
นั่นก็คือองค์ความรู้ ความมั่นใจ ที่ทำให้เพื่อนๆ พี่ชายที่แสนดีอย่างพี่ปรัชญา มั่นใจในแนวทาง VI ยังไงละครับ
.......................................................................
ลองมองอีกมุม
.......................................................................
ปกติเล่นหุ้นแนว VI เราไม่เคยสนใจ ดัชนี
.......................................................................
ที่พี่ไปอ่าน The new buffet มา เขาเน้นจังหวะในการเข้าซื้อ
5 แบบ จากข่าวร้าย
ซึ่ง 2 ในนั้น เกี่ยวกับดัชนี
.......................................................................
บางครั้ง เราเรียกตัวเราเองว่า VI
วอเรน บัพเฟต ที่แมรี่เขียน แมรี่เธอก็เชื่อว่า วอเรน เป็น VI
แต่ เขาดูดัชนี เช่น
1. ซื้อตอนปรับฐาน (โอกาสในการซื้อหุ้นดีๆ ในราคาส่วนลด)
2. ซื้อตอนตลาดหมี (โอกาสซื้อหุ้นดีๆ โดยไม่มีโครมาแย่งซื้อ)
.........................................................................
อีก 3 ข้อ คือ ซื้อ ตอนอุตสาหกรรมตกต่ำ ซื้อตอนบริษัทมีปัญหาที่แก้ไขได้ ซื้อตอนสงคราม
.........................................................................
ที่พูดแบบนี้ เห็นว่า ช่วงนี้ดัชนีกำลังขึ้น แต่ราคาหุ้นพื้นฐานไม่ขึ้นมาก
ทำให้เพื่อนๆบางคนกำลังจะเข้าไปซื้อหุ้น
ทำไมไม่รัอปรับฐาน + ข่าวร้าย ของกิจการ หรือข่าวร้าย ของอุตสาหกรรม
หลายคนบอกว่าตัวเองเป็น VI แล้วเลือกซื้อกิจการที่ดี อันนี้ดีอยู่แล้ว
แต่จังหวะในการซื้อของแต่ละท่าน ในเวลานี้ ถูกต้องแล้วหรือ
ยังไม่แน่ใจ
คงต้องดูกันต่อไป
หมายเหตุการเก็งกำไร ทำให้เราต้องดูหลายอย่าง เช่น อารมณ์ตลาด
วอเรนบอกไม่ได้เล่นหุ้น แต่เล่นกับคนเล่นหุ้น คือ Mr.Market
แต่พอเราซื้อหุ้น เรากลับไม่ต้องสนใจอารมณ์ตลาดหรือ
ก็ไม่ได้แย้งอะไรมากมายครับ
เพียงแต่เสริมเล็กน้อย
..........................................................................
ปีแรก ที่ลงทุนพี่เรียนเรื่อง VI
ปีที่สอง พี่กำลังเรียนเรื่องการเก็งกำไร
ซึ่ง ถ้าจำกัดงบ และความโลภ ความกลัว ความเสี่ยง
เรื่องที่เรียนรู้ก็ไม่ถึงกับแย่เสมอไป
หลายคนที่ขยาดกับการเก็งกำไร
เพราะ สมัยก่อนเคยหมดตัวกับการเก็งกำไรมา
แต่สิ่งที่ได้รับคือ การเล่นหุ้นแนว VI แจ๋วกว่าการเก็งกำไรใช่หรือไม่
นั่นก็คือองค์ความรู้ ความมั่นใจ ที่ทำให้เพื่อนๆ พี่ชายที่แสนดีอย่างพี่ปรัชญา มั่นใจในแนวทาง VI ยังไงละครับ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 17
จริงๆแล้วผมไม่ค่อยอยากแย้งกับใคร เห็นว่าเป็นพี่เจ๋งก็เลยเอาซะหน่อย
นักเก็งกำไร เขาไม่รู้จังหวะเข้าออกหรอกครับ มีได้มีพลาด ไม่งันบ้างครั้งไม่Cutloss กันหรอก
ผมเคยมาก่อน สารพัดข่าว สารพัดเครื่องมือเทคนิค ว่ากันไป
ผมว่าท่ทำอยู่ก็สายกลางแล้วครับ ถือยาวเลย และบางที่ก็ก้นบุหรี่
นักเก็งกำไร เขาไม่รู้จังหวะเข้าออกหรอกครับ มีได้มีพลาด ไม่งันบ้างครั้งไม่Cutloss กันหรอก
ผมเคยมาก่อน สารพัดข่าว สารพัดเครื่องมือเทคนิค ว่ากันไป
ผมว่าท่ทำอยู่ก็สายกลางแล้วครับ ถือยาวเลย และบางที่ก็ก้นบุหรี่
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 18
จริงแล้วการซื้อแบบก้นบุหรี่ก็เป็นการเก็งกำไรไม่ใช่หรือ
............................................................................
หรืออย่างวอเรนเขาซื้อหุ้นที่มีรอบขึ้นลง เป็นฤดูกาล
ซื้อตอนที่ผลประกอบการแย่เพราะฤดูกาล แล้วพอ อีกฤดูกาล ผลประกอบการดี เขาก็ขาย
ทำไมถึงตีควาวว่าการถือยาวสุดๆเท่านั้นเป็น VI
.........................................................................
โดยเฉพาะการซื้อแบบก้นบุหรี่ นี่มน ช่วยอธิบายหน่อยซิ
ว่าซื้ออะไร ซื้อตอนไหน ถือไว้นานแค่ไหน ขายเมื่อไร ขายเพราะอะไร
............................................................................
หรืออย่างวอเรนเขาซื้อหุ้นที่มีรอบขึ้นลง เป็นฤดูกาล
ซื้อตอนที่ผลประกอบการแย่เพราะฤดูกาล แล้วพอ อีกฤดูกาล ผลประกอบการดี เขาก็ขาย
ทำไมถึงตีควาวว่าการถือยาวสุดๆเท่านั้นเป็น VI
.........................................................................
โดยเฉพาะการซื้อแบบก้นบุหรี่ นี่มน ช่วยอธิบายหน่อยซิ
ว่าซื้ออะไร ซื้อตอนไหน ถือไว้นานแค่ไหน ขายเมื่อไร ขายเพราะอะไร
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 19
อย่าง WG ที่ผมซื้อไงครับ การลงทนแบบก้นบหรี่
ผมซื้อเมื่อปีก่อน เนื่องจากราคาถกเมื่อเทียบกับฐานะเงินสดและ Free Cash Flow ที่บริษัททำได้ในแต่ละปี รวมทั้งการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอพอควร
แต่ผมไม่ได้คาดการณ์ว่าบริษัทจะมีอัตราการเติบโตมากน้อยแค่ไหน ผมพิจารณาจากผลการดำเนินงานปัจจบันอย่างเดียว
ตอนซื้อก็ไม่ได้พิจารณาว่าตลาดเป็นกระทิง หรือเป็นหมี ไม่ได้คาดว่าราคา WG จะตกลง หรือจะขึ้นในช่วงระยะเวลาอันสั้น
เมื่อซื้อแล้วก็เก็บครับ ขายก็ต่อเมื่อ ราคาสงเกินราคาพื้นฐานที่ผมคำนวณไว้ หรือมีการลงทนอื่นที่น่าสนใจกว่า โดยไม่ได้พิจารณาดัชนีตลาดเลยครับ
ผมเหมือนอย่ในโลกส่วนตัวครับ ไม่ได้พิจารณาดัชนีเลย ผมผ่านเหตการณ์ลักษณะคล้ายๆแบบนี้มาบ่อยจนจิตใจชาชินแล้วครับ
ผมซื้อเมื่อปีก่อน เนื่องจากราคาถกเมื่อเทียบกับฐานะเงินสดและ Free Cash Flow ที่บริษัททำได้ในแต่ละปี รวมทั้งการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอพอควร
แต่ผมไม่ได้คาดการณ์ว่าบริษัทจะมีอัตราการเติบโตมากน้อยแค่ไหน ผมพิจารณาจากผลการดำเนินงานปัจจบันอย่างเดียว
ตอนซื้อก็ไม่ได้พิจารณาว่าตลาดเป็นกระทิง หรือเป็นหมี ไม่ได้คาดว่าราคา WG จะตกลง หรือจะขึ้นในช่วงระยะเวลาอันสั้น
เมื่อซื้อแล้วก็เก็บครับ ขายก็ต่อเมื่อ ราคาสงเกินราคาพื้นฐานที่ผมคำนวณไว้ หรือมีการลงทนอื่นที่น่าสนใจกว่า โดยไม่ได้พิจารณาดัชนีตลาดเลยครับ
ผมเหมือนอย่ในโลกส่วนตัวครับ ไม่ได้พิจารณาดัชนีเลย ผมผ่านเหตการณ์ลักษณะคล้ายๆแบบนี้มาบ่อยจนจิตใจชาชินแล้วครับ
- Wvix
- Verified User
- โพสต์: 124
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 20
พี่เจ๋งครับ เฮียมนกับพี่ Chatchai คงหมายความว่าเราไม่สามารถที่จะทราบได้เลยว่า
เรายืนอยู่บนจุดไหนของเส้นกราฟมั้งครับ คือไม่แน่ว่าอีกหนึ่งเดือน 6เดือน หรือ 1ปีหรือ 2ปี
ข้างหน้าเศรษฐกิจไทยอาจยังคงดีและดัชนีหุ้นอาจขึ้นไม่หยุดไปจนถึง 1000 จุดก็้ได้ครับ
ถ้าในช่วงนี้เรารีรอเราก็อาจจะสูญเสียโอกาสได้ครับ
และตอนนี้ผมยังคิดว่ายังมีหุ้นหลายๆตัวที่ยังถูกและและน่าลงทุนอยู่นะครับ
ส่วนเรื่องการลงทุนแบบก้นบุหรี่ ผมเคยเห็นผ่านๆตากี่ยวกับการลงทุนแบบก้นบุหรี่ของเฮียมนกับ
เฮีย Chatchai ในกระทู้เฮียVib นะครับ กระทู้ล่างๆผมยังไม่ได้อ่านเลย และผมลอง search
เกี่ยวกับการลงทุบแบบก้นบุหรี่แล้วแต่ search engine ของเฮีย genie เสียครับ แต่เท่าที่รู้คร่าวๆ
ว่าการลงทุนแบบก้นบุหรี่คือเป็นการลงทุนในบริษัทที่ไม่ถึงกับดีเยี่ยมอะไรแต่ราคาหุ้นของ
บริษัทตอนนี้ถูกมากๆอยู่ ครับ คือ ถ้าราคาเราคิดว่ามันยังถูกอยู่เราก็ซื้อโดยที่หวังว่าราคามันควรจะ
สูงถึงจุดหนึ่งแล้วเราก็ขายออกมาครับไม่ได้ไปหวังว่าเราจะถือไปยาวๆอะไร แบบที่เราคิดจะลงทุนจริงๆ
เรายืนอยู่บนจุดไหนของเส้นกราฟมั้งครับ คือไม่แน่ว่าอีกหนึ่งเดือน 6เดือน หรือ 1ปีหรือ 2ปี
ข้างหน้าเศรษฐกิจไทยอาจยังคงดีและดัชนีหุ้นอาจขึ้นไม่หยุดไปจนถึง 1000 จุดก็้ได้ครับ
ถ้าในช่วงนี้เรารีรอเราก็อาจจะสูญเสียโอกาสได้ครับ
และตอนนี้ผมยังคิดว่ายังมีหุ้นหลายๆตัวที่ยังถูกและและน่าลงทุนอยู่นะครับ
ส่วนเรื่องการลงทุนแบบก้นบุหรี่ ผมเคยเห็นผ่านๆตากี่ยวกับการลงทุนแบบก้นบุหรี่ของเฮียมนกับ
เฮีย Chatchai ในกระทู้เฮียVib นะครับ กระทู้ล่างๆผมยังไม่ได้อ่านเลย และผมลอง search
เกี่ยวกับการลงทุบแบบก้นบุหรี่แล้วแต่ search engine ของเฮีย genie เสียครับ แต่เท่าที่รู้คร่าวๆ
ว่าการลงทุนแบบก้นบุหรี่คือเป็นการลงทุนในบริษัทที่ไม่ถึงกับดีเยี่ยมอะไรแต่ราคาหุ้นของ
บริษัทตอนนี้ถูกมากๆอยู่ ครับ คือ ถ้าราคาเราคิดว่ามันยังถูกอยู่เราก็ซื้อโดยที่หวังว่าราคามันควรจะ
สูงถึงจุดหนึ่งแล้วเราก็ขายออกมาครับไม่ได้ไปหวังว่าเราจะถือไปยาวๆอะไร แบบที่เราคิดจะลงทุนจริงๆ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 21
ก้นบุหรี่หรือ Ciga Butt investing คือการมองหาหุ้นที่ราคาถูกมากๆเมื่อเทียบมูลค่าที่มีอยู่ ณเวลาและสถานการณ์นั้นๆครับ
Peter Lynch ใช้วิธีนี้เช่นกัน แกจะดูรอบของอุตสาหกรรมเช่นรอบปิโตรฯ กำลังจะเงยหัวแกก็ดักก่อน แต่แกบอกว่าต้องรู้จักธุรกิจนี้ดีพอ แกซื้อหุ้นGMเพราะถูกมากเงินสดเหลือบาน ไม่เจ็งแน่นอน แกก็เก็บเข้าportแล้วรอ
ผมเองทำเช่นนี้เป็นประจำครับ เพราะช่วงนี้หาของดีราคาถูกไม่ค่อยมี มีเงินเหลือก็ไม่อยากทิ้งให้ถอยค่าเลยใช้กลยุทธ์นี้ แต่ผมไม่โต้คลึ่นกับเขาหรอกครับ ผมรอพายุสงบแล้วเก็บกุ้งหอยปูปลาตามริมหาดก็อิ่มแปล้แล้วครับ
พี่เจ๋งละ สูขดีหรือเปล่า โต้คลื่นมาหลายรอบแล้วนี่
Peter Lynch ใช้วิธีนี้เช่นกัน แกจะดูรอบของอุตสาหกรรมเช่นรอบปิโตรฯ กำลังจะเงยหัวแกก็ดักก่อน แต่แกบอกว่าต้องรู้จักธุรกิจนี้ดีพอ แกซื้อหุ้นGMเพราะถูกมากเงินสดเหลือบาน ไม่เจ็งแน่นอน แกก็เก็บเข้าportแล้วรอ
ผมเองทำเช่นนี้เป็นประจำครับ เพราะช่วงนี้หาของดีราคาถูกไม่ค่อยมี มีเงินเหลือก็ไม่อยากทิ้งให้ถอยค่าเลยใช้กลยุทธ์นี้ แต่ผมไม่โต้คลึ่นกับเขาหรอกครับ ผมรอพายุสงบแล้วเก็บกุ้งหอยปูปลาตามริมหาดก็อิ่มแปล้แล้วครับ
พี่เจ๋งละ สูขดีหรือเปล่า โต้คลื่นมาหลายรอบแล้วนี่
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 22
การโต้คลื่นนี่ พี่ยังใหม่อยู่ 3 วัน เข้าออก ไป 14 รอบ ยังไม่ได้ประสบการณ์อะไรมากมาย
แต่ก็รู้ว่าในที่สุด ทุกอย่างย่อมมีข้อดี ให้เราได้เรียนรู้บ้างไม่มากก็น้อย
ตอนนี้เริ่มรู้ว่า การเล่น day trade โคตรเหนื่อยเลย เห็นราคาวิ่งขึ้น วิ่งลง ใจคอหายหมด อิอิ
ส่วนหุ้นของพวกเราแบบ VI ถือสบายใจ เช่น SPI มันก็ยังไม่ไปไหน ไม่ขึ้น ไม่ลง อยู่แถว 13.00 ถืออย่างสบายใจ
ถือต่อไปให้ลูกหลาน
อิอิ
แต่ก็รู้ว่าในที่สุด ทุกอย่างย่อมมีข้อดี ให้เราได้เรียนรู้บ้างไม่มากก็น้อย
ตอนนี้เริ่มรู้ว่า การเล่น day trade โคตรเหนื่อยเลย เห็นราคาวิ่งขึ้น วิ่งลง ใจคอหายหมด อิอิ
ส่วนหุ้นของพวกเราแบบ VI ถือสบายใจ เช่น SPI มันก็ยังไม่ไปไหน ไม่ขึ้น ไม่ลง อยู่แถว 13.00 ถืออย่างสบายใจ
ถือต่อไปให้ลูกหลาน
อิอิ
-
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 23
พี่ Jeng เปลี่ยนมาเล่น day trade หรือครับ
ผมขอคำแนะนำด้วยครับ
1.สถานการณ์ปัจจุบัน เศรษฐกิจเป็นเช่นไรครับ ถ้าวิเคราะห์ กลุ่มอุตสาหกรรมแล้ว กลุ่มอุตสาหกรรมใหนเป็นผู้นำตลาดครับ
2.สถานการณ์ต้นปีหน้า เศรษฐกิจเป็นเช่นไรครับ ถ้าวิเคราะห์ กลุ่มอุตสาหกรรมแล้ว กลุ่มอุตสาหกรรมใหนเป็นผู้นำตลาดครับ
3.สถานการณ์ปลายปีหน้า เศรษฐกิจเป็นเช่นไรครับ ถ้าวิเคราะห์ กลุ่มอุตสาหกรรมแล้ว กลุ่มอุตสาหกรรมใหนเป็นผู้นำตลาดครับ
***** ขอบคุณครับ *****
ผมขอคำแนะนำด้วยครับ
1.สถานการณ์ปัจจุบัน เศรษฐกิจเป็นเช่นไรครับ ถ้าวิเคราะห์ กลุ่มอุตสาหกรรมแล้ว กลุ่มอุตสาหกรรมใหนเป็นผู้นำตลาดครับ
2.สถานการณ์ต้นปีหน้า เศรษฐกิจเป็นเช่นไรครับ ถ้าวิเคราะห์ กลุ่มอุตสาหกรรมแล้ว กลุ่มอุตสาหกรรมใหนเป็นผู้นำตลาดครับ
3.สถานการณ์ปลายปีหน้า เศรษฐกิจเป็นเช่นไรครับ ถ้าวิเคราะห์ กลุ่มอุตสาหกรรมแล้ว กลุ่มอุตสาหกรรมใหนเป็นผู้นำตลาดครับ
***** ขอบคุณครับ *****
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 24
แนะนำยังไม่ได้ครับ ยังเอาตัวไม่รอดเลย เล่นมา 14 รอบ กำไรนิดเดียว อิอิ
เก่งแล้วค่อยว่ากัน
กะจะเทรดให้ได้กำไร 10 เท่าก่อน เมื่อเทียบกับเงินที่ลงทุน หักค่าคอมเรียบร้อย ถ้าไม่ได้ 10 เท่า ก็จะไม่ขอแนะนำ เพราะถือว่า หุ้นขึ้นยังไม่ได้กำไร ยังมีหน้ามาสอนคนอีก
เก่งแล้วค่อยว่ากัน
กะจะเทรดให้ได้กำไร 10 เท่าก่อน เมื่อเทียบกับเงินที่ลงทุน หักค่าคอมเรียบร้อย ถ้าไม่ได้ 10 เท่า ก็จะไม่ขอแนะนำ เพราะถือว่า หุ้นขึ้นยังไม่ได้กำไร ยังมีหน้ามาสอนคนอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 366
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 25
ความคิดเห็นขอคำแนะนำของผมเองครับ.........ลืมล๊อกอิน
กำไรนิดเดียวก็แนะนำได้ครับ...........แนะนำเกี่ยวกับข้อผิดพลาดที่ได้กำไรนิดเดียวอะครับ แฮะๆๆ
เห็นช่วงนี้สถานการณ์ปัจจุบัน เศรษฐกิจเขาว่าดีกัน นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน ผมเลยสอบถามครับ ว่าเขาจะไปลงทุนกลุ่มใหนกัน เป็นกรณีศึกษาอะครับ
ขอบคุณครับ
กำไรนิดเดียวก็แนะนำได้ครับ...........แนะนำเกี่ยวกับข้อผิดพลาดที่ได้กำไรนิดเดียวอะครับ แฮะๆๆ
เห็นช่วงนี้สถานการณ์ปัจจุบัน เศรษฐกิจเขาว่าดีกัน นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน ผมเลยสอบถามครับ ว่าเขาจะไปลงทุนกลุ่มใหนกัน เป็นกรณีศึกษาอะครับ
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 26
คิดง่ายๆ ครับ
ถ้าปีนี้ GDP ของไทยโตสัก 6%
พอร์ตลงทุนเราโตสัก 20% ก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว
คิดดูสิครับ การลงทุนทำธุรกิจที่ได้ผลตอบแทนปีละ 20% นี่มันไม่ใช่น้อยเลยนะ ลองไปดูกำไรของบริษัทจดทะเบียนดูก็ได้ว่ามีกี่แห่งที่ ROA เกิน 20%
พวกเก็งกำไรที่เขาโม้โอ้อวดให้คุณฟังน่ะ เขาก็โม้แต่วันที่เขา "บังเอิญแทงหวยถูก" บางครั้งอาจได้ถึง 20-30% ในวันเดียว!!! แต่ถามจริงๆ เถอะครับ คุณคิดหรือว่าในตลาดจะมีใคร "แทงหวยถูกได้ทุกงวด"
เพียงแต่เวลาที่เขา "เจ๊ง" หรือ "ติดดอย" เขาไม่เอามาอวดก็เท่านั้นเอง
ถ้าปีนี้ GDP ของไทยโตสัก 6%
พอร์ตลงทุนเราโตสัก 20% ก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว
คิดดูสิครับ การลงทุนทำธุรกิจที่ได้ผลตอบแทนปีละ 20% นี่มันไม่ใช่น้อยเลยนะ ลองไปดูกำไรของบริษัทจดทะเบียนดูก็ได้ว่ามีกี่แห่งที่ ROA เกิน 20%
พวกเก็งกำไรที่เขาโม้โอ้อวดให้คุณฟังน่ะ เขาก็โม้แต่วันที่เขา "บังเอิญแทงหวยถูก" บางครั้งอาจได้ถึง 20-30% ในวันเดียว!!! แต่ถามจริงๆ เถอะครับ คุณคิดหรือว่าในตลาดจะมีใคร "แทงหวยถูกได้ทุกงวด"
เพียงแต่เวลาที่เขา "เจ๊ง" หรือ "ติดดอย" เขาไม่เอามาอวดก็เท่านั้นเอง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 27
โค้ด: เลือกทั้งหมด
เพียงแต่เวลาที่เขา "เจ๊ง" หรือ "ติดดอย" เขาไม่เอามาอวดก็เท่านั้นเอง
แต่พี่บันทึกเข้า EXCEL แล้วคำนวณ กำไร ของเรา และเมื่อเทียบกับค่าคอม ว่าเป็นอย่างไร
พี่ว่าคนที่เขาเทรดกันส่วนใหญ๋ เขาใช้ความประทับใจ
คือเขาจำได้ว่าเขากำไร
ไม่ค่อยมีใครอยากจำว่าขาดทุนมั๊ง
พี่ก็ว่าพี่กำไรพอควรเลย
แต่พอไปใส่ EXCEL กำไรนิดเดียวเอง
อิอิ
ความจริง กับ ความอยากจำ มันต่างกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 28
ใช่แล้วครับพี่ Jeng
นักลงทุนที่ดีจะต้องเก็บข้อมูลการลงทุนไว้ด้วย ไม่เช่นนั้นเราจะไม่มีทางทราบได้เลยว่า Performance ของเราโดยรวมเป็นอย่างไร
ที่นักเก็งกำไรทั้งหลายโม้ได้ ก็เพราะเขาจำแต่ส่วนที่ดีมีกำไร บางครั้งก็อาจจะโดนยุจากเพื่อนนักลงทุนด้วยกัน หรือโบรกเกอร์ที่เห็นแก่ค่าคอมมิชชั่น
นักลงทุนที่ดีจะต้องเก็บข้อมูลการลงทุนไว้ด้วย ไม่เช่นนั้นเราจะไม่มีทางทราบได้เลยว่า Performance ของเราโดยรวมเป็นอย่างไร
ที่นักเก็งกำไรทั้งหลายโม้ได้ ก็เพราะเขาจำแต่ส่วนที่ดีมีกำไร บางครั้งก็อาจจะโดนยุจากเพื่อนนักลงทุนด้วยกัน หรือโบรกเกอร์ที่เห็นแก่ค่าคอมมิชชั่น
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 29
พี่ๆครับ ผมขอแย้งในถิ่น VI ซักนิดนึง จะโดนตืบมั้ยครับเนี่ย
ผมเองขอสาบานเลย ว่าผมเล่นหุ้นด้วย VS มาแล้วมีกำไรครับ แต่อย่างที่พี่เจ๋งบอก คือ มันเหนื่อยมากๆครับ และเหมือนติดคุก ไปไหนไม่ค่อยได้
และก็หากเล่น Day Trade เหมือนพี่เจ๋งได้ลองไปหมาดๆ โอกาสจะกำไรน้อยครับ ส่วนใหญ่จะเสีย ผมเองสมัยเล่น Day Trade ก็เสียครับ โดนเพียบ สรุปแล้วช่วงนั้นผมขาดทุนป่นปี้
ผมเริ่มกำไรเยอะ ตั้งแต่ผมเริ่มเล่น Week Trade ครับ โดยไม่ได้ใช้กราฟเทคนิคเข้าช่วยเพียงอย่างเดียว แต่อาศัยข้อมูลพื้นฐานเข้าช่วยด้วย ปรากฏว่ากำไรเยอะครับ เป็นกอบเป็นกำ ตั้งตัวได้หลังจากนั้นมา
(ผมเป็นคนไม่เล่นหุ้นตามข่าวครับ ผมใช้เทคนิค กับ พื้นฐาน เท่านั้น)
ผมเองไม่เคยติดดอยครับ ไม่เคยเลย บอกได้จริงๆ สาบานให้ฟ้าฝ่ากบาลเลย เพราะผมตั้งกฎเหล็ก ในการเล่นหุ้นแบบ VS คือ ลงเกิน % ที่กำหนด Cut Loss ทันที ไม่มีข้อยกเว้น ผมทำตามทุกครั้ง ด้วยความเชื่อที่ว่า กฎมีไว้ทำตาม ถ้าไม่ทำตาม จะตั้งขึ้นมาหา(หอก) ทำไม
กราฟเทคนิค ผมว่าเป็นเรื่องที่ VI ควรศึกษาด้วยนะครับ เพราะมันสามารถใช้ได้กับหุ้นพื้นฐานที่มีสภาพคล่องอยู่พอประมาณ คือ พี่ๆสามารถได้ของถูกมากกว่าการเข้าซื้อแบบ VI ทั่วๆไป
จากที่ผ่านๆมา ผมได้ 1 เรื่องคือ ถ้าสัญญาณเทคนิคบอกว่าจะขึ้น แล้วถ้าพี่ๆ VI บอกว่าพื้นฐานมันดีนะครับ มันจะขึ้น 10-30% เป็นอย่างน้อย โดยผมไม่ต้องรอด้วยละ ผมเห็นสัญญาณก่อนหน้าได้พอสมควร และผมก็สามารถโดดออกไปหาตัวอื่นๆ ที่ยังไม่ขึ้นมาได้อีกหลายๆตัวใน 1 ปี ... สำหรับ VS อย่างผมนะครับ สำหรับ VI คงไม่ทำอยู่แล้ว
คำถามคือ พี่ๆ VI ใช้กราฟเทคนิคเข้าช่วย ในการเข้าซื้อหรือเปล่าครับ ผมว่าพี่ๆบางท่านอาจใช้แล้วแหล่ะ แต่ไม่บอกแค่นั้นเอง แต่ตัวผมเองผมว่ามันได้ผลมากครับ
ผมเองไม่ได้ต่อต้านแนวคิด VI นะครับ ผมเห็นด้วยกับแนวคิด VI มากๆ ผมมีความเชื่อว่า หากเงินเราเยอะมากขึ้นเท่าไหร่ VI ยิ่งเป็นแนวทางที่เหมาะสมมากขึ้นเท่านั้น ผมเองเริ่มเห็นเมือผมเล่น VS จนเงินเริ่มเยอะ แล้วไม่สามารถดูแลได้ทันดังใจ และเนื่องจากเงินเยอะ การเคลื่อนไหวของเราในหุ้นขนาดเล็กจะทำได้ลำบากขึ้นมากครับ
แต่ผมเล่น VS เนื่องจาก ผมเองต้องการทุนสำหรับ VI ครับ ผมเองลองคำนวณดูว่าถ้าผมหวังการงอกเงยของเงินต้นอันน้อยนิดของผม ผมต้องใช้เวลากี่ปี ผมยอมรับตรงนั้นไม่ได้ ผมเลยตัดสินใจใช้หลัก VS แต่ก็คิดว่าผมเองต้องศึกษาหลักการของ VI ด้วย เพื่อที่ท้ายสุดแล้ว ผมต้องการเป็น VI ครับ
ในส่วนตัว ผมเชื่อว่า
- ร่างกายต้องการสารอาหาร 5 หมู่
- นักเรียน ต้องเรียน เลข ภาษาไทย สังคม ฯลฯ
แล้ว ... นักลงทุน ก็ควรฝึกฝน ทั้ง VI และ VS ควบคู่กันครับ
นี่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ
ผมเองขอสาบานเลย ว่าผมเล่นหุ้นด้วย VS มาแล้วมีกำไรครับ แต่อย่างที่พี่เจ๋งบอก คือ มันเหนื่อยมากๆครับ และเหมือนติดคุก ไปไหนไม่ค่อยได้
และก็หากเล่น Day Trade เหมือนพี่เจ๋งได้ลองไปหมาดๆ โอกาสจะกำไรน้อยครับ ส่วนใหญ่จะเสีย ผมเองสมัยเล่น Day Trade ก็เสียครับ โดนเพียบ สรุปแล้วช่วงนั้นผมขาดทุนป่นปี้
ผมเริ่มกำไรเยอะ ตั้งแต่ผมเริ่มเล่น Week Trade ครับ โดยไม่ได้ใช้กราฟเทคนิคเข้าช่วยเพียงอย่างเดียว แต่อาศัยข้อมูลพื้นฐานเข้าช่วยด้วย ปรากฏว่ากำไรเยอะครับ เป็นกอบเป็นกำ ตั้งตัวได้หลังจากนั้นมา
(ผมเป็นคนไม่เล่นหุ้นตามข่าวครับ ผมใช้เทคนิค กับ พื้นฐาน เท่านั้น)
ผมเองไม่เคยติดดอยครับ ไม่เคยเลย บอกได้จริงๆ สาบานให้ฟ้าฝ่ากบาลเลย เพราะผมตั้งกฎเหล็ก ในการเล่นหุ้นแบบ VS คือ ลงเกิน % ที่กำหนด Cut Loss ทันที ไม่มีข้อยกเว้น ผมทำตามทุกครั้ง ด้วยความเชื่อที่ว่า กฎมีไว้ทำตาม ถ้าไม่ทำตาม จะตั้งขึ้นมาหา(หอก) ทำไม
กราฟเทคนิค ผมว่าเป็นเรื่องที่ VI ควรศึกษาด้วยนะครับ เพราะมันสามารถใช้ได้กับหุ้นพื้นฐานที่มีสภาพคล่องอยู่พอประมาณ คือ พี่ๆสามารถได้ของถูกมากกว่าการเข้าซื้อแบบ VI ทั่วๆไป
จากที่ผ่านๆมา ผมได้ 1 เรื่องคือ ถ้าสัญญาณเทคนิคบอกว่าจะขึ้น แล้วถ้าพี่ๆ VI บอกว่าพื้นฐานมันดีนะครับ มันจะขึ้น 10-30% เป็นอย่างน้อย โดยผมไม่ต้องรอด้วยละ ผมเห็นสัญญาณก่อนหน้าได้พอสมควร และผมก็สามารถโดดออกไปหาตัวอื่นๆ ที่ยังไม่ขึ้นมาได้อีกหลายๆตัวใน 1 ปี ... สำหรับ VS อย่างผมนะครับ สำหรับ VI คงไม่ทำอยู่แล้ว
คำถามคือ พี่ๆ VI ใช้กราฟเทคนิคเข้าช่วย ในการเข้าซื้อหรือเปล่าครับ ผมว่าพี่ๆบางท่านอาจใช้แล้วแหล่ะ แต่ไม่บอกแค่นั้นเอง แต่ตัวผมเองผมว่ามันได้ผลมากครับ
ผมเองไม่ได้ต่อต้านแนวคิด VI นะครับ ผมเห็นด้วยกับแนวคิด VI มากๆ ผมมีความเชื่อว่า หากเงินเราเยอะมากขึ้นเท่าไหร่ VI ยิ่งเป็นแนวทางที่เหมาะสมมากขึ้นเท่านั้น ผมเองเริ่มเห็นเมือผมเล่น VS จนเงินเริ่มเยอะ แล้วไม่สามารถดูแลได้ทันดังใจ และเนื่องจากเงินเยอะ การเคลื่อนไหวของเราในหุ้นขนาดเล็กจะทำได้ลำบากขึ้นมากครับ
แต่ผมเล่น VS เนื่องจาก ผมเองต้องการทุนสำหรับ VI ครับ ผมเองลองคำนวณดูว่าถ้าผมหวังการงอกเงยของเงินต้นอันน้อยนิดของผม ผมต้องใช้เวลากี่ปี ผมยอมรับตรงนั้นไม่ได้ ผมเลยตัดสินใจใช้หลัก VS แต่ก็คิดว่าผมเองต้องศึกษาหลักการของ VI ด้วย เพื่อที่ท้ายสุดแล้ว ผมต้องการเป็น VI ครับ
ในส่วนตัว ผมเชื่อว่า
- ร่างกายต้องการสารอาหาร 5 หมู่
- นักเรียน ต้องเรียน เลข ภาษาไทย สังคม ฯลฯ
แล้ว ... นักลงทุน ก็ควรฝึกฝน ทั้ง VI และ VS ควบคู่กันครับ
นี่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนประธานมนและท่านรอง VIB ครับ มีเรื่องบ่นให้ฟังครับ
โพสต์ที่ 30
เห็นด้วย กับน้อง คัดท้าย 100 เปอร์เซ็นต์ และตัดสินใจเปลี่ยนเป็น week trade ตามน้องคัดท้าย
อิอิ
ขอบคุณมากครับ
7 วันที่ผ่านมา ก็ทำให้เข้าใจอะไรๆ ที่ไม่เคยเข้าใจครับ
ประสบการณ์ VS 7 วันครับ
อิอิ
ขอบคุณมากครับ
7 วันที่ผ่านมา ก็ทำให้เข้าใจอะไรๆ ที่ไม่เคยเข้าใจครับ
ประสบการณ์ VS 7 วันครับ