คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 481
เห็นวิบูลย์ เคยถามเกี่ยวกับหุ้น DCA
เท่าที่เคยทำไว้ในอดีตมี 26 ตัว ตัวไหน ไม่เห็นด้วยก็คุยกันได้นะครับ
กลับมาดูอดีตที่เคยพิมพ์ไว้ว่าในตลาดมีหุ้น DCA 26 ตัวเท่าที่พอนึกออก และบันทึกราคา ไว้ด้วย
พี่ลองเปรียบเทียบกับราคาปัจจุบันดู
1. APRINT 94 / 118 = เพิ่มขึ้น 25.53 %
2. EGCOMP 50.50 / 69.50 = 37.62
3. FANCY 8.85 / 10.60 = 19.77
4. HTC 4.32 / 5.20 = 20.37
5. ICC 24.80 / 34.50 = 39.11
6. BigC 15.40 / 17.70 = 14.94
7. KTC 28.75 / 40.75 (มีเพิ่มทุน)
8. MAKRO 35.25 / 38.00 = 7.80
9. MBK 37 / 52.00 = 40.54
10. MODERN 24.40 / 41.25 = 69.06
11. P-FCB 90 / 143.00 = 58.89
12. RATCH 27 / 39.25 = 45.37
13. FE 71 / 91.00 = 28.17
14. PL 32.25 / 51.00 = 58.14
15. ROJANA 42 / 115.0 = 173.81
16. SAUCE 96 / 91.50 = -4.69
17. SSC 22.8 / 32.50 = 42.54
18. TBSP 65 / 82.50 = 26.92
19. UBC - / 20.30 ไม่ได้จดราคาไว้ คำนวณไม่ได้
20. WACOAL 27 / 34.50 = 27.78
21.CPN 34 / 49 = 44.12
22. PSL 44.75 / 255 = 402.79
23. RGR 9.5 / 18.80 = 97.89
24. GRAMMY 21 / 21.30 = 1.43
25. GMMM 29.75 / 37.00 = 24.37
26. CENTEL 23 / 32.00 28.13
เท่าที่เคยทำไว้ในอดีตมี 26 ตัว ตัวไหน ไม่เห็นด้วยก็คุยกันได้นะครับ
กลับมาดูอดีตที่เคยพิมพ์ไว้ว่าในตลาดมีหุ้น DCA 26 ตัวเท่าที่พอนึกออก และบันทึกราคา ไว้ด้วย
พี่ลองเปรียบเทียบกับราคาปัจจุบันดู
1. APRINT 94 / 118 = เพิ่มขึ้น 25.53 %
2. EGCOMP 50.50 / 69.50 = 37.62
3. FANCY 8.85 / 10.60 = 19.77
4. HTC 4.32 / 5.20 = 20.37
5. ICC 24.80 / 34.50 = 39.11
6. BigC 15.40 / 17.70 = 14.94
7. KTC 28.75 / 40.75 (มีเพิ่มทุน)
8. MAKRO 35.25 / 38.00 = 7.80
9. MBK 37 / 52.00 = 40.54
10. MODERN 24.40 / 41.25 = 69.06
11. P-FCB 90 / 143.00 = 58.89
12. RATCH 27 / 39.25 = 45.37
13. FE 71 / 91.00 = 28.17
14. PL 32.25 / 51.00 = 58.14
15. ROJANA 42 / 115.0 = 173.81
16. SAUCE 96 / 91.50 = -4.69
17. SSC 22.8 / 32.50 = 42.54
18. TBSP 65 / 82.50 = 26.92
19. UBC - / 20.30 ไม่ได้จดราคาไว้ คำนวณไม่ได้
20. WACOAL 27 / 34.50 = 27.78
21.CPN 34 / 49 = 44.12
22. PSL 44.75 / 255 = 402.79
23. RGR 9.5 / 18.80 = 97.89
24. GRAMMY 21 / 21.30 = 1.43
25. GMMM 29.75 / 37.00 = 24.37
26. CENTEL 23 / 32.00 28.13
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 482
พี่เจ๋งครับ
ผมว่าราคาหุ้น เวลานี้ดูไม่ได้แล้วครับ
ว่าหุ้นไหนดีไม่ดี
อย่างที่เฮียคลายเครียดบอกไว้ละครับ
ว่า
ตอนนี้ไม่มีคำว่าหุ้นดีหุ้นเน่า
มีแต่หุ้นขึ้นมากขึ้นน้อย
สำหรับผมไม่เคยสนใจราคาเลยครับ
ว่าจะขึ้นจะลง
หรือจะสวิงกิ้งแค่ไหน
ผมคิดว่าถ้าบริษัทเรามีผลประกอบการที่ดี
ราคาหุ้นในระยะยาวจะสะท้อนผลประกอบการสักวันหนึ่ง
ไม่ช้าก็เร็ว
แต่ราคาหุ้นตอนนี้
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า
มันจะขึ้นไปถึงเมื่อไหร่
ไม่มีใครรู้จุดสูงสุด หรือจุดต่ำสุด
เทวดาก็บอกไม่ได้ครับ
ผมว่าตอนนี้ พี่เจ๋งคง"เกร็งกำไร"มากไปหน่อย
เลยติดเรื่องดู"ราคา"มา
ไม่ว่ากันครับ
บางที ทำอะไรนานๆ
มันก็อาจจะกลายเป็นความเคยชินได้ครับ
อิ อิ
ส่วนคำถามของพี่เจ๋งเรื่องราคาของหุ้นดังกล่าว
ผมขอไม่ตอบครับ
เพราะ"ท่านชุนวู"กล่าวเอาไว้ว่า
"สงครามยังไม่จบ
อย่าเพิ่งนับศพทหาร" ครับ
ไว้งานเลี้ยงเลิก
ค่อยมาดูราคากันอีกทีครับ
ถึงจะรู้ว่าใครเป็น "ทองแท้" หรือ "ทองชุบ"
เมื่อวันก่อน
เจอเพื่อนที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่าเป็น
"นักลงทุนระยะยาวจำเป็น" ยังจำกันได้ไหมครับ
คนที่พูดว่า
สักวันผมจะกลับไปซื้อๆขายๆเหมือนเขา
ก็เจอกัน คุยกัน
แล้วก็วกกลับมาเรื่องฮอตฮิต
คือเรื่องหุ้น
ผมถามเขาว่า "เป็นไงบ้าง คงได้กำไรหลายละซิ หุ้นขึ้นอย่างนี้"
เขาบอกว่า "อือ แต่ "ขาดทุนกำไร" ขายหมูไปเยอะ"
เขาถามผมว่า "ยังถือหุ้น.......อยู่หรือเปล่า"
ผมบอกว่า "ยังถืออยู่"
เขาบอกว่า "วันก่อนเฉียด 200 เลยใช่มั๊ย"
ผมบอก "ใช่"
เขาบอกว่า "อย่างนี้ก็กำไรอื้อเลยซิ แล้วเมื่อไหร่จะขาย" (เขารู้ต้นทุนผมครับ)
ผมบอกว่า "ผมได้กำไร 100% แล้วแต่ไม่ขายหรอก ผมถือยาว"
ผมถามเขาว่า "มีหุ้นถือยาวบ้างมั๊ย"
เขาตอบว่า "มี ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่ขาดทุนแต่ทำใจขายไม่ได้ ก็เลยเก็บไว้"
ผมบอกว่า "ยังเป็น "นักลงทุนระยะยาวจำเป็น" อยู่ละซิ"
เขาก็หัวเราะ
ผมบอกว่า "ผมไม่เคยเก็บหุ้นขาดทุนไว้เลย ถ้าพื้นฐานไม่ดี
แต่ถ้าพื้นฐานดี ผมจะซื้อเพิ่ม"
เขาทำหน้างงๆ
ผมก็อธิบายให้ฟังว่า ผมลงทุนอย่างไร(อีกรอบ)
เขาก็บอกผมว่า "ผม"โชคดี"ได้กำไร เพราะซื้อหุ้นแล้วตลาดหุ้นขึ้นพอดี"
เอ้า เป็นงั้นไป
ผมก็ไม่รู้จะพูดต่ออย่างไร
อยากจะบอกเขาว่า
ผมไม่เคยคิดว่าที่ผมมาได้ถึงจุดนี้ ณ วันนี้
เป็นเพราะโชคนะครับ
ผมใช้หลักการ KAPD ที่ผมเคยเล่าให้ฟัง
(โดยเฉพาะตัว P ที่ทำยากที่สุด)
บวกกับความรู้ที่พอจะจดจำได้
เขาทำให้ผมนึกถึงคำพูดบางคำครับ
ที่บอกว่า
คนไม่มีความรู้จะเชื่อเรื่องโชคลางมากกว่าคนที่มีความรู้
แล้วพี่ๆเพื่อนๆละครับ
เชื่อโชคลางหรือจะเชื่อตัวเราเองมากกว่ากันครับ
ผมว่าราคาหุ้น เวลานี้ดูไม่ได้แล้วครับ
ว่าหุ้นไหนดีไม่ดี
อย่างที่เฮียคลายเครียดบอกไว้ละครับ
ว่า
ตอนนี้ไม่มีคำว่าหุ้นดีหุ้นเน่า
มีแต่หุ้นขึ้นมากขึ้นน้อย
สำหรับผมไม่เคยสนใจราคาเลยครับ
ว่าจะขึ้นจะลง
หรือจะสวิงกิ้งแค่ไหน
ผมคิดว่าถ้าบริษัทเรามีผลประกอบการที่ดี
ราคาหุ้นในระยะยาวจะสะท้อนผลประกอบการสักวันหนึ่ง
ไม่ช้าก็เร็ว
แต่ราคาหุ้นตอนนี้
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า
มันจะขึ้นไปถึงเมื่อไหร่
ไม่มีใครรู้จุดสูงสุด หรือจุดต่ำสุด
เทวดาก็บอกไม่ได้ครับ
ผมว่าตอนนี้ พี่เจ๋งคง"เกร็งกำไร"มากไปหน่อย
เลยติดเรื่องดู"ราคา"มา
ไม่ว่ากันครับ
บางที ทำอะไรนานๆ
มันก็อาจจะกลายเป็นความเคยชินได้ครับ
อิ อิ
ส่วนคำถามของพี่เจ๋งเรื่องราคาของหุ้นดังกล่าว
ผมขอไม่ตอบครับ
เพราะ"ท่านชุนวู"กล่าวเอาไว้ว่า
"สงครามยังไม่จบ
อย่าเพิ่งนับศพทหาร" ครับ
ไว้งานเลี้ยงเลิก
ค่อยมาดูราคากันอีกทีครับ
ถึงจะรู้ว่าใครเป็น "ทองแท้" หรือ "ทองชุบ"
เมื่อวันก่อน
เจอเพื่อนที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่าเป็น
"นักลงทุนระยะยาวจำเป็น" ยังจำกันได้ไหมครับ
คนที่พูดว่า
สักวันผมจะกลับไปซื้อๆขายๆเหมือนเขา
ก็เจอกัน คุยกัน
แล้วก็วกกลับมาเรื่องฮอตฮิต
คือเรื่องหุ้น
ผมถามเขาว่า "เป็นไงบ้าง คงได้กำไรหลายละซิ หุ้นขึ้นอย่างนี้"
เขาบอกว่า "อือ แต่ "ขาดทุนกำไร" ขายหมูไปเยอะ"
เขาถามผมว่า "ยังถือหุ้น.......อยู่หรือเปล่า"
ผมบอกว่า "ยังถืออยู่"
เขาบอกว่า "วันก่อนเฉียด 200 เลยใช่มั๊ย"
ผมบอก "ใช่"
เขาบอกว่า "อย่างนี้ก็กำไรอื้อเลยซิ แล้วเมื่อไหร่จะขาย" (เขารู้ต้นทุนผมครับ)
ผมบอกว่า "ผมได้กำไร 100% แล้วแต่ไม่ขายหรอก ผมถือยาว"
ผมถามเขาว่า "มีหุ้นถือยาวบ้างมั๊ย"
เขาตอบว่า "มี ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่ขาดทุนแต่ทำใจขายไม่ได้ ก็เลยเก็บไว้"
ผมบอกว่า "ยังเป็น "นักลงทุนระยะยาวจำเป็น" อยู่ละซิ"
เขาก็หัวเราะ
ผมบอกว่า "ผมไม่เคยเก็บหุ้นขาดทุนไว้เลย ถ้าพื้นฐานไม่ดี
แต่ถ้าพื้นฐานดี ผมจะซื้อเพิ่ม"
เขาทำหน้างงๆ
ผมก็อธิบายให้ฟังว่า ผมลงทุนอย่างไร(อีกรอบ)
เขาก็บอกผมว่า "ผม"โชคดี"ได้กำไร เพราะซื้อหุ้นแล้วตลาดหุ้นขึ้นพอดี"
เอ้า เป็นงั้นไป
ผมก็ไม่รู้จะพูดต่ออย่างไร
อยากจะบอกเขาว่า
ผมไม่เคยคิดว่าที่ผมมาได้ถึงจุดนี้ ณ วันนี้
เป็นเพราะโชคนะครับ
ผมใช้หลักการ KAPD ที่ผมเคยเล่าให้ฟัง
(โดยเฉพาะตัว P ที่ทำยากที่สุด)
บวกกับความรู้ที่พอจะจดจำได้
เขาทำให้ผมนึกถึงคำพูดบางคำครับ
ที่บอกว่า
คนไม่มีความรู้จะเชื่อเรื่องโชคลางมากกว่าคนที่มีความรู้
แล้วพี่ๆเพื่อนๆละครับ
เชื่อโชคลางหรือจะเชื่อตัวเราเองมากกว่ากันครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 483
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ส่วนคำถามของพี่เจ๋งเรื่องราคาของหุ้นดังกล่าว
ผมขอไม่ตอบครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 484
"หนทางพิสูจน์ม้า เวลาพิสูจน์การลงทุน"
อีกสิบปี (ตอนเกษียณ) มาวัดดูกันครับ ว่านักเกร็งกับนักกำ ใครจะได้ผลตอบแทนมากกว่า
ผมจะพยายามกำไว้ให้ได้ครับ แต่ก็เกร็งไปหลายเหมือนกัน แหะๆ
อีกสิบปี (ตอนเกษียณ) มาวัดดูกันครับ ว่านักเกร็งกับนักกำ ใครจะได้ผลตอบแทนมากกว่า
ผมจะพยายามกำไว้ให้ได้ครับ แต่ก็เกร็งไปหลายเหมือนกัน แหะๆ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 485
อ้าว ผมนึกว่าพี่เจ๋งถามเรื่องราคาหุ้นJeng เขียน:พี่ถามอะไรเหรอ พี่ไม่ได้ถามอะไรนาโค้ด: เลือกทั้งหมด
ส่วนคำถามของพี่เจ๋งเรื่องราคาของหุ้นดังกล่าว ผมขอไม่ตอบครับ
แต่ก็ดีแล้วครับ
ถ้าใครสนใจอยากถามเรื่อง"ราคาหุ้น"
ผมแนะนำผู้รู้ครับ
เขาชื่อ
"Mr Market" ครับ
พร้อมที่จะตอบทุกคำถามทุกราคาในเวลาทำการครับ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 486
ตกลงคุณพี่ CK กลับมาแล้วใช่มั๊ยครับCK unlog เขียน:"หนทางพิสูจน์ม้า เวลาพิสูจน์การลงทุน"
อีกสิบปี (ตอนเกษียณ) มาวัดดูกันครับ ว่านักเกร็งกับนักกำ ใครจะได้ผลตอบแทนมากกว่า
ผมจะพยายามกำไว้ให้ได้ครับ แต่ก็เกร็งไปหลายเหมือนกัน แหะๆ
ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 487
พี่ไม่ได้ถาม แต่พี่เอาหุ้น ที่พี่คิดว่าเป้น DCA มาให้ดู 26 ตัว ซึ่งตอนอ่านหนังสือ The New Buffet จบใหม่ๆ
พี่ก็เลยลองดูทั้งตลาดว่ามีหุ้นตัวไหนบ้าง
ซึ่งอาจจะถูกหรือไม่ ก็ไม่ทราบครับ
พี่ก็เลยลองดูทั้งตลาดว่ามีหุ้นตัวไหนบ้าง
ซึ่งอาจจะถูกหรือไม่ ก็ไม่ทราบครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 67
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 488
ไม่ทราบว่า ผู้ลงทุนแบบ VI ควรชะลอการตัดสินใจ ลงทุน หลังจากการประกาศผลประกอบการ Q3ก่อน ใช่หรือไม่ ครับ หรือ หากตอนนี้ วิเคราะห์หุ้นบางตัว แล้ว Ok ก็ซื้อได้เลย ขอความคิดเห็น หรือคำแนะนำด้วยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 489
ขอตอบคำถามนี้ก่อนกลับบ้านครับ
เป็นคำถามที่ผมตอบยากมากเลยครับ
เพราะผมลงทุนปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้นเอง
และผมจะรอจนบริษัทที่ผมหมายตาไว้
ถูกเทขายด้วยราคาที่ไม่สมเหตุสมผล
แล้วผมจะเก็บเข้าพอร์ต
ปีนี้ผมก็ซื้อไปอีกหนึ่งบริษัท
โดยที่แทบไม่ได้ขายบริษัทที่ถืออยู่เลย
เหตุผลก็คือ
ผมคิดว่าผมจะซื้อกลับที่ราคาเดิมไม่ได้ครับ
และผมไม่สามารถทำนายว่า
ราคาจะขึ้นหรือลงได้
ผิดกับเพื่อนผม
ที่เป็น"สาวก"ของ EMT
มันหาว่าผมบ้า
มันบอกว่า ทำไมไม่ขายออกแล้วไปรับในราคาที่ถูกกว่า
ผมบอกว่า แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่ราคาจะขึ้นหรือจะลง
ตูอยู่เฉยๆ รอให้ราคาขึ้นไปตามผลประกอบการง่ายกว่า(ว่ะ)
ไม่ต้องเดาตลาดให้เมื่อยตุ้ม
มีบ้างครับ ในช่วงลงทุนแรกๆ
ผมขายออกไปเพื่อรอซื้อในราคาที่ผมคิดว่าจะต่ำลง
แต่ราคาก็ไม่เคยกลับไปที่เดิมอีกเลย
ผมก็เลยต้องซื้อหุ้นตัวเดิมในราคาที่แพงขึ้น
โง่ไปเลย
อาจารย์ Philip Fisher บอกว่า
ให้ซื้อหุ้นเมื่อผลประกอบการรายไตรมาศ
ของบริษัทที่ยอดเยี่ยมนั้น
ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด
และเราคิดว่าเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราว
เช่น การออกผลิตภัณท์ใหม่
ที่จะต้องใช้เงินลงทุนและงบการตลาดเยอะ
ในไตรมาศนั้นๆ
จะทำให้ผลประกอบการหรือกำไรจะลดลง
นักเก็งกำไร หรือ Short-term Investor
จะเทขายหุ้นออกมา
เพราะคิดว่าบริษัทมีกำไรไม่ดี
แต่ถ้าเราเป็นนักลงทุนระยะยาวและรู้จักบริษัทดี
เราจะพบว่ากำไรที่ลดลง
เป็นเพราะการออกผลิตภัณท์ใหม่
ที่จะสร้างกำไรให้บริษัทในอนาคต
ก็เป็นโอกาสของเราที่จะเข้าไปเก็บหุ้นตัวนั้นเข้าพอร์ต
แต่ถ้าเป็นนักเกร็งทั้งหลาย
กลับชอบแบบตรงข้ามครับ
ยิ่งกำไรต่อหุ้นเยอะๆยิ่งดี
ยิ่งปั่นกันง่าย
ยิ่งใกล้วันประกาศผลมากเท่าไหร่
ผู้คนก็ยิ่ง"เกร็ง"กันมากเท่านั้นครับ
ลุ้นกันมากกว่าฟุตบอลพรีเมียรลีกอีกครับ
ส่วนผม
เฉยๆครับ
ผมสนใจผลประกอบการระยะยาว
มากกว่าผลประกอบการระยะสั้นครับ
ผมสนใจ Longterm Underlying Business
มากกว่า Quaterly Earning ครับ
อาจารย์Buffet บอกว่า
คนที่อยากจะขายหุ้นตัวนั้นออกไป
จะชอบให้ราคาหุ้นขึ้นไปสูงๆ
แต่ถ้าเราไม่คิดขายหุ้นตัวนั้นออกไป
เราจะไปสนใจราคาทำไม
ยิ่งราคาต่ำเราก็ยิ่งเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นได้
ในราคาที่ถูกครับ
ท่านอื่นๆอาจจะมีข้อคิดเห็นที่ดีกว่าผมนะครับ
เพราะผมบอกคุณsupachail ไม่ได้
ว่าจะรอหรือไม่รอประกาศ Q3 ดี
แล้วแต่ว่าคุณsupachail จะลงทุนแบบไหนครับ
Long-term, Short-term, หรือ Very-Short-term
ผมตอบแทนไม่ได้จริงๆ
ขออภัย
คำถามของคุณsupachailsupachail เขียน:ไม่ทราบว่า ผู้ลงทุนแบบ VI ควรชะลอการตัดสินใจ ลงทุน หลังจากการประกาศผลประกอบการ Q3ก่อน ใช่หรือไม่ ครับ หรือ หากตอนนี้ วิเคราะห์หุ้นบางตัว แล้ว Ok ก็ซื้อได้เลย ขอความคิดเห็น หรือคำแนะนำด้วยครับ
เป็นคำถามที่ผมตอบยากมากเลยครับ
เพราะผมลงทุนปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้นเอง
และผมจะรอจนบริษัทที่ผมหมายตาไว้
ถูกเทขายด้วยราคาที่ไม่สมเหตุสมผล
แล้วผมจะเก็บเข้าพอร์ต
ปีนี้ผมก็ซื้อไปอีกหนึ่งบริษัท
โดยที่แทบไม่ได้ขายบริษัทที่ถืออยู่เลย
เหตุผลก็คือ
ผมคิดว่าผมจะซื้อกลับที่ราคาเดิมไม่ได้ครับ
และผมไม่สามารถทำนายว่า
ราคาจะขึ้นหรือลงได้
ผิดกับเพื่อนผม
ที่เป็น"สาวก"ของ EMT
มันหาว่าผมบ้า
มันบอกว่า ทำไมไม่ขายออกแล้วไปรับในราคาที่ถูกกว่า
ผมบอกว่า แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่ราคาจะขึ้นหรือจะลง
ตูอยู่เฉยๆ รอให้ราคาขึ้นไปตามผลประกอบการง่ายกว่า(ว่ะ)
ไม่ต้องเดาตลาดให้เมื่อยตุ้ม
มีบ้างครับ ในช่วงลงทุนแรกๆ
ผมขายออกไปเพื่อรอซื้อในราคาที่ผมคิดว่าจะต่ำลง
แต่ราคาก็ไม่เคยกลับไปที่เดิมอีกเลย
ผมก็เลยต้องซื้อหุ้นตัวเดิมในราคาที่แพงขึ้น
โง่ไปเลย
อาจารย์ Philip Fisher บอกว่า
ให้ซื้อหุ้นเมื่อผลประกอบการรายไตรมาศ
ของบริษัทที่ยอดเยี่ยมนั้น
ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด
และเราคิดว่าเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราว
เช่น การออกผลิตภัณท์ใหม่
ที่จะต้องใช้เงินลงทุนและงบการตลาดเยอะ
ในไตรมาศนั้นๆ
จะทำให้ผลประกอบการหรือกำไรจะลดลง
นักเก็งกำไร หรือ Short-term Investor
จะเทขายหุ้นออกมา
เพราะคิดว่าบริษัทมีกำไรไม่ดี
แต่ถ้าเราเป็นนักลงทุนระยะยาวและรู้จักบริษัทดี
เราจะพบว่ากำไรที่ลดลง
เป็นเพราะการออกผลิตภัณท์ใหม่
ที่จะสร้างกำไรให้บริษัทในอนาคต
ก็เป็นโอกาสของเราที่จะเข้าไปเก็บหุ้นตัวนั้นเข้าพอร์ต
แต่ถ้าเป็นนักเกร็งทั้งหลาย
กลับชอบแบบตรงข้ามครับ
ยิ่งกำไรต่อหุ้นเยอะๆยิ่งดี
ยิ่งปั่นกันง่าย
ยิ่งใกล้วันประกาศผลมากเท่าไหร่
ผู้คนก็ยิ่ง"เกร็ง"กันมากเท่านั้นครับ
ลุ้นกันมากกว่าฟุตบอลพรีเมียรลีกอีกครับ
ส่วนผม
เฉยๆครับ
ผมสนใจผลประกอบการระยะยาว
มากกว่าผลประกอบการระยะสั้นครับ
ผมสนใจ Longterm Underlying Business
มากกว่า Quaterly Earning ครับ
อาจารย์Buffet บอกว่า
คนที่อยากจะขายหุ้นตัวนั้นออกไป
จะชอบให้ราคาหุ้นขึ้นไปสูงๆ
แต่ถ้าเราไม่คิดขายหุ้นตัวนั้นออกไป
เราจะไปสนใจราคาทำไม
ยิ่งราคาต่ำเราก็ยิ่งเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นได้
ในราคาที่ถูกครับ
ท่านอื่นๆอาจจะมีข้อคิดเห็นที่ดีกว่าผมนะครับ
เพราะผมบอกคุณsupachail ไม่ได้
ว่าจะรอหรือไม่รอประกาศ Q3 ดี
แล้วแต่ว่าคุณsupachail จะลงทุนแบบไหนครับ
Long-term, Short-term, หรือ Very-Short-term
ผมตอบแทนไม่ได้จริงๆ
ขออภัย
- ปรัชญา1
- Verified User
- โพสต์: 1092
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 490
หนึ่งในตองอูWvix เขียน:เฮียปรัชญา คำว่า 1 ในตองอูคืออะไรครับ เห็นเฮียใช้คำนี้ประกอบการเล่าชีวประวัติ
คือคำพูดของคนหลงตัวเองครับ
หนึ่งในตองอูมีคนเดียว
คือ....ผู้ชนะสิบทิศ
ผมก็ชอบใช้คำแปลกๆ คำไหนที่สงสัยถามผมได้นะครับ
จะได้อธิบาย เดี๋ยวเข้าใจผิดครับ
ฝันถึง วัน ฟ้าสวย...... อยากร่ำรวย-ด้วยเล่นหุ้น
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 491
อย่าไปเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทนกับใครเลยครับ
ไม่ว่าจะลงทนแบบ VI VS หรือแบบอื่นๆ
ขอให้เราได้รับผลตอบแทนตามสมควร มากกว่าที่เราตั้งเป้าไว้หน่อยหนึ่งก็พอแล้วครับ
ชีวิตจะได้ไม่เครียด ให้เงินทำงานแล้วอย่าเครียดครับ
ผมไม่เคยเปรียบเทียบกับใคร หรือดัชนีอะไรเลย
ผมเคยผ่านเหตการณ์ที่ห้นขึ้นทะลทะลวง แล้วห้นที่ผมลงทนไม่ขยับก็บ่อยครั้ง
แต่เพื่อนๆว่าผลการลงทนของผมน่าพอใจไหมครับ
เราคงไม่จำเป็นต้องมีกำไรสงสด ทกรอบที่ห้นขึ้นหรอกจริงไหมครับ
ผมขอยืนยันจากประสบการณ์ตัวเอง
ไม่ว่าจะลงทนแบบ VI VS หรือแบบอื่นๆ
ขอให้เราได้รับผลตอบแทนตามสมควร มากกว่าที่เราตั้งเป้าไว้หน่อยหนึ่งก็พอแล้วครับ
ชีวิตจะได้ไม่เครียด ให้เงินทำงานแล้วอย่าเครียดครับ
ผมไม่เคยเปรียบเทียบกับใคร หรือดัชนีอะไรเลย
ผมเคยผ่านเหตการณ์ที่ห้นขึ้นทะลทะลวง แล้วห้นที่ผมลงทนไม่ขยับก็บ่อยครั้ง
แต่เพื่อนๆว่าผลการลงทนของผมน่าพอใจไหมครับ
เราคงไม่จำเป็นต้องมีกำไรสงสด ทกรอบที่ห้นขึ้นหรอกจริงไหมครับ
ผมขอยืนยันจากประสบการณ์ตัวเอง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 493
เห็นด้วยกับพี่Chathcai และพี่เจ๋งครับ
ว่าเราอย่าไปซีเรียส เครียด
กับผลตอบแทนของพอร์ตของเราเลย
เราไม่ใช่กองทุนที่จะต้องแสดงผลงาน
เป็นกี่เปอร์เซนต์ ขนะดัชนีหรือเปล่า
ให้คนอื่นรับรู้เพื่อให้คนมาสนใจลงทุน
ไม่งั้นกองทุนก็เจ๊ง ถ้าคนขนเงินไปลงกองอื่นหมด
ผมบอกให้ก็ได้ครับ
กองทุนที่ทำผลตอบแทนสูงๆ ชนะดัชนีได้น่ะ
เขาก็เล่นรอบเหมือนกันครับ
ขายตัวนั้น ซื้อตัวนี้
และถือเป็นสิบเป็นร้อยตัว
ใช้หลัก EMT
ไม่ค่อยมีใครถือน้อยตัวและถือยาวสักเท่าไหร่หรอกครับ
เราทำอย่างเขา เหนื่อยตาย
เพื่อนผมเป็นผู้จัดการกองทุน
แต่ก่อนอารมณ์ดีมาก ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่
ตอนนี้เจอกัน สูบบุหรี่มวนต่อมวนเลยครับ
กินเหล้าแทนน้ำ
ผมเลยถามว่า เฮ้ย ทำไมต้องทำร้ายตัวเองขนาดนี้(ว่ะ)
เขาบอกว่า มันเครียดว่ะ
วันนี้ตูทำเงินกองทุนหายไปหลายร้อยล้าน
พรุ่งนี้ต้องเอาคืน
ผมก็เลยคิดว่า นี่เอ็งบริหารกองทุน หรือเล่นพนันว่ะเนี่ย
อาจารย์ Buffet บอกไว้ว่า
พวกกองทุนน่ะ
ทำผลตอบแทนชนะดัชนีได้
แต่ก็ทำในสิ่งที่แย่ที่สุด
ก็คือขายบริษัทที่ดีๆออกไป
เพื่อทำให้กองทุนของตัวเองดูดีตอนปิดงบ
เพียงเพราะราคาไม่ขยับเท่านั้นเอง
ผมว่าท่าจะจริงนะครับ
เพราะบางทีเราจะเห็นบริษัทดีๆถูกเทขาย
ตอนปลายปี
เพียงเพื่อจะทำให้ผลตอบแทนกองทุนดูดี
ไม่มีหุ้นขาดทุนหรือกำไรน้อยอยู่ในพอร์ต
จริงมั๊ยครับ ท่านผู้บริหารกองทุนทั้งหลาย
ผมไม่เคยพูดนะครับ
ว่าการลงทุนแนวซื้อน้อยๆตัวถือนานๆแบบของผม
จะสามารถทำผลตอบแทนได้สูงที่สุด
เพียงแต่ผมคิดว่า
มันเป็นวิธีการลงทุนที่ง่ายเหมือน
ซื้อหุ้นแล้วเอามือซุกกระเป๋าได้เลยครับ
แล้วบริษัทและผู้บริหารจะดำเนินการต่อเอง
เราก็เหมือนมีคนทำงานแทนเราเอง
เรียกว่าใช้คนอื่นทำงานแทนครับ
ผมไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ ไม่ต้องดูราคาหุ้น
ตลาดปิดไปสามปี ผมก็เฉยๆ
วันๆผมก็ทำงานประจำได้ ไม่กังวล
กลางคืนผมก็นอนหลับสบาย
ตื่นมาผมก็นั่งจิบน้ำชา อ่านข่าวดีๆของบริษัทผม
มีความสุขดีครับ
จิตใจไม่ร้อนรน ไม่ดิ้นพล่านเหมือนนักเกร็งทั้งหลาย
หุ้นขึ้นผมก็ดีใจ หุ้นลงผมยิ่งดีใจใหญ่
เพราะจะมีคนขายบริษัทดีๆให้ผมถูกๆ
การลงทุนที่ผมทำอยู่
มันทำให้ผมรู้จักคำว่า "เพียงพอ" ครับ
คนอื่นได้มาก ก็ดีใจกับเขาด้วย ไม่ได้อิจฉาใคร
ถือว่าเขาใช้เวลา ใช้พลังงานในการตามหุ้นมากกว่าเรา
เขาขาดทุน เราก็สงสาร
ก็พยายามอธิบายให้ฟังถึงแนวทางลงทุนที่ไม่ขาดทุน
เขาจะทำตาม ไม่ทำตาม
ผมก็บังคับเขาไมได้
อันดับแรก สำหรับมือใหม่
ผมว่าเราต้องตั้งเป้าหมายของเราก่อนครับ
ว่าเราต้องการอะไรในชีวิต
บางคนอยากรวยท่าเดียว
ไม่สนใจอย่างอื่นเลย
ก็กำเงินเข้าตลาด พลาดท่าเงินมลายหายไป
หรือได้เงินมา ก็"โลภ" ไม่รู้จักพอ อยากได้มากกว่าเดิม
สุดท้ายก็หมด
พี่ชายผมเป็นนักเก็งกำไรเต็มตัว
แต่เขาบอกผมว่า
สิ่งแรกที่นักเก็งกำไรต้องทำคือ "ไม่โลภ"
เขาทำเงินมากมายจากตลาดหุ้นในรอบนี้ครับ
เขาบอกว่าคนเราต้องรู้จักควบคุมตัวเอง
และ"กล้าได้" ก็ต้อง "กล้าเสีย"
เขาบอกผมว่า
วิธีลงทุนของผมไม่ผิดหรอกครับ
แต่ละคนมีสไตล์ของตัวเอง
แต่สำหรับเขา เขาบอกว่าเขาทนไม่ได้ครับ
ที่เห็นหุ้นตัวอื่นวิ่งเอาๆ แต่ตัวที่เราถือราคานิ่งเหมือนแช่แป้ง
ผมก็หัวเราะ บอก เออจริง
บางคนทนไม่ได้จริงๆ
ผมอยากจะบอกว่า
ในเวปนี้ถึงแม้จะเป็น Value Investor เหมือนกัน
แต่ละคนก็มีสไตล์ไม่เหมือนกันครับ
และผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครถูกใครผิด
หรือวิธีของใครจะดีกว่าใคร
พี่ฉัครชัย ลงทุนด้วยงบการเงินล้วนๆ ถือเพียงหนึ่งหรือสองตัว
พี่ปรัชญา ลงทุนในวอร์แรนต์
พี่พี ลงทุนในหุ้นสองร้อยตัว ได้รับ Annual Report ปีละสองร้อยเล่ม
คุณมน เก็บก้นบุหรี่สูบอย่างมีความสุข
คุณธันวา ลงทุนในกิจการที่ตัวเองเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
พี่เจ๋ง ทนไม่ไหว ลงไปหัดเก็งกำไร อิ อิ
ผมว่าทุกท่านมีวิธีการที่แตกต่างกัน
และไม่ได้ถือหุ้นตัวเดียวกัน
แต่ผมว่าสิ่งที่เหมือนกันก็คือ
เราลงทุนในธุรกิจที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าของธุรกิจนั้น
อาจารย์ Graham บอกไว้ว่า
"ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย แต่มูลค่าคือสิ่งที่คุณจะได้รับ"
การหามูลค่าของแต่ละท่านก็ไม่เหมือนกัน
ผมว่าไม่มีวิธีไหน Perfect หรอกครับ
เราอย่าไปยึดติดกับ"วิธีการ"เลยครับ
สิ่งที่สำคัญน่าจะเป็น"หลักการ"มากกว่า
เพราะในตลาด "สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือความไม่แน่นอน" ครับ
ผมบ่นมามากพอแล้ว
บางท่านอาจจะรำคาญ
แต่อยากบอกคนที่อยากจะเป็นนักลงทุนใหม่ๆไว้ว่า
1) หาเป้าหมายชีวิตของตัวเองให้เจอ
2) ค้นหาสไตล์การลงทุนของตัวเอง
3) ไม่ออกนอกเส้นทางที่เราตั้งเป้าหมายไว้
4) ไม่โลภ
5) อย่าเครียด
6) ทำจิตใจให้สงบแล้วจะพบความสุขที่เยือกเย็น (คำพูดท่านพุทธทาสภิกขุ)
โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ
ว่าเราอย่าไปซีเรียส เครียด
กับผลตอบแทนของพอร์ตของเราเลย
เราไม่ใช่กองทุนที่จะต้องแสดงผลงาน
เป็นกี่เปอร์เซนต์ ขนะดัชนีหรือเปล่า
ให้คนอื่นรับรู้เพื่อให้คนมาสนใจลงทุน
ไม่งั้นกองทุนก็เจ๊ง ถ้าคนขนเงินไปลงกองอื่นหมด
ผมบอกให้ก็ได้ครับ
กองทุนที่ทำผลตอบแทนสูงๆ ชนะดัชนีได้น่ะ
เขาก็เล่นรอบเหมือนกันครับ
ขายตัวนั้น ซื้อตัวนี้
และถือเป็นสิบเป็นร้อยตัว
ใช้หลัก EMT
ไม่ค่อยมีใครถือน้อยตัวและถือยาวสักเท่าไหร่หรอกครับ
เราทำอย่างเขา เหนื่อยตาย
เพื่อนผมเป็นผู้จัดการกองทุน
แต่ก่อนอารมณ์ดีมาก ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่
ตอนนี้เจอกัน สูบบุหรี่มวนต่อมวนเลยครับ
กินเหล้าแทนน้ำ
ผมเลยถามว่า เฮ้ย ทำไมต้องทำร้ายตัวเองขนาดนี้(ว่ะ)
เขาบอกว่า มันเครียดว่ะ
วันนี้ตูทำเงินกองทุนหายไปหลายร้อยล้าน
พรุ่งนี้ต้องเอาคืน
ผมก็เลยคิดว่า นี่เอ็งบริหารกองทุน หรือเล่นพนันว่ะเนี่ย
อาจารย์ Buffet บอกไว้ว่า
พวกกองทุนน่ะ
ทำผลตอบแทนชนะดัชนีได้
แต่ก็ทำในสิ่งที่แย่ที่สุด
ก็คือขายบริษัทที่ดีๆออกไป
เพื่อทำให้กองทุนของตัวเองดูดีตอนปิดงบ
เพียงเพราะราคาไม่ขยับเท่านั้นเอง
ผมว่าท่าจะจริงนะครับ
เพราะบางทีเราจะเห็นบริษัทดีๆถูกเทขาย
ตอนปลายปี
เพียงเพื่อจะทำให้ผลตอบแทนกองทุนดูดี
ไม่มีหุ้นขาดทุนหรือกำไรน้อยอยู่ในพอร์ต
จริงมั๊ยครับ ท่านผู้บริหารกองทุนทั้งหลาย
ผมไม่เคยพูดนะครับ
ว่าการลงทุนแนวซื้อน้อยๆตัวถือนานๆแบบของผม
จะสามารถทำผลตอบแทนได้สูงที่สุด
เพียงแต่ผมคิดว่า
มันเป็นวิธีการลงทุนที่ง่ายเหมือน
ซื้อหุ้นแล้วเอามือซุกกระเป๋าได้เลยครับ
แล้วบริษัทและผู้บริหารจะดำเนินการต่อเอง
เราก็เหมือนมีคนทำงานแทนเราเอง
เรียกว่าใช้คนอื่นทำงานแทนครับ
ผมไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ ไม่ต้องดูราคาหุ้น
ตลาดปิดไปสามปี ผมก็เฉยๆ
วันๆผมก็ทำงานประจำได้ ไม่กังวล
กลางคืนผมก็นอนหลับสบาย
ตื่นมาผมก็นั่งจิบน้ำชา อ่านข่าวดีๆของบริษัทผม
มีความสุขดีครับ
จิตใจไม่ร้อนรน ไม่ดิ้นพล่านเหมือนนักเกร็งทั้งหลาย
หุ้นขึ้นผมก็ดีใจ หุ้นลงผมยิ่งดีใจใหญ่
เพราะจะมีคนขายบริษัทดีๆให้ผมถูกๆ
การลงทุนที่ผมทำอยู่
มันทำให้ผมรู้จักคำว่า "เพียงพอ" ครับ
คนอื่นได้มาก ก็ดีใจกับเขาด้วย ไม่ได้อิจฉาใคร
ถือว่าเขาใช้เวลา ใช้พลังงานในการตามหุ้นมากกว่าเรา
เขาขาดทุน เราก็สงสาร
ก็พยายามอธิบายให้ฟังถึงแนวทางลงทุนที่ไม่ขาดทุน
เขาจะทำตาม ไม่ทำตาม
ผมก็บังคับเขาไมได้
อันดับแรก สำหรับมือใหม่
ผมว่าเราต้องตั้งเป้าหมายของเราก่อนครับ
ว่าเราต้องการอะไรในชีวิต
บางคนอยากรวยท่าเดียว
ไม่สนใจอย่างอื่นเลย
ก็กำเงินเข้าตลาด พลาดท่าเงินมลายหายไป
หรือได้เงินมา ก็"โลภ" ไม่รู้จักพอ อยากได้มากกว่าเดิม
สุดท้ายก็หมด
พี่ชายผมเป็นนักเก็งกำไรเต็มตัว
แต่เขาบอกผมว่า
สิ่งแรกที่นักเก็งกำไรต้องทำคือ "ไม่โลภ"
เขาทำเงินมากมายจากตลาดหุ้นในรอบนี้ครับ
เขาบอกว่าคนเราต้องรู้จักควบคุมตัวเอง
และ"กล้าได้" ก็ต้อง "กล้าเสีย"
เขาบอกผมว่า
วิธีลงทุนของผมไม่ผิดหรอกครับ
แต่ละคนมีสไตล์ของตัวเอง
แต่สำหรับเขา เขาบอกว่าเขาทนไม่ได้ครับ
ที่เห็นหุ้นตัวอื่นวิ่งเอาๆ แต่ตัวที่เราถือราคานิ่งเหมือนแช่แป้ง
ผมก็หัวเราะ บอก เออจริง
บางคนทนไม่ได้จริงๆ
ผมอยากจะบอกว่า
ในเวปนี้ถึงแม้จะเป็น Value Investor เหมือนกัน
แต่ละคนก็มีสไตล์ไม่เหมือนกันครับ
และผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครถูกใครผิด
หรือวิธีของใครจะดีกว่าใคร
พี่ฉัครชัย ลงทุนด้วยงบการเงินล้วนๆ ถือเพียงหนึ่งหรือสองตัว
พี่ปรัชญา ลงทุนในวอร์แรนต์
พี่พี ลงทุนในหุ้นสองร้อยตัว ได้รับ Annual Report ปีละสองร้อยเล่ม
คุณมน เก็บก้นบุหรี่สูบอย่างมีความสุข
คุณธันวา ลงทุนในกิจการที่ตัวเองเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
พี่เจ๋ง ทนไม่ไหว ลงไปหัดเก็งกำไร อิ อิ
ผมว่าทุกท่านมีวิธีการที่แตกต่างกัน
และไม่ได้ถือหุ้นตัวเดียวกัน
แต่ผมว่าสิ่งที่เหมือนกันก็คือ
เราลงทุนในธุรกิจที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าของธุรกิจนั้น
อาจารย์ Graham บอกไว้ว่า
"ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย แต่มูลค่าคือสิ่งที่คุณจะได้รับ"
การหามูลค่าของแต่ละท่านก็ไม่เหมือนกัน
ผมว่าไม่มีวิธีไหน Perfect หรอกครับ
เราอย่าไปยึดติดกับ"วิธีการ"เลยครับ
สิ่งที่สำคัญน่าจะเป็น"หลักการ"มากกว่า
เพราะในตลาด "สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือความไม่แน่นอน" ครับ
ผมบ่นมามากพอแล้ว
บางท่านอาจจะรำคาญ
แต่อยากบอกคนที่อยากจะเป็นนักลงทุนใหม่ๆไว้ว่า
1) หาเป้าหมายชีวิตของตัวเองให้เจอ
2) ค้นหาสไตล์การลงทุนของตัวเอง
3) ไม่ออกนอกเส้นทางที่เราตั้งเป้าหมายไว้
4) ไม่โลภ
5) อย่าเครียด
6) ทำจิตใจให้สงบแล้วจะพบความสุขที่เยือกเย็น (คำพูดท่านพุทธทาสภิกขุ)
โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 496
วันนี้วันศุกร์ขอแปลงร่าง กลายเป็น มดเขียว VI
เฮ้อ เล่นเกร็งกำไรมา 1 สัปดาห์ เหมือนขึ้นเขาภูกระดึง เหนื่อย และมันส์ดี
สงสัย ตัวเองจะไม่เหมาะกับการเกร็งกำไร
อิอิ
สุดท้าย ได้กำไร เล็กน้อย เทรดไป 17 รอบ ได้กำไร ไม่ชนะ ค่าคอม
อิอิ
แต่ก็ซื้อ DTC แบบนอนหลับสบายนะครับ
กะว่าไปเที่ยวตาฮิติ พอกลับมาวันที่ 26
พอดี DTC ซื้อหุ้นครบพอดี
เพราะน่าจะมีคนขายเพื่อเอาเงินไปเกร็งกำไรกันนะ
เฮ้อ เล่นเกร็งกำไรมา 1 สัปดาห์ เหมือนขึ้นเขาภูกระดึง เหนื่อย และมันส์ดี
สงสัย ตัวเองจะไม่เหมาะกับการเกร็งกำไร
อิอิ
สุดท้าย ได้กำไร เล็กน้อย เทรดไป 17 รอบ ได้กำไร ไม่ชนะ ค่าคอม
อิอิ
แต่ก็ซื้อ DTC แบบนอนหลับสบายนะครับ
กะว่าไปเที่ยวตาฮิติ พอกลับมาวันที่ 26
พอดี DTC ซื้อหุ้นครบพอดี
เพราะน่าจะมีคนขายเพื่อเอาเงินไปเกร็งกำไรกันนะ
- ปรัชญา1
- Verified User
- โพสต์: 1092
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 497
หุ้นก็กำลัง สวิงสะวาย
กระทู้ ที่มีความรู้คนเขาก็อ่านแล้วไม่กลับมาอ่านต่อ
ส่วนผมว่าจะอ่าน ไปจน2หมื่นกว่าคลิ๊ก
หากทุกท่านยังร่วมเข้ามาต่อเติมเสริมความรู้ครับ
ถึงจะเพลิดเพลินกับการเก็งกำไร ก็อย่าลืมพื้นฐานนะครับ
ผมนั่งดูWG
ของคุณฉัตรชัย มันฝืนความรู้สึกอยู่นะ อีก5เดือนปันผลแถวๆ2บาทหุ้นก็ดูยังถูก ผลตอบแทนยังดูดี
กับ NKI เขาขายแบบไม่เสียดายของเลย คนขายคิดอย่างไร
น่าจะตั้งกระทู้ ร้อยคนร้อยหุ้นเอาโครงสร้างเงินทุนมาแบให้ดู
ผู้ถือหุ้นใหญ่ตระกูลใหญ่ไว้ใจได้ครับ ถึงราคามันจะยืนๆไม่เร้าใจเหมือนหุ้นแฟชั่น
LTX หลังวันที่15พย.นี้ก็กำลังจะประกาศ
จ่ายเงินปันผลระหว่างการ น่าจะเห็นแถวๆ 1บาทกว่า
ใครมีเงินก็รับกันไว้บ้างนะครับ หุ้นดีดีราคาถูก
กระทู้ ที่มีความรู้คนเขาก็อ่านแล้วไม่กลับมาอ่านต่อ
ส่วนผมว่าจะอ่าน ไปจน2หมื่นกว่าคลิ๊ก
หากทุกท่านยังร่วมเข้ามาต่อเติมเสริมความรู้ครับ
ถึงจะเพลิดเพลินกับการเก็งกำไร ก็อย่าลืมพื้นฐานนะครับ
ผมนั่งดูWG
ของคุณฉัตรชัย มันฝืนความรู้สึกอยู่นะ อีก5เดือนปันผลแถวๆ2บาทหุ้นก็ดูยังถูก ผลตอบแทนยังดูดี
กับ NKI เขาขายแบบไม่เสียดายของเลย คนขายคิดอย่างไร
น่าจะตั้งกระทู้ ร้อยคนร้อยหุ้นเอาโครงสร้างเงินทุนมาแบให้ดู
ผู้ถือหุ้นใหญ่ตระกูลใหญ่ไว้ใจได้ครับ ถึงราคามันจะยืนๆไม่เร้าใจเหมือนหุ้นแฟชั่น
LTX หลังวันที่15พย.นี้ก็กำลังจะประกาศ
จ่ายเงินปันผลระหว่างการ น่าจะเห็นแถวๆ 1บาทกว่า
ใครมีเงินก็รับกันไว้บ้างนะครับ หุ้นดีดีราคาถูก
ฝันถึง วัน ฟ้าสวย...... อยากร่ำรวย-ด้วยเล่นหุ้น
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 78
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 498
ผมมาทวงวิธีวิเคราะห์หุ้น super-growth-stock microsoft จากพี่VB กลัวพี่จะลืม จะได้นำไปวิ่งแข่งกับหุ้นปั่นบ้าง ผมติดใจที่ peter lynce บอกให้พยายามหา หุ้นที่ให้ผลตอบแทน 1000% ใน 10 ปี มากกว่าพยายามหา 100% ใน 1 ปี ผมคิดว่าต้อง growth-stock เท่านั้นที่เป็นคำตอบครับ รออ่านครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 499
นึกว่าจะไม่มีคนอยู่เป็นเพื่อนผมกับคุณมนซะแล้วvudhipong เขียน:แหม ดูเหมือนเป็นกระทู้นี้เป็นกระทู้อมตะจริงๆ นะครับ เปิดอ่านทีไร ได้ความรู้ใหม่ คำแนะนำมากมาย
สำหรับผม กำลังรอเวลาให้ Mr.Market มาเคาะประตูบ้าน เพื่อเสนอขายของถูกครับ
ตอนนี้คนกำลังแห่เข้าตลาดหุ้นเหมือนงานเทกระจาด
เพื่อนผมคนนึงมาถามผมว่า จะซื้อกองทุนวายุภักษ์ดีไหม
ผมบอก ผมไม่เคยคิดซื้อกองทุนเลย
ผมก็เล่าให้ฟังว่า ผมลงทุนอย่างไร
เขาบอกว่า ไม่เอาดีกว่า ขี้เกียจตามหุ้น
พรุ่งนี้จะไปซื้อวายุภักษ์แล้ว
ได้ปันผลปีละ 3-5% ก็โอเค
ผมก็เลยบอกว่า ก็แล้วแต่ เงินใครเงินมัน
แล้วมีเพื่อนอีกคน
กำลังเข้าตลาด
เป็นพวกกลับมาใหม่จากรอบก่อนวิกฤตครับ
ผมถามเขาว่า
มีวิธีลงทุนอย่างไร
เขาบอกว่า
"ก็ไม่เห็นยากอะไร ตัวไหนกำไรก็ขาย ตัวไหนขาดทุนก็เก็บไว้"
ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เพราะนี่ก็เป็น "นักลงทุนระยะยาวจำเป็น" อีกเหมือนกัน
รักจะเป็นนักเก็งกำไร แต่ Cutloss ไม่เป็น
ผมละเศร้าแทนเขาจริงๆ
เวลาหุ้นตกหนักๆ เขาจะกลุ้มใจมั๊ยเนี่ย
ขณะที่ผมกำลังเริงร่า ได้หุ้นดีราคาถูก
พี่เจ๋งJeng เขียน:เฮ้อ เล่นเกร็งกำไรมา 1 สัปดาห์ เหมือนขึ้นเขาภูกระดึง เหนื่อย และมันส์ดี
ผมไปภูกระดึงมาครั้งสุดท้ายเมื่อตอนอยู่ปีสี่
ยังจำได้ว่า
ขึ้นไปถึง"ซำแฮก"แล้ว นึกว่ามาถึงยอดภู
พอรู้ว่าเหลืออีกหลายสิบกิโล
ใจอยากจะกลับตั้งแต่ตอนนั้นเลยครับ
พอดีมีเพื่อนไปด้วยหลายคน
เลยต้องกัดฟันเดินต่อจนถึงยอดภู
พอถึงแล้ว
หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
ไม่รู้ว่าเพื่อนๆมี"อาการ"แบบเดียวกันหรือเปล่า
โดยเฉพาะตอนเห็นสนสองใบลู่ลมไหวๆอยู่ข้างทาง
พร้อมเห็นใบเมเปิ้ลสีแดงเต็มทางเดิน
โอ....โรแมนติก อย่าบอกใคร
ตอนนี้ให้ไปขึ้นอีกรอบ
คงขอบายครับ สังขารไม่ให้
เอ...แล้วมันเกี่ยวกับหุ้นตรงไหนวะนี่
ขอบคุณพี่ปรัชญาครับปรัชญา เขียน: หุ้นก็กำลัง สวิงสะวาย
กระทู้ ที่มีความรู้คนเขาก็อ่านแล้วไม่กลับมาอ่านต่อ
ส่วนผมว่าจะอ่าน ไปจน2หมื่นกว่าคลิ๊ก
หากทุกท่านยังร่วมเข้ามาต่อเติมเสริมความรู้ครับ
ถึงจะเพลิดเพลินกับการเก็งกำไร ก็อย่าลืมพื้นฐานนะครับ
ที่อุตส่าห์ติดตามอ่านกระทู้
ตลาดร้อนแรงอย่างนี้นี่เอง
กระทู้นี้เลยไม่ค่อยมีคนอ่านสักเท่าไหร่
สังเกตุจากเดือนก่อนๆจะอ่านวันนึงเกือบ 500 ครั้ง
ตอนนี้วันละ 200 ครั้งก็เก่งแล้ว
เห็นด้วยกับคุณมนนะ ว่าเวปเงียบลงไปเยอะ
นี่ยังดีที่พี่เจ๋งออกกระทู้ให้แลกเปลี่ยนชื่อหุ้น VI
ไม่งั้นเวปนี้คงเหงา
กว่าคงจะถึง 20,000 อย่างที่พี่ปรัชญาบอก
คงอีกนานครับ
แต่ก็หวังว่าคงไม่เบื่อกันก่อนนะครับ
มุขผมก็เริ่มงวดลงๆ
ถ้าผมเผยชื่อหุ้นที่ผ่านตระแกรงมาเลยตั้งแต่ต้น
คงมีคนอ่านมากกว่านี้
ผ่านมาแล้ว 18 หน้า
มีใครได้ความรู้เพิ่มเติมพอร่อนตระแกรงเองบ้างหรือยังครับ
อย่างน้อยที่สุด
ถ้าผมทำให้คนอ่านกระทู้นี้เข้าใจได้ว่า
การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไม่ใช่"การพนัน"
และการลงทุนแบบ VI เสี่ยงน้อยกว่าฝากแบงค์
แค่นั้นผมก็พอใจแล้วครับ
ขอยกตัวอย่างภรรยาผมแล้วกันครับ
แต่ก่อนเธอคิดว่าการลงทุนซื้อหุ้นคือความเสี่ยง
ต้องตามตลาด ตามราคาหุ้นนาทีต่อนาทีถึงจะได้กำไร
เพราะเห็นคนเจ๊งหุ้นมาเยอะ
ช่วงแรกๆที่ผมลงทุน
ซ้อให้เงินมาครึ่งเดียวครับ
บอกว่าให้เอาไป"เล่น"หุ้นแค่นี้พอ เจ๊งจะได้มีเหลือ
พอผมพบว่า การลงทุนแบบ VI มันไม่เจ๊งนี่หว่า
ผมขอเงินก้อนที่เหลือครับ
ผมบอกผมจะเอาไปซื้อหุ้นให้หมดเลย
ซ้อแกไม่ยอมครับ
บอกว่าเดี๋ยวหมดตัว ไม่ยอมท่าเดียว
ผมเลยต้องเก็บหอมรอมริบเอาเงินเก็บมาซื้อหุ้น
ผมพูดบอกเธอทุกวันเกี่ยวกับการลงทุนแบบ VI
จนเธอเบื่อ (และไม่ค่อยเชื่อ)
วันนึงคุณธันวาเปิดโอกาสให้ผม"ระบาย"ความในใจ
ผมบอกให้ภรรยาผมอ่านในเวป
เธอก็ทนอ่านแบบเสียไม่ได้
จนถึงวันนี้
เธอมีเงินเท่าไหร่
เธอให้ผมหมดเลยครับ
บอกให้ผมเอาไปลงทุนซื้อหุ้น
ผมถามว่า ลงทุนซื้อหุ้นไม่เสี่ยงเหรอ
เธอบอกว่า เสี่ยงน้อยกว่าฝากแบงค์
ถ้ากระทู้นี้สามารถเปลี่ยนทัศนคติ
ของคนที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์สักหยิบมือ
ให้มองเห็นว่า
การ"เล่น"หุ้นไม่ใช่การพนัน
และเราไม่ได้"เล่น"หุ้น แต่เรา"ลงทุน"ในบริษัท
ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เราควบคุมได้
ด้วยการทำการบ้านเยอะๆ
และการควบคุม "ความโลภ" และ"ความกลัว"ของเราเอง
ถ้ามีสัก"หนึ่งคน"ที่เปลี่ยนตัวเองได้
ด้วยการอ่านกระทู้นี้
ผมมองว่า
จุดประสงค์หรือเป้าหมายของผมก็บรรลุแล้วครับ
เรียกว่า Mission Possible
ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป
ผมอาจจะไม่ได้เข้ามาในกระทู้นี้ทุกวัน
เหมือนอย่างเคย
เพราะต้องรอนแรมไปทำงานในที่ต่างๆตามต่างจังหวัด
แต่ก็จะพยายามเข้ามาตอบคำถาม
เกี่ยวกับเรื่อง Value Investing ในกระทู้นี้บ่อยๆครับ
ผมไม่ได้แวบไปเก็งกำไรนะครับ
เพียงแต่เวลาอยู่ต่างจังหวัด
ไม่ค่อยสะดวกที่จะเข้าเวป
อีกอย่างความรู้ผมก็เริ่มงวดลงแล้ว
แล้วกระทู้เกี่ยวกับความรู้ก็ได้รับความสนใจน้อยลงๆ
ถ้าใครอยากจะคุยอะไรกับผม
อยากจะถามอะไร
หรืออยากจะฝากอะไรถึงผม
ก็ใช้กระทู้นี้ละครับ โพสเข้ามาเลยครับ
ไว้ว่างๆ ผมก็จะเข้ามาอัพเดต หรือเล่าอะไรเปิ่นๆให้ฟัง
พี่ๆน้องๆที่เข้ามาใหม่จะได้อ่านตั้งแต่ต้น
แต่บอกก่อนนะครับ
ว่าไม่ได้หายไปไหน
เพียงแต่ผมอาจจะเข้าเวปน้อยลง
คนถามอาจจะใช้เวลานานมากขึ้นกว่าจะได้คำตอบ
ถ้ามีใครโพสเข้ามาในกระทู้นี้
จะมีเตือนที่ e-mail ของผม
แล้วผมจะเข้ามาตอบให้ครับ
เวลานี้ก็โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ
แล้วพบกันใหม่ครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 500
ตัวจริงนะครับ แต่net ของผมมันช้ามากวันนี้ อาจเป็นเพราะสายโทรศัพย์ไม่ดีอีกแล้ว
พี่ๆและเพื่อนครับ ผมจะอยู่กับคุณวิบูลย์ที่กระทู้นี้จนกว่าจะไม่มีใครอ่านละครับ
ตอนนี้ผมเตรียมกระสุนเอาไว้อย่างมากเลยที่เดียว เพื่อรอพยุงตลาดหุ้นที่ผมคาดเองว่ารอบนี้สามฉ่าแน่นอน มองเอาไว้สองสามบริษัทครับ
ผมรอคุณchatchaiทำFCFไม่ไหวแล้วนะครับ ตอนนี้ผมกำลังทำของAPRINTอยู่ เสร็จแล้วจะเอามาชวนคุยนะครับ
พี่ๆและเพื่อนครับ ผมจะอยู่กับคุณวิบูลย์ที่กระทู้นี้จนกว่าจะไม่มีใครอ่านละครับ
ตอนนี้ผมเตรียมกระสุนเอาไว้อย่างมากเลยที่เดียว เพื่อรอพยุงตลาดหุ้นที่ผมคาดเองว่ารอบนี้สามฉ่าแน่นอน มองเอาไว้สองสามบริษัทครับ
ผมรอคุณchatchaiทำFCFไม่ไหวแล้วนะครับ ตอนนี้ผมกำลังทำของAPRINTอยู่ เสร็จแล้วจะเอามาชวนคุยนะครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 501
น้องUttoutto เขียน:ผมมาทวงวิธีวิเคราะห์หุ้น super-growth-stock microsoft จากพี่VB กลัวพี่จะลืม จะได้นำไปวิ่งแข่งกับหุ้นปั่นบ้าง ผมติดใจที่ peter lynce บอกให้พยายามหา หุ้นที่ให้ผลตอบแทน 1000% ใน 10 ปี มากกว่าพยายามหา 100% ใน 1 ปี ผมคิดว่าต้อง growth-stock เท่านั้นที่เป็นคำตอบครับ รออ่านครับ
โทษที พี่ลืมไปจริงๆ ขอตอบเลยแล้วกัน
แต่ละเอียดหรือเปล่าไม่รู้น่ะครับ
Peter Lynch บอกว่า
แกชอบหุ้นที่มีการเติบโตสูงในอุตสาหกรรมที่ไม่ค่อยเติบโต
ฟังดูแหม่งๆมั๊ยครับ
แกบอกว่า
อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เช่น อินเทอร์เนต คอมพิวเตอร์
ทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามีการเติบโตสูง
ดังนั้นหุ้นพวกนี้ก็มีคนติดตามมาก
โดยเฉพาะนักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบัน
ทำให้ราคาหุ้นพวกนี้สูงโอเวอร์
ถ้าเราซื้อหุ้นราคาสูง
โอกาสที่หุ้นจะปรับตัวเป็นสิบๆเท่า
มันยากมาก....ถึงมากที่สุด
ดังนั้น
น้าLynch แกเลยชอบสอดส่าย
หาบริษัทที่เติบโตในอุตสาหกรรมที่คนเห็นว่าไม่เติบโต
เช่น ร้าน Limited ที่ขายเสื้อผ้า
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าตลาดเสื้อผ้าอิ่มตัวแล้ว
เลยไม่สนใจ
แต่น้าเราไปแกะงบการเงิน พบว่า
Limited มียอกขายและกำไรเติบโตสูงมากกว่าชาวบ้านเยอะ
ไปดูผู้ถือหุ้นก็ยังไม่มีสถาบันถือหุ้น
อ้อ อีกอย่าง
น้าแกชอบทำ Scuttlerbutt ด้วยการช้อปปิ้งครับ
แกเห็นว่าร้าน Limited คนเข้าตรึม
แถมมีการขยายสาขาเป็นว่าเล่น
แกก็คว้าทันทีเลยครับ
หุ้นขึ้นจาก 10 เหรียญเป็น 100 เหรียญ
ในช่วงเวลาสักห้าปีถ้าจำไม่ผิด
น้าแกเรียกหุ้นพวกนี้ว่า
"Ten-bagger" ครับ
ขึ้นเป็นสิบเท่า เป็น1000%
น้าแกบอกว่า
ในพอร์ตของคนทั่วไปที่เล็กๆ
มีหุ้นแบบนี้สักหนึ่งถึงสองตัว
ก็ทำให้ผลตอบแทนของพอร์ตขนะดัชนีได้สบาย
เท่าที่เห็นในเมืองไทยที่หุ้นขึ้นมาสิบเท่า
ก็มีเยอะนะครับ
แต่ต้องดูนะครับ ว่าขึ้นเพราะเกร็งกำไร
หรือขึ้นเพราะพื้นฐาน
แต่ถ้าราคาสูงมากแล้ว
โอกาสจะเป็น "Ten-bagger" ก็น้อยลง
แต่หุ้นแบบนี้ก็มีข้อเสียนะครับ
น้าแกบอกว่าหุ้นพวกนี้ค่อนข้างหวือหวา
จะซื้อแล้วเอามือซุกกระเป๋าไม่ได้
เทียบไม่ได้กับซื้อบริษัทโค๊กที่ไม่ต้องทำอะไรบริษัทก็ไปได้ดี
ถ้ลงทุนในบริษัทเล็กๆอย่างนี้
ต้องเกาะติดสถานการณืทุกฝีเก้าครับ
ไม่งั้นถูกคู่แข่งถล่มแย่งตลาด
เสียมวย เสียรังวัด หุ้นร่วงไม่เป็นท่าก็ได้นะครับ
ดังนั้น
ถ้ารักจะลงทุนในหุ้น Super-Growth
ก็ต้องหูตาไว คอยตามข่าว คอยสังเกตุ
แต่มีสิ่งที่เหมือนกับแบบ Buffetology อยู่อย่างนึงก็คือ
น้าแกจะถือหุ้นบริทนั้น
จนกว่าจะไม่โตแล้ว เลิกโตเมื่อไหร่ก็เลิก
เช่น ร้าน Limited ก็ขยายสาขาจนไม่มีที่ให้เปิดแล้ว
หรือคนเลิกเข้าร้านLimited ไปเข้าร้าน Gap แทน
อะไรทำนองนี้
น้าแกก็ชิ่งเลยครับ
แต่ (อีกแล้ว) น้าแกก็บอกไว้นะครับ
ว่าบางทีชิ่งเร็วไปหน่อย
ก็เลยเสียโอกาสไปเพราะบริษัทเติบโตต่อ
แกก็ List รายชื่อหุ้นที่แกเสียโอกาสให้ดูนะครับ
ปรากฎว่า List ไปไม่จบเลิก List ชะก่อนเพราะเยอะมาก
ไม่แปลกหรอกครับ
เพราะน้าแกเล่นถือหุ้นตั้ง 1,500 ตัว
แถมรู้จักทุกตัว ไม่รู้ดูไปได้ยังไง
ถ้าเมืองไทยที่ผมเห็นก็มีพี่พี ที่ไปงานบุฟเฟต์ญี่ปุ่น
มีรูปให้ดูด้วยนะครับ หล่อน่าดู สาวเห็นสาวกรี๊ด
ถือหุ้น 200 ตัวและรู้จักทุกตัว
ถือยาวด้วย ปีนึงได้ Annual Report ประดับบ้าน 200 เล่ม
ผมยังนึกไม่ออกว่า
ตอนไปประชุมผู้ถือหุ้น แกจะแยกร่างไปยังไง อิ อิ
ผมให้ฉายาพี่เขาแล้วกันว่า
"Peter Lynch เมืองไทย" ครับ
กลับมาที่ Microsoft
ถ้าเอางบการเงินมาดูจะพบว่า
ในปี 1995
จะมียอดขาย 6,075 mUS$
มีกำไร 1,453 mUS$
ส่วนผู้ถือหุ้นเท่ากับ 5,333 mUS$
คิดเป็น Profit Margin 24%, ROE 27%
ในปี 2003
จะมียอดขาย 32,187 mUS$
กำไร 7,531 mUS$
ส่วนผู้ถือหุ้นเท่ากับ 61,020 mUS$
คิดเป็น Profit Margin 23%, ROE 12%
มีอัตราการเติบโตของกำไร 23% และ Equity 36% ต่อปี
อย่างนี้ไม่เรียกว่า Super-Growth-Stock
ก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้ว
ดังนั้นการบ้านของเราก็คือ
หาหุ้น Growth-Stock ให้เจอ
แล้วถือไว้ตราบเท่าที่มันยังเป็น Growth-Stock อยู่
น้อง Utto หาเจอหรือยัง
เจอแล้วบอกด้วยนะ จะได้ซื้อตาม อิ อิ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1011
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 502
คุณวิบูลย์ จะเดินทางไปต่างจังหวัดนานขนาดนั้นเลยหรือครับ
ผมว่าแฟนเพลง อุบ... แฟนกระทู้นะ ที่นี่ต้องคิดถึงแน่ๆ แต่ก็ยังน้อยกว่าอาซ้อเป็นแน่ ขอบอก
ส่วนตัวผมว่าคนอ่านก็ยังมีอยู่เยอะ
แต่คำถามอาจจะน้อยลง
เพราะสังเกตุดูว่า นักลงทุนหน้าใหม่มีเยอะขึ้นเหมือนกัน
บางส่วนของกระทู้อาจจะทำความเข้าใจไม่ง่ายนัก (สำหรับผมด้วย)
เอาเป็นว่า ไม่ต้องกลัวว่าคำถามเราจะเป็นอย่างไร
ผมชอบคำที่พี่ลินดาว่า ถามคำถามที่อาจจะดูแล้วไม่เก่งวันนี้ ดีกว่าไม่รู้ไปตลอดชีวิต
ว่าแล้วก็เชิญถามตามสบาย
มีคนหลายหมื่นต้องการฟังวอร์เรน บัฟเฟต์ พูดในระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้น
ที่ TVI นี่มี วอร์เรน บัฟเฟต์ จูเนียร์ มาตอบคำถามให้ถึงบ้านขนาดนี้ ไม่ถามไม่ได้แล้ว
ผมว่าแฟนเพลง อุบ... แฟนกระทู้นะ ที่นี่ต้องคิดถึงแน่ๆ แต่ก็ยังน้อยกว่าอาซ้อเป็นแน่ ขอบอก
ส่วนตัวผมว่าคนอ่านก็ยังมีอยู่เยอะ
แต่คำถามอาจจะน้อยลง
เพราะสังเกตุดูว่า นักลงทุนหน้าใหม่มีเยอะขึ้นเหมือนกัน
บางส่วนของกระทู้อาจจะทำความเข้าใจไม่ง่ายนัก (สำหรับผมด้วย)
เอาเป็นว่า ไม่ต้องกลัวว่าคำถามเราจะเป็นอย่างไร
ผมชอบคำที่พี่ลินดาว่า ถามคำถามที่อาจจะดูแล้วไม่เก่งวันนี้ ดีกว่าไม่รู้ไปตลอดชีวิต
ว่าแล้วก็เชิญถามตามสบาย
มีคนหลายหมื่นต้องการฟังวอร์เรน บัฟเฟต์ พูดในระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้น
ที่ TVI นี่มี วอร์เรน บัฟเฟต์ จูเนียร์ มาตอบคำถามให้ถึงบ้านขนาดนี้ ไม่ถามไม่ได้แล้ว
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 503
คุณวิบูลย์
อยากทราบด้วยนะครับว่า มีใครทำแบบคุณวิบูลย์บ้าง ครับ?????
คุณลงทุนในหุ้น 100 % จริงหรือครับวันนึงคุณธันวาเปิดโอกาสให้ผม"ระบาย"ความในใจ
ผมบอกให้ภรรยาผมอ่านในเวป
เธอก็ทนอ่านแบบเสียไม่ได้
จนถึงวันนี้
เธอมีเงินเท่าไหร่
เธอให้ผมหมดเลยครับ
บอกให้ผมเอาไปลงทุนซื้อหุ้น
ผมถามว่า ลงทุนซื้อหุ้นไม่เสี่ยงเหรอ
เธอบอกว่า เสี่ยงน้อยกว่าฝากแบงค์
อยากทราบด้วยนะครับว่า มีใครทำแบบคุณวิบูลย์บ้าง ครับ?????
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 506
คุณ++++++unlog เขียน:คุณวิบูลย์
คุณลงทุนในหุ้น 100 % จริงหรือครับ
อยากทราบด้วยนะครับว่า มีใครทำแบบคุณวิบูลย์บ้าง ครับ?????
ผมลงทุนในหุ้น 100% ครับ
แต่ก่อนเคยคิดว่า
เล่นหุ้นต้องเสี่ยง
ต้องเฝ้าราคา
ต้องดูหน้าจอ
แต่ตอนนี้
คิดได้ว่า
เล่นหุ้นไม่เสี่ยง
ไม่ต้องเฝ้าราคา
ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ
ผมคิดว่า
การลงทุนของผม
เหมือนผมเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท
ผมเป็นเจ้าของบริษัท
มีคนบริหารบริษัทของผมแทนผม
บริษัทผมเติบโตด้วยยอดขายและกำไร
ไม่ได้โตด้วยการปั่นราคาหุ้น
ดังนั้นผมก็ไม่เดือดร้อน
ถ้าราคาหุ้นผมไม่ขยับ
แต่บริษัทผมมีผลประกอบการที่ดีขึ้นทุกปี
สักวันชาวบ้านก็จะรู้เองว่า
บริษัทของผม "เจ๋ง" แต่ไหน
ผมวันวันก็อ่านข่าวหนังสือพิมพ์อย่างเดียว
ไม่ต้องไปเฝ้าราคาหุ้นให้เมื่อยตุ้ม
แต่ตอนนี้
ผมหาบริษัทลงทุน"ยาก"มากเลยครับ
อาจเป็นเพราะคนเข้ามาซื้อของในตลาดเยอะ
จนราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้น
จนไม่คุ้มที่จะลงทุน
แล้วได้ผลตอบแทนระยะยาวสักเท่าไหร่
ผิดกับปีที่แล้ว
ที่ผมกลุ้มใจมาก
ไม่รู้จะซื้อตัวไหนดี
มันมีให้เลือกเยอะไปหมด
บริษัทดีๆถูกๆเต็มกระดานเลยครับ
เฮ้อ.....เวลาผ่านไปแค่หนึ่งปี
ตลาดช่างเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ
ผมคิดว่า
คนเราทุกคนอยากเป็นเจ้าของกิจการ
อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
แต่มากกว่า 90% ของบริษัทที่ตั้งใหม่
ต้องเลิกกิจการไปภายในหนึ่งถึงสองปี
ผมว่าวิธีที่ง่ายกว่า
ก็คือลงทุนในบริษัทในตลาดหลักทรัพย์นี่ละครับ
ซื้อหุ้นปั๊บ
เราได้เป็นเจ้าของกิจการที่ยอดเยี่ยมทันที
ไม่ต้องเหนื่อยแลกเช็ค
ไม่ต้องเหนื่อยขายของเอง
ไม่ต้องเหนื่อยบริหารคน
มีมืออาชีพจัดการให้เราเสร็จสรรพ
ผลตอบแทนการลงทุนอาจจะน้อยกว่า
ที่เราจะเป็นเจ้าของธุรกิจเอง
แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้มาแล้วคุ้มครับ
ถ้าวันหนึ่ง
เงินปันผลจากการลงทุน
มากกว่ารายได้จากงานประจำ
เราก็สามารถเกษียณจากงานได้ครับ
พี่Chatchai เป็นตังอย่างที่ดี
ที่เกษียณได้ก่อนใครเพื่อนในรุ่น
ก็มาจากการลงทุนนี่หละครับ
แต่ช่วงแรๆพี่เขาอาจจะเก็งกำไรบ้าง
แต่หลังๆก็เห็นว่าชีวิตไม่ค่อยมีความสุข
เกร็งกำไรแล้วมันร้อนรน
เลยหันมาใช้วิธีเก็บก้นบุหรี่สูบดีกว่า
ลงทุนด้วยพื้นฐาน
แล้วปล่อยให้ราคามันไปของมันเอง
ถ้าเราคิดว่าบริษัทที่เราถืออยู่ดีจริง
สักวันมันก็จะดีจริงๆละครับ
ลองเลือกบริษัทดีๆสัก 2-3 บริษัท
ที่ราคาไม่แพง
แล้วลองถือไว้ยาวๆดูนะครับ
แล้วจะพบว่า
ชีวิตการลงทุน
มันง่ายกว่าที่เราคิด
อาจารย์ Fisher บอกเอาไว้ว่า
"Stock well bought should not be sold"
"หุ้นที่ซื้อมาอย่างดี เราไม่ควรขายออกไป"
ผมสนับสนุนข้อความนี้เต็มที่
เพราะมีบางบริษัทผมขายออกไป
แล้วยังเสียใจจนทุกวันนี้
เพราะซื้อกลับมาที่ราคาเดิมไม่ได้
แต่อย่าคิดว่า
อะไรๆมันจะง่ายไปหมดนะครับ
ถ้าเลือกบริษัทที่ไม่เข้าท่า
ระยะยาวอาจจะไม่ดีอย่างที่คิดก็ได้ครับ
อาจารย์ Buffet บอกไว้ครับว่า
"การลงทุนในหุ้น
ไม่ยากอย่างที่คุณคิด
แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คุณเห็น"
จริงไม่จริง
ถามคุณMon Money ดูก็ได้ครับ
สวัสดีครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 78
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 508
ขอบคุณครับพี่ VB ผมถามพี่เพิ่มอีกหน่อยหนึ่งครับว่า ถ้าเป็นพี่จะซื้อไหมครับไมโครซอฟท์ ขอเหตุผลด้วยครับ เท่าที่ผมทราบ Buffet แกไม่ซื้อเพราะแกไม่เข้าใจธุรกิจ ไม่สามารถพยากรณ์อนาคต อุตสาหกรรม บริษัทที่เกือบทั้งโลกใช้ผลิตภัณฑ์ของเขา บริษัทที่พยายามจะสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรม มิใช่เป็นแค่ผู้นำธรรมดา ผมเข้าใจว่าอาจารย์ buffet แกกะถือจนวันตายแกเลยไม่มั่นใจ เพราะอุตสาหกรรมนี้เปลี่ยนแปลงเร็วไปรึเปล่าครับ แล้วพี่ชอบไหมครับ growth stock ผมถืออยู่ครับ อยู่กลุ่ม Energy 3 ตัว วิ่งกันฝุ่นตลบเลยพอยิ้มออก
ป.ล เดินทางปลอดภัยนะครับ
นับถือ
ป.ล เดินทางปลอดภัยนะครับ
นับถือ
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 509
เอ๊ะ พี่วิบูลย์
เกรแฮม บอกไว้ว่า อย่าใส่ไข่ ไว้ในตระกร้าใบเดียวนี่ครับ
ไม่เผื่อไว้ใน ตราสารหนี้ fixed rate บ้างหรือครับ
เห็นพี่ ฉัตรชัย ยังลงในพันธบัตร ด้วยเลย
อิอิ..
ผมว่ามันเสี่ยงเกินไปหรือป่าว ถ้าหากเราตัดสินใจพลาด
เหมือนกับที่เกรแฮม ว่าไว้ว่า ที่น่ากลัวที่สุด คือ ใจของเรา ไม่ใช่ ดัชนี ไม่ใช่ตลาด !!!!!
อิอิ...
เกรแฮม บอกไว้ว่า อย่าใส่ไข่ ไว้ในตระกร้าใบเดียวนี่ครับ
ไม่เผื่อไว้ใน ตราสารหนี้ fixed rate บ้างหรือครับ
เห็นพี่ ฉัตรชัย ยังลงในพันธบัตร ด้วยเลย
อิอิ..
ผมว่ามันเสี่ยงเกินไปหรือป่าว ถ้าหากเราตัดสินใจพลาด
เหมือนกับที่เกรแฮม ว่าไว้ว่า ที่น่ากลัวที่สุด คือ ใจของเรา ไม่ใช่ ดัชนี ไม่ใช่ตลาด !!!!!
อิอิ...
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 510
ขอบคุณครับน้องUttoUtto เขียน:ป.ล เดินทางปลอดภัยนะครับ
ผมกำลังจะเดินทาง
ในอีกครึ่งชั่วโมงนี้
ไปๆมาๆนะครับ
วันนี้ไปชลบุรี
พรุ่งนี้ไปชุมพร
มะรืนไปโคราช
ค้างอยู่หลายวัน
อะไรทำนองนี้
ถ้าพี่เข้าใจใน Microsoft
เดาออกว่าอีกห้าปีสิบปีข้างหน้า
อุตสาหกรมจะเป็นอย่างไร
และที่สำคัญ
ถ้าราคาหุ้นไม่แพงเกินไปและ
คำนวณดูแล้วจะทำผลตอบแทนให้เราได้
15-20% ในระยะยาวก็น่าสนใจครับ
แต่เท่าที่ทราบ P/E Microsoft ราวๆ 37 ครับ
ราคาหุ้น= 26 US$
2003 Earning = 0.7 US$
เท่าที่ดูเมืองนอกวิเคราะห็กัน
บอกว่าที่ราคานี้
Microsoft ต้องมีการเติบโตปีละ 25% ครับ
ถึงจะได้ผลตอบแทนการลงทุนปีละ 15%
ถ้าเราคิดว่าบริษัททำได้ก็ซื้อ
ถ้าสูงเกินไปก็ยังไม่ซื้อครับ
คุณ++++++unlog เขียน:เอ๊ะ พี่วิบูลย์
เกรแฮม บอกไว้ว่า อย่าใส่ไข่ ไว้ในตระกร้าใบเดียวนี่ครับ
ไม่เผื่อไว้ใน ตราสารหนี้ fixed rate บ้างหรือครับ
เห็นพี่ ฉัตรชัย ยังลงในพันธบัตร ด้วยเลย
ผมว่าตอนนี้ผลตอบแทนของพันธบัตรต่ำมากครับ
ลงทุนในหุ้นดีกว่า
ผมเทียบ EPV กับ อัตราดอกเบี้ยนะครับ
ตอนนี้หาซื้อหุ้นดีๆราคาไม่แพงดีกว่าพันธบัตรครับ
ผมทำตามอาจารย์ Buffet ครับที่ว่า
ให้ใส่ไข่ไว้ในตระกร้าใบเดียว แล้วเฝ้าดูให้ดีๆ
ยิ่งมีตระกร้ามากใบ ยิ่งดูแลไม่ทั่งถึงครับ
สวัสดีครับ