เห็นหุ้นเสี่ยเจริญแล้วก็นึกถึง บทความ ฟองสบู่ทะเลใต้
- kissme
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1311
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นหุ้นเสี่ยเจริญแล้วก็นึกถึง บทความ ฟองสบู่ทะเลใต้
โพสต์ที่ 1
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=51766
นานๆจะเห็นการมะรุมมะตุ้มกันขนาดนี้. ไม่ได้้เห็นอะไรแบบนี้มาหลายปีแล้ว
เป็นกรณีศึกษาจริงๆ ครับ ว่าจะจบลงอย่างไร ล่าสุดวันนี้ก็ขุดเอาหุ้น SFP
ที่พี่โจ ลูกอีสาน ท่านให้สัมภาษณ์ และหลานคนคงไม่รู้ ว่าเป็นหุ้นเสี่ยเจริญด้วย
ออกข่าวเมื่อเช้า ตอนนี้ ceiling ไปเรียบร้อย และคงสนุกสนานกันอีกหลายวัน
ฟองสบู่ครั้งนี้จะแตกเมื่อไร เมื่อทุกคนไม่ได้คิดถึงผลประกอบการ กำไรจากกิจการจะได้เท่่าไร
แต่เล่นเรื่องอาณาจักรเสี่ยเจริญ ความยิ่งใหญ่ของเงินเสี่ย รอติดตามครับ
ว่าตอนจบหนังเรื่องนี้จะ happy ending ไหม
นานๆจะเห็นการมะรุมมะตุ้มกันขนาดนี้. ไม่ได้้เห็นอะไรแบบนี้มาหลายปีแล้ว
เป็นกรณีศึกษาจริงๆ ครับ ว่าจะจบลงอย่างไร ล่าสุดวันนี้ก็ขุดเอาหุ้น SFP
ที่พี่โจ ลูกอีสาน ท่านให้สัมภาษณ์ และหลานคนคงไม่รู้ ว่าเป็นหุ้นเสี่ยเจริญด้วย
ออกข่าวเมื่อเช้า ตอนนี้ ceiling ไปเรียบร้อย และคงสนุกสนานกันอีกหลายวัน
ฟองสบู่ครั้งนี้จะแตกเมื่อไร เมื่อทุกคนไม่ได้คิดถึงผลประกอบการ กำไรจากกิจการจะได้เท่่าไร
แต่เล่นเรื่องอาณาจักรเสี่ยเจริญ ความยิ่งใหญ่ของเงินเสี่ย รอติดตามครับ
ว่าตอนจบหนังเรื่องนี้จะ happy ending ไหม
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1046
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็นหุ้นเสี่ยเจริญแล้วก็นึกถึง บทความ ฟองสบู่ทะเลใต้
โพสต์ที่ 2
สำหรับนักลงทุน VI หน้าใหม่ จงยึดมั่นในแนวทาง VI ประเมินมูลค่ากิจการออกมาให้ได้แล้วมาเปรียบเทียบกับราคาในตลาด หากมีส่วนต่างที่มีนัยยะสำคัญ จะมะรุมมะตุ้มเคาะขวาเลยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หากมันไม่ใช่ก็ขอให้สงบจิตสงบใจ อย่าไปเมามันส์กับเค้าแล้วกันนะครับ
ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าต่ำกว่าราคา
- kissme
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1311
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็นหุ้นเสี่ยเจริญแล้วก็นึกถึง บทความ ฟองสบู่ทะเลใต้
โพสต์ที่ 4
หาไม่ให้อ่าน เสริมพี่โจ
เรื่องนี้เป็นนิยายต่างประเทศ มีชายคนหนึ่งฐานะไม่สู้ดีนัก หลงรักผู้หญิงคนนึงเป็นลูกสาวเศรษฐี ด้วยความที่จนกว่าจึงไม่สามารถสู่ขอแต่งงานได้ชายคนนั้นจึงมีความทุกข์มาก จนกระทั่งได้เข้าไปนั่งในร้านแห่งหนึ่ง ก็เห็นชายคนหนึ่งเป็นผู้มีอันจะกินแต่งตัวดีมาก แต่สีหน้าไม่สู้ดีนัก พระเอกจึงเข้าไปถามว่าพี่ชายก็มีเงินทองขนาดนี้ทำไม่ถึงมีความทุกข์ ชายคนนั้นจึงเล่าให้ฟังว่า เขามีขวดอยู่ใบหนึ่ง มีอสูรกายอยู่ภายในและสามารถขอได้ทุกสิ่งทุกอย่าง และจะขายให้กับพระเอก แต่มีเงื่อนไขว่าขวดนี้จะต้องขายต่อในราคาต่ำกว่าที่ซื้อมาทุกครั้งและหากไม่สามารถขายได้ก่อนตายเมื่อตายไปจะต้องอยู่ในนรกตลอดกาล
พระเอกก็โกรธและกล่าวว่าเอาสิ่งชั่วร้ายอย่างนี้มาให้เขาทำไม ชายคนนั้นใจเย็นและกล่าวต่อว่า คิดดูสิ เธอก็ซื้อขวดนี้ไป ขอทุกอย่างที่ต้องการให้หมด และขายขวดนี้ไปให้คนอื่น เมื่อก่อนขวดใบนี้ราคาเป็นล้านเหรียญ ต้องเป็นเศรษฐีเท่านั้นถึงซื้อได้ ตอนนี้ดูสิเหลือแค่ 70 เหรียญเอง
พระเอกด้วยความที่มีความรักอยู่และต้องการเงินจึงซื้อขวดนี้ไป และขอทุกอย่างที่ปรารถนา และก็สามารถขายขวดนี้ไปได้ในราคา 69 เหรียญ หลังจากนั้นพระเอกก็ไปสู่ขอนางเอกและแต่งงาน
เรื่องราวดูเหมือนจะจบลงแบบ happy แต่เมื่อแต่งงานได้ไม่นาน พระเอกก็พบว่าตัวเองกำลังเป็นโรคเรื้อนซึ่งเป็นโรคที่รักษาไม่หาย จึงทุกข์ใจอย่างยิ่งและได้นึถึงขวดอสูรกายขึ้นมา แต่เวลาก็ได้ผ่านไปพอสมควร ขวดใบนั้นได้ถูกเปลี่ยนมือหลายครั้งจนราคาลดลงเรื่อยๆ ด้วยความไม่ยั้งคิดทำให้พระเอกได้ซื้อขวดนี้มาในราคา 1 เซ็นต์ ซึ่งหมายความว่าจะขายในราคาต่ำกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
แม้ว่าพระเอกจะหายจากโรคเรื้อน แต่ก็ต้องพบกับความทุกข์อย่างสาหัสกว่าเดิม เพราะการเก็บขวดไว้จนตายจะต้องเผชิญกับความน่ากลัวอย่างยิ่ง จนนางเอกรู้เข้า จึงได้ช่วยหาทางแก้ไข
จนกระทั่งทราบว่ามีเมืองแห่งหนึ่งที่หน่วยของเงินเล็กกว่าเซ็นต์ คือ 1 เซ็นต์แลกได้ 5 หน่วยของเงินเมืองนั้น ทั้งคู่จึงเดินทางไป แต่เมื่อทั้งคู่ได้เล่าความทั้งข้อดีและข้อเสียของขวด ก็ไม่มีใครในเมืองยอมซื้อเพราะกลัวที่จะต้องตกนรกตลอดไป ด้วยความเสียสละ นางเอกจึงปลอมตัวเป็นคนมาซื้อขวดไป พระเอกซึ่งไม่รู้จึงขายได้ไปและมีความยินดีอย่างมาก แต่ก็แปลกใจที่ทำไมนางเอกดูเหมือนมีความทุกข์อยู่ ท้ายสุดพระเอกรู้ความจริง จึงทำแบบเดียวกันบ้างคือมาปลอมตัวมาซื้อขวดไปอีก
เรืองนี้จบลงด้วยมีคนเมาและกึ่งๆ บ้ารายหนึ่งมาซื้อขวดไปที่ราคา 1 หน่วย พระเอกนางเอกจึงกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้ง ก็จบแบบ happy ending ตามแบบฉบับนิยายครับ
เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงหุ้นที่มีการปั่นราคาทุกครั้ง หุ้นที่สามารถขึ้นได้ 10 เท่าตัว ก็เหมือนการซื้อขวดอสูรกายที่สามารถให้โชคลาภได้ แต่สำหรับตลาดหุ้น เราไม่มีทางรู้ว่าเราจะเป็นคนสุดท้ายที่จะถือขวดใบนั้นหรือไม่ครับ และอาจจะมีคนถือขวดใบนั้นได้มากกว่า 1 คนครับ
ดังนั้น ในตลาดแบบนี้มีหุ้นปั่นที่ผมอาจจะเรียกแทนว่าหุ้นอสูรกายจำนวนมาก จึงอยากให้เพื่อนๆ คิดถึงเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์นะครับ
by invisible hand
เรื่องนี้เป็นนิยายต่างประเทศ มีชายคนหนึ่งฐานะไม่สู้ดีนัก หลงรักผู้หญิงคนนึงเป็นลูกสาวเศรษฐี ด้วยความที่จนกว่าจึงไม่สามารถสู่ขอแต่งงานได้ชายคนนั้นจึงมีความทุกข์มาก จนกระทั่งได้เข้าไปนั่งในร้านแห่งหนึ่ง ก็เห็นชายคนหนึ่งเป็นผู้มีอันจะกินแต่งตัวดีมาก แต่สีหน้าไม่สู้ดีนัก พระเอกจึงเข้าไปถามว่าพี่ชายก็มีเงินทองขนาดนี้ทำไม่ถึงมีความทุกข์ ชายคนนั้นจึงเล่าให้ฟังว่า เขามีขวดอยู่ใบหนึ่ง มีอสูรกายอยู่ภายในและสามารถขอได้ทุกสิ่งทุกอย่าง และจะขายให้กับพระเอก แต่มีเงื่อนไขว่าขวดนี้จะต้องขายต่อในราคาต่ำกว่าที่ซื้อมาทุกครั้งและหากไม่สามารถขายได้ก่อนตายเมื่อตายไปจะต้องอยู่ในนรกตลอดกาล
พระเอกก็โกรธและกล่าวว่าเอาสิ่งชั่วร้ายอย่างนี้มาให้เขาทำไม ชายคนนั้นใจเย็นและกล่าวต่อว่า คิดดูสิ เธอก็ซื้อขวดนี้ไป ขอทุกอย่างที่ต้องการให้หมด และขายขวดนี้ไปให้คนอื่น เมื่อก่อนขวดใบนี้ราคาเป็นล้านเหรียญ ต้องเป็นเศรษฐีเท่านั้นถึงซื้อได้ ตอนนี้ดูสิเหลือแค่ 70 เหรียญเอง
พระเอกด้วยความที่มีความรักอยู่และต้องการเงินจึงซื้อขวดนี้ไป และขอทุกอย่างที่ปรารถนา และก็สามารถขายขวดนี้ไปได้ในราคา 69 เหรียญ หลังจากนั้นพระเอกก็ไปสู่ขอนางเอกและแต่งงาน
เรื่องราวดูเหมือนจะจบลงแบบ happy แต่เมื่อแต่งงานได้ไม่นาน พระเอกก็พบว่าตัวเองกำลังเป็นโรคเรื้อนซึ่งเป็นโรคที่รักษาไม่หาย จึงทุกข์ใจอย่างยิ่งและได้นึถึงขวดอสูรกายขึ้นมา แต่เวลาก็ได้ผ่านไปพอสมควร ขวดใบนั้นได้ถูกเปลี่ยนมือหลายครั้งจนราคาลดลงเรื่อยๆ ด้วยความไม่ยั้งคิดทำให้พระเอกได้ซื้อขวดนี้มาในราคา 1 เซ็นต์ ซึ่งหมายความว่าจะขายในราคาต่ำกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
แม้ว่าพระเอกจะหายจากโรคเรื้อน แต่ก็ต้องพบกับความทุกข์อย่างสาหัสกว่าเดิม เพราะการเก็บขวดไว้จนตายจะต้องเผชิญกับความน่ากลัวอย่างยิ่ง จนนางเอกรู้เข้า จึงได้ช่วยหาทางแก้ไข
จนกระทั่งทราบว่ามีเมืองแห่งหนึ่งที่หน่วยของเงินเล็กกว่าเซ็นต์ คือ 1 เซ็นต์แลกได้ 5 หน่วยของเงินเมืองนั้น ทั้งคู่จึงเดินทางไป แต่เมื่อทั้งคู่ได้เล่าความทั้งข้อดีและข้อเสียของขวด ก็ไม่มีใครในเมืองยอมซื้อเพราะกลัวที่จะต้องตกนรกตลอดไป ด้วยความเสียสละ นางเอกจึงปลอมตัวเป็นคนมาซื้อขวดไป พระเอกซึ่งไม่รู้จึงขายได้ไปและมีความยินดีอย่างมาก แต่ก็แปลกใจที่ทำไมนางเอกดูเหมือนมีความทุกข์อยู่ ท้ายสุดพระเอกรู้ความจริง จึงทำแบบเดียวกันบ้างคือมาปลอมตัวมาซื้อขวดไปอีก
เรืองนี้จบลงด้วยมีคนเมาและกึ่งๆ บ้ารายหนึ่งมาซื้อขวดไปที่ราคา 1 หน่วย พระเอกนางเอกจึงกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้ง ก็จบแบบ happy ending ตามแบบฉบับนิยายครับ
เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงหุ้นที่มีการปั่นราคาทุกครั้ง หุ้นที่สามารถขึ้นได้ 10 เท่าตัว ก็เหมือนการซื้อขวดอสูรกายที่สามารถให้โชคลาภได้ แต่สำหรับตลาดหุ้น เราไม่มีทางรู้ว่าเราจะเป็นคนสุดท้ายที่จะถือขวดใบนั้นหรือไม่ครับ และอาจจะมีคนถือขวดใบนั้นได้มากกว่า 1 คนครับ
ดังนั้น ในตลาดแบบนี้มีหุ้นปั่นที่ผมอาจจะเรียกแทนว่าหุ้นอสูรกายจำนวนมาก จึงอยากให้เพื่อนๆ คิดถึงเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์นะครับ
by invisible hand
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็นหุ้นเสี่ยเจริญแล้วก็นึกถึง บทความ ฟองสบู่ทะเลใต้
โพสต์ที่ 7
ลูกอิสาน เขียน:จุดจบของฟองสบู่คงเหมือนๆกันครับ ไม่ช้าก็เร็ว
เคยอ่านบทความ"อสูรกายในขวดแก้ว" ของคุณ Invisible Hand ไหมครับ
« เมื่อ 02/09/2012 , 07:58:59 » Send Topic Set to Print Page Edit
พอดีมีกระทู้ข้างล่างถามเรื่อง value investor ทำให้นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ขอเล่าย่อๆ นะครับ
เรื่องนี้เป็นนิยายต่างประเทศ มีชายคนหนึ่งฐานะไม่สู้ดีนัก หลงรักผู้หญิงคนนึงเป็นลูกสาวเศรษฐี ด้วยความที่จนกว่าจึงไม่สามารถสู่ขอแต่งงานได้ชายคนนั้นจึงมีความทุกข์มาก จนกระทั่งได้เข้าไปนั่งในร้านแห่งหนึ่ง ก็เห็นชายคนหนึ่งเป็นผู้มีอันจะกินแต่งตัวดีมาก แต่สีหน้าไม่สู้ดีนัก พระเอกจึงเข้าไปถามว่าพี่ชายก็มีเงินทองขนาดนี้ทำไม่ถึงมีความทุกข์ ชายคนนั้นจึงเล่าให้ฟังว่า เขามีขวดอยู่ใบหนึ่ง มีอสูรกายอยู่ภายในและสามารถขอได้ทุกสิ่งทุกอย่าง และจะขายให้กับพระเอก แต่มีเงื่อนไขว่าขวดนี้จะต้องขายต่อในราคาต่ำกว่าที่ซื้อมาทุกครั้งและหากไม่สามารถขายได้ก่อนตายเมื่อตายไปจะต้องอยู่ในนรกตลอดกาล
พระเอกก็โกรธและกล่าวว่าเอาสิ่งชั่วร้ายอย่างนี้มาให้เขาทำไม ชายคนนั้นใจเย็นและกล่าวต่อว่า คิดดูสิ เธอก็ซื้อขวดนี้ไป ขอทุกอย่างที่ต้องการให้หมด และขายขวดนี้ไปให้คนอื่น เมื่อก่อนขวดใบนี้ราคาเป็นล้านเหรียญ ต้องเป็นเศรษฐีเท่านั้นถึงซื้อได้ ตอนนี้ดูสิเหลือแค่ 70 เหรียญเอง
พระเอกด้วยความที่มีความรักอยู่และต้องการเงินจึงซื้อขวดนี้ไป และขอทุกอย่างที่ปรารถนา และก็สามารถขายขวดนี้ไปได้ในราคา 69 เหรียญ หลังจากนั้นพระเอกก็ไปสู่ขอนางเอกและแต่งงาน
เรื่องราวดูเหมือนจะจบลงแบบ happy แต่เมื่อแต่งงานได้ไม่นาน พระเอกก็พบว่าตัวเองกำลังเป็นโรคเรื้อนซึ่งเป็นโรคที่รักษาไม่หาย จึงทุกข์ใจอย่างยิ่งและได้นึถึงขวดอสูรกายขึ้นมา แต่เวลาก็ได้ผ่านไปพอสมควร ขวดใบนั้นได้ถูกเปลี่ยนมือหลายครั้งจนราคาลดลงเรื่อยๆ ด้วยความไม่ยั้งคิดทำให้พระเอกได้ซื้อขวดนี้มาในราคา 1 เซ็นต์ ซึ่งหมายความว่าจะขายในราคาต่ำกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
แม้ว่าพระเอกจะหายจากโรคเรื้อน แต่ก็ต้องพบกับความทุกข์อย่างสาหัสกว่าเดิม เพราะการเก็บขวดไว้จนตายจะต้องเผชิญกับความน่ากลัวอย่างยิ่ง จนนางเอกรู้เข้า จึงได้ช่วยหาทางแก้ไข
จนกระทั่งทราบว่ามีเมืองแห่งหนึ่งที่หน่วยของเงินเล็กกว่าเซ็นต์ คือ 1 เซ็นต์แลกได้ 5 หน่วยของเงินเมืองนั้น ทั้งคู่จึงเดินทางไป แต่เมื่อทั้งคู่ได้เล่าความทั้งข้อดีและข้อเสียของขวด ก็ไม่มีใครในเมืองยอมซื้อเพราะกลัวที่จะต้องตกนรกตลอดไป ด้วยความเสียสละ นางเอกจึงปลอมตัวเป็นคนมาซื้อขวดไป พระเอกซึ่งไม่รู้จึงขายได้ไปและมีความยินดีอย่างมาก แต่ก็แปลกใจที่ทำไมนางเอกดูเหมือนมีความทุกข์อยู่ ท้ายสุดพระเอกรู้ความจริง จึงทำแบบเดียวกันบ้างคือมาปลอมตัวมาซื้อขวดไปอีก
เรืองนี้จบลงด้วยมีคนเมาและกึ่งๆ บ้ารายหนึ่งมาซื้อขวดไปที่ราคา 1 หน่วย พระเอกนางเอกจึงกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้ง ก็จบแบบ happy ending ตามแบบฉบับนิยายครับ
เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงหุ้นที่มีการปั่นราคาทุกครั้ง หุ้นที่สามารถขึ้นได้ 10 เท่าตัว ก็เหมือนการซื้อขวดอสูรกายที่สามารถให้โชคลาภได้ แต่สำหรับตลาดหุ้น เราไม่มีทางรู้ว่าเราจะเป็นคนสุดท้ายที่จะถือขวดใบนั้นหรือไม่ครับ และอาจจะมีคนถือขวดใบนั้นได้มากกว่า 1 คนครับ
ดังนั้น ในตลาดแบบนี้มีหุ้นปั่นที่ผมอาจจะเรียกแทนว่าหุ้นอสูรกายจำนวนมาก จึงอยากให้เพื่อนๆ คิดถึงเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์นะครับ
หากเพื่อนคนไหนเป็นสมาชิกห้องสินธรผมรบกวน copy หรือทำ link กระทู้นี้ไปด้วยนะครับ และฝากสวัสดีปีใหม่เพื่อนๆ ที่สินธรทุกคนด้วยครับและขอให้เพื่อนๆ ที่สินธรมีความสุขและประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ
by invisible hand
http://bbznet.pukpik.com/scripts3/view. ... r=numtopic
show me money.
- blackninja
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็นหุ้นเสี่ยเจริญแล้วก็นึกถึง บทความ ฟองสบู่ทะเลใต้
โพสต์ที่ 8
จุดจบมักจะมาตอนตลาดขอเข้าไปตรวจสอบ แต่สอบแล้วส่วนใหญ่จะไม่เจออะไรนะ
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็นหุ้นเสี่ยเจริญแล้วก็นึกถึง บทความ ฟองสบู่ทะเลใต้
โพสต์ที่ 9
หุ้น ceiling จะไม่มีด้าน offer อยู่แล้วครับ เพราะสามารถขายหุ้นตรง bid ได้เลยstevejob เขียน:สนใจ sfp ตั้งแต่เสี่ยมา take แล้ว แต่หุ้นไม่มีสภาพคล่องเลย
หุ้น ceiling แต่ไม่มี offer แล้วจะเทรดกันยังไงเนี่ย อิอิ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 403
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็นหุ้นเสี่ยเจริญแล้วก็นึกถึง บทความ ฟองสบู่ทะเลใต้
โพสต์ที่ 11
ขอปรึกษาพี่ลูกอิสานแล้วกันครับว่า กรณีแบบนี้มีข้อแนะนำอย่างไร สำหรับคนที่ถืออยู่ เพราะว่าทำการประเมินมูลค่าไม่ถูกแล้วว่าตลาดจะให้พรีเมี่ยมหุ้นกลุ่มนี้อย่างไร ไม่รู้จะใช้เกณฑ์อะไรมาประเมินมูลค่า ช่วงที่ผ่านมาผมก็ทำคลายเครียดเรโชไปบางส่วนแล้ว เลยกลายเป็นขายสุกรไป ที่เหลือพี่มีคำแนะนำอย่างไรครับสำหรับตัวชาเขียว เพราะว่าตอนขายยากกว่าตอนซื้ออีกครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 297
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็นหุ้นเสี่ยเจริญแล้วก็นึกถึง บทความ ฟองสบู่ทะเลใต้
โพสต์ที่ 12
ผมว่าตลาดช่วงนี้แปลกมาก คือมัน Hot เฉพาะหุ้นไม่กี่ตัว
ส่วนหุ้นอื่นๆ ก็ อืดๆ นิ่งๆ ยังไงไม่รู้
ไม่รู้ว่า เวลาหุ้น Hot Hit ที่ว่า ฟองสบู่แตก จะทำให้หุ้น นิ่งๆ อืด ๆ ของเรา แตกไปด้วยหรือไม่
ส่วนหุ้นอื่นๆ ก็ อืดๆ นิ่งๆ ยังไงไม่รู้
ไม่รู้ว่า เวลาหุ้น Hot Hit ที่ว่า ฟองสบู่แตก จะทำให้หุ้น นิ่งๆ อืด ๆ ของเรา แตกไปด้วยหรือไม่
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เห็นหุ้นเสี่ยเจริญแล้วก็นึกถึง บทความ ฟองสบู่ทะเลใต้
โพสต์ที่ 13
ขอโทษคุณเบี้ยวด้วย พอดีผมไม่ได้ศึกษากลุ่มนี้เลย
ที่ให้ความเห็น ด้วยดูตัวเลขคร่าวๆ รู้สึกว่าแพง
ถ้าใครมีอยู่ ต้องถามตัวเองว่า มูลค่าที่ควรจะเป็นเท่าไหร่ เหตุผลที่ซื้อเพราะอะไร
ควรขายเมื่อไหร่ ผมเป็นคนนอก คงไม่เหมาะที่จะให้ความเห็น
ที่ให้ความเห็น ด้วยดูตัวเลขคร่าวๆ รู้สึกว่าแพง
ถ้าใครมีอยู่ ต้องถามตัวเองว่า มูลค่าที่ควรจะเป็นเท่าไหร่ เหตุผลที่ซื้อเพราะอะไร
ควรขายเมื่อไหร่ ผมเป็นคนนอก คงไม่เหมาะที่จะให้ความเห็น
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 58
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็นหุ้นเสี่ยเจริญแล้วก็นึกถึง บทความ ฟองสบู่ทะเลใต้
โพสต์ที่ 15
1.อย่าเด็ดดอกไม้ไปรดน้ำให้หญ้า
2.กำไรดูแลตัวมันเองได้ ขาดทุนต้องรีบจัดการ
3.กิจการเรายังดีอยู่หรือปล่าว กำแพงเมืองแน่นหนาขึ้นมั้ย ถ้าดีก็ถือต่อ
4.อารมณ์ตลาดมีทั้งดีและร้าย วันนี้ก็อารมณ์ดีบ้าง
5.ขายก็ต่อเมื่อมีกิจการที่ดีกว่าให้ซื้อแล้ว
2.กำไรดูแลตัวมันเองได้ ขาดทุนต้องรีบจัดการ
3.กิจการเรายังดีอยู่หรือปล่าว กำแพงเมืองแน่นหนาขึ้นมั้ย ถ้าดีก็ถือต่อ
4.อารมณ์ตลาดมีทั้งดีและร้าย วันนี้ก็อารมณ์ดีบ้าง
5.ขายก็ต่อเมื่อมีกิจการที่ดีกว่าให้ซื้อแล้ว
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็นหุ้นเสี่ยเจริญแล้วก็นึกถึง บทความ ฟองสบู่ทะเลใต้
โพสต์ที่ 16
สักวันงานเลี้ยงก็คงเลิกรา..
เสียดาย ผมลืมไปงานเลี้ยงครั้งนี้
เสียดาย ผมลืมไปงานเลี้ยงครั้งนี้
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
-
- Verified User
- โพสต์: 1667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็นหุ้นเสี่ยเจริญแล้วก็นึกถึง บทความ ฟองสบู่ทะเลใต้
โพสต์ที่ 17
ผมเคย ถือ BJC เมื่อหลายปีมาแล้วครับ
ถืออยู่นานเป็นปีเลย
แล้วก็ ขายหมูไป
ถืออยู่นานเป็นปีเลย
แล้วก็ ขายหมูไป
คงไม่มีใคร หาเงินมากมาย ไว้ยัดใส่โลงศพตัวเอง
.........
เชิญรับแจก เมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/ind ... board=22.0
เชิญฟังธรรมฟรี ที่ http://www.fungdham.com
.........
เชิญรับแจก เมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/ind ... board=22.0
เชิญฟังธรรมฟรี ที่ http://www.fungdham.com
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็นหุ้นเสี่ยเจริญแล้วก็นึกถึง บทความ ฟองสบู่ทะเลใต้
โพสต์ที่ 19
นึกถึงสมัยจตุคามรามเทพเมื่อหลายปีก่อน
บูมมากๆ ขนาดแย่งกันจอง จนเหยียบกันตายก็มี
ราคาสูงลิบลิ่ว
บางองค์เป็นล้านบาท
ขายกันจนรวย
พอหายเห่อ
มีข่าวเอาไปเทไว้ข้างถนน
History repeats itself
Tulip mania...
บูมมากๆ ขนาดแย่งกันจอง จนเหยียบกันตายก็มี
ราคาสูงลิบลิ่ว
บางองค์เป็นล้านบาท
ขายกันจนรวย
พอหายเห่อ
มีข่าวเอาไปเทไว้ข้างถนน
History repeats itself
Tulip mania...