Trend ที่จะมาทดแทนแรงงาน
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Trend ที่จะมาทดแทนแรงงาน
โพสต์ที่ 1
พอดีนั่งนึกไปเรื่อยๆเรื่อง ค่าแรง 300 ที่จะปรับปีหน้าทั้งประเทศ
แน่นอนว่าหลายๆบริษัทอยากจะลดต้นทุนตรงนี้
จึงอยากชวน พี่ๆเพื่อนมาแสดงความเห็นกันว่า
Trend ธุรกิจอะไรที่จะมาช่วยทดแทนหรือลดต้นทุนแรงงานได้
ส่วนตัวผมที่คิดได้คือ งาน pre cast สำหรับงานก่อสร้าง และ
ผลิต/นำเข้า เครื่องจักร automation สำหรับโรงงานผลิตอุตสาหกรรม
เพื่อนๆพี่ๆมีมุมมองอย่างไรกันบ้างครับ
แน่นอนว่าหลายๆบริษัทอยากจะลดต้นทุนตรงนี้
จึงอยากชวน พี่ๆเพื่อนมาแสดงความเห็นกันว่า
Trend ธุรกิจอะไรที่จะมาช่วยทดแทนหรือลดต้นทุนแรงงานได้
ส่วนตัวผมที่คิดได้คือ งาน pre cast สำหรับงานก่อสร้าง และ
ผลิต/นำเข้า เครื่องจักร automation สำหรับโรงงานผลิตอุตสาหกรรม
เพื่อนๆพี่ๆมีมุมมองอย่างไรกันบ้างครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 152
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Trend ที่จะมาทดแทนแรงงาน
โพสต์ที่ 2
พวกก่อสร้างยังไงนี่ไม่รู้
แต่โรงงานที่ผมอยู่ ก็กำลังเจอปัญหานี้ แต่ไม่ใช่ที่ไทย เป็นโรงงานในต่างประเทศ ที่เมื่อก่อนค่าแรงถูกกว่าคนไทย ปัจจุบันแซงไปแล้ว ทำให้มีการพิจารณาที่จะย้ายโวลุ่ม มาที่ประเทศที่มีต้นทุนถูกกว่า คือบ้านเรา
ส่วนที่จะลดค่าแรงจริงๆในโรงงานประเภทที่ผมอยุ่ ต้องอาศัยการใช้เครื่องจักรอัติโนมัติมาทำงานแทน แต่ทั้งนี้ก็ต้องคุ้มค่าเมื่อเทียบกับ development cost + capital cost ที่เกิดขึ้นเมื่อทำการเปลี่ยนถ่ายกระบวนการผลิตแบบที่ว่านั้นจริงๆ
ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบางทีตอนออกแบบ หรือ ใช้งานที่ โวลุ่มน้อยๆ ระบบมักไม่มีปัญหา
แต่พอ ramp volume ขึ้นไป ปัญหาที่ไม่คิดโผล่มาเพียบ
ถ้าพวกที่ต้องใช้แรงงานมาก งานหยาบ บางทีใช้เครื่องทุนแรงอาจได้ไม่คุ้มเสียก็เป็นไปได้ เพราะบ้านเราผมว่าค่าแรงยังถูกมากเมื่อเทียบกับประเทศเจริญแล้วที่ค่าแรงคนในประเทศแพงจัด
ปัญหาอย่างเดียวคือ เจ้าของเงินทุนไม่ต้องการกำไรที่ลดลง ทุกคนมุ่งแต่จะให้กำไรเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
ผลก็คือบวกกำไรเพิ่มเข้าไปในสินค้า ไม่ก็มาบีบที่พนักงานในส่วนที่เป็น office แทนโดยการปรับฐานเงินเดือน การยืดระยะเวลาการเลื่อนขั้น การลดอัตราขึ้นเงินเดือน
คนรวยจึงรวยขึ้นไปเรื่อยๆ คนจนก็ยิ่งจนลง
หลายคนบอกว่าพอเพียง สมถะ
แต่สะสมกันไม่หยุด (แม้แต่ผมเอง )
แต่โรงงานที่ผมอยู่ ก็กำลังเจอปัญหานี้ แต่ไม่ใช่ที่ไทย เป็นโรงงานในต่างประเทศ ที่เมื่อก่อนค่าแรงถูกกว่าคนไทย ปัจจุบันแซงไปแล้ว ทำให้มีการพิจารณาที่จะย้ายโวลุ่ม มาที่ประเทศที่มีต้นทุนถูกกว่า คือบ้านเรา
ส่วนที่จะลดค่าแรงจริงๆในโรงงานประเภทที่ผมอยุ่ ต้องอาศัยการใช้เครื่องจักรอัติโนมัติมาทำงานแทน แต่ทั้งนี้ก็ต้องคุ้มค่าเมื่อเทียบกับ development cost + capital cost ที่เกิดขึ้นเมื่อทำการเปลี่ยนถ่ายกระบวนการผลิตแบบที่ว่านั้นจริงๆ
ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบางทีตอนออกแบบ หรือ ใช้งานที่ โวลุ่มน้อยๆ ระบบมักไม่มีปัญหา
แต่พอ ramp volume ขึ้นไป ปัญหาที่ไม่คิดโผล่มาเพียบ
ถ้าพวกที่ต้องใช้แรงงานมาก งานหยาบ บางทีใช้เครื่องทุนแรงอาจได้ไม่คุ้มเสียก็เป็นไปได้ เพราะบ้านเราผมว่าค่าแรงยังถูกมากเมื่อเทียบกับประเทศเจริญแล้วที่ค่าแรงคนในประเทศแพงจัด
ปัญหาอย่างเดียวคือ เจ้าของเงินทุนไม่ต้องการกำไรที่ลดลง ทุกคนมุ่งแต่จะให้กำไรเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
ผลก็คือบวกกำไรเพิ่มเข้าไปในสินค้า ไม่ก็มาบีบที่พนักงานในส่วนที่เป็น office แทนโดยการปรับฐานเงินเดือน การยืดระยะเวลาการเลื่อนขั้น การลดอัตราขึ้นเงินเดือน
คนรวยจึงรวยขึ้นไปเรื่อยๆ คนจนก็ยิ่งจนลง
หลายคนบอกว่าพอเพียง สมถะ
แต่สะสมกันไม่หยุด (แม้แต่ผมเอง )
เราจะรวยแร้วววววววววว
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 63
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Trend ที่จะมาทดแทนแรงงาน
โพสต์ที่ 3
ส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะมีงานทางด้านบริการเพิ่มขึ้นมากนะ และน่าจะเทรนเกี่ยวกับพ่อค้าคนกลางเพิ่มมากขึ้น หรือพวกซื้อมาขายไป ด้านผู้ผลิตที่ใช้แรงงานลดลงและหันมาใช้เครื่องจักมากขึ้น
Magins of safety คือสิ่งสำคัญ
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Trend ที่จะมาทดแทนแรงงาน
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณครับsorawitch เขียน:พวกก่อสร้างยังไงนี่ไม่รู้
แต่โรงงานที่ผมอยู่ ก็กำลังเจอปัญหานี้ แต่ไม่ใช่ที่ไทย เป็นโรงงานในต่างประเทศ ที่เมื่อก่อนค่าแรงถูกกว่าคนไทย ปัจจุบันแซงไปแล้ว ทำให้มีการพิจารณาที่จะย้ายโวลุ่ม มาที่ประเทศที่มีต้นทุนถูกกว่า คือบ้านเรา
ส่วนที่จะลดค่าแรงจริงๆในโรงงานประเภทที่ผมอยุ่ ต้องอาศัยการใช้เครื่องจักรอัติโนมัติมาทำงานแทน แต่ทั้งนี้ก็ต้องคุ้มค่าเมื่อเทียบกับ development cost + capital cost ที่เกิดขึ้นเมื่อทำการเปลี่ยนถ่ายกระบวนการผลิตแบบที่ว่านั้นจริงๆ
ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบางทีตอนออกแบบ หรือ ใช้งานที่ โวลุ่มน้อยๆ ระบบมักไม่มีปัญหา
แต่พอ ramp volume ขึ้นไป ปัญหาที่ไม่คิดโผล่มาเพียบ
ถ้าพวกที่ต้องใช้แรงงานมาก งานหยาบ บางทีใช้เครื่องทุนแรงอาจได้ไม่คุ้มเสียก็เป็นไปได้ เพราะบ้านเราผมว่าค่าแรงยังถูกมากเมื่อเทียบกับประเทศเจริญแล้วที่ค่าแรงคนในประเทศแพงจัด
ปัญหาอย่างเดียวคือ เจ้าของเงินทุนไม่ต้องการกำไรที่ลดลง ทุกคนมุ่งแต่จะให้กำไรเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
ผลก็คือบวกกำไรเพิ่มเข้าไปในสินค้า ไม่ก็มาบีบที่พนักงานในส่วนที่เป็น office แทนโดยการปรับฐานเงินเดือน การยืดระยะเวลาการเลื่อนขั้น การลดอัตราขึ้นเงินเดือน
คนรวยจึงรวยขึ้นไปเรื่อยๆ คนจนก็ยิ่งจนลง
หลายคนบอกว่าพอเพียง สมถะ
แต่สะสมกันไม่หยุด (แม้แต่ผมเอง )
ผมเห็นด้วยว่า งานบางอย่างการใช้เครื่องจักรก็อาจจะไม่คุ้มค่า แถมอาจจะวุ่นวายกว่าเดิมอีก
ผมลืมเรื่องนี้ไปเลยทั้งๆที่เคยมีอาจารย์ผมคนนึงก็เคยพูดไว้
เรื่องการย้ายฐาน จากที่ผมเคยเดินทางไปดูโรงงานแถวๆประเทศเพื่อนบ้าน ที่เห็นชัดๆว่ามีการลงทุนเพิ่ม
โรงงานใหม่ๆผุดกันเต็มไปหมดก็ อินโดนีเซียครับ อาจจะเพราะด้วยจำนวนประชากร จึงคุ้มค่าในแง่ของตลาดด้วย
เพราะในด้านแรงงาน ถึงจะมีค่าแรงที่ถูกกว่า แต่ผมว่าความสามารถ ยังสู้คนไทยไม่ได้ อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ แต่โรงงานที่ดีเขาก็มีการจัดการที่ดี พัฒนาระบบและบุคคลากรได้
ความพอเพียง ผมเองถ้าถึงเป้าหมายแล้วผมก็อยากจะพอ และส่วนเกินมานั้นก็ช่วยสังคมบ้างตามกำลัง
แต่ตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกว่าไม่พอเลย
- Guiman
- Verified User
- โพสต์: 320
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Trend ที่จะมาทดแทนแรงงาน
โพสต์ที่ 6
ผมว่า พวก Teller พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร โดนแน่
(ไม่เกี่ยวกับ 300 ตรงๆนะแฮ่ๆ)
มันมีทั้งเครื่องปรับสมุด เครื่องฝาก เครื่องถอน
ปล.เคยอ่านในกรุงเทพธุรกิจ
ขึ้นค่าแรง 300 บาท ก็มีด้านดีคือจะทำให้อุตสาหกรรมในประเทศเน้นไปที่การพัฒนาประสิทธิภาพมากขึ้น แทนที่จะมาแข่งที่ทุนต่ำ เทคโนโลยีก็จะมีการพัฒนามากขึ้น
(ไม่เกี่ยวกับ 300 ตรงๆนะแฮ่ๆ)
มันมีทั้งเครื่องปรับสมุด เครื่องฝาก เครื่องถอน
ปล.เคยอ่านในกรุงเทพธุรกิจ
ขึ้นค่าแรง 300 บาท ก็มีด้านดีคือจะทำให้อุตสาหกรรมในประเทศเน้นไปที่การพัฒนาประสิทธิภาพมากขึ้น แทนที่จะมาแข่งที่ทุนต่ำ เทคโนโลยีก็จะมีการพัฒนามากขึ้น
http://guimanstock.blogspot.com/
บันทึกการลงทุน & รีวิวหนังสือ
บันทึกการลงทุน & รีวิวหนังสือ