ผมอยากตั้งกระทู้ ขึ้นมาเพื่อรวบรวมทั้งด้านดี และ ไม่ดี ของนักวิเคระห์ เพื่อให้สมาชิกได้ใช้วิจารณญาณ
ในการใช้บทวิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจลงทุนในหุ้นตัวนั้นๆ
อนึ่งเพื่อเป็นการส่งเสริมนักวิเคราะห์ที่มีคุณภาพ จัดทำรายงานขึ้นด้วยความรู้ ความสามารถ บนพื้นฐานความเป็นจริงของกิจการ ไม่ได้ทำบทวิเคราะห์ขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือ ของการปั่นหุ้นทุบหุ้นครับ
ผมนักลงทุน ผมก็อยากให้มีแต่ นักวิเคราะห์คุณภาพในตลาดครับ
http://www.saa-thai.org/download/saa9oct2012.pdf
การวิเคราะห์การลงทุนเป็นสิ่งสาคัญก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อให้การลงทุนมีประสิทธิภาพและได้ผลตอบแทนเหมาะสมที่สุด บริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่งจึงมีฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน เพื่อให้บริการข้อมูลการวิเคราะห์แก่ลูกค้าผู้ลงทุน
หลายปีที่ผ่านมา ผลกระทบจากการเตรียมตัวรับการเปิดเสรีค่าบริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ที่กาหนดเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 1 มกราคม
2555 ทาให้จานวนนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ (ปัจจุบันเรียกว่านักวิเคราะห์การลงทุน) ของประเทศไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ในฝ่ายงานวิจัยของ บล.มีจานวนลดลงจากระดับ 350 คน เหลือประมาณ 260 คน ในขณะที่จานวนบทวิจัยที่รวบรวมได้จากทุกบล.ก็ลดลงจากระดับ 250 หุ้น เหลือประมาณ 180 หุ้น หมายถึงว่ายังมีหุ้นอีกกว่า 400 บริษัท ที่ไม่มีใครทาวิเคราะห์วิจัยด้านปัจจัยพื้นฐานเลย
ล่าสุดนี้ สานักงาน ก.ล.ต. มีความเห็นออกมาแล้วว่า บล.ต่างๆ ควรที่จะทาบทวิจัยหุ้นให้แก่ลูกค้าผู้ลงทุนบ้างตามความพร้อมของกิจการเป็นขั้นบันไดตามส่วนแบ่งการตลาด ทาให้บล.หลายแห่งเริ่มหันกลับมาเตรียมขยายทีมวิเคราะห์การลงทุนอีกครั้ง ขณะที่ธุรกิจการเงินการลงทุนอื่นๆ ก็เริ่มตระหนักถึงความผันผวนของการลงทุนยุคปัจจุบันที่มีมากขึ้น จึงต้องการสร้างทีมนักวิเคราะห์การลงทุนเช่นกัน
นอกจากนั้น ทุกภาคส่วนมีความเห็นตรงกันว่า คุณภาพของบทวิจัยและนักวิเคราะห์เป็นเรื่องที่สาคัญที่ต้องร่วมกันผลักดันสนับสนุนอย่างเต็มที่ สมาคมนักวิเคราะห์ฯ จึงเข้ามาเพื่อช่วยตอบสนองความต้องการนี้ โดยจัดให้มีหลักสูตร “นักวิเคราะห์หลักทรัพย์คุณภาพ (เชิงปฏิบ้ติการ)” ขึ้นในอัตราที่สมเหตุสมผล เพื่อเป็นตัวกลางในการสร้างนักวิเคราะห์ให้กับบุคลากรของธุรกิจการเงินการลงทุน โดยเนื้อหาหลักสูตรครอบคลุมการวิเคราะห์เศรษฐกิจ อุตสาหกรรมสาคัญ หลักทรัพย์ และงบการเงิน วิธีการเข้าพบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน การนาเสนอผลการวิเคราะห์อย่างมืออาชีพ