Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
Real-VI
Verified User
โพสต์: 1583
ผู้ติดตาม: 0

Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART

โพสต์ที่ 31

โพสต์

Acer focuses on 'touch and type' for Windows 8
A 'more natural' experience for users
By Lee Bell
Tue Oct 30 2012, 14:06 inShare.0
TAIWANESE COMPUTER MAKER Acer said today that its Windows 8 devices focus on touch to encourage a "touch and type" user experience.



Acer's president Jim Wong discussed the firm's intentions with Windows 8 at a UK press event in London today. Wong said that Acer has launched all of its range of Windows 8 products with touch capabilities in order to introduce a new way of interaction it calls "duality" and encourage users to experience them differently by touching the screen, then typing, then touching it again, as opposed to using a touchpad or mouse.

Wong said Acer is encouraging this way of interacting with devices because it is "a more natural and beneficial way" for its audience to experience its laptops, tablets and PCs as well as a chance for the firm to "start differentiating our products".

To back up its new "duality" focus, Acer has launched a worldwide marketing campaign across broadcast, print and online media featuring US actress and model Megan Fox, with the tagline "explore beyond limits". The ad portrays Fox as a marine biologist who uses Acer's latest ultrabook, the Aspire S7 to communicate with dolphins.

The firm is also setting up "experience centres" in 30 major cities in EMEA that are soon to go global. The "experience centres" offer 30 minute sessions to help end users understand how "touch and type" works.

Acer's campaign is fronted by its flagship product, the Aspire S7 ultrabook that comes in 11in and 13in models. Boasting an Intel Core processor, 4GB of RAM and up to 256GB of storage, the laptops both feature a full HD IPS touch enabled display with an aluminium chassis and twin air cooling to reduce the risk of overheating.

Acer's touch enabled Windows 8 range also includes two 14in notebooks, the M5-481 and V5-471, two 15in notebooks, the M3-581 and V5-571, two convertible tablets, the W500 and W710, three touchscreen all-in-one (AIO) PCs, the Aspire 7600U, 5600U and ZS600, as well as two touch enabled monitors, the T272HL and the T232HL to work with existing Windows 8 desktop machines.

Acer has also launched a new touch enabled website as part of its "duality" focus so it can be used with touchscreen devices. µ

The Inquirer (http://s.tt/1rmpe)
sanpat91
Verified User
โพสต์: 1741
ผู้ติดตาม: 0

Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART

โพสต์ที่ 32

โพสต์

miracle เขียน:งาน mobile expo ตอนต้นเดือน ตค 2555
ไปเดินดู. คนก็ไม่มาก. เปิด โซน c ไม่เต็ม. โซนเอ ก็ไม่เปิดด้วย

Tablet จาก จีนราคาประมาณ 3-4 พันบาทเพียบ ขาดดี
ส่วน ซัมซุงมาแบบใหญ่ คือ เหมือนเป็นสปอนซ์ของงาน
คือซื้อแล้วของแถมเพียบ
:)

ตอนนี้ คนรอบข้างท่าน โดยเฉพาะเด็กรบเร้าให้ท่านซื้อ tablet or notebook or pc ละ
;)

From K.Sorawut's comment at Synex room.
sorawut เขียน: สำหรับท่านที่กลัวว่า notebook จะถูก tablet กลืนทั้งหมดครับ

ควรซื้อ Notebook หรือว่า iPad ดี? http://www.iphonemod.net/buy-notebook-or-ipad.html

จะเห็นได้ว่า Windows 8 + Touchscreen Notebook (หลายตัวถอดจอได้เหมือน tablet)
ทำให้เริ่มสูสีกับค่าย iOS, Android ขึ้นมาครับ แต่ต้องรอเวลาให้นักพัฒนาสร้าง app สำหรับ Windows 8 หน่อย

ในขณะที่ iOS, Android ถ้าจะให้ทำได้ทุกอย่างที่ Windows 8 + Notebook ทำได้ เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากครับ

ผมคิดว่าที่กระแส tablet ช่วงหลังแรงกว่า notebook มากเพราะมีความเป็น fashion และ performace ยังไม่ถึงจุดที่เรียกว่าเหลือเฟื้อเหมือน notebook

คืออาจจะมีคนที่ซื้อ tablet ใหม่ทุกปี เพราะอยากได้หน้าตาใหม่ spec เพิ่ม
ในขณะที่ notebook ซื้อมาใช้จนพัง ซึ่งอาจจะกินเวลา 3 ปีขึ้นไป

ฉะนั้นในระยะยาว notebook ไม่ถูกกลืนแน่นอนครับ
แต่กระแส tablet น่าจะค่อยๆถูกดึงกลับมาจาก touchscreen notebook ที่บางเบา battery ยาวนาน หรือถอดจอได้เหมือน tablet ครับ )
Real-VI
Verified User
โพสต์: 1583
ผู้ติดตาม: 0

Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART

โพสต์ที่ 33

โพสต์

"โซนี่" รับกระแสวินโดว์ส 8 เปิดตัว อัลตราบุ๊ค ราคาเริ่มต้น 34,900 บาท หนุนยอดขายไวโอ้เติบโต 20-30%

นายโทรุ ชิมิซึ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เผยว่า คอมพิวเตอร์พกพาที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์สยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง โดยระบบปฏิบัติการวินโดว์ส8 จะมีส่วนสำคัญทำให้ยอดขายไวโอ้เติบโตอีก 20-30% จากปัจจุบันที่บริษัทวิจัยจีเอฟเคระบุว่า โซนี่มีส่วนแบ่งการตลาดโน้ตบุ๊คกลุ่มคอนซูเมอร์คราว 10% มีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็น 12%

ทั้งนี้นอกจากเตรียมความพร้อมเพื่อรับเทรนด์ดังกล่าว บริษัทยังได้เพิ่มสายผลิตภัณฑ์อัลตร้าบุ๊คตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับบน รวมถึงพัฒนาฮาร์ดแวร์และแอพพลิเคชั่นให้รองรับเทรนด์การใช้งานของผู้บริโภคตั้งแต่การทำงานกระทั่งบันเทิง ปีนี้วางงบการทำตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊คไวโอ้ไว้ 100 ล้านบาท

“เราเน้นที่การออกแบบ และประสิทธิภาพการทำงานใหม่ๆ โดยแผนการตลาดหลักของปีนี้ยังคงอยู่ภายใต้กลยุทธ์วันโซนี่ ที่มีการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มเข้ามาไว้ด้วยกัน”

ล่าสุดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่รองรับโอเอสใหม่พร้อมกัน 4 รุ่น ทั้งอัลตร้าบุ๊คแบบไฮบริด ลูกผสมพีซีและแทบเล็ต “ไวโอ้ ดูโอ้ 11” ราคา 45,900 บาท โน้ตบุ๊ค “ไวโอ้ แทบ 20” ราคา 46,900 บาท อัลตร้าบุ๊ค “ไวโอ้ ทีซีรีส์ 13” จอทัชสกรีน 13.3 นิ้ว ราคา 34,900 บาท พร้อมด้วยรุ่นพิเศษประดับคริสตัล “ไวโอ้ อี ซีรีส์ 14พี” ราคา 34,900 บาท

โดยแต่ละรุ่นจะทยอยวางตลาดตั้งแต่ เดือนพ.ย. ซึ่งเชื่อว่ากระแสตอบรับจะออกมาดี โดยเฉพาะในงานคอมมาร์ตที่จะถึงนี้

ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจโน้ตบุ๊คสร้างรายได้ให้บริษัทคิดเป็นสัดส่วน 10-15% และปีนี้คาดว่าตัวเลขยังไม่เปลี่ยนแปลง และแม้สถานการณ์ฮาร์ดดิสก์ขาดตลาดจะดีขึ้นแล้ว แต่ยังมีปัจจัยที่น่ากังวัลคือการที่ผู้เล่นแต่ละรายเข้ามาแข่งในตลาดสินค้าระบบสัมผัสอาจส่งผลให้ซัพพลายของจอทัชสกรีนขาดแคลน

อย่างไรก็ตามโซนี่เชื่อว่า ปัจจัยดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับการเติบโตของโซนี่จากปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊คที่มีการบันเดิลระบบปฏิบัติการวินโดว์ส และครองอันดับผู้นำตลาด 1 ใน 3 ของโน้ตบุ๊คราคา 3 หมื่นบาทขึ้นไป
dsdumrong
Verified User
โพสต์: 530
ผู้ติดตาม: 0

Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART

โพสต์ที่ 34

โพสต์

SVOA อยู่ในหมวด COMPARISON นี้ด้วยหรือเปล่าครับ :?:
Prin-IHL
Verified User
โพสต์: 58
ผู้ติดตาม: 0

Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART

โพสต์ที่ 35

โพสต์

dsdumrong เขียน:SVOA อยู่ในหมวด COMPARISON นี้ด้วยหรือเปล่าครับ :?:
Svoa เป็นผู้ผลิต ไม่ได้อยู่ในส่วน supply chain กระจายสินค้ารึเปล่าครับ

ผมมานั่งมองดู ก็ยอมรับว่ามีบางบริษัทน่าสนใจ และมี MOS ในความเห็นผม โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาหุ้นส่วนใหญ่ที่ได้รับการยอมรับว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ในตลาดแพงไปค่อนข้างมาก

แล้วแต่มุมมองของแต่ล่ะท่านครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
anubist
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1373
ผู้ติดตาม: 0

Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART

โพสต์ที่ 36

โพสต์

รองบออกหมดทุกตัว ค่อยมาถกกันใหม่นะครับ
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
Real-VI
Verified User
โพสต์: 1583
ผู้ติดตาม: 0

Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART

โพสต์ที่ 37

โพสต์

รองบอยู่หลายๆตัวเช่นกันครับ


ไว้งบออกมากันครบ คงได้เปรียบเทียบกันสนุก

:D :D
sanpat91
Verified User
โพสต์: 1741
ผู้ติดตาม: 0

Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART

โพสต์ที่ 38

โพสต์

ความคิดเห้นต่อ SIS
หมายเหตุ งบการเงินของ Qool คือการ นำงบรวม มาหักลบ กับงบการเงินเฉพาะกิจการ


หากเรามองรายได้ขายสินค้า ของ Qool ในงวด Q3 นั้น มีค่าเท่ากับ 514 ล้านบาท

ถ้าเราเข้าไปดูในหมายเหตุ 13 น่ะครับ ต้นทุนสินค้าขายของ Qool นั้น เกิดจาก
1) การขายสินค้าในคงคลังเดิม 314.345 ล้านบาท
2) การซื้อสินค้าใหม่แล้วขายออกไป 147.535 ล้านบาท
3) เกิดจากการตั้งค่าเผื่อล้าสมัย 227.284 ล้านบาท ครับ


ทีนี้ เรามาดู ยอดสินค้าคงคลังตอนสิ้น Q2 น่ะครับ ย้อนกลับไปดูงบเก่าได้ สินค้าคงเหลือ 1210.433 ล้านบาท
ซึ่งเมื่อเอา ค่าสินค้าคงเหลือ ในสิ้น Q2 นี้ ไปหัก ยอดขายสินค้าใน Q3 ที่ 314.345 ล้านบาท และ ยอดการตั้งค่าเผื่อ 227.284 ล้านบาท เราก็จะได้ ยอดสินค้าสุทธิล่าสุดใน Q3 คือ 668.804 ล้านบาท ตามที่คุณ Arwut กล่าวไว้ด้านบน


ดังนั้นโดยสรุป มหายความว่า
ในงวด Q3 ที่ผ่านมานั้น ยอดขายของ Qool ที่ 514 ล้านบาท เกิดจากการขายสินค้าคงคลังเดิมถึง 314.345 บาท หรือคิดสัดส่วน 61% ของยาดขายทั้งหมด (แทบไม่ได้สั่งซื้อเข้ามาใหม่แล้ว เร่งล้างสต๊อกเต็มที่)

ดังนั้น ยอดตั้งค่าเผื่อใน Qool ที่ 227.284 ล้านบาทนั้น ตั้งจาก สินค้าคงเหลือ จำนวน (1210.433-314.345) = 896.088 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้ขายออกไปใน Q3 หรือคิดเป็นสัดส่วนการตั้งค่าเผื่อ 25% ครับ

การตั้งค่าเผื่อนี้ เกิดจากการที่ขายสินค้าไม่ทันก่อนปิดงบการเงินเท่านั้น
จริงๆแล้ว Q2 ที่ล้างสินค้าไปเยอะนั้น เพื่อให้มันสะท้อนผลขาดทุนจริงๆ ผู้บริหารพยายามเต็มที่แล้วในการที่จะไม่ให้เกิดการตั้งค่าเผื่อในปริมาณมากที่อาจจะไม่สะท้อนการขาดทุนจริง (เพราะใน Q2 มันก็จะมีสินค้าคงคลังที่ถึงรอบการตั้งค่าเผื่อของมันเช่นกัน)

ดังนั้น ยอดสินค้าคงคลังที่ขายไม่ทันแล้วถูกตั้งค่าเผื่อ ขึ้นอยู่กับ ยอดขายในงาน Mobile Expo เป็นสำคัญ ว่าจริงๆแล้วจะขาดทุนเพียงเท่าไร (น่าเสียดายที่งานจัดต้นเดือนตุลาคม ไม่งั้น งบการเงินใน Q3 จะเห็นภาพที่ชัดกว่านี้มากๆๆ)

ทีนี้ยอดสินค้าคงเหลือ 668 ล้านบาท ใน Qool นั้น ถ้า Q4 สามารถขายออกไปได้ เหมือนอย่างที่ เกิดใน Q3 ก็ถือว่าผลกระทบต่องบการเงิน ก็เริ่มน้อยลงไปแล้ว เมื่อเทียบกับ ยอดสินค้าคงเหลือ 1,200 ล้านบาทใน Q2

ผมจึงเห็นด้วยกับคุณ Arwut ว่า ผลกระทบของสินค้าคงคลังที่มีปัญหา แล้วจะมากระทบงบการเงินน้อยลงไปมากแล้ว
ประกอบกับ หากดูความสามารถในการทำกำไรของ SIS จากสินค้าที่ไม่มีปัญหา สามารถทำกำไร ได้ถึง 80-100 ล้านบาท ทั้งๆที่อยู่ใน ไตรมาสที่ตลาด IT ซบเซา

นั่นหมายความว่า Long-term Value ของ SIS สามารถผลิตกำไรได้ในระดับ 320-400 ล้านบาทต่อปีได้ (อย่าลืมว่าปีหน้ามีโตเล็กน้อยจาก Tax ที่ลดลงด้วยในขณะที่ต้นทุนแรงงานขึ้นแล้วในกทมในปีนี้)

แล้วยิ่งถ้ามองว่า Q3 ยอดขาย IT ซบเซาอย่างรุนแรงไม่มีใครซื้อ เพราะรอ Win8 แต่ SIS สามารถทำกำไรได้เกินกว่า 80 ล้านบาท นั่นหมายความว่า ถึงแม้หาก Win8 ไม่ได้กระตุ้นตลาด IT มากมาย แต่อย่างน้อยก็จะส่งผลดีให้ SIS ได้กำไรได้ดีกว่า กำไรที่เกิดขึ้นใน Q3 2012


ลองพิจารณา กันดูครับ
นึกถึงเวลาทำธุรกิจเป็นเจ้าของกิจการ
สินค้าอะไรมีปัญหาก็ต้องยอมเฉือนทิ้ง เอาให้จบกันไป
เหมือนคนเป็นมะเร็ง ตัดเนื้อร้ายทิ้งออกไป
ขาดทุนเท่าไรก็คือการขาดทุนให้ปัญหาจบ เปรียบเทียบ ก็ไม่ต่างจาก Sunk costs ของการลงทุนซื้อเครื่องจักร ที่มันผ่านไปแล้ว
แต่ในเมื่อในเวลาที่สินค้าบางชิ้นมีปัญหา แต่ SIS ก็ยังสามารถสร้างกำไรจากสินค้าอื่นได้อย่างปกติ ความสามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมแทบจะไม่ลดลง


ก็น่าติดตามน่ะครับ หลับตาสักพัก เปิดตามาอีกที 6 เดือนมาดูกันใหม่ ก็ช่วยลดความผิดพลาดจากการตัดสินใจได้
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART

โพสต์ที่ 39

โพสต์

Thin client กำลังจะมาแรง
เนื่องจากใช้ visualization โดนจับ clone หลายๆ client
ไม่ต้องมีความจำเป็นต้องมี os ประจำทุกเครื่องละ

Visualization เริ่ม boom กระแสเริ่มมาแล้วละ
:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
dome@perth
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4741
ผู้ติดตาม: 1

Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART

โพสต์ที่ 40

โพสต์

เป็นกระทู้ที่ดี ถกกันด้วยเหตุผล ถึงแม้มุมมองอาจจะต่างกัน
แถมด้วยความรู้ด้านไอที อีกเพียบ
ยอดเยี่ยมครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง
"
syj
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4254
ผู้ติดตาม: 1

Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART

โพสต์ที่ 41

โพสต์

ที่บ้าน มี Notebooks หลายตัว รวมทั้ง Mac Book Air
ครับ แต่แทบไม่ได้ใช้เลย ใช้แค่ Desktop
และที่สำคัญ Tablets ตั้งแต่ iPad1 ยัน
มา iPad3 ส่วนแฟนใช้ SS Galaxy S2
เป็นหลัก และ iPhone5 ที่สั่งไปแล้ว

ถามจริงๆ คนส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่ IT Professional
นี่เขาเอาอุปกรณ์เหล่านี้ ทำอะไรครับ ผมดูจาก
คนรอบๆ ตัว หนึ่งใช้ WhatApp กับ Line
ซึ่งมาแทน Facebook ที่ใช้น้อยลง ดู website
ต่างๆ อ่านกระทู้ต่างๆ ใช้ถ่ายรูป ดูรูป ส่งรูป
เช็ค อีเมล บ้าง

นี่คือคนส่วนใหญ่ แล้วมันใช้ง่ายมากๆ แม้แต่เด็กๆ
หรือแก่ๆ ก็ตามจิ้มๆ ไปเดี๋ยวก็ใช้เป็น

แต่ขณะนี้ต้องมามองดูว่า คนที่คิดค้นอะไรใหม่ๆ ให้เราใช้
ตายไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว
1) APPLE II ==> ที่มาของ Personal Computer PC
2) MacIntosh ==> ที่มาของระบบติดต่อผู้ใช้แบบ Graphic
3) iPhone ==> Smart phone รุ่นแรกที่เปลี่ยนโลกของ Smart phone
4) iPad ==> Tablet ตัวแรกที่ใช้งานได้จริงและง่ายๆ เป็นการเปิดยุค
"Post PC Era"
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
Real-VI
Verified User
โพสต์: 1583
ผู้ติดตาม: 0

Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART

โพสต์ที่ 42

โพสต์

รอ ติดตาม เปรียบเทียบ Market Cap กันอีกรอบ หลังงบปี 2556 ประกาศพร้อมกันหมดแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
นายมานะ
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1167
ผู้ติดตาม: 1

Re: Market Cap Value Comparison between IT SIS SYNEX JMART

โพสต์ที่ 43

โพสต์

น่าสนใจครับ ขออนญาติติดตามและถามเป็นความรู้นะครับ ในอุตสาหกรรมที่ growth ต่ำไปจนถึงติดลบ เราควรลงทุนในจุดไหนระหว่างจุดที่ใกล้จะมีคนตาย หรือจุดที่เหลือแต่ผู้ที่รอดแล้วครับ ขอบคุณครับ