In Search of Great Stocks
-
- Verified User
- โพสต์: 23
- ผู้ติดตาม: 0
Re: In Search of Great Stocks
โพสต์ที่ 31
ขอบคุณมากครับสำหรับบทความดีๆ
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: In Search of Great Stocks
โพสต์ที่ 34
สุดยอดเลยครับ โย ขอบคุณสำหรับ Comment มากๆ เลยครับ เดี๋ยวจะไปศึกษาให้ละเอียดๆ เกี่ยวกับการบริหารการเงิน กับ แนวทางการเติบโตของบริษัทต่อไปครับ แต่เท่าที่เข้าใจว่าเร็วๆ นี้ GOOG อาจจะมีการจ่าย Stock Dividend ได้ เพราะ ในการประชุมผู้ถือหุ้นของปีนี้ได้มีการอนุมัติออกหุ้น Class C เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะปันผลเมื่อไหร่กันแน่ ก็หวังว่าจะได้บ้างอะไรบ้าง ส่วนเรื่องอื่นๆ คงต้องไปศึกษาตามที่ได้รับคำแนะนำมา
เรื่อง Growth ในอนาคตของ GOOG นี่ผมก็ไม่รู้ว่าเค้าจะทำได้จริงขนาดไหน พอดีตอนที่ซื้อนี่ผมเห็น Forward P/E มันอยู่ที่ 12 เท่า ก็คิดว่าคุณภาพกิจการที่มีความแข็งแกร่งของ Search Engine, YouTube ที่เป็นอยู่ เมื่อเทียบกับหุ้นที่หาได้ในไทย ถ้าทำรายได้กำไรได้เท่าๆ เดิม ก็น่าจะเสมอตัว พอเอาตัวรอดได้ แต่ถ้าสามารถหาช่องทางในการทำกำไรในอนาคตได้จาก Android หรือ โปรเจ็คล้ำๆ อย่าง Google Glass หรือ Self-Drive Car นี่ ก็ถือว่าเป็นของแถม... ก็เลยคิดว่าขอลองเสี่ยงดวงดู หลังจากที่ติดตามกิจการมาหลายปี เลยหลับหูหลับตา ไหว้พระสวดมนต์ เคาะๆ ซื้อๆ ไป
แต่เอาเข้าจริง แนวโน้มการโฆษณาผ่านทาง website ก็ค่อยๆ drop ลงจากเทรนด์ที่คน move การบริโภค Content จากคอมพิวเตอร์มาที่มือถือ Cost per Click ที่ประมูลราคากันลดลง จากเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี ผลขาดทุนที่รับรู้มาจาก Motorola เลยทำให้งบไตรมาส 3 ออกมาไม่ค่อยดีนัก... ตอนนี้ก็ยังโชคดีที่ยังไม่ขาดทุน ว่าจะซื้อเพิ่ม แต่ก็ยังมีอะไรบ้างอย่างที่ทำให้ลังเลอยู่บ้าง... ได้อ่านความเห็นโยก็ช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยครับ
ขอบคุณครับ
เรื่อง Growth ในอนาคตของ GOOG นี่ผมก็ไม่รู้ว่าเค้าจะทำได้จริงขนาดไหน พอดีตอนที่ซื้อนี่ผมเห็น Forward P/E มันอยู่ที่ 12 เท่า ก็คิดว่าคุณภาพกิจการที่มีความแข็งแกร่งของ Search Engine, YouTube ที่เป็นอยู่ เมื่อเทียบกับหุ้นที่หาได้ในไทย ถ้าทำรายได้กำไรได้เท่าๆ เดิม ก็น่าจะเสมอตัว พอเอาตัวรอดได้ แต่ถ้าสามารถหาช่องทางในการทำกำไรในอนาคตได้จาก Android หรือ โปรเจ็คล้ำๆ อย่าง Google Glass หรือ Self-Drive Car นี่ ก็ถือว่าเป็นของแถม... ก็เลยคิดว่าขอลองเสี่ยงดวงดู หลังจากที่ติดตามกิจการมาหลายปี เลยหลับหูหลับตา ไหว้พระสวดมนต์ เคาะๆ ซื้อๆ ไป
แต่เอาเข้าจริง แนวโน้มการโฆษณาผ่านทาง website ก็ค่อยๆ drop ลงจากเทรนด์ที่คน move การบริโภค Content จากคอมพิวเตอร์มาที่มือถือ Cost per Click ที่ประมูลราคากันลดลง จากเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี ผลขาดทุนที่รับรู้มาจาก Motorola เลยทำให้งบไตรมาส 3 ออกมาไม่ค่อยดีนัก... ตอนนี้ก็ยังโชคดีที่ยังไม่ขาดทุน ว่าจะซื้อเพิ่ม แต่ก็ยังมีอะไรบ้างอย่างที่ทำให้ลังเลอยู่บ้าง... ได้อ่านความเห็นโยก็ช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยครับ
ขอบคุณครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- atsu
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1220
- ผู้ติดตาม: 1
Re: In Search of Great Stocks
โพสต์ที่ 37
ขอบคุณมากครับคุณ yoyo สำหรับบทความดีๆ
ภาษาอังกฤษผมไม่ค่อยเก่ง ได้แค่งูๆปลาๆ
แต่ลองพยายามอ่านดูก็พออ่านจับใจความได้เกือบทั้งหมด
เชียร์ให้เพื่อนๆที่ไม่ค่อยมั่นใจในทักษะภาษาอังกฤษของตัวเองเท่าไหร่ลองพยายามอ่านดูครับ
อย่าเพิ่งถอดใจเพราะเห็นเป็นบทความภาษาอังกฤษยาวๆ(ผมเคยเป็นแบบนี้ )
ลองค่อยๆอ่านดูน่าจะเกิดประโยชน์มากครับ
ภาษาอังกฤษผมไม่ค่อยเก่ง ได้แค่งูๆปลาๆ
แต่ลองพยายามอ่านดูก็พออ่านจับใจความได้เกือบทั้งหมด
เชียร์ให้เพื่อนๆที่ไม่ค่อยมั่นใจในทักษะภาษาอังกฤษของตัวเองเท่าไหร่ลองพยายามอ่านดูครับ
อย่าเพิ่งถอดใจเพราะเห็นเป็นบทความภาษาอังกฤษยาวๆ(ผมเคยเป็นแบบนี้ )
ลองค่อยๆอ่านดูน่าจะเกิดประโยชน์มากครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2690
- ผู้ติดตาม: 0
Re: In Search of Great Stocks
โพสต์ที่ 39
เคยชอบศึกษา..
checklists ของ คุณ humdrum http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=52354
ตอนนี้
ต้อง
บอกว่า
Circle of Growth ของ คุณ yoyo ใน yoyo's “Stock Selection Diagram”
น่าสนใจ ศึกษามาก..
ใน beat the street (p139)ผมเคย ทึ่งกับ รู้จักครั้งแรกกับ
การเติบโต ของ HomeDepot(HD) ราคาหุ้นเพิ่ม 260 เท่า ในเวลา 15ปี
แต่พอเข้า ไปศึกษาเพิ่มเติ่ม ปรากฎว่า
HD รายได้ revenue peak ในปี 2007 ที่ 90,837
กล่าวคือ พอปี 2008 เริ่มตกและ ปัจจุบันปี 2011-12 รายได้ 70,395 ในขณะที่ CocaCola(KO) รายได้ ในปี 2007 ที่ 28,857
และปี 2008 กลับเพิ่ม เป็น 31,944 แต่ 2009 ก็ตกเหมือนกัน เป็น 30,990
แต่ปัจจุบัน 2011-12 รายได้ 46,542 ยังโตต่อเนื่อง.
http://financials.morningstar.com/ratios/r.html?t=ko
ผมเลยสงสัย
คือเช่น
nokia, RIM ก็เป็น growth company มาก่อน
แต่ทั้งสอง บ. นี้ อยู่ใน unstable industry เกมเปลี่ยนเร็ว
ส่วน HD นั้น คู่แข่งสำคัญ คือ
Lowe (low) http://financials.morningstar.com/ratios/r.html?t=low
Lowe's is the second largest home-improvement retailer in the world (with annual revenue of $50 billion in the year ended January 2012)
ซึ่งยอดขาย น้อยกว่า HD แต่ ยอดเติบโตน้อยมาก
จาก 2007 ได้ 46,927 เป็น 2011-12 ได้revenue 50,208
1.อาจจะเกี่ยวกับ ปีก่อน 2008 ตลาดในอเมริกา มันบูมสุดขีด พอเกิด sub prime ก็เลย คนมีบ้านสองหลัง กู้มา ขายไม่ได้ ก็ทิ้งบ้าน
ไว้อย่างนั้น ไม่ปรับปรุง ซ่อม แสดงว่า อย่างตอนนี้ อสังหาริมทรัพย์ไทย กำลังร้อนแรง เพราะดอกเบี้ยถูก แต่ ถ้าจบรอบเมื่อไหร่ มันก็อาจกระทบ กลุ่ม แบบ HD ได้
2. อย่าง KO
(หรือ DiaryQueen นั้น ไปจีน)
http://www.bloomberg.com/news/2012-03-0 ... china.html
ซึ่งเป็น ตลาดใหญ่ ยัง GDP growth 7%+ ไปอีกหลายปี
คนจีนเวลาไปเที่ยว ทั้วโลก ก็กินโค็กคุ้นเคยทำนองนี้ เพราะราคาถูก
แต่ home improvement มันก็ต่างกันไป
เลยสรุปว่าแจมchecklists - long-term Growth (ถูกผิดcheckเอง)
1.ใน Large future growth หรือ Long-term growth นั้น "stable industry" เป็น checklist ที่สำคัญ
2. "is growth sensitive to economic cycle" หรือ "บางทีมันโต แบบ artificial"
2.1 โตเพราะดอกเบี้ยต่ำ พอดอกเบี้ยสูงก็หยุด
2.2 โตเพราะ FTA เพราะ ไม่ได้ เข้า วง การค้า trade agreement บางอย่าง โตก็หยุด
2.3 โต เพราะ commodities supply demand surge พอจบ surge ก็จบ
3. ฉะนั้น growth ควรจะ easily repeated ใน geographic area อื่น เช่น
coke ไปจีนง่ายกว่า google ไปจีน
4. competitors เก่งขึ้นได้เร็วไหม ถ้า เบอร์สอง เก่งขึ้นเร็วกว่าเบอร์ 1 ก็อันตราย
มีหน้าใหม่ ยักษ์ใหย๋ มากไหม เช่น samsung/apple หรือ ตลาดน้ำดำไทย ตอนนี้
..
..
พอเป็น ประเด็น เปิดให้ คิดต่อ ไม่ยืนยัน ว่า ถูกต้อง...
checklists ของ คุณ humdrum http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=52354
ตอนนี้
ต้อง
บอกว่า
Circle of Growth ของ คุณ yoyo ใน yoyo's “Stock Selection Diagram”
น่าสนใจ ศึกษามาก..
ใน beat the street (p139)ผมเคย ทึ่งกับ รู้จักครั้งแรกกับ
การเติบโต ของ HomeDepot(HD) ราคาหุ้นเพิ่ม 260 เท่า ในเวลา 15ปี
แต่พอเข้า ไปศึกษาเพิ่มเติ่ม ปรากฎว่า
HD รายได้ revenue peak ในปี 2007 ที่ 90,837
กล่าวคือ พอปี 2008 เริ่มตกและ ปัจจุบันปี 2011-12 รายได้ 70,395 ในขณะที่ CocaCola(KO) รายได้ ในปี 2007 ที่ 28,857
และปี 2008 กลับเพิ่ม เป็น 31,944 แต่ 2009 ก็ตกเหมือนกัน เป็น 30,990
แต่ปัจจุบัน 2011-12 รายได้ 46,542 ยังโตต่อเนื่อง.
http://financials.morningstar.com/ratios/r.html?t=ko
ผมเลยสงสัย
คือเช่น
nokia, RIM ก็เป็น growth company มาก่อน
แต่ทั้งสอง บ. นี้ อยู่ใน unstable industry เกมเปลี่ยนเร็ว
ส่วน HD นั้น คู่แข่งสำคัญ คือ
Lowe (low) http://financials.morningstar.com/ratios/r.html?t=low
Lowe's is the second largest home-improvement retailer in the world (with annual revenue of $50 billion in the year ended January 2012)
ซึ่งยอดขาย น้อยกว่า HD แต่ ยอดเติบโตน้อยมาก
จาก 2007 ได้ 46,927 เป็น 2011-12 ได้revenue 50,208
สมมติฐานเอาว่าจาก morningstar
http://quote.morningstar.com/stock/s.as ... ture=en-us
Home Depot, the world's largest home-improvement retailer with nearly $75 billion in annualized revenue, spent the last four years battling economic headwinds and updating its distribution network. After a decade of aggressive expansion and store and concept growth, the company changed course; it sold its professional supply business in 2007 and closed its ancillary retail businesses in early 2009. During 2012 the company announced that it would shutter its China big box retail operation as well.
1.อาจจะเกี่ยวกับ ปีก่อน 2008 ตลาดในอเมริกา มันบูมสุดขีด พอเกิด sub prime ก็เลย คนมีบ้านสองหลัง กู้มา ขายไม่ได้ ก็ทิ้งบ้าน
ไว้อย่างนั้น ไม่ปรับปรุง ซ่อม แสดงว่า อย่างตอนนี้ อสังหาริมทรัพย์ไทย กำลังร้อนแรง เพราะดอกเบี้ยถูก แต่ ถ้าจบรอบเมื่อไหร่ มันก็อาจกระทบ กลุ่ม แบบ HD ได้
2. อย่าง KO
(หรือ DiaryQueen นั้น ไปจีน)
http://www.bloomberg.com/news/2012-03-0 ... china.html
ซึ่งเป็น ตลาดใหญ่ ยัง GDP growth 7%+ ไปอีกหลายปี
คนจีนเวลาไปเที่ยว ทั้วโลก ก็กินโค็กคุ้นเคยทำนองนี้ เพราะราคาถูก
แต่ home improvement มันก็ต่างกันไป
เลยสรุปว่าแจมchecklists - long-term Growth (ถูกผิดcheckเอง)
1.ใน Large future growth หรือ Long-term growth นั้น "stable industry" เป็น checklist ที่สำคัญ
2. "is growth sensitive to economic cycle" หรือ "บางทีมันโต แบบ artificial"
2.1 โตเพราะดอกเบี้ยต่ำ พอดอกเบี้ยสูงก็หยุด
2.2 โตเพราะ FTA เพราะ ไม่ได้ เข้า วง การค้า trade agreement บางอย่าง โตก็หยุด
2.3 โต เพราะ commodities supply demand surge พอจบ surge ก็จบ
3. ฉะนั้น growth ควรจะ easily repeated ใน geographic area อื่น เช่น
coke ไปจีนง่ายกว่า google ไปจีน
4. competitors เก่งขึ้นได้เร็วไหม ถ้า เบอร์สอง เก่งขึ้นเร็วกว่าเบอร์ 1 ก็อันตราย
มีหน้าใหม่ ยักษ์ใหย๋ มากไหม เช่น samsung/apple หรือ ตลาดน้ำดำไทย ตอนนี้
..
..
พอเป็น ประเด็น เปิดให้ คิดต่อ ไม่ยืนยัน ว่า ถูกต้อง...
-
- Verified User
- โพสต์: 2690
- ผู้ติดตาม: 0
Re: In Search of Great Stocks
โพสต์ที่ 40
relate link
valueline
HomeDepo
http://www3.valueline.com/vlquotes/quote.aspx?symbol=HD
http://www3.valueline.com/dow30/f4402.pdf
Lowe
http://www3.valueline.com/vlquotes/quot ... symbol=LOW
http://www3.valueline.com/secure/vlispd ... /f5435.pdf
Coca Cola
http://www3.valueline.com/vlquotes/quote.aspx?symbol=KO
http://www3.valueline.com/dow30/f2084.pdf
valueline
HomeDepo
http://www3.valueline.com/vlquotes/quote.aspx?symbol=HD
http://www3.valueline.com/dow30/f4402.pdf
Lowe
http://www3.valueline.com/vlquotes/quot ... symbol=LOW
http://www3.valueline.com/secure/vlispd ... /f5435.pdf
Coca Cola
http://www3.valueline.com/vlquotes/quote.aspx?symbol=KO
http://www3.valueline.com/dow30/f2084.pdf
-
- Verified User
- โพสต์: 2690
- ผู้ติดตาม: 0
Re: In Search of Great Stocks
โพสต์ที่ 41
(ผิดตกขออภัย โปรด recheck )
ถ้า
เรา
จะ ศึกษา
Large future growth
วิธีหนึ่ง
ก็คือ
เรา
ต้อง ลอง ไป ดู Historical growth
..
ยกตัวอย่าง
บ. ที่ กำไร ใน ปี 2005 เท่ากับ 1,335 USD Mil.
พอปี 2011-12 กำไร กลายเป็น 41,733 USD Mil.
41733/1335=31.2 เท่าตัว ใน 2012-2005 ประมาณ 7 ปี
..
31เท่า ใน 7 ปี
..
โดยที่ Free Cash Flow เพิ่มจาก ในปี 2005 ที่ 2,275 USD Mil.
เป็น 41,454 USD Mil. ในปี2011-12
.. ..
..
โดยเทียบกับ
อีก 2 บ. คือ IBM กับ HP ในช่วงเดียวกันดู
..
IBM
ปี 2002 กำไร 3,579
ปี 2011-12 กำไร 15,855 ไม่มี peak year
15855/3579=4.4เท่า
4.4 เท่า ใน 10ปี --
..ก่อนหน้า เราพูดถึง CocaCola(ko) ลองเทียบดู
KO
ปี 2002 กำไร 3,050
ปี 2011-12 กำไร 8,572 มี peak year ปี 2010 ที่ 11,809
8572/3050=2.8เท่า
2.8 เท่า ใน 10ปี
เท่ากับ
IBM มี growth ของ Net Income (earning) ในช่วงปี 2002-2012
สูงกว่า KO คือ 4.4 เท่า เทียบกับ 2.8 เท่า
{อาจจะเป็น เหตุผลที่ ปู่บัฟ เพิ่ม IBM ใน ปี2011 ปัจจุบัน มี IBM 18.6% ของ port มี KO 20.1% }
http://www.gurufocus.com/StockBuy.php?G ... en+Buffett
จะเห็นว่า AAPL
apple เข้า Circle of Growth ไป 2 ข้อ คือ LargeFutueGrowth
กับ GreatCashFlow เท่า G-CF
แต่ ตลาดเป็น High Compettion..
จึงไม่น่า เข้า ข้อ LC
ถ้า
เรา
จะ ศึกษา
Large future growth
วิธีหนึ่ง
ก็คือ
เรา
ต้อง ลอง ไป ดู Historical growth
..
ยกตัวอย่าง
บ. ที่ กำไร ใน ปี 2005 เท่ากับ 1,335 USD Mil.
พอปี 2011-12 กำไร กลายเป็น 41,733 USD Mil.
41733/1335=31.2 เท่าตัว ใน 2012-2005 ประมาณ 7 ปี
..
31เท่า ใน 7 ปี
..
โดยที่ Free Cash Flow เพิ่มจาก ในปี 2005 ที่ 2,275 USD Mil.
เป็น 41,454 USD Mil. ในปี2011-12
.. ..
..
โดยเทียบกับ
อีก 2 บ. คือ IBM กับ HP ในช่วงเดียวกันดู
..
IBM
ปี 2002 กำไร 3,579
ปี 2011-12 กำไร 15,855 ไม่มี peak year
15855/3579=4.4เท่า
4.4 เท่า ใน 10ปี --
..ก่อนหน้า เราพูดถึง CocaCola(ko) ลองเทียบดู
KO
ปี 2002 กำไร 3,050
ปี 2011-12 กำไร 8,572 มี peak year ปี 2010 ที่ 11,809
8572/3050=2.8เท่า
2.8 เท่า ใน 10ปี
เท่ากับ
IBM มี growth ของ Net Income (earning) ในช่วงปี 2002-2012
สูงกว่า KO คือ 4.4 เท่า เทียบกับ 2.8 เท่า
{อาจจะเป็น เหตุผลที่ ปู่บัฟ เพิ่ม IBM ใน ปี2011 ปัจจุบัน มี IBM 18.6% ของ port มี KO 20.1% }
http://www.gurufocus.com/StockBuy.php?G ... en+Buffett
จะเห็นว่า AAPL
apple เข้า Circle of Growth ไป 2 ข้อ คือ LargeFutueGrowth
กับ GreatCashFlow เท่า G-CF
แต่ ตลาดเป็น High Compettion..
จึงไม่น่า เข้า ข้อ LC
-
- Verified User
- โพสต์: 2690
- ผู้ติดตาม: 0
Re: In Search of Great Stocks
โพสต์ที่ 42
ส่วน
็HP(HPQ)
ปี 2003 กำไร 2,539 (ปี 02 ขาดทุนตัดออก)
ปี 2011-12 กำไร 7,074 มี peak year ปี 2010 ที่ 8,761
7074/2539=2.78เท่า (พอๆกับ KO)
2.78 เท่า ใน 9 ปี
...
ที่เอามาเทียบ
ยอดรายได้ HP ปี 2002 อยู่ที่ 56,585
ขณะที่ ปี 2002 IBM ยอดรายได้ 81,186
..
แต่ 10ปี หลัง 2011-12
ยอดรายได้ HP ปี 2011-12 อยู่ที่ 127,245
ขณะที่ ปี 2012 IBM ยอดรายได้ 106,916
รายได้ HP แซงหน้า IBM ไปแล้ว
.. ..
2.78เท่า (พอๆกับ KO ที่ 2.8)
แต่ต่างกัน
น่าจะ ตรง KO นั้น LowCompetion กว่า
ซึ่ง
IBM ปััจจุบัน อยู่ใน ตลาด เครื่องขนาดใหญ่ software service ก็ยิ่งน่า
LowCompetion เหมือนกัน
(Note: ว่า ปู่บัฟมักบอกว่า IBM มี stickiness ลูกค้ามักใช้ซ้ำๆ ไปเปลี่ยนง่าย)
็HP(HPQ)
ปี 2003 กำไร 2,539 (ปี 02 ขาดทุนตัดออก)
ปี 2011-12 กำไร 7,074 มี peak year ปี 2010 ที่ 8,761
7074/2539=2.78เท่า (พอๆกับ KO)
2.78 เท่า ใน 9 ปี
...
ที่เอามาเทียบ
ยอดรายได้ HP ปี 2002 อยู่ที่ 56,585
ขณะที่ ปี 2002 IBM ยอดรายได้ 81,186
..
แต่ 10ปี หลัง 2011-12
ยอดรายได้ HP ปี 2011-12 อยู่ที่ 127,245
ขณะที่ ปี 2012 IBM ยอดรายได้ 106,916
รายได้ HP แซงหน้า IBM ไปแล้ว
.. ..
2.78เท่า (พอๆกับ KO ที่ 2.8)
แต่ต่างกัน
น่าจะ ตรง KO นั้น LowCompetion กว่า
ซึ่ง
IBM ปััจจุบัน อยู่ใน ตลาด เครื่องขนาดใหญ่ software service ก็ยิ่งน่า
LowCompetion เหมือนกัน
(Note: ว่า ปู่บัฟมักบอกว่า IBM มี stickiness ลูกค้ามักใช้ซ้ำๆ ไปเปลี่ยนง่าย)
-
- Verified User
- โพสต์: 2690
- ผู้ติดตาม: 0
Re: In Search of Great Stocks
โพสต์ที่ 43
แปลว่า
ถ้าดูแค่ historical growth จากตัวอย่าง ข้างบน
คงเลือก KO มากกว่า HD
และ คงเลือก
IBM มากว่า KO
..
ส่วน AAPL HP ซึ่ง ไม่ใช่ LC นั้น
จะเลือกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ reward/risk แบบนี้มั่ง
..
เปิดมุมมองให้ คิดต่อ เท่านั้น
ไม่ต้องการ ฟันธงหรือ สรุป
..
ขอโทษยาวไปนิด
ถ้าดูแค่ historical growth จากตัวอย่าง ข้างบน
คงเลือก KO มากกว่า HD
และ คงเลือก
IBM มากว่า KO
..
ส่วน AAPL HP ซึ่ง ไม่ใช่ LC นั้น
จะเลือกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ reward/risk แบบนี้มั่ง
..
เปิดมุมมองให้ คิดต่อ เท่านั้น
ไม่ต้องการ ฟันธงหรือ สรุป
..
ขอโทษยาวไปนิด
-
- Verified User
- โพสต์: 2690
- ผู้ติดตาม: 0