China การลงทุนในกองทุนประเทศจีน

การลงทุนอื่นๆนอกจากหุ้น วีไอ กองทุนรวมชนิดต่างๆ RMF LTFตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ อนุพันธ์ และเกษตรล่วงหน้า

โพสต์ โพสต์
jatturong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 128
ผู้ติดตาม: 0

China การลงทุนในกองทุนประเทศจีน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สวัสดีครับ ผมสนใจ เลือกลงทุน ในกองทุนเปิด ที่มีนโยบายลงทุนในตลาดประเทศจีน
ไม่ทราบเพื่อน มีวิธี เลือกลงทุนกองทุนเปิด ประเทศจีน กันอย่างไรบ้างครับ
รบกวน ขอ comment หน่อย

อันนี่เป็น list ครับ

1 กองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index
2 กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ ไชน่า แวลู เอฟไอเอฟ
3 กองทุนเปิดเคเค ไชน่า ฟันด์
4 กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า H-Shares อิควิตี้
5 กองทุนเปิดกรุงศรีไชน่าอิควิตี้
6 กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เกรทเทอร์ ไชน่า
7 กองทุนเปิดวรรณไชน่าออโต้รีเด็มชั่นฟันด์
8 กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เดลี่ ไชน่า-อินเดีย-อินโด อิควิตี้
9 กองทุนเปิดอเบอร์ดีน ไชน่า เกทเวย์ ฟันด์
10 กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ
11 กองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน
12 กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ไชน่า ซีรี่ส์ 2
13 กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย ดิวิเดนด์ ฟัน
14 กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท ไชน่า อินเดีย ชนิดไม่จ่ายเงินปันผ
15 กองทุนเปิดดับเบิลยูไอเอสอี เคแทม ซีเอสไอ 300 ไชน่า แทร็กเกอร์ (THB)
jatturong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 128
ผู้ติดตาม: 0

Re: China การลงทุนในกองทุนประเทศจีน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

อันนี้เป็นผลตอบแทน ย้อนหลัง ครับ
เครดิตจาก morning start thailand
http://tools.morningstarthailand.com/th ... F0000040ZY]2]0]FOTHA$$ONS|F00000J85Y]2]0]FOTHA$$ONS|F00000LKGL]2]0]FOTHA$$ONS|F0000044FI]2]0]FOTHA$$ONS|F000005JN4]2]0]FOTHA$$ONS&CurrencyId=THB&LanguageId=th-TH
แนบไฟล์

jatturong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 128
ผู้ติดตาม: 0

Re: China การลงทุนในกองทุนประเทศจีน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

อันนี้เป็นผลตอบแทน ย้อนหลัง แค่ 2ปี ครับ
เครดิตจาก morning start thailand
แนบไฟล์

jatturong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 128
ผู้ติดตาม: 0

Re: China การลงทุนในกองทุนประเทศจีน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

อันนี้เป็น กราฟ น่าจะดูง่ายหน่อย
ปี 2011 ติดลบกัน ถ้วนหน้า
ปี 2012 บวกกันหมด
ลองเทียบดูว่า ใครขึ้นมากขึ้นน้อย ครับ
แนบไฟล์

jatturong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 128
ผู้ติดตาม: 0

Re: China การลงทุนในกองทุนประเทศจีน

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ผมเข้าใจว่า fund บอก sector weight ของกองทุน อาจเป็นประโยชร์ ในการเลือก sector
ผม เพิ่มค่าธรรมเนียม แต่ล่ะกองทุนด้วยครับ


http://tools.morningstarthailand.com/th ... F000000RJ7]2]0]FOTHA$$ONS|F000000RU6]2]0]FOTHA$$ONS|F0000045SP]2]0]FOTHA$$ONS|F00000JZ7R]2]0]FOTHA$$ONS|F000005QMB]2]0]FOTHA$$ONS&CurrencyId=THB&LanguageId=th-TH

http://tools.morningstarthailand.com/th ... F0000040ZY]2]0]FOTHA$$ONS|F00000J85Y]2]0]FOTHA$$ONS|F00000LKGL]2]0]FOTHA$$ONS|F0000044FI]2]0]FOTHA$$ONS|F000001AY0]2]0]FOTHA$$ONS&CurrencyId=THB&LanguageId=th-TH

http://tools.morningstarthailand.com/th ... F0000040ZY]2]0]FOTHA$$ONS|F00000J85Y]2]0]FOTHA$$ONS|F00000LKGL]2]0]FOTHA$$ONS|F0000044FI]2]0]FOTHA$$ONS|F000001AY0]2]0]FOTHA$$ONS&CurrencyId=THB&LanguageId=th-TH
แนบไฟล์

lnw_earn
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 19
ผู้ติดตาม: 0

Re: China การลงทุนในกองทุนประเทศจีน

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากเลยครับ

ขอถามสักคำถามนะครับ
แล้วตัวหุ้น CHINA ข้อมูลละเอียดๆเปรียบเทียบกับกองทุนเหล่านี้เป็นอย่างไรบ้างครับ
(ขออภัยที่ถามคำถามแบบไม่ค่อยได้ศึกษาละเอียดมาก่อนนะครับ)

ผมยอมรับเลยว่าไม่ได้ศึกษารายละเอียดชัดเจน ตอนลงทุนในตัวหุ้น CHINA มองว่าเหมือนซื้อ Index
ผมลงทุนแบบ DCA เลยอ่ะครับ(สัดส่วนถือว่าน้อยในพอร์ตประมาณ 10 เปอร์เซนต์ เพราะมองว่าเป็นการลงทุนแบบ Passive)
และราคาตลาดของจีนตอนนี้ ก็ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับของไทย ^ ^ P/E เกือบๆ 10 เท่า

... เดิมก็ลงทุนแบบ DCA ในหุ้น TDEX แหละครับ
แต่พอตัว TDEX วัดด้วยค่า P/E สูงกว่า ค่าเฉลี่ยไปเยอะ ก็เลยขายแล้วมาสะสมใน CHINA แทน
(นำมาทำกราฟ เหมือนหาค่า SD อ่ะครับ ทำจุดตัดที่จะซื้อเมื่อ P/E ต่ำกว่าเท่าไหร่ และจะขายเมื่อ P/E สูงกว่าเท่าไหร่ )

แล้วก็มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องสูงเหมือนกันในตัวหุ้น CHINA TDEX ถึงแม้ว่าตอนนี้สำหรับผมอาจจะไม่มากมายเท่าไหร่
แต่ถ้าตลาด Crash ขึ้นมา ... ขายไม่ทันแน่ๆ 555+
จึงอยากจะศึกษา กองทุน ที่จะสามารถทะยอยซื้อเดือนละเล็กละน้อยได้หน่ะครับ
"Life long Learner"
jatturong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 128
ผู้ติดตาม: 0

Re: China การลงทุนในกองทุนประเทศจีน

โพสต์ที่ 7

โพสต์

สามารถหาข้อมลูจาก web Morningstarthailand ครับ
สามารถสมัครฟรีได้ครับ

แล้วก็ไปที่หน้านี้

http://tools.morningstarthailand.com/th ... geId=th-TH


จะเห็น ช่องให้เลือกกองทุน "Enter Name or ISIN"
ใส่ชื่อสั้นๆๆ ว่า China หรือ จีน แล้วก็กดแว่น ขยาย ครับ หลังจากนั้นก็จะเห็น ชื่อกองทุน
ผมเปรียบเทียบ โดยใส่ชื่อ กองทุนเข้า
แนบไฟล์

jatturong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 128
ผู้ติดตาม: 0

Re: China การลงทุนในกองทุนประเทศจีน

โพสต์ที่ 8

โพสต์

lnw_earn เขียน:ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากเลยครับ

ขอถามสักคำถามนะครับ
แล้วตัวหุ้น CHINA ข้อมูลละเอียดๆเปรียบเทียบกับกองทุนเหล่านี้เป็นอย่างไรบ้างครับ
(ขออภัยที่ถามคำถามแบบไม่ค่อยได้ศึกษาละเอียดมาก่อนนะครับ)

ผมยอมรับเลยว่าไม่ได้ศึกษารายละเอียดชัดเจน ตอนลงทุนในตัวหุ้น CHINA มองว่าเหมือนซื้อ Index
ผมลงทุนแบบ DCA เลยอ่ะครับ(สัดส่วนถือว่าน้อยในพอร์ตประมาณ 10 เปอร์เซนต์ เพราะมองว่าเป็นการลงทุนแบบ Passive)
และราคาตลาดของจีนตอนนี้ ก็ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับของไทย ^ ^ P/E เกือบๆ 10 เท่า

... เดิมก็ลงทุนแบบ DCA ในหุ้น TDEX แหละครับ
แต่พอตัว TDEX วัดด้วยค่า P/E สูงกว่า ค่าเฉลี่ยไปเยอะ ก็เลยขายแล้วมาสะสมใน CHINA แทน
(นำมาทำกราฟ เหมือนหาค่า SD อ่ะครับ ทำจุดตัดที่จะซื้อเมื่อ P/E ต่ำกว่าเท่าไหร่ และจะขายเมื่อ P/E สูงกว่าเท่าไหร่ )

แล้วก็มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องสูงเหมือนกันในตัวหุ้น CHINA TDEX ถึงแม้ว่าตอนนี้สำหรับผมอาจจะไม่มากมายเท่าไหร่
แต่ถ้าตลาด Crash ขึ้นมา ... ขายไม่ทันแน่ๆ 555+
จึงอยากจะศึกษา กองทุน ที่จะสามารถทะยอยซื้อเดือนละเล็กละน้อยได้หน่ะครับ
ผมคิดว่าแม้น port ของกองทุนบ้างกองทุนจะคล้ายกัน แต่เวลาตลาดเป็นลบหรือเป็นบวก
จะเห็นว่าผลตอบแทนกลับไม่เท่ากัน แสดงถึง performance of fund manager.
กองทุนทหารไทย ค่าธรรมเนียมน้อยเกือบที่สุด performance ก็ดูไม่ดีสุด
Aberdent จะลบน้อยสุดในปี 2011 แต่ พอปี 2012 กลับ เป็น บวกไปเป็นอันดับ 6 จาก 14


สำหรับ CHINA ที่อยู่ใน SET ผมก็สนใจในประเด็นของ A share ครับ
ผมเคยได้ยินว่า ตลาด A share ที่เป็น local Market ตกลงไปเยอะมากเทียบกับ H share ที่กองทุนส่วนใหญ่ ลงทุน
Upside /ความเสี่ยงก็มากตามครับ
อย่างไงก็ลองหาข้อมลูมาแชร์กันครับ

อันนี้เพิ่มเต็มครับ
http://link.newfundstoday.com/%E0%B8%9A ... 7-etf.html

http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 22319.html

http://www.thaimutualfundnews.com/popup ... icle&id=87

รู้จักกับ ETF จีนกันซักนิดก่อนคิดลงทุนจีน การลงทุนใน Exchange Traded Fund: ETF ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของการลงทุนสไตล์ Passive Investment เนื่องจากการลงทุนใน ETF นั้นนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับดัชนีที่ ETF นั้นๆ อ้างอิง (Underlying Index) ดังนั้นก่อนจะลงทุนใน ETF นักลงทุนต้องสำรวจก่อนว่า ETF นั้นลงทุนโดยอ้างอิงกับผลตอบแทนของดัชนีอะไรเช่น การลงทุนในTDEX (ทีเด็กซ์) เป็น ETF ที่อ้างอิงผลตอบแทนของดัชนี SET50 หรือ TFTSE (ทีฟุตซี่) เป็น ETF ที่อ้างอิงผลตอบแทนของดัชนี FTSE SET Large Cap เป็นต้น ปัจจุบันมีนักลงทุนให้ความสนใจในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศจีนค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าประเทศจีนนั้นมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี โดย GDP ของจีนในไตรมาสแรกนั้น เติบโตถึง 11.9% ส่วนไตรมาสสองก็สามารถเติบโตได้ 10.3% นอกจากนั้นด้วยศักยภาพของประเทศจีนก็เป็นสิ่งที่ทำให้นักลงทุนหลาย ๆ ท่านอยากที่จะลงทุนในตลาดหุ้นจีนกัน แต่การที่จะลงทุนในตลาดหุ้นจีนก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเนื่องจากนักลงทุนสามารถลงทุนผ่าน ETF ที่อ้างอิงดัชนีของตลาดหุ้นจีนได้ โดยส่วนใหญ่แล้วหลาย ๆ บลจ.ในประเทศไทยนั้นเลือกลงทุนใน ดัชนีที่ชื่อว่า Hang Seng China Enterprise Index (HSCEI) วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ ETF ของดัชนีตัวนี้กัน Hang Seng China Enterprise Index (HSCEI) หรือ H-Share Index เริ่มดัชนีครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 ส.ค. 1994 ซึ่งเป็นดัชนีที่อ้างอิงผลตอบแทนของบริษัทจีนที่ไปจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกง ดัชนี HSCEI นั้นใช้วิธีการคัดเลือกโดยวิธี Free Float-Adjusted และ Market Cap-Adjusted ในแง่ของ Free Float-Adjusted นั้น จะคำนึงถึงหุ้นที่สามารถลงทุนได้จริง ๆ ส่วน Market Cap-Adjusted นั้นจะคำนวณให้น้ำหนักหุ้นแต่ละตัวของดัชนีไม่เกิน 15% ทั้งนี้ดัชนีจะทำการ Review ทุก ๆ ครึ่งปี ปัจจุบันดัชนี HSCEI มีหุ้นอยู่ 40 หลักทรัพย์ (ข้อมูล ณ มิ.ย. 2010) ในส่วนของ ETF ที่อ้างอิงกับดัชนีนี้มีชื่อว่า Hang Seng H-Share Index ETF (H-Share ETF) ETF ดังกล่าวสามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งซื้อขายกันเป็นสกุล HKD H-Share ETF จดทะเบียนเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2003 และทำการซื้อขายวันแรกเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.2003 ที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยมีบริษัท Hang Seng Investment เป็นบริษัทจัดการ ลักษณะการบริหารจัดการของ ETF ดังกล่าวจะทำการสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับดัชนี Hang Seng China Enterprises Index (H-Share Index) ก่อนหักค่าใช้จ่าย นักลงทุนที่ลงทุนใน ETF ไม่ว่าจะเป็น H-Share ETF หรือ ETF อื่น ๆ ต้องตระหนักไว้ว่าวัตถุประสงค์หลักของการบริหารจัดการ ETF คือการสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี (Passive Investment) ตามปกติแล้วการลงทุนที่เน้นผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีจะมีวิธีการบริหารจัดการทั่ว ๆ ไปอยู่ 2 แบบคือ Replication Strategy และ Representative Sampling Strategy Replication Strategy คือ การสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีโดยใช้วิธีการลงทุนในหุ้นทุกตัวของดัชนีที่อ้างอิงตามน้ำหนักของหุ้น อย่างเช่น TDEX ที่อ้างอิงดัชนี SET50 ลงทุนในหุ้นทั้ง 50 หลักทัรพย์ และเมื่อมีการ Review ดัชนีก็จะมีการปรับพอร์ตเช่นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมานักลงทุนจะเห็นว่า SET50 มีการเปลี่ยนแปลงโดย ปรับเอาหลักทรัพย์5 หลักทรัพย์ออกเช่น BECL, MCOT, SCIB, TPC, และ TSTH และเพิ่ม BLA, HMPRO, IVL, TISCO, และ TPIPL เข้าไปแทน Representative Sampling Strategy คือ การสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีโดยอาจจะเลือกหลักทรัพย์เพียงบางตัวเพื่อเป็นตัวแทนของดัชนีนั้น ๆ ในกรณีที่ ETF ใช้วิธีนี้ในการสร้างผลตอบแทน บางครั้งอาจจะมีความเสี่ยงที่ ETF จะไม่สามารถสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี (เนื่องจากไม่ได้ลงทุนในหุ้นทุก ๆ หลักทรัพย์เหมือนกับดัชนี) นักลงทุนอาจจะมีคำถามว่าแล้ว H-Share ETF ใช้วิธีอะไร สำหรับ H-Share ETF นั้นโดยพื้นฐานแล้วจะใช้วิธีแบบแรกคือ Replication Strategy แต่โดยโครงการของกองทุนที่ระบุเอาไว้ก็ไม่ได้ปิดประตูว่าจะใช้วิธี Replication Strategy เพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าวิธีไหนจะมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน จากที่ได้กล่าวมาตั้งแต่ต้นจะสังเกตได้ว่านักลงทุนที่เลือกลงทุนใน ETF นั้น แตกต่างกับการเลือกลงทุนในกองทุนแบบ Active Fund ตามปกติ โดยส่วนใหญ่นักลงทุนมักจะเลือกลงทุนในกองทุนโดยพิจารณาจากผลตอบแทนย้อนหลังว่าทำได้ดีแค่ไหนเมื่อเทียบกับดัชนีที่อ้างอิง (Benchmark) แต่ถ้านักลงทุนเลือกลงทุนในกองทุนที่เป็น ETF นั้นสิ่งที่นักลงทุนต้องตระหนักก็คือการปรับตัวขึ้นหรือลงของผลตอบแทนจะไม่ได้อยู่ที่ว่าผู้จัดการกองทุนคนนั้นเก่งแค่ไหน แต่อยู่ที่ผลตอบแทนที่อ้างอิงต่างหาก ดังนั้นสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนลงทุนจะเป็นเรื่องของ Fundamental Analysis หรือการวิเคราะห์ในปัจจัยพื้นฐานว่าเหมาะสมที่จะลงทุนในดัชนีของประเทศนั้น ๆ อย่างเช่น H-Share ETF เป็น ETF ที่สร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี Hang Seng China Enterprise Index (HSCEI) ถ้านักลงทุนเห็นว่าดัชนีของ HSCEI น่าลงทุนเมื่อไหร่ก็สามารถลงทุนได้
thitaphat168
Verified User
โพสต์: 68
ผู้ติดตาม: 0

Re: China การลงทุนในกองทุนประเทศจีน

โพสต์ที่ 9

โพสต์

จากที่อ่านดูเหมือนว่า A share จะน่าสนใจกว่า ในแง่เป็นตลาดหลัก และมีการกระจายการลงทุนในอุตสาหกรรมที่หลากหลายกว่า H share
และราคายังถูกกว่า H share

รบกวนสอบถามเพิ่มเติม ว่ามีกองทุนไหนบ้างครับที่ลงทุนใน A share
เท่าที่รู้ตอนนี่
กองทุนเปิดดับเบิลยูไอเอสอี เคแทม ซีเอสไอ 300 ไชน่า

มีที่ไหนอีกไหมครับ
jatturong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 128
ผู้ติดตาม: 0

Re: China การลงทุนในกองทุนประเทศจีน

โพสต์ที่ 10

โพสต์

thitaphat168 เขียน:จากที่อ่านดูเหมือนว่า A share จะน่าสนใจกว่า ในแง่เป็นตลาดหลัก และมีการกระจายการลงทุนในอุตสาหกรรมที่หลากหลายกว่า H share
และราคายังถูกกว่า H share

รบกวนสอบถามเพิ่มเติม ว่ามีกองทุนไหนบ้างครับที่ลงทุนใน A share
เท่าที่รู้ตอนนี่
กองทุนเปิดดับเบิลยูไอเอสอี เคแทม ซีเอสไอ 300 ไชน่า

มีที่ไหนอีกไหมครับ
ผมยังหาไม่เจอเหมือนกัน ครับ ว่ามีตัวไหนนอกจาก CHINA ของ KTB ที่ลงทุน A-SHARE.

รู้จักกองทุนก่อนลุยจีน
แม้ว่าในภาวะที่โลกเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แต่จีนยังคงเป็น 1 ในประเทศที่เศรษฐกิจยังแข็งแกร่งดังเห็นได้จาก GDP จีนในไตรมาส 3/2552 โตขึ้น 8.9% เกินกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้

เราจึงมองจีนยังเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน แต่ด้วยข้อจำกัดในการลงทุนต่างประเทศ จึงต้องพึ่งกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นจีนเป็นสื่อกลางในการลงทุน ทั้งนี้กองทุนจีนแต่ละกองมีข้อจำกัดและการลงทุนที่แตกต่างกันออกไป ก่อนจะตัดสินใจลงทุนเราจึงควรทำความเข้าใจ รู้จักกองทุนรวมจีนให้ดีเสียก่อน

รู้จักหุ้นจีน A, B, H Shares คืออะไร

หลายคนยังสงสัยเมื่อได้ยิน A Shares, B Shares และ H Shares หรือแม้แต่หุ้น Red Chips ว่าคืออะไร? ซึ่งคำตอบเราได้เตรียม ไว้ดังจะเห็นได้จากตาราง ทั้งนี้ตลาดในประเทศจีนแบ่งเป็น 2 ตลาดใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ และ ตลาดหลักทรัพย์เสิ่นเจิ้น ซึ่งทั้งสองตลาดจะเป็นตลาดที่ทำการ ซื้อขาย A Share (หุ้นจีนสำหรับนักลงทุนจีนโดยซื้อขายกันในสกุลเงินหยวน และมีโควตาสำหรับนักลงทุนต่างชาติ) และ B Share (หุ้นจีนที่ซื้อขายในสกุลเงินเหรียญสหรัฐสำหรับนักลงทุนต่างชาติ) ส่วน H Share นั้นจะเป็นหุ้นจีนที่ทำการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในฮ่องกงสำหรับนักลงทุนต่างชาติ และซื้อขายกันในสกุลเงินเหรียญฮ่องกง

สำหรับหุ้น Red Chips เป็นหุ้นของบริษัทที่ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีน จดทะเบียนในตลาดฮ่องกง และซื้อขายในสกุลเงินเหรียญฮ่องกง



ลักษณะที่แตกต่างกันของกองทุนจีนในตลาด

ปัจจุบันกองทุนจีนมีอยู่ด้วยกัน 5 กองทุน และอีก 1 กองใหม่ K-CHINA ที่ทำ IPO ไปเมื่อปลายเดือนต.ค. 2552 โดยทั้งหมดเป็นกองทุนในลักษณะ Feeder Funds แต่กอง Master Fund ที่ไปลงทุนจะมีความแตกต่างกัน โดยเราจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ด้วยกันคือ

1) กองทุนที่ลงทุนใน ETF ซึ่งมีลักษณะเป็น Passive Fund (บริหารกองทุนให้ผลตอบแทนออกมาใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิง) ในกลุ่มนี้มีเพียงกองทุน TMBCHEQ ซึ่งลงทุนใน iShares FTSE/Xinhua A50 เป็น ETF โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี FTSE/Xinhua China A50 ที่ประกอบไปด้วยบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ประเภท A Shares จำนวน 50 ตัว ที่จดทะเบียนในตลาดเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้น ทั้งนี้ Master Fund ของ TMBCHEQ ไม่ได้ทำการลงทุนในหุ้น A Shares โดยตรง แต่จะลงทุนใน CAAPs (China A share Access Products) ซึ่งเป็นตราสารอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับหุ้น A Shares 1 ตัว หรือ Index ที่ประกอบอยู่ในดัชนี FTSE/Xinhua China A50 ต่างกับกองทุนอีก 2 ประเภท ถัดไปที่มีรูปแบบการบริหารกองทุนของ Master Fund เป็นแบบ Active Fund (เป็นกองทุนที่เน้นบริหารกองทุนให้ผลตอบแทนออกมาดีกว่าผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิง) และส่วนใหญ่ลงทุนในหุ้นประเภท H Shares

2) กองทุน Greater China

กองทุนจีนบางกองทุนจะหมายรวมไต้หวันและฮ่องกงเข้าเป็น ส่วนหนึ่งของจีนด้วย รวมเป็น Greater China กองทุนลักษณะนี้ ได้แก่ ING Greater China (INGGC), MS-CHINAVALUE และ UOB Smart Greater China (UOBSGC) โดยการวิเคราะห์ เชิงปริมาณด้วยข้อมูลที่มีอยู่ ณ วันที่ 15 ต.ค. 2552 (ข้อมูล บางกองอย่าง INGGC ยังไม่เพียงพอต่อการวิเคราะห์) เราเลือก MS-CHINAVALUE เป็น Top-Pick ในกลุ่มนี้ โดยนโยบาย การคัดเลือกหุ้นเป็นแบบ Bottom-Up เน้นหุ้น Value Stock ที่มีพื้นฐานดี เหมาะกับการลงทุนระยะยาว ล่าสุด (ณ เดือนก.ย. 2552) มีการปรับลดการลงทุนในกลุ่ม Telecommunication และ Utilities และเพิ่มการลงทุนในกลุ่ม Consumer Goods มากขึ้น อย่างไรก็ตามกองนี้จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมขายหากถือหน่วยลงทุนไม่ถึง 2 ปี

3) กองทุนหลักลงทุนในบริษัทที่มีรายได้หลักมาจากประเทศจีน

กองทุนประเภทนี้จะไม่สนใจตลาดที่บริษัทนั้นไปจดทะเบียน แต่จะคำนึงถึงรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทจะต้องมาจากประเทศจีนเป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย Aberdeen China Gateway Fund (ABCG) และกองทุนที่เพิ่งเปิดตัวไปอย่าง K-CHINA แม้ว่านโยบายการลงทุนจะเป็นแบบ Bottom-Up Approach เหมือนกัน แต่ลักษณะหุ้นที่ลงทุนของทั้งสองกองลงทุนนั้นกลับมีความแตกต่างกันมาก โดย ABCG จะเน้นการลงทุนในบริษัทฮ่องกงที่มีรายได้หลักมาจากจีน และต้องเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งทั้งในด้านฐานะทางการเงินและธุรกิจ ในขณะที่ K-CHINA จะเน้นลงทุนในหุ้น H Share เป็นหลัก โดยจะเน้นลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต นอกจากนี้ K-CHINA ยังมีนโยบายจ่ายปันผล และทำการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ

การลงทุนในกองทุนจีนถือว่าเป็นการลงทุนที่เน้นลงทุนในประเทศเดียว หรือกลุ่มประเทศที่คล้ายคลึงกัน นักลงทุนจึงควรคำนึงในแง่ของการกระจายความเสี่ยงในเชิงภูมิศาสตร์ด้วย ไม่ควรที่จะลงทุนแต่เฉพาะกองทุนจีนเพียงอย่างเดียวในพอร์ตการลงทุน และเนื่องจากเป็นกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ นักลงทุนควรทำความเข้าใจเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนด้วยเช่นกัน
jatturong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 128
ผู้ติดตาม: 0

Re: China การลงทุนในกองทุนประเทศจีน

โพสต์ที่ 11

โพสต์

thitaphat168 เขียน:จากที่อ่านดูเหมือนว่า A share จะน่าสนใจกว่า ในแง่เป็นตลาดหลัก และมีการกระจายการลงทุนในอุตสาหกรรมที่หลากหลายกว่า H share
และราคายังถูกกว่า H share

รบกวนสอบถามเพิ่มเติม ว่ามีกองทุนไหนบ้างครับที่ลงทุนใน A share
เท่าที่รู้ตอนนี่
กองทุนเปิดดับเบิลยูไอเอสอี เคแทม ซีเอสไอ 300 ไชน่า

มีที่ไหนอีกไหมครับ
อันนี่
Tisco ให้ความเห็นว่า H-Share ดีกว่า ครับ

ทิสโก้แนะเพิ่มพอร์ตลงทุนหุ้นจีน หลังเศรษฐกิจเติบโตโดดเด่น พร้อมส่ง "ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8%" ตั้งเป้าทำกำไร 8%
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2556 การลงทุนในตลาดหุ้นยังเป็นทางเลือกแรกที่น่าสนใจลงทุน เพื่อเพิ่มผลตอบแทน โดยตลาดหุ้นที่แนะนำให้ลงทุน คือ ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น (Asia Pacific ex. Japan) ซึ่งมีเศรษฐกิจที่เติบโตสูงสุดทั้งในอดีตที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 ปีนับจากปัจจุบัน
โดยจีนเป็นประเทศที่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด เนื่องจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยประเด็นสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนในปีนี้ คือ การเปลี่ยนถ่ายผู้นำของจีนที่จะเสร็จสิ้นในเดือน มี.ค. ซึ่งโดยปกติเมื่อจีนมีการเปลี่ยนถ่ายผู้นำ เศรษฐกิจมักจะมีการขยายตัวสูงขึ้น โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลัก มาจากการลงทุนของภาครัฐบาล ซึ่งเป็นนโยบายแรกที่ทางการจีนสามารถทำได้ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเน้นการก่อสร้างสาธารณูปโภค เช่น การสร้างรถไฟทั่วประเทศ ส่งผลให้ความเจริญทางเศรษฐกิจจีนขยายไปทางตะวันตกมากขึ้น ทำให้รายได้ของประชาชนสูงขึ้น และการจับจ่ายใช้สอยสูงขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ คาดว่าภาคการเงินของจีนก็มีแนวโน้มได้รับการกระตุ้นเช่นเดียวกัน หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อของจีนไม่เป็นปัญหาอย่างเช่นอดีตที่ผ่านมา ทำให้การที่ทางการจีนจะหามาตรการเพื่อผ่อนคลายทางการเงิน เช่น การปรับลด Reserve Requirement Ratio จากปัจจุบันอยู่ที่ 18% ซึ่งยังคงเป็นระดับที่สูงกว่าระดับสูงสุดของปีที่ 17.5% รวมทั้ง ยังคงเป็นระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ในอดีตที่ผ่านมา และเมื่อทางการจีนผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน คาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณเงินในระบบ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้น
ทั้งนี้ จะเห็นได้จาก ตลาดหุ้นจีนได้ปรับตัวขึ้นและเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่าตลาดหุ้นจีนยังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นจีนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคาหุ้นจีน ยังคงถือว่าถูกเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนาด้วยกัน ทั้ง ๆ ที่ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ดังนั้น คาดว่าตลาดหุ้นจีนยังคงเป็นเป้าหมายต้น ๆ สำหรับการลงทุนของนักลงทุนในปีนี้
ทิสโก้เวลธ์ แนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นจีนที่จดเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (H-Shares) มากกว่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ (A-Shares) เนื่องจาก ตลาดหุ้น H-Shares จะได้ประโยชน์จากสภาพคล่องที่ล้นระบบมากกว่ากว่า A-Shares เนื่องจากการที่นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนทำได้ง่ายกว่า ส่งผลให้ ในปี 2555 ที่ผ่านมา ตลาด H-Shares จึง Outperform ตลาด A-Shares นอกจากนี้ ตลาดหุ้น H-Shares เป็นตลาดที่มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นต่างประเทศสูงกว่า ทำให้ ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า A-Sharesนายสาห์รัช กล่าวว่า ด้วยความโดดเด่นของตลาดหุ้นจีน บลจ.ทิสโก้ จึงได้เปิดเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 6” (TISCO China Trigger 8% Fund # 6) กองทาร์เก็ตฟันด์ลงทุนในหุ้นจีน โดยจะลงทุนผ่านกองทุนอีทีเอฟต่างประเทศ ได้แก่ กองทุน Hang Seng H-Share Index ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยมีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Hang Seng China Enterprise (HSCEI) หรือ H-Shares โดยมีอายุโครงการประมาณ 8 เดือน หรือสามารถเลิกโครงการก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เปิดเสนอขายเพียงครั้งเดียว ตั้งแต่ 4 – 14 ม.ค. 56 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท




http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... B8%99.html
thitaphat168
Verified User
โพสต์: 68
ผู้ติดตาม: 0

Re: China การลงทุนในกองทุนประเทศจีน

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ตัวหุ้น CHINA ที่อยู่ในset นี่จะมีความเสี่ยงไหมครับถ้าตลาดไทยcrash หุ้นCHINAจะลงด้วยไหมครับ หรือแยกคนละส่วนกัน
เพราะ ที่มาหากองทุนจีนเพื่อจะหลบsetที่กำลังร้อนแรง กลัวหลบไม่พ้น :)
jatturong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 128
ผู้ติดตาม: 0

Re: China การลงทุนในกองทุนประเทศจีน

โพสต์ที่ 13

โพสต์

thitaphat168 เขียน:ตัวหุ้น CHINA ที่อยู่ในset นี่จะมีความเสี่ยงไหมครับถ้าตลาดไทยcrash หุ้นCHINAจะลงด้วยไหมครับ หรือแยกคนละส่วนกัน
เพราะ ที่มาหากองทุนจีนเพื่อจะหลบsetที่กำลังร้อนแรง กลัวหลบไม่พ้น :)
ตามความเข้า China ถือ ETF ที่เป็น A-Share ถ้าตลาดไทยมีปัญหา ก็ไม่น่ากระทบโดยตรง แต่ทางอ้อม economy มาlink ถึงกันหมดคงมีกระทบบ้าง ไม่มากก็น้อย ตลาดจีนนี่ Turn around แล้วแต่จะเร็วจะช้าต้องดู รัฐบาลใหม่คร้บว่าเค้าเอาอยู่ไหม
คงต้องเอาใจช่วยเค้า ครับ รัฐบาลใหม่น่าจะแสดงฝีมือเต็มที่นะ เพราะ ช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้รับอำนาจเต็มที่ ยังมีรุ่นเก่า กั๊กไว้
BG
Verified User
โพสต์: 22
ผู้ติดตาม: 0

Re: China การลงทุนในกองทุนประเทศจีน

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ช่วงปี56นี้ เรามีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนกับเงินบาทอย่างไรบ้างครับ. ใครพอทราบแนวโน้มบ้าง?
โพสต์โพสต์