VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 962
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
โพสต์ที่ 61
ในตลาดตอนนี้ เห็นมีแต่ข่าว turnaround
ร้อยทั้งร้อยของหุ้นที่ขึ้น มันเนื่องมาจากข่าว Turnaround เนี่ยแหละ
แต่จะมีสักกี่ตัวที่ turnaround จริงๆ
ตอนนี้มีคนบอกหุ้นผมเยอะมาก
หลายตัวผมก็เห็นว่าพอเป็นไปได้ แต่จะศึกษาต่อกลับหาข้อมูลไม่ค่อยได้
อีกหลายตัวมองไม่ออกเลยว่าจะ turn ยังไง
แต่พูดกันตรงๆ ผมยังมีแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปลองเสี่ยงโชคดูกับหุ้นเพื่อนบอก พวกนี้
แต่อย่างว่า กล้าๆกลัวๆ เพราะมันไม่ได้เกิดจากการศึกษาจนมั่นใจ
ร้อยทั้งร้อยของหุ้นที่ขึ้น มันเนื่องมาจากข่าว Turnaround เนี่ยแหละ
แต่จะมีสักกี่ตัวที่ turnaround จริงๆ
ตอนนี้มีคนบอกหุ้นผมเยอะมาก
หลายตัวผมก็เห็นว่าพอเป็นไปได้ แต่จะศึกษาต่อกลับหาข้อมูลไม่ค่อยได้
อีกหลายตัวมองไม่ออกเลยว่าจะ turn ยังไง
แต่พูดกันตรงๆ ผมยังมีแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปลองเสี่ยงโชคดูกับหุ้นเพื่อนบอก พวกนี้
แต่อย่างว่า กล้าๆกลัวๆ เพราะมันไม่ได้เกิดจากการศึกษาจนมั่นใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
โพสต์ที่ 62
ไปหาอย่างอื่นมายั่วแทน ครับ
อย่างเช่น ...
อย่างเช่น ...
value trap
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
โพสต์ที่ 63
aynmr เขียน:หุ้นบางตัวที่ไล่ๆราคากันอยู่ อาจเป็นหุ้นที่จะ Turnaround ได้จริงในอนาคต
แต่ถึงมันจะ Turn ได้จริง คนที่ซื้อหุ้นตัวนั้น ก็ใช่ว่าจะได้กำไรมากมายกันทุกคน
มันขึ้นกับพฤติกรรมการลงทุน หุ้นเล็ก หุ้นใหญ่ ไม่ได้บอกว่ามันดีหรือไม่ดี แต่เราควรจะโฟกัสที่พฤติกรรมการลงทุนของเราต่างหาก (หุ้นเล็ก แต่ถ้าเราวิเคราะห์อย่างดีแล้วว่ามันจะโตแน่ๆ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ซื้อ)
คนนึง ซื้อเช้าขายเย็น ซื้อเย็นขายเช้า ได้กำไรมาก กำไรน้อย สลับขาดทุน ไปตลอดทั้งปี ครบปีอาจจะกำไร แต่แลกมากับสุขภาพจิตที่เสียไปตลอดทั้งปี ตื่นมาก็ต้องดูราคาหุ้น กินข้าวเสร็จก็ดู ขับรถอยู่ก็ต้องเหลือบมาดู ตลาดปิดก็ต้องดู อยู่กับแฟนก็หยิบมือถือมาดูหุ้น ฯลฯ ปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างเริ่มเปลี่ยนไปเพราะวันๆเอาแต่คุยเรื่องหุ้นๆๆ
กับอีกคน วิเคราะห์แล้วว่าดี ก็ถือยาวไปเลย ใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ ตามดูงบแต่ละQพอ
ปลายทาง คนที่เทรด อาจได้กำไรมากกว่า(เหรอ??) แต่คุ้มมั๊ยกับสุขภาพจิตที่ต้องเสียไป สำหรับผม สุขภาพจิตสำคัญมาก หากจะให้ผมต้องไปเทรดๆๆแบบนั้น ผลตอบแทนที่ทำได้จากการเฝ้าเทรดๆๆแบบนั้นควรจะได้มากกว่าการที่ผมลงทุนแบบชิวๆสัก 2-3 เท่า มันถึงจะคุ้มกับเวลาที่ผมเสียไปเพื่อมานั่งเฝ้าหน้าจอ
ชอบแบบไหน เลือกกันเองครับ
ผมเห็น คนเล่นแนว พื้นฐานเก่งๆ ก็ไม่ใช่จะเป็นแบบชิวๆ ซะทีเดียวนะคับ
วันนึงเค้าอ่านข่าวกี่ชม.
เจาะข้อมูลบ. กี่ชม
อ่านหนังสือ กี่ชม
เฉพาะ ข่าวกับเจาะข้อมูลก็เกินครึ่งวันแล้วคับ
อย่างผมแสกนข่าวจากเพื่อนๆใน tvi คร่าวๆก็เกือบ 2 ชม แล้วคับ
ผมว่า มันก็เสียประสาท ทั้ง2แบบแหละคับ
ถ้าเราต้องการผลตอบแทนเกินระดับสามัญชน
(10%ต่อปี)
กว่าจะสบายจริงๆ มันต้องกลั่น skill กันหลายปีอะคับ
ผมเห็น นักเทคนิคอล เก่งๆ หลายคน
เค้าไม่ได้เป็นอย่างที่บอกนะคับ
บางคน เทรด วันละชม ไม่มากกว่านี้
บางคน ใช้ system trade
บางคน เล่นเฉพาะ แนวโน้มใหญ่
บางทีเราก็พูดปนๆกันไปป่าวคับ
ระหว่างแมงเม่า funda vs แมงเม่า technical
อย่างสาย funda หลายคน ผมเห็น
นั่งสแกน หุ้นจาก ratio แล้วคิดฝันไปเองว่า ตลาดจะให้
pe เท่านั้นเท่านี้ หรือ แค่รู้งบงูๆปลาๆ แล้วหลอกตัวเองว่า
ดูงบเป็น ถาม gpm เท่าไหร่ ค่าเสื่อมเท่าไหร่
wc cap ar ap inv day เป็นยังไง ไม่เคยดู
รู้แค่ หน้า 5ปี high light set
แล้วก็บอกตัวเองว่า แนวพื้นฐาน ไม่เสี่ยง
ผมดูยังไงๆ ก็พอๆกับ สาย technic นั่งวาดกราฟ ไม่จู้ที่มาที่ไปการใช้งาน
มันก็เสี่ยงพอกัน
(เพื่อนสนิทของผมเอง)
ผมคิดว่า มันก็เริ่มต้นที่ตัวเราเองแหละว่า
ต้องการ ผลตอบแทน แบบ สามัญชน หรือ
ระดับเซียน เล็ก กลาง ใหญ่
ไม่ว่าจะสายไหน ถ้าอยากได้ผลตอบแทนมากกว่าค่าปกติ
คุณก็ต้อง ยอมจ่ายค่าประสาทเสีย ทั้งนั้น
no easy money นะผมว่า
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
โพสต์ที่ 64
ออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับธุรกิจกองทุนเหล่านี้นะครับ แต่ผมคิดกว่าถ้าใครที่คิดจะเล่นเก็งกำไรแล้วทำให้สุขภาพจิตเสีย หรือแม้กระทั่งลงทุนแนวไหนก็ตามแล้วทำให้ไม่เป็นอันกินอันนอน หรือผลตอบแทนก็ยังแพ้ตลาด ผมว่าบางทีการเอาเงินไปลงทุนในกองทุนรวมบ้าง อาจจะได้ผลตอบแทนดีกว่าก็ได้ครับ ผมเห็นผลตอบแทนที่บางกองทำได้ในปีที่ผ่านมา ยอมรับว่า "เทพ" ครับ ถ้าเทียบกับปริมาณเงินและกฎเกณฑ์ในการบริหารกองทุน
"บัวหลวงทศพล"แชมป์กองทุนหุ้น"
เปิดผลตอบแทนกองทุนหุ้น 10 อันดับแรก ปี 2555 บลจ.บัวหลวง กวาดเรียบ 8 กองทุน “บัวหลวงทศพล” คว้าอันดับ 1 กำไร 75.92%
จากการจัดอันดับกองทุนหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับแรก ในปี 2555 ทั้งกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และหุ้นทั่วไปในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยรวมกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ปรากฏว่ากองทุนหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง ถึง 8 กองทุน ที่ให้ผลตอบแทนอยู่ใน 10 อันดับ ขณะที่กองทุนหุ้นของ บลจ.ยูโอบี (ไทย) และ บลจ.วรรณ ติดเข้ามา บลจ.ละ 1 กองทุน
กองทุนเปิดบัวหลวงทศพลให้ผลตอบแทนสูงสุดที่ 75.92% รองลงมาคือ กองทุนเปิดยูโอบี สมาร์ท ดิวิเดนด์-โฟกัส อิควิตี้ ฟันด์ ผลตอบแทน 66.38%
ทั้งนี้ เมื่อเดือน พ.ย. 2555 กอง ทุนบัวหลวงทศพล มีสัดส่วนลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 17.71% กลุ่มพลังงาน 9.61% และกลุ่มอื่นรวมกัน 60.47% โดยหุ้นที่มีน้ำหนักลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ ธนาคารเกียรตินาคิน (KK) 12.69% บริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL) 12.07% เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) 10.01% เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) 9.77% และบริษัท ผลิตไฟฟ้า (EGCO) 9.61%
ก่อนหน้านี้ นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง กล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องเป็นผลมาจากแนวคิดการลงทุนในระยะยาวของบริษัทที่ดูปัจจัยพื้นฐานเป็นหลักและคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะมองภาพรวมก่อนว่าอนาคตจะไปในทิศทางไหน แล้วจึงมาดูว่าอุตสาหกรรมใดจะได้รับผลดี แล้วจึงไปหาบริษัทที่จะเติบโตและมีกำไรไปกับกระแสที่จะเกิดในอนาคต
“การคัดเลือกหุ้นด้วยแนวคิดของเราผนวกกับกลยุทธ์ที่ใช้มาตลอดคือ Good Stocks+Good Trade = Good Performance มาต่อยอดด้วยการคัดเลือกลงทุน|ในบริษัทที่มีธรรมาภิบาล” นางวรวรรณ กล่าว
บัวหลวงคว้าแชมป์กองหุ้น 3 ปี กำไร 166.89%
จากการสำรวจผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้น ณ วันที่ 30 พ.ย.ปี 2555 ย้อนหลัง 3 ปี และ 5 ปี พบว่า ช่วง 3 ปีย้อนหลังนั้น ขณะที่ผลตอบแทนตลาดหุ้นรวม (SET TR) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 119.05% นั้น กองทุนหุ้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 99.59% โดยกองที่มีผลงานดีสุดให้ผลตอบแทน 166.89% ในขณะที่กองที่แย่ที่สุดให้ผลตอบแทน 41.34% หรือต่างกันอยู่ 125.55% และในช่วงย้อนหลัง 5 ปีกองทุนหุ้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 76.06% โดยกองที่มีผลงานดีสุดให้ผลตอบแทน 147.89% และกองที่แย่ที่สุดให้ผลตอบแทน 9.5% หรือต่างกัน 138.39%
สำหรับกองทุนหุ้นที่มีผลงานดีสุดช่วง 3 ปี 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 กองทุนเปิดบัวหลวงทศพล (BTP) ของบลจ.บัวหลวง ได้ 5 ดาว ให้ผลตอบแทน 166.89% อันดับ 2 กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล (KFSDIV) ของบลจ.กรุงศรี ได้ 5 ดาว ให้ผลตอบแทน 155.76% อันดับ 3 กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นแวลู (KFVALUE) ของ บลจ.กรุงศรี ได้ 4 ดาว ให้ผลตอบแทน 154.37% อันดับ 4 กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผลเพื่อการเลี้ยงชีพ (KFDIVRMF) ของบลจ.กรุงศรี ได้ 4 ดาว ให้ผลตอบแทน 153.86% และอันดับ 5กองทุนเปิดอเบอร์ดีนสมอลแค็พ (ABSM) ของบลจ.อเบอร์ดีน ได้ 4 ดาว ให้ผลตอบแทน 151.94%
ส่วนกองทุนหุ้นที่มีผลงานดีสุดในช่วง 5 ปี 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล (KFSDIV) ของบลจ.กรุงศรี ได้ 5 ดาว ให้ผลตอบแทน 147.89% อันดับ 2 กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล (KFLTFDIV) ของบลจ.กรุงศรี ได้ 4 ดาว ให้ผลตอบแทน 136.45%
อันดับ 3 กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นแวลู (KFVALUE) ของบลจ.กรุงศรี ได้ 4 ดาว ให้ผลตอบแทน 128.96% อันดับ 4 กองทุนเปิดบัวหลวงธนคม (BTK) ของบลจ.บัวหลวง ได้ 5 ดาว ให้ผลตอบแทน 128.22% และอันดับ 5 กองทุนเปิดอเบอร์ดีนสมอลแค็พ (ABSM) ของบลจ.อเบอร์ดีน ได้ 4 ดาว ให้ผลตอบแทน 121.14%
ทั้งนี้ นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เปิดเผยว่า การลงทุนระยะยาวในหุ้นเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในระยะยาวที่ดีกว่าการลงทุนประเภทอื่น ซึ่งหลังจากวิกฤติการเงินในช่วง 3 – 5 ปีที่ผ่านมา กองทุนหุ้นก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุนและในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2555 นี้ กองทุนรวมสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี
เขากล่าวว่า กองทุนตราสารตลาดเงินให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.5% กองทุนตราสารหนี้ 3.1% กองทุนผสม 18.9% กองทุนหุ้น 34% กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) 28.84% กองทุนทองคำ 3.0% และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) 13.7% โดยในส่วนของกองทุนอาร์เอ็มเอฟนั้น ยังแบ่งย่อยได้ตามนโยบายการลงทุนที่หลากหลายอีก ได้แก่ กองทุนอาร์เอ็มเอฟ-หุ้น ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 29.9% กองทุนอาร์เอ็มเอฟ-ผสม 21% กองทุนอาร์เอ็มเอฟ-ตราสารหนี้ 2.9% และกองทุนอาร์เอ็มเอฟ- อื่นๆ 5.3% ทั้งนี้จะเห็นว่ากองทุนรวมเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์การลงทุนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนได้เป็นอย่างดี
“ดังนั้นสิ่งที่จะต้องทำต่อไป คือ การให้ความรู้ความเข้าใจเพื่อให้นักลงทุนได้เข้าใจถึงเรื่องของความเสี่ยง และผลตอบแทนคาดหวังที่จะได้จากการลงทุน เพื่อให้นักลงทุนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง และพร้อมสำหรับการลงทุนเป็นการขยายฐานผู้ลงทุนอย่างยั่งยืนไปในอนาคตด้วยเช่นกัน ในปีหน้าทางอุตสาหกรรมกองทุนรวมก็จะชูเรื่องนี้ในการทำตลาดกองทุนเป็นหลัก ไม่ใช่เรื่องของแถมหรือโปรโมชั่นแต่เป็นเรื่องของการให้ความรู้ที่ถูกต้องกับนักลงทุน” นายสมจินต์กล่าว
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 571
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
โพสต์ที่ 69
http://www.investopedia.com/university/ ... z2IL6bJfuZnut776 เขียน:dragonrider เขียน:หุ้น turnaround ไม่ได้หมายความว่าทุกตัวจะ turnaround ได้หมด
ในภาวะตลาดแบบนี้ เรากำลังอยู่ในกระแสคลื่นของพายุที่บ้าคลั่ง???
เรากำลังมองโลกในแง่ดีกันสุดๆ? เรากำลังเลือกเสพข้อมูลที่สอดรับกับ
สิ่งที่เราคิด? เรากำลังติดกับดักของจิตใจเราเองอยู่หรือไม่
ผมอ่านทบทวน behavioral finance แล้ว พยายามดึงตัวเองออกจาก
Confirmation Bias หรือ Over Confidence โดยเฉพาะ
ภาวะ ตลาด bullish อันร้อนแรงแบบนี้
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จครับ
ไม่ทราบพอจะแบ่งปันได้ไหมคับ
สำหรับบทความ
ขอบคุณคับ
http://www.investopedia.com/university/ ... z2IL6bJfuZ
-
- Verified User
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
โพสต์ที่ 70
ขอบคุณคุณnut776 ด้วยครับที่ช่วยเตือนสติ บางทีผมอาจจะมองแค่ด้านขาวกับดำมากจนเกินไป จนลืมไปว่าทุกอย่างก็มีทางสายกลางของมันnut776 เขียน:aynmr เขียน:หุ้นบางตัวที่ไล่ๆราคากันอยู่ อาจเป็นหุ้นที่จะ Turnaround ได้จริงในอนาคต
แต่ถึงมันจะ Turn ได้จริง คนที่ซื้อหุ้นตัวนั้น ก็ใช่ว่าจะได้กำไรมากมายกันทุกคน
มันขึ้นกับพฤติกรรมการลงทุน หุ้นเล็ก หุ้นใหญ่ ไม่ได้บอกว่ามันดีหรือไม่ดี แต่เราควรจะโฟกัสที่พฤติกรรมการลงทุนของเราต่างหาก (หุ้นเล็ก แต่ถ้าเราวิเคราะห์อย่างดีแล้วว่ามันจะโตแน่ๆ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ซื้อ)
คนนึง ซื้อเช้าขายเย็น ซื้อเย็นขายเช้า ได้กำไรมาก กำไรน้อย สลับขาดทุน ไปตลอดทั้งปี ครบปีอาจจะกำไร แต่แลกมากับสุขภาพจิตที่เสียไปตลอดทั้งปี ตื่นมาก็ต้องดูราคาหุ้น กินข้าวเสร็จก็ดู ขับรถอยู่ก็ต้องเหลือบมาดู ตลาดปิดก็ต้องดู อยู่กับแฟนก็หยิบมือถือมาดูหุ้น ฯลฯ ปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างเริ่มเปลี่ยนไปเพราะวันๆเอาแต่คุยเรื่องหุ้นๆๆ
กับอีกคน วิเคราะห์แล้วว่าดี ก็ถือยาวไปเลย ใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ ตามดูงบแต่ละQพอ
ปลายทาง คนที่เทรด อาจได้กำไรมากกว่า(เหรอ??) แต่คุ้มมั๊ยกับสุขภาพจิตที่ต้องเสียไป สำหรับผม สุขภาพจิตสำคัญมาก หากจะให้ผมต้องไปเทรดๆๆแบบนั้น ผลตอบแทนที่ทำได้จากการเฝ้าเทรดๆๆแบบนั้นควรจะได้มากกว่าการที่ผมลงทุนแบบชิวๆสัก 2-3 เท่า มันถึงจะคุ้มกับเวลาที่ผมเสียไปเพื่อมานั่งเฝ้าหน้าจอ
ชอบแบบไหน เลือกกันเองครับ
ผมเห็น คนเล่นแนว พื้นฐานเก่งๆ ก็ไม่ใช่จะเป็นแบบชิวๆ ซะทีเดียวนะคับ
วันนึงเค้าอ่านข่าวกี่ชม.
เจาะข้อมูลบ. กี่ชม
อ่านหนังสือ กี่ชม
เฉพาะ ข่าวกับเจาะข้อมูลก็เกินครึ่งวันแล้วคับ
อย่างผมแสกนข่าวจากเพื่อนๆใน tvi คร่าวๆก็เกือบ 2 ชม แล้วคับ
ผมว่า มันก็เสียประสาท ทั้ง2แบบแหละคับ
ถ้าเราต้องการผลตอบแทนเกินระดับสามัญชน
(10%ต่อปี)
กว่าจะสบายจริงๆ มันต้องกลั่น skill กันหลายปีอะคับ
ผมเห็น นักเทคนิคอล เก่งๆ หลายคน
เค้าไม่ได้เป็นอย่างที่บอกนะคับ
บางคน เทรด วันละชม ไม่มากกว่านี้
บางคน ใช้ system trade
บางคน เล่นเฉพาะ แนวโน้มใหญ่
บางทีเราก็พูดปนๆกันไปป่าวคับ
ระหว่างแมงเม่า funda vs แมงเม่า technical
อย่างสาย funda หลายคน ผมเห็น
นั่งสแกน หุ้นจาก ratio แล้วคิดฝันไปเองว่า ตลาดจะให้
pe เท่านั้นเท่านี้ หรือ แค่รู้งบงูๆปลาๆ แล้วหลอกตัวเองว่า
ดูงบเป็น ถาม gpm เท่าไหร่ ค่าเสื่อมเท่าไหร่
wc cap ar ap inv day เป็นยังไง ไม่เคยดู
รู้แค่ หน้า 5ปี high light set
แล้วก็บอกตัวเองว่า แนวพื้นฐาน ไม่เสี่ยง
ผมดูยังไงๆ ก็พอๆกับ สาย technic นั่งวาดกราฟ ไม่จู้ที่มาที่ไปการใช้งาน
มันก็เสี่ยงพอกัน
(เพื่อนสนิทของผมเอง)
ผมคิดว่า มันก็เริ่มต้นที่ตัวเราเองแหละว่า
ต้องการ ผลตอบแทน แบบ สามัญชน หรือ
ระดับเซียน เล็ก กลาง ใหญ่
ไม่ว่าจะสายไหน ถ้าอยากได้ผลตอบแทนมากกว่าค่าปกติ
คุณก็ต้อง ยอมจ่ายค่าประสาทเสีย ทั้งนั้น
no easy money นะผมว่า
คิดๆไปแล้วความจริงผมก็เสียสุขภาพจิตไปไม่น้อยกับการนั่งอ่าน AnnualReport 56-1 แกะงบเป็นสัปดาห์ๆ ดูหน้าทีมบริหารว่าเราเหม็นขี้หน้ามั๊ย ฯลฯ กว่าจะตัดสินใจลงทุนในหุ้นสักตัวนึง เฮ้อ... - -*
-
- Verified User
- โพสต์: 314
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
โพสต์ที่ 72
ผมว่าทุกอาชีพถ้าไปจะให้ถึงจุดสุดยอด มันต้องใช้แรงการ แรงใจ และมีอะไรที่เหนือกว่าเพื่อนร่วมอาชีพธรรมดาทั้งนั้นละครับ .. พรแสวง x (คูณ) พรสวรรค์ = ความสำเร็จ .. ซึ่งถ้าเรามีพรสวรรค์ (ถนัด ชอบในการลงทุน) ก็จะทำให้เราสร้างพรแสวงได้ไม่ยาก (หรือไม่ต้องกล้ำเกลือนฝืนทนที่จะสร้าง) .. เช่น เคยฟังพี่ใจในงานสัมมนากล่าว "ถ้ามีคนบอกคุณว่าต้องอ่าน 56-1 ทั้ง 200 บริษัทแล้วจะรวย คุณจะทำมั้ย?" .. ทีนี้ คิดว่ามีนักลงทุนในไทยสักกี่คนที่เคยอ่าน 56-1 มากกว่า 200 บริษัท?, หรือ สาย technical (ผมเดานะครับ เพราะผมไม่ได้เลือกสายนี้) อาจบอกว่าคุณต้องเคยพัฒนาสมการ-เส้นกราฟของคุณมามากกว่า 200 เส้น เพื่อจะสร้างระบบที่สมบูรณ์แบบที่สุดในการจับภาวะตลาด จะมีสักกี่คนที่ทำมั้ย?, สายอาชีพ (ลูกจ้าง) อาจบอกว่า คุณต้องมีผลงานที่โดดเด่นที่สุดติด Top 3 employee วัดเป็นมูลค่ากำไรเป็นเงิน + เจ้านายทุกคนต้องรักคุณ (ห้ามมีศัตรู) + ลูกน้องต้องเคยมีมามากกว่า 100 คนและต้องรักคุณทุกคน ถึงจะ (แค่) มีโอกาสได้ชิงตำแหน่ง CEO แล้วคุณจะทำมั้ย? ..aynmr เขียน:ขอบคุณคุณnut776 ด้วยครับที่ช่วยเตือนสติ บางทีผมอาจจะมองแค่ด้านขาวกับดำมากจนเกินไป จนลืมไปว่าทุกอย่างก็มีทางสายกลางของมันnut776 เขียน:aynmr เขียน:หุ้นบางตัวที่ไล่ๆราคากันอยู่ อาจเป็นหุ้นที่จะ Turnaround ได้จริงในอนาคต
แต่ถึงมันจะ Turn ได้จริง คนที่ซื้อหุ้นตัวนั้น ก็ใช่ว่าจะได้กำไรมากมายกันทุกคน
มันขึ้นกับพฤติกรรมการลงทุน หุ้นเล็ก หุ้นใหญ่ ไม่ได้บอกว่ามันดีหรือไม่ดี แต่เราควรจะโฟกัสที่พฤติกรรมการลงทุนของเราต่างหาก (หุ้นเล็ก แต่ถ้าเราวิเคราะห์อย่างดีแล้วว่ามันจะโตแน่ๆ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ซื้อ)
คนนึง ซื้อเช้าขายเย็น ซื้อเย็นขายเช้า ได้กำไรมาก กำไรน้อย สลับขาดทุน ไปตลอดทั้งปี ครบปีอาจจะกำไร แต่แลกมากับสุขภาพจิตที่เสียไปตลอดทั้งปี ตื่นมาก็ต้องดูราคาหุ้น กินข้าวเสร็จก็ดู ขับรถอยู่ก็ต้องเหลือบมาดู ตลาดปิดก็ต้องดู อยู่กับแฟนก็หยิบมือถือมาดูหุ้น ฯลฯ ปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างเริ่มเปลี่ยนไปเพราะวันๆเอาแต่คุยเรื่องหุ้นๆๆ
กับอีกคน วิเคราะห์แล้วว่าดี ก็ถือยาวไปเลย ใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ ตามดูงบแต่ละQพอ
ปลายทาง คนที่เทรด อาจได้กำไรมากกว่า(เหรอ??) แต่คุ้มมั๊ยกับสุขภาพจิตที่ต้องเสียไป สำหรับผม สุขภาพจิตสำคัญมาก หากจะให้ผมต้องไปเทรดๆๆแบบนั้น ผลตอบแทนที่ทำได้จากการเฝ้าเทรดๆๆแบบนั้นควรจะได้มากกว่าการที่ผมลงทุนแบบชิวๆสัก 2-3 เท่า มันถึงจะคุ้มกับเวลาที่ผมเสียไปเพื่อมานั่งเฝ้าหน้าจอ
ชอบแบบไหน เลือกกันเองครับ
ผมเห็น คนเล่นแนว พื้นฐานเก่งๆ ก็ไม่ใช่จะเป็นแบบชิวๆ ซะทีเดียวนะคับ
วันนึงเค้าอ่านข่าวกี่ชม.
เจาะข้อมูลบ. กี่ชม
อ่านหนังสือ กี่ชม
เฉพาะ ข่าวกับเจาะข้อมูลก็เกินครึ่งวันแล้วคับ
อย่างผมแสกนข่าวจากเพื่อนๆใน tvi คร่าวๆก็เกือบ 2 ชม แล้วคับ
ผมว่า มันก็เสียประสาท ทั้ง2แบบแหละคับ
ถ้าเราต้องการผลตอบแทนเกินระดับสามัญชน
(10%ต่อปี)
กว่าจะสบายจริงๆ มันต้องกลั่น skill กันหลายปีอะคับ
ผมเห็น นักเทคนิคอล เก่งๆ หลายคน
เค้าไม่ได้เป็นอย่างที่บอกนะคับ
บางคน เทรด วันละชม ไม่มากกว่านี้
บางคน ใช้ system trade
บางคน เล่นเฉพาะ แนวโน้มใหญ่
บางทีเราก็พูดปนๆกันไปป่าวคับ
ระหว่างแมงเม่า funda vs แมงเม่า technical
อย่างสาย funda หลายคน ผมเห็น
นั่งสแกน หุ้นจาก ratio แล้วคิดฝันไปเองว่า ตลาดจะให้
pe เท่านั้นเท่านี้ หรือ แค่รู้งบงูๆปลาๆ แล้วหลอกตัวเองว่า
ดูงบเป็น ถาม gpm เท่าไหร่ ค่าเสื่อมเท่าไหร่
wc cap ar ap inv day เป็นยังไง ไม่เคยดู
รู้แค่ หน้า 5ปี high light set
แล้วก็บอกตัวเองว่า แนวพื้นฐาน ไม่เสี่ยง
ผมดูยังไงๆ ก็พอๆกับ สาย technic นั่งวาดกราฟ ไม่จู้ที่มาที่ไปการใช้งาน
มันก็เสี่ยงพอกัน
(เพื่อนสนิทของผมเอง)
ผมคิดว่า มันก็เริ่มต้นที่ตัวเราเองแหละว่า
ต้องการ ผลตอบแทน แบบ สามัญชน หรือ
ระดับเซียน เล็ก กลาง ใหญ่
ไม่ว่าจะสายไหน ถ้าอยากได้ผลตอบแทนมากกว่าค่าปกติ
คุณก็ต้อง ยอมจ่ายค่าประสาทเสีย ทั้งนั้น
no easy money นะผมว่า
คิดๆไปแล้วความจริงผมก็เสียสุขภาพจิตไปไม่น้อยกับการนั่งอ่าน AnnualReport 56-1 แกะงบเป็นสัปดาห์ๆ ดูหน้าทีมบริหารว่าเราเหม็นขี้หน้ามั๊ย ฯลฯ กว่าจะตัดสินใจลงทุนในหุ้นสักตัวนึง เฮ้อ... - -*
หมายเหตุ: นิยามสำหรับข้อความข้างต้น.. พรแสวง = เวลาที่เราฝึกฝน ทุ่มเท ศึกษา และลงมือทำ ส่วนพรสวรรค์ = สิ่งที่ทำได้และทำได้"ดี"โดยเป็นธรรมชาติ (หรือเป็นเองโดยกำเนิด) ไม่ฝืนนะครับ
ป.ล. บางทีไม่มีใครบอกให้เราอ่านหนังสือการ์ตูนทุกวัน เราก็อ่านนะครับ ^^! .. ถ้าเปลี่ยนจากอ่านแล้วสังเกตว่าสำนักพิมพ์ไหนที่การ์ตูนนั้นขายดี แล้วไปซื้อสำนักพิมพ์นั้นเลย คง (มีโอกาส) รวยพอสมควรไม่น้อย
ป.ล.2 จาก ป.ล.แรกจะเห็นได้ว่าถ้าเราได้ทำในสิ่งที่ชอบ มันคงไม่ประสาทเสียหรอกครับ เพราะผมว่าถ้าเราลงทุนแล้วประสาทเสีย (เอาจริงๆ อย่าโกรธกันนะ ) อาจต้องลองดูว่าเราถนัดกับสายอาชีพนี้จริงๆหรือไม่ .. เพราะอาจมีสายอาชีพอื่นที่ทำเงินได้เหมือนกันโดยที่เราไม่ประสาทเสียก็ได้นะครับ
ป.ล.สุดท้าย ... ยืมคำคุณปู่ซึ่งเรากลายๆคนก็ติดตามศึกษาแนวทางของท่าน .. ดังนี้
"I am a lucky person because I get to do what I like every single day of my life" .. Warren Buffett (จากวีดีโอสักตอนใน youtube)
"ผมจะลงทุนในหุ้น ถึงแม้ว่าผมจะต้องจ่ายเงินเพื่อมาลงทุนในหุ้นก็ตาม" .. Warren Buffett (จากหนังสือแปลสักเล่มหนึ่ง)
"I will invest in stocks market until me and Charlie Munger can't remember each other" .. Warren Buffett
(เขียนจากความจำนะครับ คำพูดเป๊ะๆอาจมีคลาดเคลื่อนเล็กน้อย แต่ความหมายเดียวกัน โปรดอภัย .. เดี๋ยวแฟนๆพันธ์แท้ โกรธเอา )
Invincible MOS is knowing what you're doing
- surachet70
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
โพสต์ที่ 73
เล่นในเกมส์ที่ตัวเองถนัดดีกว่าครับ
Imagination is more important than knowledge....
- Juninho
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1054
- ผู้ติดตาม: 1
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
โพสต์ที่ 75
โดนยั่วมาตั้งแต่ ลงทุนปีแรก ตอนนี้โดนยั่วมาเจ็ดปีแล้ว
ด้านชา และชินไปหมดแล้วครับ ใครจะยั่วยังไงไม่มีผลแล้ว
เห็นผลของการโดนยั่วมาตลอด ว่าสุดท้ายมันจะจบลงอย่างไร
และคิดว่าผลลัพธ์ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน
ด้านชา และชินไปหมดแล้วครับ ใครจะยั่วยังไงไม่มีผลแล้ว
เห็นผลของการโดนยั่วมาตลอด ว่าสุดท้ายมันจะจบลงอย่างไร
และคิดว่าผลลัพธ์ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
But you must try, try and try
-
- Verified User
- โพสต์: 61
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
โพสต์ที่ 76
เวลาดูมันก็ยั่วยวน แต่จริงๆมันไม่ใช่เลย
ผมได้มีโอกาสดูพอร์ทให้คนรู้จักคนนึง ซึ่งชอบเก็งกำไร แบบห้ามไปก็เท่านั้น
และได้เคยถามบางคนในบล๊อคสำนักเล่นสั้นในสินธร
ชีวิตจริงที่เกิดขึ้นก็คือ จากหุ้นเก็งพวกนี้
1.คุณลงได้อย่างมาก ก็ส่วนนึงของพอร์ท
2.ถ้าตัวไหน ลงเงินเยอะๆ ก็จะถือไม่ได้นาน เห็นมันวิ่ง100%
เงินทุนจำนวนมากก็ขายไปตั้งแต่ +10-20% แล้ว
3.เวลาบอกว่าขายแล้ว ได้กำไรเยอะๆ จริงๆคือ กำไร 3 ตัว ติดอยู่อีก 3 ตัว
หรือกำไรตัวนี้ แต่ขาดทุนตัวโน้นไม่พูดถึง
4.ตลอดเวลาที่ถือ จะมีแต่ความกังวลตลอดเวลา เพราะไม่มีใครรู้จริงๆ
ถ้าเห็นมันวิ่งหลาย 100% ส่วนมากคือเข้าไปเอา 3-4 ช่อง 2-3 รอบ
มีแต่หุ้นที่คุณรู้ลึกรู้จริงว่ามันมีมูลค่าเท่าไหร่ ถึงจะกล้าถือ ถึงจะได้รับเต็มๆ
โดยเฉพาะ ถ้ามันเทินจริง หรือมันควรจะขึ้นจริงๆ
ส่วนผมไม่รู้ ก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวด้วย
โดยรวมแล้วที่เห็นมาพอร์ทสุทธิแทบไม่โตขึ้น ส่วนมาก "แค่ได้คืน" ด้วยซ้ำ
เพราะถ้าเคยได้มาอย่างนี้ ก็จะเข้าไปเล่นตัวต่อไป ต่อไป แล้วก็โดนจนได้
ผมก็กลับมาทำอย่างเดิม หุ้นวิ่งก็ไปศึกษา
อ่านแล้วเชื่อก็ซื้อได้ แต่ที่ดูมาไม่อยากซื้อซักตัว
สรุป ผมก็เลยอยู่เฉยๆกับหุ้นเดิมที่รู้จักดี แต่พอร์ทผมก็โต10% ในเดือนนี้(แต่ก็ไม่ได้ขายอยู่ดี)
แต่มันเยอะกว่าคนที่วิ่งตามหุ้น+100%ทั้งหลายเสียอีก
ผมได้มีโอกาสดูพอร์ทให้คนรู้จักคนนึง ซึ่งชอบเก็งกำไร แบบห้ามไปก็เท่านั้น
และได้เคยถามบางคนในบล๊อคสำนักเล่นสั้นในสินธร
ชีวิตจริงที่เกิดขึ้นก็คือ จากหุ้นเก็งพวกนี้
1.คุณลงได้อย่างมาก ก็ส่วนนึงของพอร์ท
2.ถ้าตัวไหน ลงเงินเยอะๆ ก็จะถือไม่ได้นาน เห็นมันวิ่ง100%
เงินทุนจำนวนมากก็ขายไปตั้งแต่ +10-20% แล้ว
3.เวลาบอกว่าขายแล้ว ได้กำไรเยอะๆ จริงๆคือ กำไร 3 ตัว ติดอยู่อีก 3 ตัว
หรือกำไรตัวนี้ แต่ขาดทุนตัวโน้นไม่พูดถึง
4.ตลอดเวลาที่ถือ จะมีแต่ความกังวลตลอดเวลา เพราะไม่มีใครรู้จริงๆ
ถ้าเห็นมันวิ่งหลาย 100% ส่วนมากคือเข้าไปเอา 3-4 ช่อง 2-3 รอบ
มีแต่หุ้นที่คุณรู้ลึกรู้จริงว่ามันมีมูลค่าเท่าไหร่ ถึงจะกล้าถือ ถึงจะได้รับเต็มๆ
โดยเฉพาะ ถ้ามันเทินจริง หรือมันควรจะขึ้นจริงๆ
ส่วนผมไม่รู้ ก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวด้วย
โดยรวมแล้วที่เห็นมาพอร์ทสุทธิแทบไม่โตขึ้น ส่วนมาก "แค่ได้คืน" ด้วยซ้ำ
เพราะถ้าเคยได้มาอย่างนี้ ก็จะเข้าไปเล่นตัวต่อไป ต่อไป แล้วก็โดนจนได้
ผมก็กลับมาทำอย่างเดิม หุ้นวิ่งก็ไปศึกษา
อ่านแล้วเชื่อก็ซื้อได้ แต่ที่ดูมาไม่อยากซื้อซักตัว
สรุป ผมก็เลยอยู่เฉยๆกับหุ้นเดิมที่รู้จักดี แต่พอร์ทผมก็โต10% ในเดือนนี้(แต่ก็ไม่ได้ขายอยู่ดี)
แต่มันเยอะกว่าคนที่วิ่งตามหุ้น+100%ทั้งหลายเสียอีก
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
โพสต์ที่ 77
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1172
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
โพสต์ที่ 79
อาจจะไม่ดีนะครับ ถ้าเข้าออกถูกจังหวะ หมายถึงมีโชค มากกว่ารู้จริง ถ้าเราหวังว่าตัวเองจะโชคดี สักวันเราจะโชคร้าย แต่ถ้าเรารู้จริงว่าเพราะอะไรธุรกิจที่เราลงทุนจึงมีกำไร และอาจจะมีกำไรเพิ่มขึ้น เราอาจจะสามารถเปลี่ยนฐานะของเราได้เลยtancecu เขียน:เข้าออกถูกจังหวะ ผลตอบแทนก็ไม่เลวนะครับ
ได้ส่วนต่างมาเพิ่มพอร์ต ในหุ้นพื้นฐานดีอีกบาน
ไม่ควรลงทุนอะไร ถ้าไม่รู้สึกสบายใจในสิ่งนั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 53
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
โพสต์ที่ 80
VI ในระดับโลกหรือ กองทุน VI ระดับโลกที่เน้นการลงทุนในหุ้น turnaround มาหลายสิบปี ก็มีนะครับ แต่ต้องเข้าใจธรรมชาติของหุ้นประเภทนี้เป็นอย่างดี สิ่งสำคํญที่สุดก็คือพื้นฐานที่จะ turnaround ของกิจการนั้นๆ หากมีขีดจำกัดที่ 10% ของ port ลงทุนในหุ้น turnaround ที่ศึกษามาแล้วอย่างดีมากกว่า 1 ตัว ว่าจะสามารถพลิกฟื้นกลับมามีกำไรได้ ก็ไม่ผิดกฎเกณฑ์อะไรของ VI ที่ลงทุนในหุ้น undervalue นะครับ ข้อยากที่สุดก็คือจะซื้อที่ราคาเท่าไรที่เรียกว่า undervalue ขายที่ราคาเท่าไรที่เรียกว่า overvalue
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
โพสต์ที่ 82
คิดได้แค่นี้......
เหมือนกิ๊ก ยั่วยวน เร้าร้อน สนุกชั่วคราว ติดพันเดือดร้อนชั่วชีวิต
แต่คู่ชีวิตที่เข้าใจ ไม่เร้าร้อน ไม่ตื่นเต้นเท่า แต่ปลอดภัย ไม่ต้องป้องกันมีภูมิคุ้มกันชีวิต อายุยืน
เหมือนกิ๊ก ยั่วยวน เร้าร้อน สนุกชั่วคราว ติดพันเดือดร้อนชั่วชีวิต
แต่คู่ชีวิตที่เข้าใจ ไม่เร้าร้อน ไม่ตื่นเต้นเท่า แต่ปลอดภัย ไม่ต้องป้องกันมีภูมิคุ้มกันชีวิต อายุยืน
- Zhou_Enlai
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 112
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
โพสต์ที่ 83
ยามหน้าฝนไม่ว่าต้นไม้ยืนต้น ต้นหญ้า เเละ วัชพืช ต่างก็เขียวกันถ้วนหน้า ทำให้บางทีเราอาจจะเเยกสิ่งเหล่านั้นออกจากกันได้ค่อนข้างยาก เพราะมันเขียวกันไปหมด
เเต่ถ้าหน้าเเล้งมาเมื่อไหร่ ต้นไม้ยืนต้นที่เเข็งเเรงคงยังจะอยู่รอดได้ ส่วนต้นหญ้าเเละวัชพืชต่างๆนั้นคงจะเหี่ยวเเห้งหรือถึงกับตายไปตามวาระของมัน ยามนั้นธรรมชาติจะเเสดงให้เราเห็นเเละเเยกเเยะได้อย่างชัดเจนว่า อะไรดีจริงไม่ดีจริงครับ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องยึดมั่นกับหลักการลงทุนที่เราเชื่อมั่นครับ เพราะมันจะช่วยให้เราอยู่รอดได้ในระยะยาวครับ
เเต่ถ้าหน้าเเล้งมาเมื่อไหร่ ต้นไม้ยืนต้นที่เเข็งเเรงคงยังจะอยู่รอดได้ ส่วนต้นหญ้าเเละวัชพืชต่างๆนั้นคงจะเหี่ยวเเห้งหรือถึงกับตายไปตามวาระของมัน ยามนั้นธรรมชาติจะเเสดงให้เราเห็นเเละเเยกเเยะได้อย่างชัดเจนว่า อะไรดีจริงไม่ดีจริงครับ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องยึดมั่นกับหลักการลงทุนที่เราเชื่อมั่นครับ เพราะมันจะช่วยให้เราอยู่รอดได้ในระยะยาวครับ
"ใช้ชีวิตจนแก่เฒ่า ศึกษาจนแก่เฒ่า ดัดแปลงจนแก่เฒ่า" (活到老、学到老、改造到老)