เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
-
- Verified User
- โพสต์: 1426
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 2
ความหมายของ "สูงสุดคืนสู่สามัญ"
"สำหรับคนที่ขึ้นจนถึงสูงสุดแล้ว ก็พบว่าไม่มีอะไรเลยที่เป็นแก่นสารสำคัญอะไร
จึงค้นพบว่า ควรทำตัวเป็นคนสามัญทั่วไปจะมีชีวิตที่สงบสุขที่สุด"
"สำหรับคนที่ขึ้นจนถึงสูงสุดแล้ว ก็พบว่าไม่มีอะไรเลยที่เป็นแก่นสารสำคัญอะไร
จึงค้นพบว่า ควรทำตัวเป็นคนสามัญทั่วไปจะมีชีวิตที่สงบสุขที่สุด"
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 3
ผมว่าคนที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยกลับลงสู่สามัญนะครับ แต่มักจะต่ำกว่าสามัญ เข้าสู่ธรรมชาติ ใช้ชีวิตที่มีสิ่งปรุงแต่งน้อยกว่าคนสามัญทั่วๆ ไป แต่จิตใจจะสงบร่มเย็นกว่า ไม่ร้อนรุ่มอยากได้อย่างคนสามัญทั่วไปprichar s. เขียน:ความหมายของ "สูงสุดคืนสู่สามัญ"
"สำหรับคนที่ขึ้นจนถึงสูงสุดแล้ว ก็พบว่าไม่มีอะไรเลยที่เป็นแก่นสารสำคัญอะไร
จึงค้นพบว่า ควรทำตัวเป็นคนสามัญทั่วไปจะมีชีวิตที่สงบสุขที่สุด"
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 314
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 4
ลึกซึ้งครับ เข้าสู่ equilibriumpicatos เขียน:ผมว่าคนที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยกลับลงสู่สามัญนะครับ แต่มักจะต่ำกว่าสามัญ เข้าสู่ธรรมชาติ ใช้ชีวิตที่มีสิ่งปรุงแต่งน้อยกว่าคนสามัญทั่วๆ ไป แต่จิตใจจะสงบร่มเย็นกว่า ไม่ร้อนรุ่มอยากได้อย่างคนสามัญทั่วไปprichar s. เขียน:ความหมายของ "สูงสุดคืนสู่สามัญ"
"สำหรับคนที่ขึ้นจนถึงสูงสุดแล้ว ก็พบว่าไม่มีอะไรเลยที่เป็นแก่นสารสำคัญอะไร
จึงค้นพบว่า ควรทำตัวเป็นคนสามัญทั่วไปจะมีชีวิตที่สงบสุขที่สุด"
Invincible MOS is knowing what you're doing
-
- Verified User
- โพสต์: 314
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 5
อธิบายก่อนนะครับ ว่าสาเหตุที่โพสเพียงแต่อยากให้ลองแชร์ข้อสังเกตของสัญญาณด้านลบกันบ้าง แต่หากการสนทนาเช่นนี้ ไม่เข้าข่ายสิ่งที่ดีที่ควรสนทนา จึงขออภัยล่วงหน้าครับ
Invincible MOS is knowing what you're doing
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 6
เราไม่สามารถรู้ได้หนอกครับ เพื่อเมื่อไหร่หุ้นจะถึงmos ของเรา
แต่เราควรคิดว่า เราจะเตรียมตัวอย่างไร ให้พร้อมกับโอกาสนั้นที่อาจจะมาแว๊บเดียวก็ได้
แต่เราควรคิดว่า เราจะเตรียมตัวอย่างไร ให้พร้อมกับโอกาสนั้นที่อาจจะมาแว๊บเดียวก็ได้
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 7
ส่วนตัว ผมดูอัตราดอกเบี้ย สหรัฐคับ
แต่ถ้าบอกเป็น crisis ใหญ่ คงมองไม่ออกเหมือนกัน
ตอนนี้ มันเป็นโลกของกำลังซื้อเทียม
ดอกขึ้น liquidity ก็จะโดนดึงกลับ
แต่เด๋วมันก็จะมาอีก
ถ้าให้ฉายภาพให้ชัด ก็คล้ายๆกับ
สังคมสมัยนี้ กำลังซื้อ มาจากบัตรเครดิต
ตราบใดยังทำงานได้ ก็สร้างหนี้กันไป
แต่ถ้าบอกเป็น crisis ใหญ่ คงมองไม่ออกเหมือนกัน
ตอนนี้ มันเป็นโลกของกำลังซื้อเทียม
ดอกขึ้น liquidity ก็จะโดนดึงกลับ
แต่เด๋วมันก็จะมาอีก
ถ้าให้ฉายภาพให้ชัด ก็คล้ายๆกับ
สังคมสมัยนี้ กำลังซื้อ มาจากบัตรเครดิต
ตราบใดยังทำงานได้ ก็สร้างหนี้กันไป
show me money.
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 8
จุดไหนคือ จุดสูงสุดครับ ในชีวิตครับ
ผมว่ามันก้เหมือนกันคือ เราไม่รู้ว่าหุ้นตอนไหนจะขึ้นสูงสุด และเวลาไหนที่เราจะมีช่วงชีวิต
ที่อยู่ตรงจุดสูงสุด
ถ้ารู้ เราก้คงรู้วันตายกันหมดทุกคน
ชีวิตก้มีขึ้นมีลงเหมือนตลาดหุ้น
ผมว่ามันก้เหมือนกันคือ เราไม่รู้ว่าหุ้นตอนไหนจะขึ้นสูงสุด และเวลาไหนที่เราจะมีช่วงชีวิต
ที่อยู่ตรงจุดสูงสุด
ถ้ารู้ เราก้คงรู้วันตายกันหมดทุกคน
ชีวิตก้มีขึ้นมีลงเหมือนตลาดหุ้น
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 9
สำหรับผม... ผมไม่รู้และผมก็ไม่ได้สนใจว่าจุดไหนคือจุดสูงสุดของชีวิตchukieat30 เขียน:จุดไหนคือ จุดสูงสุดครับ ในชีวิตครับ
ผมว่ามันก้เหมือนกันคือ เราไม่รู้ว่าหุ้นตอนไหนจะขึ้นสูงสุด และเวลาไหนที่เราจะมีช่วงชีวิต
ที่อยู่ตรงจุดสูงสุด
ถ้ารู้ เราก้คงรู้วันตายกันหมดทุกคน
ชีวิตก้มีขึ้นมีลงเหมือนตลาดหุ้น
ผมสนใจแต่ว่า จุดไหน คือ ปัจจุบัน และที่ปัจจุบันนี้ เราจะทำอะไรและทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 616
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 11
ไม่แน่ใจว่าพวก P/BV, P/E ของ SET จะพอจะเป็นสัญญาณให้ monitor ได้บ้างหรือไม่นะครับ
- เคยฟังพี่โจ พูดประมาณว่า P/BV เฉลี่ยย้อนหลังของ SET ประมาณ 1.9 ปัจจุบันประมาณ 2.44 (เริ่มแพง) ส่วนปี 40, ปี 49 P/BV = 1 เท่านั้น
- ส่วน P/E ของ SET อ่านจากบทความของ mr.messenger ซึ่งนำกราฟของ Barton’s Global Market Trends มาแชร์อีกทีครับ
Barton เขาแบ่ง P/E ของ SET ออกเป็น 4 โซน คือ
โซน P/E ถูก ซึ่งเกิดจากภาวะตลาดขาลงแรงๆ ที่ P/E ต่ำกว่า 6 เท่า
โซน P/E ปกติ อยู่ในกรอบกว้างหน่อย คือ 6 ถึง 16 เท่า
โซน P/E แพง เกิดจากภาวะตลาดกระทิง นักลงทุนแห่เข้ามาลงทุน กรอบอยู่ที่ 16-25 เท่า (ปัจจุบัน P/E 18 เราอยู่ในโซนนี้ครับ)
โซน P/E แพงมาก เกิน 25 เท่า โซนนี้เกือบ 40 ปีที่ผ่านมา หุ้นไทย ไปแตะแค่ 3 ครั้งเท่านั้น
- เคยฟังพี่โจ พูดประมาณว่า P/BV เฉลี่ยย้อนหลังของ SET ประมาณ 1.9 ปัจจุบันประมาณ 2.44 (เริ่มแพง) ส่วนปี 40, ปี 49 P/BV = 1 เท่านั้น
- ส่วน P/E ของ SET อ่านจากบทความของ mr.messenger ซึ่งนำกราฟของ Barton’s Global Market Trends มาแชร์อีกทีครับ
Barton เขาแบ่ง P/E ของ SET ออกเป็น 4 โซน คือ
โซน P/E ถูก ซึ่งเกิดจากภาวะตลาดขาลงแรงๆ ที่ P/E ต่ำกว่า 6 เท่า
โซน P/E ปกติ อยู่ในกรอบกว้างหน่อย คือ 6 ถึง 16 เท่า
โซน P/E แพง เกิดจากภาวะตลาดกระทิง นักลงทุนแห่เข้ามาลงทุน กรอบอยู่ที่ 16-25 เท่า (ปัจจุบัน P/E 18 เราอยู่ในโซนนี้ครับ)
โซน P/E แพงมาก เกิน 25 เท่า โซนนี้เกือบ 40 ปีที่ผ่านมา หุ้นไทย ไปแตะแค่ 3 ครั้งเท่านั้น
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1373
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 13
หลักๆคือตัวที่เกี่ยวกับhot money และปัจจัยที่จะดึงเงินพวกนี้กลับอย่าง
ค่าเงินบาท FDI การเติบโตของยอดขาย/กำไรของธุรกิจส่งออกในรูปUS$
บัญชีหุ้นที่เพิ่มและactive ราคาตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้น SET INDEX
ตอนนี้1400 ถ้าปลายปีไปถึง1600-1700ก็เตรียมตัวได้เลย
อาจไม่ระเบิดแต่คงมีหุ้นถูกๆให้ลงทุนยาวๆ riskต่ำๆน้อยมาก
เหมือนตอนนี้ที่เรารู้สึกว่ามีหุ้นให้ลงทุนน้อยนั่นแหละครับ
เมื่อไม่มีหุ้นถูกๆให้ลงทุน ก็เป็นเวลาขายทำกำไร
เลือกถือแต่ตัวที่แข็งแกร่งจริงๆเท่านั้น
ค่าเงินตอนนี้ผมว่าเกินพื้นฐานไปมาก จริงๆผมให้ที่33-34เท่านั้นเอง
เพราะเรามีอุตสาหกรรมที่เป็นvalue addedเป็นของตนเองไม่กี่อย่าง
ทั้งยังมีบ.ไทยข้ามชาติไม่กี่บ.ที่ค่อยส่งปันผลกลับมาให้อยู่เสมอเหมือนมะกัน ยุ่น
ยิ่งได้ฟังข่าวว่าตลาดตราสารหนี้ไทยกำลังบูม ผมว่ายิ่งชัดเลย
และงงกับธปท.ด้วยว่า มีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องปล่อยให้เงินของต่างชาติ
เข้ามามากมายและสะดวกขนาดนี้
ค่าเงินบาท FDI การเติบโตของยอดขาย/กำไรของธุรกิจส่งออกในรูปUS$
บัญชีหุ้นที่เพิ่มและactive ราคาตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้น SET INDEX
ตอนนี้1400 ถ้าปลายปีไปถึง1600-1700ก็เตรียมตัวได้เลย
อาจไม่ระเบิดแต่คงมีหุ้นถูกๆให้ลงทุนยาวๆ riskต่ำๆน้อยมาก
เหมือนตอนนี้ที่เรารู้สึกว่ามีหุ้นให้ลงทุนน้อยนั่นแหละครับ
เมื่อไม่มีหุ้นถูกๆให้ลงทุน ก็เป็นเวลาขายทำกำไร
เลือกถือแต่ตัวที่แข็งแกร่งจริงๆเท่านั้น
ค่าเงินตอนนี้ผมว่าเกินพื้นฐานไปมาก จริงๆผมให้ที่33-34เท่านั้นเอง
เพราะเรามีอุตสาหกรรมที่เป็นvalue addedเป็นของตนเองไม่กี่อย่าง
ทั้งยังมีบ.ไทยข้ามชาติไม่กี่บ.ที่ค่อยส่งปันผลกลับมาให้อยู่เสมอเหมือนมะกัน ยุ่น
ยิ่งได้ฟังข่าวว่าตลาดตราสารหนี้ไทยกำลังบูม ผมว่ายิ่งชัดเลย
และงงกับธปท.ด้วยว่า มีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องปล่อยให้เงินของต่างชาติ
เข้ามามากมายและสะดวกขนาดนี้
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 313
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 15
ถ้า บมจ. สามารถทำกำไรได้มากขึ้น พีอี จะลงต่ำตลาดก็อยู่ในโซนที่ปกติครั
ในสถานะโดยรวมตอนนีผมยังมองไม่เห็นสัญญาณตกต่ำชักเจน
แต่รายตัวเห็นชัดมากครับเพราะ พีอี บางตัวสูงเหลือเชื่อครับ
ในสถานะโดยรวมตอนนีผมยังมองไม่เห็นสัญญาณตกต่ำชักเจน
แต่รายตัวเห็นชัดมากครับเพราะ พีอี บางตัวสูงเหลือเชื่อครับ
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1373
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 16
ทราบครับพี่Jeng แต่ค่าเงินที่มาได้ขนาดนี้ก็เพราะต่างประเทศมาJeng เขียน:ค่าเงินย้อนหลัง 1 ปี ไม่ถึง 32 และตอนนี้ 29.78ค่าเงินตอนนี้ผมว่าเกินพื้นฐานไปมาก จริงๆผมให้ที่33-34เท่านั้นเอง
ผมช่วยให้ข้อมูลครับ
ลงทุนหุ้นและตราสารหนี้บ้านเราเยอะครับ
ถ้าหักส่วนนี้ออกไปก็คงอยู่ที่33-34หรือสูงกว่านี้
จริงๆผมอยากให้ธปท.ออกมาตราการกันเงินลงทุนเหล่านี้ด้วยซ้ำ
เพราะพวกนี้นอกจากได้กำไรจากการลงทุนปกติแล้วยังได้กำไรค่าเงินด้วย
เนื่องจากเราเป็นประเทศส่งออก เกินดุลทุกปี มีน้อยมากที่ขาดดุล
กำไรค่าเงินที่เค้าได้ ก็คือการขาดทุนกำไรของธุรกิจส่งออก
มองอีกแง่คือเราออกแรงทำงานทั้งปีแลกมาร์จิ้น10%
แต่เค้าเอาเงินมาลงทุนโดยไม่ต้องออกแรงก็ได้กำไรค่าเงิน10%
ดูแล้วไม่ยุติธรรมเท่าไหร่
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 301
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 18
คิดว่าน่าจะเป็นการที่เงินปันผลของหุ้นในตลาดต่ำมากๆ เพราะนั่นก็แปลว่าPEจะจะสูงมากไม่คุ้มกับความเสี่ยง แต่นั่นผมก็คิดว่าไม่ใช่ตัวชี้วัดแน่นอนเพราะจะมีเรื่องความโลภ เข้ามาทำให้มีcash flow เข้ามาในตลาดอีก ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าความโลภจะทำให้ราคาหุ้นแพงไปกว่าความสามารถการทำกำไรของบริษัทอีกเท่าไร......
ยามที่พายุมาแม้แต่ไก่งวงก็ยังบินได้ แต่เมื่อยามลมพัดหวนมีแต่พญาอินทรีเท่านั้นที่จะบินได้
คำคมcreditจากหนังสือ อ.ดร.นิเวศน์ ครับ
ยามที่พายุมาแม้แต่ไก่งวงก็ยังบินได้ แต่เมื่อยามลมพัดหวนมีแต่พญาอินทรีเท่านั้นที่จะบินได้
คำคมcreditจากหนังสือ อ.ดร.นิเวศน์ ครับ
อย่า...วัดความลึกของแม่น้ำด้วยขาทั้ง2ข้าง
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 19
สูงสุดกับต่ำสุด มันขึ้นกับ จิต ครับ
เหมือนไม้ ถ้าเรามองว่ามันยาว ไม้นั้นก้ยาว
ถ้าเรามองมันสั้น ไม้นั้นก้สั้น
สำคัญคือ จิต ปัจจุบัน สุข หรือ ทุกข์ ในสิ่งที่กระทำ
อดีตไม่ได้การันตี ปัจจุบัน
แล ปัจจุบัน ก้ไม่ได้การันตีอนาคต
ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดตั้งแต่เราลุกจากที่นอน เราอาจจะไม่ได้ใส่เสื้อตัวเดิม
ไม่ได้ทานอาหารแบบเดิม ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง
สำคัญคือ เรา ยินดี หรือ ยินร้าย กับ มัน หรือเปล่า
เหมือนไม้ ถ้าเรามองว่ามันยาว ไม้นั้นก้ยาว
ถ้าเรามองมันสั้น ไม้นั้นก้สั้น
สำคัญคือ จิต ปัจจุบัน สุข หรือ ทุกข์ ในสิ่งที่กระทำ
อดีตไม่ได้การันตี ปัจจุบัน
แล ปัจจุบัน ก้ไม่ได้การันตีอนาคต
ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดตั้งแต่เราลุกจากที่นอน เราอาจจะไม่ได้ใส่เสื้อตัวเดิม
ไม่ได้ทานอาหารแบบเดิม ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง
สำคัญคือ เรา ยินดี หรือ ยินร้าย กับ มัน หรือเปล่า
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 20
ทุกข์ หรือ สุข เกิดจากการยินดี ยินร้าย และการตอบสนองของเรา
ถ้าจิตเรา วาง ไม่ว่าจะดี ร้าย สุข หรือ ทุกข์
ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ ก้จะเข้าถึง ความว่างเปล่า
ไม่มีขาว ไม่มีดำ ตื่นมาในกระจก ในรูปก้ไม่ใช่เราเป็นเพียงรูปกาย
เมื่อวาง จะเห็น ทางออก หันหลังคืนฝั่ง จะเห็นแสงธรรม
ถ้าจิตเรา วาง ไม่ว่าจะดี ร้าย สุข หรือ ทุกข์
ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ ก้จะเข้าถึง ความว่างเปล่า
ไม่มีขาว ไม่มีดำ ตื่นมาในกระจก ในรูปก้ไม่ใช่เราเป็นเพียงรูปกาย
เมื่อวาง จะเห็น ทางออก หันหลังคืนฝั่ง จะเห็นแสงธรรม
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 279
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 21
ขอมองแบบเพ้อฝันบ้าง หลังจาก AEC เกิดแล้วผมว่าทักษะในการทำธุรกิจของไทย-ผสมเทศ
ไม่น่าจะเป็นรองใครในกลุ่ม ด้วยทำเล ตลาดการเงินที่เปิดมากกว่า นโยบายที่เห็นหัว
นายทุน มากกว่าประเทศอื่นๆ ประสบการณ์ของนักธุรกิจไทยเอง รวมๆแล้ว ดินแดนการ
ค้าที่เปิดกว้างช่วยสร้างโอกาศในการสร้างความเติบโตให้กับหลายๆธุรกิจได้ไม่ยาก หุ้น
อาจแพง เพราะดินแดนแห่งโอกาศทางธุรกิจที่เปิดกว้างขึ้น ถ้ามองภาพโดยรวมแล้วผมว่า
คนไทยมีพฤติกรรมการอยู่อาศัยแทบ จะเป็นวัฒนธรรมเดียวกันทั้งประเทศแล้ว ส่งผลให้
ความเข้าใจต่อระบบทุนนิยมอยู่ในระดับสูงเข้าใจการต่อสู้ที่อยู่ข้างหน้าได้ไม่ยาก มองดูแล้ว
ถ้าไม่ตกม้าตายเสียก่อน พี่ไทยอาจจะไปได้ไกลกว่านี้ ราคานี้อาจสมเหตุสมผล สังเกตุจาก
ธุรกิจใด ที่มีความพร้อมทั้งประสบการณ์ ทั้งชื่อเสียงของผู้ถือหุ้นที่มีอิทธพลกำลังภายในต่อ
ภาคการเมือง และเงินทุน แล้วค่า premium แพงมาก ตลาดอาจสะอึกบ้าง แต่ไม่คุ้มที่จะ
ขายแล้วรอซื้อกลับใน ธุรกิจ ที่อนาคต ที่ดินแดนทางการค้ายังเปิดกว้างอยู่ข้างหน้า ถ้า
ประเทศไทยเป็นภาพนี้คิดว่าควรได้ PE เท่าใหร่?
ไม่น่าจะเป็นรองใครในกลุ่ม ด้วยทำเล ตลาดการเงินที่เปิดมากกว่า นโยบายที่เห็นหัว
นายทุน มากกว่าประเทศอื่นๆ ประสบการณ์ของนักธุรกิจไทยเอง รวมๆแล้ว ดินแดนการ
ค้าที่เปิดกว้างช่วยสร้างโอกาศในการสร้างความเติบโตให้กับหลายๆธุรกิจได้ไม่ยาก หุ้น
อาจแพง เพราะดินแดนแห่งโอกาศทางธุรกิจที่เปิดกว้างขึ้น ถ้ามองภาพโดยรวมแล้วผมว่า
คนไทยมีพฤติกรรมการอยู่อาศัยแทบ จะเป็นวัฒนธรรมเดียวกันทั้งประเทศแล้ว ส่งผลให้
ความเข้าใจต่อระบบทุนนิยมอยู่ในระดับสูงเข้าใจการต่อสู้ที่อยู่ข้างหน้าได้ไม่ยาก มองดูแล้ว
ถ้าไม่ตกม้าตายเสียก่อน พี่ไทยอาจจะไปได้ไกลกว่านี้ ราคานี้อาจสมเหตุสมผล สังเกตุจาก
ธุรกิจใด ที่มีความพร้อมทั้งประสบการณ์ ทั้งชื่อเสียงของผู้ถือหุ้นที่มีอิทธพลกำลังภายในต่อ
ภาคการเมือง และเงินทุน แล้วค่า premium แพงมาก ตลาดอาจสะอึกบ้าง แต่ไม่คุ้มที่จะ
ขายแล้วรอซื้อกลับใน ธุรกิจ ที่อนาคต ที่ดินแดนทางการค้ายังเปิดกว้างอยู่ข้างหน้า ถ้า
ประเทศไทยเป็นภาพนี้คิดว่าควรได้ PE เท่าใหร่?
Way of life is way of brain
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 23
yakjabon เขียน:มีสัญญาณอะไรที่สังเกตเห็นความเป็นไปได้ ว่าตลาดจะคืนสู่สามัญบ้างมั้ยครับ ... อยากซื้อของถูก
ไม่ต้องรอตลาด ไม่ต้องรอดัชนี เสียเวลาเปล่าๆครับ
ถ้ามองอนาคตออก ในขณะที่คนอื่นยังมองไม่เห็น
บริษัทราคาถูกมีทุกเมื่อ เมื่อเทียบกับอนาคตครับ
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 24
ผมขอเสนอ Indicator ตัวนี้ครับ
ผมเลยบอกว่า ตัดสินใจได้ถูกจังหวะมากเลยน้อง!!
เริ่มลงทุน ยิ่งเร็วก็ยิ่งดีนะ จะได้มีประสบการณ์ ดีบ้าง ร้ายบ้างปนกันไป แต่ถ้าถือยาวๆ ก็น่าจะดี (แต่ก็น่าจะคิดลงทุนตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้วเนอะ)
เมื่อวานคุยกับเพื่อนจะเน้นลงทุนในหุ้น เพื่อนอีกคนก็บอก "เอ็งเร่งมาซื้อหุ้นเลย ข้าจะได้ขายซักที"...ฮา....
(ขออภัยที่พาดพิงเพื่อนๆ น้องๆ คงไม่ได้เข้ามาอ่านนะครับ )
สุดท้ายคงต้องถือคติ
"Stay Calm, Stay Invest"
"Stay Hungry, Stay Foolish"
และ
เก็บกระสุนไว้เยอะหน่อยก็ดีนะจ๊ะ...
ปล. ตอนนี้น้องๆ หลายคนจากไม่เคยเล่นหุ้น ก็เริ่มถามผมเรื่องหุ้น กำลังจะเปิด Port
ผมเลยบอกว่า ตัดสินใจได้ถูกจังหวะมากเลยน้อง!!
เริ่มลงทุน ยิ่งเร็วก็ยิ่งดีนะ จะได้มีประสบการณ์ ดีบ้าง ร้ายบ้างปนกันไป แต่ถ้าถือยาวๆ ก็น่าจะดี (แต่ก็น่าจะคิดลงทุนตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้วเนอะ)
เมื่อวานคุยกับเพื่อนจะเน้นลงทุนในหุ้น เพื่อนอีกคนก็บอก "เอ็งเร่งมาซื้อหุ้นเลย ข้าจะได้ขายซักที"...ฮา....
(ขออภัยที่พาดพิงเพื่อนๆ น้องๆ คงไม่ได้เข้ามาอ่านนะครับ )
สุดท้ายคงต้องถือคติ
"Stay Calm, Stay Invest"
"Stay Hungry, Stay Foolish"
และ
เก็บกระสุนไว้เยอะหน่อยก็ดีนะจ๊ะ...
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 25
ขออนุญาต Share Blog ของ ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์ ครับ ตอนนั้นผมไม่ค่อยทันเหตุการณ์ น่าจะยังอยู่ อนุบาล-ประถม อยู่เรยchatchai เขียน:พูดถึงเรื่อง AEC ทีไร
คิดถึงตอนรัฐบาลชาติชาย ที่มีสโลแกน เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า
http://www.doctorwe.com/variety/20120522/1247
ส่วนหนึ่งจาก Blog ครับ
หนึ่ง มหัศจรรย์แห่งเอเชียตะวันออก “East Asian Miracle”
ปี 2529 – 2538 เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างสูง
หลายคนคิดว่า.. เป็นเพราะ คนในกลุ่มประเทศในเอเชีย …..เป็นคนเก่ง
ส่วนคนไทยหลายคนคิดว่าเป็นเพราะ “น้าชาติ” (อดีตนายกฯ ชาติชาย ชุณหะวัน)
ที่ใช้สโลแกน “เปลี่ยนสนามรบให้เป็น.. สนามการค้า”
จึงทำให้….. ดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติ …ไหลเข้ามาในประเทศไทย จำนวนมหาศาล
แต่..แท้ที่จริง เหตุผลมาจาก……….
ญี่ปุ่นและเยอรมนี ถูกบีบให้ต้องทำให้เงินของตน “แข็งค่า” ขึ้น
เพราะ ทั้งสองประเทศได้เปรียบดุลการค้าจำนวนมหาศาล กับสหรัฐอเมริกา
เงินเยนและเงินมาร์ค …จึงต้องแข็งค่าขึ้น …………….. ตามสนธิสัญญาพลาซ่า
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 26
ขอเพิ่มข้อมูล FDI ที่คุณ หลายเด้ง (multipleceilings) เอามาแชร์
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=54947
Player หลักที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเรา ก็ยังคงเป็นพี่ยุ่น เหมือนเดิม
เนื่องจากตอนนี้จีน หันกลับมาปิดประเทศ (ใส่พี่ยุ่น) อีกรอบ
เขาจับมือกันเมื่อไหร่ พี่ไทย คงแย่...เพราะฉะนั้น เราไปลุยลงทุนในจีนดีกว่า อิอิ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=54947
Player หลักที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเรา ก็ยังคงเป็นพี่ยุ่น เหมือนเดิม
เนื่องจากตอนนี้จีน หันกลับมาปิดประเทศ (ใส่พี่ยุ่น) อีกรอบ
เขาจับมือกันเมื่อไหร่ พี่ไทย คงแย่...เพราะฉะนั้น เราไปลุยลงทุนในจีนดีกว่า อิอิ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 616
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 28
ตลาดหุ้นยังไม่ “ฟองสบู่”
กรุงเทพธุรกิจ 21 มกราคม 2556
ปี 2555 ถือว่าเป็นปีที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยสามารถทำผลงานได้ดีติดอันดับต้นๆของโลก และสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้งในรอบ16ปี พร้อมกับมูลค่าซื้อขายและค่าพีอีเรโชซึ่งเป็นตัววัดระดับความร้อนแรงของตลาดหุ้นที่สูงระดับ16 เท่า อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เกิดความกังวลว่าตลาดหุ้นกำลังจะเป็น “ฟองสบู่” หรือร้อนแรงเกินจริงหรือไม่
ประเด็นนี้ มนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง โบรกเกอร์ที่มีมาร์เกตแชร์อันดับหนึ่งในประเทศ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2556 ยังน่าจะเติบโตขึ้นได้อีกโดยมีเป้าหมายดัชนีที่ 1,400-1,450 จุด และมีโอกาสที่จะขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง เพราะจากระดับดัชนีสิ้นปี 2555 ที่ 1,350 จุด จะขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเดิมที่ประมาณ 1,770 จุด คิดเป็นการเติบโต30% ไม่น่าจะยากเกินกว่าจะทำได้
ทั้งนี้การลงทุนในตลาดหุ้นไทยปัจจุบันยังห่างไกลจากคำว่า “ฟองสบู่” โดยดูจากเม็ดเงินกู้ยืมมาซื้อหุ้นหรือมาร์จิ้นโลนในช่วงปี 2540 มีสัดส่วนถึง 120,000-180,00 ล้านบาท เทียบกับมาร์เกตแคปเวลานั้น 3.5 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง แต่ปัจจุบันมาร์จิ้นโลนทั้งระบบมีอยู่เพียงแค่ 40,000 ล้านบาท เทียบกับมาร์เกตแคปปัจจุบันประมาณ 11 ล้านล้านบาท ถือว่ายังน้อยมาก
นอกจากนี้ สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทจดทะเบียนตอนนี้เฉลี่ยเพียงแค่ 1.1 เท่า เทียบกับสมัยปี 2540 ตอนนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 2.1 เท่าและหลังลอยตัวค่าเงินบาทอยู่ที่ 5.1เท่า แสดงว่านักธุรกิจไทยมีบทเรียนจากวิกฤติไม่คิดที่จะลงทุนอย่างเกินตัวอีก จึงสบายใจได้ว่าตลาดหุ้นยังไม่เฟื่องมากเกินไป
กรุงเทพธุรกิจ 21 มกราคม 2556
ปี 2555 ถือว่าเป็นปีที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยสามารถทำผลงานได้ดีติดอันดับต้นๆของโลก และสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้งในรอบ16ปี พร้อมกับมูลค่าซื้อขายและค่าพีอีเรโชซึ่งเป็นตัววัดระดับความร้อนแรงของตลาดหุ้นที่สูงระดับ16 เท่า อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เกิดความกังวลว่าตลาดหุ้นกำลังจะเป็น “ฟองสบู่” หรือร้อนแรงเกินจริงหรือไม่
ประเด็นนี้ มนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง โบรกเกอร์ที่มีมาร์เกตแชร์อันดับหนึ่งในประเทศ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2556 ยังน่าจะเติบโตขึ้นได้อีกโดยมีเป้าหมายดัชนีที่ 1,400-1,450 จุด และมีโอกาสที่จะขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง เพราะจากระดับดัชนีสิ้นปี 2555 ที่ 1,350 จุด จะขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเดิมที่ประมาณ 1,770 จุด คิดเป็นการเติบโต30% ไม่น่าจะยากเกินกว่าจะทำได้
ทั้งนี้การลงทุนในตลาดหุ้นไทยปัจจุบันยังห่างไกลจากคำว่า “ฟองสบู่” โดยดูจากเม็ดเงินกู้ยืมมาซื้อหุ้นหรือมาร์จิ้นโลนในช่วงปี 2540 มีสัดส่วนถึง 120,000-180,00 ล้านบาท เทียบกับมาร์เกตแคปเวลานั้น 3.5 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง แต่ปัจจุบันมาร์จิ้นโลนทั้งระบบมีอยู่เพียงแค่ 40,000 ล้านบาท เทียบกับมาร์เกตแคปปัจจุบันประมาณ 11 ล้านล้านบาท ถือว่ายังน้อยมาก
นอกจากนี้ สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทจดทะเบียนตอนนี้เฉลี่ยเพียงแค่ 1.1 เท่า เทียบกับสมัยปี 2540 ตอนนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 2.1 เท่าและหลังลอยตัวค่าเงินบาทอยู่ที่ 5.1เท่า แสดงว่านักธุรกิจไทยมีบทเรียนจากวิกฤติไม่คิดที่จะลงทุนอย่างเกินตัวอีก จึงสบายใจได้ว่าตลาดหุ้นยังไม่เฟื่องมากเกินไป
-
- Verified User
- โพสต์: 616
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 29
(ต่อจาก post ข้างบนครับ)
ด้าน วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล ให้ทัศนะว่า ปัจจุบันนี้ตลาดหุ้นกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ต่ำมากทำให้ผู้คนต้องแสงหาการลงทุนทางเลือก เช่น หุ้นปันผลซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนที่ดีมาก
“แม้ว่านักลงทุนรายย่อยจะให้ความสนใจมากแต่ตลาดหุ้นไทยยังห่างไกลจากคำว่าฟองสบู่ เนื่องจากตลาดหุ้นที่อยู่ในสภาวะดังกล่าวจะต้องมีมูลค่าตลาดหรือมาร์เกตแคปสูงกว่าจีดีพี เช่น มากกว่า 120-130% แต่ปัจจุบันนี้มาร์เกตแคปตลาดหุ้นไทยยังอยู่เพียงแค่ 94% ของจีดีพีเท่านั้นยังมีช่องว่างอีกมาก”
นอกจากนี้ การปล่อยมาร์จิ้นหรือกู้ยืมเงินมาลงทุนยังอยู่เพียงแค่ระดับ 10,000-20,000 ล้านบาท เทียบกับช่วงก่อนต้มยำกุ้งที่มีถึง 2แสนล้านบาท ตอนนี้เงินที่ลงทุนส่วนใหญ่เป็นเงินออมและรายได้ของบริษัทจดทะเบียนที่โตขึ้นก็ช่วยพยุงดัชนีได้
ด้าน วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล ให้ทัศนะว่า ปัจจุบันนี้ตลาดหุ้นกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ต่ำมากทำให้ผู้คนต้องแสงหาการลงทุนทางเลือก เช่น หุ้นปันผลซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนที่ดีมาก
“แม้ว่านักลงทุนรายย่อยจะให้ความสนใจมากแต่ตลาดหุ้นไทยยังห่างไกลจากคำว่าฟองสบู่ เนื่องจากตลาดหุ้นที่อยู่ในสภาวะดังกล่าวจะต้องมีมูลค่าตลาดหรือมาร์เกตแคปสูงกว่าจีดีพี เช่น มากกว่า 120-130% แต่ปัจจุบันนี้มาร์เกตแคปตลาดหุ้นไทยยังอยู่เพียงแค่ 94% ของจีดีพีเท่านั้นยังมีช่องว่างอีกมาก”
นอกจากนี้ การปล่อยมาร์จิ้นหรือกู้ยืมเงินมาลงทุนยังอยู่เพียงแค่ระดับ 10,000-20,000 ล้านบาท เทียบกับช่วงก่อนต้มยำกุ้งที่มีถึง 2แสนล้านบาท ตอนนี้เงินที่ลงทุนส่วนใหญ่เป็นเงินออมและรายได้ของบริษัทจดทะเบียนที่โตขึ้นก็ช่วยพยุงดัชนีได้
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์ที่ 30
มีข่าวลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 15% หากลดจริงนี่...
__________________________
สรรพากรจ่อหั่นภาษีนิติบุคคลอีกรอบ คาดลดเหลือเพียง15% อ้างไม่ล่อใจนักธุรกิจ
เศรษฐกิจ 7 January 2556 - 00:00
http://www.thaipost.net/news/070113/67655
สรรพากร เล็งลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 15% เอาใจรัฐบาล อ้างเพิ่มแรงดึงดูดเงินทุนต่างชาติเข้าประเทศ โวรีดภาษีปีงบ 56 ได้ตามเป้า 1.77 ล้านล้านบาทแน่ อวยนโยบายกระตุ้นรายจ่ายของรัฐหนุนรีดภาษีแวตได้สูงลิ่ว
นายสาธิต รังคศิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า แม้ว่าขณะนี้ภาษีนิติบุคคลของไทยจะลดจาก 30% เป็น 23% ในปีที่ผ่านมา และเหลือ 20% ในปีนี้ แต่ก็ยังสูงกว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาค อาทิ ฮ่องกง และ สิงคโปร์ ที่เก็บภาษีนิติบุคคลที่ 16-17% ซึ่งทำให้ไทยยังเสียเปรียบประเทศดังกล่าวในการดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทยดังนั้น กรมสรรพากรจึงตั้งเป้าหมายที่จะปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลให้เหลือ 15 % เพื่อให้ต่ำที่สุดในภูมิภาค ซึ่งจะทำให้นักลงทุนเลือกเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น
“กรมสรรพากรจำเป็นต้องปรับโครงสร้างภาษีนิติบุคคลให้เหลือ 15% เพราะเมื่อไปรวมกับจุดแข็งด้านอื่นของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม แรงงานที่มีฝีมือ จะทำให้ไทยเป็นตัวเลือกอันดับแรกของนักลงทุน" นายสาธิต กล่าว
สำหรับการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 20% ทำให้กรมสรรพากรเก็บภาษีลดลงไปปีละ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะต้องใช้เวลาประมาณ 5 ปี ในการเก็บภาษีให้กลับมาเท่าเดิม โดยหากมีการลดภาษีนิติบุคคลรอบใหม่ยังไม่มีการประเมินว่าจะเสียรายได้อีกเท่าไร
นายสาธิต กล่าวอีกว่า ปีงบประมาณ 2556 กรมมีเป้าจัดเก็บรายได้อยู่ที่ 1.77 ล้านล้านบาท คาดว่าจะทำได้ตามเป้า แม้ว่าจะมีการลดภาษีนิติบุคคล ซึ่งถือเป็นปัจจัยลบของกรมฯ แต่ยังมีข้อดีจากแนวโน้มการจัดเก็บรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ที่สูงขึ้นจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถขยายตัวได้ในระดับ 5-5.5% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อปลายปี 2555 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณาเห็นชอบให้มีการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากเดิมที่เก็บสูงสุดในอัตรา 37% เหลือ 35% โดยมีการปรับอัตราให้ถี่ขึ้นเป็นขั้นบันไดละ 5% ทำให้ภาระภาษีของผู้เสียภาษีลดลง แต่รัฐบาลต้องเสียรายได้ปีละ 2.7 หมื่นล้านบาท โดยการลดภาษีให้มีผลตั้งแต่รายได้ที่เกิดขึ้นปีนี้ทันที
ทั้งนี้ กรมสรรพากรกำลังเร่งปรับปรุงกระบวนการจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยให้ศึกษาการจัดเก็บภาษีเป็นรายกลุ่ม (เซ็กเตอร์) อาทิ กลุ่มโลจิสติกส์ กลุ่มซื้อมาขายไป กลุ่มซื้อขายทางอินเทอร์เน็ต และให้ทีมวิเคราะห์ลงไปประเมินการจัดเก็บภาษีของแต่ละท้องถิ่นทั่วประเทศถึงการจัดเก็บภาษีว่าจะเป็นอย่างไร
"เท่าที่เดินทางไปตรวจเยี่ยมสรรพากรในแต่ละภาค พบว่าในปีหน้ามีแนวโน้มการจัดเก็บภาษีดีขึ้น แต่ด้วยการปรับลดภาษีจากนโยบายของรัฐบาล ทั้งในเรื่องภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ต้องปรับลดลงเหลือ 20% ในวันที่ 1 ม.ค.2556 และการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ปรับลดอัตราสูงสุดจาก 37% เหลือ 35% ที่มีผลในปีภาษี 2556 ทำให้ต้องวางแผนการจัดเก็บภาษีให้ดี ไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อการจัดเก็บภาษีในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า" นายสาธิต ระบุ
นายสาธิต กล่าวว่า ถ้ากรมสรรพากรไม่ปรับเปลี่ยนเทคนิคการจัดเก็บภาษีหรือไม่ปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีในการจัดเก็บ ก็อาจจะเป็นปัญหา เพราะรัฐบาลชุดนี้ปรับลดภาษีในหลายรายการลง ดังนั้น การจัดเก็บภาษีนับจากนี้ไปต้องสร้างระบบการจัดเก็บที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันให้มากขึ้น โดยได้เสนอแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีไปยังกระทรวงการคลังแล้ว.
__________________________
สรรพากรจ่อหั่นภาษีนิติบุคคลอีกรอบ คาดลดเหลือเพียง15% อ้างไม่ล่อใจนักธุรกิจ
เศรษฐกิจ 7 January 2556 - 00:00
http://www.thaipost.net/news/070113/67655
สรรพากร เล็งลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 15% เอาใจรัฐบาล อ้างเพิ่มแรงดึงดูดเงินทุนต่างชาติเข้าประเทศ โวรีดภาษีปีงบ 56 ได้ตามเป้า 1.77 ล้านล้านบาทแน่ อวยนโยบายกระตุ้นรายจ่ายของรัฐหนุนรีดภาษีแวตได้สูงลิ่ว
นายสาธิต รังคศิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า แม้ว่าขณะนี้ภาษีนิติบุคคลของไทยจะลดจาก 30% เป็น 23% ในปีที่ผ่านมา และเหลือ 20% ในปีนี้ แต่ก็ยังสูงกว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาค อาทิ ฮ่องกง และ สิงคโปร์ ที่เก็บภาษีนิติบุคคลที่ 16-17% ซึ่งทำให้ไทยยังเสียเปรียบประเทศดังกล่าวในการดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทยดังนั้น กรมสรรพากรจึงตั้งเป้าหมายที่จะปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลให้เหลือ 15 % เพื่อให้ต่ำที่สุดในภูมิภาค ซึ่งจะทำให้นักลงทุนเลือกเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น
“กรมสรรพากรจำเป็นต้องปรับโครงสร้างภาษีนิติบุคคลให้เหลือ 15% เพราะเมื่อไปรวมกับจุดแข็งด้านอื่นของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม แรงงานที่มีฝีมือ จะทำให้ไทยเป็นตัวเลือกอันดับแรกของนักลงทุน" นายสาธิต กล่าว
สำหรับการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 20% ทำให้กรมสรรพากรเก็บภาษีลดลงไปปีละ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะต้องใช้เวลาประมาณ 5 ปี ในการเก็บภาษีให้กลับมาเท่าเดิม โดยหากมีการลดภาษีนิติบุคคลรอบใหม่ยังไม่มีการประเมินว่าจะเสียรายได้อีกเท่าไร
นายสาธิต กล่าวอีกว่า ปีงบประมาณ 2556 กรมมีเป้าจัดเก็บรายได้อยู่ที่ 1.77 ล้านล้านบาท คาดว่าจะทำได้ตามเป้า แม้ว่าจะมีการลดภาษีนิติบุคคล ซึ่งถือเป็นปัจจัยลบของกรมฯ แต่ยังมีข้อดีจากแนวโน้มการจัดเก็บรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ที่สูงขึ้นจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถขยายตัวได้ในระดับ 5-5.5% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อปลายปี 2555 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณาเห็นชอบให้มีการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากเดิมที่เก็บสูงสุดในอัตรา 37% เหลือ 35% โดยมีการปรับอัตราให้ถี่ขึ้นเป็นขั้นบันไดละ 5% ทำให้ภาระภาษีของผู้เสียภาษีลดลง แต่รัฐบาลต้องเสียรายได้ปีละ 2.7 หมื่นล้านบาท โดยการลดภาษีให้มีผลตั้งแต่รายได้ที่เกิดขึ้นปีนี้ทันที
ทั้งนี้ กรมสรรพากรกำลังเร่งปรับปรุงกระบวนการจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยให้ศึกษาการจัดเก็บภาษีเป็นรายกลุ่ม (เซ็กเตอร์) อาทิ กลุ่มโลจิสติกส์ กลุ่มซื้อมาขายไป กลุ่มซื้อขายทางอินเทอร์เน็ต และให้ทีมวิเคราะห์ลงไปประเมินการจัดเก็บภาษีของแต่ละท้องถิ่นทั่วประเทศถึงการจัดเก็บภาษีว่าจะเป็นอย่างไร
"เท่าที่เดินทางไปตรวจเยี่ยมสรรพากรในแต่ละภาค พบว่าในปีหน้ามีแนวโน้มการจัดเก็บภาษีดีขึ้น แต่ด้วยการปรับลดภาษีจากนโยบายของรัฐบาล ทั้งในเรื่องภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ต้องปรับลดลงเหลือ 20% ในวันที่ 1 ม.ค.2556 และการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ปรับลดอัตราสูงสุดจาก 37% เหลือ 35% ที่มีผลในปีภาษี 2556 ทำให้ต้องวางแผนการจัดเก็บภาษีให้ดี ไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อการจัดเก็บภาษีในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า" นายสาธิต ระบุ
นายสาธิต กล่าวว่า ถ้ากรมสรรพากรไม่ปรับเปลี่ยนเทคนิคการจัดเก็บภาษีหรือไม่ปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีในการจัดเก็บ ก็อาจจะเป็นปัญหา เพราะรัฐบาลชุดนี้ปรับลดภาษีในหลายรายการลง ดังนั้น การจัดเก็บภาษีนับจากนี้ไปต้องสร้างระบบการจัดเก็บที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันให้มากขึ้น โดยได้เสนอแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีไปยังกระทรวงการคลังแล้ว.
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530