วินัยการลงทุน
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 1
ขออนุญาติสวัสดีปีใหม่เพื่อนๆนักลงทุนทุกๆท่านนะครับ ผมไม่ได้เข้ามาใน web board นานมว้ากกก ><
ช่วงนี้ผมอ่านข่าว มีแต่คนบอกว่า ระวังน้า ดัชนี้สูงแล้ว มีแต่แมงเม่าที่ซื้อหุ้น
แล้วจริงๆในฐานะนักลงทุน เราจะทำอย่างไรเวลาที่เราเจอข่าวแบบนี้
ผมลงทุนมาได้สักพักหนึ่ง ผมลองย้อนมาดูตัวผมเองครับ
ตลาดหุ้น กับ ข่าว และความไม่แน่นอน นั้นเกิดขึ้นได้เสมอ
สิ่งหนึ่งที่ มนุษย์อย่างเรา มักจะเป็นกันก็คือ "การเปรียบเทียบ"
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรานั่งของเราอยู่คนเดียว อ่านหนังสือไปคนเดียว เราก็มีความสุขแล้ว
แต่พอโต๊ะข้างๆ เค้ามาเป็นกลุ่ม คุยกันเฮฮา แล้วเค้าก็ไม่ค่อยจะสนใจเราเลย เราจะเริ่มรู้สึกว่า ทำไมอ่า ทำไมเราไม่มีใครคุยด้วย
หรือยิ่งถ้าโต๊ะข้างๆเค้ามาเป็นคู่รัก คุยกันกระหนุงกระหนิง เราจะยิ่งรู้สึกแย่เเข้าไปใหญ่
หรือเวลาที่เรามองดูโทรศัพท์เครื่องเดิมของเรา เราก็ว่า มันดีแย้วน้า
แต่พอมาดูเครื่องของเพื่อน โอ้ว ทำไมกินไฟน้อยกว่า เข้า net ได้เร็วกว่า
ทำม้ายยยย มือถือฉันถึงเป็นเช่นนี้
กลับมาที่ตลาดหุ้นครับ
เรามักเปรียบเทียบเสมอกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป
และตลาดหุ้นก็เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเสมอ
ไม่มีวันไหนที่ดัชนีเท่าเดิม
ตลาดหุ้นประกอบไปด้วย ความโลภ และความกลัวครับ
ความรู้สึกเหล่านี้ทำให้เราคิดว่า เราต้องทำอะไรสักอย่างกับหุ้น
เช่นซื้อเพิ่ม คัทลอส เปลี่ยนตัวถือ ฯลฯ
การซื้อหุ้น แล้วถือหุ้นนั้นไว้เฉยๆ แม้เป็น สุดยอดวิธีอันหนึ่ง
แต่กลับพบว่า "การกอดหุ้นดีๆทิ้งไว้" เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก เมื่อเราไปแคร์ความรู้สึก ความเห็น จากคนภายนอก
โดยเฉพาะเวลาที่เราเห็น ราคาหุ้นเคลื่อนไหว เราจะรู้สึกว่า ต้องทำอะไรสักอย่าง
ผมว่า เราต้องมาทบทวน วิธีการลงทุนของเราก่อนครับ
ถ้าการลงทุนของเราคือ เคลื่อนไหวฉับไว ไวกว่า ชาวบ้านทุกคน และถ้าเราทำได้ตลอดทุกครั้ง
แน่นอนเราน่าจะได้กำไร
แต่สิ่งนี้เราทำได้ทุกครั้งไปจริงหรือ
ถ้าการลงทุนของเรา เราดูปัจจัยพื้นฐาน(Fundamental Investment) เป็นหลัก เราควรดูแต่ราคา หรือดัชนี จริงหรือ
หรือเราไม่ควรสนใจตลาดเลย
คนที่ตอบได้ดีที่สุดคือ "ตัวเราเองครับ"
การทำอะไรผิดพลาด เป็นเรื่องเกิดขึ้นได้เสมอในชีวิตประจำวันของเรา
แม้กระทั่งกับการลงทุน
เราเรียนรู้จากการทำผิดพลาดครับ
เพียงแต่ว่า นักลงทุนที่ดี แม้จะตำหนิตนเอง
แต่เค้าก็จะปรับปรุง แก้ไข และป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดนั้นอีก
และแม้ว่า เกิดความผิดพลาดนั้นอีก เค้าจะไม่ท้อจนลาขาดจากการลงทุนครับ
ตอนดัชนี 380 จุด เชื่อไหมว่า แทบไม่มีใครมาซื้อหุ้นเลยครับ ดัชนีแตะ 380 จุดถึง 2 ครั้งในปี 2551 แต่ตอนนั้น
มีแต่ข่าวร้ายสุดๆ
พอขึ้นมา 420 จุด หุ้นก็ตกลงไแ คนก็กลัวว่า มันจะเป็นแบบเดิมอีก
บ้านเราคงจะแย่แล้ว เทียบ crisis ในครั้งนั้น พอๆกับ คศ. 1930 เลยนะ
ผมเองเป็นคนหนึ่งที่โดนอารมณ์ตลาดเข้ามาก่อกวน
จนในที่สุดผมคิดว่า เราจะทำอย่างไรดี
จนผมคิดวิธีการลงทุนที่ผมจะทำ
สิ่งนั้นง่ายๆแต่ทำยาก เพราะมันฝืนสันชาตญานการเอาตัวรอดของเรา
นั่นคือ วินัยการลงทุนครับ
เราทำได้ไหมที่จะไม่ดูตัวเลขราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงแทบจะทุกวินาที
เราทำได้ไหมที่จะนั่งอ่านงบการเงิน อ่านรายงานประจำปี หรือออกไปดูกิจการต่างๆภายนอก โดยไม่ต้องเฝ้าจอ
เราทำได้ไหมที่จะทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมบ้าง
แล้วปล่อยให้หุ้นที่เราลงทุน ช่วยเหลือตัวเค้าเอง
ผมขออ้างอิงจาก หนังสือ 85 idea การลงทุน ของพี่โจ๊ก นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์นะครับ
(ผมขออนุญาติเขียนตามความเข้าใจของผมนะครับ)
เวลาเราเลือกหุ้นเพื่อลงทุน เราต้องเคร่งครัดในการเลือกเฟ้นหุ้น
ตรงนี้เราต้องค่อนข้าง serious
แต่พอลงทุนไปแล้ว เราควรปล่อยวาง
เราไม่ควรกังวลกับการเคลื่อนไหวของหุ้นมากจนเกินไป ไม่ใช่ว่า หุ้นเคลื่อนไหวไป 3 ช่องแล้ว
เราต้องทำอะไรบ้าง
หลายครั้งราคาหุ้นที่เคลื่อนไหว เกิดจากอารมณ์ในตอนนั้น
ถ้าจำได้ ล่าสุด BGH เหลือ60 กว่าบาท
จะมีคนบอกว่า เพราะว่า รพ.ศิริราช ปิยมหาการุณเปิด จนแย่งคนไข้จากเครือ รพ.กรุงเทพ
หลายครั้ง เราเผลอ หาเหตุมาใส่ผลที่เกิด
หลายครั้งเราไม่ทราบเหตุของผลนั้นชัดๆ
อาจเป็นไปได้ว่า มีคนขาย แล้วพอเห็นราคาหุ้นลงๆๆๆ เราก็รีบขายบ้าง
ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกังวล
กลัวว่า ดัชนีจะลงไปอีก
กลัวว่า ดัชนี้จะขึ้นไปอีก
ในที่สุด เราไม่ทราบหรอกครับว่า ดัชนี จะไปที่เท่าไหร่
เพราะเราลืมไปว่า หุ้นที่เราซื้อนั้น เป็นกิจการที่มีอยู่จริง
ตราบใดที่กิจการยังมีอนาคตการทำกำไรที่ดี
ราคาหุ้นของบรษัทในระยะยาว ก็จะเป็นไปตามพื้นฐานของกิจการครับ
"In the short run, stock market will be voting system, but in the long run stock market will be weighting system" ครับ
มีความสุขกับการลงทุน และการใช้ชีวิตประจำวันนะครับผม
ช่วงนี้ผมอ่านข่าว มีแต่คนบอกว่า ระวังน้า ดัชนี้สูงแล้ว มีแต่แมงเม่าที่ซื้อหุ้น
แล้วจริงๆในฐานะนักลงทุน เราจะทำอย่างไรเวลาที่เราเจอข่าวแบบนี้
ผมลงทุนมาได้สักพักหนึ่ง ผมลองย้อนมาดูตัวผมเองครับ
ตลาดหุ้น กับ ข่าว และความไม่แน่นอน นั้นเกิดขึ้นได้เสมอ
สิ่งหนึ่งที่ มนุษย์อย่างเรา มักจะเป็นกันก็คือ "การเปรียบเทียบ"
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรานั่งของเราอยู่คนเดียว อ่านหนังสือไปคนเดียว เราก็มีความสุขแล้ว
แต่พอโต๊ะข้างๆ เค้ามาเป็นกลุ่ม คุยกันเฮฮา แล้วเค้าก็ไม่ค่อยจะสนใจเราเลย เราจะเริ่มรู้สึกว่า ทำไมอ่า ทำไมเราไม่มีใครคุยด้วย
หรือยิ่งถ้าโต๊ะข้างๆเค้ามาเป็นคู่รัก คุยกันกระหนุงกระหนิง เราจะยิ่งรู้สึกแย่เเข้าไปใหญ่
หรือเวลาที่เรามองดูโทรศัพท์เครื่องเดิมของเรา เราก็ว่า มันดีแย้วน้า
แต่พอมาดูเครื่องของเพื่อน โอ้ว ทำไมกินไฟน้อยกว่า เข้า net ได้เร็วกว่า
ทำม้ายยยย มือถือฉันถึงเป็นเช่นนี้
กลับมาที่ตลาดหุ้นครับ
เรามักเปรียบเทียบเสมอกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป
และตลาดหุ้นก็เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเสมอ
ไม่มีวันไหนที่ดัชนีเท่าเดิม
ตลาดหุ้นประกอบไปด้วย ความโลภ และความกลัวครับ
ความรู้สึกเหล่านี้ทำให้เราคิดว่า เราต้องทำอะไรสักอย่างกับหุ้น
เช่นซื้อเพิ่ม คัทลอส เปลี่ยนตัวถือ ฯลฯ
การซื้อหุ้น แล้วถือหุ้นนั้นไว้เฉยๆ แม้เป็น สุดยอดวิธีอันหนึ่ง
แต่กลับพบว่า "การกอดหุ้นดีๆทิ้งไว้" เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก เมื่อเราไปแคร์ความรู้สึก ความเห็น จากคนภายนอก
โดยเฉพาะเวลาที่เราเห็น ราคาหุ้นเคลื่อนไหว เราจะรู้สึกว่า ต้องทำอะไรสักอย่าง
ผมว่า เราต้องมาทบทวน วิธีการลงทุนของเราก่อนครับ
ถ้าการลงทุนของเราคือ เคลื่อนไหวฉับไว ไวกว่า ชาวบ้านทุกคน และถ้าเราทำได้ตลอดทุกครั้ง
แน่นอนเราน่าจะได้กำไร
แต่สิ่งนี้เราทำได้ทุกครั้งไปจริงหรือ
ถ้าการลงทุนของเรา เราดูปัจจัยพื้นฐาน(Fundamental Investment) เป็นหลัก เราควรดูแต่ราคา หรือดัชนี จริงหรือ
หรือเราไม่ควรสนใจตลาดเลย
คนที่ตอบได้ดีที่สุดคือ "ตัวเราเองครับ"
การทำอะไรผิดพลาด เป็นเรื่องเกิดขึ้นได้เสมอในชีวิตประจำวันของเรา
แม้กระทั่งกับการลงทุน
เราเรียนรู้จากการทำผิดพลาดครับ
เพียงแต่ว่า นักลงทุนที่ดี แม้จะตำหนิตนเอง
แต่เค้าก็จะปรับปรุง แก้ไข และป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดนั้นอีก
และแม้ว่า เกิดความผิดพลาดนั้นอีก เค้าจะไม่ท้อจนลาขาดจากการลงทุนครับ
ตอนดัชนี 380 จุด เชื่อไหมว่า แทบไม่มีใครมาซื้อหุ้นเลยครับ ดัชนีแตะ 380 จุดถึง 2 ครั้งในปี 2551 แต่ตอนนั้น
มีแต่ข่าวร้ายสุดๆ
พอขึ้นมา 420 จุด หุ้นก็ตกลงไแ คนก็กลัวว่า มันจะเป็นแบบเดิมอีก
บ้านเราคงจะแย่แล้ว เทียบ crisis ในครั้งนั้น พอๆกับ คศ. 1930 เลยนะ
ผมเองเป็นคนหนึ่งที่โดนอารมณ์ตลาดเข้ามาก่อกวน
จนในที่สุดผมคิดว่า เราจะทำอย่างไรดี
จนผมคิดวิธีการลงทุนที่ผมจะทำ
สิ่งนั้นง่ายๆแต่ทำยาก เพราะมันฝืนสันชาตญานการเอาตัวรอดของเรา
นั่นคือ วินัยการลงทุนครับ
เราทำได้ไหมที่จะไม่ดูตัวเลขราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงแทบจะทุกวินาที
เราทำได้ไหมที่จะนั่งอ่านงบการเงิน อ่านรายงานประจำปี หรือออกไปดูกิจการต่างๆภายนอก โดยไม่ต้องเฝ้าจอ
เราทำได้ไหมที่จะทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมบ้าง
แล้วปล่อยให้หุ้นที่เราลงทุน ช่วยเหลือตัวเค้าเอง
ผมขออ้างอิงจาก หนังสือ 85 idea การลงทุน ของพี่โจ๊ก นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์นะครับ
(ผมขออนุญาติเขียนตามความเข้าใจของผมนะครับ)
เวลาเราเลือกหุ้นเพื่อลงทุน เราต้องเคร่งครัดในการเลือกเฟ้นหุ้น
ตรงนี้เราต้องค่อนข้าง serious
แต่พอลงทุนไปแล้ว เราควรปล่อยวาง
เราไม่ควรกังวลกับการเคลื่อนไหวของหุ้นมากจนเกินไป ไม่ใช่ว่า หุ้นเคลื่อนไหวไป 3 ช่องแล้ว
เราต้องทำอะไรบ้าง
หลายครั้งราคาหุ้นที่เคลื่อนไหว เกิดจากอารมณ์ในตอนนั้น
ถ้าจำได้ ล่าสุด BGH เหลือ60 กว่าบาท
จะมีคนบอกว่า เพราะว่า รพ.ศิริราช ปิยมหาการุณเปิด จนแย่งคนไข้จากเครือ รพ.กรุงเทพ
หลายครั้ง เราเผลอ หาเหตุมาใส่ผลที่เกิด
หลายครั้งเราไม่ทราบเหตุของผลนั้นชัดๆ
อาจเป็นไปได้ว่า มีคนขาย แล้วพอเห็นราคาหุ้นลงๆๆๆ เราก็รีบขายบ้าง
ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกังวล
กลัวว่า ดัชนีจะลงไปอีก
กลัวว่า ดัชนี้จะขึ้นไปอีก
ในที่สุด เราไม่ทราบหรอกครับว่า ดัชนี จะไปที่เท่าไหร่
เพราะเราลืมไปว่า หุ้นที่เราซื้อนั้น เป็นกิจการที่มีอยู่จริง
ตราบใดที่กิจการยังมีอนาคตการทำกำไรที่ดี
ราคาหุ้นของบรษัทในระยะยาว ก็จะเป็นไปตามพื้นฐานของกิจการครับ
"In the short run, stock market will be voting system, but in the long run stock market will be weighting system" ครับ
มีความสุขกับการลงทุน และการใช้ชีวิตประจำวันนะครับผม
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 3
ผมรบกวนฝากบทความไว้อ่านเพิ่มเติมนะครับ
ลองมาคิด Strategy ง่ายๆเวลาหุ้นตก
http://www.facebook.com/notes/noon-su/% ... 0124949078
ถูกบีบให้เล่นเกมที่ไม่ถนัด โดยคุณ Invisible hand
http://www.facebook.com/noon.su.3#!/not ... 8314681259
ลองมาคิด Strategy ง่ายๆเวลาหุ้นตก
http://www.facebook.com/notes/noon-su/% ... 0124949078
ถูกบีบให้เล่นเกมที่ไม่ถนัด โดยคุณ Invisible hand
http://www.facebook.com/noon.su.3#!/not ... 8314681259
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 4
แค่เข้ามาอ่านก็ขอบคุณมากๆแล้วล่ะครับ ^^
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 315
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณมากครับ กับข้อคิดดีๆ ที่มาเตือนสติตอนนี้
ผมเองก็ยอมรับว่า โดนอารมณ์ตลาดเล่นงานอยู่ คือคิดว่า
มันขึ้นมาเยอะแล้ว เดี๋ยวมันก็คงลง เลยคิดที่จะขายก่อนเพื่อรอรับใหม่ดีมั๊ย เป็นอย่างงี้หลายครั้งหลายคราว
ขอบคุณครับ
ผมเองก็ยอมรับว่า โดนอารมณ์ตลาดเล่นงานอยู่ คือคิดว่า
มันขึ้นมาเยอะแล้ว เดี๋ยวมันก็คงลง เลยคิดที่จะขายก่อนเพื่อรอรับใหม่ดีมั๊ย เป็นอย่างงี้หลายครั้งหลายคราว
ขอบคุณครับ
-----------------------------------------
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
-
- Verified User
- โพสต์: 14
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 6
ยกตัวอย่าง ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวนี้พอเข้าใจเลยครับ
ผมคิดว่าน่าจะเกิดจากการที่เรามักชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา(หาbenchmark)
เพื่อที่จะทราบถึงตําแหน่งของตัวเองที่เป็นอยู่ ซึ่งความรู้สึกนี้เกิดขึ้นจริงๆ
ทําไมโต๊ะข้างๆเฮฮามีคนเยอะแยะแล้วเรามาทําอะไรอยู่คนเดียว
ทําไมโต๊ะข้างๆมีคู่แล้วเรายังไม่มี
ทําไมคนอื่นเขามีเงินเยอะแยะสั่งอะไรแพงๆกินได้
รามไปถึงเรื่องการลงทุน
ทําไมคนอื่นได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ปีนี้ได้50% ปีนั้นได้100% เราได้แค่...%
แต่ความจริงแล้วสิ่งที่เราควรยึดมั่นคือตัวเองเราเอง ซึ่งมันควรจะเกิดจากการคิดไตรตรองวิธีอย่างรอบครอบและมีเหตุผลแล้วจนสามารถตอบตัวเองได้
เช่น ณ เหตุการณ์ตรงนั้น เรากําลังอ่านหนังสืออยู่คนเดียวเพราะเราต้องการสมาธิและแอร์...อยู่ที่บ้านก็เปลืองต้องเปิดทั้งวัน ทําไมเราถึงไม่ได้ไปเฮฮากับเพื่อน ตอบ เพราะยังไม่ถึงเวลาของเรา ตอนนี้เราต้องอ่านหนังสือก่อนและเราก็มีเวลาที่เฮฮากับเพื่อนๆเช่นกัน ทําไมเราถึงยังไม่มีแฟน ตอบ เพราะผมเชื่อว่าการหาแฟนต้องเกิดจากการที่เรารักเขาและเขารักเราและเรากับเขาได้มาพบกัน ถ้าไม่ยังเจอก็ไม่แปลกอะไร ดีกว่าไปอยู่ด้วยกันแล้วแต่ต้องมานั่งทะเลาะกันทุกวันทุกเวลาก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น ทําไมคนอื่นมีเงินเยอะแยะสั่งอะไรแพงๆได้ ตอบ ที่ต้องกินทุกๆวันส่วนตัวผมมักจะคํานึงถึงเรื่องคุณภาพของอาหาร/ราคา/ปริมาณ ถามว่าเห็นคนอื่นกินหูฉลามอิจฉาหรือปล่าว ตอบคือคงไม่ เพราะกินไม่อิ่มราคาค่อนข้างสูง ยกเว้นในกรณีถ้าอยากจริงๆก็จะหามากินแล้วก็จบพอหายอยากไปอีกหลายปี
แล้วสุดท้ายถ้ารู้ว่าเพื่อนหรือคนอื่นลงทุนแล้วได้ผลตอบแทน 50% 100% เราได้แค่....% กังวลหรือปล่าว ตอบ ผมสนใจเรื่องการรักษา ไว้(maintained)ซึ่งผลตอบแทนให้สูงอยู่เสมอหลายๆปีมากกว่า ดังนั้นการที่ผมจะสนใจผลตอบแทนที่สูงกว่าปกติมากๆนั้น ผมจะหันไปสนใจการรักษาผลตอบแทนแบบที่เป็นอยู่ของเขาด้วย
ผมคิดว่าน่าจะเกิดจากการที่เรามักชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา(หาbenchmark)
เพื่อที่จะทราบถึงตําแหน่งของตัวเองที่เป็นอยู่ ซึ่งความรู้สึกนี้เกิดขึ้นจริงๆ
ทําไมโต๊ะข้างๆเฮฮามีคนเยอะแยะแล้วเรามาทําอะไรอยู่คนเดียว
ทําไมโต๊ะข้างๆมีคู่แล้วเรายังไม่มี
ทําไมคนอื่นเขามีเงินเยอะแยะสั่งอะไรแพงๆกินได้
รามไปถึงเรื่องการลงทุน
ทําไมคนอื่นได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ปีนี้ได้50% ปีนั้นได้100% เราได้แค่...%
แต่ความจริงแล้วสิ่งที่เราควรยึดมั่นคือตัวเองเราเอง ซึ่งมันควรจะเกิดจากการคิดไตรตรองวิธีอย่างรอบครอบและมีเหตุผลแล้วจนสามารถตอบตัวเองได้
เช่น ณ เหตุการณ์ตรงนั้น เรากําลังอ่านหนังสืออยู่คนเดียวเพราะเราต้องการสมาธิและแอร์...อยู่ที่บ้านก็เปลืองต้องเปิดทั้งวัน ทําไมเราถึงไม่ได้ไปเฮฮากับเพื่อน ตอบ เพราะยังไม่ถึงเวลาของเรา ตอนนี้เราต้องอ่านหนังสือก่อนและเราก็มีเวลาที่เฮฮากับเพื่อนๆเช่นกัน ทําไมเราถึงยังไม่มีแฟน ตอบ เพราะผมเชื่อว่าการหาแฟนต้องเกิดจากการที่เรารักเขาและเขารักเราและเรากับเขาได้มาพบกัน ถ้าไม่ยังเจอก็ไม่แปลกอะไร ดีกว่าไปอยู่ด้วยกันแล้วแต่ต้องมานั่งทะเลาะกันทุกวันทุกเวลาก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น ทําไมคนอื่นมีเงินเยอะแยะสั่งอะไรแพงๆได้ ตอบ ที่ต้องกินทุกๆวันส่วนตัวผมมักจะคํานึงถึงเรื่องคุณภาพของอาหาร/ราคา/ปริมาณ ถามว่าเห็นคนอื่นกินหูฉลามอิจฉาหรือปล่าว ตอบคือคงไม่ เพราะกินไม่อิ่มราคาค่อนข้างสูง ยกเว้นในกรณีถ้าอยากจริงๆก็จะหามากินแล้วก็จบพอหายอยากไปอีกหลายปี
แล้วสุดท้ายถ้ารู้ว่าเพื่อนหรือคนอื่นลงทุนแล้วได้ผลตอบแทน 50% 100% เราได้แค่....% กังวลหรือปล่าว ตอบ ผมสนใจเรื่องการรักษา ไว้(maintained)ซึ่งผลตอบแทนให้สูงอยู่เสมอหลายๆปีมากกว่า ดังนั้นการที่ผมจะสนใจผลตอบแทนที่สูงกว่าปกติมากๆนั้น ผมจะหันไปสนใจการรักษาผลตอบแทนแบบที่เป็นอยู่ของเขาด้วย
-
- Verified User
- โพสต์: 14
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 7
เสริมอีกนิดครับ
ดังนั้นการตรวจสอบความคิดของตัวเองให้สดใหม่ มีเหตุผล และมีที่มาที่ไปอยู่เสมอ
ทําให้เราไม่เชื่อมั่นในตัวเองผิดๆหรือเชื่อมันมันมากโดยลืมที่มาที่ไปและเหตุผล ซึ่งถ้าเราเชื่อมั่นแต่ไม่คอยตรวจสอบความคิดของตัวเองที่เราเชื่อมั่น มันจะกลายเป็นความหลงไหลและคลั่งไคล้แทน กลายเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมากเกินไป
กลับกันถ้าเราไม่มั่นใจในตัวเองแสดงว่าเราไม่มีหลักยึด เราจะโลเลตามกระแสของสังคมได้ง่ายๆ ซึ่งจะไม่ค่อยดีเลยถ้ามันเกิดตอนที่เรากําลังลงทุนอยู่ครับ
โลเลไปก็ไม่ดีมั่นใจไปก็ไม่ดี เราจึงต้องอยู่ด้วยความมั่นใจที่มีการตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอจากตัวเองและคนอื่นๆอย่างมีเหตุผลและมีที่มาที่ไปโดยไม่ลําเอียงเข้าใจตัวเองครับ
ดังนั้นการตรวจสอบความคิดของตัวเองให้สดใหม่ มีเหตุผล และมีที่มาที่ไปอยู่เสมอ
ทําให้เราไม่เชื่อมั่นในตัวเองผิดๆหรือเชื่อมันมันมากโดยลืมที่มาที่ไปและเหตุผล ซึ่งถ้าเราเชื่อมั่นแต่ไม่คอยตรวจสอบความคิดของตัวเองที่เราเชื่อมั่น มันจะกลายเป็นความหลงไหลและคลั่งไคล้แทน กลายเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมากเกินไป
กลับกันถ้าเราไม่มั่นใจในตัวเองแสดงว่าเราไม่มีหลักยึด เราจะโลเลตามกระแสของสังคมได้ง่ายๆ ซึ่งจะไม่ค่อยดีเลยถ้ามันเกิดตอนที่เรากําลังลงทุนอยู่ครับ
โลเลไปก็ไม่ดีมั่นใจไปก็ไม่ดี เราจึงต้องอยู่ด้วยความมั่นใจที่มีการตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอจากตัวเองและคนอื่นๆอย่างมีเหตุผลและมีที่มาที่ไปโดยไม่ลําเอียงเข้าใจตัวเองครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 152
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 8
จากความคิดเห็นข้างบน ทำให้ผมคิดอะไรได้อย่างนึงครับ
เวลาที่เราได้ยินข่าวอะไร เรามักจะเคลิบเคลิ้มไปกับข่าวเหล่านั้น
แต่สิ่งที่เรามักจะไม่ได้ทำก็คือ ไปสอบทานข้อเท็จจริง และตีคุณค่าของเรื่องนั้นๆ ออกมาเป็น ตัวเลขที่วัดผลได้จริง
ตัวอย่างเช่น เรากำลังจะซื้อหุ้นกิจการหนึ่งที่เราคิดว่ามันดี แล้วก็มีข่าวออกมาว่า มีคู่แข่งเกิดใหม่จะมาแย่งรายได้ของกิจการที่เราเล็งว่าจะซื้อหุ้นเอาไว้ ทำให้เราเกิดลังเลใจ สิ่งที่เราทำก็คือ เกิดความหวั่นไหวต่อข่าว แต่สิ่งที่เรามักจะไม่ค่อยได้ทำต่อไปก็คือ ไม่ได้ไปสืบค้นต่อไปว่า ข่าวนั้นมีความจริงในแง่มุมอื่นอีกรือเปล่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นมากน้อยขนาดไหน (คำว่ามากน้อยขนาดไหนนี่คงต้องเป็นการลงมือประเมินจากข้อมูลที่ต้องไปหาจริงๆ ไม่ใช่นั่งเดา)
ผมว่ามี Webboard ก็ดีอยู่อย่างหนึ่ง คือ การได้เอาข้อมูลมาแบ่งปันกันครับ ได้เห็นมุมมองของนักลงทุนหลายๆ คน เวลาตัดสินใจจะได้มีข้อมูลรอบด้าน
เวลาที่เราได้ยินข่าวอะไร เรามักจะเคลิบเคลิ้มไปกับข่าวเหล่านั้น
แต่สิ่งที่เรามักจะไม่ได้ทำก็คือ ไปสอบทานข้อเท็จจริง และตีคุณค่าของเรื่องนั้นๆ ออกมาเป็น ตัวเลขที่วัดผลได้จริง
ตัวอย่างเช่น เรากำลังจะซื้อหุ้นกิจการหนึ่งที่เราคิดว่ามันดี แล้วก็มีข่าวออกมาว่า มีคู่แข่งเกิดใหม่จะมาแย่งรายได้ของกิจการที่เราเล็งว่าจะซื้อหุ้นเอาไว้ ทำให้เราเกิดลังเลใจ สิ่งที่เราทำก็คือ เกิดความหวั่นไหวต่อข่าว แต่สิ่งที่เรามักจะไม่ค่อยได้ทำต่อไปก็คือ ไม่ได้ไปสืบค้นต่อไปว่า ข่าวนั้นมีความจริงในแง่มุมอื่นอีกรือเปล่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นมากน้อยขนาดไหน (คำว่ามากน้อยขนาดไหนนี่คงต้องเป็นการลงมือประเมินจากข้อมูลที่ต้องไปหาจริงๆ ไม่ใช่นั่งเดา)
ผมว่ามี Webboard ก็ดีอยู่อย่างหนึ่ง คือ การได้เอาข้อมูลมาแบ่งปันกันครับ ได้เห็นมุมมองของนักลงทุนหลายๆ คน เวลาตัดสินใจจะได้มีข้อมูลรอบด้าน
มีเหตุผล, พอประมาณ, มีภูมิคุ้มกัน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 152
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 9
จำได้คลับคล้ายคลับคลา เหมือนผู้ที่เขาประสบความสำเร็จในการลงทุนจะเคยบอกเอาไว้ว่า จะขายหุ้นเฉพาะตอนที่พื้นฐานเปลี่ยนwhiteknight_p เขียน:ขอบคุณมากครับ กับข้อคิดดีๆ ที่มาเตือนสติตอนนี้
ผมเองก็ยอมรับว่า โดนอารมณ์ตลาดเล่นงานอยู่ คือคิดว่า
มันขึ้นมาเยอะแล้ว เดี๋ยวมันก็คงลง เลยคิดที่จะขายก่อนเพื่อรอรับใหม่ดีมั๊ย เป็นอย่างงี้หลายครั้งหลายคราว
ขอบคุณครับ
ถ้าหุ้นที่เราถืออยู่ยังเป็นหุ้นที่ดี ก็ไม่น่าจะขายเพราะว่าราคามันขึ้นมาสูง เพราะเกิดว่าขายไปแล้ว เกิดราคามันขึ้นไปอีกแล้วซื้อคืนกลับมาไม่ได้ คงจะน่าเสียใจแย่
ดร. ท่านก็เคยกล่าวเอาไว้ในรายการ Money ที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยาการลงทุนตอนหนึ่งว่า คนเราชอบขายหุ้นดีๆ ออกไป (เพราะว่ามันได้ราคาดี) ในขณะเดียวกันก็ชอบเก็บหุ้นแย่ๆ เอาไว้เต็มพอร์ต
มีเหตุผล, พอประมาณ, มีภูมิคุ้มกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 2236
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 10
เรื่องวินัยและการควบคุมจิตใจนี่สำคัญมากๆครับ ผมเองนี่เป็นประจำ เวลาอยากซื้อหุ้นนี่ พยายามหาเหตุผลสารพัดมาทำไมควรซื้อ แต่เวลาเกิดความกลัวอยากขาย ก็หาเหตุผลสารพัดมาสนับสนุนให้"ขายเถอะ" หลังๆพยายามทำใจให้สงบ ลงทุนตามกฎเกณฑ์ที่ตัวเองตั้งไว้
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4366
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 13
ไม่ต้องน้อยใจนะครับ ที่หุ้นคนอื่นขึ้น แต่ของเราไม่ขึ้นtum_H เขียน:ผมไม่ได้รู้สึกกลัวกับภาวะตลาดในปัจจุบันเลยครับ
เพราะหุ้นที่ถือยังไม่ไปไหนเลย 555
มีความสุขกับการลงทุนและการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าเช่นกันครับ
ส่วนใหญ่ เดี๋ยวตอนหุ้นคนอื่นลง หุ้นเรามักลงตามด้วยครับ ตกรถขาขึ้นขาเดียวเอง
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 15
ตอนนี้ก็ต้องรอด้วยความพากเพียร หวังว่าสักวันจะเป็นเต่าติดเทอร์โบเรนเจอร์ครับดำ เขียน:ไม่ต้องน้อยใจนะครับ ที่หุ้นคนอื่นขึ้น แต่ของเราไม่ขึ้นtum_H เขียน:ผมไม่ได้รู้สึกกลัวกับภาวะตลาดในปัจจุบันเลยครับ
เพราะหุ้นที่ถือยังไม่ไปไหนเลย 555
มีความสุขกับการลงทุนและการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าเช่นกันครับ
ส่วนใหญ่ เดี๋ยวตอนหุ้นคนอื่นลง หุ้นเรามักลงตามด้วยครับ ตกรถขาขึ้นขาเดียวเอง
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 17
รู้สึกว่าบอร์ดเราขาด
"มีความสุขกับการลงทุน และการใช้ชีวิตประจำวันนะครับผม "
มานานมากๆจริงด้วย ขอคุณครับหมอนุ่น
"มีความสุขกับการลงทุน และการใช้ชีวิตประจำวันนะครับผม "
มานานมากๆจริงด้วย ขอคุณครับหมอนุ่น
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 103
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 18
ผมเป็นสมาชิกได้ไม่นานครับ เมื่อสามสี่เดือนที่ผ่านมาอ่านย้อนหลังไปก็พบว่า
ในอดีต ตอนที่ดัชนีขึ้นมาอยู่ที่ 800-900 ก็มีคนกังวลกันว่ามันขึ้นมาสูงแล้ว มาถึง 1300 ก็กลัวว่าจะล่มสลาย
แล้วก็มีอีกหลายๆโพสที่คล้ายๆกันนี้ในแต่ละปีที่ผ่านไป แล้วดัชนีก็สูงขึ้นๆตาม
แต่ก็มีบางกระทู้สอนผมเช่นกันอยู่เรื่อยๆว่า ถ้าเราลงทุนในพื้นฐานที่ดี เราก็ไม่ต้องกังวลกับดัชนี ถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยนก็ไม่ควรทำอะไร
ดัชนีเป็นเรื่องที่เราคาดเดาไม่ได้ ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร แต่ผลประกอบการของบริษัทที่เราเป็นเจ้าของ เราคงคาดหมายได้แน่นอน
ในอดีต ตอนที่ดัชนีขึ้นมาอยู่ที่ 800-900 ก็มีคนกังวลกันว่ามันขึ้นมาสูงแล้ว มาถึง 1300 ก็กลัวว่าจะล่มสลาย
แล้วก็มีอีกหลายๆโพสที่คล้ายๆกันนี้ในแต่ละปีที่ผ่านไป แล้วดัชนีก็สูงขึ้นๆตาม
แต่ก็มีบางกระทู้สอนผมเช่นกันอยู่เรื่อยๆว่า ถ้าเราลงทุนในพื้นฐานที่ดี เราก็ไม่ต้องกังวลกับดัชนี ถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยนก็ไม่ควรทำอะไร
ดัชนีเป็นเรื่องที่เราคาดเดาไม่ได้ ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร แต่ผลประกอบการของบริษัทที่เราเป็นเจ้าของ เราคงคาดหมายได้แน่นอน
ซาบิ ; ความงามที่ผ่านคุณค่าของกาลเวลา
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 19
ผมเป็นแค่นักลงทุนบ้านๆครับ
ผมเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา
โชคดีที่ผมมีโอกาสได้เรียนกับพี่มน โชคดีที่ผมได้อ่านหนังสือดีๆหลายเล่ม
เมื่อวานมีน้องมาถามว่า ดัชนีแพงไปไหมเพ่
คำถามเดิมเหมือนเมื่อ4ปีก่อนเลยครับ
ผมถามไปว่า เค้าทำอะไรกับหุ้นในพอร์ตไปบ้าง
คำตอบคือเค้าคันมือ เค้าทำกำไรหุ้นในพอร์ต
ผมบอกว่า มันไม่ผิดหรอกครับ
เค้าบอกว่าผิด เพราะหลังขายหุ้น หุ้นราคาขึ้นไปอีก
ผมบอกว่า เราควรเขียนเหตุผลที่เราซื้อ หรือขาย
แล้วเรียนรู้กับสิ่งนั้นๆ
ไม่เห็นผิดเลยที่เราขายหุ้น เหตุผลที่ขายสำคัญกว่า
Master of investor always do wrong, but they will mention and learn these.
โอกาสในตลาดหุ้นมีอยู่เสมอครับ
เพียงแต่เราให้โอกาสกับตัวเราเองไหม
ผมเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา
โชคดีที่ผมมีโอกาสได้เรียนกับพี่มน โชคดีที่ผมได้อ่านหนังสือดีๆหลายเล่ม
เมื่อวานมีน้องมาถามว่า ดัชนีแพงไปไหมเพ่
คำถามเดิมเหมือนเมื่อ4ปีก่อนเลยครับ
ผมถามไปว่า เค้าทำอะไรกับหุ้นในพอร์ตไปบ้าง
คำตอบคือเค้าคันมือ เค้าทำกำไรหุ้นในพอร์ต
ผมบอกว่า มันไม่ผิดหรอกครับ
เค้าบอกว่าผิด เพราะหลังขายหุ้น หุ้นราคาขึ้นไปอีก
ผมบอกว่า เราควรเขียนเหตุผลที่เราซื้อ หรือขาย
แล้วเรียนรู้กับสิ่งนั้นๆ
ไม่เห็นผิดเลยที่เราขายหุ้น เหตุผลที่ขายสำคัญกว่า
Master of investor always do wrong, but they will mention and learn these.
โอกาสในตลาดหุ้นมีอยู่เสมอครับ
เพียงแต่เราให้โอกาสกับตัวเราเองไหม
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
- Simply
- Verified User
- โพสต์: 150
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 20
ขอบคุณมากเลยครับที่เขียนกระทู้นี้ขึ้นมา....ช่วงนี้ผมก็เริ่มออกอาการ ถามตัวเองว่าทำไมการเป็นVIมันถึงลำบากขนาดนี้ ในเวลาตลาดหุ้นมันวิ่งซะฝุ่นตลบ วิ่งอย่างไม่ต้องมีเหตุผลอะไรมารับรอง หรือมีเหตุผลแบบที่ฟังแล้วเราไหนไม่เข้าใจ แต่คนอื่นเขาพยักหน้า งึกๆกัน แล้วชูมือ เย้ๆว่าลุย! เรายังนั่งงงๆ งงว่าเขาทำอะไรกัน งงว่าคนอื่นลุกวิ่งกัน เราไหนไม่ยอมลุกบ้าง ผมเคยเห็นแต่ตลาดยามซบเซา พอมาเห็นตลาดคึกคักแล้วต๊กกะใจ ทำอะไรไม่ถูก เกือบจะเฮโลไปกับเขาอย่างน้อยวันละสองสามครั้ง เขาเอาตัวเลขมาให้ดูว่า นี่ไงเทรดวันๆหนึ่งได้ตังค์ขนาดนี้ มามะมาเข้าแก๊งค์กันไปเทรดกันให้สนั่นโลก เพื่อนผมชักชวนเกือบทุกวัน แถมรับประกันว่า ตลาดมันยังวิ่งไปอีกหลาย โน่นถึงปลายปีโน่นได้เห็น1700 1800 หรือ 2000
...ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทดสอบจิตสำนึกของการเป็นVIอย่างแท้จริง ปาดเหงื่อหลายรอบ!!!
...ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยเข้ามาตอกย้ำจิตสำนึกของVI อาการร้อนรนของผมบรรเทาไปเยอะเลยครับหลังอ่านกระทู้นี้
...ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทดสอบจิตสำนึกของการเป็นVIอย่างแท้จริง ปาดเหงื่อหลายรอบ!!!
...ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยเข้ามาตอกย้ำจิตสำนึกของVI อาการร้อนรนของผมบรรเทาไปเยอะเลยครับหลังอ่านกระทู้นี้
Margin Of Safety+Intrinsic Value+Mr.Market
ขอบคุณอ.เกรแฮมที่ทำให้เกิด Value Investing
ขอบคุณบรรดาเหล่าVIทั้งหลายที่พิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของVI
ขอบคุณท่านดร.นิเวศน์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าVIใช้ได้กับบ้านเรา
ขอบคุณอ.เกรแฮมที่ทำให้เกิด Value Investing
ขอบคุณบรรดาเหล่าVIทั้งหลายที่พิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของVI
ขอบคุณท่านดร.นิเวศน์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าVIใช้ได้กับบ้านเรา
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 21
ผมชอบเพลง ร่มสีเทา ของ วง วัชราวลี มากๆครับ
ฟังทีไรรู้สึกดีทุกครั้งครับ
ฝันดีครับผม ^__^
ฟังทีไรรู้สึกดีทุกครั้งครับ
ฝันดีครับผม ^__^
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 22
ดีใจที่มีคนอ่านครับ
เข้ามาคุยกัน ได้ร์กัน สนุกดีนะครับ
ผมว่า การลงทุน สนุกตรงที่ มันเป็นศิลปะครับ
เราวาดรูปได้ไม่สวยในวันนี้ พรุ่งนี้เราก็วาดใหม่ได้ครับ
เข้ามาคุยกัน ได้ร์กัน สนุกดีนะครับ
ผมว่า การลงทุน สนุกตรงที่ มันเป็นศิลปะครับ
เราวาดรูปได้ไม่สวยในวันนี้ พรุ่งนี้เราก็วาดใหม่ได้ครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 24
เบลอจัดครับ ><noooon010 เขียน:ดีใจที่มีคนอ่านครับ
เข้ามาคุยกัน ได้ร์กัน สนุกดีนะครับ
ผมว่า การลงทุน สนุกตรงที่ มันเป็นศิลปะครับ
เราวาดรูปได้ไม่สวยในวันนี้ พรุ่งนี้เราก็วาดใหม่ได้ครับ
จะเขียนว่า แชร์กัน ครับ
ตอนผมเริ่มลงทุน และในหลายๆเวลาทุกวันนี้ Mr.Market ทำให้เราไขว้เขว
จนดึงความสนใจของเราไปสู่จุดที่ไม่ใช่สาระสำคัญที่เราควรจะให้ความสำคัญครับ
จริงๆเขียนแล้วก็เป็นการเตือนสติตนเองด้วยครับ ^^
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 513
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 25
สวัสดีครับคุณหมอ
เรื่องวินัยของการลงทุนนี่สำคัญจริงๆครับ
แต่ก็เป็นเรื่องยากจริงๆครับ ในการตีความหมาย
เมื่อก่อนเราตั้งค่าวินัยของเราเอาไว้ที่peประมาณ10-15เท่า pe/gไม่เกิน1
ปันผลไม่ต่ำกว่า5%
แต่เดี๋ยวนี้กวาดตามองดูในตลาด ถ้าเป็นหุ้นคุณภาพ อย่างกลุ่มค้าปลีก รพ. ร้านอาหาร
PE ปาเข้าไป30-40เท่า กว่า50เท่าก็มีบ้าง ถึงคุณภาพกิจการจะชัวร์ คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการได้ไม่ยาก แต่ราคาตลาดมันยากแก่การทำใจลงทุนจริงๆ ราคาปัจจุบันมันไปรับผลประกอบการล่วงหน้า2-3ปีแล้ว
ทีนี้อาจจะมีคนบอกว่า งั้นก็อยู่เฉยๆหรือลงทุนหมวดอื่น เผอิญว่าไม่อยากเล่นในเกมส์ที่ตัวเองไม่ถนัด เคยลองมาแล้ว ทำใจไม่ได้ ไอ้ครั้นจะอยู่เฉยๆ กลับกลายเป็นเสียโอกาสหลายครั้ง
เพราะกลุ่มที่ถนัดมันแพงขึ้นตลอด3-4ปีมานี้ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจะแพงไปถึงเท่าไหร่ เคยกัดฟันซื้อค้าปลีกตัวนึงตอนpe 30เท่า ก็ยอมหย่อนๆกฎเกณฑ์ลงมา สุดท้ายก็ไม่ได้เห็นราคานั้นอีกเลย
เห็นมั้ยครับ จากตัวอย่างข้างต้น เหมือนเราตกอยู่ท่ามกลางกับดักแห่งวินัย
ยอมรับตรงๆครับว่า ลงทุนตอนนี้เหนื่อยใจสุดๆ
หลังๆผมอาศัยการมองภาพการลงทุนระยะยาวมากๆ ระดับ5-10ปี ซึ่งมันคือno man land ในบทความของคุณสุมาอี้มาช่วยในการตัดสินใจ ก็พอช่วยได้ในระดับนึงครับ
ขอบคุณครับสำหรับบทความ
เรื่องวินัยของการลงทุนนี่สำคัญจริงๆครับ
แต่ก็เป็นเรื่องยากจริงๆครับ ในการตีความหมาย
เมื่อก่อนเราตั้งค่าวินัยของเราเอาไว้ที่peประมาณ10-15เท่า pe/gไม่เกิน1
ปันผลไม่ต่ำกว่า5%
แต่เดี๋ยวนี้กวาดตามองดูในตลาด ถ้าเป็นหุ้นคุณภาพ อย่างกลุ่มค้าปลีก รพ. ร้านอาหาร
PE ปาเข้าไป30-40เท่า กว่า50เท่าก็มีบ้าง ถึงคุณภาพกิจการจะชัวร์ คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการได้ไม่ยาก แต่ราคาตลาดมันยากแก่การทำใจลงทุนจริงๆ ราคาปัจจุบันมันไปรับผลประกอบการล่วงหน้า2-3ปีแล้ว
ทีนี้อาจจะมีคนบอกว่า งั้นก็อยู่เฉยๆหรือลงทุนหมวดอื่น เผอิญว่าไม่อยากเล่นในเกมส์ที่ตัวเองไม่ถนัด เคยลองมาแล้ว ทำใจไม่ได้ ไอ้ครั้นจะอยู่เฉยๆ กลับกลายเป็นเสียโอกาสหลายครั้ง
เพราะกลุ่มที่ถนัดมันแพงขึ้นตลอด3-4ปีมานี้ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจะแพงไปถึงเท่าไหร่ เคยกัดฟันซื้อค้าปลีกตัวนึงตอนpe 30เท่า ก็ยอมหย่อนๆกฎเกณฑ์ลงมา สุดท้ายก็ไม่ได้เห็นราคานั้นอีกเลย
เห็นมั้ยครับ จากตัวอย่างข้างต้น เหมือนเราตกอยู่ท่ามกลางกับดักแห่งวินัย
ยอมรับตรงๆครับว่า ลงทุนตอนนี้เหนื่อยใจสุดๆ
หลังๆผมอาศัยการมองภาพการลงทุนระยะยาวมากๆ ระดับ5-10ปี ซึ่งมันคือno man land ในบทความของคุณสุมาอี้มาช่วยในการตัดสินใจ ก็พอช่วยได้ในระดับนึงครับ
ขอบคุณครับสำหรับบทความ
ได้เวลาเหล่าอินทรีย์ ผงาดบนฟากฟ้า
- Simply
- Verified User
- โพสต์: 150
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 26
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆที่เช้านี้ได้นั่งดูหนังญี่ปุ่นซีรี่ย์เรื่องสงครามชีวิต อิคิ ตอน๖ ทางไทยพีบีเอส....ได้เห็นเลยว่า เมื่อเรารวบรวมข้อมูลและเห็นว่าสงครามตะวันออกกลางจะเกิดขึ้น ความมั่นใจตรงนี้ทำให้อิคิสั่งให้กว้านซื้อเรือเดินทะเลไว้ ซื้อข้าว ซื้อยาง ซื้อน้ำตาลดักไว้ จากการวิเคราะห์อย่างรัดกุม ทำให้คาดการณ์ว่าสงครามจะเกิดขึ้นเพียง 10 วันและอิสราเอลจะชนะ เมื่อสงครามเกิดขึ้นจริง ราคาสินค้าต่างๆก็ต่างถีบตัวขึ้น ผู้คนต่างกันแย่งให้ราคากว้่านซื้อของ ในขณะที่อิคิกลับอยู่เฉยๆแล้วรอขายทุกอย่างในวันที่สองของสงคราม เพราะจากการคาดการณ์เป็นวันที่ราคาของสินค้าจะสูงสุด ในยามที่บริษัทและสำนักข่าวต่างประโคมข่าวว่า สงครามจะยืดเยื้อเป็นปี ราคาข้าวพุ่งขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ อิคิเทขายของที่กักตุนทุกอย่าง ไม่ว่าเรือเดินทะเล ข้าว ยาง น้ำตาล ขายหมดหน้าตัก กวดกำไรไปหลายพันล้านเยน ในขณะที่บริษัทคู่แข่งกวาดซื้อสินค้าทุกอย่าง ในที่สุดสงครามจบลงในวันที่5และอิสราเอลก็ชนะสงคราม.....
...เห็นอะไรบ้างในหนังเรื่องนี้
...ผมเห็นว่า เมื่อเรานั่งวิเคราะห์ข้อมูลทุกอย่างอย่างรัดกุมแล้ว ไม่ว่าคนอื่นจะว่ายังไง เสียงข่าวจะป่าวประโคมสวนทางกับสิ่งที่เราคาดการณ์ยังไง เราควรเชื่อมั่นในสิ่งที่เราวิเคราะห์มาอย่างดี และเดินตามแผนที่วางไว้. ในหนังฉายให้เห็นใบหน้าของคู่แข่งที่หัวเราะเยาะ ใบหน้าของพระเอกที่พยายามข่มใจไม่ให้หวั่นไหวกับสถานการณ์ที่อ่อนไหว รับคำสบประมาทของนักข่าวที่มองว่าเขามองผิด...ผมรู้สึกไม่ต่างจากอารมณ์ของตัวเองในตอนนี้เลย อารมณ์ของVIที่คิดว่า ช่วงที่ตลาดวิ่งกันฝุ่นตลบ เรากลับไม่ได้อะไรติดไม้ติดมืออย่างคนอื่น ได้แต่กอดเงินสดไว้ เพราะเรามองไม่ออกว่าอะไรไม่เสี่ยงและคุ้มพอจะลงทุน นั่งฟังเสียงหัวเราะของคนที่กำเงินออกจากตลาดหุ้นในแต่ละวัน
ที่ทำได้ทุกครั้งที่ใจมันเริ่มเขวและหวั่นไหวคือ กลับมาทบทวนสิ่งที่ตัวเองคาดการณ์ ว่าเรากำลังมองอะไรผิดไป เรากำลังเข้าใจอะไรผิดไป เรามองข้ามอะไรไป หากไม่พบ เราก็ควรรักษาวินัยในการลงทุนของเราต่อไป....
Margin Of Safety+Intrinsic Value+Mr.Market
ขอบคุณอ.เกรแฮมที่ทำให้เกิด Value Investing
ขอบคุณบรรดาเหล่าVIทั้งหลายที่พิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของVI
ขอบคุณท่านดร.นิเวศน์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าVIใช้ได้กับบ้านเรา
ขอบคุณอ.เกรแฮมที่ทำให้เกิด Value Investing
ขอบคุณบรรดาเหล่าVIทั้งหลายที่พิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของVI
ขอบคุณท่านดร.นิเวศน์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าVIใช้ได้กับบ้านเรา
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 27
หลายครั้งผมตกหลุมเรื่อง P/E จนทำให้เราพลาดโอกาสการลงทุนครับอินทรีย์ทองแดง เขียน:สวัสดีครับคุณหมอ
เรื่องวินัยของการลงทุนนี่สำคัญจริงๆครับ
แต่ก็เป็นเรื่องยากจริงๆครับ ในการตีความหมาย
เมื่อก่อนเราตั้งค่าวินัยของเราเอาไว้ที่peประมาณ10-15เท่า pe/gไม่เกิน1
ปันผลไม่ต่ำกว่า5%
แต่เดี๋ยวนี้กวาดตามองดูในตลาด ถ้าเป็นหุ้นคุณภาพ อย่างกลุ่มค้าปลีก รพ. ร้านอาหาร
PE ปาเข้าไป30-40เท่า กว่า50เท่าก็มีบ้าง ถึงคุณภาพกิจการจะชัวร์ คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการได้ไม่ยาก แต่ราคาตลาดมันยากแก่การทำใจลงทุนจริงๆ ราคาปัจจุบันมันไปรับผลประกอบการล่วงหน้า2-3ปีแล้ว
ทีนี้อาจจะมีคนบอกว่า งั้นก็อยู่เฉยๆหรือลงทุนหมวดอื่น เผอิญว่าไม่อยากเล่นในเกมส์ที่ตัวเองไม่ถนัด เคยลองมาแล้ว ทำใจไม่ได้ ไอ้ครั้นจะอยู่เฉยๆ กลับกลายเป็นเสียโอกาสหลายครั้ง
เพราะกลุ่มที่ถนัดมันแพงขึ้นตลอด3-4ปีมานี้ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจะแพงไปถึงเท่าไหร่ เคยกัดฟันซื้อค้าปลีกตัวนึงตอนpe 30เท่า ก็ยอมหย่อนๆกฎเกณฑ์ลงมา สุดท้ายก็ไม่ได้เห็นราคานั้นอีกเลย
เห็นมั้ยครับ จากตัวอย่างข้างต้น เหมือนเราตกอยู่ท่ามกลางกับดักแห่งวินัย
ยอมรับตรงๆครับว่า ลงทุนตอนนี้เหนื่อยใจสุดๆ
หลังๆผมอาศัยการมองภาพการลงทุนระยะยาวมากๆ ระดับ5-10ปี ซึ่งมันคือno man land ในบทความของคุณสุมาอี้มาช่วยในการตัดสินใจ ก็พอช่วยได้ในระดับนึงครับ
ขอบคุณครับสำหรับบทความ
บางครั้ง P/E ที่แพง เพราะกำไรก่อนหน้านี้ยังน้อยเกินไป แต่พอบริษัทเปลี่ยนแปลงการทำกิจการ แล้วทำให้กำไร(ภายภาคหน้า)ปูดขึ้นมา พอเวลาผ่านไป หุ้นกลับแพงขึ้นกว่าเดิม แต่ p/e กลับถูกลงครับ
ลองหาบทความเรื่อง ข้อจำกัดของ p/e มาอ่านดูนะครับ ผมเคยอ่านในหนังสือ วัดมูลค่าหุ้นของพี่โจ๊ก ครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 28
C__ ถูกกล่าวว่า เป็นหุ้นตัวหนึ่งที่มี p/e แพงมาก
แพงตั้งแต่ 18 บาทแล้วครับ มาตอนนี้ก็แพงอยู่ (มากกว่า 80 บาท)
แล้วทำไมคนถึงซื้อหุ้นนี้กัน
หลายครั้งเค้าพบโอกาสในการลงทุนบางอย่าง(มั้งครับ คือไม่อยากเขียนเยอะเดี๋ยวกลายเป็นเชียร์หุ้น)
หุ้นส่วนใหญ่ที่ทำกำไรให้นักลงทุนมากๆ คือหุ้นที่เปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกิจ หรือมี innovation อะไรสักอย่างครับ
ผมว่า Apple นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีของหุ้นดังกล่าวนะครับ
แพงตั้งแต่ 18 บาทแล้วครับ มาตอนนี้ก็แพงอยู่ (มากกว่า 80 บาท)
แล้วทำไมคนถึงซื้อหุ้นนี้กัน
หลายครั้งเค้าพบโอกาสในการลงทุนบางอย่าง(มั้งครับ คือไม่อยากเขียนเยอะเดี๋ยวกลายเป็นเชียร์หุ้น)
หุ้นส่วนใหญ่ที่ทำกำไรให้นักลงทุนมากๆ คือหุ้นที่เปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกิจ หรือมี innovation อะไรสักอย่างครับ
ผมว่า Apple นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีของหุ้นดังกล่าวนะครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 9
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 29
ขอบคุณครับ
เริ่มต้นด้วยการหาความรู้ ไม่ใช่เริ่มต้นด้วยเงิน
- dino
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1286
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วินัยการลงทุน
โพสต์ที่ 30
อิอิ พอดีมะกี้ผมออกความเห็นในอีกกระทู้นึง
แต่ผมว่าน่าจะเหมาะกะกระทู้นี้มากกว่าครับ อิอิ
อิอิ เคยเห็นม้าแข่งมั้ยครับ
เขาว่ากันว่าตาม้าจะอยู่ข้างๆใบหน้า ทำให้ม้ามองเห็นกว่า270องศา
ถ้าปล่อยตามธรรมชาติก็จะมีชีวิตอย่างสวยงาม แต่...
เมื่อมาเป็นม้าแข่ง ต้องวิ่งเข้าเส้นชัยให้เร็วที่สุด
ถ้าม้าแข่งมองเห็นเหมือนปกติ ก็จะไม่มีสมาธิลอกแลกออกนอกลู่นอกทางไป
เจ้าของม้าเลยมีหน้ากากมาให้ใส่ เพื่อให้ม้าแข่งมองเฉพาะทางวิ่งแข่งข้างหน้าเท่านั้น
ม้าแข่งจึงวิ่งไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว แล้วเข้าเส้นชัยเร็วที่สุดเท่าที่เท้าจะวิ่งไปได้
เออ แล้วเกี่ยวไรกะ VI หละเนี่ยยย อิอิ
คือว่าเราอาจจะลืมไปบ้างว่าเรามีแนวทาง แนวVI ไงครับ
แนวทางที่จะนำพาม้าตัวนี้เข้าสู่เส้นชัย
อย่าลืมนะครับ สภาพตลาดไม่เกี่ยวกับผลประกอบการครับ
ลองนึกถึงแนวทางที่เราควรจะยึด แล้วเดินไปตามนั้นสิครับ อิอิ
อย่างที่ผมยึดไว้และนึกถึงอยู่เสมอเวลาจะซื้อหรือขายหุ้น
เพราะในแนวทางทั้ง 5ข้อ ไม่มีพูดถึงตลาดหุ้นเลยครับ
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
.....................................วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
แต่ผมว่าน่าจะเหมาะกะกระทู้นี้มากกว่าครับ อิอิ
อิอิ เคยเห็นม้าแข่งมั้ยครับ
เขาว่ากันว่าตาม้าจะอยู่ข้างๆใบหน้า ทำให้ม้ามองเห็นกว่า270องศา
ถ้าปล่อยตามธรรมชาติก็จะมีชีวิตอย่างสวยงาม แต่...
เมื่อมาเป็นม้าแข่ง ต้องวิ่งเข้าเส้นชัยให้เร็วที่สุด
ถ้าม้าแข่งมองเห็นเหมือนปกติ ก็จะไม่มีสมาธิลอกแลกออกนอกลู่นอกทางไป
เจ้าของม้าเลยมีหน้ากากมาให้ใส่ เพื่อให้ม้าแข่งมองเฉพาะทางวิ่งแข่งข้างหน้าเท่านั้น
ม้าแข่งจึงวิ่งไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว แล้วเข้าเส้นชัยเร็วที่สุดเท่าที่เท้าจะวิ่งไปได้
เออ แล้วเกี่ยวไรกะ VI หละเนี่ยยย อิอิ
คือว่าเราอาจจะลืมไปบ้างว่าเรามีแนวทาง แนวVI ไงครับ
แนวทางที่จะนำพาม้าตัวนี้เข้าสู่เส้นชัย
อย่าลืมนะครับ สภาพตลาดไม่เกี่ยวกับผลประกอบการครับ
ลองนึกถึงแนวทางที่เราควรจะยึด แล้วเดินไปตามนั้นสิครับ อิอิ
อย่างที่ผมยึดไว้และนึกถึงอยู่เสมอเวลาจะซื้อหรือขายหุ้น
เพราะในแนวทางทั้ง 5ข้อ ไม่มีพูดถึงตลาดหุ้นเลยครับ
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
.....................................วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์