สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 1
คือผมสงสัยในตำราที่ได้เรียน ได้อ่านมาครับ ว่า vi จะประเมินราคาที่เหมาะสม แล้วซื้อที่ราคาต่ำ
กว่าที่ประเมินได้(มีmos) แต่เวลาขายผมกลับเจอ 2 แบบครับ คือ
1.ขายเมื่อราคาเต็มหรือเกินมูลค่าของหุ้นไปแล้ว ก็คือมากกว่าที่เราประเมินไว้ กับ
2.ขายเมื่อปัจจัยต่างๆในตัวธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่ต้องสนใจราคาที่วิ่งขึ้นมา
ผมเลยสงสัยว่า 2 ทฤษฎีนี้มันขัดแย้งกันหนะครับ แล้วช่วงนี้หุ้นก็ขึ้นเกินมูลค่าดีจริงๆ
และมีหลายคนเริ่มลังเลว่าจะขายไม่ขายดี(รวมผมด้วย...^^) เลยอยากจะให้พี่ที่ผ่านร้อน
ผ่านหนาวในหนทางของvi มาแล้วได้พูดถึง 2 ทฤษฎีนี้ให้เด็กใหม่อย่างผมและอีกหลายๆ
ได้เข้าใจและนำไปศึกษาหาแนวทางของตนเองต่อๆไปครับ ขอความกรุณาด้วยครับ
ขอบคุณครับ...^^)
กว่าที่ประเมินได้(มีmos) แต่เวลาขายผมกลับเจอ 2 แบบครับ คือ
1.ขายเมื่อราคาเต็มหรือเกินมูลค่าของหุ้นไปแล้ว ก็คือมากกว่าที่เราประเมินไว้ กับ
2.ขายเมื่อปัจจัยต่างๆในตัวธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่ต้องสนใจราคาที่วิ่งขึ้นมา
ผมเลยสงสัยว่า 2 ทฤษฎีนี้มันขัดแย้งกันหนะครับ แล้วช่วงนี้หุ้นก็ขึ้นเกินมูลค่าดีจริงๆ
และมีหลายคนเริ่มลังเลว่าจะขายไม่ขายดี(รวมผมด้วย...^^) เลยอยากจะให้พี่ที่ผ่านร้อน
ผ่านหนาวในหนทางของvi มาแล้วได้พูดถึง 2 ทฤษฎีนี้ให้เด็กใหม่อย่างผมและอีกหลายๆ
ได้เข้าใจและนำไปศึกษาหาแนวทางของตนเองต่อๆไปครับ ขอความกรุณาด้วยครับ
ขอบคุณครับ...^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 3
คือAleAle เขียน:มันขัดแย้งยังไงเหรอครับ ช่วยขยายความเพิ่มอีกนิดนึงได้ไหมครับ
สมมติเราประเมินราคาหุ้น A ได้ที่ 10 บาท แต่ราคาตลาดเสนอขายที่ 5 บาท มี mos อยู่
50% เราจึงได้ซื้อมา แล้วราคาหุ้นมันวิ่งเหมือนกับตลาดในปัจจุบันนี้ วิ่งไปที่ 20 บาท(เอาเว่อร์ๆเลยละกัน...^^)
ผมก็เกิดความคิดขัดแย้ง 2 ข้อคือ
1.จะขายเพราะราคาวิ่งมาเกินมูลค่าที่เราประเมินไว้ไปมากแล้ว หรือ
2.จะขายเพราะปัจจัยทางธุรกิจมันเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงเท่านั้น ไม่สนใจราคาที่ขึ้นมาหนะครับ
คือ จากข้อ 1 เมื่อมันวิ่งไปเกินมูลค่าของมัน มันก็จะต้องวิ่งลงกลับมาในราคาที่
เหมาะสม เราเลยน่าจะขายไปก่อนแล้วกลับมาซื้อคืนเมื่อราคามันกลับลงมาจริงหรือไม่?
หรือ จากข้อ 2 เมื่อธุรกิจไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง เราก็ไม่เห็นจำเป็น
ต้องขาย เพราะเมื่อมันเป็นธุรกิจที่ดี กำไรเติบโต ราคาหุ้นก็จะค่อยๆขยับขึ้นไปเรื่อยๆ
เองแบบนี้ใช่หรือเปล่าครับ??
สับสนๆ....-_-??)
- BeSmile
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1178
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 4
mos ที่ผมเข้าใจคือ ถ้าราคาตลาด 5 บาท ถ้าผมซื้อได้ที่ 4 บาท มี mos ประมาณ 20%Plant เขียน:คือAleAle เขียน:มันขัดแย้งยังไงเหรอครับ ช่วยขยายความเพิ่มอีกนิดนึงได้ไหมครับ
สมมติเราประเมินราคาหุ้น A ได้ที่ 10 บาท แต่ราคาตลาดเสนอขายที่ 5 บาท มี mos อยู่
50% เราจึงได้ซื้อมา แล้วราคาหุ้นมันวิ่งเหมือนกับตลาดในปัจจุบันนี้ วิ่งไปที่ 20 บาท(เอาเว่อร์ๆเลยละกัน...^^)
ผมก็เกิดความคิดขัดแย้ง 2 ข้อคือ
1.จะขายเพราะราคาวิ่งมาเกินมูลค่าที่เราประเมินไว้ไปมากแล้ว หรือ
2.จะขายเพราะปัจจัยทางธุรกิจมันเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงเท่านั้น ไม่สนใจราคาที่ขึ้นมาหนะครับ
...
สับสนๆ....-_-??)
ส่วน Upside ถ้าซื้อที่ 5 บาท คือ 100% ที่ราคาเป้าหมาย 10 บาท
ข้อ 1 ถ้าประเมิน 10 บาท ผมคงขายไปแถว 10-12 บาทแล้ว ให้คนที่ประเมิน 20 บาทมาซื้อไป
ข้อ 2 ถ้าปัจจัยเปลี่ยน ทำให้มูลค่าบริษัทเปลี่ยนไป ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน ก็คงขาย
ถ้าปัจจัยเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่าเดิม ก็ ประเมินเพื่อหามูลค่าใหม่
มีสติ - อย่าประมาทในการใช้ชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 571
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 5
การประเมินราคาที่เหมาะสมต้องมีการประเมินใหม่
ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยนะครับ เช่น
นโยบายรัฐด้านภาษี ด้าน boi หรือ แนวโน้มค่าเงิน
รวมทั้งการเติบโตของบริษัทหรือกิจการ ถ้าประเมินใหม่
แล้วราคาปัจจุบันยังสูงเกินไปมาก ก็อาจพิจารณาขาย
โดย let profit run ไปก่อน
โดยหลักการแล้ว ให้ซื้อเมื่อราคามีส่วนลด หลังจากนั้น
ให้ใส่ใจกับกิจการให้มาก ใส่ใจราคาให้น้อย ส่วนตัวผม
เองยังไหวไปกับราคาอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่มองว่ากิจการยังดี
ทำให้ขายหมู เป็นจุดที่ยังต้องปรับปรุงอีก
ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยนะครับ เช่น
นโยบายรัฐด้านภาษี ด้าน boi หรือ แนวโน้มค่าเงิน
รวมทั้งการเติบโตของบริษัทหรือกิจการ ถ้าประเมินใหม่
แล้วราคาปัจจุบันยังสูงเกินไปมาก ก็อาจพิจารณาขาย
โดย let profit run ไปก่อน
โดยหลักการแล้ว ให้ซื้อเมื่อราคามีส่วนลด หลังจากนั้น
ให้ใส่ใจกับกิจการให้มาก ใส่ใจราคาให้น้อย ส่วนตัวผม
เองยังไหวไปกับราคาอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่มองว่ากิจการยังดี
ทำให้ขายหมู เป็นจุดที่ยังต้องปรับปรุงอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 6
สำหรับข้าเจ้า เหตุผลที่ขายหุ้นก็คือ เหตุดีๆตอนที่เราซื้อหุ้น นั้นมันหมดไป
เช่นถ้าซื้อเพราะ ราคาถูกกว่ามูลค่ามาก พอเราค่าขึ้นเกินมูลค่ามากๆก็ขายแล้วไปหาตัวใหม่
หรือถ้าซื้อเพราะพื้นฐานที่ดีเยี่ยม เมื่อพื้นฐานเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง ก็ต้องขาย
เช่นถ้าซื้อเพราะ ราคาถูกกว่ามูลค่ามาก พอเราค่าขึ้นเกินมูลค่ามากๆก็ขายแล้วไปหาตัวใหม่
หรือถ้าซื้อเพราะพื้นฐานที่ดีเยี่ยม เมื่อพื้นฐานเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง ก็ต้องขาย
"ผมไม่ได้ลงทุนในหุ้นเพียงเพราะว่าผมต้องการเงินมากมาย
แต่มันเป็นความสนุกในการค้นหาบริษัทชั้นเยี่ยม
เฝ้าดูมันเติบโต และทำเงินให้เรา"
"เบื้องหลังของด้านหลัง ก็คือ ด้านหน้า"
แต่มันเป็นความสนุกในการค้นหาบริษัทชั้นเยี่ยม
เฝ้าดูมันเติบโต และทำเงินให้เรา"
"เบื้องหลังของด้านหลัง ก็คือ ด้านหน้า"
-
- Verified User
- โพสต์: 504
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 7
ขอยกคำพูดของ อ. Fisher นะครับ
“If the job has been correctly done when a common stock is purchased, the time to sell it is – almost never.”
บางเวลาหุ้นอาจจะ Overvalue ไปบ้างก็ไม่เป็นไรครับ
“If the job has been correctly done when a common stock is purchased, the time to sell it is – almost never.”
บางเวลาหุ้นอาจจะ Overvalue ไปบ้างก็ไม่เป็นไรครับ
ปัจจุบันขณะ
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 8
เห็นด้วยเรื่องแนวคิดของ Fisher 3 ข้อ
เกี่ยวกับการขายหุ้น
สำหรับกรณีหุ้นราคาเกินมูลค่าแล้วขาย
ส่วนตัวผมคิดว่ามันก่ำกึ่ง
และมีแนวโน้มว่าจะเป็นการเก็งกำไร
มากกว่าเป็นการลงทุน
เกี่ยวกับการขายหุ้น
สำหรับกรณีหุ้นราคาเกินมูลค่าแล้วขาย
ส่วนตัวผมคิดว่ามันก่ำกึ่ง
และมีแนวโน้มว่าจะเป็นการเก็งกำไร
มากกว่าเป็นการลงทุน
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 9
ระวังเรื่องปัจจัยต่างๆที่เราคิด มันเป็นเพียงอดีต หรือปัจจุบัน แต่ไม่เกิดขึ้นในอนาคต นะครับ
ยกตัวอย่างเช่น ตอน Central world ไฟไหม้
คนกลัวกันว่า ห้างจะไม่ได้รับเงินประกันคืน เพราะว่า ห้างไปทำประกันอัคคีภัย แต่ไม่แน่ใจว่า ครอบคลุมเรื่องก่อการร้ายหรือไม่
และยังต้องตีความเรื่องการก่อการร้ายอีกครับ
พอเวลาผ่านไป เท่าที่ผมอ่านดูจากรายงาน Q3 (ผมไม่ค่อยได้ตามข่าว ต้องขออภัยที่อาจไม่ update นะครับ)
ห้างก็ยังไม่ได้รับเงินประกัน
แต่ความรู้สึกแย่ๆที่มีต่อกิจการลดลง(กรณีเรื่องค่าประกันภัย)
และความรู้สึกดีๆที่มีต่อกิจการที่นักลงทุนมีให้มีมากขึ้น
ตลาดหุ้น sensitive ต่อเรื่องเหล่านี้มากพอสมควรครับ
หลายครั้งเวลาที่เราประเมินมูลค่ากิจการ"ได้คร่าวๆ" แต่พอมีข่าวอะไรเกิดขึ้น
การมองเห็น "อัตราการทำกำไรในอนาคตที่เรามีต่อกิจการนั้นๆ"จะเปลี่ยนไปครับ
หากใครใช้ DCF จะมีอยู่ factor หนึ่งที่เกี่ยวกับอัตราการ growth ของกิจการ
ส่วนใหญ่เวลาสับสนเกี่ยวกับข่าวต่างๆ
ผมสังเกตว่า ตนเองจะลงทุนได้ดี ถ้าหากออกห่างจากตลาด
แล้วคุมสติ พิจารณาว่า ปัจจัยดังกล่าวกระทบต่อ บ.ในระยะยาว(มว้าก)หรือเปล่า
อาจต้องฝืนทำอะไรที่แตกต่างจากสัญชาตญานบ้าง
แต่ผลตอบแทนที่ได้น่าจะคุ้มค่าครับ
ปล. อย่าลืมคืดไว้เสมอว่า ถ้าไม่เป็นแบบที่เราคิด เราจะมี plan B อย่างไรบ้างนะครับ
ค่อยๆเรียนรู้จักการลงทุนครับ
เพราะการเรียนรู้การลงทุน คือการเรียนรู้ตัวเราเองครับ
ยกตัวอย่างเช่น ตอน Central world ไฟไหม้
คนกลัวกันว่า ห้างจะไม่ได้รับเงินประกันคืน เพราะว่า ห้างไปทำประกันอัคคีภัย แต่ไม่แน่ใจว่า ครอบคลุมเรื่องก่อการร้ายหรือไม่
และยังต้องตีความเรื่องการก่อการร้ายอีกครับ
พอเวลาผ่านไป เท่าที่ผมอ่านดูจากรายงาน Q3 (ผมไม่ค่อยได้ตามข่าว ต้องขออภัยที่อาจไม่ update นะครับ)
ห้างก็ยังไม่ได้รับเงินประกัน
แต่ความรู้สึกแย่ๆที่มีต่อกิจการลดลง(กรณีเรื่องค่าประกันภัย)
และความรู้สึกดีๆที่มีต่อกิจการที่นักลงทุนมีให้มีมากขึ้น
ตลาดหุ้น sensitive ต่อเรื่องเหล่านี้มากพอสมควรครับ
หลายครั้งเวลาที่เราประเมินมูลค่ากิจการ"ได้คร่าวๆ" แต่พอมีข่าวอะไรเกิดขึ้น
การมองเห็น "อัตราการทำกำไรในอนาคตที่เรามีต่อกิจการนั้นๆ"จะเปลี่ยนไปครับ
หากใครใช้ DCF จะมีอยู่ factor หนึ่งที่เกี่ยวกับอัตราการ growth ของกิจการ
ส่วนใหญ่เวลาสับสนเกี่ยวกับข่าวต่างๆ
ผมสังเกตว่า ตนเองจะลงทุนได้ดี ถ้าหากออกห่างจากตลาด
แล้วคุมสติ พิจารณาว่า ปัจจัยดังกล่าวกระทบต่อ บ.ในระยะยาว(มว้าก)หรือเปล่า
อาจต้องฝืนทำอะไรที่แตกต่างจากสัญชาตญานบ้าง
แต่ผลตอบแทนที่ได้น่าจะคุ้มค่าครับ
ปล. อย่าลืมคืดไว้เสมอว่า ถ้าไม่เป็นแบบที่เราคิด เราจะมี plan B อย่างไรบ้างนะครับ
ค่อยๆเรียนรู้จักการลงทุนครับ
เพราะการเรียนรู้การลงทุน คือการเรียนรู้ตัวเราเองครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 10
ตรงจุดนี้ผมไม่เข้าใจครับ คุณ "BeSmile" คือถ้าราคาตลาดเสนอขายที่ 5 บาทBeSmile เขียน:mos ที่ผมเข้าใจคือ ถ้าราคาตลาด 5 บาท ถ้าผมซื้อได้ที่ 4 บาท มี mos ประมาณ 20%
เราก็ต้องซื้อที่ 5 บาทไม่ใช่หรือครับ แล้วเราจะซื้อที่ 4 บาทได้ยังไงอะครับ...-_-??)
แล้วหลังจากขายไปแล้วเป็นยังไงบ้างครับ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของคุณ "BeSmile"BeSmile เขียน:ข้อ 1 ถ้าประเมิน 10 บาท ผมคงขายไปแถว 10-12 บาทแล้ว ให้คนที่ประเมิน 20 บาทมาซื้อไป
ราคาปรับลงมาที่เราประเมิน หรือว่ามันวิ่งขึ้นไปแล้วไม่กลับมาเลยอะครับ
ถ้าปัจจัยเปลี่ยนไปทางด้านดี แล้วเราประเมินใหม่เรื่อยๆ มันก็จะกลายเป็นราคาที่เราคาดหวังใหม่เรื่อยๆเลยหรือเปล่าครับ เหมือนกับที่ผมเห็นโบรคต่างๆมักจะปรับราคาเป้าหมายBeSmile เขียน:ข้อ 2 ถ้าปัจจัยเปลี่ยน ทำให้มูลค่าบริษัทเปลี่ยนไป ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน ก็คงขาย
ถ้าปัจจัยเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่าเดิม ก็ ประเมินเพื่อหามูลค่าใหม่
เวลามีข่าวอะไรใหม่ๆใช่หรือไม่ครับ...-_-??)
ขอบคุณที่กรุณาตอบคำถามผมครับ....^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 11
นั่นแปลว่า หลังจากที่คุณ "dragonrider" ขายหุ้น ณ ราคาที่สูงกว่าราคาประเมินแล้วdragonrider เขียน:การประเมินราคาที่เหมาะสมต้องมีการประเมินใหม่
ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยนะครับ เช่น
นโยบายรัฐด้านภาษี ด้าน boi หรือ แนวโน้มค่าเงิน
รวมทั้งการเติบโตของบริษัทหรือกิจการ ถ้าประเมินใหม่
แล้วราคาปัจจุบันยังสูงเกินไปมาก ก็อาจพิจารณาขาย
โดย let profit run ไปก่อน
โดยหลักการแล้ว ให้ซื้อเมื่อราคามีส่วนลด หลังจากนั้น
ให้ใส่ใจกับกิจการให้มาก ใส่ใจราคาให้น้อย ส่วนตัวผม
เองยังไหวไปกับราคาอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่มองว่ากิจการยังดี
ทำให้ขายหมู เป็นจุดที่ยังต้องปรับปรุงอีก
หุ้นกลับขึ้นไปต่อ เลยกลายเป็นขายหมูใช่ไหมครับ แล้วหลังจากนั้นราคากลับมาที่เรา
เคยประเมินมูลค่าที่แท้จริงไว้ หรือว่ามันขึ้นแล้วไม่กลับมาเลยอะครับ
ขอบคุณครับ...^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 12
เมื่อเราขายแล้วไปหาตัวใหม่ จะเหมือนกับที่เขาบอกว่า "ขายหุ้นที่ดี แล้วไปซื้อหุ้นที่ไม่ดี"ReRedrum เขียน:สำหรับข้าเจ้า เหตุผลที่ขายหุ้นก็คือ เหตุดีๆตอนที่เราซื้อหุ้น นั้นมันหมดไป
เช่นถ้าซื้อเพราะ ราคาถูกกว่ามูลค่ามาก พอเราค่าขึ้นเกินมูลค่ามากๆก็ขายแล้วไปหาตัวใหม่
หรือถ้าซื้อเพราะพื้นฐานที่ดีเยี่ยม เมื่อพื้นฐานเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง ก็ต้องขาย
หรือเปล่าอะครับ คุณ "Reredrum" ได้เจอแบบนั้นหรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ...^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 13
ขอบคุณ คุณ "ลูกเต่า" ที่ยกคำพูดของ อ.Fisher มาครับ(แต่ผมต้องขอเวลาไปแปลลูกเต่า เขียน:ขอยกคำพูดของ อ. Fisher นะครับ
“If the job has been correctly done when a common stock is purchased, the time to sell it is – almost never.”
บางเวลาหุ้นอาจจะ Overvalue ไปบ้างก็ไม่เป็นไรครับ
ก่อน ภาษาอังกฤษผมไม่ค่อยแข็งแรงครับ...^^)
ผมเคยอ่านหนังสือ Common Stock เล่มแรก แต่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรครับ
เป็นเล่มภาษาไทยนะครับ...^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 14
รบกวนคุณ "ส.สลึง" บอกได้ไหมครับว่า แนวคิด 3ข้อนั้นมีอะไรบ้างหนะครับส.สลึง เขียน:เห็นด้วยเรื่องแนวคิดของ Fisher 3 ข้อ
เกี่ยวกับการขายหุ้น
สำหรับกรณีหุ้นราคาเกินมูลค่าแล้วขาย
ส่วนตัวผมคิดว่ามันก่ำกึ่ง
และมีแนวโน้มว่าจะเป็นการเก็งกำไร
มากกว่าเป็นการลงทุน
ผมเคยอ่านเจอว่านักลงทุนชาว VI ที่เป็นตำนานบางคนก็มีหลักการว่า
"เมื่อถึงจุดๆนึงก็สมควรขาย" หนะครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นชาลี มังเจอร์
ที่บอกกับ บัฟเฟตต์หนะครับ
(ถ้าผมจำผิดก็ช่วยแก้ด้วยนะครับ และขออภัยทุกๆท่านด้วยครับ...^^)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 518
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 15
[quote="Plant"]คือผมสงสัยในตำราที่ได้เรียน ได้อ่านมาครับ ว่า vi จะประเมินราคาที่เหมาะสม แล้วซื้อที่ราคาต่ำ
กว่าที่ประเมินได้(มีmos) แต่เวลาขายผมกลับเจอ 2 แบบครับ คือ
1.ขายเมื่อราคาเต็มหรือเกินมูลค่าของหุ้นไปแล้ว ก็คือมากกว่าที่เราประเมินไว้ กับ
2.ขายเมื่อปัจจัยต่างๆในตัวธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่ต้องสนใจราคาที่วิ่งขึ้นมา
ก็ไม่เห็นขัดแย้งเลยครับ ข้อ2ถ้าธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไปในทางแย่ลงแต่ราคาวิ่งขึ้นมาเราดูแล้วเกินมูลค่าหุ้นก็ขายซึ่งสอดคล้องกับข้อ1 แต่ถ้าข้อ1เราประเมินแล้วราคามันวิ่งเกินเราประเมิน ถ้ามีข่าวดีใหม่ๆออกมาซึ่งตอนเราประเมินครั้งแรกไม่อยู่ในปัจจัยการประเมินมูลค่าเราก็ปรับเป้าใหม่ได้แล้วก็ถือต่อ
กว่าที่ประเมินได้(มีmos) แต่เวลาขายผมกลับเจอ 2 แบบครับ คือ
1.ขายเมื่อราคาเต็มหรือเกินมูลค่าของหุ้นไปแล้ว ก็คือมากกว่าที่เราประเมินไว้ กับ
2.ขายเมื่อปัจจัยต่างๆในตัวธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่ต้องสนใจราคาที่วิ่งขึ้นมา
ก็ไม่เห็นขัดแย้งเลยครับ ข้อ2ถ้าธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไปในทางแย่ลงแต่ราคาวิ่งขึ้นมาเราดูแล้วเกินมูลค่าหุ้นก็ขายซึ่งสอดคล้องกับข้อ1 แต่ถ้าข้อ1เราประเมินแล้วราคามันวิ่งเกินเราประเมิน ถ้ามีข่าวดีใหม่ๆออกมาซึ่งตอนเราประเมินครั้งแรกไม่อยู่ในปัจจัยการประเมินมูลค่าเราก็ปรับเป้าใหม่ได้แล้วก็ถือต่อ
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 16
ขอบคุณ คุณ"noooon010" มากๆครับ นั่นจึงเป็นเหตุผลนึงที่เวลาผมคำนวนราคาหุ้นnoooon010 เขียน:ระวังเรื่องปัจจัยต่างๆที่เราคิด มันเป็นเพียงอดีต หรือปัจจุบัน แต่ไม่เกิดขึ้นในอนาคต นะครับ
ยกตัวอย่างเช่น ตอน Central world ไฟไหม้
คนกลัวกันว่า ห้างจะไม่ได้รับเงินประกันคืน เพราะว่า ห้างไปทำประกันอัคคีภัย แต่ไม่แน่ใจว่า ครอบคลุมเรื่องก่อการร้ายหรือไม่
และยังต้องตีความเรื่องการก่อการร้ายอีกครับ
พอเวลาผ่านไป เท่าที่ผมอ่านดูจากรายงาน Q3 (ผมไม่ค่อยได้ตามข่าว ต้องขออภัยที่อาจไม่ update นะครับ)
ห้างก็ยังไม่ได้รับเงินประกัน
แต่ความรู้สึกแย่ๆที่มีต่อกิจการลดลง(กรณีเรื่องค่าประกันภัย)
และความรู้สึกดีๆที่มีต่อกิจการที่นักลงทุนมีให้มีมากขึ้น
ตลาดหุ้น sensitive ต่อเรื่องเหล่านี้มากพอสมควรครับ
หลายครั้งเวลาที่เราประเมินมูลค่ากิจการ"ได้คร่าวๆ" แต่พอมีข่าวอะไรเกิดขึ้น
การมองเห็น "อัตราการทำกำไรในอนาคตที่เรามีต่อกิจการนั้นๆ"จะเปลี่ยนไปครับ
หากใครใช้ DCF จะมีอยู่ factor หนึ่งที่เกี่ยวกับอัตราการ growth ของกิจการ
ส่วนใหญ่เวลาสับสนเกี่ยวกับข่าวต่างๆ
ผมสังเกตว่า ตนเองจะลงทุนได้ดี ถ้าหากออกห่างจากตลาด
แล้วคุมสติ พิจารณาว่า ปัจจัยดังกล่าวกระทบต่อ บ.ในระยะยาว(มว้าก)หรือเปล่า
อาจต้องฝืนทำอะไรที่แตกต่างจากสัญชาตญานบ้าง
แต่ผลตอบแทนที่ได้น่าจะคุ้มค่าครับ
ปล. อย่าลืมคืดไว้เสมอว่า ถ้าไม่เป็นแบบที่เราคิด เราจะมี plan B อย่างไรบ้างนะครับ
ค่อยๆเรียนรู้จักการลงทุนครับ
เพราะการเรียนรู้การลงทุน คือการเรียนรู้ตัวเราเองครับ
ผมจะไม่ใช้กำไร growth มาคำนวน แต่ให้มันเป็น Mos แทน เพราะผมไม่รู้ว่าข่าวที่ออกมา
มีผลต่อบริษัทจริงหรือเปล่า แล้วถ้ามีมันมีมากน้อยแค่ไหนต่อกำไรของบริษัทหนะครับ
ผมจะศึกษา และเรียนรู้ตัวเองต่อไปครับ ขอบคุณครับ...^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 571
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 17
ใช่ครับไม่กลับลงมาเลยครับ หลายครั้งราคาวิ่งก่อน เพราะ บริษัทกำลังขยายต่อยอดธุรกิจPlant เขียน:นั่นแปลว่า หลังจากที่คุณ "dragonrider" ขายหุ้น ณ ราคาที่สูงกว่าราคาประเมินแล้วdragonrider เขียน:การประเมินราคาที่เหมาะสมต้องมีการประเมินใหม่
ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยนะครับ เช่น
นโยบายรัฐด้านภาษี ด้าน boi หรือ แนวโน้มค่าเงิน
รวมทั้งการเติบโตของบริษัทหรือกิจการ ถ้าประเมินใหม่
แล้วราคาปัจจุบันยังสูงเกินไปมาก ก็อาจพิจารณาขาย
โดย let profit run ไปก่อน
โดยหลักการแล้ว ให้ซื้อเมื่อราคามีส่วนลด หลังจากนั้น
ให้ใส่ใจกับกิจการให้มาก ใส่ใจราคาให้น้อย ส่วนตัวผม
เองยังไหวไปกับราคาอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่มองว่ากิจการยังดี
ทำให้ขายหมู เป็นจุดที่ยังต้องปรับปรุงอีก
หุ้นกลับขึ้นไปต่อ เลยกลายเป็นขายหมูใช่ไหมครับ แล้วหลังจากนั้นราคากลับมาที่เรา
เคยประเมินมูลค่าที่แท้จริงไว้ หรือว่ามันขึ้นแล้วไม่กลับมาเลยอะครับ
ขอบคุณครับ...^^)
แต่เราไม่ใช่วงในเราไม่รู้ว่า บริษัทกำลังทำอะไรอยู่ ราคาวิ่งไปสูงมาก สรุป สิ่งที่เราเห็นนั้น
เราอาจจะยังไม่รู้ทั้งหมด เพราะเราไม่ใช่ inside
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 18
ผมให้ความสำคัญกับข้อ1 คือเรื่องมูลค่าครับ
ผมจะถือหุ้นตัวที่ประเมินแล้วว่าราคายังไม่สะท้อนมูลค่าในอนาคต1-2ปีข้างหน้า
ส่วนข้อ2ผมจะเอาไว้ใช้กับหุ้นที่ทำให้มูลค่าในข้อ1ของผมผิดไปจากเดิม ในทางที่แย่ลง
เช่น หุ้น A ผมประเมินมูลค่าใน2ปีข้างหน้าได้ 10 บาท วันนี้ราคา 5 บาท ผมจะไม่ขายหุ้นAของผม
แต่วันดีคืนดี มีเหตุการณ์ที่ทำให้กำไรของธุรกิจแย่ลงมากจนทำให้มูลค่าที่ผมประเมินไว้ใน 2 ปีข้างหน้าเปลี่ยนไป
ผมก็จะใช้ข้อ2 ในการพิจารณาขายหุ้นของผมครับ
ผมจะถือหุ้นตัวที่ประเมินแล้วว่าราคายังไม่สะท้อนมูลค่าในอนาคต1-2ปีข้างหน้า
ส่วนข้อ2ผมจะเอาไว้ใช้กับหุ้นที่ทำให้มูลค่าในข้อ1ของผมผิดไปจากเดิม ในทางที่แย่ลง
เช่น หุ้น A ผมประเมินมูลค่าใน2ปีข้างหน้าได้ 10 บาท วันนี้ราคา 5 บาท ผมจะไม่ขายหุ้นAของผม
แต่วันดีคืนดี มีเหตุการณ์ที่ทำให้กำไรของธุรกิจแย่ลงมากจนทำให้มูลค่าที่ผมประเมินไว้ใน 2 ปีข้างหน้าเปลี่ยนไป
ผมก็จะใช้ข้อ2 ในการพิจารณาขายหุ้นของผมครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 172
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 19
ปัญหาคือเรื่องการประเมินมูลค่าที่แท้จริงไม่มีใครรู้จริงๆขนาดนั้นหรอกผมว่านะแค่คร่าวๆ ถ้าเราเลือกหุ้นได้ถูกตัวถูกเวลามันขึ้นมาในราคาที่คาดไว้ก็แสดงว่าเราคิดถูก(มั้ง)แต่ถ้านายตลาดจัดให้มากกว่าราคาที่เราประเมินไว้ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องรีบขายปล่อยกำไรให้ัมันวิ่งไปก่อนถึงแม้ว่าจะมีใครมองว่าเป็นการเก็งกำไรก็เหอะอิอิ ถ้าดูแล้วมันไปต่อไม่ไหวละดูตื้อๆก็ขายแค่นั้นเองสำหรับผมนะ ปล.ทำไมผมซื้อแล้วลงทุกทีเรยอิอิอิจฉาเด้
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 20
ขายหุ้นเมื่อ...Plant เขียน:รบกวนคุณ "ส.สลึง" บอกได้ไหมครับว่า แนวคิด 3ข้อนั้นมีอะไรบ้างหนะครับส.สลึง เขียน:เห็นด้วยเรื่องแนวคิดของ Fisher 3 ข้อ
เกี่ยวกับการขายหุ้น
สำหรับกรณีหุ้นราคาเกินมูลค่าแล้วขาย
ส่วนตัวผมคิดว่ามันก่ำกึ่ง
และมีแนวโน้มว่าจะเป็นการเก็งกำไร
มากกว่าเป็นการลงทุน
ผมเคยอ่านเจอว่านักลงทุนชาว VI ที่เป็นตำนานบางคนก็มีหลักการว่า
"เมื่อถึงจุดๆนึงก็สมควรขาย" หนะครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นชาลี มังเจอร์
ที่บอกกับ บัฟเฟตต์หนะครับ
(ถ้าผมจำผิดก็ช่วยแก้ด้วยนะครับ และขออภัยทุกๆท่านด้วยครับ...^^)
...พื้นฐานเปลี่ยนแบบเลวร้ายลง
...วิเคราะห์ผิด หุ้นที่เลือก ไม่ดีอย่างที่คิด
...มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า
มีผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เพิ่มข้อที่ 4
คือ ...เมื่อต้องการใช้เงิน
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
-
- Verified User
- โพสต์: 314
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 21
ขายเมื่อคิดว่ามันไม่เหลือ Value กับเราแล้ว ซึ่งแต่ละคนให้ Value ต่างกัน บางคนอยู่ที่ earning, บางคน dividend, บางคนบอกว่ามีร้อยหุ้นไว้ไปเอาตั๋วหนังฟรีตอนประชุมปีละครั้ง, บางคนบอกว่าลงทุนบริษัทนี้ได้บุญ, บางคนแค่เซียนมีอยากมีบ้าง (หน้ามืด) ฯลฯ
Price is what you pay, value is what you get.. Warren Buffett
Price is what you pay, value is what you get.. Warren Buffett
Invincible MOS is knowing what you're doing
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 22
1 มูลค่าที่ประเมินได้ไม่ได้มีค่าๆ เดียว
2 มูลค่าที่เอามาใช้คิด mos เป็นกรณี worst case ที่เอามาพิจารณาซื้อ
3 หลังจากซื้อในราคาที่มี mos ตามที่พอใจแล้ว upside ดป็นอีกเรื่องหนึ่งตามลักษณะของกิจการ
4 กิจการที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง ช่วงกำลังเติบโต มูลค่าที่เป็นไปได้มีความหลากหลายสูงมาก upside จะแปรผันไปตามอนาคตต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ทำให้กลยุทธ์ในการขายเน้นไปดูที่คุณภาพของกิจการ โดยไม่กำหนดจุดขายที่ชัดเจน
5 กิจการที่ stable หรือ mature แล้ว range ของราคาเป้าหมาย (upside) มีช่วงที่น้อยกว่าข้อ 4 ทำให้มูลค่กิจการไปขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด และทางเลือกในการลงทุน
2 มูลค่าที่เอามาใช้คิด mos เป็นกรณี worst case ที่เอามาพิจารณาซื้อ
3 หลังจากซื้อในราคาที่มี mos ตามที่พอใจแล้ว upside ดป็นอีกเรื่องหนึ่งตามลักษณะของกิจการ
4 กิจการที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง ช่วงกำลังเติบโต มูลค่าที่เป็นไปได้มีความหลากหลายสูงมาก upside จะแปรผันไปตามอนาคตต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ทำให้กลยุทธ์ในการขายเน้นไปดูที่คุณภาพของกิจการ โดยไม่กำหนดจุดขายที่ชัดเจน
5 กิจการที่ stable หรือ mature แล้ว range ของราคาเป้าหมาย (upside) มีช่วงที่น้อยกว่าข้อ 4 ทำให้มูลค่กิจการไปขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด และทางเลือกในการลงทุน
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 23
ไม่ขัดกันครับเพราะ ในการประเมินมูลค่าหุ้นก็จะเอาปัจจัยทางธุรกิจต่างๆ เข้ามาเป็นสมมติฐานของตัวแปรต่างๆ เช่นการเติบโตของยอดขาย อัตรากำไร ฯลฯ รวมถึงผลตอบแทนทีคาิดหวังด้วย ซึ่งมูลค่าหุ้นที่เราคำนวณเป็นตัวเลขก็จะสะท้อนราคาสูงสุดที่เราจะซื้อที่ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเท่ากับผลตอบแทนที่คาดหวังพอดี ยิ่งซื้อหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าเท่าไรก็ยิ่งได้ผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่า ผลตอบแทนที่คาดหวังเท่านั้นPlant เขียน:คือผมสงสัยในตำราที่ได้เรียน ได้อ่านมาครับ ว่า vi จะประเมินราคาที่เหมาะสม แล้วซื้อที่ราคาต่ำ
กว่าที่ประเมินได้(มีmos) แต่เวลาขายผมกลับเจอ 2 แบบครับ คือ
1.ขายเมื่อราคาเต็มหรือเกินมูลค่าของหุ้นไปแล้ว ก็คือมากกว่าที่เราประเมินไว้ กับ
2.ขายเมื่อปัจจัยต่างๆในตัวธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่ต้องสนใจราคาที่วิ่งขึ้นมา
ผมเลยสงสัยว่า 2 ทฤษฎีนี้มันขัดแย้งกันหนะครับ แล้วช่วงนี้หุ้นก็ขึ้นเกินมูลค่าดีจริงๆ
และมีหลายคนเริ่มลังเลว่าจะขายไม่ขายดี(รวมผมด้วย...^^) เลยอยากจะให้พี่ที่ผ่านร้อน
ผ่านหนาวในหนทางของvi มาแล้วได้พูดถึง 2 ทฤษฎีนี้ให้เด็กใหม่อย่างผมและอีกหลายๆ
ได้เข้าใจและนำไปศึกษาหาแนวทางของตนเองต่อๆไปครับ ขอความกรุณาด้วยครับ
ขอบคุณครับ...^^)
ในทางกลับกันถ้าราคาหุ้นมันสูงกว่ามูลค่ามากๆ คนที่มาซื้อใหม่ ถ้าปัจจัยทางธุรกิจเหมือนเดิมเขาก็จะได้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าผลตอบแทนที่คาดหวังก็จะไม่ซื้อ ซักราคาก็ลงมาที่มูลค่าที่แท้จริง ดังนั้นก็ขายไปซื้อกิจการที่ยังไม่สะท้อนดีฟ่า
เมื่อปัจจัยต่างๆในตัวธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไป ก็ทำให้มูลค่ากิจการเปลี่ยนไปด้วย จากหุ้นที่เราคิดว่าถูกจะกลายเป็นหุ้นแพงในทันที ก็ต้องโกยล่ะครับ
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 24
หมายความว่าให้เราย้อนกลับไปดูที่ตัวบริษัทใช่ไหมครับว่ากิจการยังดีอยู่หรือเปล่าถ้าไม่ดีก็ขายได้เลย แต่ถ้ายังดีอยู่และมีปัจจัยบวกเข้ามาเสริมเราก็ต้องประเมินGreen prince เขียน:ก็ไม่เห็นขัดแย้งเลยครับ ข้อ2ถ้าธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไปในทางแย่ลงแต่ราคาวิ่งขึ้นมาเราดูแล้วเกินมูลค่าหุ้นก็ขายซึ่งสอดคล้องกับข้อ1 แต่ถ้าข้อ1เราประเมินแล้วราคามันวิ่งเกินเราประเมิน ถ้ามีข่าวดีใหม่ๆออกมาซึ่งตอนเราประเมินครั้งแรกไม่อยู่ในปัจจัยการประเมินมูลค่าเราก็ปรับเป้าใหม่ได้แล้วก็ถือต่อ
มูลค่าให้กับหุ้นตัวนั้นใหม่ใช่ไหมครับ
ขอบคุณ คุณ "Green prince" มากๆครับ...^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 25
ถ้าเป็นแบบนั้น เมื่อราคาวิ่งขึ้นไปเราต้องไปดูว่ามีปัจจัยบวกอะไรหรือเปล่าที่ทำให้ราคาวิ่งด้วยใช่ไหมครับ ก่อนที่จะตัดสินใจขายหรือไม่ขายdragonrider เขียน:ใช่ครับไม่กลับลงมาเลยครับ หลายครั้งราคาวิ่งก่อน เพราะ บริษัทกำลังขยายต่อยอดธุรกิจ
แต่เราไม่ใช่วงในเราไม่รู้ว่า บริษัทกำลังทำอะไรอยู่ ราคาวิ่งไปสูงมาก สรุป สิ่งที่เราเห็นนั้น
เราอาจจะยังไม่รู้ทั้งหมด เพราะเราไม่ใช่ inside
อืม...เริ่มเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ ขอบคุณ คุณ "dragonrider" มากๆครับ....^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 26
แล้วถ้าเกิดหุ้นที่คุณ "saichon" ประเมินไว้ว่าอีก 2 ปีข้างหน้าจะเป็นราคา 10 บาท แต่ผ่านไป 6 เดือน แล้วมันsaichon เขียน:ผมให้ความสำคัญกับข้อ1 คือเรื่องมูลค่าครับ
ผมจะถือหุ้นตัวที่ประเมินแล้วว่าราคายังไม่สะท้อนมูลค่าในอนาคต1-2ปีข้างหน้า
ส่วนข้อ2ผมจะเอาไว้ใช้กับหุ้นที่ทำให้มูลค่าในข้อ1ของผมผิดไปจากเดิม ในทางที่แย่ลง
เช่น หุ้น A ผมประเมินมูลค่าใน2ปีข้างหน้าได้ 10 บาท วันนี้ราคา 5 บาท ผมจะไม่ขายหุ้นAของผม
แต่วันดีคืนดี มีเหตุการณ์ที่ทำให้กำไรของธุรกิจแย่ลงมากจนทำให้มูลค่าที่ผมประเมินไว้ใน 2 ปีข้างหน้าเปลี่ยนไป
ผมก็จะใช้ข้อ2 ในการพิจารณาขายหุ้นของผมครับ
วิ่งขึ้นไป 15 บาทแล้วละครับ จะตัดสินใจขายหรือถือต่ออะครับ แล้วด้วยเหตุผลอะไรอะครับ
ขอบคุณครับ....^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 27
Zolaa เขียน:ปัญหาคือเรื่องการประเมินมูลค่าที่แท้จริงไม่มีใครรู้จริงๆขนาดนั้นหรอกผมว่านะแค่คร่าวๆ ถ้าเราเลือกหุ้นได้ถูกตัวถูกเวลามันขึ้นมาในราคาที่คาดไว้ก็แสดงว่าเราคิดถูก(มั้ง)แต่ถ้านายตลาดจัดให้มากกว่าราคาที่เราประเมินไว้ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องรีบขายปล่อยกำไรให้ัมันวิ่งไปก่อนถึงแม้ว่าจะมีใครมองว่าเป็นการเก็งกำไรก็เหอะอิอิ ถ้าดูแล้วมันไปต่อไม่ไหวละดูตื้อๆก็ขายแค่นั้นเองสำหรับผมนะ ปล.ทำไมผมซื้อแล้วลงทุกทีเรยอิอิอิจฉาเด้
เหอๆ ขอบคุณ คุณ "Zolaa" ครับที่มาแชร์แนวการลงทุน แต่ผมซื้อหุ้นทีไรก็ลงทุกทีนะครับ ส่วนใหญ่จะลงเกิน 5% จากต้นทุนทุกที แต่แล้วมันก็วิ่งกลับมาบวกได้
ครับ...^^)
ปล.มีเพิ่งผ่านไป 1 อาทิตย์ที่แล้วนี่หละครับ ที่ผมซื้อมาตัวนึง ซื้อปุ๊บ อีกวันนึงขึ้นปั๊บเลย ต้องบอกว่าฟลุ๊ค!!! จริงๆครับ...^^) (เป็นหุ้น VI นะ ไม่ใช่หุ้นเก็งกำไร555+)
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 28
ขอบคุณมากครับ คุณ "ส.สลึง" ผมจำได้ว่าเคยอ่าน 3 ข้อนี้ผ่านตามาแล้วจากหนังสือ Common Stock แต่กลับลืมเลือนมันไปส.สลึง เขียน:ขายหุ้นเมื่อ...
...พื้นฐานเปลี่ยนแบบเลวร้ายลง
...วิเคราะห์ผิด หุ้นที่เลือก ไม่ดีอย่างที่คิด
...มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า
มีผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เพิ่มข้อที่ 4
คือ ...เมื่อต้องการใช้เงิน
ต้องขอบคุณที่ทำให้ผมระลึกได้อีกครั้งครับ...^^)
สำหรับผมผมเคยทำข้อ 2 กับข้อ 3 มาแล้วครับ ส่วนข้อ 1 ยังไม่เคยเจอครับ
อ้อ!! แล้วก็ข้อ 4 ที่เพิ่มเข้ามาผมก็เคยครับเป็นช่วงแรกๆที่เริ่มลงทุน พอดีรีบจะใช้เงิน แต่พอไปคุยกับโบรคว่าจะถอน
โบรคบอกว่าต้องมาเซ็นต์เอกสารถอนเงินออกด้วย ผมเลยไม่ได้ไปทำเพราะติดธุระหนะครับ(โบรคคนอื่นเหมือนของผมหรือเปล่านี่...T-T)
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 29
ความสามารถของผู้บริหารมีส่วนสำคัญมาก และประเมินไม่ได้ถูกต้องแท้จริง
กิจการที่มีผู้บริหารที่มีความสามารถ มีวิสัยทัศน์ ย่อมสามารถนำพาองค์กรเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง สามารถหาลู่ทางธุรกิจใหม่ๆได้เพิ่มเติม
ในขณะที่บางกิจการที่ดีๆ แต่ผู้บริหารอาจนำพาให้กิจการย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆก็ได้
กิจการที่มีผู้บริหารที่มีความสามารถ มีวิสัยทัศน์ ย่อมสามารถนำพาองค์กรเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง สามารถหาลู่ทางธุรกิจใหม่ๆได้เพิ่มเติม
ในขณะที่บางกิจการที่ดีๆ แต่ผู้บริหารอาจนำพาให้กิจการย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆก็ได้
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเรื่องเหตุผลที่ขายหุ้นครับ...-_-??)
โพสต์ที่ 30
ขอบคุณ คุณ"yakjabon" ครับ แปลว่ามีคนลงทุนหุ้นด้วยเหตุผลหลายๆอย่างสินะครับ เช่น ซื้อหุ้น A เพราะผู้บริหารสวย!!! (เอ๊ะ..ไม่น่าจะใช่นะ 555+)yakjabon เขียน:ขายเมื่อคิดว่ามันไม่เหลือ Value กับเราแล้ว ซึ่งแต่ละคนให้ Value ต่างกัน บางคนอยู่ที่ earning, บางคน dividend, บางคนบอกว่ามีร้อยหุ้นไว้ไปเอาตั๋วหนังฟรีตอนประชุมปีละครั้ง, บางคนบอกว่าลงทุนบริษัทนี้ได้บุญ, บางคนแค่เซียนมีอยากมีบ้าง (หน้ามืด) ฯลฯ
Price is what you pay, value is what you get.. Warren Buffett
เอาใหม่ เช่น ซื้อเพราะชื่นชอบตัวผลิตภัณฑ์ ซื้อเพราะโรงงานอยู่ไกล้บ้านหรือเราทำงานอยู่ในบริษัทนั้น(อืม...ค่อยฟังดูมีเหตุผลหน่อย)....^^)