ไปเที่ยวตรุษจีน ที่เมืองจีนมาครับ ^_^
- kissme
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1311
- ผู้ติดตาม: 0
ไปเที่ยวตรุษจีน ที่เมืองจีนมาครับ ^_^
โพสต์ที่ 1
อ่านขำๆนะครับ อยากแชร์ เป็นประสบการณ์ส่วนตั๊ว ส่วนตัว ไม่ค่อยได้ไปเมืองนอก เมืองนา กะเขาบ่อยๆ ภาษาอังกฤษก็ไม่แข็งแรง 55 อาศัยไปเที่ยวกะกรุ้ปทัวร์เอา เปิดหูเปิดตา แต่การไปเที่ยวครั้งนี้ของผมกับได้อะไรกลับมาอย่างคาดไม่ถึง และคุ้มค่ามากจริงๆ
เอ้าเริ่มกันเลย เนื่องจากตรุษจีนที่ผ่านมา ได้ไปเที่ยวเมืองจีน นานกิง-ซูโจว-หังโจว-เซี่ยงไฮ้ 6วัน
4 เมืองนี้ยังไม่เคยไปเลยครับ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เคยไปเซี่ยะเหมิน-เสินเจิ้นมาอากาศไม่หนาว
แต่คราวนี้หนาวมาก -1 องศาเลยทีเดียว เกือบแย่ ผมขี้หนาว แต่่ก็ชอบได้ใส่เสื้อขนเป็ดหนาๆและไม่ต้องอาบน้ำบ่อยๆ ขี้เกียจ 55
สิ่งที่ผมได้หลักๆเลยคือข้อมูลจากการเล่าของไกด์นำเที่ยวชื่อ อาเชา (ไกด์หนุ่มวัย30ปี) ซึ่งความรู้ประวัติศาสตร์จีนดีมาก เล่าให้ฟังซะเคลิ้มหลับไปหลายรอบ 55 แต่ก็สนุกมาก ^_^
สิ่งที่ผมเห็นตั้งแต่ลงสนามบินคือตื่นตาตื่นใจมาก ตึกสูงและถนนหนทางที่เป็นระเบียบ สวยงาม และทุกเมืองที่ไปมีประวัติศาสตร์ มี story และสร้างตามหลักฮวงจุ้ยเป็นหลัก บางเมืองบ้านกลายเป็นทรงยุโรปไปหมดแล้ว ทุกตึกแทบจะเป็นงานศิลปะ สวยงามน่าทึ่งไปซะหมด ผมทึ่งมาก ไม่คิดว่าจะพัฒนาได้รวดเร็วอะไรขนาดนี้
อาเชาเล่าให้ฟังว่าตั้งแต่จีนเป็นเจ้าภาพเวิลเอ็กซ์โป ก็ได้เร่งเวนคืนที่ดิน บ้านเก่า ทุบทิ้งหมด ในเซี่ยงไฮ้ตอนนี้แทบไม่มีบ้านเก่าเหลือแล้วเป็นคอนโดสูงเกือบทั้งหมด (ชาวบ้านที่โดนเวนคืนนี่ทุกคน happy นะครับ ดีใจเหมือนถูกหวย เพราะรัฐให้ไปอยู่คอนโดใหญ่กว่าเดิมและให้เงินก้อนโต) การเป็นคอมมิวนิสนี่ชาวจีนส่วนใหญ่ยอมรับ เพราะการคุมคน 1,500 ล้านคนนี่ ถ้าไม่เด็ดขาดนี่ไม่มีทางคุมได้แน่นอน ซึ่งรัฐจึงคล่องตัวมากๆ สั่งทุบ รื้อสร้างอะไรได้หมด
สิ่งที่ผมเห็นจากจีนคราวนี้ก็คือ หลายคนอาจมองจีนเป็นผู้ผลิตของโลก แต่ผมคิดตรงข้ามเลย ผมมมองว่าจีนกำลังจะกลายเป็นผู้บริโภคอันดับ 1 ของโลก คนในเซี่ยงไฮ้ค่าแรงขั้นต่ำคือ 20,000 บาท ผมได้ยินไกด์พูดครั้งแรกก็ตกใจ แต่อาเชาบอกว่าค่าครองชีพที่นี่ค่อนข้างสูง บ้านเดี่ยวในเซี่ยงไฮ้ที่ผมสังเกต ไม่มีซักหลัง อาเชาบอกมีแต่มหาเศรษฐีถึงมีบ้านเดี่ยวได้ แต่แค่คอนโด ราคาก็ตกตารางเมตรละ 200,000 บาทแล้ว (40,000หยวน) ทำเลที่ดีมากๆสูงถึง ตารางเมตรละ 450,000 บาท(90,000หยวน) ปีที่แล้วรัฐบาลจีนเลยมีมาตราการป้องกันการเกิดฟองสบู่ในอสังหาของจีนที่ทำให้หุ้นตกระเนระนาดกันไป รถยนต์ในจีนหลากหลายยี่ห้อมากๆ แต่ที่นิยมจะเป็นออดี้ เพราะโลโก้คล้ายเลข 8 คนจีนชอบเลข 8 มาก เรื่องของฮวงจุ้ยล้วนๆ ^_^ ผมได้มีโอกาสไปเดินหลายตลาดในจีนทั้งที่ช่วงตรุษจีนจะเป็นช่วงเงียบเหงาเพราะคนจีนส่วนใหญ่จะหยุดงานและพักผ่อนอยู่บ้านกับครอบครัว แต่ที่เห็นมันคึกคักมากๆ ถ้าเป็นวันปรกติ คงแทบไม่มีทางเดิน การจับจ่าย อะไรก็ขายได้ สิ่งที่เห็นชัดของคนจีนและสาวจีนคือชื่นชอบสินค้าแบรนด์เนมอย่างมาก สินค้าหลายแบรนด์แพงกว่าเมืองไทยอีก ยังช้อปกันสนุกสนาน
( คำขวัญสาวจีนยุคใหม่ ไกด์บอกว่า ยอมเสียน้ำตาบนเบาะรถ BENZ ดีกว่ายิ้มร่าหลังเบาะมอเตอร์ไซด์ ^_^" )
แม้แต่ในต่างจังหวัดของจีนหลายๆที่ ก็คึกคักไม่แพ้เซี่ยงไฮ้ ที่สำคัญคือคนจีนทุกคนมีหัวการค้าขายทุกคนและขยัน
ผมคิดว่าถ้าใครไปขายของให้คนจีนได้นี่คุณจะได้ตลาดใหญ่มหาศาล เพราะคนจีนไม่ต่่างกับคนไทยคือขี้เห่อ อะไรใหม่ๆ ถ้าทำให้ตื่นเต้นได้ จับจ่ายกันไม่อั้น กำลังซื้อมหาศาลมาก แต่ไม่ใช่จีนจะต้อนรับทุกคน คนจีนส่วนใหญ่ไม่ชอบคนญี่ปุ่นอย่างมากทีเดียว จากประวัติศาสตร์ที่มีต่อกันมายาวนาน ธุรกิจญี่ปุ่นจึงมีปัญหาอย่างแรงกับการลงทุนในจีน ไม่ค่อยประสบความสำเร็จและได้รับการต่อต้าน แม้แต่อาเชาซึ่งเป็นไกด์ก็ไม่ชอบขั้นแรงมาก มีพูดกระทบเสียดสีญี่ปุ่นตลอดเวลา
(ผิดกับประเทศไทยซึ่งต้อนรับคนญี่ปุ่นอย่างดี คนญี่ปุ่นเองก็รักเมืองไทยมาก บางคนมาทำงานแล้วไม่ยอมกลับก็มี)
อเมริกาก็เช่นกัน คนจีนคิดว่า อเมริกาคอยจะมาแสวงหาประโยชน์ คอยจะเอาเปรียบ ลึกๆ ก็ยังไม่ไว้ใจกันเท่าไร
แต่ต่างกับไทย คนจีนชอบคนไทย และชอบมาเที่ยวเมืองไทย และบริษัทของไทยที่ชาวจีนยอมรับ นั่นคือ CP มีสำนักงานใหญ่อยู่ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ ไกด์บอกว่า CP เข้ามาจีน 10 กว่าปี และเป็นบริษัทไม่กี่แห่งที่รัฐบาลจีนสนับสนุนและมีอำนาจการเจรจาต่อรองสูงมาก ^_^
สิ่งที่ผมเห็นแล้วค่อนข้างตกใจคือ 7-11 ในเซี่ยงไฮ้น้อยมากๆ งงเหมือนกันเมืองที่เจริญ ประชากรเยอะขนาดนี้ ทำไมร้่านสะดวกซื้อมันน้อยจัง ส่วนใหญ่จะเป็นร้านโชห่วยของคนจีนเอง มีแฟมิลีมาร์ท และ ลอสัน บ้าง แต่ต่างกับไทยมากๆ 7-11 ทุกหัวมุมตึก 55 ซึ่งตรงนี้ น่าจะเป็นโอกาสอีกมากของ modern trade
ขอใส่ความเห็นส่วนตัวบ้าง ความเห็นผมที่มีต่อจีน คืออีกไม่เกิน 10 ปี จีนจะเป็นมหาอำนาจของโลกอย่างแท้จริง
ในทุกๆด้าน น่าจะแซงยุโรปไปได้ไม่ยาก จีนพัฒนาได้เร็วอย่างน่ามหัศจรรย์และประชากรมีความกระตือรือร้นสูงมาก
และคนจีนจำนวนมากมีรายได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ น่าจะทำให้เศรษฐกิจในประเทศเฟื่องฟูอีกเยอะ
และรัฐบาลจีนมีเงินมหาศาลพร้อมจะทุ่มลงทุน <โดยเฉพาะในไทย> เรามีภูมิประเทศที่ดีมาก ติดกับหลายประเทศ เปิด AEC ไทยจะเป็นศูนย์กลางโลจิสติคของภูมิภาคเลยทีเดียว ซึ่งความสัมพันธ์ก็ดีอยู่แล้ว จีนน่าจะทุ่มการลงทุนที่ไทยมหาศาลในอนาคต เพราะเงินจีนมีมหาศาล น่าจะไปลงทุนซื้อกิจการทั่วทั้งโลก
แต่ถ้าเทียบกับอเมริกา ผมว่ายังเป็นมวยรอง สำคัญคือการศึกษา ยังห่างกันอีกมาก อเมริกามีมหาลัยเจ๋งๆมากมาย
ซึ่งผมว่าความรู้ประชากรสำคัญมาก และอเมริกามีความพิเศษหลายด้านที่หาใครเทียบยาก ก็จับตาดูมวยคู่นี้กันต่อไป
ต่ออีกหน่อยเกี่ยวกับหุ้นนิดนึง พูดถึงตลาดหุ้นจีน เทียบกับตลาดหุ้นไทย บ้านเราแพงกว่ามหาศาลมาก
ทั้งที่เศรษฐกิจและความเจริญต่างกันมากๆ เมืองจีนวางแผนพัฒนาไว้ล่วงหน้า 10 ปี ทุกอย่างเป็นระเบียบ ประเทศใหญ่ขนาดนี้ ไม่รู้จัดระเบียบได้ยังไง ถือว่าดีมาก แม้แต่ในต่างจังหวัดตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นเมืองพัฒนาไปหมดแล้ว ระบบขนส่ง คมนาคมดีทีเดียว ยกเว้นเซี่ยงไฮ้รถติดแก้ไม่ได้ เพราะถนนไม่พอกับจำนวนรถที่มีมหาศาล แต่ก็มีทางเลือกอื่นเช่นระบบรางซึ่งทันสมัยมาก (ที่จีนชาวนาหลายรายรวยมาก ยกเว้นชนบทไกลๆอย่างเสฉวน หรือเมืองอื่นๆ ยังยากจน แต่ผมว่าอีกไม่นานความเจริญจะไปถึงอย่างรวดเร็ว ) ศักยภาพของประเทศจีน ดัชนีที่ 2,000 จุดนี่ผมว่า ไม่สมเหตุสมผลเลย กับขนาดเศรษฐกิจ ส่วนตัวผมให้เป็นมหาอำนาจอันดับ 2 ของโลกเลย ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับหุ้นจีนเพราะไม่ได้ศึกษา แต่ผมว่ามันต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงอย่างมากหลายเท่าตัว
เป็นประสบการณ์และความเห็นส่วนตัวนะครับ อยากเอามาบ่นเฉยๆ ข้อมูลดิบจากไกด์และตาผมล้วนๆ
ไม่มีเอกสารอ้างอิงทางวิชาการ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อิอิ
ปล. พี่ๆทีมงาน เห็นว่าไม่เหมาะสม ไร้สาระ ลบได้เลยนะครับ ไม่โกรธครับ
เอ้าเริ่มกันเลย เนื่องจากตรุษจีนที่ผ่านมา ได้ไปเที่ยวเมืองจีน นานกิง-ซูโจว-หังโจว-เซี่ยงไฮ้ 6วัน
4 เมืองนี้ยังไม่เคยไปเลยครับ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เคยไปเซี่ยะเหมิน-เสินเจิ้นมาอากาศไม่หนาว
แต่คราวนี้หนาวมาก -1 องศาเลยทีเดียว เกือบแย่ ผมขี้หนาว แต่่ก็ชอบได้ใส่เสื้อขนเป็ดหนาๆและไม่ต้องอาบน้ำบ่อยๆ ขี้เกียจ 55
สิ่งที่ผมได้หลักๆเลยคือข้อมูลจากการเล่าของไกด์นำเที่ยวชื่อ อาเชา (ไกด์หนุ่มวัย30ปี) ซึ่งความรู้ประวัติศาสตร์จีนดีมาก เล่าให้ฟังซะเคลิ้มหลับไปหลายรอบ 55 แต่ก็สนุกมาก ^_^
สิ่งที่ผมเห็นตั้งแต่ลงสนามบินคือตื่นตาตื่นใจมาก ตึกสูงและถนนหนทางที่เป็นระเบียบ สวยงาม และทุกเมืองที่ไปมีประวัติศาสตร์ มี story และสร้างตามหลักฮวงจุ้ยเป็นหลัก บางเมืองบ้านกลายเป็นทรงยุโรปไปหมดแล้ว ทุกตึกแทบจะเป็นงานศิลปะ สวยงามน่าทึ่งไปซะหมด ผมทึ่งมาก ไม่คิดว่าจะพัฒนาได้รวดเร็วอะไรขนาดนี้
อาเชาเล่าให้ฟังว่าตั้งแต่จีนเป็นเจ้าภาพเวิลเอ็กซ์โป ก็ได้เร่งเวนคืนที่ดิน บ้านเก่า ทุบทิ้งหมด ในเซี่ยงไฮ้ตอนนี้แทบไม่มีบ้านเก่าเหลือแล้วเป็นคอนโดสูงเกือบทั้งหมด (ชาวบ้านที่โดนเวนคืนนี่ทุกคน happy นะครับ ดีใจเหมือนถูกหวย เพราะรัฐให้ไปอยู่คอนโดใหญ่กว่าเดิมและให้เงินก้อนโต) การเป็นคอมมิวนิสนี่ชาวจีนส่วนใหญ่ยอมรับ เพราะการคุมคน 1,500 ล้านคนนี่ ถ้าไม่เด็ดขาดนี่ไม่มีทางคุมได้แน่นอน ซึ่งรัฐจึงคล่องตัวมากๆ สั่งทุบ รื้อสร้างอะไรได้หมด
สิ่งที่ผมเห็นจากจีนคราวนี้ก็คือ หลายคนอาจมองจีนเป็นผู้ผลิตของโลก แต่ผมคิดตรงข้ามเลย ผมมมองว่าจีนกำลังจะกลายเป็นผู้บริโภคอันดับ 1 ของโลก คนในเซี่ยงไฮ้ค่าแรงขั้นต่ำคือ 20,000 บาท ผมได้ยินไกด์พูดครั้งแรกก็ตกใจ แต่อาเชาบอกว่าค่าครองชีพที่นี่ค่อนข้างสูง บ้านเดี่ยวในเซี่ยงไฮ้ที่ผมสังเกต ไม่มีซักหลัง อาเชาบอกมีแต่มหาเศรษฐีถึงมีบ้านเดี่ยวได้ แต่แค่คอนโด ราคาก็ตกตารางเมตรละ 200,000 บาทแล้ว (40,000หยวน) ทำเลที่ดีมากๆสูงถึง ตารางเมตรละ 450,000 บาท(90,000หยวน) ปีที่แล้วรัฐบาลจีนเลยมีมาตราการป้องกันการเกิดฟองสบู่ในอสังหาของจีนที่ทำให้หุ้นตกระเนระนาดกันไป รถยนต์ในจีนหลากหลายยี่ห้อมากๆ แต่ที่นิยมจะเป็นออดี้ เพราะโลโก้คล้ายเลข 8 คนจีนชอบเลข 8 มาก เรื่องของฮวงจุ้ยล้วนๆ ^_^ ผมได้มีโอกาสไปเดินหลายตลาดในจีนทั้งที่ช่วงตรุษจีนจะเป็นช่วงเงียบเหงาเพราะคนจีนส่วนใหญ่จะหยุดงานและพักผ่อนอยู่บ้านกับครอบครัว แต่ที่เห็นมันคึกคักมากๆ ถ้าเป็นวันปรกติ คงแทบไม่มีทางเดิน การจับจ่าย อะไรก็ขายได้ สิ่งที่เห็นชัดของคนจีนและสาวจีนคือชื่นชอบสินค้าแบรนด์เนมอย่างมาก สินค้าหลายแบรนด์แพงกว่าเมืองไทยอีก ยังช้อปกันสนุกสนาน
( คำขวัญสาวจีนยุคใหม่ ไกด์บอกว่า ยอมเสียน้ำตาบนเบาะรถ BENZ ดีกว่ายิ้มร่าหลังเบาะมอเตอร์ไซด์ ^_^" )
แม้แต่ในต่างจังหวัดของจีนหลายๆที่ ก็คึกคักไม่แพ้เซี่ยงไฮ้ ที่สำคัญคือคนจีนทุกคนมีหัวการค้าขายทุกคนและขยัน
ผมคิดว่าถ้าใครไปขายของให้คนจีนได้นี่คุณจะได้ตลาดใหญ่มหาศาล เพราะคนจีนไม่ต่่างกับคนไทยคือขี้เห่อ อะไรใหม่ๆ ถ้าทำให้ตื่นเต้นได้ จับจ่ายกันไม่อั้น กำลังซื้อมหาศาลมาก แต่ไม่ใช่จีนจะต้อนรับทุกคน คนจีนส่วนใหญ่ไม่ชอบคนญี่ปุ่นอย่างมากทีเดียว จากประวัติศาสตร์ที่มีต่อกันมายาวนาน ธุรกิจญี่ปุ่นจึงมีปัญหาอย่างแรงกับการลงทุนในจีน ไม่ค่อยประสบความสำเร็จและได้รับการต่อต้าน แม้แต่อาเชาซึ่งเป็นไกด์ก็ไม่ชอบขั้นแรงมาก มีพูดกระทบเสียดสีญี่ปุ่นตลอดเวลา
(ผิดกับประเทศไทยซึ่งต้อนรับคนญี่ปุ่นอย่างดี คนญี่ปุ่นเองก็รักเมืองไทยมาก บางคนมาทำงานแล้วไม่ยอมกลับก็มี)
อเมริกาก็เช่นกัน คนจีนคิดว่า อเมริกาคอยจะมาแสวงหาประโยชน์ คอยจะเอาเปรียบ ลึกๆ ก็ยังไม่ไว้ใจกันเท่าไร
แต่ต่างกับไทย คนจีนชอบคนไทย และชอบมาเที่ยวเมืองไทย และบริษัทของไทยที่ชาวจีนยอมรับ นั่นคือ CP มีสำนักงานใหญ่อยู่ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ ไกด์บอกว่า CP เข้ามาจีน 10 กว่าปี และเป็นบริษัทไม่กี่แห่งที่รัฐบาลจีนสนับสนุนและมีอำนาจการเจรจาต่อรองสูงมาก ^_^
สิ่งที่ผมเห็นแล้วค่อนข้างตกใจคือ 7-11 ในเซี่ยงไฮ้น้อยมากๆ งงเหมือนกันเมืองที่เจริญ ประชากรเยอะขนาดนี้ ทำไมร้่านสะดวกซื้อมันน้อยจัง ส่วนใหญ่จะเป็นร้านโชห่วยของคนจีนเอง มีแฟมิลีมาร์ท และ ลอสัน บ้าง แต่ต่างกับไทยมากๆ 7-11 ทุกหัวมุมตึก 55 ซึ่งตรงนี้ น่าจะเป็นโอกาสอีกมากของ modern trade
ขอใส่ความเห็นส่วนตัวบ้าง ความเห็นผมที่มีต่อจีน คืออีกไม่เกิน 10 ปี จีนจะเป็นมหาอำนาจของโลกอย่างแท้จริง
ในทุกๆด้าน น่าจะแซงยุโรปไปได้ไม่ยาก จีนพัฒนาได้เร็วอย่างน่ามหัศจรรย์และประชากรมีความกระตือรือร้นสูงมาก
และคนจีนจำนวนมากมีรายได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ น่าจะทำให้เศรษฐกิจในประเทศเฟื่องฟูอีกเยอะ
และรัฐบาลจีนมีเงินมหาศาลพร้อมจะทุ่มลงทุน <โดยเฉพาะในไทย> เรามีภูมิประเทศที่ดีมาก ติดกับหลายประเทศ เปิด AEC ไทยจะเป็นศูนย์กลางโลจิสติคของภูมิภาคเลยทีเดียว ซึ่งความสัมพันธ์ก็ดีอยู่แล้ว จีนน่าจะทุ่มการลงทุนที่ไทยมหาศาลในอนาคต เพราะเงินจีนมีมหาศาล น่าจะไปลงทุนซื้อกิจการทั่วทั้งโลก
แต่ถ้าเทียบกับอเมริกา ผมว่ายังเป็นมวยรอง สำคัญคือการศึกษา ยังห่างกันอีกมาก อเมริกามีมหาลัยเจ๋งๆมากมาย
ซึ่งผมว่าความรู้ประชากรสำคัญมาก และอเมริกามีความพิเศษหลายด้านที่หาใครเทียบยาก ก็จับตาดูมวยคู่นี้กันต่อไป
ต่ออีกหน่อยเกี่ยวกับหุ้นนิดนึง พูดถึงตลาดหุ้นจีน เทียบกับตลาดหุ้นไทย บ้านเราแพงกว่ามหาศาลมาก
ทั้งที่เศรษฐกิจและความเจริญต่างกันมากๆ เมืองจีนวางแผนพัฒนาไว้ล่วงหน้า 10 ปี ทุกอย่างเป็นระเบียบ ประเทศใหญ่ขนาดนี้ ไม่รู้จัดระเบียบได้ยังไง ถือว่าดีมาก แม้แต่ในต่างจังหวัดตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นเมืองพัฒนาไปหมดแล้ว ระบบขนส่ง คมนาคมดีทีเดียว ยกเว้นเซี่ยงไฮ้รถติดแก้ไม่ได้ เพราะถนนไม่พอกับจำนวนรถที่มีมหาศาล แต่ก็มีทางเลือกอื่นเช่นระบบรางซึ่งทันสมัยมาก (ที่จีนชาวนาหลายรายรวยมาก ยกเว้นชนบทไกลๆอย่างเสฉวน หรือเมืองอื่นๆ ยังยากจน แต่ผมว่าอีกไม่นานความเจริญจะไปถึงอย่างรวดเร็ว ) ศักยภาพของประเทศจีน ดัชนีที่ 2,000 จุดนี่ผมว่า ไม่สมเหตุสมผลเลย กับขนาดเศรษฐกิจ ส่วนตัวผมให้เป็นมหาอำนาจอันดับ 2 ของโลกเลย ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับหุ้นจีนเพราะไม่ได้ศึกษา แต่ผมว่ามันต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงอย่างมากหลายเท่าตัว
เป็นประสบการณ์และความเห็นส่วนตัวนะครับ อยากเอามาบ่นเฉยๆ ข้อมูลดิบจากไกด์และตาผมล้วนๆ
ไม่มีเอกสารอ้างอิงทางวิชาการ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อิอิ
ปล. พี่ๆทีมงาน เห็นว่าไม่เหมาะสม ไร้สาระ ลบได้เลยนะครับ ไม่โกรธครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1904
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ไปเที่ยวตรุษจีน ที่เมืองจีนมาครับ ^_^
โพสต์ที่ 2
เคยได้ยินว่าเซเว่นและห้างอื่นๆในเมืองไทย มันเยอะเกินไปจนทำให้โชห่วยเจ๊งเรียบ ถ้าจีนอนุญาตง่ายๆ ให้ทำแบบเมืองไทยแล้วจะให้คนจีนที่เคยทำร้านโชห่วยเค้าไปทำอะไรล่ะครับ คนจีนไม่เหมือนคนไทยนะ เค้าชอบค้าขายไม่ชอบเป็นลูกจ้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 670
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ไปเที่ยวตรุษจีน ที่เมืองจีนมาครับ ^_^
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณมากครับ เป็นการสรุปจากที่ได้เห็นมาด้วยตาตัวเอง ต้องถือว่าสุดยอดมากครับ
ความเห็นของคุณ Kissme สอดคล้องกับของ Jim Rogers ที่เชียร์จีนในช่วงหลายปีหลังที่ผ่านมาเลยครับ ซึ่งจิมเห็นว่าศตวรรษนี้ เป็นยุคของจีนแน่นอน
ส่วนที่ตลาดหุ้นจีนยังถูกมาก ผมเห็นว่าคงเป็นเพราะ สภาพคล่องที่ล้นโลกนั้นไม่สามารถเข้าไปลงทุนหุ้น A-Share ของจีนได้ เนื่องจากไม่อนุญาตให้ต่างชาติซื้อหุ้น A-Share บวกกับนักลงทุนจีนเองยังคงขยาดกับหุ้นที่ลงมาจากเกือบ 6000 จุด เมื่อปี 2008 และก็ขยับลงมาตลอดจนปีถึงสิ้นปี 2012 ครับ ในขณะที่เศรษฐกิจจีนก็ยังดีขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับราคาหุ้นอีกด้วย
เห็นด้วยครับว่าหุ้น A-share ถูกมาก แต่คงต้องรอวันที่นักลงทุนจีนกลับมามั่นใจในตลาดหุ้นของตัวเอง หรือรัฐบาลจีนผ่อนปรนให้ต่างชาติเข้าซื้อหุ้น A-share ได้
ความเห็นของคุณ Kissme สอดคล้องกับของ Jim Rogers ที่เชียร์จีนในช่วงหลายปีหลังที่ผ่านมาเลยครับ ซึ่งจิมเห็นว่าศตวรรษนี้ เป็นยุคของจีนแน่นอน
ส่วนที่ตลาดหุ้นจีนยังถูกมาก ผมเห็นว่าคงเป็นเพราะ สภาพคล่องที่ล้นโลกนั้นไม่สามารถเข้าไปลงทุนหุ้น A-Share ของจีนได้ เนื่องจากไม่อนุญาตให้ต่างชาติซื้อหุ้น A-Share บวกกับนักลงทุนจีนเองยังคงขยาดกับหุ้นที่ลงมาจากเกือบ 6000 จุด เมื่อปี 2008 และก็ขยับลงมาตลอดจนปีถึงสิ้นปี 2012 ครับ ในขณะที่เศรษฐกิจจีนก็ยังดีขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับราคาหุ้นอีกด้วย
เห็นด้วยครับว่าหุ้น A-share ถูกมาก แต่คงต้องรอวันที่นักลงทุนจีนกลับมามั่นใจในตลาดหุ้นของตัวเอง หรือรัฐบาลจีนผ่อนปรนให้ต่างชาติเข้าซื้อหุ้น A-share ได้
-
- Verified User
- โพสต์: 156
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ไปเที่ยวตรุษจีน ที่เมืองจีนมาครับ ^_^
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณครับ สำหรับผมเป็นข้อมูลที่มีค่ามากครับ
สโลแกน ลงทุนอย่างมีความสุข
ลงทุนเหมือนร่วมทำธุรกิจกับเพื่อน แล้วคุณจะสนใจทั้งธุรกิจและผู้บริหาร
ฟัง Oppday ทาง Website http://www.dcs-digital.com/setweb/index.php
ลงทุนเหมือนร่วมทำธุรกิจกับเพื่อน แล้วคุณจะสนใจทั้งธุรกิจและผู้บริหาร
ฟัง Oppday ทาง Website http://www.dcs-digital.com/setweb/index.php
-
- Verified User
- โพสต์: 168
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ไปเที่ยวตรุษจีน ที่เมืองจีนมาครับ ^_^
โพสต์ที่ 5
กองทุนเปิดดับเบิลยูไอเอสอี เคแทม ซีเอสไอ 300 ไชน่า แทร็กเกอร์ :
เป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้น A-Shares 300 หุ้น ซึ่งจดทะเบียนอยู่ที่
ตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น และ/หรือ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ โดยคัดเลือก
จากหุ้นทั้งหมดกว่า 1,841 หลักทรัพย์ และมีมูลค่าตลาดกว่า 3,126
http://www.ktam.co.th/th/mutual-fund/mu ... =6&level=3
กองทุน ซีเอสไอ 300 ไชน่า แทร็กเกอร์ น่าลงทุนไหมครับ และมีความเสี่ยงอะไรบ้าง (เช่น ค่าเงิน,ความไม่โปรงใสของ บริษัทจีน)
เป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้น A-Shares 300 หุ้น ซึ่งจดทะเบียนอยู่ที่
ตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น และ/หรือ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ โดยคัดเลือก
จากหุ้นทั้งหมดกว่า 1,841 หลักทรัพย์ และมีมูลค่าตลาดกว่า 3,126
http://www.ktam.co.th/th/mutual-fund/mu ... =6&level=3
กองทุน ซีเอสไอ 300 ไชน่า แทร็กเกอร์ น่าลงทุนไหมครับ และมีความเสี่ยงอะไรบ้าง (เช่น ค่าเงิน,ความไม่โปรงใสของ บริษัทจีน)
- vim
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2770
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ไปเที่ยวตรุษจีน ที่เมืองจีนมาครับ ^_^
โพสต์ที่ 7
รอบล่าสุดที่หุ้นจีนตกลงไป ส่วนหน่ึงเป็นเพราะนักลงทุนเริ่มระแวงมาตรฐานทางการเงินของบริษัทจีนกันครับ ตัวเลขที่เห็นว่าดูดีนั้น แท้จริงแล้วอาจไม่ดีอย่างที่คิดก็ได้ ระบบตรวจสอบอาจจะยังบังคับใช้ได้ไม่ดีพอ
Vi IMrovised
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 845
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ไปเที่ยวตรุษจีน ที่เมืองจีนมาครับ ^_^
โพสต์ที่ 8
เข้าใจว่าที่หุ้นจีนถูก ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากตัวรัฐบาลเองด้วยครับ ฟังมาจากสัมนาของกรุงศรีปลายปีที่แล้ว วิทยากร (ขออภัยจำชื่อไม่ได้) ท่านเล่าให้ฟังว่าบริษัทยาจีนแห่งหนึ่ง กำไรดีมาตลอด วันดีคืนดีรัฐบอกจะช่วยประชาชน ลดราคายาซะ หุ้นตกทันทีครับ = =" ต่างชาติเลยขยาย
all i need is Zero
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 149
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ไปเที่ยวตรุษจีน ที่เมืองจีนมาครับ ^_^
โพสต์ที่ 9
ตอนไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้เมื่อปีที่แล้วก็รู้สึกว่าโหโคตรเจริญอ่ะครับ ตอนนั้นไป WAITAN ชมเมืองริมน้ำประดับไฟยามค่ำคืนประมาณว่าเหมือนมีงานเทศกาลอะไรสักอย่างแต่รู้สึกว่าจะเปิดทุกวันเลยอลังการมาก แล้วผู้คนนี้ขับรถคันหรูๆซะมากจะเป็นยี่ห้อแปลกๆอลังๆ รู้สึกส่วนใหญ่จะเป็นรถที่เป็นสัญลักษณ์รูปโล่สามอันเข้าใจว่าเป็น Shanghai General Motor
เรื่องค่าครองชีพผมซื้อข้าวข้างถนนร้านดูปานกลางๆ ก็อยู่ที่ประมาณ 70-80 บาทไทยได้ แต่คนที่นี้กินจุมากครับจานใหญ่หมดเลยไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร
หรือว่าอาหารในแพ็คๆตามsuperก็ตาม
ผมเห็นด้วยว่าที่นี้มีกำลังซื้อมหาศาลครับ ห้างใหญ่ๆเต็มไปหมด รถไฟฟ้าใต้ดินนี้ดูแผนที่แทบจะพันกันเป็นสายไหม ผู้คนก็พักกันแต่คอนโดล่ะครับ บ้านเดี่ยวนี้หาไม่ได้เลย ข้าวของก็แพงครับ
เข้ามาแชร์เพิ่มเติมน่ะครับอาจจะไม่เกี่ยวกับการลงทุนซักเท่าไหร่แหะๆ
เรื่องค่าครองชีพผมซื้อข้าวข้างถนนร้านดูปานกลางๆ ก็อยู่ที่ประมาณ 70-80 บาทไทยได้ แต่คนที่นี้กินจุมากครับจานใหญ่หมดเลยไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร
หรือว่าอาหารในแพ็คๆตามsuperก็ตาม
ผมเห็นด้วยว่าที่นี้มีกำลังซื้อมหาศาลครับ ห้างใหญ่ๆเต็มไปหมด รถไฟฟ้าใต้ดินนี้ดูแผนที่แทบจะพันกันเป็นสายไหม ผู้คนก็พักกันแต่คอนโดล่ะครับ บ้านเดี่ยวนี้หาไม่ได้เลย ข้าวของก็แพงครับ
เข้ามาแชร์เพิ่มเติมน่ะครับอาจจะไม่เกี่ยวกับการลงทุนซักเท่าไหร่แหะๆ
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1373
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ไปเที่ยวตรุษจีน ที่เมืองจีนมาครับ ^_^
โพสต์ที่ 10
aberdeen china gatewayไม่ดีกว่ารึครับ เป็นactive-selective fundซึ่งมีหลักการลงทุนในหุ้นคุณค่าเหมือนกันlipton เขียน:กองทุนเปิดดับเบิลยูไอเอสอี เคแทม ซีเอสไอ 300 ไชน่า แทร็กเกอร์ :
เป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้น A-Shares 300 หุ้น ซึ่งจดทะเบียนอยู่ที่
ตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น และ/หรือ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ โดยคัดเลือก
จากหุ้นทั้งหมดกว่า 1,841 หลักทรัพย์ และมีมูลค่าตลาดกว่า 3,126
http://www.ktam.co.th/th/mutual-fund/mu ... =6&level=3
กองทุน ซีเอสไอ 300 ไชน่า แทร็กเกอร์ น่าลงทุนไหมครับ และมีความเสี่ยงอะไรบ้าง (เช่น ค่าเงิน,ความไม่โปรงใสของ บริษัทจีน)
ส่วนถ้าคิดลงทุนในh-share ผมว่าลองขอข้อมูลจากโบรคดีกว่า เพราะตอนนี้โบรคผมจัดสัมนา
ย้ำว่าหุ้นจีนน่าสนใจมาก
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 76
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ไปเที่ยวตรุษจีน ที่เมืองจีนมาครับ ^_^
โพสต์ที่ 11
จากประสบการณ์ที่เคยไปอยู่เมืองจีนนะครับ เคยคุยกับคนจีนที่เค้าเล่นหุ้น จนบัดนี้เค้าก็ยังขาดทุนอยู่ครับ ส่วนนึงเป็นเพราะรัฐบาลซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์ ทำให้สามารถหันซ้ายหันขวาได้ครับ ถ้าจะลงทุนก็ควรระมัดระวังกันนิดนึงนะครับ ลองมองหาบริษัทจีน ที่ไปจดทะเบียนในตลาดฮ่องกง ดูไม๊ครับ อาจจะเสี่ยงน้อยลงครับ
Let's profit run, But don't let profit down
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ไปเที่ยวตรุษจีน ที่เมืองจีนมาครับ ^_^
โพสต์ที่ 12
เห็นด้วยกับคุณ littleduck ครับ มีโอกาสสูงเหมือนกันถ้าในอนาคตบริษัทไหนที่อยู่ในตลาดหุ้นที่มีกำไรเติบโตมากๆรัฐบาลอาจจะออกมาตรการบางอย่างเพื่อให้บริษัทนั้นกำไรลดลง เช่น ขอความร่วมมือให้ราคาขายลง อีกอย่างแม้cpจะมีสายสัมพันธ์ที่ดีมากกับรัฐบาลจีน แต่ถ้ารัฐบาลจีนคำนวณดูแล้วเห็นว่าการมีร้านสะดวกซื้อแบบเซเว่นในจำนวนมากๆจะทำให้คนจีนที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นเจ้าของร้านขายของชำต้องตกงานเป็นจำนวนมากและจะนำไปสู่ปัญหาทางสังคมตามมา รัฐบาลจีนอาจจะให้ความสำคัญทางด้านสังคมมาก่อนก็เป็นไปได้อีกเหมือนกันครับ
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1373
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ไปเที่ยวตรุษจีน ที่เมืองจีนมาครับ ^_^
โพสต์ที่ 13
ถ้ากลัวมาตราการจากรัฐบาลจีน ผมว่าไม่ควรลงทุนทั้งA-Share/H-Shareครับ
เพราะไม่ว่าลิสต์ที่ไหนก็โดนมาตราการรัฐเหมือนกัน
ที่ต่างคือสไตล์นักลงทุนจีนจะเก็งกำไรซะสวนมาก
ทำให้A-Shareมีความผันผวนสูงกว่าH-shareเพราะ
็H-Shareยังมีนักลงทุนต่างชาติ กองทุนรวมที่คอยพยุงดัชนีไว้
เพราะไม่ว่าลิสต์ที่ไหนก็โดนมาตราการรัฐเหมือนกัน
ที่ต่างคือสไตล์นักลงทุนจีนจะเก็งกำไรซะสวนมาก
ทำให้A-Shareมีความผันผวนสูงกว่าH-shareเพราะ
็H-Shareยังมีนักลงทุนต่างชาติ กองทุนรวมที่คอยพยุงดัชนีไว้
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 231
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ไปเที่ยวตรุษจีน ที่เมืองจีนมาครับ ^_^
โพสต์ที่ 15
น่าจะเป็นสัมนาที่มีดร.ไพบูลย์เป็นพิธีกร และ ดร. สุวรรณ วลัยเสถียร และคุณประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ เป็นวิทยากร ครับ.nameisnothing เขียน:เข้าใจว่าที่หุ้นจีนถูก ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากตัวรัฐบาลเองด้วยครับ ฟังมาจากสัมนาของกรุงศรีปลายปีที่แล้ว วิทยากร (ขออภัยจำชื่อไม่ได้) ท่านเล่าให้ฟังว่าบริษัทยาจีนแห่งหนึ่ง กำไรดีมาตลอด วันดีคืนดีรัฐบอกจะช่วยประชาชน ลดราคายาซะ หุ้นตกทันทีครับ = =" ต่างชาติเลยขยาย
-
- Verified User
- โพสต์: 1569
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ไปเที่ยวตรุษจีน ที่เมืองจีนมาครับ ^_^
โพสต์ที่ 16
ขอบคุณมากครับที่มาเล่าให้ฟัง ดีจังครับ
เอ คนจีนเดี๋ยวนี้ยังขี่จักรยาน หรือ เดิน หรือขับรถแล้วครับ
จำได้ว่าเคยได้ยินมาก่อนในวิชาการตลาดเป็นการเปรียบเทียบ อาเซียน กับ อเมริกา เมื่อหลายปีที่แล้ว
อาจารย์ท่านบอกว่า แม้ว่าจะมีประชากร 200 ล้าน พอๆกัน ต่างกันเพียง อเมริกาเป็น 200 ล้านที่อิ่ม
แต่ อาเซียนเป็น 200 ล้านที่หิวโหย จะเอาอะไรไปขายก็ขายได้. หากถามเด็กเขมร ว่าอยากกินอะไรที่สุด คงไม่พ้น แม็คดอนอล หรือ โค้ก ในขณะที่ ชาวอเมริกัน กลับเรียกว่า junk
พอได้อ่านเรื่องจีน ยิ่งเห็นภาพชัดขึ้นมากเลยครับ
เอ คนจีนเดี๋ยวนี้ยังขี่จักรยาน หรือ เดิน หรือขับรถแล้วครับ
จำได้ว่าเคยได้ยินมาก่อนในวิชาการตลาดเป็นการเปรียบเทียบ อาเซียน กับ อเมริกา เมื่อหลายปีที่แล้ว
อาจารย์ท่านบอกว่า แม้ว่าจะมีประชากร 200 ล้าน พอๆกัน ต่างกันเพียง อเมริกาเป็น 200 ล้านที่อิ่ม
แต่ อาเซียนเป็น 200 ล้านที่หิวโหย จะเอาอะไรไปขายก็ขายได้. หากถามเด็กเขมร ว่าอยากกินอะไรที่สุด คงไม่พ้น แม็คดอนอล หรือ โค้ก ในขณะที่ ชาวอเมริกัน กลับเรียกว่า junk
พอได้อ่านเรื่องจีน ยิ่งเห็นภาพชัดขึ้นมากเลยครับ
ผมเป็นคนความจำสั้น จึง post สิ่งที่อ่านหรือพบเจอที่คิดว่าอาจจะใช้ประโยชน์ใน board
เพื่อจะได้กลับมาอ่านทีหลัง
หากเยอะไปหรือ ทำให้เพื่อนๆ รำคาญในต้องขออภัยด้วยครับ
หากบางหัวข้อไม่มีเนื้อ หรือ เพื่อนๆ บันทึกเนื้อข่าวเพิ่มให้จะขอบคุณอย่างยิ่งครับ
เพื่อจะได้กลับมาอ่านทีหลัง
หากเยอะไปหรือ ทำให้เพื่อนๆ รำคาญในต้องขออภัยด้วยครับ
หากบางหัวข้อไม่มีเนื้อ หรือ เพื่อนๆ บันทึกเนื้อข่าวเพิ่มให้จะขอบคุณอย่างยิ่งครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 89
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ไปเที่ยวตรุษจีน ที่เมืองจีนมาครับ ^_^
โพสต์ที่ 17
ขอบคุณนะครับที่แชร์ประสบการณ์ อ่านแล้วสนุกดี อยากเสริมให้ บางส่วนที่ผมรู้
- CP เป็นที่ชื่นชอบขอบรัฐบาลเพราะซีพีทุ่มพัฒนาการเกษตรกรรมสมัยใหม่ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาก เพราะจะเป็นกลไลปลดล็อค middle-income trap จาก $6,000 เป็น $12,000 (GDP per capita) ก่อนปี 2022
- modern trade ดีแต่ไม่ทุก segment นะครับ CVS เช่น 7-11 เป็น segment ที่ปราบเซียนเลย (เช่นเดียวกับ Hyper) ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด 7-11 ที่เซี่ยงไฮ้ขาดทุน บริหารโดยกลุ่มทุนไต้หวัน เจ้าของ 7-11 ที่ไต้หวัน ซึ่งมีประสิทธิภาพการบริหารสุดยอดไม่ต่างจาก 7-11 ของ CP ในเมืองไทย
- จีนมีเงินทุนแน่นอน แต่ไม่ใช่จะสามารถเที่ยวไล่ซื้อชาวบ้านได้ง่ายๆ ต่อให้ซื้อได้ premium ก็สูงมาก (ภาพรวมๆ นะครับ) แต่ถ้า private sector ที่ทำ M&A ต่างประเทศเก่งๆ ที่มีชื่อเสียงมาก คือ Fosun คล้ายๆ Berkshire เลย ทั้งจังหวะและกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุน ก็เรียกว่าสุดยอดเป็นที่สุด
- สำหรับมุมมองเมืองไทยจากจีน อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดกันนะครับ เพราะถ้าจะดูเรื่องการเทรด ซึ่งจีนกลายเป็นชาติที่มีการค้าขายสูงที่สุดแซงหน้าอเมริกาไปเมื่อปี 2012 แล้ว (US$3.87 T vs $3.82 T in the US) จะทำตัวเป็นศูนย์กลาง โดยจะใช้ท่าเรือที่ลงทุนเป็น string of pearl ให้จับตาดูการลงทุนที่พม่าและกัมพูชา และการลงทุนระบบรางในภูมิภาค
- ถ้าจีนจะเป็นรอง ผมว่าไม่ใช่การศึกษา แต่เป็นตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ ที่อเมริกา วางไว้นานหลายสิบปี (ให้ดูแผนที่ เข้าใจว่า Economist เพิ่งเอามาพูดถึง) ภูมิภาคนี้จะต้องสร้างดุลยภาพของอำนาจ ซึ่งเป็นการคานอำนาจของกันและกัน อย่างจีน ก็มีปัญหาตั้งแต่เหนือจรดใต้ ซึ่งจะเป็นการยากที่จะกำเนิด dominant super power เช่น อเมริกา อีกเรื่องคือน้ำ และพลังงาน
- หุ้น ถ้ามองทั้งกระดาน กำไรส่วนใหญ่มาจาก SOE และแบงค์เป็น dominant sector ถ้าจะพยายามไขข้อสงสัย ให้เข้าใจ bank ก็น่าจะเข้าใจว่าทำไมหุ้นถึงไม่ได้ไปไหน เพราะเกรงกลัวเกี่ยวกับการประเมิน NPL ที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ทว่า ถ้าจะลงทุนจริงๆ มีหลายคนเคยกล่าวว่า ถ้าจะทำกำไรจากจีน ให้ซื้อหุ้นต่างประเทศ ที่ได้ประโยชน์จากจีน จะปลอดภัยกว่า ลองพิจารณาดูนะครับ ถ้าชื่นชอบแนว VI ลองติดตามกองทุน value partner ดูนะครับ
- CP เป็นที่ชื่นชอบขอบรัฐบาลเพราะซีพีทุ่มพัฒนาการเกษตรกรรมสมัยใหม่ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาก เพราะจะเป็นกลไลปลดล็อค middle-income trap จาก $6,000 เป็น $12,000 (GDP per capita) ก่อนปี 2022
- modern trade ดีแต่ไม่ทุก segment นะครับ CVS เช่น 7-11 เป็น segment ที่ปราบเซียนเลย (เช่นเดียวกับ Hyper) ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด 7-11 ที่เซี่ยงไฮ้ขาดทุน บริหารโดยกลุ่มทุนไต้หวัน เจ้าของ 7-11 ที่ไต้หวัน ซึ่งมีประสิทธิภาพการบริหารสุดยอดไม่ต่างจาก 7-11 ของ CP ในเมืองไทย
- จีนมีเงินทุนแน่นอน แต่ไม่ใช่จะสามารถเที่ยวไล่ซื้อชาวบ้านได้ง่ายๆ ต่อให้ซื้อได้ premium ก็สูงมาก (ภาพรวมๆ นะครับ) แต่ถ้า private sector ที่ทำ M&A ต่างประเทศเก่งๆ ที่มีชื่อเสียงมาก คือ Fosun คล้ายๆ Berkshire เลย ทั้งจังหวะและกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุน ก็เรียกว่าสุดยอดเป็นที่สุด
- สำหรับมุมมองเมืองไทยจากจีน อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดกันนะครับ เพราะถ้าจะดูเรื่องการเทรด ซึ่งจีนกลายเป็นชาติที่มีการค้าขายสูงที่สุดแซงหน้าอเมริกาไปเมื่อปี 2012 แล้ว (US$3.87 T vs $3.82 T in the US) จะทำตัวเป็นศูนย์กลาง โดยจะใช้ท่าเรือที่ลงทุนเป็น string of pearl ให้จับตาดูการลงทุนที่พม่าและกัมพูชา และการลงทุนระบบรางในภูมิภาค
- ถ้าจีนจะเป็นรอง ผมว่าไม่ใช่การศึกษา แต่เป็นตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ ที่อเมริกา วางไว้นานหลายสิบปี (ให้ดูแผนที่ เข้าใจว่า Economist เพิ่งเอามาพูดถึง) ภูมิภาคนี้จะต้องสร้างดุลยภาพของอำนาจ ซึ่งเป็นการคานอำนาจของกันและกัน อย่างจีน ก็มีปัญหาตั้งแต่เหนือจรดใต้ ซึ่งจะเป็นการยากที่จะกำเนิด dominant super power เช่น อเมริกา อีกเรื่องคือน้ำ และพลังงาน
- หุ้น ถ้ามองทั้งกระดาน กำไรส่วนใหญ่มาจาก SOE และแบงค์เป็น dominant sector ถ้าจะพยายามไขข้อสงสัย ให้เข้าใจ bank ก็น่าจะเข้าใจว่าทำไมหุ้นถึงไม่ได้ไปไหน เพราะเกรงกลัวเกี่ยวกับการประเมิน NPL ที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ทว่า ถ้าจะลงทุนจริงๆ มีหลายคนเคยกล่าวว่า ถ้าจะทำกำไรจากจีน ให้ซื้อหุ้นต่างประเทศ ที่ได้ประโยชน์จากจีน จะปลอดภัยกว่า ลองพิจารณาดูนะครับ ถ้าชื่นชอบแนว VI ลองติดตามกองทุน value partner ดูนะครับ