ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่อนละ
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่อนละ
โพสต์ที่ 1
มีคำถามที่ถามกลับว่า
คลังมีเครื่องมือในการควบคุมค่าเงินบาทที่แข็งค่าคือ
1 ขึ้นภาษี
2 capital control
ซึ่งทั้ง 2 มาตราการออกมาแล้วไม่ต้องใช้เวลาในการส่งผ่านมาตราการเหมือนลดดอกเบี้ยนโยบาย
ที่ต้องรอธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ย ซึ่งบางครั้ง อาจจะไม่ลดตามก็ได้
แต่มาตราการการคลังที่มีในมือออกปุ๊บเห็นผลดังใจเลย
จึงต้องคำถามกลับมาทำไมไม่ทำ
คลังมีเครื่องมือในการควบคุมค่าเงินบาทที่แข็งค่าคือ
1 ขึ้นภาษี
2 capital control
ซึ่งทั้ง 2 มาตราการออกมาแล้วไม่ต้องใช้เวลาในการส่งผ่านมาตราการเหมือนลดดอกเบี้ยนโยบาย
ที่ต้องรอธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ย ซึ่งบางครั้ง อาจจะไม่ลดตามก็ได้
แต่มาตราการการคลังที่มีในมือออกปุ๊บเห็นผลดังใจเลย
จึงต้องคำถามกลับมาทำไมไม่ทำ
-
- Verified User
- โพสต์: 297
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 2
1. ขึ้นภาษี -> เศรษฐกิจจะหดตัว
2. Capital Control -> ต่างชาติจะไม่นำเงินมาลงทุน เพราะไม่มั่นใจว่าจะนำเงินกลับไปได้หรือไม่
การลดดอกเบี้ยจึงเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด เพราะ Fund Flow จะวิ่งไปหาแหล่งที่มีดอกเบี้ยสูงเสมอ
2. Capital Control -> ต่างชาติจะไม่นำเงินมาลงทุน เพราะไม่มั่นใจว่าจะนำเงินกลับไปได้หรือไม่
การลดดอกเบี้ยจึงเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด เพราะ Fund Flow จะวิ่งไปหาแหล่งที่มีดอกเบี้ยสูงเสมอ
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 3
ทั้ง 2 ข้อที่กล่าวมากระทบ real sector เป็นหลัก ส่วนเรื่องดอกเบี้ยส่งผลต่อ fund flow เป็นหลักมากกว่าครับ ถ้าเงินแข็งเพราะการลงทุนใน real sector จะส่งผลดีต่อประเทศโดยรวมมากกว่า แข็งตัวจาก fund flow นะครับmiracle เขียน:มีคำถามที่ถามกลับว่า
คลังมีเครื่องมือในการควบคุมค่าเงินบาทที่แข็งค่าคือ
1 ขึ้นภาษี
2 capital control
ซึ่งทั้ง 2 มาตราการออกมาแล้วไม่ต้องใช้เวลาในการส่งผ่านมาตราการเหมือนลดดอกเบี้ยนโยบาย
ที่ต้องรอธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ย ซึ่งบางครั้ง อาจจะไม่ลดตามก็ได้
แต่มาตราการการคลังที่มีในมือออกปุ๊บเห็นผลดังใจเลย
จึงต้องคำถามกลับมาทำไมไม่ทำ
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
- pinky blade
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 4
ดอกเบี้ยนี่มันไม่เกี่ยวกับ real sector เหรอคะ แล้วเวลาธุรกิจต่างๆ ผู้กู้ซื้ออสังหา ผู้ฝากเงินกินดอกเบี้ย เงินเฟ้อ พวกนี้ไม่ใช่ real sector เหรอคะSumotin เขียน:ทั้ง 2 ข้อที่กล่าวมากระทบ real sector เป็นหลัก ส่วนเรื่องดอกเบี้ยส่งผลต่อ fund flow เป็นหลักมากกว่าครับ ถ้าเงินแข็งเพราะการลงทุนใน real sector จะส่งผลดีต่อประเทศโดยรวมมากกว่า แข็งตัวจาก fund flow นะครับmiracle เขียน:มีคำถามที่ถามกลับว่า
คลังมีเครื่องมือในการควบคุมค่าเงินบาทที่แข็งค่าคือ
1 ขึ้นภาษี
2 capital control
ซึ่งทั้ง 2 มาตราการออกมาแล้วไม่ต้องใช้เวลาในการส่งผ่านมาตราการเหมือนลดดอกเบี้ยนโยบาย
ที่ต้องรอธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ย ซึ่งบางครั้ง อาจจะไม่ลดตามก็ได้
แต่มาตราการการคลังที่มีในมือออกปุ๊บเห็นผลดังใจเลย
จึงต้องคำถามกลับมาทำไมไม่ทำ
-
- Verified User
- โพสต์: 950
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 5
ดอกเบี้ยขึ้นลงระยะสั้น แทบไม่มีผลต่อ Real Sector แต่จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อ Fund Flow ที่เข้ามาหาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในตลาดตราสารหนี้pinky blade เขียน:ดอกเบี้ยนี่มันไม่เกี่ยวกับ real sector เหรอคะ แล้วเวลาธุรกิจต่างๆ ผู้กู้ซื้ออสังหา ผู้ฝากเงินกินดอกเบี้ย เงินเฟ้อ พวกนี้ไม่ใช่ real sector เหรอคะSumotin เขียน:ทั้ง 2 ข้อที่กล่าวมากระทบ real sector เป็นหลัก ส่วนเรื่องดอกเบี้ยส่งผลต่อ fund flow เป็นหลักมากกว่าครับ ถ้าเงินแข็งเพราะการลงทุนใน real sector จะส่งผลดีต่อประเทศโดยรวมมากกว่า แข็งตัวจาก fund flow นะครับmiracle เขียน:มีคำถามที่ถามกลับว่า
คลังมีเครื่องมือในการควบคุมค่าเงินบาทที่แข็งค่าคือ
1 ขึ้นภาษี
2 capital control
ซึ่งทั้ง 2 มาตราการออกมาแล้วไม่ต้องใช้เวลาในการส่งผ่านมาตราการเหมือนลดดอกเบี้ยนโยบาย
ที่ต้องรอธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ย ซึ่งบางครั้ง อาจจะไม่ลดตามก็ได้
แต่มาตราการการคลังที่มีในมือออกปุ๊บเห็นผลดังใจเลย
จึงต้องคำถามกลับมาทำไมไม่ทำ
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 6
เกี่ยวสิครับ แต่มันจะมีส่วนทั้ง 2 ด้านใน real sector ไงครับ ทั้งด้านผู้กู้และให้กู้ ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าไม่เกี่ยวกันนะครับ ผมบอกว่า fund flow เป็นหลัก เพราะถ้าลดดอกเบี้ย มีส่วนให้ธุรกิจมีต้นทุนที่ต่ำลง อาจเกิดเงินเฟ้อและฟองสบู่ได้ แต่มาตราการในการควบคุมในแต่ละ sector ก็ทำได้ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดอัตราส่วน ในการกู้ซื้ออสังหาต่างๆ จะเห็นว่า ลดดอกเบี้ยโดยหลักจะส่งผลดีต่อ real sector แต่ต้องระวังที่เงินเฟ้อในระดับที่มากเกินไปและฟองสบู่เท่านั้น เงินเฟ้อระดับปกติไม่เป็นปัญหาเพราะเงินเฟ้อทุกปีอยู่แล้วpinky blade เขียน:ดอกเบี้ยนี่มันไม่เกี่ยวกับ real sector เหรอคะ แล้วเวลาธุรกิจต่างๆ ผู้กู้ซื้ออสังหา ผู้ฝากเงินกินดอกเบี้ย เงินเฟ้อ พวกนี้ไม่ใช่ real sector เหรอคะSumotin เขียน:ทั้ง 2 ข้อที่กล่าวมากระทบ real sector เป็นหลัก ส่วนเรื่องดอกเบี้ยส่งผลต่อ fund flow เป็นหลักมากกว่าครับ ถ้าเงินแข็งเพราะการลงทุนใน real sector จะส่งผลดีต่อประเทศโดยรวมมากกว่า แข็งตัวจาก fund flow นะครับmiracle เขียน:มีคำถามที่ถามกลับว่า
คลังมีเครื่องมือในการควบคุมค่าเงินบาทที่แข็งค่าคือ
1 ขึ้นภาษี
2 capital control
ซึ่งทั้ง 2 มาตราการออกมาแล้วไม่ต้องใช้เวลาในการส่งผ่านมาตราการเหมือนลดดอกเบี้ยนโยบาย
ที่ต้องรอธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ย ซึ่งบางครั้ง อาจจะไม่ลดตามก็ได้
แต่มาตราการการคลังที่มีในมือออกปุ๊บเห็นผลดังใจเลย
จึงต้องคำถามกลับมาทำไมไม่ทำ
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
- pinky blade
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณสำหรับความรู้คะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4254
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 8
ถ้าพูดกัน สาดกันไปมา แทนที่จะแก้ปัญหา ด้วยความจริงใจ
ที่จะให้เกิดประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง คงไม่เป็นแบบนี้ ...
ปัญหาเราอย่าฟังอ่านแต่ภายใน โดยเฉพาะที่อ้างกันจาก
ปากนักการเมือง. ดูตัวเลขจริงๆ ดีกว่า
เมื่อเช้า อ่านข่าวในบลูมเบิร์ก เพื่อนบ้านเราประเทศฟิลิปปินส์ เครดิตเรทติ้ง
พอๆ กับเรา BBB - BB+ ดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่าเรา
คือ 3.5% ... เศรษฐกิจดีในระดับพอๆ กัน ... GDP คาดการณ์ว่า
จะโต 5 - 6% ...
เดือนก่อนอ่านข่าว ประเทศออสเตรเลีย เขาเครดิตดีกว่าเรา
ระดับ AA ขึ้นมั้ง. ดอกเบี้ยนโยบายยังเท่าเรา 2.75% เงินแข็งพอๆ กับ
เรา แต่ไม่สามารถปรับลดได้ เพราะอะไร. ผมไม่ทราบ
แต่ที่เราทำผิดกันมานาน คือการไม่เก็บภาษี โดยเฉพาะตลาดทุน
คนรวย(เล่นหุ้น) ที่ซื้อมาขายไปอย่างเร็ว เลยไม่ต้องจ่ายภาษีจากกำไรเลย
ตลาดตราสารก็เหมือนกัน เลยเข้าเร็วออกเร็วได้ เพราะไม่แรงเสียดทาน
ประเทศอื่นๆ ส่วนมากต้องถือเกินปี ทั้งนั้นถึง ยกเว้น cap.gain tax ...
ปากบอกส่งเสริมการลงทุน แต่การกระทำวส่งเสริมการเกร็งกำไร 100% !!!!
มาเลเซียเขามีนะครับ capital gain tax นี่ ....
ระยะสั้นๆ ปัญหาค่าเงิน แต่ระยะกลางถึงยาว bubble ครับ ซึ่งตอนนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว
หรือใครว่าไม่จริง!!!
ที่จะให้เกิดประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง คงไม่เป็นแบบนี้ ...
ปัญหาเราอย่าฟังอ่านแต่ภายใน โดยเฉพาะที่อ้างกันจาก
ปากนักการเมือง. ดูตัวเลขจริงๆ ดีกว่า
เมื่อเช้า อ่านข่าวในบลูมเบิร์ก เพื่อนบ้านเราประเทศฟิลิปปินส์ เครดิตเรทติ้ง
พอๆ กับเรา BBB - BB+ ดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่าเรา
คือ 3.5% ... เศรษฐกิจดีในระดับพอๆ กัน ... GDP คาดการณ์ว่า
จะโต 5 - 6% ...
เดือนก่อนอ่านข่าว ประเทศออสเตรเลีย เขาเครดิตดีกว่าเรา
ระดับ AA ขึ้นมั้ง. ดอกเบี้ยนโยบายยังเท่าเรา 2.75% เงินแข็งพอๆ กับ
เรา แต่ไม่สามารถปรับลดได้ เพราะอะไร. ผมไม่ทราบ
แต่ที่เราทำผิดกันมานาน คือการไม่เก็บภาษี โดยเฉพาะตลาดทุน
คนรวย(เล่นหุ้น) ที่ซื้อมาขายไปอย่างเร็ว เลยไม่ต้องจ่ายภาษีจากกำไรเลย
ตลาดตราสารก็เหมือนกัน เลยเข้าเร็วออกเร็วได้ เพราะไม่แรงเสียดทาน
ประเทศอื่นๆ ส่วนมากต้องถือเกินปี ทั้งนั้นถึง ยกเว้น cap.gain tax ...
ปากบอกส่งเสริมการลงทุน แต่การกระทำวส่งเสริมการเกร็งกำไร 100% !!!!
มาเลเซียเขามีนะครับ capital gain tax นี่ ....
ระยะสั้นๆ ปัญหาค่าเงิน แต่ระยะกลางถึงยาว bubble ครับ ซึ่งตอนนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว
หรือใครว่าไม่จริง!!!
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 9
จริงมีหลายวิธีที่จะคุมเงินไหลเข้าได้ ถ้าย้อนไปน่าจะปี 2006 ตอนนั้น หม่อมอุ๋ย ได้ออกมาตราการมาเหมือนกัน ที่กันเงิน 30% จากต่างชาติ (เท่าที่จำได้นะครับ) ทำให้หุ้นตกอย่างหนักในวันนั้น หลังจากนั้นตอนเย็นออกมาบอกว่ายกเว้นตลาดหุ้นในที่สุด ทำให้เกิดการดีดกลับขึ้นมา อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถหยุดความแข็งของค่าเงินได้
โจทย์ตอนนี้ต้องมาดูว่าเงินมันเข้าไปที่ไหนมาก ถ้ามันเข้า bond มากจริงการลดดอกเบี้ย น่าจะส่งผลที่สุด แต่ถ้าเงินไหลเข้า เข้ามาทาง real sector ผมว่าจะดีในระยะยาว เพราะจะเกิดการจ้างงานมากขึ้นในอนาคต แต่เงินในรูปแบบนี้ไม่ทำให้เงินแข็งค่าอย่างรวดเร็วนะสิเพราะต้องมีการ plan มีการก่อสร้างต้องใช้ระยะเวลา
คือไม่อยากให้ ธปท. เข้าซื้อค่าเงินเพื่อสะกัดการเก็งกำไรอย่างเดียว เพราะมันเป็นวิธีที่ใช้กันมาในอดีต แล้วยังไม่เคยเห็นชนะสักที (การเข้าซื้อค่าเงินใช้ได้ในการรักษากรอบเงินในช่วงที่ flow ยังไม่สูงเท่านั้น) มองง่ายๆเงินทุนสำรองของประเทศมีเท่าไหร่ ที่จะไปสู้กับ flow เงินจากทั่วโลกครับ
ส่วนประเทศอื่นๆ อย่าง ประเทศฟิลิปปินส์ และ ออสเตรเลีย คงต้องลงไปดูในรายละเอียดว่าเขามีการบริหารอย่างไรบ้าง
โจทย์ตอนนี้ต้องมาดูว่าเงินมันเข้าไปที่ไหนมาก ถ้ามันเข้า bond มากจริงการลดดอกเบี้ย น่าจะส่งผลที่สุด แต่ถ้าเงินไหลเข้า เข้ามาทาง real sector ผมว่าจะดีในระยะยาว เพราะจะเกิดการจ้างงานมากขึ้นในอนาคต แต่เงินในรูปแบบนี้ไม่ทำให้เงินแข็งค่าอย่างรวดเร็วนะสิเพราะต้องมีการ plan มีการก่อสร้างต้องใช้ระยะเวลา
คือไม่อยากให้ ธปท. เข้าซื้อค่าเงินเพื่อสะกัดการเก็งกำไรอย่างเดียว เพราะมันเป็นวิธีที่ใช้กันมาในอดีต แล้วยังไม่เคยเห็นชนะสักที (การเข้าซื้อค่าเงินใช้ได้ในการรักษากรอบเงินในช่วงที่ flow ยังไม่สูงเท่านั้น) มองง่ายๆเงินทุนสำรองของประเทศมีเท่าไหร่ ที่จะไปสู้กับ flow เงินจากทั่วโลกครับ
ส่วนประเทศอื่นๆ อย่าง ประเทศฟิลิปปินส์ และ ออสเตรเลีย คงต้องลงไปดูในรายละเอียดว่าเขามีการบริหารอย่างไรบ้าง
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 10
เงินไหลเข้า bond ก็มีคำถามว่า
Bond มันมีที่มาที่ไปจากก่อนลดดอกเบี้ย ดอกเบี้ยมันคงที่ มีอ้างอิงกับดัชนีเงินเฟ้อ มีเพดานสูงเพดานต่ำ
คำถามลดดอกเบี้ยตอนนี้ก็ไม่มีผลต่อ bond ที่ออกไปแล้ว
แต่มีผลต่อ bond ที่กำลังออกต่างหาก
ดังนั้นดูดีๆๆ
ยิ่งมี deal cpall+ makro ที่ใช้เงินกู้ 90%
ถ้าลดดอกเบี้ย cpall ยิ้มเพราะ ต้นทุนเงินทุนลดลง
แต่ถ้าเก่าก็ก้มหน้าจ่ายต่อไป
ผมมองมุมกลับละ
Bond มันมีที่มาที่ไปจากก่อนลดดอกเบี้ย ดอกเบี้ยมันคงที่ มีอ้างอิงกับดัชนีเงินเฟ้อ มีเพดานสูงเพดานต่ำ
คำถามลดดอกเบี้ยตอนนี้ก็ไม่มีผลต่อ bond ที่ออกไปแล้ว
แต่มีผลต่อ bond ที่กำลังออกต่างหาก
ดังนั้นดูดีๆๆ
ยิ่งมี deal cpall+ makro ที่ใช้เงินกู้ 90%
ถ้าลดดอกเบี้ย cpall ยิ้มเพราะ ต้นทุนเงินทุนลดลง
แต่ถ้าเก่าก็ก้มหน้าจ่ายต่อไป
ผมมองมุมกลับละ
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 11
ผมว่ามีผลต่อ bond ที่ออกมาแล้วอยู่เหมือนกันนะครับ เพราะมีบางส่วนเป็น floating rate ถ้ามีการลดลงก็จะส่งผลกระทบต่อ return อยู่ดีครับ อีกอย่างที่เป็นผลกระทบต่อ bond ใหม่ที่จะออกตัวนี้ทำให้ demand ต่ำลง และในกรณีถ้าส่งผลกระทบต่อค่าเงิน return ของ bond เก่าก็จะได้รับผลกระทบต่อการแปลงค่าเงินกลับไปทำให้ total return ของการลงทุนใน fixed bond ต่ำลงอยู่ดี ถ้าเกิดกรณีนี้ขึ้นจริงก็คงมีการขายออกของต่างชาติในตลาด bond เกิดขึ้นแน่ครับ ยกเว้นแต่พวกที่ลงทุนยาวจริงๆ อาจทำ forward FX ไว้ก่อนเพื่อ lock return พวกนี้ก็คงไม่ได้ flow out ออกครับ
ส่วนเรื่อง CPALL ผมว่าไม่เกี่ยวกันนะเงินกู้อาจจะไม่ได้ลดก็ได้ เพราะต้องดูว่าเป็น fixed or floating ครับ และอีกอย่าง ธนาคารพาณิชย์ บางที่ก็ไม่ชอบลดดอกเบี้ยตามดอกเบี้ยนโยบายเหมือนกันนะครับ
ส่วนเรื่อง CPALL ผมว่าไม่เกี่ยวกันนะเงินกู้อาจจะไม่ได้ลดก็ได้ เพราะต้องดูว่าเป็น fixed or floating ครับ และอีกอย่าง ธนาคารพาณิชย์ บางที่ก็ไม่ชอบลดดอกเบี้ยตามดอกเบี้ยนโยบายเหมือนกันนะครับ
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 12
Bond เดิม คิดจากอายุคงเหลือ กับ ดอกเบี้ยที่จ่ายในแต่ละเวลา
โดนการทำ discount cash flow
เมื่อได้มูลค่าที่แท้จริงก็ดูราคาตลาด
แต่จริงๆ แล้วซื้อขายบนผลตอบแทน ที่คิดเป็น เปอร์เซ็นต์ต่อปี เหมือนดอกเบี้ย
อันนี้เป็นฝ่ายนักลงทุน
ฝ่ายผู้ออก ไม่มีผล เพราะดอกเบี้ยมันจ่ายตามหน้าตั๋วที่ระบุไว้
โดยทั่วไปในตลาดคือ ดอกเบี้ยคงที่ตั้งแต่วันแรกที่ออก ส่วนน้อยคือ ดอกเบี้ยลอยตัว เช่นขึ้นอยู่กับอัตราเงินเฟ้อ เป็นต้น ดังนั้นผู้ออกก็ไม่ได้ไม่เสีย
นักลงทุนเองเป็นผู้ได้เสียมากกว่า โดยเจ้าใหญ่ในประเทศ คือ กองทุน(กบข ตัวใหญ่สุด) ประกันชีวิต/วินาศภัย ต่างชาติ ธนาคารพาณิชย์ โดยทั่วไปซื้ออย่างเดียวไม่ค่อยซื้อมาขายไป เพราะ ถือจนครบอายุนั้นเอง
ถ้าหากเก็บภาษีก็เก็บได้ โดนถ้าหากมาลงทุนตราสารหนี้ระยะเวลาในการถือครองน้อยกว่า 3 เดือนหรือ 1 ปีก็ว่ากันไปจ่ายภาษี แบบนี้จะกระทบต่อผู้ซื้อมาขายไป ถ้าถือจนครยกำหนดไม่ต้องเสียภาษี แลบนี้เป็นการพัฒนาตลาดตราสารหนี้
ข้างบนเป็นการอธิบายอย่างละเอียดให้เข้าใจเลยว่า bond ควรแก้ไขแบบไหน
ประเด็นต่อไป ไม่รู้ว่า cpall ซื้อ makro เป็นเงินกู้ระยะสั้น
แต่ cpall ยังไม่ซื้อจนกว่าจะได้มติที่ประชุมผ่านก่อน
ดังนั้น ถ้ามีการลดดอกเบี้ยลดก่อนซื้อขาย อาจจะทำให้ cpall จ่ายดอกเบี้ยลดลงได้
โดนหลักการแล้วผู้กู้เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ก็อยากได้ดอกเบี้ยที่ลดลง นั้นเอง
Logic ธรรมชาติของบริษัทหรือบุคคลที่ต้องการลดต้นทุน
ดังนั้นผู้ได้ผลประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย ณ ตอนนี้คือ cpall ก็ได้
เลยต้องเป็นประเด็นไว้ว่า ออกข่าวมาในจังหวะการเกิด big deal
โดนการทำ discount cash flow
เมื่อได้มูลค่าที่แท้จริงก็ดูราคาตลาด
แต่จริงๆ แล้วซื้อขายบนผลตอบแทน ที่คิดเป็น เปอร์เซ็นต์ต่อปี เหมือนดอกเบี้ย
อันนี้เป็นฝ่ายนักลงทุน
ฝ่ายผู้ออก ไม่มีผล เพราะดอกเบี้ยมันจ่ายตามหน้าตั๋วที่ระบุไว้
โดยทั่วไปในตลาดคือ ดอกเบี้ยคงที่ตั้งแต่วันแรกที่ออก ส่วนน้อยคือ ดอกเบี้ยลอยตัว เช่นขึ้นอยู่กับอัตราเงินเฟ้อ เป็นต้น ดังนั้นผู้ออกก็ไม่ได้ไม่เสีย
นักลงทุนเองเป็นผู้ได้เสียมากกว่า โดยเจ้าใหญ่ในประเทศ คือ กองทุน(กบข ตัวใหญ่สุด) ประกันชีวิต/วินาศภัย ต่างชาติ ธนาคารพาณิชย์ โดยทั่วไปซื้ออย่างเดียวไม่ค่อยซื้อมาขายไป เพราะ ถือจนครบอายุนั้นเอง
ถ้าหากเก็บภาษีก็เก็บได้ โดนถ้าหากมาลงทุนตราสารหนี้ระยะเวลาในการถือครองน้อยกว่า 3 เดือนหรือ 1 ปีก็ว่ากันไปจ่ายภาษี แบบนี้จะกระทบต่อผู้ซื้อมาขายไป ถ้าถือจนครยกำหนดไม่ต้องเสียภาษี แลบนี้เป็นการพัฒนาตลาดตราสารหนี้
ข้างบนเป็นการอธิบายอย่างละเอียดให้เข้าใจเลยว่า bond ควรแก้ไขแบบไหน
ประเด็นต่อไป ไม่รู้ว่า cpall ซื้อ makro เป็นเงินกู้ระยะสั้น
แต่ cpall ยังไม่ซื้อจนกว่าจะได้มติที่ประชุมผ่านก่อน
ดังนั้น ถ้ามีการลดดอกเบี้ยลดก่อนซื้อขาย อาจจะทำให้ cpall จ่ายดอกเบี้ยลดลงได้
โดนหลักการแล้วผู้กู้เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ก็อยากได้ดอกเบี้ยที่ลดลง นั้นเอง
Logic ธรรมชาติของบริษัทหรือบุคคลที่ต้องการลดต้นทุน
ดังนั้นผู้ได้ผลประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย ณ ตอนนี้คือ cpall ก็ได้
เลยต้องเป็นประเด็นไว้ว่า ออกข่าวมาในจังหวะการเกิด big deal
- SawScofield
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 238
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 13
Impossible Trinity กระมังครับที่ไม่สามารถทำให้ใครต่อใครถูกใจได้ทั้งหมด
การแทรกแซงด้านนึง จะส่งผลดีกับอีกด้านนึง แต่ก็จะกระทบกับด้านที่เหลือเสมอ
การ balance ทุกด้านให้เป็นดังที่คิดนั้นคงไม่ง่ายเท่าไหร่หรอกครับ ^^"
การแทรกแซงด้านนึง จะส่งผลดีกับอีกด้านนึง แต่ก็จะกระทบกับด้านที่เหลือเสมอ
การ balance ทุกด้านให้เป็นดังที่คิดนั้นคงไม่ง่ายเท่าไหร่หรอกครับ ^^"
Respect, Persistence then Deserve
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 14
คำถามต่อมา ลดดอกเบี้ย กระตุ้นใช้จ่าย
แล้ว ดอกเบี้ย เงินฝากลดลง ทำให้ไม่สนใจฝากเงิน
มันจะเป็นงูกินหางไปทำให้ดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ไม่ลดลง
แถมพรบ คุ้มครองเงินต้น ที่ยังไม่ลดความคุ้มครอง ให้เหลือ 1 ล้านบาท
ดังนั้น มันต้องพิจารณาด้านนี้ไว้ด้วยว่ามีแรงกดดัน จากประชาชน
By the way
ประชาชนทั่วไป ยังไม่ค่อยมีความรู้การลงทุน
เชื่อคำแนะนำเจ้าหน้าแนะนำการลงทุน
จุดนี้คือจุดที่ต้องพัฒนาต่อไป
แล้ว ดอกเบี้ย เงินฝากลดลง ทำให้ไม่สนใจฝากเงิน
มันจะเป็นงูกินหางไปทำให้ดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ไม่ลดลง
แถมพรบ คุ้มครองเงินต้น ที่ยังไม่ลดความคุ้มครอง ให้เหลือ 1 ล้านบาท
ดังนั้น มันต้องพิจารณาด้านนี้ไว้ด้วยว่ามีแรงกดดัน จากประชาชน
By the way
ประชาชนทั่วไป ยังไม่ค่อยมีความรู้การลงทุน
เชื่อคำแนะนำเจ้าหน้าแนะนำการลงทุน
จุดนี้คือจุดที่ต้องพัฒนาต่อไป
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 15
ผมว่าทางแก้มีเสมอครับ ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม ขอแค่ลดทิฐิทั้ง 2 ฝ่าย มาพูดคุยเหตุผลและหาทางออกร่วมกัน มันก็ผ่านพ้นไปได้เองครับ
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
-
- Verified User
- โพสต์: 428
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 16
เมื่อก่อน boj ก็ ทำแบบที่ bot ทำตอนนี้ ละครับ
คือบริหารแบบ รักษาค่าเงินสุดชีวิต กลัวเงินเฟ้อ
พึ่งมาเปลี่ยนปีที่แล้วมั้ง ที่ ใช้การเพิ่มปริมาณเงินเข้าไป
ทำให้ค่าเงินเย็นอ่อนค่าลงไปมาก
usa eu japan ทั้ง 3 กลุ่มประเทศเพิ่มปริมาณเงินขึ้นไปเรื่อยๆ
ก็มีแต่ ประเทศไม่รู้จักคิดละครับ ที่ยินดีจ่ายดอกเบี้ยแพงๆ กับเงิน ที่ท่วมโลก
เงินที่ทั้ง 3 ประเทศมันเพิ่ม มีใครคิดไม๊ว่ามันมาก กว่า gdp ของไทยกี่พันเท่า
ดูการบริหาร ของ bot แล้ว เหนื่อย เหมือนสมัยต้มยำกุ้ง
(เน้นรักษาผลประโยชนฺ์ ของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินทั้งหมด)
ประเทศไทย ที่มีนักการเมืองโกงติดอันโลก และยังมี bot ที่คนเชื่อว่าไม่โกง
แต่พร้อมที่จะทำความเสียหายให้ประเทศประมาณ นับ ล้านล้านบาทต่อปี
คือบริหารแบบ รักษาค่าเงินสุดชีวิต กลัวเงินเฟ้อ
พึ่งมาเปลี่ยนปีที่แล้วมั้ง ที่ ใช้การเพิ่มปริมาณเงินเข้าไป
ทำให้ค่าเงินเย็นอ่อนค่าลงไปมาก
usa eu japan ทั้ง 3 กลุ่มประเทศเพิ่มปริมาณเงินขึ้นไปเรื่อยๆ
ก็มีแต่ ประเทศไม่รู้จักคิดละครับ ที่ยินดีจ่ายดอกเบี้ยแพงๆ กับเงิน ที่ท่วมโลก
เงินที่ทั้ง 3 ประเทศมันเพิ่ม มีใครคิดไม๊ว่ามันมาก กว่า gdp ของไทยกี่พันเท่า
ดูการบริหาร ของ bot แล้ว เหนื่อย เหมือนสมัยต้มยำกุ้ง
(เน้นรักษาผลประโยชนฺ์ ของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินทั้งหมด)
ประเทศไทย ที่มีนักการเมืองโกงติดอันโลก และยังมี bot ที่คนเชื่อว่าไม่โกง
แต่พร้อมที่จะทำความเสียหายให้ประเทศประมาณ นับ ล้านล้านบาทต่อปี
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 18
1980 ที่ญี่ปุ่น เกิดวิกฤติ เนื่องจากค่าเงินเยนแข็ง
ถ้าไปดูประวัติศาสตร์ มีการประชุมครั้งหนึ่งในช่วงนั้น
ให้ดอลล่าร์ยูเอสอ่อน ให้เยนแข็ง โดยประเทศต่างๆเห็นชอบ
มิใช่เกิดจาก boj อย่างเดียว
แถม boj ทำดอกเบี้ยนโยบาย 0% ต่อปีมานานมากเพื้อกระตุ้น เศรษฐกิจ
ก็ไม่ฟื้นอย่างมั่นคง คลังก็กู้เงิน จนแตะ 200% ของ gdp ก็ไม่ฟื้น
ถ้ามองลึกๆคือเรื่องประชาชน ที่วัยสูงอายุมีมากนั้นเอง
เนี่ยคืออดีตที่เกิด
ถ้าไปดูประวัติศาสตร์ มีการประชุมครั้งหนึ่งในช่วงนั้น
ให้ดอลล่าร์ยูเอสอ่อน ให้เยนแข็ง โดยประเทศต่างๆเห็นชอบ
มิใช่เกิดจาก boj อย่างเดียว
แถม boj ทำดอกเบี้ยนโยบาย 0% ต่อปีมานานมากเพื้อกระตุ้น เศรษฐกิจ
ก็ไม่ฟื้นอย่างมั่นคง คลังก็กู้เงิน จนแตะ 200% ของ gdp ก็ไม่ฟื้น
ถ้ามองลึกๆคือเรื่องประชาชน ที่วัยสูงอายุมีมากนั้นเอง
เนี่ยคืออดีตที่เกิด
-
- Verified User
- โพสต์: 4395
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 19
มุมมองรอบด้าน ดีมาก จริงๆ
ส่วนตัว สนใจเี่กี่ยวกับ ดอกเบี้ย ก็ประมาณ นาทีที่ 40 ขึ้นไป
ในนั้นท่าน ดร.ก้องเีกียรติ มีข้อมูลมาให้ดู
การซื้อสุทธิในพันธบัตร ของต่างชาติ
ปี 2553 ประมาณ 322,000 ล้านบาท
ปี 2554 ประมาณ 696,000 ล้านบาท
ปี 2555 ประมาณ 890,000 ล้านบาท
ปี 2556 ใน 4 เดือนแรก ประมาณ 350,000 ล้านบาท
ช่วงเวลารวม 3 ปี 4 เดือน สะสมค้างอยู่ 2.26 ล้านล้านบาท
ในช่วงเวลาเดียวกัน 3 ปี 4 เดือน สะสมอยู่ในหุ้น ประมาณ 110,000 ล้านบาท
นั่นคือเข้าซื้อพันธบัตร เป็น 20 เท่าของการเข้าซื้อในตลาดหุ้น
ส่วนตัว ทำให้ชวนต้อง คิดต่อ หรือ สงสัย ว่า
1. จำนวน 1% หรือ 0.50% ของจำนวน 2.26 ล้านล้านบาทนี้ มันก็ไม่ใช่น้อย
2. ถ้าหากต่างชาติเข้าซื้อพันธบัตรจากนี้ไปอีก 2-3 ปี สมมติเพิ่มจำนวนอีก 1 เท่าของจำนวน 2.26 ล้านล้านบาท จะเกิดอะไรขึ้น จะต้องจ่ายต่อปีเท่าไร? อีกยาวไหม? และถ้าเกิดดึงกลับทันที ผลจะเป็นอย่างไร?
3. สิ่งนี้น่าจะเป็น ส่วนหนึ่งของต้นทุนทางการเงินของประเทศ ที่น่าจะลดลงได้ ในภาวะเงินท่วมล้นโลก หรือไม่
4. ไทยเราเอาเงินเฟ้อ การกลัวฟองสบู่ แล้วให้คงดอกเบี้ยไว้ ในภาวะเงินท่วมล้นโลกนี้ ใช่เอาเนื้อหนูไปเปาะเนื้อช้าง หรือเปล่า? แล้วจะทนได้นานแค่ไหน? หรือจะบอกประชาชนอีกครั้งก็แบบคล้ายปี 40 เราหมดหน้าตักแล้ว (ที่สำคัญส่วนนี้ เป็นการจ่ายเงินที่ไหลออกไปนอกประเทศด้วย)
5. ชอบมากๆ ที่ ดร.ท่านบอกว่า ดอกเบี้ยไม่คำตอบ 100% ต้องมาตราการอื่นๆ หนัก เบา ตามมาอีกด้วย
เครดิตคุณpakhakorn จากหัวข้อเลือกหุ้นในการลงทุนรอบใหญ่
ส่วนตัว สนใจเี่กี่ยวกับ ดอกเบี้ย ก็ประมาณ นาทีที่ 40 ขึ้นไป
ในนั้นท่าน ดร.ก้องเีกียรติ มีข้อมูลมาให้ดู
การซื้อสุทธิในพันธบัตร ของต่างชาติ
ปี 2553 ประมาณ 322,000 ล้านบาท
ปี 2554 ประมาณ 696,000 ล้านบาท
ปี 2555 ประมาณ 890,000 ล้านบาท
ปี 2556 ใน 4 เดือนแรก ประมาณ 350,000 ล้านบาท
ช่วงเวลารวม 3 ปี 4 เดือน สะสมค้างอยู่ 2.26 ล้านล้านบาท
ในช่วงเวลาเดียวกัน 3 ปี 4 เดือน สะสมอยู่ในหุ้น ประมาณ 110,000 ล้านบาท
นั่นคือเข้าซื้อพันธบัตร เป็น 20 เท่าของการเข้าซื้อในตลาดหุ้น
ส่วนตัว ทำให้ชวนต้อง คิดต่อ หรือ สงสัย ว่า
1. จำนวน 1% หรือ 0.50% ของจำนวน 2.26 ล้านล้านบาทนี้ มันก็ไม่ใช่น้อย
2. ถ้าหากต่างชาติเข้าซื้อพันธบัตรจากนี้ไปอีก 2-3 ปี สมมติเพิ่มจำนวนอีก 1 เท่าของจำนวน 2.26 ล้านล้านบาท จะเกิดอะไรขึ้น จะต้องจ่ายต่อปีเท่าไร? อีกยาวไหม? และถ้าเกิดดึงกลับทันที ผลจะเป็นอย่างไร?
3. สิ่งนี้น่าจะเป็น ส่วนหนึ่งของต้นทุนทางการเงินของประเทศ ที่น่าจะลดลงได้ ในภาวะเงินท่วมล้นโลก หรือไม่
4. ไทยเราเอาเงินเฟ้อ การกลัวฟองสบู่ แล้วให้คงดอกเบี้ยไว้ ในภาวะเงินท่วมล้นโลกนี้ ใช่เอาเนื้อหนูไปเปาะเนื้อช้าง หรือเปล่า? แล้วจะทนได้นานแค่ไหน? หรือจะบอกประชาชนอีกครั้งก็แบบคล้ายปี 40 เราหมดหน้าตักแล้ว (ที่สำคัญส่วนนี้ เป็นการจ่ายเงินที่ไหลออกไปนอกประเทศด้วย)
5. ชอบมากๆ ที่ ดร.ท่านบอกว่า ดอกเบี้ยไม่คำตอบ 100% ต้องมาตราการอื่นๆ หนัก เบา ตามมาอีกด้วย
เครดิตคุณpakhakorn จากหัวข้อเลือกหุ้นในการลงทุนรอบใหญ่
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 808
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 20
คิดว่าจะลดดอกเบี้ยเท่าไหร่ จึงจะไม่ให้แข็งเงินบาทแข็ง ในเมื่อ 3 ที่ที่กล่าวไว้เกือบเป็น 0%
แล้วมันแปลกมั๊ยที่ประเทศอีกหลายประเทศที่ดอกเบี้ยสูงกว่าเรา แต่ค่าเงินไม่ได้แข็งเท่าเรา
เพราะยังมีปัจจัยอีกหลายตัวที่มีผลต่อกระแสเงินไหลเข้าออกของทุน ซึ่งอาจต้องใช้มาตรการหลาย ๆ
อย่างเป็นชุด ไม่ใช่แค่ลดดอกอย่างเดียว
การแข็งค่าของเงินใช่ว่าจะมีข้อเสียอย่างเดียว ด้านดีก็มี เช่นราคาน้ำมันควรถูกลง (แต่ทำไมราคาน้ำมันไม่ลง)
การคืนหนี้ต่างประเทศก็ได้เปรียบ หลายกลุ่มบริษัท ก็ทำการ swap เงินกู้ในช่วงนี้ หรือแม้แต่ cp ซื้อ makro ก็เช่นกัน
ปัญหาคือกลุ่มส่งออกกระทบอย่างแรง (ผมก็มีหุ้นส่งออก) จึงต้องหาจุดดุลยภาพของมาตรการต่าง ๆ ให้เจอ
ผิดถูกก็ขออภัย
แล้วมันแปลกมั๊ยที่ประเทศอีกหลายประเทศที่ดอกเบี้ยสูงกว่าเรา แต่ค่าเงินไม่ได้แข็งเท่าเรา
เพราะยังมีปัจจัยอีกหลายตัวที่มีผลต่อกระแสเงินไหลเข้าออกของทุน ซึ่งอาจต้องใช้มาตรการหลาย ๆ
อย่างเป็นชุด ไม่ใช่แค่ลดดอกอย่างเดียว
การแข็งค่าของเงินใช่ว่าจะมีข้อเสียอย่างเดียว ด้านดีก็มี เช่นราคาน้ำมันควรถูกลง (แต่ทำไมราคาน้ำมันไม่ลง)
การคืนหนี้ต่างประเทศก็ได้เปรียบ หลายกลุ่มบริษัท ก็ทำการ swap เงินกู้ในช่วงนี้ หรือแม้แต่ cp ซื้อ makro ก็เช่นกัน
ปัญหาคือกลุ่มส่งออกกระทบอย่างแรง (ผมก็มีหุ้นส่งออก) จึงต้องหาจุดดุลยภาพของมาตรการต่าง ๆ ให้เจอ
ผิดถูกก็ขออภัย
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 21
คำถามต่อไป คือ อัตราแลกเปลี่ยน ดอกเบี้ย อัตราการว่างงาน
สามตัวนี้ มันไปด้วยกันมิได้ ดังนั้นสร้างสมดุลเป็นเรื่องยากมาก
ถ้าใช้นโยบายการเงินในการจัดการ
แก้ไขอย่างดีสุดได้ 2ใน3
ถ้าตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีก็ไม่มีการโยนหินถามทางมา
แต่ลดดอกเบี้ยโยนหินถามทางมาหลายรอบแล้ว
ยังไม่ทำเพราะแรงต้านนั้นเอง เก็บไว้ตอนที่จำเป็นดีกว่า
ยิ่งตอนนี้สโลวาเนีย โดนลดเครดิต เป็น junk bond รายต่อมาแล้วด้วย
แถม ecb ลดดอกเบี้ยลด 0.25% เหลือ 0.50% แสดงยัฃมีวิกฤติอยู่ดี
นั้นเอง
เปิดหนังสือเล่มเดียวกัน แต่คนละหน้่าคนละบท
มันก็เรื่องเดียวกันแต่แก้ไขคนละมุมมอง
สามตัวนี้ มันไปด้วยกันมิได้ ดังนั้นสร้างสมดุลเป็นเรื่องยากมาก
ถ้าใช้นโยบายการเงินในการจัดการ
แก้ไขอย่างดีสุดได้ 2ใน3
ถ้าตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีก็ไม่มีการโยนหินถามทางมา
แต่ลดดอกเบี้ยโยนหินถามทางมาหลายรอบแล้ว
ยังไม่ทำเพราะแรงต้านนั้นเอง เก็บไว้ตอนที่จำเป็นดีกว่า
ยิ่งตอนนี้สโลวาเนีย โดนลดเครดิต เป็น junk bond รายต่อมาแล้วด้วย
แถม ecb ลดดอกเบี้ยลด 0.25% เหลือ 0.50% แสดงยัฃมีวิกฤติอยู่ดี
นั้นเอง
เปิดหนังสือเล่มเดียวกัน แต่คนละหน้่าคนละบท
มันก็เรื่องเดียวกันแต่แก้ไขคนละมุมมอง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 808
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 22
แม้การหาจุดดุลยภาพจะเป็นสิ่งที่ยาก และไม่มีใครบอกได้ว่าจะถูกหรือจะผิด เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นได้เพียงเหตุการณ์เดียว ณ เวลาหนึ่งเช่น เลือกมาตรการที่นี้ล้มเหลว ใช่ว่าเลือกอีกวิธีจะถูกต้อง เพราะเหตุการณ์และเงื่อนไขอย่างเดียวกันกับการเลือกวิธีแรกมันผ่านไปแล้ว เมกา ก็เช่นเดียวกัน วิกฤตเศรษฐกิจ ถ้าเป็นประเทศอื่นบอกว่า ต้องปล่อยให้ล้ม กับตัวเองออก qe อุ้มซะงั้น
ดังนั้น การร่วมือกัน และต้องรับผิดชอบร่วมกันในผลที่จะเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ผู้รับผิดชอบต้องแสวงหาก่อน แสวงหามาตรการต่าง ๆ
ดังนั้น การร่วมือกัน และต้องรับผิดชอบร่วมกันในผลที่จะเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ผู้รับผิดชอบต้องแสวงหาก่อน แสวงหามาตรการต่าง ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 428
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 23
การลดดอกเบี้ยนโยบาย เป็นการลดดอกเบี้ยจ่าย ให้เงินทุนจากต่างประเทศ
ปีนี้ ว่า กันว่า bot ถลุงเงิน โดยจ่ายดอกเบี้ยนโยบายที่สูงเกินควร
และ เอาเงิน us$ ที่มีไปซื้อ พันธบัติ ตปท ที่ ดอกเบี้ย ต่ำกว่า ที่เราจ่าย
ความเสียหายสะสม ทีผมอ่านจากข่าว ประมาณ 1ล้านล้านบาท
นี่คือความเสียหายที่ คน ทั้งประเทศ ก็ไปแบ่งๆกัน คนละประมาณ 16,666 บาท
เงินก้อนนี้ เอาไปแก้ปัญหา การขาดแคลนน้ำและน้ำท่วมทั้งประเทศได้
แล้วชอบเถียงว่า การลดดอกเบี้ย อาจจะไม่ทำให้เงินบาทอ่อนลง
บางคน เถียงว่า เงินแข็งก็ดีเหมือนกัน
ถ้าลดดอกเบี้ย เงินไม่อ่อนลง แล้วงัยเพราะบางคนบอกเงินแข็งดี
แต่อย่างน้อยก็ประหยัดดอกเบี้ยปีละหลายแสนล้าน
นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอหรือที่เราต้องลดดอกเบี้ย
ส่วนฟองสบู่ที่กลัวกัน bot ก็ยังสามารถ ให้ bank เพิ่มสำรองได้ แต่ bot ไม่พูด เพราะ bank ไม่ชอบ
ปีนี้ ว่า กันว่า bot ถลุงเงิน โดยจ่ายดอกเบี้ยนโยบายที่สูงเกินควร
และ เอาเงิน us$ ที่มีไปซื้อ พันธบัติ ตปท ที่ ดอกเบี้ย ต่ำกว่า ที่เราจ่าย
ความเสียหายสะสม ทีผมอ่านจากข่าว ประมาณ 1ล้านล้านบาท
นี่คือความเสียหายที่ คน ทั้งประเทศ ก็ไปแบ่งๆกัน คนละประมาณ 16,666 บาท
เงินก้อนนี้ เอาไปแก้ปัญหา การขาดแคลนน้ำและน้ำท่วมทั้งประเทศได้
แล้วชอบเถียงว่า การลดดอกเบี้ย อาจจะไม่ทำให้เงินบาทอ่อนลง
บางคน เถียงว่า เงินแข็งก็ดีเหมือนกัน
ถ้าลดดอกเบี้ย เงินไม่อ่อนลง แล้วงัยเพราะบางคนบอกเงินแข็งดี
แต่อย่างน้อยก็ประหยัดดอกเบี้ยปีละหลายแสนล้าน
นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอหรือที่เราต้องลดดอกเบี้ย
ส่วนฟองสบู่ที่กลัวกัน bot ก็ยังสามารถ ให้ bank เพิ่มสำรองได้ แต่ bot ไม่พูด เพราะ bank ไม่ชอบ
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 24
เคยอธิบายไปแล้วครับ
ขาดทุน 1 ล้านล้านบาท
มันมีการแปลงค่าเงิน ดอลล่าร์เป็นบาท
จากเดิม 1เหรียญ คือ 30 บาท ตอนที่ต่างชาติมาลงทุน
ไปๆมาๆ เป็น 1 เหรียญ ต่อ 29 บาท
นั้นคือขาดทุน 1 บาทต่อ 1 เหรียญ
แต่เงินดอลล่าร์มีอยู่ในมือ
เงินไม่หายไปไหนแค่แปลงงบกาีเงินเท่านั้น
ธปท ก็เหมือนบริษัททั่วไปที่ลงทุน แถมเปิดเผยมากกว่าแบงค์
ว่าทำ swap ไปเท่าไรครับ
ปัญหาเรื่องนี้คือ ถ้าคุณไม่มีดอลล่าร์มาให้แลกตอนเขาออกซิจะเป็นปัญหาในเรื่องความเชื่อมั่นได้
แต่ตอนนี้มีเงินให้แลกเข้าออกครับ
ขาดทุน 1 ล้านล้านบาท
มันมีการแปลงค่าเงิน ดอลล่าร์เป็นบาท
จากเดิม 1เหรียญ คือ 30 บาท ตอนที่ต่างชาติมาลงทุน
ไปๆมาๆ เป็น 1 เหรียญ ต่อ 29 บาท
นั้นคือขาดทุน 1 บาทต่อ 1 เหรียญ
แต่เงินดอลล่าร์มีอยู่ในมือ
เงินไม่หายไปไหนแค่แปลงงบกาีเงินเท่านั้น
ธปท ก็เหมือนบริษัททั่วไปที่ลงทุน แถมเปิดเผยมากกว่าแบงค์
ว่าทำ swap ไปเท่าไรครับ
ปัญหาเรื่องนี้คือ ถ้าคุณไม่มีดอลล่าร์มาให้แลกตอนเขาออกซิจะเป็นปัญหาในเรื่องความเชื่อมั่นได้
แต่ตอนนี้มีเงินให้แลกเข้าออกครับ
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1373
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 25
ที่แน่ๆ ตอนนี้กองทุนต่างชาติไม่ต้องเสียภาษี15%ของดอกเบี้ยที่ได้รับ
และไม่ต้องเสียcap gain tax15%
แต่กองทุนไทยเสียทั้งคู่ เกิดความไม่เท่าเทียมกันของผู้เล่นในระบบ
ในตปท. เค้าเก็บจากผู้เล่นในระบบทุกคนครับ
นี่น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กองทุนตปท.ชอบพันธบัตรไทยครับ
การออกcap controlมีมาตราการเบาๆไปจนหนัก
ตั้งแต่ลงทะเบียนผู้นำเงินเข้าประเทศทุกราย
จนถึง กันเงิน30%ของนักลงทุนทุกราย
ลองอ่านความเห็นของคุณธีรชัยดูครับ
และไม่ต้องเสียcap gain tax15%
แต่กองทุนไทยเสียทั้งคู่ เกิดความไม่เท่าเทียมกันของผู้เล่นในระบบ
ในตปท. เค้าเก็บจากผู้เล่นในระบบทุกคนครับ
นี่น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กองทุนตปท.ชอบพันธบัตรไทยครับ
การออกcap controlมีมาตราการเบาๆไปจนหนัก
ตั้งแต่ลงทะเบียนผู้นำเงินเข้าประเทศทุกราย
จนถึง กันเงิน30%ของนักลงทุนทุกราย
ลองอ่านความเห็นของคุณธีรชัยดูครับ
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1373
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 26
ผมว่ามันมีทั้งสองส่วนนะครับพี่มิ ทั้งส่วนขาดทุนจากการแปลงงบที่พี่ว่าmiracle เขียน:เคยอธิบายไปแล้วครับ
ขาดทุน 1 ล้านล้านบาท
มันมีการแปลงค่าเงิน ดอลล่าร์เป็นบาท
จากเดิม 1เหรียญ คือ 30 บาท ตอนที่ต่างชาติมาลงทุน
ไปๆมาๆ เป็น 1 เหรียญ ต่อ 29 บาท
นั้นคือขาดทุน 1 บาทต่อ 1 เหรียญ
แต่เงินดอลล่าร์มีอยู่ในมือ
เงินไม่หายไปไหนแค่แปลงงบกาีเงินเท่านั้น
ธปท ก็เหมือนบริษัททั่วไปที่ลงทุน แถมเปิดเผยมากกว่าแบงค์
ว่าทำ swap ไปเท่าไรครับ
ปัญหาเรื่องนี้คือ ถ้าคุณไม่มีดอลล่าร์มาให้แลกตอนเขาออกซิจะเป็นปัญหาในเรื่องความเชื่อมั่นได้
แต่ตอนนี้มีเงินให้แลกเข้าออกครับ
และส่วนต่างดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายซึ่งธปท.ดูซับสภาพคล่องไว้
วิธีแก้ของทั้งสองส่วนมันก็มีคือ
1.ไม่ต้องดูซับสภาพคล่อง ปล่อยเงินท่วมระบบ จากนั้นสั่งแบงค์เพิ่มสำรองสูงๆ
ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยถูกลงในฝั่งเงินฝาก แต่ฝั่งเงินกู้จะยังสูงอยู่ ทำให้คนไม่อยากฝากเงิน
เงินตปท.จะไหลออกจากระบบเอง
2.ดูซับสภาพคล่องไว้ แต่ขายดอลล่าห์ที่ราคาสูงกว่าราคาที่รับซื้อเพื่อให้เกิดกำไร
ไปชดเชยส่วนต่างดอกเบี้ยจากการดูดซับสภาพคล่อง
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 28
พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่าคนเราเปรียบเสมือนดอกบัวมีอยู่4 เหล่า
คือ
1 อยู่ในตม ฟังอะไร คิดอะไร ก็ไม่พัฒนา
2 บัวใต้น้ำ อันนี้ฟังมาก คิดมาก ยังพอเข็นได้
3 บัวปริ่มน้ำ อันนี้ ฟัง คิด ก็จะฉลาด
4 บัวพ้นน้ำ อันนี้ คิดเอง ทำเองได้ แค่ชี้แนะเป็นพอ
ดังนั้น เห็นอะไร บางอย่างก็ปล่อยวาง
ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา สิ่งที่เครียด ไม่ได้ประโยชน์ ไม่ฉลาดมาเถียงกัน
เพราะความรู้ไม่ถึงคุยไปก็เสียเวลา
เอาเวลาไปทำมาหากิน ก่อให้เกิดความสุขกาย สบายใจ ปลีกวิเวก บาง เพราะเราไม่สามารถเอาอะไรได้นอกจากความดีงามที่สร้างไว้ ซึ่งจะเห็นตอนที่เราตายไปแล้วเท่านั้น
คือ
1 อยู่ในตม ฟังอะไร คิดอะไร ก็ไม่พัฒนา
2 บัวใต้น้ำ อันนี้ฟังมาก คิดมาก ยังพอเข็นได้
3 บัวปริ่มน้ำ อันนี้ ฟัง คิด ก็จะฉลาด
4 บัวพ้นน้ำ อันนี้ คิดเอง ทำเองได้ แค่ชี้แนะเป็นพอ
ดังนั้น เห็นอะไร บางอย่างก็ปล่อยวาง
ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา สิ่งที่เครียด ไม่ได้ประโยชน์ ไม่ฉลาดมาเถียงกัน
เพราะความรู้ไม่ถึงคุยไปก็เสียเวลา
เอาเวลาไปทำมาหากิน ก่อให้เกิดความสุขกาย สบายใจ ปลีกวิเวก บาง เพราะเราไม่สามารถเอาอะไรได้นอกจากความดีงามที่สร้างไว้ ซึ่งจะเห็นตอนที่เราตายไปแล้วเท่านั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 29
ธปท ออกบทความ ได้จังหวะจับโค่นพอดีเลยล่ะ CAPITAL CONTROL
บทความ : นานาสาระ....แคปิตอล คอนโทรล : ปฐมบท
http://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPu ... _05_13.pdf
บทความ : นานาสาระ....แคปิตอล คอนโทรล : ปฐมบท
http://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPu ... _05_13.pdf