ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่อนละ
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1373
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 61
ตอนนี้อัตราเงินเฟ้อประกาศแล้ว อยู่ที่2.42%จากครั้งก่อนอยู่ที่2.69%
ผมคิดว่าครั้งนี้ยังจะคงดอกเบี้ยไปอีก เพราะครั้งที่แล้วบอกให้ลด1คน
กลางๆไม่ออกความเห็น1คน ที่เหลือบอกคงอัตราดอกเบี้ย
ถ้าลดอัตราดอกเบี้ยตอนนี้เหลือ2.5% risk free rateแทบเป็น0
จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งที่ตอนนี้ยังมีโครงการรัฐรอดำเนินโครงการมากมายตั้ง2+0.35ล้านๆ
หากโครงการเหล่านี้เริ่มเดินหน้าเป็นรูปธรรม จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่
ทำให้เงินเฟ้อกลับมาอีก ถึงเวลานั้นจะขึ้นดอกเบี้ยเล็กน้อยเพื่อสกัดเงินเฟ้ออาจไม่ทันการแล้ว
อาจต้องขึ้นทีละ0.5-0.75%ซึ่งจะช๊อคตลาดอย่างมาก
และทำให้เกิดความสงสัยในการดำเนินนโยบายของธปท.ที่เน้นให้predictable
ซึ่งจะทำให้ตลาดการเงินผันผวน ส่งผลถึงอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนและควบคุมยากมากขึ้น
ผมคิดว่าครั้งนี้ยังจะคงดอกเบี้ยไปอีก เพราะครั้งที่แล้วบอกให้ลด1คน
กลางๆไม่ออกความเห็น1คน ที่เหลือบอกคงอัตราดอกเบี้ย
ถ้าลดอัตราดอกเบี้ยตอนนี้เหลือ2.5% risk free rateแทบเป็น0
จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งที่ตอนนี้ยังมีโครงการรัฐรอดำเนินโครงการมากมายตั้ง2+0.35ล้านๆ
หากโครงการเหล่านี้เริ่มเดินหน้าเป็นรูปธรรม จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่
ทำให้เงินเฟ้อกลับมาอีก ถึงเวลานั้นจะขึ้นดอกเบี้ยเล็กน้อยเพื่อสกัดเงินเฟ้ออาจไม่ทันการแล้ว
อาจต้องขึ้นทีละ0.5-0.75%ซึ่งจะช๊อคตลาดอย่างมาก
และทำให้เกิดความสงสัยในการดำเนินนโยบายของธปท.ที่เน้นให้predictable
ซึ่งจะทำให้ตลาดการเงินผันผวน ส่งผลถึงอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนและควบคุมยากมากขึ้น
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 428
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 62
ตรรคกะพวก bot ผมว่าประหลาด
1.บอกว่า การแข็งค่าของเงินไม่ได้มาจากอัตราดอกเบี้ยอย่างเดียว
แปลว่า ลดดอกเบี้ยอาจจะไม่มีผลทำให้ค่าเงินลดลง เถียงคอเป็นเอ็น
แต่ไม่ยอมลดดอกเบี้ย คงกลัวว่าถ้าลดดอกเบี้ยแล้วเงินบาทอ่อนลงหน้าแตกแน่ๆ
2.แต่พอเรื่องเงินเเฟ้อแล้วเชื่อว่ามาจากอัตราดอกเบี้ยอย่างเดียว
ถ้าลดดอกเบี้ยแล้วเงินเฟ้อแน่ๆ ทำไมไม่คิดว่ามันยังมีเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่อง
ละที่จะทำให้เงินเฟ้อบ้างละ
ถ้าพวก bot มีตรรคกะแบบนี้ เถียงกันถึงชาติหน้าก็ยังไม่จบ
1.บอกว่า การแข็งค่าของเงินไม่ได้มาจากอัตราดอกเบี้ยอย่างเดียว
แปลว่า ลดดอกเบี้ยอาจจะไม่มีผลทำให้ค่าเงินลดลง เถียงคอเป็นเอ็น
แต่ไม่ยอมลดดอกเบี้ย คงกลัวว่าถ้าลดดอกเบี้ยแล้วเงินบาทอ่อนลงหน้าแตกแน่ๆ
2.แต่พอเรื่องเงินเเฟ้อแล้วเชื่อว่ามาจากอัตราดอกเบี้ยอย่างเดียว
ถ้าลดดอกเบี้ยแล้วเงินเฟ้อแน่ๆ ทำไมไม่คิดว่ามันยังมีเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่อง
ละที่จะทำให้เงินเฟ้อบ้างละ
ถ้าพวก bot มีตรรคกะแบบนี้ เถียงกันถึงชาติหน้าก็ยังไม่จบ
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1373
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 63
ในฐานะนักลงทุน ลดดอกเบี้ยก็ดีครับ บ.ผมเงินกู้บาน ธปท.ลดดอกเบี้ยลง บ.ผมก็ลดรายจ่ายไปเยอะCARPENTER เขียน:ตรรคกะพวก bot ผมว่าประหลาด
1.บอกว่า การแข็งค่าของเงินไม่ได้มาจากอัตราดอกเบี้ยอย่างเดียว
แปลว่า ลดดอกเบี้ยอาจจะไม่มีผลทำให้ค่าเงินลดลง เถียงคอเป็นเอ็น
แต่ไม่ยอมลดดอกเบี้ย คงกลัวว่าถ้าลดดอกเบี้ยแล้วเงินบาทอ่อนลงหน้าแตกแน่ๆ
อัตราแลกเปลี่ยนมันขึ้นกับinflow-outflowมากกว่าอัตราดอกเบี้ยคร้บ
ดอกเบี้ยส่งผลทางอ้อมคือเกิดแรงจูงใจให้ทำcarry tradeจากส่วนต่างดอกเบี้ย
แต่ถ้าเศรษฐกิจประเทศไม่ดี จะทำให้เงินบาทอ่อนค่า
ลองดูอัตราดอกเบี้ยช่วงหลังวิกฤติ40เป็นตัวอย่าง ดอกเบี้ยไทย10% มากกว่าตปท.แน่นอน
แต่ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าไปถึง50B/$
ในขณะที่ถ้าบล๊อคเงินเข้า ออกcap control30%เงินทุกบาททุกสตางค์ที่นำเข้าประเทศ
เก็บภาษีนำเข้าเงินตรา โดยไม่สนว่าเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ปล่อยให้เงินไหลออกได้อย่างเดียว
อย่างนี้เชื่อว่า ค่าเงินบาทต้องอ่อนลงแน่นอน
2.แต่พอเรื่องเงินเเฟ้อแล้วเชื่อว่ามาจากอัตราดอกเบี้ยอย่างเดียว
ถ้าลดดอกเบี้ยแล้วเงินเฟ้อแน่ๆ ทำไมไม่คิดว่ามันยังมีเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่อง
ละที่จะทำให้เงินเฟ้อบ้างละ
ถ้าพวก bot มีตรรคกะแบบนี้ เถียงกันถึงชาติหน้าก็ยังไม่จบ
เงินเฟ้อก็มีทั้งปัจจัยภายใน(หลัก)-ภายนอก(รอง)
ปัจจัยภายนอกก็ราคาน้ำมัน ราคาพลังงาน
ปัจจัยภายในก็ราคาอาหาร สินค้าเกษตร อุปโภคบริโภค เครื่องนุ่งห่ม บลาๆ
ซึ่งเทียบจากรายจ่ายในแต่ละวันแล้ว ปัจจัยภายในมีผลมากกว่าปัจจัยภายนอกครับ
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 64
ผมคิดว่า ถ้ามีการลดดอกเบี้ยจริง น่าจะมีหลายธุรกิจ ได้รับประโยชน์ครับ
ธนชาต ฟันธงลดดบ.แน่ รวดเดียว 0.50%
บล.ธนชาต ชี้แนวโน้มลดดอกเบี้ยมีสูงขึ้น ด้วยข้ออ้างสกัดเงินทุนไหลเข้า ทั้งที่จริงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกระตุ้นนโยบายประชานิยม คาดรอบแรกหั่นดอกเบี้ยลงรวดเดียว 0.50%
บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด(มหาชน) ระบุว่า แรงกดดันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ลดดอกเบี้ยมีสูงมาก ในมุมมองของฝ่ายวิจัยจุดประสงค์ของการลดไม่ได้เกี่ยวกับระดับค่าเงินบาทหรือเงินทุนไหลเข้า แต่เป็นเพียงความต้องการของกระทรวงการคลังที่จะเห็นการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ความเสี่ยงต่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายคงที่ของฝ่ายวิจัยในปีนี้คือการปรับลดลง 50bp ในรอบแรก และอาจมีการปรับลดเพิ่มอีก
ฝ่ายวิจัยเห็นความกดดันต่อธปท. ให้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายโดยใช้ข้ออ้างของค่าเงินบาทที่แข็งไปและเงินทุนไหลเข้าที่มากไป เชื่อว่า ธปท. และกระทรวงการคลัง (MOF) รู้ดีว่าการเจริญเติบโตของประเทศพึ่งพิงการไหลเข้าของเงินทุนจำนวนมากและสาเหตุหลักของการอ่อนตัวของภาคส่งออกไม่ใช่การแข็งค่าของเงินบาท แต่มีสาเหตุหลักจากความต้องการที่อ่อนแอจากประเทศตะวันตกและประเทศจีน
ฝ่ายวิจัยยังเชื่อว่า ธปท. และกระทรวงการคลังรู้ดีว่าการลดดอกเบี้ยจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวในระยะสั้นเท่านั้นและความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ ซึ่งเห็นว่าการลดดอกเบี้ยของกระทรวงการคลังมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงกระตุ้นโครงการประชานิยมเพิ่ม
ขณะนี้เห็นความเสี่ยงต่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายคงที่ ผ่านการประนีประนอมของ ธปท. หรือผ่านผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ หากมีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ คาดว่าจะต้องลดอย่างน้อย 50bp เพื่อที่จะมีผลกระทบต่อค่าเงินบาทในระยะสั้น การลดเพียง 25bp ไม่น่าจะกระทบค่าเงินบาทซึ่งถูกใช้เป็นข้ออ้างในการลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ยังเห็นความเสี่ยงที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงเกินกว่า 50bp ทั้งหมดในปีนี้ ถ้าประเทศไทยมีผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ เรายังคงใช้สมมติฐานคงอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยหวังว่าธปท. จะยังคงสามารถดำรงความเป็นหน่วยงานอิสระไว้ได้
ในมุมมองของเราการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 50bp จะส่งผลบวกต่อตลาด โดยกลุ่มที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือกลุ่มอสังหาฯ กลุ่มconsumption กลุ่ม asset-based และหุ้น high geared เป้าหมาย SET ของเราในปีนี้คือ 1,700 จุด ภายใต้สมมติฐานอัตราดอกเบี้ยนโยบายคงที่ ในกรณีลดอัตราดอกเบี้ยกลุ่มธนาคารจะได้เสียประโยชน์ ยกเว้นกลุ่มที่มุ่งเน้นสินเชื่อเช่าซื้อรถ เช่น Tisco Financial Group (TISCO TB, 53บาท, ขาย) Kiatnakin Bank (KK TB, 66 บาท, ซื้อ) และ Thanachart Capital (TCAP TB, 48.25บาท, Unrated) สำหรับเศรษฐกิจโดยรวม เราเห็นว่าการลดอัตราดอกเบี้ยจะกระตุ้นการเติบโตของภาคการบริโภคและภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าจะมีข่าวที่ดีในระยะสั้นและปานกลาง เราจะเห็นการปรับลดอัตราการดอกเบี้ยเป็นการความเสี่ยงทางการเงินของประเทศไทยในระยะยาว
ส่วนในหุ้น Top pick มีหุ้นหลายตัวที่ได้ผลประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในกลุ่มอสังหาฯ กลุ่มconsumption กลุ่ม asset-based และหุ้น high geared ได้แก่ CPALL หลังจากเข้าซื้อ Siam Makro (MAKRO TB) และ GUNKUL รวมทั้งหุ้น TTCL หลังได้การปละมูลโรงไฟฟ้า1,000MW ในพม่า สามารถจัดประเภทเป็นหุ้น high-gearing ได้ และเราไม่มีหุ้นกลุ่มธนาคารใน top picks
ที่มา เว็บไซต์ moneychannel
ธนชาต ฟันธงลดดบ.แน่ รวดเดียว 0.50%
บล.ธนชาต ชี้แนวโน้มลดดอกเบี้ยมีสูงขึ้น ด้วยข้ออ้างสกัดเงินทุนไหลเข้า ทั้งที่จริงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกระตุ้นนโยบายประชานิยม คาดรอบแรกหั่นดอกเบี้ยลงรวดเดียว 0.50%
บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด(มหาชน) ระบุว่า แรงกดดันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ลดดอกเบี้ยมีสูงมาก ในมุมมองของฝ่ายวิจัยจุดประสงค์ของการลดไม่ได้เกี่ยวกับระดับค่าเงินบาทหรือเงินทุนไหลเข้า แต่เป็นเพียงความต้องการของกระทรวงการคลังที่จะเห็นการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ความเสี่ยงต่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายคงที่ของฝ่ายวิจัยในปีนี้คือการปรับลดลง 50bp ในรอบแรก และอาจมีการปรับลดเพิ่มอีก
ฝ่ายวิจัยเห็นความกดดันต่อธปท. ให้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายโดยใช้ข้ออ้างของค่าเงินบาทที่แข็งไปและเงินทุนไหลเข้าที่มากไป เชื่อว่า ธปท. และกระทรวงการคลัง (MOF) รู้ดีว่าการเจริญเติบโตของประเทศพึ่งพิงการไหลเข้าของเงินทุนจำนวนมากและสาเหตุหลักของการอ่อนตัวของภาคส่งออกไม่ใช่การแข็งค่าของเงินบาท แต่มีสาเหตุหลักจากความต้องการที่อ่อนแอจากประเทศตะวันตกและประเทศจีน
ฝ่ายวิจัยยังเชื่อว่า ธปท. และกระทรวงการคลังรู้ดีว่าการลดดอกเบี้ยจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวในระยะสั้นเท่านั้นและความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ ซึ่งเห็นว่าการลดดอกเบี้ยของกระทรวงการคลังมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงกระตุ้นโครงการประชานิยมเพิ่ม
ขณะนี้เห็นความเสี่ยงต่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายคงที่ ผ่านการประนีประนอมของ ธปท. หรือผ่านผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ หากมีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ คาดว่าจะต้องลดอย่างน้อย 50bp เพื่อที่จะมีผลกระทบต่อค่าเงินบาทในระยะสั้น การลดเพียง 25bp ไม่น่าจะกระทบค่าเงินบาทซึ่งถูกใช้เป็นข้ออ้างในการลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ยังเห็นความเสี่ยงที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงเกินกว่า 50bp ทั้งหมดในปีนี้ ถ้าประเทศไทยมีผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ เรายังคงใช้สมมติฐานคงอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยหวังว่าธปท. จะยังคงสามารถดำรงความเป็นหน่วยงานอิสระไว้ได้
ในมุมมองของเราการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 50bp จะส่งผลบวกต่อตลาด โดยกลุ่มที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือกลุ่มอสังหาฯ กลุ่มconsumption กลุ่ม asset-based และหุ้น high geared เป้าหมาย SET ของเราในปีนี้คือ 1,700 จุด ภายใต้สมมติฐานอัตราดอกเบี้ยนโยบายคงที่ ในกรณีลดอัตราดอกเบี้ยกลุ่มธนาคารจะได้เสียประโยชน์ ยกเว้นกลุ่มที่มุ่งเน้นสินเชื่อเช่าซื้อรถ เช่น Tisco Financial Group (TISCO TB, 53บาท, ขาย) Kiatnakin Bank (KK TB, 66 บาท, ซื้อ) และ Thanachart Capital (TCAP TB, 48.25บาท, Unrated) สำหรับเศรษฐกิจโดยรวม เราเห็นว่าการลดอัตราดอกเบี้ยจะกระตุ้นการเติบโตของภาคการบริโภคและภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าจะมีข่าวที่ดีในระยะสั้นและปานกลาง เราจะเห็นการปรับลดอัตราการดอกเบี้ยเป็นการความเสี่ยงทางการเงินของประเทศไทยในระยะยาว
ส่วนในหุ้น Top pick มีหุ้นหลายตัวที่ได้ผลประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในกลุ่มอสังหาฯ กลุ่มconsumption กลุ่ม asset-based และหุ้น high geared ได้แก่ CPALL หลังจากเข้าซื้อ Siam Makro (MAKRO TB) และ GUNKUL รวมทั้งหุ้น TTCL หลังได้การปละมูลโรงไฟฟ้า1,000MW ในพม่า สามารถจัดประเภทเป็นหุ้น high-gearing ได้ และเราไม่มีหุ้นกลุ่มธนาคารใน top picks
ที่มา เว็บไซต์ moneychannel
"สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลาย จงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด"
"ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น "
"ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น "
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 65
ไม่เห็นจะแปลกอะไรครับCARPENTER เขียน:ตรรคกะพวก bot ผมว่าประหลาด
1.บอกว่า การแข็งค่าของเงินไม่ได้มาจากอัตราดอกเบี้ยอย่างเดียว
แปลว่า ลดดอกเบี้ยอาจจะไม่มีผลทำให้ค่าเงินลดลง เถียงคอเป็นเอ็น
แต่ไม่ยอมลดดอกเบี้ย คงกลัวว่าถ้าลดดอกเบี้ยแล้วเงินบาทอ่อนลงหน้าแตกแน่ๆ
2.แต่พอเรื่องเงินเเฟ้อแล้วเชื่อว่ามาจากอัตราดอกเบี้ยอย่างเดียว
ถ้าลดดอกเบี้ยแล้วเงินเฟ้อแน่ๆ ทำไมไม่คิดว่ามันยังมีเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่อง
ละที่จะทำให้เงินเฟ้อบ้างละ
ถ้าพวก bot มีตรรคกะแบบนี้ เถียงกันถึงชาติหน้าก็ยังไม่จบ
มีการศึกษาไหนบางในระยะหลังที่บอกว่า การลดดอกเบี้ยทำให้เงินอ่อนตัวบางละครับ
ตอนนี้ดอกเบี้ยเท่าเดิม แต่ทำไมเงินบาทอ่อนค่าไป 29 บาทกลางๆ ต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐได้ละครับ ตอบหน่อยละครับ
เงินเฟ้อมันคือสิ่งที่เกิดในประเทศ แต่ อัตราแลกเปลี่ยนคือประเทศของเราติดต่อกับต่างประเทศ
ดังนั้น ผลมันก็แตกต่างกัน
สิ่งที่กลัวคือ ลดดอกเบี้ย -> พิมพ์เงินบาทมากขึ้น ->บาทในใช้ในประเทศ เลยทำให้เงินเฟ้อนั้นเอง
ส่วนที่บอกว่าลดอกเบี้ยไม่ช่วยอัตราแลกเปลี่ยน เพราะ มันมีอีกหลายปัจจัยคือ
ค่าแรงของเรา ,การเจริญเติบโตของประเทศ, การเมือง เป็นต้น
ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินอ่อนได้เหมือนกัน
ผมย้ำแล้วย้ำอีก ลดดอกเบี้ยไม่ช่วยอัตราแลกเปลี่ยนเท่าไร
ย้ำไปหลายรอบแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 66
การที่รัฐบาลขาดเงินสด เทียบได้กับ บริษัทขาดสภาพคล่อง
แต่รัฐไม่สามารถเพิ่มทุนได้ มีแต่หารายได้มากขึ้น หรือกู้มาขึ้นเท่านั้น
แต่บริษัททำได้คือ เพิ่มทุน และกู้เงิน เพื่อให้มีเงินสดมาหมุนเกิดสภาพคล่อง
ถ้าบริษัทล้มเกิดใหม่ได้
แต่รัฐล้ม มันคือ คนทั้งชาติเป็นหนี้ รัฐจะล้มได้คือ แตกประเทศออก ประเทศเดิมล้มสลายจากความขัดแย้งในชาติ
เช่น โซเวียต ยูโก เป็นต้น
เขียนแบบนี้ไม่น่าโดนลบ เพราะเทียบเคียงให้เห็น
แต่รัฐไม่สามารถเพิ่มทุนได้ มีแต่หารายได้มากขึ้น หรือกู้มาขึ้นเท่านั้น
แต่บริษัททำได้คือ เพิ่มทุน และกู้เงิน เพื่อให้มีเงินสดมาหมุนเกิดสภาพคล่อง
ถ้าบริษัทล้มเกิดใหม่ได้
แต่รัฐล้ม มันคือ คนทั้งชาติเป็นหนี้ รัฐจะล้มได้คือ แตกประเทศออก ประเทศเดิมล้มสลายจากความขัดแย้งในชาติ
เช่น โซเวียต ยูโก เป็นต้น
เขียนแบบนี้ไม่น่าโดนลบ เพราะเทียบเคียงให้เห็น
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 67
ผมว่าของคุณ miracle คนละ point กันนะครับที่คุณ miracle ยกมาเป็นความขัดแย้งในชาติ ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการขาดสภาพคล่องของรัฐแต่อย่างใด ประเทศที่ ศก.พังที่ผ่านๆมาให้หลายๆประเทศ อาเจนติน่า ไทยต้มยำกุ้ง หรือประเทศอื่นๆที่ได้รับผลกระทบในช่วงนั้น ก็ไม่ได้มีการแตกประเทศแต่อย่างใด อีกอย่างการที่รัฐล้มในเชิงศก. นั้นยากครับ ถ้าเป็นการกู้เงินต่างประเทศก็ต้องมีการประนอมหนี้ haircut หรือขั้นชักดาบก็มี แต่ถ้าเป็นหนี้เงินบาท ก็พิมพ์แบงค์เพิ่มซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนั้นเองmiracle เขียน:การที่รัฐบาลขาดเงินสด เทียบได้กับ บริษัทขาดสภาพคล่อง
แต่รัฐไม่สามารถเพิ่มทุนได้ มีแต่หารายได้มากขึ้น หรือกู้มาขึ้นเท่านั้น
แต่บริษัททำได้คือ เพิ่มทุน และกู้เงิน เพื่อให้มีเงินสดมาหมุนเกิดสภาพคล่อง
ถ้าบริษัทล้มเกิดใหม่ได้
แต่รัฐล้ม มันคือ คนทั้งชาติเป็นหนี้ รัฐจะล้มได้คือ แตกประเทศออก ประเทศเดิมล้มสลายจากความขัดแย้งในชาติ
เช่น โซเวียต ยูโก เป็นต้น
เขียนแบบนี้ไม่น่าโดนลบ เพราะเทียบเคียงให้เห็น
ส่วนเรื่องระดับหนี้นั้นต้องดูแล้วแต่ประเทศเลย ประเมินง่ายๆก็ให้ดู Cashflow และ projected GDP growth ต่างๆดูว่าสามารถ coverage ได้หรือไม่ โดยปกติระดับหนี้มันต้องเยอะขึ้นเรื่อยๆอยู่แล้ว แต่สัดส่วนต่อรายได้ต้องคงไว้ในเกณฑ์ที่รับได้ครับ ส่วนประเทศอย่างในยุโรปมันมีกรอบที่ 60% แต่เขาไม่รักษามันเอง ทำให้เกิดปัญหากันไป
อีกประเด็นคือเรื่องการลงทุน โดยต้องมีการกู้เพิ่มมันก็เป็นปกติอยู่แล้วสำหรับประเทศ อย่างที่คุณ miracle บอกแหละครับ ถ้าประเทศจะหาเงินมาก็จาก รายได้ทางภาษี และ การกู้เพิ่ม และเนื่องจากการเก็บจากรายได้ก็เปรียบเหมือนบริษัทใช้ในส่วนของ retained earning ของบริษัทมาลงทุนต่อ แต่ถ้าการลงทุนจำเป็นเพื่อเพิ่มความสามารถของประเทศหรือบริษัท ไม่งั้นก็ล้าหลักสู้ประเทศอื่นไม่ได้ความสามารถทางการแข็งขันลดลง รายได้ทางภาษีก็ลดลงไปด้วยจากการ ย้ายฐานการผลิตหรืออื่นๆ ฉะนั้นการกู้เพื่อการลงทุนทำให้หนี้ของประเทศเพิ่มก็จำเป็นในการสร้างความสามารถทางการแข็งขันอยู่ดี เพราะ infrastructure ไม่มีเอกชนรายไหนนอกจากรัฐที่จะมาช่วยสร้างให้อยู่ดีครับ
ผมเห็นว่าการลงทุนนั้นต้องลงแต่ต้องมีการตรวจสอบที่ดีและการควบคุมเรื่อง budgeting ให้อยู่ในกรอบเป็นประเด็นสำคัญครับ
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 68
ลดตามคาด 25 basis point
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 70
มีประเด็นเรื่องยอดส่งออกในเดือน เมย 2556 ที่ผ่านมา
กรมศุลฯ คำนวณการส่งออกผิดพลาด
ยอกส่งออกไปต่างประเทศเกินจริง
งานนี้ รอบที่สองที่เกิดแล้วละ
รอบแรกคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนดอลล่าร์สหรัฐผิด
รอบนี้ยอดส่งออกผิด
งานนี้พิมพ์ไม่ผิดไม่ต้องรอ10 นาทีเพื่อรับเอกสารใหม่
แต่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทำงานผิดพลาด
กรมศุลฯ คำนวณการส่งออกผิดพลาด
ยอกส่งออกไปต่างประเทศเกินจริง
งานนี้ รอบที่สองที่เกิดแล้วละ
รอบแรกคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนดอลล่าร์สหรัฐผิด
รอบนี้ยอดส่งออกผิด
งานนี้พิมพ์ไม่ผิดไม่ต้องรอ10 นาทีเพื่อรับเอกสารใหม่
แต่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทำงานผิดพลาด
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 71
คำถาม ณ ตอนนี้คือ
ในเมื่อ BOT ลดดอกเบี้ยนโยบายลงมา 0.25% ซักพักแล้ว
แต่ธนาคารพาณิชย์ทั้งที่เป็นของรัฐ หรือของเอกชน ไม่มีการลดดอกเบี้ยด้านเงินกู้
มีลดดอกเบี้ยเงินฝาก แต่น้อยมากๆ (ลดแต่รายใหญ่)
คำถามคือ ทำไมการส่งนโยบายรอบนี้ถึงไม่สามารถทำได้
นายธนาคารคิดว่า การลดดอกเบี้ยไม่ใช่คำตอบแต่ต้องขึ้นดอกเบี้ยต่างหากคือคำตอบหรือเปล่า
คำถามต่อมาคือ อัตราแลกเปลี่ยน ลงไปถึง 31 บาทต่อ$1
แถมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยลดลงอีกต่างหาก
คนที่มาเรียกร้องให้ลดดอกเบี้ยไปอยู่ไหนกันหมด
ออกมาเรียกร้องให้สิ่งที่ทำไปกลับคืนมาหน่อยละกัน
ในเมื่อ BOT ลดดอกเบี้ยนโยบายลงมา 0.25% ซักพักแล้ว
แต่ธนาคารพาณิชย์ทั้งที่เป็นของรัฐ หรือของเอกชน ไม่มีการลดดอกเบี้ยด้านเงินกู้
มีลดดอกเบี้ยเงินฝาก แต่น้อยมากๆ (ลดแต่รายใหญ่)
คำถามคือ ทำไมการส่งนโยบายรอบนี้ถึงไม่สามารถทำได้
นายธนาคารคิดว่า การลดดอกเบี้ยไม่ใช่คำตอบแต่ต้องขึ้นดอกเบี้ยต่างหากคือคำตอบหรือเปล่า
คำถามต่อมาคือ อัตราแลกเปลี่ยน ลงไปถึง 31 บาทต่อ$1
แถมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยลดลงอีกต่างหาก
คนที่มาเรียกร้องให้ลดดอกเบี้ยไปอยู่ไหนกันหมด
ออกมาเรียกร้องให้สิ่งที่ทำไปกลับคืนมาหน่อยละกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 428
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 72
จริงๆไม่อยากเขียนเลย ไหนๆก็ไหนๆ เขียนซะหน่อย
1.การลดดอกเบี้ยอ้างอิง ทำให้ bot จ่ายดอกเบี้ยให้ต่างชาติลดลง
2.คนที่บอกว่าดอกเบี้ยในประเทศจะลดลง และจะเกิดฟองสบู่ ก็ไม่เกิด พวกธนาคารโกหกทั้งเพ ไม่มีใครลดดอก
เงินกู้ คิดแต่จะลดดอกฝากนี่ไงการเอาเปรียบของธนาคารในประเทศ
3.เงินบาทตอนนี้เริ่มอ่อนค่า สภาพที่ไม่ดีของประเทศมีมากขึ้น เงินก็อ่อนโดยปริยาย ต่อไปเราจะถูกบีบให้ขึ้น
ดอกเบี้ยเมื่อ เครดิตเรตติ้งเราแย่ลง ตอนนั้นเราก็ต้องจ่ายดอกแพง แต่ตอนที่ดีแทนที่จะจ่ายต่ำๆ ทะลึ่งจ่ายแพงก่อน
คือแกล้งโง่จ่ายแพงตอนที่ยังดีๆ แต่ตอนแย่ๆ ยังงัยก็ต้องจ่ายดอกแพงแล้วจะรู้สึก
สรุปจ่ายในสิ่งที่ไม่ควรจ่าย เมื่อเครดิตเรตติ้งต่ำลงแล้ว อย่างไรก็ต้องจ่ายแพง แล้วจะทำไงพวกที่คิดว่าตัวเองฉลาด
1.การลดดอกเบี้ยอ้างอิง ทำให้ bot จ่ายดอกเบี้ยให้ต่างชาติลดลง
2.คนที่บอกว่าดอกเบี้ยในประเทศจะลดลง และจะเกิดฟองสบู่ ก็ไม่เกิด พวกธนาคารโกหกทั้งเพ ไม่มีใครลดดอก
เงินกู้ คิดแต่จะลดดอกฝากนี่ไงการเอาเปรียบของธนาคารในประเทศ
3.เงินบาทตอนนี้เริ่มอ่อนค่า สภาพที่ไม่ดีของประเทศมีมากขึ้น เงินก็อ่อนโดยปริยาย ต่อไปเราจะถูกบีบให้ขึ้น
ดอกเบี้ยเมื่อ เครดิตเรตติ้งเราแย่ลง ตอนนั้นเราก็ต้องจ่ายดอกแพง แต่ตอนที่ดีแทนที่จะจ่ายต่ำๆ ทะลึ่งจ่ายแพงก่อน
คือแกล้งโง่จ่ายแพงตอนที่ยังดีๆ แต่ตอนแย่ๆ ยังงัยก็ต้องจ่ายดอกแพงแล้วจะรู้สึก
สรุปจ่ายในสิ่งที่ไม่ควรจ่าย เมื่อเครดิตเรตติ้งต่ำลงแล้ว อย่างไรก็ต้องจ่ายแพง แล้วจะทำไงพวกที่คิดว่าตัวเองฉลาด
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 73
จริงๆไม่อย่าเขียน
ว่าตอนนี้ที่มีข่าวเรื่องลดเครดิตเนื่องจากต่างชาติ มองเข้ามาในเรื่องของการซุกขี้ไว้ใต้พรมต่างหาก
ซุกไว้โดยที่ตัวเองยังถือครองหุ้นของกิจการนั้นไว้ แต่อ้างว่าไม่มีปัญหา
เหมือนปี 2540 ซุกแบบนี้เหมือนกัน
การลดดอกเบี้ย ทำให้เงินปั้มออกมาเพิ่มเติม
ทำให้เกิดกำไรฟรีที่เกิดในตราสารหนี้ 0.25% ทันทีที่ประกาศออกมา
ถ้าใครไปดูข้อมูลจาก www.thaibma.or.th จะเห็นเลยว่า วันที่ประกาศ ตราสารหนี้ระยะสั้นลงทันที
ใครถือครองก็ Mark กำไรได้ทันที (ราคาของพันธบัตรเพิ่มขึ้นเมื่อ Yield ลดลง) มันเกิดกำไร one time ฟรี
แล้วใครเป็นผู้แบกภาระนี้ละครับ
แล้วทำไมนายธนาคารถึงไม่ลดดอกเบี้ยลด ในเมื่อ อัตราดอกเบี้ยข้ามคืน ลดลงมา (BOT ประกาศลดดอกเบี้ย 1 วัีนไม่ใช่หรือครับ)
ส่วนเรื่องค่าเงินลดลง อาจจะเป็นการทำ SWAP เงิน โดย บริษัทฯขนาดใหญ่ของไทยหรือเปล่า
ที่บอกว่า ซื้อสินทรัพย์เป็น $ แต่เงินที่ใช้เป็นเงินไทย ที่จ่ายดอกเบี้ย และจ่ายในเรื่องวงเงิน
ดังนั้น มันคือคำถามที่ไม่มีคำตอบ ณ ตอนนี้ แต่ได้รับคำตอบอาจจะใช้เวลาแรมปี หรือ แรม 10 ปีกว่าจะได้คำตอบทั้งหมดที่ถาม
ว่าตอนนี้ที่มีข่าวเรื่องลดเครดิตเนื่องจากต่างชาติ มองเข้ามาในเรื่องของการซุกขี้ไว้ใต้พรมต่างหาก
ซุกไว้โดยที่ตัวเองยังถือครองหุ้นของกิจการนั้นไว้ แต่อ้างว่าไม่มีปัญหา
เหมือนปี 2540 ซุกแบบนี้เหมือนกัน
การลดดอกเบี้ย ทำให้เงินปั้มออกมาเพิ่มเติม
ทำให้เกิดกำไรฟรีที่เกิดในตราสารหนี้ 0.25% ทันทีที่ประกาศออกมา
ถ้าใครไปดูข้อมูลจาก www.thaibma.or.th จะเห็นเลยว่า วันที่ประกาศ ตราสารหนี้ระยะสั้นลงทันที
ใครถือครองก็ Mark กำไรได้ทันที (ราคาของพันธบัตรเพิ่มขึ้นเมื่อ Yield ลดลง) มันเกิดกำไร one time ฟรี
แล้วใครเป็นผู้แบกภาระนี้ละครับ
แล้วทำไมนายธนาคารถึงไม่ลดดอกเบี้ยลด ในเมื่อ อัตราดอกเบี้ยข้ามคืน ลดลงมา (BOT ประกาศลดดอกเบี้ย 1 วัีนไม่ใช่หรือครับ)
ส่วนเรื่องค่าเงินลดลง อาจจะเป็นการทำ SWAP เงิน โดย บริษัทฯขนาดใหญ่ของไทยหรือเปล่า
ที่บอกว่า ซื้อสินทรัพย์เป็น $ แต่เงินที่ใช้เป็นเงินไทย ที่จ่ายดอกเบี้ย และจ่ายในเรื่องวงเงิน
ดังนั้น มันคือคำถามที่ไม่มีคำตอบ ณ ตอนนี้ แต่ได้รับคำตอบอาจจะใช้เวลาแรมปี หรือ แรม 10 ปีกว่าจะได้คำตอบทั้งหมดที่ถาม
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1373
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 74
อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในอนาคตอาจสูงขึ้นหรือต่ำลงก็ได้CARPENTER เขียน: 3.เงินบาทตอนนี้เริ่มอ่อนค่า สภาพที่ไม่ดีของประเทศมีมากขึ้น เงินก็อ่อนโดยปริยาย ต่อไปเราจะถูกบีบให้ขึ้น
ดอกเบี้ยเมื่อ เครดิตเรตติ้งเราแย่ลง ตอนนั้นเราก็ต้องจ่ายดอกแพง แต่ตอนที่ดีแทนที่จะจ่ายต่ำๆ ทะลึ่งจ่ายแพงก่อน
คือแกล้งโง่จ่ายแพงตอนที่ยังดีๆ แต่ตอนแย่ๆ ยังงัยก็ต้องจ่ายดอกแพงแล้วจะรู้สึก
สรุปจ่ายในสิ่งที่ไม่ควรจ่าย เมื่อเครดิตเรตติ้งต่ำลงแล้ว อย่างไรก็ต้องจ่ายแพง แล้วจะทำไงพวกที่คิดว่าตัวเองฉลาด
เพราะเครดิตเรตติ้งตอนนี้ยังไม่ได้ปรับลดลง ยังต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการ
หากมีการปรับลดเรตติ้งจริง รัฐอาจไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงๆอย่างที่คาดก็ได้
เพราะต้องอิงตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากกนง.
และยังมีสภาพคล่องส่วนเกินในธนาคารพานิชย์ตั้ง2.496ล้านๆบาท@30/04/56(1)
เหลือมากพอให้ต่างชาติขนออก(ต่างชาติถือครองตราสารหนี้อยู่5.72แสนล้าน)(2)
เหลือมากพอให้รัฐบาลกู้ทำโครงการ2ล้านๆ(เป็นการทยอยกู้7ปี)
สภาพคล่องส่วนเกินตรงนี้ธปท.จ่ายดอกเบี้ยฟรีๆ ไม่ได้เอาไปทำประโยชน์อะไร
หากมีใครจะนำออกไป ธปท.คงขอบคุณเป็นการใหญ่
ที่จริงผมอยากให้ต่างชาติขายตราสารหนี้ที่ถืออยู่ตอนนี้นำเงินออกไปให้หมดด้วยซ้ำ
เพราะอัตราแลกเปลี่ยนจะอ่อนค่าลงอีก
ส่งออกดี ท่องเที่ยวดีขึ้น เงินหมุนในประเทศมากขึ้น กำไรบ.จดทะเบียนดี หุ้นขึ้น
หากเป็นตามนี้ ผมว่าการที่โดนลดเครดิตประเทศอาจไม่ใช่เรื่องร้ายอะไร
(1)http://www2.bot.or.th/statistics/BOTWEB ... anguage=TH
(2)http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 1333195203
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 428
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 75
ประเทศไทย ขาดทุนการจำนำข้าว ประมาณปีละ 3 แสนล้านบาท
ประเทศไทยสนับสนุนให้คนไทยซื้อรถคันแรก ซึ่งต้องผ่อนไปอีก 4-5ปี
ทำให้การบริโภคในประเทศจะลดลงมาก แม้แต่มาม่ายอดขายยังลดเลย อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง
ประเทศไทยสภาวะก่อนหน้านี้ ไม่ยอมลดดอกเบี้ย ซึ่งเงินไหลเข้ามหาศาล
เงินบาทแข็งจนกระทั่ง อุตสาหกรรมส่งออก เช่นสิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม เจ้งไปเรียบร้อยแล้ว
แม้ต่อไปเงินจะอ่อนลงอีกมาก ส่วนมากกลับมาไม่ได้แล้ว ไม่มีใครอยากทำส่งออกแล้ว
เมื่อต่างชาติไม่มั่นใจประเทศไทย เพราะเห็นการใช้เงินอย่างมหาศาลของรัฐบาล
ต่างชาติก็จะเอาเงินออก คนไทยเห็นก็จะเอาเงินออกตาม ไม่มีใครอยากถือเงินบาท
เมื่อเงินบาทเริ่มอ่อนลง คนก็จะยิ่งกลัว และยิ่งไม่กล้าถือเงินบาท เงินก็จะยิ่งอ่อนลง
ปกติเมื่อเงินอ่อนลงถึงระดับนึง การส่งออกจะดีขึ้น แต่ต่อไปจะไม่ดีแบบเดิมอีกแล้ว
เพราะอุตสาหกรรมส่งออกส่วนมากเจ้งไปแล้ว
เมื่อค่าเงินบาทอ่อนมากๆ bot ก็ต้องขึ้นดอกเบี้ย เพื่อไปให้เงินอ่อนเกินไป ซึ่งมันเคยเกิดแล้ว
ตอนต้มยำกุ้ง
ประเทศไทยสนับสนุนให้คนไทยซื้อรถคันแรก ซึ่งต้องผ่อนไปอีก 4-5ปี
ทำให้การบริโภคในประเทศจะลดลงมาก แม้แต่มาม่ายอดขายยังลดเลย อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง
ประเทศไทยสภาวะก่อนหน้านี้ ไม่ยอมลดดอกเบี้ย ซึ่งเงินไหลเข้ามหาศาล
เงินบาทแข็งจนกระทั่ง อุตสาหกรรมส่งออก เช่นสิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม เจ้งไปเรียบร้อยแล้ว
แม้ต่อไปเงินจะอ่อนลงอีกมาก ส่วนมากกลับมาไม่ได้แล้ว ไม่มีใครอยากทำส่งออกแล้ว
เมื่อต่างชาติไม่มั่นใจประเทศไทย เพราะเห็นการใช้เงินอย่างมหาศาลของรัฐบาล
ต่างชาติก็จะเอาเงินออก คนไทยเห็นก็จะเอาเงินออกตาม ไม่มีใครอยากถือเงินบาท
เมื่อเงินบาทเริ่มอ่อนลง คนก็จะยิ่งกลัว และยิ่งไม่กล้าถือเงินบาท เงินก็จะยิ่งอ่อนลง
ปกติเมื่อเงินอ่อนลงถึงระดับนึง การส่งออกจะดีขึ้น แต่ต่อไปจะไม่ดีแบบเดิมอีกแล้ว
เพราะอุตสาหกรรมส่งออกส่วนมากเจ้งไปแล้ว
เมื่อค่าเงินบาทอ่อนมากๆ bot ก็ต้องขึ้นดอกเบี้ย เพื่อไปให้เงินอ่อนเกินไป ซึ่งมันเคยเกิดแล้ว
ตอนต้มยำกุ้ง
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 77
ทำได้แต่ระบยแลกเปลี่นนพังทลายทันทีCARPENTER เขียน:อีกนิด ถ้าไม่มีความเชื่อมั่น เงินจะไหลออกเร็วมาก ล้านล้านบาท
อาจจะใช้เวลา ไม่ถึง ชม
ตอนวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง
จากตะกร้าเงินที่ 25 บาทต่อ $1 เป็น 50กว่าบาท
ยังใช้เวลา มันค่อยเป็นค่อยไป
ตอนนั้นไม่มีคนรู้จัก swap ทำให้งง ว่าทำไมอ่อนแล้วกลับมาแข็งค่ารวดเร็ว
หลังเหตุการณ์ 3-4 ปี ก็มีเฉลยออกมา
ตอนนี้ก็เหมือนกัน ถึงเวลาก็มีเฉลย
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1373
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 78
เรื่องจำนำข้าว
เชื่อเถอะว่าทำได้ไม่เกิน2-3ปีเท่านั้น
ตอนนี้หลายฝ่ายมากระทุ้งแล้ว รัฐบาลไม่กล้าหรอกครับ
ปัญหาในรัฐบาลตอนนี้ก็มากพอดูแล้ว
เรื่องไม่มีใครอยากทำส่งออก
ถ้าไม่มีใครอยากทำจริงๆ ส่งออกคงไม่อยู่ที่60-70%ของGDPหรอกครับ
พูดให้ถูกคือ ไม่มีใครอยากทำส่งออกราคาถูก แต่อยากทำส่งออกแบบvalue added
สิ่งทอ แม้บาทไม่แข็งยังไงก็ต้องย้ายฐาน เพราะค่าแรง ค่าโสหุ้ยขึ้นหมด
และเค้าย้ายฐานกันสักพักแล้ว เพียงแค่ตอนนี้มันปัญหารุมเร้าพร้อมกัน
เลยตัดสินใจง่ายขึ้น
เรื่องต่างชาติขนเงินออก
ต่างชาติถือตราสารหนี้อยู่5.72แสนล้าน ตราสารทุน1.1แสนล้าน ขายหมดก็ไม่ถึง1ล้านๆ
ฝั่งreal sectorจะขนเงินออกก็ไม่ง่าย ต้องขายโรงงาน ขายกิจการ หรือเลิกจ้าง
หลังขายแล้วก็ต้องหาที่ตั้งใหม่ ก่อสร้าง จ้างงาน หาออเดอร์ สร้างsupply chainใหม่
ดูแล้วไม่ง่าย ได้ไม่คุ้มเสีย
แล้วโอกาสที่คนไทยจะขนเงินออกจากการขาดความเชื่อมั่นในประเทศมันน้อยมาก
ต้องขนาดเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งอ่ะครับ ซึ่งตอนนั้นสั่งสมปัญหา ซุกขยะไว้ใต้พรมมาก
แล้วมันก็โพล๊ะออกมา โดยคนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว
แต่ตอนนี้ผมเชื่อว่าหลายๆคนเรียนรู้ ระมัดระวัง
ทั้งจากฝั่งเอกชน ทั้งฝั่งธปท. ทั้งฝั่งรัฐบาล
เครดิตเรตติ้งไทยคงไม่ลดมากจนช๊อกตลาดหรอกครับ
ตอนนี้ไทยอยู่ที่BBB+ ปรับลดอย่างเก่งก็BBB-
ไม่มีทางลงไประดับBB+ได้ ในสถานะประเทศตอนนี้
เชื่อเถอะว่าทำได้ไม่เกิน2-3ปีเท่านั้น
ตอนนี้หลายฝ่ายมากระทุ้งแล้ว รัฐบาลไม่กล้าหรอกครับ
ปัญหาในรัฐบาลตอนนี้ก็มากพอดูแล้ว
เรื่องไม่มีใครอยากทำส่งออก
ถ้าไม่มีใครอยากทำจริงๆ ส่งออกคงไม่อยู่ที่60-70%ของGDPหรอกครับ
พูดให้ถูกคือ ไม่มีใครอยากทำส่งออกราคาถูก แต่อยากทำส่งออกแบบvalue added
สิ่งทอ แม้บาทไม่แข็งยังไงก็ต้องย้ายฐาน เพราะค่าแรง ค่าโสหุ้ยขึ้นหมด
และเค้าย้ายฐานกันสักพักแล้ว เพียงแค่ตอนนี้มันปัญหารุมเร้าพร้อมกัน
เลยตัดสินใจง่ายขึ้น
เรื่องต่างชาติขนเงินออก
ต่างชาติถือตราสารหนี้อยู่5.72แสนล้าน ตราสารทุน1.1แสนล้าน ขายหมดก็ไม่ถึง1ล้านๆ
ฝั่งreal sectorจะขนเงินออกก็ไม่ง่าย ต้องขายโรงงาน ขายกิจการ หรือเลิกจ้าง
หลังขายแล้วก็ต้องหาที่ตั้งใหม่ ก่อสร้าง จ้างงาน หาออเดอร์ สร้างsupply chainใหม่
ดูแล้วไม่ง่าย ได้ไม่คุ้มเสีย
แล้วโอกาสที่คนไทยจะขนเงินออกจากการขาดความเชื่อมั่นในประเทศมันน้อยมาก
ต้องขนาดเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งอ่ะครับ ซึ่งตอนนั้นสั่งสมปัญหา ซุกขยะไว้ใต้พรมมาก
แล้วมันก็โพล๊ะออกมา โดยคนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว
แต่ตอนนี้ผมเชื่อว่าหลายๆคนเรียนรู้ ระมัดระวัง
ทั้งจากฝั่งเอกชน ทั้งฝั่งธปท. ทั้งฝั่งรัฐบาล
เครดิตเรตติ้งไทยคงไม่ลดมากจนช๊อกตลาดหรอกครับ
ตอนนี้ไทยอยู่ที่BBB+ ปรับลดอย่างเก่งก็BBB-
ไม่มีทางลงไประดับBB+ได้ ในสถานะประเทศตอนนี้
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 428
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 79
จำนำข้าวถ้าทำอีก 2-3ปี ก็เจ้งร่วม 1ล้านล้านบาท
คนที่มีศักยะภาพ เอาเงินออกกันแล้ว และจะออกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ง่ายๆ bjc กับกลุ่มซีพี ซื้อหุ้น f&n และ บริษัทประกันของจีน
2 ดีลนี้ ก็หลายแสนล้านบาท
ถ้าแนวโน้มบาทอ่อนลงมากๆ และแรงๆ
เงินก็จะไหลออกเป็นน้ำ แม้แต่ กลุ่มVIในห้องนี้
การซื้อหุ้น ตปท จะเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ
เพราะตอนนี้ โบรคต่างๆ ก็ เร่งการขายอยู่แล้ว
ส่วนเงินจะไหลออกมากแค่ไหน นั้นขึ้นอยู่กับแนวโน้มของ ศก ของประเทศนี้
การกู้เงิน 2ล้านล้าน นั้น แล้ว ถ้าเอามาทำ infrastructure ที่ไม่เหมาะสม
ศก ประเทศนี้ จะเละเทะดูไม่จืดเลย
ทุกอย่างขึ้นกับการคอรัปชั่น การคอรัปชั่นจะทำให้ คนทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
คนที่มีศักยะภาพ เอาเงินออกกันแล้ว และจะออกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ง่ายๆ bjc กับกลุ่มซีพี ซื้อหุ้น f&n และ บริษัทประกันของจีน
2 ดีลนี้ ก็หลายแสนล้านบาท
ถ้าแนวโน้มบาทอ่อนลงมากๆ และแรงๆ
เงินก็จะไหลออกเป็นน้ำ แม้แต่ กลุ่มVIในห้องนี้
การซื้อหุ้น ตปท จะเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ
เพราะตอนนี้ โบรคต่างๆ ก็ เร่งการขายอยู่แล้ว
ส่วนเงินจะไหลออกมากแค่ไหน นั้นขึ้นอยู่กับแนวโน้มของ ศก ของประเทศนี้
การกู้เงิน 2ล้านล้าน นั้น แล้ว ถ้าเอามาทำ infrastructure ที่ไม่เหมาะสม
ศก ประเทศนี้ จะเละเทะดูไม่จืดเลย
ทุกอย่างขึ้นกับการคอรัปชั่น การคอรัปชั่นจะทำให้ คนทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
-
- Verified User
- โพสต์: 428
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 80
ผมเคยทำส่งออก เมื่อค่าเงินบาทขึ้นไปมากๆ ผมก็ต้องเลิกทำ
ถ้าพรุ่งนี้ ค่าเงินบาทอ่อนลงในเรทที่ผมเคยทำได้
ผมก็คงไม่กลับไปทำ เพราะเสียลูกค้าไปแล้ว กลับไปยาก
และไม่พยายามที่จะกลับไปทำ เพราะไม่คุ้มในการเสี่ยง
เพราะ นอกจากเสี่ยงการทำธุรกิจแล้ว ยังต้องเสี่ยงกับค่าเงินอีก
ขี้เกียจฟังคนชอบพูดว่า โรงงานส่งออกอยู่ได้เพราะค่าเงินถูก ค่าแรงถูก
เห็นดอกเบี้ยที่ bot จ่ายให้ ต่างชาติเยอะๆแล้วเบื่อ
ถ้าพรุ่งนี้ ค่าเงินบาทอ่อนลงในเรทที่ผมเคยทำได้
ผมก็คงไม่กลับไปทำ เพราะเสียลูกค้าไปแล้ว กลับไปยาก
และไม่พยายามที่จะกลับไปทำ เพราะไม่คุ้มในการเสี่ยง
เพราะ นอกจากเสี่ยงการทำธุรกิจแล้ว ยังต้องเสี่ยงกับค่าเงินอีก
ขี้เกียจฟังคนชอบพูดว่า โรงงานส่งออกอยู่ได้เพราะค่าเงินถูก ค่าแรงถูก
เห็นดอกเบี้ยที่ bot จ่ายให้ ต่างชาติเยอะๆแล้วเบื่อ
- canuseeme
- Verified User
- โพสต์: 302
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 81
สุดยอดครับ กระทู้ ดีๆ มีสาระ เยี่ยง นี้ ขอเวลา ว่างๆ ซักครึ่งวัน มานั่งอ่าน
ตอนนี้ ขอเก็บกระทู้นี้ ก่อนละกัน ไม่ไหว สาระล้วนๆ
ตอนนี้ ขอเก็บกระทู้นี้ ก่อนละกัน ไม่ไหว สาระล้วนๆ
ปัญญาไม่มีในผู้ไม่พิจารณา
There is no fate but what we make
https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
There is no fate but what we make
https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 82
Bot จ่ายในส่วนของพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ออกมาเพื่อดูดสภาพคล่องทางการเงิน
หรือควบคุมหรือออกมาในการแก้ไขปัญหาเช่นออกให้กองทุนฟื้นฟูฯ ออกมา Recover ของเก่าที่หมดอายุ
อีกอย่างคือ ภาระดอกเบี้ยที่ึคลังให้ BOT จ่าย เนื่องจากคลังรับภาระมานานแล้ว ดังนั้นจึงดำเนินการลดเงินนำเข้ากองทุนคุ้มครองเงินต้นลง เพื่อนำมาจ่ายดอกเบี้ย และขายหุ้นในกิจการที่เกี่ยวกับกองทุนฟื้นฟูออกมาเป็นระยะๆ
มีอีกพันธบัตรหนึ่งที่ออกมาคือ พันธบัตรรัฐบาล อันนี้ออกมาเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ,ออกเพื่อ Recover ของเก่าที่ครบกำหนด ,ออกเพื่อนำเงินมาใช้ในโครงการต่างๆ อันนี้ที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ยโดยตรง ซึ่งหน้าตั๋วมันระบุชัดเจนวิธีการจ่ายว่า เป็น ดอกเบี้ยคงที่ ดอกเบี้ยอ้างอิงกับอัตราเิงินเฟ้อ ดอกเบี้ยลอยตัวอ้างอิงตามตลาด BIBOR/LIBOR ออกเป็นเงินสกุลบาทหรือต่างประเทศ (อันนี้มีสำนักงานหนี้สาธารณะเป็นผู้ดูแลอยู่)
การลดดอกเบี้ยมีผลต่อพันธบัตรรุ่นที่ออกมาใหม่เท่านั้น ของเดิมไม่มีผล เพราะหน้าพันธบัตรมันระบุการจ่ายเงินไว้ชัดเจนหรือ รัฐมีการต่อรองได้ว่า เมื่อฉันลดดอกเบี้ยแล้วจ่ายดอกเบี้ยลดลง หนี้ก้อนเก่าก็จ่ายดอกเบี้ยเก่า หนี้ใหม่จ่ายดอกเบี้ยอัีตราใหม่ (เหมือนคุณไป Refinance บ้านนั้นเอง)
ส่วนเรื่องของจำนำข้าวนั้น โพล่ในงบของธนาคาร ซึ่งมีสำนักตรวจการแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชี
ถ้าหากไม่เจอผู้ตรวจสอบคนที่ทำงบการเงินก็มีความผิด ถ้าเอาเข้าจริงๆ ขอให้มีประชาชนยื่นเรื่องให้แก่ศาล (อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นศาลปกครองหรือเปล่า) ขออำนาจศาลในการเปิดเผยเอกสารการรับจำนำข้าว ตาม พรบ ข่าวสาร ปี 2540
พรบ ข่าวสารปี 2540 เป็นพรบ ที่มีพลังในการเปิดเผยข้อมูลหากกระทบต่อบุคคลนั้นโดยตรง (ในอดีตมีหลายเคสที่คับข้องใจแล้วขออำนาจศาล เพื่อเปิดข้อมูลออกมา ให้เกิดความกระจ่างเลยทีเดียว)
ด้านการส่งออกนั้น ขอยกตัวอย่างบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเลย
ถ้าใครไปบริษัทส่งออก ถามไปเลยว่า ถ้าค่าเงินบาทแข็ง ลูกค้าซื้อสินค้าคุณหรือเปล่า คุณมีกลยุทธ์อะไรที่มัดใจลูกค้าในยามค่าเงินบาทแข็งแบบนี้ เจอคำตอบว่า ค้าขายมาหลายเพลา และมี่ความสัมพันธ์แน่นเฟ้นกับลูกค้า ตอบบนี้ก็จบข่าว (ซึ่งที่ยกบริษัทจดทะเบียนเพราะว่าบริษัทจดทะเบียนเน้นทำรายได้มากๆ เพื่อให้บอกเป้าแ่กนักลงทุนได้ว่าปีนี้โตเท่าไรหนอ แล้วคุณไปคำนวณบันทีึกสุดท้ายกันเอาเองกันว่า มันเป็นตัวเลขเท่าไร)
ลองเปิดไทยรัฐฉบับวันที่ 13 มิย 2556 หน้า 5 ยอดส่งออกที่ลดลงเนื่องจากนโยบายของรัฐที่ตรวจสอบทุกบริษัท ว่ามีการสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อขอคืนภาษีหรือไม่ (ภาษีตัวนี้ไม่รู้ว่าภาษีมูลค่าเพิ่มหรือเปล่า ตรวจสอบดูละกัน) ทำให้ยอดส่งออกมันหดตัวลง
คำถามว่า ดอกเบี้ยลดลง เงินเฟ้อลดลงหรือเปล่า หรือเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ต้องติดตามกันดู
แต่ค่าเงินลดลง ซึ่งธนาคารพาณิชย์เองก็ไม่ปรับลดดอกเบี้ย (ปรับลดแต่ลูกค้ารายใหญ่) ดังนั้นดอกเบี้ยที่คุยกันในระดับประชาชนคือ ดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ ส่วนนักลงทุนที่เข้ามาทำธุรกิจจริงๆ ก็ใช้ดอกเบี้ย MLR MRR(สาระพัด ดอกเบี้ยตระกูล M ให้อ้างอิงการจ่ายดอกเบี้ย มีแถมตัวเลข + หรือ - มาให้อีกต่างหาก) ส่วนกองทุนถ้าไม่ใช่ขายครั้งแรก ก็ไปซื้อในตลาดรอง (ข้อมูลซื้อขายมาที่ www.thaibma.or.th) ซึ่งมันคือ ดอกเบี้ยที่ซื้อขายในตลาด ซึ่ง Mr Market นั้นจะกำหนดผลตอบแทนเท่าไร ดอกเบี้ยนโยบายเป็นเครื่องนำทางว่าควรจะเป็นเท่าไร ธนาคารกลางบังคับให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดลงดอกเบี้ย ก็ใช่ที แค่ขอความร่วมมือในการดำเนินการแค่นั้น (ในอดีตก็มีเหตุการณ์ที่ ธนาคารกลางลดดอกเบี้ยนโยบายลงเป็นแรมเดือน ธนาคารพาณิชย์ทั้งของรัฐและเอกชนไม่มีใครลดดอกเบี้ยเลย นายธนาคารยังพอใจในอัตราดอกเบี้ยเดิม
หรือควบคุมหรือออกมาในการแก้ไขปัญหาเช่นออกให้กองทุนฟื้นฟูฯ ออกมา Recover ของเก่าที่หมดอายุ
อีกอย่างคือ ภาระดอกเบี้ยที่ึคลังให้ BOT จ่าย เนื่องจากคลังรับภาระมานานแล้ว ดังนั้นจึงดำเนินการลดเงินนำเข้ากองทุนคุ้มครองเงินต้นลง เพื่อนำมาจ่ายดอกเบี้ย และขายหุ้นในกิจการที่เกี่ยวกับกองทุนฟื้นฟูออกมาเป็นระยะๆ
มีอีกพันธบัตรหนึ่งที่ออกมาคือ พันธบัตรรัฐบาล อันนี้ออกมาเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ,ออกเพื่อ Recover ของเก่าที่ครบกำหนด ,ออกเพื่อนำเงินมาใช้ในโครงการต่างๆ อันนี้ที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ยโดยตรง ซึ่งหน้าตั๋วมันระบุชัดเจนวิธีการจ่ายว่า เป็น ดอกเบี้ยคงที่ ดอกเบี้ยอ้างอิงกับอัตราเิงินเฟ้อ ดอกเบี้ยลอยตัวอ้างอิงตามตลาด BIBOR/LIBOR ออกเป็นเงินสกุลบาทหรือต่างประเทศ (อันนี้มีสำนักงานหนี้สาธารณะเป็นผู้ดูแลอยู่)
การลดดอกเบี้ยมีผลต่อพันธบัตรรุ่นที่ออกมาใหม่เท่านั้น ของเดิมไม่มีผล เพราะหน้าพันธบัตรมันระบุการจ่ายเงินไว้ชัดเจนหรือ รัฐมีการต่อรองได้ว่า เมื่อฉันลดดอกเบี้ยแล้วจ่ายดอกเบี้ยลดลง หนี้ก้อนเก่าก็จ่ายดอกเบี้ยเก่า หนี้ใหม่จ่ายดอกเบี้ยอัีตราใหม่ (เหมือนคุณไป Refinance บ้านนั้นเอง)
ส่วนเรื่องของจำนำข้าวนั้น โพล่ในงบของธนาคาร ซึ่งมีสำนักตรวจการแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชี
ถ้าหากไม่เจอผู้ตรวจสอบคนที่ทำงบการเงินก็มีความผิด ถ้าเอาเข้าจริงๆ ขอให้มีประชาชนยื่นเรื่องให้แก่ศาล (อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นศาลปกครองหรือเปล่า) ขออำนาจศาลในการเปิดเผยเอกสารการรับจำนำข้าว ตาม พรบ ข่าวสาร ปี 2540
พรบ ข่าวสารปี 2540 เป็นพรบ ที่มีพลังในการเปิดเผยข้อมูลหากกระทบต่อบุคคลนั้นโดยตรง (ในอดีตมีหลายเคสที่คับข้องใจแล้วขออำนาจศาล เพื่อเปิดข้อมูลออกมา ให้เกิดความกระจ่างเลยทีเดียว)
ด้านการส่งออกนั้น ขอยกตัวอย่างบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเลย
ถ้าใครไปบริษัทส่งออก ถามไปเลยว่า ถ้าค่าเงินบาทแข็ง ลูกค้าซื้อสินค้าคุณหรือเปล่า คุณมีกลยุทธ์อะไรที่มัดใจลูกค้าในยามค่าเงินบาทแข็งแบบนี้ เจอคำตอบว่า ค้าขายมาหลายเพลา และมี่ความสัมพันธ์แน่นเฟ้นกับลูกค้า ตอบบนี้ก็จบข่าว (ซึ่งที่ยกบริษัทจดทะเบียนเพราะว่าบริษัทจดทะเบียนเน้นทำรายได้มากๆ เพื่อให้บอกเป้าแ่กนักลงทุนได้ว่าปีนี้โตเท่าไรหนอ แล้วคุณไปคำนวณบันทีึกสุดท้ายกันเอาเองกันว่า มันเป็นตัวเลขเท่าไร)
ลองเปิดไทยรัฐฉบับวันที่ 13 มิย 2556 หน้า 5 ยอดส่งออกที่ลดลงเนื่องจากนโยบายของรัฐที่ตรวจสอบทุกบริษัท ว่ามีการสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อขอคืนภาษีหรือไม่ (ภาษีตัวนี้ไม่รู้ว่าภาษีมูลค่าเพิ่มหรือเปล่า ตรวจสอบดูละกัน) ทำให้ยอดส่งออกมันหดตัวลง
คำถามว่า ดอกเบี้ยลดลง เงินเฟ้อลดลงหรือเปล่า หรือเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ต้องติดตามกันดู
แต่ค่าเงินลดลง ซึ่งธนาคารพาณิชย์เองก็ไม่ปรับลดดอกเบี้ย (ปรับลดแต่ลูกค้ารายใหญ่) ดังนั้นดอกเบี้ยที่คุยกันในระดับประชาชนคือ ดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ ส่วนนักลงทุนที่เข้ามาทำธุรกิจจริงๆ ก็ใช้ดอกเบี้ย MLR MRR(สาระพัด ดอกเบี้ยตระกูล M ให้อ้างอิงการจ่ายดอกเบี้ย มีแถมตัวเลข + หรือ - มาให้อีกต่างหาก) ส่วนกองทุนถ้าไม่ใช่ขายครั้งแรก ก็ไปซื้อในตลาดรอง (ข้อมูลซื้อขายมาที่ www.thaibma.or.th) ซึ่งมันคือ ดอกเบี้ยที่ซื้อขายในตลาด ซึ่ง Mr Market นั้นจะกำหนดผลตอบแทนเท่าไร ดอกเบี้ยนโยบายเป็นเครื่องนำทางว่าควรจะเป็นเท่าไร ธนาคารกลางบังคับให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดลงดอกเบี้ย ก็ใช่ที แค่ขอความร่วมมือในการดำเนินการแค่นั้น (ในอดีตก็มีเหตุการณ์ที่ ธนาคารกลางลดดอกเบี้ยนโยบายลงเป็นแรมเดือน ธนาคารพาณิชย์ทั้งของรัฐและเอกชนไม่มีใครลดดอกเบี้ยเลย นายธนาคารยังพอใจในอัตราดอกเบี้ยเดิม
-
- Verified User
- โพสต์: 428
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 85
จริงๆแล้วจะทำอะไรก็ต้องศึกษา และอย่าตบแต่งข้อมูล ว่าควรทำอะไรก่อนหลัง ทำแค่ไหน
แต่นี่รัฐบาลใช้เงินกู้ทั้ง 2.2 ล้านล้าน ทำรถไฟความเร็วสูง (ซึ่งแพงมาก) อย่างเดียว
ถ้าทำแล้วผู้โดยสารไม่พอ ที่จะคุ้มทุน ก็ต้องเอาเงินรัฐอุดหนุนไปเรื่อยๆ
เช่น กรณี airport link ก่อนทำก็คุยนักคุยหนา ว่าจะมีคนใช้รถไฟไปสุวรรณภูมิ วันละ 25,000 คน
แต่ตอนนี้ มีคนช้ไปสุวรรณภูมิวันละ ประมาณ 2,500 คน เจ้งสนิท และไม่มีใครรับผิดชอบ
วิธีแก้ก็คือเอาเงินถมเข้าไป อีก 10-20 ปีคนก็เพิ่มเอง
จริงๆไม่ต้อง รถไฟความเร็วสูงระดับ 300 กม ก็ได้
เอาระดับ 150 กม ก็พอแล้วเพิ่มเป็นรางคู่
รถไฟเป็นการขนส่งที่ประหยัด (กว่ารถบรรทุกมาก) แต่ ก็ต้องพอเหมาะพอควรไม่ใช่เว่อเกินไป
แต่ถ้าเป็น high speed train แบบ ชิงกังเซน ก็แพงมาก แพงเกินกว่าที่คนธรรมดาจะใช้ประจำได้
แต่นี่รัฐบาลใช้เงินกู้ทั้ง 2.2 ล้านล้าน ทำรถไฟความเร็วสูง (ซึ่งแพงมาก) อย่างเดียว
ถ้าทำแล้วผู้โดยสารไม่พอ ที่จะคุ้มทุน ก็ต้องเอาเงินรัฐอุดหนุนไปเรื่อยๆ
เช่น กรณี airport link ก่อนทำก็คุยนักคุยหนา ว่าจะมีคนใช้รถไฟไปสุวรรณภูมิ วันละ 25,000 คน
แต่ตอนนี้ มีคนช้ไปสุวรรณภูมิวันละ ประมาณ 2,500 คน เจ้งสนิท และไม่มีใครรับผิดชอบ
วิธีแก้ก็คือเอาเงินถมเข้าไป อีก 10-20 ปีคนก็เพิ่มเอง
จริงๆไม่ต้อง รถไฟความเร็วสูงระดับ 300 กม ก็ได้
เอาระดับ 150 กม ก็พอแล้วเพิ่มเป็นรางคู่
รถไฟเป็นการขนส่งที่ประหยัด (กว่ารถบรรทุกมาก) แต่ ก็ต้องพอเหมาะพอควรไม่ใช่เว่อเกินไป
แต่ถ้าเป็น high speed train แบบ ชิงกังเซน ก็แพงมาก แพงเกินกว่าที่คนธรรมดาจะใช้ประจำได้
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 87
ขออ้างอิง ประวัติการทำงาน ของ ดร.ประสาร ไตรรัตน์กุล (ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนปัจจุบัน)
(ข้อมูลจาก http://www.bot.or.th/Thai/AboutBOT/Gove ... asarn.aspx )
ประวัติการทำงาน (ในอดีต)
2524 - 2526
Research Fellow, International Food Policy Research Institute, Washington, D.C., U.S.A.
2526 - 2535 ธนาคารแห่งประเทศไทย
- เศรษฐกร ฝ่ายวิชาการ
- หัวหน้าหน่วย ฝ่ายกำกับและตรวจสอบธนาคารพาณิชย์
- รองผู้อำนวยการ ฝ่ายกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน
2535 - 2542
รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
2542 - 2546
เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
2547 - 2553
กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
2548 - 2552
ประธานกรรมการ บริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จำกัด
2548 - 2553
ประธานกรรมการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด
2553
รองประธานกรรมการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด
2553
รองประธานกรรมการ บริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด
------------------------------------------------------
เป็นข้อมูลเิพิ่มเติม
(ข้อมูลจาก http://www.bot.or.th/Thai/AboutBOT/Gove ... asarn.aspx )
ประวัติการทำงาน (ในอดีต)
2524 - 2526
Research Fellow, International Food Policy Research Institute, Washington, D.C., U.S.A.
2526 - 2535 ธนาคารแห่งประเทศไทย
- เศรษฐกร ฝ่ายวิชาการ
- หัวหน้าหน่วย ฝ่ายกำกับและตรวจสอบธนาคารพาณิชย์
- รองผู้อำนวยการ ฝ่ายกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน
2535 - 2542
รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
2542 - 2546
เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
2547 - 2553
กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
2548 - 2552
ประธานกรรมการ บริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จำกัด
2548 - 2553
ประธานกรรมการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด
2553
รองประธานกรรมการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด
2553
รองประธานกรรมการ บริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด
------------------------------------------------------
เป็นข้อมูลเิพิ่มเติม
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1373
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 88
ที่จริงพูดเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อัตราดอกเบี้ยที่รัฐบาล/ธปท.ต้องจ่าย
แต่ไม่เห็นเจาะเรื่องเรตติ้งประเทศให้ชัดเจนว่ามีกี่แบบ กี่ประเภท อะไรอย่างไร
ทำไมบางช่วงมีกองบอนด์เกาหลี กองบอนด์ออสซี่ กองบอนด์emerging market
มาเปิดประเด็นไว้แล้วกัน
แต่ไม่เห็นเจาะเรื่องเรตติ้งประเทศให้ชัดเจนว่ามีกี่แบบ กี่ประเภท อะไรอย่างไร
ทำไมบางช่วงมีกองบอนด์เกาหลี กองบอนด์ออสซี่ กองบอนด์emerging market
มาเปิดประเด็นไว้แล้วกัน
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่
โพสต์ที่ 89
อีกชั้น ของตราสารหนี้คือ
เครื่องมีการทำ swap อัตราแลกเปลี่ยน และ swap ดอกเบี้ย
อันนี้ตัวกลางมีสองระดับ
คือ ธนาคารกลาง และ ตัวกลาง เช่น ธนาคาร โบรกเกอร์ เป็นต้น
สองอันนี้ซับซ้อนพอควรเลยละ
เครื่องมีการทำ swap อัตราแลกเปลี่ยน และ swap ดอกเบี้ย
อันนี้ตัวกลางมีสองระดับ
คือ ธนาคารกลาง และ ตัวกลาง เช่น ธนาคาร โบรกเกอร์ เป็นต้น
สองอันนี้ซับซ้อนพอควรเลยละ