รบกวนคุณhumdrum ไขความข้องใจเรื่องReflexivity
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนคุณhumdrum ไขความข้องใจเรื่องReflexivity
โพสต์ที่ 91
นักลงทุนกอดโลก : แล้วเขาก็เอาประสบการณ์นั้นมาคิดค้นเป็นทฤษฎีการสะท้อนกลับและเอาประยุกต์ใช้ในตลาดทุน และตลาดเงิน
นักลงทุนจ้องโลก : ที่สำคัญใช้กับประเทศไทยและอังกฤษด้วย
นักลงทุนกอดโลก : เออ เขาทำอย่างไงครับ
นักลงทุนจ้องโลก : ผมไม่ทราบครับ ถ้าคิดไปว่ามันเกิดขึ้นคล้ายๆ กับเรื่องจระเข้หลุดละครับจะเป็นอย่างไรบ้าง
นักลงทุนขวางโลก : เออ เขาทำอย่างไรครับ เขาปล่อยจระเข้เองเลยหรือครับ
นักลงทุนจ้องโลก : ใช่จระเข้หรือครับ เป็นที่ตัวโรงงานอิฐหรือปล่าว
นักลงทุนแบกโลก : ผมว่า ข่าวที่มีการลือว่าอิฐถล่มซึ่งก็คือประเทศไทยตอนนั้น แล้วมันถูกทำให้ถล่มเพราะสภาพของโรงงานพร้อมที่จะถล่มอยู่แล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่เข้าไปก็คือกองทุนเฮจฟันอื่นๆ ส่วนกองทุนโซรอสเองน่าจะเป็นคนให้ยืมเรือท้องแบนมากว่าครับ ท่านจ้องโลกเห็นว่าอย่างไร
นักลงทุนจ้องโลก : ไม่ทราบเลยครับ
……………………………….
ขอจบเพียงแค่นี้นะครับ
ขอบคุณครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ
นักลงทุนจ้องโลก : ที่สำคัญใช้กับประเทศไทยและอังกฤษด้วย
นักลงทุนกอดโลก : เออ เขาทำอย่างไงครับ
นักลงทุนจ้องโลก : ผมไม่ทราบครับ ถ้าคิดไปว่ามันเกิดขึ้นคล้ายๆ กับเรื่องจระเข้หลุดละครับจะเป็นอย่างไรบ้าง
นักลงทุนขวางโลก : เออ เขาทำอย่างไรครับ เขาปล่อยจระเข้เองเลยหรือครับ
นักลงทุนจ้องโลก : ใช่จระเข้หรือครับ เป็นที่ตัวโรงงานอิฐหรือปล่าว
นักลงทุนแบกโลก : ผมว่า ข่าวที่มีการลือว่าอิฐถล่มซึ่งก็คือประเทศไทยตอนนั้น แล้วมันถูกทำให้ถล่มเพราะสภาพของโรงงานพร้อมที่จะถล่มอยู่แล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่เข้าไปก็คือกองทุนเฮจฟันอื่นๆ ส่วนกองทุนโซรอสเองน่าจะเป็นคนให้ยืมเรือท้องแบนมากว่าครับ ท่านจ้องโลกเห็นว่าอย่างไร
นักลงทุนจ้องโลก : ไม่ทราบเลยครับ
……………………………….
ขอจบเพียงแค่นี้นะครับ
ขอบคุณครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนคุณhumdrum ไขความข้องใจเรื่องReflexivity
โพสต์ที่ 92
มิกล้าครับhumdrum เขียน:ผมเขียนไม่ดีเองครับ
ขอโทษพี่หมอด้วยนะครับ
เขียนได้น่าสนใจมาก และอธิบายรูปได้ดี เลยครับ
ผมเข้าใจว่าแต่ละตัวละคร อาจารย์ตั้งใจจะสร้างขึ้นมา แสดงถึงอะไรบางอย่าง
แต่ไขปริศนาไม่ออกเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนคุณhumdrum ไขความข้องใจเรื่องReflexivity
โพสต์ที่ 93
ไม่มีอะไรจริงๆ ครับพี่หมอ
ประสบการณ์ผมเป็นอย่างนั้นเอง
ผมเคยยึดติดอะไรบางอย่างไว้มาก
แล้วมันพลิกกลับจนผมล้มทั้งยืน
ผมจะคุยกับตัวเอง แย้งตัวเองกลับไปกลับมาอย่างที่พี่หมออ่าน
เป็นทั้งสี่แบบ แล้วแต่แบบใดเป้นช่วงใดมากกว่า ผมทะเลาะกับตัวเองตลอดเวลา
บางช่วงเวลา แยกตัวเองออกมามองตัวเองทั้งสี่คนเถียงกัน
ผมพบว่า ไม่ว่าแบบใดเป้นมากไปก็ไม่ดี อย่างท่านกอดโลก มองแต่แง่ดี
ท่านขวางเอาแต่มองแง่ร้าย ท่านแบกโลกตำหนิติเตียนทุกอย่าง
ท่านจ้องโลกพร้อมลุยทุกสถานการณ์
ท่านจ้องกับท่านกอดวิ่งเข้าหาโอกาส
ท่านแบกกับท่านขวางคอยเป้น risk management
การมองหาโอกาสที่จะทำเงินและสร้างผลตอบแทนในตลาดในขณะที่ต้องจัดการกับความเสี่ยงไปด้วยนั้นเป้นศิลปะที่ต้องสร้างความสมดุลของทั้งสองฝั่งให้ได้
เวลาจะตัดสินใจทำอะไร ไม่ว่าลงทุน เดินข้ามถนน ซื้อโอเลี้ยงกิน
ก็เหมือนทั้งสี่ท่านที่อยู่ด้วยกันและพูดคุยกันตลอดถึงทั้งโอกาสและความเสี่ยงเวลา
การสร้าง characteristics ขั้วตรงข้ามขึ้นมาเฉพาะท่านกอดโลกกับท่านขวางโลกนั้นไม่พอครับ
เราต้องสร้างท่านแบกโลกขึ้นมาเป้น risk management ชั้นที่สองเพื่อแย้งตัวท่านขวางโลก
หลักความคิดของโซรอสนั้นอยู๋บนพื้นฐานของความเชื่อกับความจริงที่เกิดขึ้นค้น
บ่อยครั้งความเชื่อของเราไม่เป็นอย่างที่เราคิด
การจัดการกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในใจของเรานั้นจึงเป้นสิ่งที่ต้องได้รับความสนใจอย่างมาก
ผมระวังการรับรู้ของตัวเอง และ ถามตัวเองว่า ผมกำลังถูก อีโก้ของตัวเองหลอกหรือไม่
ไปดูว่า great mind อย่างโซรอสทำอย่างไรกับเรื่องพวกนี้
เขาก็สรุปออกมาสั้นๆ ว่า I 'm always wrong and I try to correct my mistakes.
ผมไม่เข้าใจหรอกครับ ประโยคที่เขาบอก เพราะตอนแรกยังมองหาความแน่นอนในสิ่งต่างๆ
แต่พอนั่งจดอคติของตัวเองลงในสมุดบันทึกแล้ว ถึงรู้ว่า กรอบการรับรู้ของเรานั้นผิดเยอะทีเดียว
"การตะหนักรู้ในตนเองจะเกิดขึ้นได้ก่อต่อเมื่อไม่มีตัวตนของเราดำรงอยู่แล้วเท่านั้น"
เรื่องนี้โซรอสไม่ใช่เป็นคนค้นพบ มีอาจารย์อีกมากมายค้นพบมานานแล้ว
พระพุทธเจ้า * ชิโยโนะ * จวงจื่อ * ไดโอนิซิอุส * คาลิล ยิบราน * เกอร์จิยา * เฮราคลิตุส * พระเยซู * กาบีร์ * พระกฤษณะ * เจ.กฤษณะมูรติ * เล่าจื่อ * มีรา * นิทเช่ * พิธากอรัส * ราบิยา อัล-อดาบิยา * รูมี * ซานาย * โสกราตีส *
ไม่ว่าตะวันตก หรือ ตะวันออก ศาสตร์ของการละตนเองนั้นมีการค้นพบมานานแล้ว
ถ้าโลกนี้เป็นเกม หนทางเดียวที่ชนะในเกมนี้ คือ อย่ายึดติด
ไม่ใช่มองหาความแน่นอน แต่เป็นการมองหาความไม่แน่นอนที่เป็นหัวใจของ reflexivity
มันยากตรงนั้น reflexivity ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย
เราเพียงแต่คุ้นที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ ให้เกิดความแน่นอนเกิดขึ้น
ผมชอบเข้าไปอ่าน Great Minds ต่างๆ ใน Youtube
พวกเขาเข้าใจวิธีอยู๋ในโลกนี้เหมือนปรมารย์ท่านต่างๆ ของโลกทั้งนั้น
อันนี้คือสิ่งที่นักลงทุนที่ยึดติดความแน่นอนไม่มีทางเข้าใจได้
บางท่านล้มเหลวครั้งเดียวก็ถอดใจแล้ว ครั้งที่สองก็ไม่เอาแล้ว
ครั้งที่สามก็หนีไปทำอาชีพอื่นแล้ว ไปไม่รอด เพราะเขาไปยึดติดในบางอย่างมากเกินไป
คนที่เข้าใจความไม่แน่นอนนั้นต้องหนักแน่นมั่นคงต่อเป้าหมายของตัวเองว่าคืออะไร
ทุกอย่างในโลกนี้ มีความสำเร็จหมด อย่าไปยึดติดมันให้มากเกินความจำเป็น
มีอีโก้ ก็มีให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตเท่านั้น อย่าให้มันมากไป
มีอีโก้ ก็มีให้พอต่อการลงทุนเท่านั้น อย่าให้มันมากไป
มันมีความสำเร็จของมันเห็นอยู่แล้ว ทั้ง Buffett และ Soros เป็นตัวอย่าง
ในสายอาชีพการลงทุนของเรา เราก็เห็นความสำเร็จของคนเก่า เดินรอเราอยู่ข้างหน้าแล้ว
แล้วทำไมเราจะไม่ประสบความสำเร็จบ้าง หากในโลกนี้ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จเลย
แล้วเราจะไปอย่างไร มนุษย์เราต้องเห็นสิ่งที่มนุษย์ทำอยู่ข้างหน้าแล้ว
แต่ไปเข้าใจว่าเขามีสุตรลับกันหมด มีความแน่นอนให้เราเดินตามเขา
ประสบการณ์ของคนคนหนึ่งที่ไปถึงเป้าหมายแล้ว ไม่มีทางเหมือนของเราได้
โลกความสำเร็จที่เรามองหาอยู๋ที่การทำความเข้าใจกับตนเอง
ผมยังจำตอนหนึ่งในคำประกาศอิสรภาพของ USA
ทุกคนมีสิทธิวิ่งหาความสุขได้
pursuit of happiness แต่พระเอกเขายอมรับตัวเองว่าตัวเองผิด และ suck มาก
ยิ่งวิ่งหาความสุขเท่าใด มันก็ยิ่งวิ่งหนีเราเท่านั้น
ทำความเข้าใจกับความเชื่อของตนเองทุกวินาทีให้ดีที่สุดต่างหากที่สำคัญครับ
Great Minds: Richard Feynman - The Uncertainty Of Knowledge
"I can live with doubts and uncertainity and not knowing. I think it is much more interesting to live not knowing than to have answers which might be wrong...I don't feel frightened by not knowing things, by being lost in a mysterious universe without any purpose." (Richard Feynman)
ประสบการณ์ผมเป็นอย่างนั้นเอง
ผมเคยยึดติดอะไรบางอย่างไว้มาก
แล้วมันพลิกกลับจนผมล้มทั้งยืน
ผมจะคุยกับตัวเอง แย้งตัวเองกลับไปกลับมาอย่างที่พี่หมออ่าน
เป็นทั้งสี่แบบ แล้วแต่แบบใดเป้นช่วงใดมากกว่า ผมทะเลาะกับตัวเองตลอดเวลา
บางช่วงเวลา แยกตัวเองออกมามองตัวเองทั้งสี่คนเถียงกัน
ผมพบว่า ไม่ว่าแบบใดเป้นมากไปก็ไม่ดี อย่างท่านกอดโลก มองแต่แง่ดี
ท่านขวางเอาแต่มองแง่ร้าย ท่านแบกโลกตำหนิติเตียนทุกอย่าง
ท่านจ้องโลกพร้อมลุยทุกสถานการณ์
ท่านจ้องกับท่านกอดวิ่งเข้าหาโอกาส
ท่านแบกกับท่านขวางคอยเป้น risk management
การมองหาโอกาสที่จะทำเงินและสร้างผลตอบแทนในตลาดในขณะที่ต้องจัดการกับความเสี่ยงไปด้วยนั้นเป้นศิลปะที่ต้องสร้างความสมดุลของทั้งสองฝั่งให้ได้
เวลาจะตัดสินใจทำอะไร ไม่ว่าลงทุน เดินข้ามถนน ซื้อโอเลี้ยงกิน
ก็เหมือนทั้งสี่ท่านที่อยู่ด้วยกันและพูดคุยกันตลอดถึงทั้งโอกาสและความเสี่ยงเวลา
การสร้าง characteristics ขั้วตรงข้ามขึ้นมาเฉพาะท่านกอดโลกกับท่านขวางโลกนั้นไม่พอครับ
เราต้องสร้างท่านแบกโลกขึ้นมาเป้น risk management ชั้นที่สองเพื่อแย้งตัวท่านขวางโลก
หลักความคิดของโซรอสนั้นอยู๋บนพื้นฐานของความเชื่อกับความจริงที่เกิดขึ้นค้น
บ่อยครั้งความเชื่อของเราไม่เป็นอย่างที่เราคิด
การจัดการกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในใจของเรานั้นจึงเป้นสิ่งที่ต้องได้รับความสนใจอย่างมาก
ผมระวังการรับรู้ของตัวเอง และ ถามตัวเองว่า ผมกำลังถูก อีโก้ของตัวเองหลอกหรือไม่
ไปดูว่า great mind อย่างโซรอสทำอย่างไรกับเรื่องพวกนี้
เขาก็สรุปออกมาสั้นๆ ว่า I 'm always wrong and I try to correct my mistakes.
ผมไม่เข้าใจหรอกครับ ประโยคที่เขาบอก เพราะตอนแรกยังมองหาความแน่นอนในสิ่งต่างๆ
แต่พอนั่งจดอคติของตัวเองลงในสมุดบันทึกแล้ว ถึงรู้ว่า กรอบการรับรู้ของเรานั้นผิดเยอะทีเดียว
"การตะหนักรู้ในตนเองจะเกิดขึ้นได้ก่อต่อเมื่อไม่มีตัวตนของเราดำรงอยู่แล้วเท่านั้น"
เรื่องนี้โซรอสไม่ใช่เป็นคนค้นพบ มีอาจารย์อีกมากมายค้นพบมานานแล้ว
พระพุทธเจ้า * ชิโยโนะ * จวงจื่อ * ไดโอนิซิอุส * คาลิล ยิบราน * เกอร์จิยา * เฮราคลิตุส * พระเยซู * กาบีร์ * พระกฤษณะ * เจ.กฤษณะมูรติ * เล่าจื่อ * มีรา * นิทเช่ * พิธากอรัส * ราบิยา อัล-อดาบิยา * รูมี * ซานาย * โสกราตีส *
ไม่ว่าตะวันตก หรือ ตะวันออก ศาสตร์ของการละตนเองนั้นมีการค้นพบมานานแล้ว
ถ้าโลกนี้เป็นเกม หนทางเดียวที่ชนะในเกมนี้ คือ อย่ายึดติด
ไม่ใช่มองหาความแน่นอน แต่เป็นการมองหาความไม่แน่นอนที่เป็นหัวใจของ reflexivity
มันยากตรงนั้น reflexivity ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย
เราเพียงแต่คุ้นที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ ให้เกิดความแน่นอนเกิดขึ้น
ผมชอบเข้าไปอ่าน Great Minds ต่างๆ ใน Youtube
พวกเขาเข้าใจวิธีอยู๋ในโลกนี้เหมือนปรมารย์ท่านต่างๆ ของโลกทั้งนั้น
อันนี้คือสิ่งที่นักลงทุนที่ยึดติดความแน่นอนไม่มีทางเข้าใจได้
บางท่านล้มเหลวครั้งเดียวก็ถอดใจแล้ว ครั้งที่สองก็ไม่เอาแล้ว
ครั้งที่สามก็หนีไปทำอาชีพอื่นแล้ว ไปไม่รอด เพราะเขาไปยึดติดในบางอย่างมากเกินไป
คนที่เข้าใจความไม่แน่นอนนั้นต้องหนักแน่นมั่นคงต่อเป้าหมายของตัวเองว่าคืออะไร
ทุกอย่างในโลกนี้ มีความสำเร็จหมด อย่าไปยึดติดมันให้มากเกินความจำเป็น
มีอีโก้ ก็มีให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตเท่านั้น อย่าให้มันมากไป
มีอีโก้ ก็มีให้พอต่อการลงทุนเท่านั้น อย่าให้มันมากไป
มันมีความสำเร็จของมันเห็นอยู่แล้ว ทั้ง Buffett และ Soros เป็นตัวอย่าง
ในสายอาชีพการลงทุนของเรา เราก็เห็นความสำเร็จของคนเก่า เดินรอเราอยู่ข้างหน้าแล้ว
แล้วทำไมเราจะไม่ประสบความสำเร็จบ้าง หากในโลกนี้ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จเลย
แล้วเราจะไปอย่างไร มนุษย์เราต้องเห็นสิ่งที่มนุษย์ทำอยู่ข้างหน้าแล้ว
แต่ไปเข้าใจว่าเขามีสุตรลับกันหมด มีความแน่นอนให้เราเดินตามเขา
ประสบการณ์ของคนคนหนึ่งที่ไปถึงเป้าหมายแล้ว ไม่มีทางเหมือนของเราได้
โลกความสำเร็จที่เรามองหาอยู๋ที่การทำความเข้าใจกับตนเอง
ผมยังจำตอนหนึ่งในคำประกาศอิสรภาพของ USA
ทุกคนมีสิทธิวิ่งหาความสุขได้
pursuit of happiness แต่พระเอกเขายอมรับตัวเองว่าตัวเองผิด และ suck มาก
ยิ่งวิ่งหาความสุขเท่าใด มันก็ยิ่งวิ่งหนีเราเท่านั้น
ทำความเข้าใจกับความเชื่อของตนเองทุกวินาทีให้ดีที่สุดต่างหากที่สำคัญครับ
Great Minds: Richard Feynman - The Uncertainty Of Knowledge
"I can live with doubts and uncertainity and not knowing. I think it is much more interesting to live not knowing than to have answers which might be wrong...I don't feel frightened by not knowing things, by being lost in a mysterious universe without any purpose." (Richard Feynman)
- murder_doll
- Verified User
- โพสต์: 1644
- ผู้ติดตาม: 1
Re: รบกวนคุณhumdrum ไขความข้องใจเรื่องReflexivity
โพสต์ที่ 94
ผมก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง รอรูปที่สี่ครับ
เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาคือของจริง
ข้าวปลาคือของจริง
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนคุณhumdrum ไขความข้องใจเรื่องReflexivity
โพสต์ที่ 95
ขอสรุปนะครับ ท่าน murdur
จบแล้วนะครับ ผมขอพอแค่นี้ครับ
สวัสดีครับ แล้วเจอกันปลายปีครับ
ขอบคุณครับ โชคดีทุกท่านครับ
................................
1.
แบบที่ 1 : ใช้อีโก้ตัวเองเทรดเยอะเกินไป
2.
แบบที่ 2 : อีโก้ตัวเองน้อยเกินไป ใช้อีโก้คนอื่นเทรดหุ้น
3.
แบบที 3 : ไม่ใช้อีโก้ตัวเองเทรด ใช้อีโก้คนแบบที่ 1 และ 2 เป็นตัวกำหนดเกมที่จะเทรด
4. [/quote]
แบบที่ 4 : พิจารณาและตรวจสอบอีโก้ของตนเองตลอดเวลา ระวังไม่ให้อีโก้ของตนเองถูกหลอกใช้โดยคนแบบที่ 3
จบแล้วนะครับ ผมขอพอแค่นี้ครับ
สวัสดีครับ แล้วเจอกันปลายปีครับ
ขอบคุณครับ โชคดีทุกท่านครับ
................................
1.
แบบที่ 1 : ใช้อีโก้ตัวเองเทรดเยอะเกินไป
2.
แบบที่ 2 : อีโก้ตัวเองน้อยเกินไป ใช้อีโก้คนอื่นเทรดหุ้น
3.
แบบที 3 : ไม่ใช้อีโก้ตัวเองเทรด ใช้อีโก้คนแบบที่ 1 และ 2 เป็นตัวกำหนดเกมที่จะเทรด
4. [/quote]
แบบที่ 4 : พิจารณาและตรวจสอบอีโก้ของตนเองตลอดเวลา ระวังไม่ให้อีโก้ของตนเองถูกหลอกใช้โดยคนแบบที่ 3
- murder_doll
- Verified User
- โพสต์: 1644
- ผู้ติดตาม: 1
Re: รบกวนคุณhumdrum ไขความข้องใจเรื่องReflexivity
โพสต์ที่ 97
ขอบคุณมากๆครับ หวังว่าจะได้ติดตามอ่านต่อนะครับ หมื่นรู้มิรู้ปล่อยวางhumdrum เขียน:"การตะหนักรู้ในตนเองจะเกิดขึ้นได้ก่อต่อเมื่อไม่มีตัวตนของเราดำรงอยู่แล้วเท่านั้น"
เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาคือของจริง
ข้าวปลาคือของจริง
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนคุณhumdrum ไขความข้องใจเรื่องReflexivity
โพสต์ที่ 98
humdrum เขียน:ไม่มีอะไรจริงๆ ครับพี่หมอ
ประสบการณ์ผมเป็นอย่างนั้นเอง
ผมเคยยึดติดอะไรบางอย่างไว้มาก
แล้วมันพลิกกลับจนผมล้มทั้งยืน
ผมจะคุยกับตัวเอง แย้งตัวเองกลับไปกลับมาอย่างที่พี่หมออ่าน
เป็นทั้งสี่แบบ แล้วแต่แบบใดเป้นช่วงใดมากกว่า ผมทะเลาะกับตัวเองตลอดเวลา
บางช่วงเวลา แยกตัวเองออกมามองตัวเองทั้งสี่คนเถียงกัน
ผมพบว่า ไม่ว่าแบบใดเป้นมากไปก็ไม่ดี อย่างท่านกอดโลก มองแต่แง่ดี
ท่านขวางเอาแต่มองแง่ร้าย ท่านแบกโลกตำหนิติเตียนทุกอย่าง
ท่านจ้องโลกพร้อมลุยทุกสถานการณ์
ท่านจ้องกับท่านกอดวิ่งเข้าหาโอกาส
ท่านแบกกับท่านขวางคอยเป้น risk management
การมองหาโอกาสที่จะทำเงินและสร้างผลตอบแทนในตลาดในขณะที่ต้องจัดการกับความเสี่ยงไปด้วยนั้นเป้นศิลปะที่ต้องสร้างความสมดุลของทั้งสองฝั่งให้ได้
เวลาจะตัดสินใจทำอะไร ไม่ว่าลงทุน เดินข้ามถนน ซื้อโอเลี้ยงกิน
ก็เหมือนทั้งสี่ท่านที่อยู่ด้วยกันและพูดคุยกันตลอดถึงทั้งโอกาสและความเสี่ยงเวลา
การสร้าง characteristics ขั้วตรงข้ามขึ้นมาเฉพาะท่านกอดโลกกับท่านขวางโลกนั้นไม่พอครับ
เราต้องสร้างท่านแบกโลกขึ้นมาเป้น risk management ชั้นที่สองเพื่อแย้งตัวท่านขวางโลก
หลักความคิดของโซรอสนั้นอยู๋บนพื้นฐานของความเชื่อกับความจริงที่เกิดขึ้นค้น
บ่อยครั้งความเชื่อของเราไม่เป็นอย่างที่เราคิด
การจัดการกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในใจของเรานั้นจึงเป้นสิ่งที่ต้องได้รับความสนใจอย่างมาก
ผมระวังการรับรู้ของตัวเอง และ ถามตัวเองว่า ผมกำลังถูก อีโก้ของตัวเองหลอกหรือไม่
ไปดูว่า great mind อย่างโซรอสทำอย่างไรกับเรื่องพวกนี้
เขาก็สรุปออกมาสั้นๆ ว่า I 'm always wrong and I try to correct my mistakes.
ผมไม่เข้าใจหรอกครับ ประโยคที่เขาบอก เพราะตอนแรกยังมองหาความแน่นอนในสิ่งต่างๆ
แต่พอนั่งจดอคติของตัวเองลงในสมุดบันทึกแล้ว ถึงรู้ว่า กรอบการรับรู้ของเรานั้นผิดเยอะทีเดียว
"การตะหนักรู้ในตนเองจะเกิดขึ้นได้ก่อต่อเมื่อไม่มีตัวตนของเราดำรงอยู่แล้วเท่านั้น"
เรื่องนี้โซรอสไม่ใช่เป็นคนค้นพบ มีอาจารย์อีกมากมายค้นพบมานานแล้ว
พระพุทธเจ้า * ชิโยโนะ * จวงจื่อ * ไดโอนิซิอุส * คาลิล ยิบราน * เกอร์จิยา * เฮราคลิตุส * พระเยซู * กาบีร์ * พระกฤษณะ * เจ.กฤษณะมูรติ * เล่าจื่อ * มีรา * นิทเช่ * พิธากอรัส * ราบิยา อัล-อดาบิยา * รูมี * ซานาย * โสกราตีส *
ไม่ว่าตะวันตก หรือ ตะวันออก ศาสตร์ของการละตนเองนั้นมีการค้นพบมานานแล้ว
ถ้าโลกนี้เป็นเกม หนทางเดียวที่ชนะในเกมนี้ คือ อย่ายึดติด
ไม่ใช่มองหาความแน่นอน แต่เป็นการมองหาความไม่แน่นอนที่เป็นหัวใจของ reflexivity
มันยากตรงนั้น reflexivity ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย
เราเพียงแต่คุ้นที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ ให้เกิดความแน่นอนเกิดขึ้น
ผมชอบเข้าไปอ่าน Great Minds ต่างๆ ใน Youtube
พวกเขาเข้าใจวิธีอยู๋ในโลกนี้เหมือนปรมารย์ท่านต่างๆ ของโลกทั้งนั้น
อันนี้คือสิ่งที่นักลงทุนที่ยึดติดความแน่นอนไม่มีทางเข้าใจได้
บางท่านล้มเหลวครั้งเดียวก็ถอดใจแล้ว ครั้งที่สองก็ไม่เอาแล้ว
ครั้งที่สามก็หนีไปทำอาชีพอื่นแล้ว ไปไม่รอด เพราะเขาไปยึดติดในบางอย่างมากเกินไป
คนที่เข้าใจความไม่แน่นอนนั้นต้องหนักแน่นมั่นคงต่อเป้าหมายของตัวเองว่าคืออะไร
ทุกอย่างในโลกนี้ มีความสำเร็จหมด อย่าไปยึดติดมันให้มากเกินความจำเป็น
มีอีโก้ ก็มีให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตเท่านั้น อย่าให้มันมากไป
มีอีโก้ ก็มีให้พอต่อการลงทุนเท่านั้น อย่าให้มันมากไป
มันมีความสำเร็จของมันเห็นอยู่แล้ว ทั้ง Buffett และ Soros เป็นตัวอย่าง
ในสายอาชีพการลงทุนของเรา เราก็เห็นความสำเร็จของคนเก่า เดินรอเราอยู่ข้างหน้าแล้ว
แล้วทำไมเราจะไม่ประสบความสำเร็จบ้าง หากในโลกนี้ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จเลย
แล้วเราจะไปอย่างไร มนุษย์เราต้องเห็นสิ่งที่มนุษย์ทำอยู่ข้างหน้าแล้ว
แต่ไปเข้าใจว่าเขามีสุตรลับกันหมด มีความแน่นอนให้เราเดินตามเขา
ประสบการณ์ของคนคนหนึ่งที่ไปถึงเป้าหมายแล้ว ไม่มีทางเหมือนของเราได้
โลกความสำเร็จที่เรามองหาอยู๋ที่การทำความเข้าใจกับตนเอง
ผมยังจำตอนหนึ่งในคำประกาศอิสรภาพของ USA
ทุกคนมีสิทธิวิ่งหาความสุขได้
pursuit of happiness แต่พระเอกเขายอมรับตัวเองว่าตัวเองผิด และ suck มาก
ยิ่งวิ่งหาความสุขเท่าใด มันก็ยิ่งวิ่งหนีเราเท่านั้น
ทำความเข้าใจกับความเชื่อของตนเองทุกวินาทีให้ดีที่สุดต่างหากที่สำคัญครับ
Great Minds: Richard Feynman - The Uncertainty Of Knowledge
"I can live with doubts and uncertainity and not knowing. I think it is much more interesting to live not knowing than to have answers which might be wrong...I don't feel frightened by not knowing things, by being lost in a mysterious universe without any purpose." (Richard Feynman)
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนคุณhumdrum ไขความข้องใจเรื่องReflexivity
โพสต์ที่ 100
ขุดกระทู้ Classic ขึ้นมา ซักหน่อย
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- murder_doll
- Verified User
- โพสต์: 1644
- ผู้ติดตาม: 1
Re: รบกวนคุณhumdrum ไขความข้องใจเรื่องReflexivity
โพสต์ที่ 102
ยอมรับครับว่า ผมเองตั้งคำถามไว้เมื่อราวๆสิบปีก่อน กลับมาอ่านวันนี้ ก็ยังคงงงครับ แต่ก็ขอบคุณคุณ humdrum มากๆครับ
เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาคือของจริง
ข้าวปลาคือของจริง