ไอ้พวกที่ยืมมือคนอื่นทำราคา มันไม่น่าจะเรียกเป็นเพื่อนแล้วครับleky เขียน:และผมเชื่อว่าถ้าถึงระดับที่ไว้ใจกันมาก ๆ ก็คงไม่ต้องมาบอกอะไรกันมากด้วยซ้ำครับ ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ต่างฝ่ายต่างเคารพการตัดสินใจของกันและกัน แต่ไม่ใช่มายืมมืออีกฝ่ายหนึ่งมาดันหุ้นให้ มาทุบให้ครับ
100 ล้านบาทแรกในชีวิต
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4366
- ผู้ติดตาม: 1
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 211
-
- Verified User
- โพสต์: 62
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 212
ขอเสริมตรงนี้นิดนึง ก่อนจะบานปลาย คือผมมองว่าเหมือนการคบเพื่อนธรรมดาหรือคบแฟนนั่นแหละ ถ้าคบๆกันไป อาการมันออก เราคงรู้เองว่ามันใช่หรือไม่ใช่ คงไม่มีใครโง่ถูกหลอกไปตลอด จริงมั๊ยครับleky เขียน:คุณจะคิดแบบนั้นก็คงจะได้มั๊งครับ แต่ระหว่างซื้อแล้วค่อยมาบอกกับบอกก่อนที่จะซื้อ คุณจะเชื่อใครมากกว่ากัน อันนี้ไปคิดกันเอาเองนะครับ ใครจะมองมุมไหนก็แล้วแต่ครับ เพราะปัญหาที่มักจะได้ยินมาก็คือเก็บหุ้นหมดเรียบร้อยแล้วค่อยมาบอก ทิ้งหมดเรียบร้อยแล้วค่อยมาบอก อย่างที่คุณ AQUA บอกเรื่องสัจจะความจริงใจ ถ้ารู้จักกันไปนาน ๆ บอกหุ้นมาสิบครั้งซื้อก่อนทั้งสิบครั้ง มันก็ชวนให้คิดว่าต้องการอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า แต่ถ้ามีซื้อก่อนบ้างบอกก่อนบ้างผมว่ามันก็ยังโอเคครับ "ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คนครับ" และผมเชื่อว่าถ้าถึงระดับที่ไว้ใจกันมาก ๆ ก็คงไม่ต้องมาบอกอะไรกันมากด้วยซ้ำครับ ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ต่างฝ่ายต่างเคารพการตัดสินใจของกันและกัน แต่ไม่ใช่มายืมมืออีกฝ่ายหนึ่งมาดันหุ้นให้ มาทุบให้ครับดำ เขียน:ขอแย้งประเด็นนี้ครับ ถ้าหุ้นดีจริงทำไมต้องบอกคนอื่นก่อนแล้วค่อยซื้อล่ะครับ ถ้าเป็นผมมีคนมาบอกว่าตัวนี้ดี แต่ยังไม่ซื้อ ผมอาจตีความได้ว่า ถ้าดีจริงทำไมไม่ซื้อล่ะ ที่รอดูอยู่เพราะยังไม่แน่ใจรึเปล่า และถ้าบอกว่าเสี่ยง แต่ตัวเองยังไม่ขาย ผมก็สงสัยอีกว่า ถ้ามันอันตรายจริง ทำไมถึงถือรอดูอยู่ล่ะleky เขียน:เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ ก่อนจะหวังให้ใครมาจริงใจกับเรา ควรคิดก่อนว่าเราจริงใจกับเขาก่อนหรือยัง กล้าพอไหมที่จะบอกหุ้นที่คิดว่าดีให้กับคนอื่นโดยที่ตัวเองยังไม่ได้ซื้อ และกล้าพอไหมที่จะบอกว่าเราคิดว่าน่าจะขายโดยที่ไม่ได้ขายออกไปก่อน
ผมว่าถ้าเรายังไม่กล้าพอที่จะทำแบบนั้น ก็คงยากครับ ที่จะ "สอบผ่าน" เรื่องความจริงใจ
ถ้าจริงใจ ควรจะไปนั่งด้วยกัน แล้วเคาะซื้อเคาะขายให้เห็นจะๆ สิเรียกว่าจริงใจ พูดจริง ทำจริง
แต่ที่ดีกว่านั้น คือ สอนหรือแชร์ไอเดียเทคนิคตกปลากันดีกว่าครับ ส่วนเวลาไปตกปลาจริงๆ ก็บ่อใครบ่อมัน
-
- Verified User
- โพสต์: 458
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 213
เรื่อง การบอกหุ้น ผมว่า คนที่ฟัง แล้วซื้อตามทันที ทุกคร้ืง มัน ไม่ใช่นักลงทุนแล้ว*AQUA* เขียน:ขอเสริมตรงนี้นิดนึง ก่อนจะบานปลาย คือผมมองว่าเหมือนการคบเพื่อนธรรมดาหรือคบแฟนนั่นแหละ ถ้าคบๆกันไป อาการมันออก เราคงรู้เองว่ามันใช่หรือไม่ใช่ คงไม่มีใครโง่ถูกหลอกไปตลอด จริงมั๊ยครับleky เขียน:คุณจะคิดแบบนั้นก็คงจะได้มั๊งครับ แต่ระหว่างซื้อแล้วค่อยมาบอกกับบอกก่อนที่จะซื้อ คุณจะเชื่อใครมากกว่ากัน อันนี้ไปคิดกันเอาเองนะครับ ใครจะมองมุมไหนก็แล้วแต่ครับ เพราะปัญหาที่มักจะได้ยินมาก็คือเก็บหุ้นหมดเรียบร้อยแล้วค่อยมาบอก ทิ้งหมดเรียบร้อยแล้วค่อยมาบอก อย่างที่คุณ AQUA บอกเรื่องสัจจะความจริงใจ ถ้ารู้จักกันไปนาน ๆ บอกหุ้นมาสิบครั้งซื้อก่อนทั้งสิบครั้ง มันก็ชวนให้คิดว่าต้องการอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า แต่ถ้ามีซื้อก่อนบ้างบอกก่อนบ้างผมว่ามันก็ยังโอเคครับ "ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คนครับ" และผมเชื่อว่าถ้าถึงระดับที่ไว้ใจกันมาก ๆ ก็คงไม่ต้องมาบอกอะไรกันมากด้วยซ้ำครับ ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ต่างฝ่ายต่างเคารพการตัดสินใจของกันและกัน แต่ไม่ใช่มายืมมืออีกฝ่ายหนึ่งมาดันหุ้นให้ มาทุบให้ครับดำ เขียน:ขอแย้งประเด็นนี้ครับ ถ้าหุ้นดีจริงทำไมต้องบอกคนอื่นก่อนแล้วค่อยซื้อล่ะครับ ถ้าเป็นผมมีคนมาบอกว่าตัวนี้ดี แต่ยังไม่ซื้อ ผมอาจตีความได้ว่า ถ้าดีจริงทำไมไม่ซื้อล่ะ ที่รอดูอยู่เพราะยังไม่แน่ใจรึเปล่า และถ้าบอกว่าเสี่ยง แต่ตัวเองยังไม่ขาย ผมก็สงสัยอีกว่า ถ้ามันอันตรายจริง ทำไมถึงถือรอดูอยู่ล่ะleky เขียน:เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ ก่อนจะหวังให้ใครมาจริงใจกับเรา ควรคิดก่อนว่าเราจริงใจกับเขาก่อนหรือยัง กล้าพอไหมที่จะบอกหุ้นที่คิดว่าดีให้กับคนอื่นโดยที่ตัวเองยังไม่ได้ซื้อ และกล้าพอไหมที่จะบอกว่าเราคิดว่าน่าจะขายโดยที่ไม่ได้ขายออกไปก่อน
ผมว่าถ้าเรายังไม่กล้าพอที่จะทำแบบนั้น ก็คงยากครับ ที่จะ "สอบผ่าน" เรื่องความจริงใจ
ถ้าจริงใจ ควรจะไปนั่งด้วยกัน แล้วเคาะซื้อเคาะขายให้เห็นจะๆ สิเรียกว่าจริงใจ พูดจริง ทำจริง
แต่ที่ดีกว่านั้น คือ สอนหรือแชร์ไอเดียเทคนิคตกปลากันดีกว่าครับ ส่วนเวลาไปตกปลาจริงๆ ก็บ่อใครบ่อมัน
ผมว่า การที่มีคน แนะนำหุ้น มันดี ตรงที่ ทำให้เราทราบว่ามีคนสนใจหุ้นตัวน้น มันอาจจะมีดีอะไร เราก็เข้าไปดู ศึกษา ว่ามันดีจริงม้ืย แล้ว เลือกว่ามันเหมาะกับเรามั้ย แล้วค่อยตัดสินใจ คือมันช่วยเรากรอง หุ้นออกมาจาก ห้าร้อยกว่า ตัวให้เหลือน้อยลง ดุและติดตามได้ง่ายขึ้น
เหมือนเราไปเซียงกง จะหาอะไหล่ ถ้าเดินเข้าไปในโกดังรวมคงหาไรไม่เจอ แต่ว่า ถ้ามีคนแยกกองไว้ให้เลือกบ้าง ก็เลือกได้ง่ายขึ้น
ส่วนเพื่อนที่ คบกันมาระยะนึง เราจะพอดูได้ ว่า เค้าเก่งแค่ไหน จริงใจแค่ไหน สมควรเชื่อมากน้อยแค่ไหน และ ควรให้ความสนใจมากแค่ไหน
โดยส่วนตัว ผมเองคิดว่า การมีเพื่อน มีคน ให้ข้อมูล แ้ล้วเราเอามากรองอีกที มีประโยชน์ กว่าการปิดตัวเองไม่รับรู้อะไร
แต่ทั้งนี้ทั้งน้น คนที่ภูมิต้านต่อการชักจูงต่ำ ต้องระวัง ความคล้อยตามง่ายเป็นพิเศษด้วยครับ
ผมเองถ้าเพืื่อนถามเรื่องหุ้น ก็แชร์ด้วย แต่ ว่าก็จะเตือนให้เค้าหาข้อมูล และตัดสินใจเพิ่ม เราิเห็นจุดไหน น่าสังเกตุ ตั้งขอสงสัย ก็ บอกเค้า
คือผมเอง ไม่ใช่คนเก่ง แต่ว่า ถ้าความจริงใจให้เพื่อนๆ ผมว่า ผมเกินร้อย
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 214
ไม่ต้องกล้วว่าจะบานปลายครับ ผมเข้าใจครับ และก็เข้าใจมุมมองของคุณดำครับ เอาเป็นว่าที่ผมต้องการจะสื่อก็คือ ความจริงใจเราอย่าเพียงหวังว่าจะได้จากผู้อื่น แต่เราควรจะให้ผู้อื่นก่อนครับ ถึงวันนี้ไม่เจอวันหน้าก็คงต้องเจอครับ*AQUA* เขียน: ขอเสริมตรงนี้นิดนึง ก่อนจะบานปลาย คือผมมองว่าเหมือนการคบเพื่อนธรรมดาหรือคบแฟนนั่นแหละ ถ้าคบๆกันไป อาการมันออก เราคงรู้เองว่ามันใช่หรือไม่ใช่ คงไม่มีใครโง่ถูกหลอกไปตลอด จริงมั๊ยครับ
แต่ในโพสต์ก่อนหน้านี้ที่ผมบอกไปว่ากล้าพอไหมที่จะบอกคนอื่นในหุ้นที่เราสนใจ ผมมองในมุมมองของ "ตัวเรา" ถ้าผมดูหุ้นตัวหนึ่งแล้วคิดว่าต้องซื้อแน่ ๆ ไม่มีอะไรติดใจ ดูเรื่องความเสี่ยงหมดแล้ว ผมกล้าบอกเค้าโดยที่ผมยังไม่ซื้อหุ้นเลยหรือไม่ อันนี้ผมทำเพื่อความสบายใจของผมเอง ส่วนในมุมมองของคนที่รับข้อมูล ก็แล้วแต่เค้าจะคิดแล้วครับ เค้าอาจจะรู้สึกดีหรือเค้าอาจจะไม่แน่ใจว่าที่ผมบอกมันดีจริงหรือเปล่าแล้วทำไมผมไม่ซื้อก่อน อันนี้ก็แล้วแต่ครับ แต่อย่างน้อย ผมสบายใจครับ
อย่างผมเองถ้ามีหุ้นที่คิดว่าดี แต่ต้นทุนของผมราคามันต่ำกว่าราคาตลาดมาก ๆ ผมก็จะบอกเค้าเลยว่าทุนผมเท่านี้นะ เค้าซื้อตามหรือไม่ก็แล้วแต่เค้าแล้วครับ อย่างน้อยผมก็สบายใจครับ
พอดีเคยได้ยินมามากครับ คนที่เล่นหุ้น เล่นกันไปเล่นกันมา ไปเตะตัดขากัน ชิงขายชิงซื้อกัน กลายเป็นผิดใจกันก็มากครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 215
ถ้าเซียน AQUA ได้มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ money talks ก็จะเป็นเรืองน่ายินดีมากครับ เพราะชีวิตการลงทุนของท่านAQUA น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งครับ
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4366
- ผู้ติดตาม: 1
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 216
ผมเองก็เข้าใจในเจตนาคุณ leky ครับ ตัวหนังสืออาจทำให้สื่อความหมายบิดเบือนไปได้ แต่เจตนาเข้าใจว่าตรงกันครับ เพื่อนก็ต้องมีความจริงใจ ถ้าคอยหาผลประโยชน์ก็อย่าคบเป็นเพื่อนดีกว่าครับleky เขียน:ไม่ต้องกล้วว่าจะบานปลายครับ ผมเข้าใจครับ และก็เข้าใจมุมมองของคุณดำครับ เอาเป็นว่าที่ผมต้องการจะสื่อก็คือ ความจริงใจเราอย่าเพียงหวังว่าจะได้จากผู้อื่น แต่เราควรจะให้ผู้อื่นก่อนครับ ถึงวันนี้ไม่เจอวันหน้าก็คงต้องเจอครับ*AQUA* เขียน: ขอเสริมตรงนี้นิดนึง ก่อนจะบานปลาย คือผมมองว่าเหมือนการคบเพื่อนธรรมดาหรือคบแฟนนั่นแหละ ถ้าคบๆกันไป อาการมันออก เราคงรู้เองว่ามันใช่หรือไม่ใช่ คงไม่มีใครโง่ถูกหลอกไปตลอด จริงมั๊ยครับ
แต่ในโพสต์ก่อนหน้านี้ที่ผมบอกไปว่ากล้าพอไหมที่จะบอกคนอื่นในหุ้นที่เราสนใจ ผมมองในมุมมองของ "ตัวเรา" ถ้าผมดูหุ้นตัวหนึ่งแล้วคิดว่าต้องซื้อแน่ ๆ ไม่มีอะไรติดใจ ดูเรื่องความเสี่ยงหมดแล้ว ผมกล้าบอกเค้าโดยที่ผมยังไม่ซื้อหุ้นเลยหรือไม่ อันนี้ผมทำเพื่อความสบายใจของผมเอง ส่วนในมุมมองของคนที่รับข้อมูล ก็แล้วแต่เค้าจะคิดแล้วครับ เค้าอาจจะรู้สึกดีหรือเค้าอาจจะไม่แน่ใจว่าที่ผมบอกมันดีจริงหรือเปล่าแล้วทำไมผมไม่ซื้อก่อน อันนี้ก็แล้วแต่ครับ แต่อย่างน้อย ผมสบายใจครับ
อย่างผมเองถ้ามีหุ้นที่คิดว่าดี แต่ต้นทุนของผมราคามันต่ำกว่าราคาตลาดมาก ๆ ผมก็จะบอกเค้าเลยว่าทุนผมเท่านี้นะ เค้าซื้อตามหรือไม่ก็แล้วแต่เค้าแล้วครับ อย่างน้อยผมก็สบายใจครับ
พอดีเคยได้ยินมามากครับ คนที่เล่นหุ้น เล่นกันไปเล่นกันมา ไปเตะตัดขากัน ชิงขายชิงซื้อกัน กลายเป็นผิดใจกันก็มากครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 62
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 217
ศิษย์เซียน007 เขียน:ถ้าเซียน AQUA ได้มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ money talks ก็จะเป็นเรืองน่ายินดีมากครับ เพราะชีวิตการลงทุนของท่านAQUA น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งครับ
ต้องขออนุญาติ อยากอยู่แบบเงียบๆครับ ไม่ใช่เซียนหรอกอาศัยคิดแปลกๆ อ่านเยอะๆ มีเพื่อนดีๆ อีกอย่างขาขึ้นก็กำไรทุกคนแหละเนอะ เจอกันงาน meeting vi ก็ได้ครับ(ว่าแต่หลังๆจองไม่ทันหนะ )
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 218
ครับ ประสบการณ์ในการลงทุนของคุณ AQUA มีค่ามาก ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์ครับ*AQUA* เขียน:ศิษย์เซียน007 เขียน:ถ้าเซียน AQUA ได้มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ money talks ก็จะเป็นเรืองน่ายินดีมากครับ เพราะชีวิตการลงทุนของท่านAQUA น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งครับ
ต้องขออนุญาติ อยากอยู่แบบเงียบๆครับ ไม่ใช่เซียนหรอกอาศัยคิดแปลกๆ อ่านเยอะๆ มีเพื่อนดีๆ อีกอย่างขาขึ้นก็กำไรทุกคนแหละเนอะ เจอกันงาน meeting vi ก็ได้ครับ(ว่าแต่หลังๆจองไม่ทันหนะ )
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 219
อ่านตรงนี้แล้วไม่แน่ใจว่าคุณ AQUA ให้ความสำคัญกับทิศทางของตลาดมากน้อยแค่ไหนครับ ผมเข้าใจว่าระดับ "มือเก่า" สัมผัสตลาดมานานขนาดนั้นน่าจะพอดูทิศทางของตลาดออกครับ ขอบคุณครับ*AQUA* เขียน:ช่วง Subprime ถือหุ้นอยู่ไม่เยอะมากครับ ตอนลงตอนแรก ไม่ได้ขาย รอ rebound แล้วขายออกไปบ้าง กำไรหายไปพอควร แต่ถือหุ้นที่เป็น domestic play ต่อโอ@ เขียน:คุณ *AQUA* แชร์ประสบการณ์ตอน Subprime หน่อยซิครับ
ขอบคุณมากเลยครับ ช่วยมาแชร์ประสบการณ์ในนี้
ช่วงนั้นเริ่มไปลงทุน offshore banking เพราะคิดว่าหลังวิกฤตคือโอกาส ซื้อบอนด์ไทยที่ไปออกที่ตปท.เป็นสกุลเงินUSD กำไรดีมาก เกือบ 100% ในเวลาไม่ถึงปี และเริ่มเล่นหุ้นตปท.บ้าง ก็โอนะครับ มองอะไรได้กว้างขึ้นอีกเยอะ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 79
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 220
ขออนุญาตถาม จขกท.ครับ
ส่วนตัวของผมก็ยังมือใหม่
ไม่ทราบว่า จขกท.มีกลยุทธ์จัดการหรือเปลี่ยนแปลงพอร์ทอย่างไรกับ 4-5 วันที่ผ่านมา(18-22 มี.ค.)ครับ
และจะมีกลยุทย์การจัดพอร์ทการลงทุนอย่างไรในอนาคตข้างหน้าบ้างครับ
และเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ทั้งขนาดของพอร์ทและจำนวนปีที่จะไปให้ถึงมีการปรับลดเพิ่มบ้างไหมครับ
เนื่องจากฟังจากพี่ๆที่มีประสบการณ์นับ 10 ปี มาหลายๆท่านแล้วจากรายการของ อ.ไพบูลย์
เลยอยากถาม จขกท. เพราะเป็นผู้ที่เคยผ่านวิกฤติใหญ่มาเพียงครั้งเดียวว่าจะมีมุมมองแตกต่างอย่างไรบ้าง
ขอบคุณมากครับ
ส่วนตัวของผมก็ยังมือใหม่
ไม่ทราบว่า จขกท.มีกลยุทธ์จัดการหรือเปลี่ยนแปลงพอร์ทอย่างไรกับ 4-5 วันที่ผ่านมา(18-22 มี.ค.)ครับ
และจะมีกลยุทย์การจัดพอร์ทการลงทุนอย่างไรในอนาคตข้างหน้าบ้างครับ
และเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ทั้งขนาดของพอร์ทและจำนวนปีที่จะไปให้ถึงมีการปรับลดเพิ่มบ้างไหมครับ
เนื่องจากฟังจากพี่ๆที่มีประสบการณ์นับ 10 ปี มาหลายๆท่านแล้วจากรายการของ อ.ไพบูลย์
เลยอยากถาม จขกท. เพราะเป็นผู้ที่เคยผ่านวิกฤติใหญ่มาเพียงครั้งเดียวว่าจะมีมุมมองแตกต่างอย่างไรบ้าง
ขอบคุณมากครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 62
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 221
ให้ความสำคัญระดับกลางๆ เพราะหลักๆเลย จะดูพื้นฐานและเรื่องราวของหุ้นแต่ละตัวที่เราถืออยู่มากกว่า แต่ถ้าภาพรวมตลาดเป็นขาลงชัดเจนในระระกลางถึงยาว อาจจะต้องลดพอร์ทออกบ้าง ถือเงินสดรอรับของคืน อันนี้แล้วแต่ความรุนแรงของปัจจัยที่มากระทบกับพื้นฐานของหุ้นที่เราถือ รวมทั้งอารมณ์ของตลาดด้วยleky เขียน:อ่านตรงนี้แล้วไม่แน่ใจว่าคุณ AQUA ให้ความสำคัญกับทิศทางของตลาดมากน้อยแค่ไหนครับ ผมเข้าใจว่าระดับ "มือเก่า" สัมผัสตลาดมานานขนาดนั้นน่าจะพอดูทิศทางของตลาดออกครับ ขอบคุณครับ*AQUA* เขียน:ช่วง Subprime ถือหุ้นอยู่ไม่เยอะมากครับ ตอนลงตอนแรก ไม่ได้ขาย รอ rebound แล้วขายออกไปบ้าง กำไรหายไปพอควร แต่ถือหุ้นที่เป็น domestic play ต่อโอ@ เขียน:คุณ *AQUA* แชร์ประสบการณ์ตอน Subprime หน่อยซิครับ
ขอบคุณมากเลยครับ ช่วยมาแชร์ประสบการณ์ในนี้
ช่วงนั้นเริ่มไปลงทุน offshore banking เพราะคิดว่าหลังวิกฤตคือโอกาส ซื้อบอนด์ไทยที่ไปออกที่ตปท.เป็นสกุลเงินUSD กำไรดีมาก เกือบ 100% ในเวลาไม่ถึงปี และเริ่มเล่นหุ้นตปท.บ้าง ก็โอนะครับ มองอะไรได้กว้างขึ้นอีกเยอะ
-
- Verified User
- โพสต์: 62
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 222
มีคนถามว่าช่วง 3-4 วันนี้ จัดการกับหุ้นใน port ยังไง
ต้องเรียนก่อนว่าผมใช้บัญชี cash balance โดยจะทิ้งเงินไว้ในport ประมาณ10-20% เป็นก๊อกสอง เผื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด รอซื้อของถูก เช่นบางตัวที่ขายไปแล้วมันไปต่อ ซึ่งเงินก้อนนี้ไม่ได้ใช้มานานเกือบปี นอกจากนี้ยังมีเงินในส่วนที่ไม่ได้เอามาเล่นหุ้นอีกด้วย ไม่ได้ fully invest นะครับ
ทีนี้พอตลาดลง วันแรก ไม่ได้ทำอะไร วันต่อมาลงอีก เริ่มขาย3-4ตัวที่เรามีไม่เยอะ ไม่ได้โฟกัสกับมัน ขายทิ้งไปเลย พวกนี้ส่วนใหญ่กำไรอยู่ เพราะถือมาช่วงนึงแล้ว จะมีขาดทุนตัวเดียว แต่ช่างมัน เอาเงินมารับตัวหลักๆของเรา เวลาลงแรง ก็รับๆไป พอ rebound จะกำไรหรือขาดทุนนิดหน่อย ก็จะขายก้อนนี้ออก มารอรับใหม่ เวลาลงหุ้นเราจะได้มีแรงรับบ้าง ใช้วิธีนี้ถึงเมื่อวาน แต่ทั้งอาทิตย์ยังเป็น net sell อยู่ประมาณ 10%
ข้อเสียของport ลงทุนใหญ่ก็คือเคลื่อนไหวยาก ขายได้อย่างมากก็ 20-30% ไม่เหมือนกับพวก 10-50ล้านที่ขายแป๊ปเดียวหมด
ผมมองว่าการลงตรงนี้ เป็นเรื่องของ demands and supplies ของหุ้นในตลาด และการขายหุ้นใน margin ทั้ง forced sell และลด position ของ port margin ที่ผ่านมาขึ้นมาตลอดก็ต้องมีการขายทำกำไรกันแรงๆออกมา มากกว่าการเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานของตัวหุ้นที่ถือ เลยไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นนาน อีกอย่างคนที่ขายทำกำไร ก็นั่งรออยู่ ตลาดกลับเมื่อไหร่ ก็พร้อมจะโดดเข้ามา เพราะแค่ขาดทุนกำไรไม่ได้เข้าเนื้อ จิตวิทยาการลงทุนยังไม่เสีย
แต่ผมอาจคิดผิดก็ได้นะ บอกไว้ก่อน
ต้องเรียนก่อนว่าผมใช้บัญชี cash balance โดยจะทิ้งเงินไว้ในport ประมาณ10-20% เป็นก๊อกสอง เผื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด รอซื้อของถูก เช่นบางตัวที่ขายไปแล้วมันไปต่อ ซึ่งเงินก้อนนี้ไม่ได้ใช้มานานเกือบปี นอกจากนี้ยังมีเงินในส่วนที่ไม่ได้เอามาเล่นหุ้นอีกด้วย ไม่ได้ fully invest นะครับ
ทีนี้พอตลาดลง วันแรก ไม่ได้ทำอะไร วันต่อมาลงอีก เริ่มขาย3-4ตัวที่เรามีไม่เยอะ ไม่ได้โฟกัสกับมัน ขายทิ้งไปเลย พวกนี้ส่วนใหญ่กำไรอยู่ เพราะถือมาช่วงนึงแล้ว จะมีขาดทุนตัวเดียว แต่ช่างมัน เอาเงินมารับตัวหลักๆของเรา เวลาลงแรง ก็รับๆไป พอ rebound จะกำไรหรือขาดทุนนิดหน่อย ก็จะขายก้อนนี้ออก มารอรับใหม่ เวลาลงหุ้นเราจะได้มีแรงรับบ้าง ใช้วิธีนี้ถึงเมื่อวาน แต่ทั้งอาทิตย์ยังเป็น net sell อยู่ประมาณ 10%
ข้อเสียของport ลงทุนใหญ่ก็คือเคลื่อนไหวยาก ขายได้อย่างมากก็ 20-30% ไม่เหมือนกับพวก 10-50ล้านที่ขายแป๊ปเดียวหมด
ผมมองว่าการลงตรงนี้ เป็นเรื่องของ demands and supplies ของหุ้นในตลาด และการขายหุ้นใน margin ทั้ง forced sell และลด position ของ port margin ที่ผ่านมาขึ้นมาตลอดก็ต้องมีการขายทำกำไรกันแรงๆออกมา มากกว่าการเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานของตัวหุ้นที่ถือ เลยไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นนาน อีกอย่างคนที่ขายทำกำไร ก็นั่งรออยู่ ตลาดกลับเมื่อไหร่ ก็พร้อมจะโดดเข้ามา เพราะแค่ขาดทุนกำไรไม่ได้เข้าเนื้อ จิตวิทยาการลงทุนยังไม่เสีย
แต่ผมอาจคิดผิดก็ได้นะ บอกไว้ก่อน
-
- Verified User
- โพสต์: 883
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 223
chewyVI เขียน:ขออนุญาตถาม จขกท.ครับ
ส่วนตัวของผมก็ยังมือใหม่
ไม่ทราบว่า จขกท.มีกลยุทธ์จัดการหรือเปลี่ยนแปลงพอร์ทอย่างไรกับ 4-5 วันที่ผ่านมา(18-22 มี.ค.)ครับ
และจะมีกลยุทย์การจัดพอร์ทการลงทุนอย่างไรในอนาคตข้างหน้าบ้างครับ
และเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ทั้งขนาดของพอร์ทและจำนวนปีที่จะไปให้ถึงมีการปรับลดเพิ่มบ้างไหมครับ
เนื่องจากฟังจากพี่ๆที่มีประสบการณ์นับ 10 ปี มาหลายๆท่านแล้วจากรายการของ อ.ไพบูลย์
เลยอยากถาม จขกท. เพราะเป็นผู้ที่เคยผ่านวิกฤติใหญ่มาเพียงครั้งเดียวว่าจะมีมุมมองแตกต่างอย่างไรบ้าง
ขอบคุณมากครับ
โทดทีนะครับ ที่ตอบช้ามะวานไปงาน start up ทั้งวันเลย ไม่มีเวลา -*-
ที่ผ่านมาร้อนๆ เลยคือ ผมได้มีการปรับพอร์ตครับ จากตัวที่คิดว่าอัพไซต์น้อยไปตัวที่ผมคิดว่าเป็นราคาที่เหมาะแล้วที่จะเข้าซื้อ ในอนาคตเราคาดเดาไม่ได้ครับ เลยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร แต่โดยปกติผมก็จะมีการใส่เงินลงทุนเรื่อยๆ โดยใช้กระแสเงินสดจากธุรกิจที่ทำอยู่ ส่วนเป้าหมายตั้งไว้ที่เท่าเดิมแต่จำนวนปีคิดว่าลดลงแล้วครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 224
เขียนดีกันทุกโพสต์เลยpicatos เขียน:สัมมาสังกัปปะ จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีสัมมาทิฎฐิเป็นฐานNevercry.boy เขียน:ตั้งเป้าหมายให้ไกล ดีกว่าให้กำลังใจแบบลอย ๆ ผมสนับสนุนแนวทางของน้องครับคนคอน เขียน:ผมไม่อยากตั้งไว้ลอยๆ แบบไม่ถึงก็ได้ ถึงก็ได้ ผมชอบการที่เรามีเป้าหมายชัดเจน ไม่วอกแวก เมื่อตั้งแล้วต้องถึง ไม่ถึงไม่ได้ ผมชอบแนวนี้มากกว่าครับ
บางครั้งใครจะว่าเราบ้า เราแปลก นั่นเพราะเราแตกต่าง แต่ผมเชื่อว่าเราก็คือเรา น้องก็คงมีเหตุผลของน้อง ถึงแม้สังคมเราจะมองอีกแบบ แต่ก็อย่าลืมว่า ดร.ซุนยัดเซ็น เคยไปหักนิ้วรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมมาแล้ว และทำการปฏิวัติจนสำเร็จ
เหตุผลและเป้าหมายนั่นเป็นจุดแรก สิ่งที่ตามมาคือกระบวนการที่ถูกต้องและหมั่นทบทวนถ้าเป็นที่พระอาจารย์สอนพี่ก็คือให้โยมหมั่น "พิจารณา" ซึ่งพี่ก็รับคำของพระอาจารย์มาทำอยู่เสมอ
ก่อนหน้านั้นมีคนเคยเตือนผมเพราะผมชอบบอกคนรุ่นใหม่ว่าทำไปเลย! แต่เค้าก็ติงว่า แล้วเกิดพวกเค้าอยากเป็นโจรล่ะ ผมยังจะบอกให้ทำไปเลย! หรือไม่?
ผมอยากบอกว่าทำไปเลยตั้งเป้าหมายให้สูง อย่าทำอะไรที่ขัดศีลธรรม ขัดกฎหมาย ทำไปเลย และหมั่นพิจารณา สิ่งถูกสิ่งผิด ย้ำนะทั้งสิ่งถูกและสิ่งผิด และก็ถ้าเป็นไปได้มาอัพไว้ในกระทู้นี้ของคุณ "คนคอน" และจะมีประโยชน์มากต่อ ๆ ไป
ก็ลงมือทำเลย อย่าลืม "พิจารณาด้วยนะครับ" มีอะไรก็มาเล่าให้ฟังก็ดีครับ แต่ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร
โดยส่วนตัว... การตั้งเป้าเป็นตัวเลขเป็นอะไรที่นำมาซึ่งความทุกข์ต่อการลงทุน... ถ้าเป็นผมตั้งเป้า ผมจะตั้งเป้าประมาณว่า...
- ต้องอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนและธุรกิจให้ได้เดือนละ x เล่ม
- ต้องอ่าน 56-1 ให้ได้เดือนละ x บริษัท
- ต้องหาโอกาสไปประชุมผู้ถือหุ้น ฟัง oppday ทำ company visit ให้ได้ ปีละ x บริษัท
- ต้องหาโอกาสไปร่วมงานสัมมนา ไปเจอนักลงทุนเก่งๆ ไป dinner talk ให้ได้เดือนละ x ครั้ง
- ต้องหาโอกาสไป scuttlebutt ให้ได้เดือนละ x ครั้ง
- หุ้นทุกตัวที่ตั้งใจจะลงทุนต้องทำการ test criteria บางอย่างของเรา และทำ presentation ให้เพื่อนนักลงทุนที่มีความสามารถดูและวิพากษ์วิจารณ์อย่างน้อย x ครั้ง
- ทุกวันจะต้องอ่านข่าวธุรกิจและการลงทุนอย่างน้อย x ช.ม.
ฯลฯ
ส่วนถ้าเป้าที่เป็นเป้าหมายทางตัวเลข ผมจะตั้งประมาณนี้ครับ
- กิจการที่ลงทุนจะต้องมี ROE มากกว่า x% เป็นระยะเวลาติดต่อกันอย่างน้อย y ปี
- กิจการที่ลงทุนควรที่จะให้อัตราผลตอบแทนระยะยาวที่คำนวณได้จาก dcf อย่างน้อย เงินเฟ้อ + x%
- เราจะไม่ลงทุนในกิจการนั้นๆ หาก MOS ของกิจการน้อยกว่า x% และ/หรือ upside ของกิจการต่ำกว่า y%
- เราจะวัดผลการดำเนินงานของการลงทุนโดยให้น้ำหนักจากความสามารถที่กิจการที่พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น มากกว่าราคาในตลาด โดยกิจการต้องมีพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างน้อย x% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- ฯลฯ
ผมคิดว่านี่อาจจะพอเป็นไอเดียในการตั้งเป้าหมายการลงทุน สำหรับการที่จะพัฒนาไปเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่เก่งขึ้นทุกๆ วัน และสามารถอยู่รอดได้ในตลาดทุกสภาวะ ไม่ใช่แค่ในตลาดกระทิงแบบนี้
และที่สำคัญ... (ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ จะรู้และเชื่อหรือไม่) จริงๆ แล้วเงินที่เรามีในทางพุทธฯ เชื่อว่า เกิดจากทานบารมีที่เราสร้างและสั่งสมมา... ดังนั้นการตั้งจิตบริจาค ทำทาน ให้แก่ผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าเรา อาจจะเป็นส่วนช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น... และการรักษาศีล โดยเฉพาะข้อที่ไปเบียดเบียนทรัพย์สมบัติคนอื่น จะช่วยให้เราสามารถรักษาทรัพย์สมบัติที่เราหามาได้ ไม่ได้มีเหตุไม่คาดฝัน มลายหายไป
แต่ขออนุญาติ print quote นี้ ไปแปะหน้าโต๊ะหนังสือ
เป็นเข็มทิศ และมาตรวัตรความรู้สึก
ตอนนี้ รู้สึกความสนุกในการดูหุ้นหายไป
ทั้งที่ return ก็ยังดี ตลาดลงก็หนีทัน ไม่เสียหายอะไร
แต่ที่หายไปคือ ความสุขในการลงทุน
คงต้องกลับไปหาคำตอบให้กับตัวเองว่าทำไม
ขอบคุณคับ สำหรับ comment ดีๆ
ผมไม่เคยคิดฝันว่าต้องมี 9 หลัก
เพราะ ไม่รู้เอาไปทำไม ขนาดนั้น
เห็นหลายๆชีวิต บนทางเท้าแล้ว ปลงคับ
show me money.
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 225
เยียมเลยครับคุณ nutnut776 เขียน:เขียนดีกันทุกโพสต์เลยpicatos เขียน:สัมมาสังกัปปะ จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีสัมมาทิฎฐิเป็นฐานNevercry.boy เขียน:ตั้งเป้าหมายให้ไกล ดีกว่าให้กำลังใจแบบลอย ๆ ผมสนับสนุนแนวทางของน้องครับคนคอน เขียน:ผมไม่อยากตั้งไว้ลอยๆ แบบไม่ถึงก็ได้ ถึงก็ได้ ผมชอบการที่เรามีเป้าหมายชัดเจน ไม่วอกแวก เมื่อตั้งแล้วต้องถึง ไม่ถึงไม่ได้ ผมชอบแนวนี้มากกว่าครับ
บางครั้งใครจะว่าเราบ้า เราแปลก นั่นเพราะเราแตกต่าง แต่ผมเชื่อว่าเราก็คือเรา น้องก็คงมีเหตุผลของน้อง ถึงแม้สังคมเราจะมองอีกแบบ แต่ก็อย่าลืมว่า ดร.ซุนยัดเซ็น เคยไปหักนิ้วรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมมาแล้ว และทำการปฏิวัติจนสำเร็จ
เหตุผลและเป้าหมายนั่นเป็นจุดแรก สิ่งที่ตามมาคือกระบวนการที่ถูกต้องและหมั่นทบทวนถ้าเป็นที่พระอาจารย์สอนพี่ก็คือให้โยมหมั่น "พิจารณา" ซึ่งพี่ก็รับคำของพระอาจารย์มาทำอยู่เสมอ
ก่อนหน้านั้นมีคนเคยเตือนผมเพราะผมชอบบอกคนรุ่นใหม่ว่าทำไปเลย! แต่เค้าก็ติงว่า แล้วเกิดพวกเค้าอยากเป็นโจรล่ะ ผมยังจะบอกให้ทำไปเลย! หรือไม่?
ผมอยากบอกว่าทำไปเลยตั้งเป้าหมายให้สูง อย่าทำอะไรที่ขัดศีลธรรม ขัดกฎหมาย ทำไปเลย และหมั่นพิจารณา สิ่งถูกสิ่งผิด ย้ำนะทั้งสิ่งถูกและสิ่งผิด และก็ถ้าเป็นไปได้มาอัพไว้ในกระทู้นี้ของคุณ "คนคอน" และจะมีประโยชน์มากต่อ ๆ ไป
ก็ลงมือทำเลย อย่าลืม "พิจารณาด้วยนะครับ" มีอะไรก็มาเล่าให้ฟังก็ดีครับ แต่ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร
โดยส่วนตัว... การตั้งเป้าเป็นตัวเลขเป็นอะไรที่นำมาซึ่งความทุกข์ต่อการลงทุน... ถ้าเป็นผมตั้งเป้า ผมจะตั้งเป้าประมาณว่า...
- ต้องอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนและธุรกิจให้ได้เดือนละ x เล่ม
- ต้องอ่าน 56-1 ให้ได้เดือนละ x บริษัท
- ต้องหาโอกาสไปประชุมผู้ถือหุ้น ฟัง oppday ทำ company visit ให้ได้ ปีละ x บริษัท
- ต้องหาโอกาสไปร่วมงานสัมมนา ไปเจอนักลงทุนเก่งๆ ไป dinner talk ให้ได้เดือนละ x ครั้ง
- ต้องหาโอกาสไป scuttlebutt ให้ได้เดือนละ x ครั้ง
- หุ้นทุกตัวที่ตั้งใจจะลงทุนต้องทำการ test criteria บางอย่างของเรา และทำ presentation ให้เพื่อนนักลงทุนที่มีความสามารถดูและวิพากษ์วิจารณ์อย่างน้อย x ครั้ง
- ทุกวันจะต้องอ่านข่าวธุรกิจและการลงทุนอย่างน้อย x ช.ม.
ฯลฯ
ส่วนถ้าเป้าที่เป็นเป้าหมายทางตัวเลข ผมจะตั้งประมาณนี้ครับ
- กิจการที่ลงทุนจะต้องมี ROE มากกว่า x% เป็นระยะเวลาติดต่อกันอย่างน้อย y ปี
- กิจการที่ลงทุนควรที่จะให้อัตราผลตอบแทนระยะยาวที่คำนวณได้จาก dcf อย่างน้อย เงินเฟ้อ + x%
- เราจะไม่ลงทุนในกิจการนั้นๆ หาก MOS ของกิจการน้อยกว่า x% และ/หรือ upside ของกิจการต่ำกว่า y%
- เราจะวัดผลการดำเนินงานของการลงทุนโดยให้น้ำหนักจากความสามารถที่กิจการที่พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น มากกว่าราคาในตลาด โดยกิจการต้องมีพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างน้อย x% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- ฯลฯ
ผมคิดว่านี่อาจจะพอเป็นไอเดียในการตั้งเป้าหมายการลงทุน สำหรับการที่จะพัฒนาไปเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่เก่งขึ้นทุกๆ วัน และสามารถอยู่รอดได้ในตลาดทุกสภาวะ ไม่ใช่แค่ในตลาดกระทิงแบบนี้
และที่สำคัญ... (ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ จะรู้และเชื่อหรือไม่) จริงๆ แล้วเงินที่เรามีในทางพุทธฯ เชื่อว่า เกิดจากทานบารมีที่เราสร้างและสั่งสมมา... ดังนั้นการตั้งจิตบริจาค ทำทาน ให้แก่ผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าเรา อาจจะเป็นส่วนช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น... และการรักษาศีล โดยเฉพาะข้อที่ไปเบียดเบียนทรัพย์สมบัติคนอื่น จะช่วยให้เราสามารถรักษาทรัพย์สมบัติที่เราหามาได้ ไม่ได้มีเหตุไม่คาดฝัน มลายหายไป
แต่ขออนุญาติ print quote นี้ ไปแปะหน้าโต๊ะหนังสือ
เป็นเข็มทิศ และมาตรวัตรความรู้สึก
ตอนนี้ รู้สึกความสนุกในการดูหุ้นหายไป
ทั้งที่ return ก็ยังดี ตลาดลงก็หนีทัน ไม่เสียหายอะไร
แต่ที่หายไปคือ ความสุขในการลงทุน
คงต้องกลับไปหาคำตอบให้กับตัวเองว่าทำไม
ขอบคุณคับ สำหรับ comment ดีๆ
ผมไม่เคยคิดฝันว่าต้องมี 9 หลัก
เพราะ ไม่รู้เอาไปทำไม ขนาดนั้น
เห็นหลายๆชีวิต บนทางเท้าแล้ว ปลงคับ
กัลยาณมิตรคนหนึงสอนผมว่า
ความสูข แบ่งออก 3 ระดับ
1.ความสูขชั่วครั้งชั่วคราว เช่น การได้มาและได้ใช้ แห่งสิ่งของที่ชอบ ความสนุกกับการเล่นเกมส์ ฯลฯ
2.ความสูขระยะกลาง คือการได้ครอบครอง และอยู่สิ่งที่เป็นที่รัก ใช้ประโยชน์กับชีวิต
เช่นมีครอบครับที่อบอุ่น มีที่สิ่งอำนวยความสะดวกอยู่อาศัยและเดินทาง การได้เป็นผู้ให้ การได้ตอบแทนความเป็นบุญคุณ
3.ความสูขอย่างถาวร คือ ความสงบ
ผมเองก็อยู่ที่ขั้นที่ 2 กำลังฝึกขั้นที่ 3 ครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 79
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 226
ขอบคุณมากครับ สำหรับวิธีการและแนวทางที่ดีมากๆสำหรับมือใหม่ครับ
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ
*AQUA* เขียน:มีคนถามว่าช่วง 3-4 วันนี้ จัดการกับหุ้นใน port ยังไง
ต้องเรียนก่อนว่าผมใช้บัญชี cash balance โดยจะทิ้งเงินไว้ในport ประมาณ10-20% เป็นก๊อกสอง เผื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด รอซื้อของถูก เช่นบางตัวที่ขายไปแล้วมันไปต่อ ซึ่งเงินก้อนนี้ไม่ได้ใช้มานานเกือบปี นอกจากนี้ยังมีเงินในส่วนที่ไม่ได้เอามาเล่นหุ้นอีกด้วย ไม่ได้ fully invest นะครับ
ทีนี้พอตลาดลง วันแรก ไม่ได้ทำอะไร วันต่อมาลงอีก เริ่มขาย3-4ตัวที่เรามีไม่เยอะ ไม่ได้โฟกัสกับมัน ขายทิ้งไปเลย พวกนี้ส่วนใหญ่กำไรอยู่ เพราะถือมาช่วงนึงแล้ว จะมีขาดทุนตัวเดียว แต่ช่างมัน เอาเงินมารับตัวหลักๆของเรา เวลาลงแรง ก็รับๆไป พอ rebound จะกำไรหรือขาดทุนนิดหน่อย ก็จะขายก้อนนี้ออก มารอรับใหม่ เวลาลงหุ้นเราจะได้มีแรงรับบ้าง ใช้วิธีนี้ถึงเมื่อวาน แต่ทั้งอาทิตย์ยังเป็น net sell อยู่ประมาณ 10%
ข้อเสียของport ลงทุนใหญ่ก็คือเคลื่อนไหวยาก ขายได้อย่างมากก็ 20-30% ไม่เหมือนกับพวก 10-50ล้านที่ขายแป๊ปเดียวหมด
ผมมองว่าการลงตรงนี้ เป็นเรื่องของ demands and supplies ของหุ้นในตลาด และการขายหุ้นใน margin ทั้ง forced sell และลด position ของ port margin ที่ผ่านมาขึ้นมาตลอดก็ต้องมีการขายทำกำไรกันแรงๆออกมา มากกว่าการเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานของตัวหุ้นที่ถือ เลยไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นนาน อีกอย่างคนที่ขายทำกำไร ก็นั่งรออยู่ ตลาดกลับเมื่อไหร่ ก็พร้อมจะโดดเข้ามา เพราะแค่ขาดทุนกำไรไม่ได้เข้าเนื้อ จิตวิทยาการลงทุนยังไม่เสีย
แต่ผมอาจคิดผิดก็ได้นะ บอกไว้ก่อน
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ
คนคอน เขียน:chewyVI เขียน:ขออนุญาตถาม จขกท.ครับ
ส่วนตัวของผมก็ยังมือใหม่
ไม่ทราบว่า จขกท.มีกลยุทธ์จัดการหรือเปลี่ยนแปลงพอร์ทอย่างไรกับ 4-5 วันที่ผ่านมา(18-22 มี.ค.)ครับ
และจะมีกลยุทย์การจัดพอร์ทการลงทุนอย่างไรในอนาคตข้างหน้าบ้างครับ
และเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ทั้งขนาดของพอร์ทและจำนวนปีที่จะไปให้ถึงมีการปรับลดเพิ่มบ้างไหมครับ
เนื่องจากฟังจากพี่ๆที่มีประสบการณ์นับ 10 ปี มาหลายๆท่านแล้วจากรายการของ อ.ไพบูลย์
เลยอยากถาม จขกท. เพราะเป็นผู้ที่เคยผ่านวิกฤติใหญ่มาเพียงครั้งเดียวว่าจะมีมุมมองแตกต่างอย่างไรบ้าง
ขอบคุณมากครับ
โทดทีนะครับ ที่ตอบช้ามะวานไปงาน start up ทั้งวันเลย ไม่มีเวลา -*-
ที่ผ่านมาร้อนๆ เลยคือ ผมได้มีการปรับพอร์ตครับ จากตัวที่คิดว่าอัพไซต์น้อยไปตัวที่ผมคิดว่าเป็นราคาที่เหมาะแล้วที่จะเข้าซื้อ ในอนาคตเราคาดเดาไม่ได้ครับ เลยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร แต่โดยปกติผมก็จะมีการใส่เงินลงทุนเรื่อยๆ โดยใช้กระแสเงินสดจากธุรกิจที่ทำอยู่ ส่วนเป้าหมายตั้งไว้ที่เท่าเดิมแต่จำนวนปีคิดว่าลดลงแล้วครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1523
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 227
ภาวะตลาดตอนนี้ กับช่วงต้นปี ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
นับจากนี้ไปอีก 3 - 5 ปี ผมมองว่าเศรษฐีใหม่ในตลาดหุ้นคงเกิดน้อยมากๆ
ตอนตลาดกระทิง อะไรก้ง่าย อะไรก้เป็นใจไปหมด เลือกหุ้นตัวไหน เป้นวิ่ง
แต่ตลาดหมีจะตรงกันข้าม อะไรก้ดูยาก อะไรก้ดูไม่เป็นใจ เลือกหุ้นตัวไหน เป้นลง
ในมุมมองผม แม้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่เศรษฐกิจในประเทศไทย
คงตามแค่บางภาคส่วน เช่น ส่งออก สินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งจะได้รับผลดีจาก
การฟื้นตัวของอุปสงค์ และค่าเงินครับ
นับจากนี้ไปอีก 3 - 5 ปี ผมมองว่าเศรษฐีใหม่ในตลาดหุ้นคงเกิดน้อยมากๆ
ตอนตลาดกระทิง อะไรก้ง่าย อะไรก้เป็นใจไปหมด เลือกหุ้นตัวไหน เป้นวิ่ง
แต่ตลาดหมีจะตรงกันข้าม อะไรก้ดูยาก อะไรก้ดูไม่เป็นใจ เลือกหุ้นตัวไหน เป้นลง
ในมุมมองผม แม้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่เศรษฐกิจในประเทศไทย
คงตามแค่บางภาคส่วน เช่น ส่งออก สินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งจะได้รับผลดีจาก
การฟื้นตัวของอุปสงค์ และค่าเงินครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1741
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 228
คนคอน เขียน:เมื่อย้อนกลับไปมองตัวเองตอนเข้าตลาดใหม่ๆ ขนาดพอร์ตที่เล็กมาก ปันผลที่น้อยนิด ทำให้เมื่อมองกลับมาวันนี้ผมมักจะมีความภูมิใจในตัวเองที่มีความสามารถทำให้ขนาดพอร์ตโตได้เท่าทุกวันนี้ ถึงแม้มันจะเล็กกว่าของใครอีกหลายคน แต่ผมก็ภูมิใจที่มันเกิดขึ้นมาได้จากตัวของผมเอง หรือใครอาจจะบอกว่าช่วงนี้ตลาดดี ใครซื้อตัวไหนก็ขึ้นหมด ผมเชื่อก็อย่างนั้นครับ แต่ตั้งแต่ลงทุนมา 5ปี ผมยังไม่เคยแพ้ตลาดเลยเหมือนกัน ไมล์บินตอนนี้ผมอาจจะน้อย เพราะผ่านวิกฤต ใหญ่มาแค่ครั้งเดียวแต่ผมก็ไม่เคยหยุดความฝันของผม ผมเชื่อว่าผมทำได้ และแน่นอน ความฝันของผมก็ไม่ใช่แค่100 หรือ1000 หรือ 10000 แน่นอนครับ
เ
ใครอยากจะหยุดตรงไหน ก็ตามสบายครับ จะชงจะเชื่อ ในหลักการอะไรก็แล้วแต่ครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่สำหรับผม ผมเชื่อในตัวเอง ผมเชื่อในศักยภาพของตัวเอง ผมจะไม่ยอมหยุด แค่วันนี้หรือพรุ่งนี้ เพราะผมเชื่อว่า คนเราเกิดมาแค่ครั้งดียว ทำแล้วต้องทำให้สุดครับ
The past 5 year is exceptional !!!!! it does not occur very often.
Dividend is real.
Market value is illusion.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 230
(กระทู้ดีๆ ทำให้ต้องนอนดึกอีกตามเคย.....อ่านรวดเดียวจบเลย)
ขอบคุณน้องเจ้าของกระทู้
ที่ตั้งกระทู้ได้น่าสนใจมากๆ
ส่งผลให้ผู้รู้มาช่วยกันถ่ายทอดเรื่องราว
ทั้งเป้าหมาย ความฝัน life style เส้นทางและหลักการลงทุน
ที่แตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละท่าน
คงได้แต่เก็บความรู้เช่นเคยค่ะ....
โดยส่วนตัวของตัวเองนั้นคิดว่าไม่สามารถทำได้
เพราะเพิ่งรู้จักการลงทุนไม่นานนัก
ถือว่าเป็นมือค่อนข้างใหม่ใหม่ได้เลย และอายุก็มากแล้วด้วยค่ะ
แต่ก็ขออวยพรให้น้องเจ้าของกระทู้
และท่านอื่นๆประสพความสำเร็จตามเป้าหมายตามที่ตนเองตั้งไว้
ทั้งเป้าหมายทางการลงทุน และหลายท่านก็มีเป้าหมายอื่นๆ
ที่เป็นความฝันและความสุขระหว่างทางด้วย
ขอให้มีความสุขกับการลงทุนและการใช้ชีวิตในทุกๆ ช่วงนะคะ
ขอบคุณมากๆ
ขอบคุณน้องเจ้าของกระทู้
ที่ตั้งกระทู้ได้น่าสนใจมากๆ
ส่งผลให้ผู้รู้มาช่วยกันถ่ายทอดเรื่องราว
ทั้งเป้าหมาย ความฝัน life style เส้นทางและหลักการลงทุน
ที่แตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละท่าน
คงได้แต่เก็บความรู้เช่นเคยค่ะ....
โดยส่วนตัวของตัวเองนั้นคิดว่าไม่สามารถทำได้
เพราะเพิ่งรู้จักการลงทุนไม่นานนัก
ถือว่าเป็นมือค่อนข้างใหม่ใหม่ได้เลย และอายุก็มากแล้วด้วยค่ะ
แต่ก็ขออวยพรให้น้องเจ้าของกระทู้
และท่านอื่นๆประสพความสำเร็จตามเป้าหมายตามที่ตนเองตั้งไว้
ทั้งเป้าหมายทางการลงทุน และหลายท่านก็มีเป้าหมายอื่นๆ
ที่เป็นความฝันและความสุขระหว่างทางด้วย
ขอให้มีความสุขกับการลงทุนและการใช้ชีวิตในทุกๆ ช่วงนะคะ
ขอบคุณมากๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 62
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 231
ในเมื่อตลาดเป็นแบบนี้ น่าจะ sideway กว้างๆอีกเป็นปี เพราะไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นแล้ว ผมเชื่อว่าถึงเวลาพักผ่อนและใช้เงินที่เราหามาได้ อาจจะไปเที่ยว หาประสพการณ์ชีวิตเพื่อต่อยอดการลงทุน ผมเองวางแผนเลือกที่จะไปอยู่new york ซัก3 อาทิตย์เพื่อดูเทรนในอนาคต วางแผนที่จะไปเที่ยวอเมริกาใต้เดือนนึงในช่วงต้นปีหน้า เพราะโลกนี้มีอะไรที่น่าสนใจอีกมาก ควรทำในสิ่งที่อยากทำ ทำบุญทำทานสำหรับเสบียงที่จะเก็บไว้ใช้ในชาติหน้าด้วยนะ ชีวิตช่างสั้นนัก ไม่มีใครรู้ว่าจะตายวันนี้ วันพรุ่งmicky1115 เขียน:ภาวะตลาดตอนนี้ กับช่วงต้นปี ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
นับจากนี้ไปอีก 3 - 5 ปี ผมมองว่าเศรษฐีใหม่ในตลาดหุ้นคงเกิดน้อยมากๆ
ตอนตลาดกระทิง อะไรก้ง่าย อะไรก้เป็นใจไปหมด เลือกหุ้นตัวไหน เป้นวิ่ง
แต่ตลาดหมีจะตรงกันข้าม อะไรก้ดูยาก อะไรก้ดูไม่เป็นใจ เลือกหุ้นตัวไหน เป้นลง
ในมุมมองผม แม้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่เศรษฐกิจในประเทศไทย
คงตามแค่บางภาคส่วน เช่น ส่งออก สินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งจะได้รับผลดีจาก
การฟื้นตัวของอุปสงค์ และค่าเงินครับ
นักรบและนักล่า ควรรู้ว่าเวลาใดควรสู้ เวลาใดควรถอย (ไม่ถึงกับต้องล้างพอร์ทหมด แต่ละคนต้องคิดเอาเองว่าสัดส่วนเท่าใดจึงเหมาะสม ทำให้ชีวิตไม่เครียด มีความสุขกับชีวิตด้านอื่นๆบ้าง) ขอให้คิดว่า อย่าเอาทุกเม็ด เพราะถ้าคิดแบบนั้นมักจะไม่ค่อยประสพความสำเร็จในการลงทุน เราต้องรู้จักรอคอยโอกาสนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 458
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 232
อิจฉาคนนี้*AQUA* เขียน:ในเมื่อตลาดเป็นแบบนี้ น่าจะ sideway กว้างๆอีกเป็นปี เพราะไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นแล้ว ผมเชื่อว่าถึงเวลาพักผ่อนและใช้เงินที่เราหามาได้ อาจจะไปเที่ยว หาประสพการณ์ชีวิตเพื่อต่อยอดการลงทุน ผมเองวางแผนเลือกที่จะไปอยู่new york ซัก3 อาทิตย์เพื่อดูเทรนในอนาคต วางแผนที่จะไปเที่ยวอเมริกาใต้เดือนนึงในช่วงต้นปีหน้า เพราะโลกนี้มีอะไรที่น่าสนใจอีกมาก ควรทำในสิ่งที่อยากทำ ทำบุญทำทานสำหรับเสบียงที่จะเก็บไว้ใช้ในชาติหน้าด้วยนะ ชีวิตช่างสั้นนัก ไม่มีใครรู้ว่าจะตายวันนี้ วันพรุ่งmicky1115 เขียน:ภาวะตลาดตอนนี้ กับช่วงต้นปี ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
นับจากนี้ไปอีก 3 - 5 ปี ผมมองว่าเศรษฐีใหม่ในตลาดหุ้นคงเกิดน้อยมากๆ
ตอนตลาดกระทิง อะไรก้ง่าย อะไรก้เป็นใจไปหมด เลือกหุ้นตัวไหน เป้นวิ่ง
แต่ตลาดหมีจะตรงกันข้าม อะไรก้ดูยาก อะไรก้ดูไม่เป็นใจ เลือกหุ้นตัวไหน เป้นลง
ในมุมมองผม แม้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่เศรษฐกิจในประเทศไทย
คงตามแค่บางภาคส่วน เช่น ส่งออก สินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งจะได้รับผลดีจาก
การฟื้นตัวของอุปสงค์ และค่าเงินครับ
นักรบและนักล่า ควรรู้ว่าเวลาใดควรสู้ เวลาใดควรถอย (ไม่ถึงกับต้องล้างพอร์ทหมด แต่ละคนต้องคิดเอาเองว่าสัดส่วนเท่าใดจึงเหมาะสม ทำให้ชีวิตไม่เครียด มีความสุขกับชีวิตด้านอื่นๆบ้าง) ขอให้คิดว่า อย่าเอาทุกเม็ด เพราะถ้าคิดแบบนั้นมักจะไม่ค่อยประสพความสำเร็จในการลงทุน เราต้องรู้จักรอคอยโอกาสนะครับ
รอมีพอร์ต ซัก 1/10 ของคุณ Aqua แล้ว จะรีไทร์บ้าง
แต่ตอนนี้ก็ยังเที่ยวแหลก แต่ ยังต้องทำงาน อิๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 443
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 233
อยากถามคนที่มีพอร์ต 9 หลักว่า กังวลกับหลักฐานการถือหุ้นไม๊คะ
อย่างเงินฝากธนาคารเราก็มีสมุดฝากเงิน หุ้นกู้ก็มีใบหุ้น กองทุนก็มีสมุดกองทุน
แต่หุ้นในพอร์ต เราสั่งพิมพ์ statement เองทุกสิ้นเดือน (เลือกรับเอกสารทางเมล์)
แล้วเงินเป็นร้อยล้าน มีหลักฐานแค่กระดาษแผ่นเดียว (อยากรู้จริงๆค่ะ)
อย่างเงินฝากธนาคารเราก็มีสมุดฝากเงิน หุ้นกู้ก็มีใบหุ้น กองทุนก็มีสมุดกองทุน
แต่หุ้นในพอร์ต เราสั่งพิมพ์ statement เองทุกสิ้นเดือน (เลือกรับเอกสารทางเมล์)
แล้วเงินเป็นร้อยล้าน มีหลักฐานแค่กระดาษแผ่นเดียว (อยากรู้จริงๆค่ะ)
-
- Verified User
- โพสต์: 494
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 234
อย่าง อ. นิเวศ มีหุ้น cpall เป็นพันล้านบาทแล้วก็เก็บไว้ยาวๆ อ. ขอใบหุ้นมาเก็บไว้บ้างไหมf.escape เขียน:อยากถามคนที่มีพอร์ต 9 หลักว่า กังวลกับหลักฐานการถือหุ้นไม๊คะ
อย่างเงินฝากธนาคารเราก็มีสมุดฝากเงิน หุ้นกู้ก็มีใบหุ้น กองทุนก็มีสมุดกองทุน
แต่หุ้นในพอร์ต เราสั่งพิมพ์ statement เองทุกสิ้นเดือน (เลือกรับเอกสารทางเมล์)
แล้วเงินเป็นร้อยล้าน มีหลักฐานแค่กระดาษแผ่นเดียว (อยากรู้จริงๆค่ะ)
แล้วใบหุ้นที่ขอมา เวลาขายหุ้นไปแล้ว ต้องเอาไปคืนไหม
แล้วใบหุ้น กะ ข้อมูลที่ TSD อันไหนใช้ยืนยันเจ้าของได้จริงกว่ากัน
“Survival of the fittest”
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1523
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 235
ไม่กังวลครับf.escape เขียน:อยากถามคนที่มีพอร์ต 9 หลักว่า กังวลกับหลักฐานการถือหุ้นไม๊คะ
อย่างเงินฝากธนาคารเราก็มีสมุดฝากเงิน หุ้นกู้ก็มีใบหุ้น กองทุนก็มีสมุดกองทุน
แต่หุ้นในพอร์ต เราสั่งพิมพ์ statement เองทุกสิ้นเดือน (เลือกรับเอกสารทางเมล์)
แล้วเงินเป็นร้อยล้าน มีหลักฐานแค่กระดาษแผ่นเดียว (อยากรู้จริงๆค่ะ)
-
- Verified User
- โพสต์: 62
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 236
เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่เก็บแค่เอกสาร monthly statement ไว้มากกว่าครับ ส่วนหลังๆผมใช้ ipad เปิดดูผ่าน streaming pro แล้ว save รูป port เก็บไว้ดูเป็นหลักฐานwk0966 เขียน:อย่าง อ. นิเวศ มีหุ้น cpall เป็นพันล้านบาทแล้วก็เก็บไว้ยาวๆ อ. ขอใบหุ้นมาเก็บไว้บ้างไหมf.escape เขียน:อยากถามคนที่มีพอร์ต 9 หลักว่า กังวลกับหลักฐานการถือหุ้นไม๊คะ
อย่างเงินฝากธนาคารเราก็มีสมุดฝากเงิน หุ้นกู้ก็มีใบหุ้น กองทุนก็มีสมุดกองทุน
แต่หุ้นในพอร์ต เราสั่งพิมพ์ statement เองทุกสิ้นเดือน (เลือกรับเอกสารทางเมล์)
แล้วเงินเป็นร้อยล้าน มีหลักฐานแค่กระดาษแผ่นเดียว (อยากรู้จริงๆค่ะ)
แล้วใบหุ้นที่ขอมา เวลาขายหุ้นไปแล้ว ต้องเอาไปคืนไหม
แล้วใบหุ้น กะ ข้อมูลที่ TSD อันไหนใช้ยืนยันเจ้าของได้จริงกว่ากัน
- airazoc
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 904
- ผู้ติดตาม: 1
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 237
ถ้าความเข้าใจของผมไม่คลาดเคลื่อน เวลาไปขอ ใบหุ้นมา หุ้นจะหายไปจากพอร์ทนะครับwk0966 เขียน:อย่าง อ. นิเวศ มีหุ้น cpall เป็นพันล้านบาทแล้วก็เก็บไว้ยาวๆ อ. ขอใบหุ้นมาเก็บไว้บ้างไหมf.escape เขียน:อยากถามคนที่มีพอร์ต 9 หลักว่า กังวลกับหลักฐานการถือหุ้นไม๊คะ
อย่างเงินฝากธนาคารเราก็มีสมุดฝากเงิน หุ้นกู้ก็มีใบหุ้น กองทุนก็มีสมุดกองทุน
แต่หุ้นในพอร์ต เราสั่งพิมพ์ statement เองทุกสิ้นเดือน (เลือกรับเอกสารทางเมล์)
แล้วเงินเป็นร้อยล้าน มีหลักฐานแค่กระดาษแผ่นเดียว (อยากรู้จริงๆค่ะ)
แล้วใบหุ้นที่ขอมา เวลาขายหุ้นไปแล้ว ต้องเอาไปคืนไหม
แล้วใบหุ้น กะ ข้อมูลที่ TSD อันไหนใช้ยืนยันเจ้าของได้จริงกว่ากัน
เวลาอยากจะขาย ต้องเอากลับไปฝากเข้าระบบใหม่ โดยเอาใบหุ้นไปฝากที่ TSD
"In life and business, there are two cardinal sins ... The first is to act precipitously without thought, and the second is to not act at all.” – Carl Icahn
-
- Verified User
- โพสต์: 494
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 238
ถ้าอย่างนั้นใบหุ้น ก็เป็นหลักฐานสำคัญ แบบเดียวกับ โฉนดที่ดิน น.ส.3airazoc เขียน:ถ้าความเข้าใจของผมไม่คลาดเคลื่อน เวลาไปขอ ใบหุ้นมา หุ้นจะหายไปจากพอร์ทนะครับwk0966 เขียน:อย่าง อ. นิเวศ มีหุ้น cpall เป็นพันล้านบาทแล้วก็เก็บไว้ยาวๆ อ. ขอใบหุ้นมาเก็บไว้บ้างไหมf.escape เขียน:อยากถามคนที่มีพอร์ต 9 หลักว่า กังวลกับหลักฐานการถือหุ้นไม๊คะ
อย่างเงินฝากธนาคารเราก็มีสมุดฝากเงิน หุ้นกู้ก็มีใบหุ้น กองทุนก็มีสมุดกองทุน
แต่หุ้นในพอร์ต เราสั่งพิมพ์ statement เองทุกสิ้นเดือน (เลือกรับเอกสารทางเมล์)
แล้วเงินเป็นร้อยล้าน มีหลักฐานแค่กระดาษแผ่นเดียว (อยากรู้จริงๆค่ะ)
แล้วใบหุ้นที่ขอมา เวลาขายหุ้นไปแล้ว ต้องเอาไปคืนไหม
แล้วใบหุ้น กะ ข้อมูลที่ TSD อันไหนใช้ยืนยันเจ้าของได้จริงกว่ากัน
เวลาอยากจะขาย ต้องเอากลับไปฝากเข้าระบบใหม่ โดยเอาใบหุ้นไปฝากที่ TSD
“Survival of the fittest”
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 240
ใบหุ้นสามารถเบิกมาเก็บไว้ได้ครับ
ใช้เวลาสัก 2 สัปดาห์ เสียเงินนิดหน่อยน้อยมากครับ
หายก็ไม่เป็นไร เพราะไปขอออกใหม่ได้
ที่ tsd จะมีหลักฐานของเรา
หากจะขาย ก็เซ็นสลักหลังแนบสำเนาบัตร ส่งมอบให้โบรกเกอร์ไป
ผมเคยมีประสบการณ์โบรกเกอร์ส่งรายละเอียด port ของคนอื่นมาให้ .. ส่งผิด
ทำให้คิดว่า port ของเราคงมีคนอื่นได้เห็นเหมือนกัน
นอกจากนั้น เคยมีญาติมาถามว่าเรามีหุ้นเท่านั้นเท่านี้หรือ
ลูกของญาติคนนั้นทำงานระดับสูงที่โบรกเกอร์ที่ผมใช้ครับ
ใช้เวลาสัก 2 สัปดาห์ เสียเงินนิดหน่อยน้อยมากครับ
หายก็ไม่เป็นไร เพราะไปขอออกใหม่ได้
ที่ tsd จะมีหลักฐานของเรา
หากจะขาย ก็เซ็นสลักหลังแนบสำเนาบัตร ส่งมอบให้โบรกเกอร์ไป
ผมเคยมีประสบการณ์โบรกเกอร์ส่งรายละเอียด port ของคนอื่นมาให้ .. ส่งผิด
ทำให้คิดว่า port ของเราคงมีคนอื่นได้เห็นเหมือนกัน
นอกจากนั้น เคยมีญาติมาถามว่าเรามีหุ้นเท่านั้นเท่านี้หรือ
ลูกของญาติคนนั้นทำงานระดับสูงที่โบรกเกอร์ที่ผมใช้ครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV