น้กค้าหุ้นไทยควัก 170 ล้านยอมความคดีอินไซด์
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4254
- ผู้ติดตาม: 1
น้กค้าหุ้นไทยควัก 170 ล้านยอมความคดีอินไซด์
โพสต์ที่ 1
น้กค้าหุ้นไทยควักเงิน 170 ล้านบาท ให้กับก.ล.ต.สหรัฐ เพื่อยอมความคดี "อินไซด์" ซีพีเอฟซื้อกิจการบริษัทสมิธฟิลด์
นายบดินทร์ รุ่งเรืองนวรัตน์ นักค้าหุ้นชาวไทยวัย 30 ปีได้ยินยอม ที่จะจ่ายเงิน 5.2 ล้านดอลลาร์ หรือราว 170 ล้านบาท เพื่อปิดคดีการทำ กำไรอย่างผิดกฎหมายเป็นจำนวนเงิน 3.2 ล้านดอลลาร์ หรือราว 103 ล้านบาท จากการที่เขาได้รับข้อมูลวงในเกี่ยวกับข่าวที่ว่า บริษัทชวงฮุย อินเตอร์ เนชั่นแนล โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเนื้อรายใหญ่ที่สุดของจีน กำลังจะเข้าซื้อกิจการ ของบริษัท สมิธฟิลด์ ฟูดส์ อิงค์ของสหรัฐ และส่งผลให้ศาลสหรัฐออกคำสั่งอายัด ทรัพย์ของเขา
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐระบุว่า การรอมชอมคดีกับนายบดินทร์ได้รับการอนุมัติจากผู้พิพากษา แมทธิว เคนเนลลี จากศาลเขตนอร์ทเธิร์น ดิสทริคท์ในรัฐอิลลินอยส์ ขณะที่ นายบดินทร์ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธต่อข้อกล่าวหานี้
จากจำนวนเงิน 5.2 ล้านดอลลาร์ที่นายบดินทร์จ่ายเพื่อปิดคดีใน ครั้งนี้นั้น เงิน 3.2 ล้านดอลลาร์เป็นการคืนกำไรที่ได้มาโดยมิชอบ ส่วน เงินอีก 2 ล้านดอลลาร์ที่เหลือเป็นการจ่ายค่าปรับ
คดีดังกล่าวเริ่มขึ้นจากการที่บริษัทชวงฮุยแถลงในเดือนมิ.ย.ว่า ทางบริษัทกำลังจะเข้าซื้อสมิธฟิลด์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเนื้อสุกรรายใหญ่ที่สุดของ สหรัฐ ในวงเงิน 4.7 พันล้านดอลลาร์ และก.ล.ต.สหรัฐระบุว่า
นายบดินทร์อาจได้รับข้อมูลวงในจากเพื่อนทางเฟซบุ๊คคนหนึ่ง ที่เคย ทำงานให้กับนายจ้างปัจจุบันของนายบดินทร์ ก.ล.ต.ระบุว่า เพื่อนทางเฟซบุ๊ครายนี้เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ ในวาณิชธนกิจแห่งหนึ่งของไทย ซึ่งให้คำปรึกษาแก่บมจ.เจริญโภคภัณฑ์ อาหาร ในช่วงที่ CPF กำลังพิจารณาที่จะยื่นประมูล ซื้อกิจการบริษัทสมิธฟิลด์เช่นกัน
ก.ล.ต.เปิดเผยว่า นายบดินทร์สามารถทำกำไร 3.2 ล้าน ดอลลาร์จากการซื้อขาย call option ของสมิธฟิลด์ และจากการ ซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สหุ้นในบัญชีหนึ่งที่บริษัทอินเทอร์แอคทีฟ โบรกเกอร์ส ในช่วงเวลาไม่นานก่อนที่จะมีการประกาศข่าวของชวงฮุยออกมา ก.ล.ต.ระบุว่า นายบดินทร์ซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งในตลาด Chicago Board Options Exchange (CBOE) และตลาด OneChicago ซึ่งเป็นตลาดที่จดทะเบียนสัญญาฟิวเจอร์สหุ้น
ทั้งนี้ มีการประกาศข้อตกลงระหว่างชวงฮุยและสมิธฟิลด์ในวันที่ 29 พ.ค. และถือเป็นการเข้าซื้อกิจการบริษัทสหรัฐครั้งใหญ่ที่สุดโดย ผู้ซื้อชาวจีน คาดว่ากระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการการลงทุนของต่างชาติ ในสหรัฐ ซึ่งเป็นหน่วยงานในกระทรวงการคลังที่ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อตกลง ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ จะไม่คัดค้านการควบกิจการดังกล่าว
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... นไซด์.html
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ได้ไม่คุ้มเสียเลยครับ ได้ $3.2M จ่ายคืน $3.2M + 2.0M
กลต. ที่ US เขาใช้เทคโนโลยี่ใหม่ในการตรวจจับ การซื้อขายหุ้น
แบบที่น่าสงสัย ตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วมาก คล้ายๆ กับพวก
Anti-Virus อะไรแบบนั้นครับ Scan เจอไปหลายเคสแล้ว
ส่วนบ้านเรา เห็นเคยจับ เจ้าของ บมจ. ได้ แต่
ปรับไม่กี่แสนบาท คุ้มจริงๆ (เจ้าของ) ส่วน ผถห.เจ๊งเป็นแถว
นายบดินทร์ รุ่งเรืองนวรัตน์ นักค้าหุ้นชาวไทยวัย 30 ปีได้ยินยอม ที่จะจ่ายเงิน 5.2 ล้านดอลลาร์ หรือราว 170 ล้านบาท เพื่อปิดคดีการทำ กำไรอย่างผิดกฎหมายเป็นจำนวนเงิน 3.2 ล้านดอลลาร์ หรือราว 103 ล้านบาท จากการที่เขาได้รับข้อมูลวงในเกี่ยวกับข่าวที่ว่า บริษัทชวงฮุย อินเตอร์ เนชั่นแนล โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเนื้อรายใหญ่ที่สุดของจีน กำลังจะเข้าซื้อกิจการ ของบริษัท สมิธฟิลด์ ฟูดส์ อิงค์ของสหรัฐ และส่งผลให้ศาลสหรัฐออกคำสั่งอายัด ทรัพย์ของเขา
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐระบุว่า การรอมชอมคดีกับนายบดินทร์ได้รับการอนุมัติจากผู้พิพากษา แมทธิว เคนเนลลี จากศาลเขตนอร์ทเธิร์น ดิสทริคท์ในรัฐอิลลินอยส์ ขณะที่ นายบดินทร์ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธต่อข้อกล่าวหานี้
จากจำนวนเงิน 5.2 ล้านดอลลาร์ที่นายบดินทร์จ่ายเพื่อปิดคดีใน ครั้งนี้นั้น เงิน 3.2 ล้านดอลลาร์เป็นการคืนกำไรที่ได้มาโดยมิชอบ ส่วน เงินอีก 2 ล้านดอลลาร์ที่เหลือเป็นการจ่ายค่าปรับ
คดีดังกล่าวเริ่มขึ้นจากการที่บริษัทชวงฮุยแถลงในเดือนมิ.ย.ว่า ทางบริษัทกำลังจะเข้าซื้อสมิธฟิลด์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเนื้อสุกรรายใหญ่ที่สุดของ สหรัฐ ในวงเงิน 4.7 พันล้านดอลลาร์ และก.ล.ต.สหรัฐระบุว่า
นายบดินทร์อาจได้รับข้อมูลวงในจากเพื่อนทางเฟซบุ๊คคนหนึ่ง ที่เคย ทำงานให้กับนายจ้างปัจจุบันของนายบดินทร์ ก.ล.ต.ระบุว่า เพื่อนทางเฟซบุ๊ครายนี้เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ ในวาณิชธนกิจแห่งหนึ่งของไทย ซึ่งให้คำปรึกษาแก่บมจ.เจริญโภคภัณฑ์ อาหาร ในช่วงที่ CPF กำลังพิจารณาที่จะยื่นประมูล ซื้อกิจการบริษัทสมิธฟิลด์เช่นกัน
ก.ล.ต.เปิดเผยว่า นายบดินทร์สามารถทำกำไร 3.2 ล้าน ดอลลาร์จากการซื้อขาย call option ของสมิธฟิลด์ และจากการ ซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สหุ้นในบัญชีหนึ่งที่บริษัทอินเทอร์แอคทีฟ โบรกเกอร์ส ในช่วงเวลาไม่นานก่อนที่จะมีการประกาศข่าวของชวงฮุยออกมา ก.ล.ต.ระบุว่า นายบดินทร์ซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งในตลาด Chicago Board Options Exchange (CBOE) และตลาด OneChicago ซึ่งเป็นตลาดที่จดทะเบียนสัญญาฟิวเจอร์สหุ้น
ทั้งนี้ มีการประกาศข้อตกลงระหว่างชวงฮุยและสมิธฟิลด์ในวันที่ 29 พ.ค. และถือเป็นการเข้าซื้อกิจการบริษัทสหรัฐครั้งใหญ่ที่สุดโดย ผู้ซื้อชาวจีน คาดว่ากระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการการลงทุนของต่างชาติ ในสหรัฐ ซึ่งเป็นหน่วยงานในกระทรวงการคลังที่ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อตกลง ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ จะไม่คัดค้านการควบกิจการดังกล่าว
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... นไซด์.html
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ได้ไม่คุ้มเสียเลยครับ ได้ $3.2M จ่ายคืน $3.2M + 2.0M
กลต. ที่ US เขาใช้เทคโนโลยี่ใหม่ในการตรวจจับ การซื้อขายหุ้น
แบบที่น่าสงสัย ตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วมาก คล้ายๆ กับพวก
Anti-Virus อะไรแบบนั้นครับ Scan เจอไปหลายเคสแล้ว
ส่วนบ้านเรา เห็นเคยจับ เจ้าของ บมจ. ได้ แต่
ปรับไม่กี่แสนบาท คุ้มจริงๆ (เจ้าของ) ส่วน ผถห.เจ๊งเป็นแถว
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: น้กค้าหุ้นไทยควัก 170 ล้านยอมความคดีอินไซด์
โพสต์ที่ 2
นี่คือความต่างระหว่างกลต.เค้ากับเราสินะ
value trap
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: น้กค้าหุ้นไทยควัก 170 ล้านยอมความคดีอินไซด์
โพสต์ที่ 3
หันมามองบ้านเราแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ อิอิ...
- Pyrostrikes
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1000
- ผู้ติดตาม: 0
Re: น้กค้าหุ้นไทยควัก 170 ล้านยอมความคดีอินไซด์
โพสต์ที่ 5
ผมว่า กลต บ้านเรารีบผลักดันมาตรการกันปอบก่อนดี่ทีสุด เพื่อความเชื่อมั่นและเสมอภาคของ นลท รายย่อย
Nothing comes for free...
- tok
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 833
- ผู้ติดตาม: 0
Re: น้กค้าหุ้นไทยควัก 170 ล้านยอมความคดีอินไซด์
โพสต์ที่ 6
ปัญหาหลายอย่างในประเทศไทย เกิดจากการไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และโทษที่ได้รับไม่รุนแรงจากความผิดที่ทำครับ
ในอเมริกาจะถือว่า Law and Order เป็นเรื่องสำคัญ สำหรับผู้รักษากฎหมายทุกคน
ในอเมริกาจะถือว่า Law and Order เป็นเรื่องสำคัญ สำหรับผู้รักษากฎหมายทุกคน