กสิกรไทยคาดตลาดบ้านชะลอตัวนาน 5-6 เดือน

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
วรันศ์ บัฟเฟต
Verified User
โพสต์: 1679
ผู้ติดตาม: 0

กสิกรไทยคาดตลาดบ้านชะลอตัวนาน 5-6 เดือน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

กสิกรไทยคาดตลาดบ้านชะลอตัวนาน 5-6 เดือน

9 สิงหาคม 2556

กสิกรไทยคาดตลาดอสังหาฯจชะลอตัวลงนาน 5-6 เดือนจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ การเมือง ตลาดหุ้น ซึ่งส่งผลด้านจิตวิทยาต่อกำลังซื้อ ขณะที่ยอดปฏิเสธสินเชื่อบ้านพบปัญหาใหญ่มาจากยอดหนี้สินบัตรเครดิตที่เพิ่มสูงถึง 4 เท่าของเงินเดือนและหนี้รถยนต์คันแรก ส่งรายได้ผู้กู้ไม่พอผ่อนชำระค่าบ้าน

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่ากำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง 2556 ซบเซาลงเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่มีการปรับประมาณการจีดีพีว่าจะลดลงอยู่ที่ 4-5% ปัญหาความกังวลจากภาวะทางการเมือง ความผันผวนของตลาดหุ้น ซึ่งส่งผลทางด้านจิตวิทยาและมีผลทำให้กำลังซื้อตัดสินใจช้าลง 5-6 เดือนจากนี้ไป

“ ปกติสินเชื่อบ้านจะเติบโตดีในครึ่งปีหลังถึง 60% และในครึ่งปีแรก 40% ดังนั้นจะเห็นผู้ประกอบการแข่งขันกันสูงในช่วงไตรมาส 3-4 แต่ในครึ่งปีหลัง 2556 มีปัจจัยลบทำให้ตลาดไม่เป็นเช่นนั้น โดยรวมทั้งปีน่าจะเติบโตอยู่ที่ 8% จาก 2.4 ล้านล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการอนุมัติสินเชื่อบ้านจากแบงก์นั้นไม่ได้มีความเข้มขึ้นแต่อย่างใดโดยบ้านหลังแรกกับหลังที่สองยังคงปล่อยสินเชื่อปกติคือปล่อยบ้าน 95% และคอนโดมิเนียม 90% ของราคาบ้าน แต่ที่มียอดปฎิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นมาจากปัญหาลูกค้ามีรายได้ไม่เพียงพอสูงถึง 50-60% ของยอดปฎิเสธสินเชื่อ และจากปัญหาลูกค้ามีภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นเช่นมีหนี้บัตรเครดิตในอัตราที่สูงกว่าเงินเดือน 4 เท่า ซึ่งหากแบงก์พบว่าลูกค้ามีปัญหาดังกล่าวก็จะไม่อนุมัติสินเชื่อบ้าน และยังพบว่าลูกค้ามีภาระการผ่อนชำระรถยนต์คันแรกซึ่งในเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อของแบงก์จะต้องนำค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าผ่อนชำระอยู่ทั้งหมดมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาซึ่งอัตราค่าผ่อนบ้านจะต้องอยู่ที่ 40% ของอัตรารายได้หักค่าใช้จ่ายออกแล้วซึ่งหมายความว่าในรายได้ 100 บาทสัดส่วนในการผ่อนชำระค่าบ้านจะต้องอยู่ที่ 40 บาท

“ถ้าลูกค้ามีเงินเดือน 2 หมื่นบาทจะสามารถกู้ได้ 1 ล้านบาทและผ่อนชำระอยู่ที่ 7-8 พันบาทต่อเดือน โดยรายได้ 2 หมื่นจะต้องเป็นรายได้ที่หลังหักค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระอื่นๆ แล้ว”
แต่ทั้งนี้แบงก์จะเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อบ้านหลังที่ 3 ขึ้นอีก 10-15% เช่นแบงก์เคยปล่อยสินเชื่อบ้านหลังที่ 3 อยู่ที่ 90% แต่ปัจจุบันจะปล่อยอยู่ที่ 75% เพราะถือว่าผู้ที่ซื้อบ้านหลังที่ 3 เป็นคนมีเงินแต่ทั้งนี้ในส่วนของแบงก์พาณิชย์ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหารถยนต์คันแรกเพราะในส่วนสินเชื่อบ้านแบงก์พาณิชย์ส่วนใหญ่จะปล่อยในระดับราคา 2.5 ล้านบาทขึ้นไปในขณะที่ผู้ซื้อรถยนต์คันแรกจะเป็นกลุ่มคนจบใหม่ที่มีรายได้ประมาณ 15,000 บาท และตัดสินใจซื้อรถยนต์ก่อนบ้านเพราะมีเรื่องของภาษีมาจูงใจ นอกจากนั้นแล้วการผิดชำระบัตรเครดิตก็เป็นส่วนหนึ่งที่แบงก์นำมาพิจารณา
value trap
รูปภาพ
วรันศ์ บัฟเฟต
Verified User
โพสต์: 1679
ผู้ติดตาม: 0

Re: กสิกรไทยคาดตลาดบ้านชะลอตัวนาน 5-6 เดือน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

SENA ลดเป้ารายได้ปีนี้เหลือ 1.7 พันล.บ.

SENA ชงบอร์ดกลางเดือนก.ย.นี้ หั่นเป้ารายได้เหลือ 1.7 พันล้านบาท จากเป้าเดิม 2 พันล้านบาท หลังชะลอเปิดโครงการใหม่ออกไปเป็นพ.ย. จากเดิมในก.ย.นี้

นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์(SENA) เปิดเผยว่า เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทกลางเดือน ก.ย.นี้ เพื่อพิจารณาปรับลดเป้ารายได้ในปี 56 ลงเหลือ 1.7 พันล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ 2 พันล้านบาท รับผลกระทบเศรษฐกิจชะลอตัว และคาดว่ายอดขายในปีนี้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 2.5 พันล้านบาท จากการชะลอเปิดโครงการ The Niche รัชวิภา โดยคาดว่าจะเลื่อนเปิดโครงการเป็นเดือน พ.ย.56 จากกำหนดเดิมในเดือน ก.ย.56

อย่างไรก็ตาม ณ สิ้นเดือน ส.ค.56 บริษัทมียอดขายรอโอน(backlog)แล้ว 1.5 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ประมาณ 700-800 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 57 และบริษัทมีแผนในการซื้อที่ดินเพิ่มอีก มูลค่า 200 ล้านบาทในครึ่งปีหลัง จากครึ่งปีแรกซื้อที่ดินไปแล้วกว่า 500 ล้านบาท

SENA คาดว่ารายได้ในปีนี้จะลดลงมาที่ 1.7 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2 พันล้านบาท หลังจากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง ทำให้ส่งผลกระทบต่อการโอน และส่งผลกระทบไปถึงยอดขาย คาดว่ายอดขายในปีนี้จะต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 2.5 พันล้านบาท
value trap
รูปภาพ
วรันศ์ บัฟเฟต
Verified User
โพสต์: 1679
ผู้ติดตาม: 0

Re: กสิกรไทยคาดตลาดบ้านชะลอตัวนาน 5-6 เดือน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

PRIN หั่นยอดขายปีนี้ลงเหลือ 3 พันลบ.

PRIN หั่นยอดขายปีนี้ลงเหลือ 3 พันลบ. ส่งผลให้กำไรขั้นต้นลดลงมาอยู่ที่ 32-33%

นายชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทปริญสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIN ยอมรับว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังมีการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในส่วนของความต้องการจริง แต่สถาบันการเงินมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพราะเริ่มมองเห็นสัญญาณความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ที่ผ่านมาอัตราการยกเลิกการจอง (Rejection Rate) ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 12-13% จากเดิมอยู่ที่ 6% แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่บริษัทสามารถบริหารจัดการได้

โดยปีนี้บริษัทลดเป้ายอดขายเป็น 3 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 3.5 พันล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขาย อยู่ที่ 1.41 พันล้านบาท ขณะเดียวกัน ลดเป้าหมายรายได้รวมปีนี้เป็น 2,900 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 3.3 พันล้านบาท เนื่องจากการก่อสร้างโครงการของบริษัทเกิดความล่าช้าไป 3 เดือน ทำให้แผนการเปิดโครงการต้องเลื่อนออกไปและส่งผลต่อการโอนของลูกค้า และทำให้ยอดการรับรู้รายได้ของบริษัทลดลง

ความล่าช้าของโครงการดังกล่าว ส่งผลให้แผนการเปิดโครงการในปีนี้ลดลงเป็น 6 โครงการ มูลค่ารวม 5.07 พันล้านบาท จากเดิมที่วางแผนไว้เปิดโครงการใหม่ปีนี้ 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6 พันล้านบาท

นายชัยรัตน์ คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ในปีนี้ของบริษัทจะลดลงมาอยู่ที่ 32-33% ต่ำกว่าปีก่อนที่มีโครงการคอนโดมิเนียมที่ให้มาร์จินดี แต่บริษัทจะเน้นการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมให้มากขึ้นในปีหน้า เพราะบริษัทมองเห็นถึงความต้องการซื้อเพื่อที่อยู่อาศัยที่แท้จริงของลูกค้า ซึ่งคอนโดมิเนียมของบริษัทจะเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise 8 ชั้น อยู่ในพื้นที่ขอบๆ กรุงเทพฯ

นายชัยรัตน์ กล่าวเพิ่มว่า บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโครงการศูนย์การค้า ชื่อว่า “Plearnary Mall" ตั้งอยู่บริเวณวัชรพล พื้นที่โครงการ 18 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 600 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในเดือนพ.ค. 2557 ปัจจุบันมีผู้เช่าพื้นที่เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่แล้ว 52% คาดการณ์ว่าจะคืนทุนใน 8 ปี โดยจะรับรู้รายได้เป็นค่าเช่า ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี และหากได้รับการตอบรับที่ดี รวมทั้งมีที่ดินในโลเคชันที่เหมาะสม บริษัทจะพิจารณาแผนการสร้างศูนย์การค้า
value trap
รูปภาพ
โพสต์โพสต์