เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
-
- Verified User
- โพสต์: 39
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 183
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ ผมแค่ทำหน้าที่เล็กน้อย และโชคดีที่ค้นพบ Value Writer ซึ่งอาจจะไม่มีเครื่องแบบตามที่สังคมให้คุณค่ากัน และทำหน้าที่ส่งต่อให้ผู้ที่อาจจะใช้เวลาค้นหาเนิ่นนาน (ผมก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น) จึงเร่งรีบที่ส่งต่อให้เพื่อน ๆ ทั้งหลาย เพราะเวลาไม่เคยรอใครครับ รู้เร็ว ปฏิบัติเร็ว เข้าใจเร็ว ผลที่เกิดขึ้นได้เร็ว ก็ลดเวลาที่อยู่ในสังสารวัฏได้เร็วขึ้นครับ
ขอยกผลบุญทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ผู้เขียนครับ
ดอกไม้กับผีเสื้อ คัดลอกจากหนังสือ "ใจคือศิลปะ เราคือศิลปิน"
พศิน อินทรวงค์ (อนันตกาล)
ทุกครั้งที่คุณเสียเปรียบ จงคิดว่า คุณกำลังฝึกฝนความเมตตาอยู่ ผู้คนมากมายพูดถึงความเมตตาว่าความเมตตาคือสิ่งจำเป็น
เราพูดกันอย่างนี้เสมอ เป็นสิ่งที่แม้แต่เด็กประถมก็ยังรู้ว่า ไม่ต้องใช้ความฉลาดอะไร ใครๆ ก็รู้ว่าความเมตตาคือสิ่งจำเป็น
ทว่า คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยที่จะพูดกันในแง่มุมที่ว่า ความเมตตาไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ
เมื่อเราเสียเงินเพราะถูกหลอก ไม่ง่ายเลยที่เราจะเมตตาให้อภัยผู้ที่หลอกลวงเรา เมื่อเรากำลังหิว กำลังอด เงินทองกำลังขาดมือ ไม่ง่ายเลยที่เราจะรู้จักแบ่งปัน เหล่านี้เป็นความจริงที่ทุกคนต้องยอมรับ ไม่ใช่ยอมรับเพื่อจำนน แต่เป็นการยอมรับเพื่อปรับปรุงแก้ไข
ความเมตตานั้นเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน ไม่ใช่เรื่องที่ใครอยากลุกขึ้นมาทำก็ทำได้ ไม่อย่างนั้นเราคงมีนักบุญอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง
และโลกก็คงไม่วุ่นวายอย่างทุกวันนี้ ดังนั้นในชีวิตประจำวันของเรา เราจำเป็นต้องเชื่อมโยงทุกสิ่งกับความเมตตาของเรา
เดินด้วยความเมตตา ยืนด้วยความเมตตา นั่งด้วยความเมตตา และหลับตาลงไปพร้อมความเมตตา เราต้องฝึกให้เราเป็นผู้ที่ยิ้มให้โลกอยู่เสมอ ต้องทำให้ตัวเองมีสายตาอันอ่อนโยน ดุจดังดอกไม้ผู้เป็นมิตรกับผีเสื้อ
ดอกไม้ไม่เคยโกรธผีเสื้อ แม้ว่าผีเสื้อกำลังดูดกินน้ำหวานจากเกสรของมันอยู่ ดอกไม้ไม่เคยคิดว่าผีเสื้อกำลังเอาเปรียบ แต่มันคือว่าสิ่งนี้คือการแบ่งปัน มันมีความเมตตาให้ผีเสื้อ ความคิดเช่นนี้เอง ที่ทำให้ดอกไม้มีความสุขทั้งที่มันต้องเสียน้ำหวานให้ผีเสื้อ ดังนั้นเราจงเอาอย่างดอกไม้ที่กระทำต่อผีเสื้อ
คุณจำเป็นต้องฝึกรักผู้ที่เกลียดคุณ ฝึกเห็นใจผู้ที่เอาเปรียบคุณ นอกจากนี้ทุกครั้งที่คุณเสียสตางค์ คุณควรคิดว่าคือว่าคุณกำลังเป็นผู้ให้ คุณจำเป็นต้องหัดให้เงินเกินกว่ามูลค่าสิ่งของที่คุณซื้อ เพื่อซื้อจิตวิญญาณแห่งความเมตตาของคุณกลับมา อย่าเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว แต่จงเป็นผู้ที่ให้อยู่เสมอให้เท่าที่คุณจะให้ได้
“คุณจำเป็นต้องมีความยินดีต่อความเสียเปรียบให้บ่อย เพื่อขยับขยายจิตวิญญาณของคุณให้กว้างขวาง”
ถ้าคุณเป็นคนที่เรียกร้องสิทธิของตนเองอยู่ตลอดเวลา เป็นคนที่ยอมเสียเปรียบไม่ได้ คุณจะกลายเป็นคนที่จิตใจคับแคบ แม้คุณจะมีเหตุผลอันชอบธรรมที่จะไม่ให้ แต่ใจของคุณก็จะคับแคบ คุณต้องรู้อยู่เสมอว่า เมื่อพูดถึงภาวะของจิตใจเราจะไม่พูดถึงเหตุผล เพราะเหตุผลเป็นของหยาบที่ไม่สามารถเข้าสู่จิตใจได้ จิตใจนั่นเป็นเรื่องของความรู้สึก เหตุผลที่นำคุณไปสู่การแล้งน้ำใจ จะทำให้จิตใจของคุณตกเป็นทาสของความเห็นแก่ตัว เป็นการพอกพูนลักษณะนิสัยของผู้ที่กระหายสงครามโดยไม่รู้ตัว อัตตาของคุณจะเพิ่มขึ้นจากความไร้น้ำใจ คุณจะกลายเป็นผู้ที่ถูกต้องแต่ไม่มีความสุข เป็นผู้ชนะสงครามที่มีแต่ความทุกข์
ความเสียเปรียบ การแกล้งโง่นั้น เป็นสิ่งจำเป็นมากที่จะทำให้ความเมตตาเกิดขึ้น คุณต้องยอมโง่ ต้องยอมเสียเปรียบ นี่เองคือสิ่งที่คุณต้องตระหนัก ขณะที่คุณต้องไม่ยอมเป็นคนโง่หรือยอมเสียเปรียบจนทำให้ชีวิตของตนเดือดร้อน ทุกอย่างเป็นสิ่งที่คุณต้องหาสมดุลให้เจอ ว่าจุดใดกันแน่ที่จิตใจของคนเข้มแข็งพอที่จะอดทนได้ จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มขอบเขตของความเมตตาของคุณให้มากขึ้นเป็นลำดับ ยอมถูกเอาเปรียบด้วยความเบิกบานให้มากขึ้นเป็นลำดับ จนนำไปสู่จิตใจของผู้เป็นนักบุญ ผู้เสียสละ
ถึงตอนนั้นความสุขของคุณจะเพิ่มขึ้นโดยไม่ยึดโยงกับวัตถุจอมปลอม คุณจะมีความสมบูรณ์ในด้วยเองด้วยความเมตตา
ความเมตตานี้เองจะช่วยให้คุณบรรลุธรรมได้โดยง่าย เพราะมันนำไปสู่จิตของอริยบุคคลในขั้นต่างๆ คุณจะไม่มีโอกาสเข้าถึงความจริงสูงสุด ไม่สามารถบรรลุธรรมได้เลยหากจิตใจของคุณมีเมตตาน้อยเกินไป
“แม้ความเมตตาไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายนัก แต่หากทำได้ จิตวิญญาณของคุณจะเกิดการพลิกผันจนสุดขั้ว คุณจะเกิดใหม่โดยไม่ต้องมีความตายเข้ามาเกี่ยวข้อง คุณจะกลายเป็นผู้ไม่รู้จักความทุกข์ เป็นผู้เข้าถึงความสุขที่อยู่เหนือบทกวีและภาษาใดๆจะเอื้อนเอ่ย...”
ขอยกผลบุญทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ผู้เขียนครับ
ดอกไม้กับผีเสื้อ คัดลอกจากหนังสือ "ใจคือศิลปะ เราคือศิลปิน"
พศิน อินทรวงค์ (อนันตกาล)
ทุกครั้งที่คุณเสียเปรียบ จงคิดว่า คุณกำลังฝึกฝนความเมตตาอยู่ ผู้คนมากมายพูดถึงความเมตตาว่าความเมตตาคือสิ่งจำเป็น
เราพูดกันอย่างนี้เสมอ เป็นสิ่งที่แม้แต่เด็กประถมก็ยังรู้ว่า ไม่ต้องใช้ความฉลาดอะไร ใครๆ ก็รู้ว่าความเมตตาคือสิ่งจำเป็น
ทว่า คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยที่จะพูดกันในแง่มุมที่ว่า ความเมตตาไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ
เมื่อเราเสียเงินเพราะถูกหลอก ไม่ง่ายเลยที่เราจะเมตตาให้อภัยผู้ที่หลอกลวงเรา เมื่อเรากำลังหิว กำลังอด เงินทองกำลังขาดมือ ไม่ง่ายเลยที่เราจะรู้จักแบ่งปัน เหล่านี้เป็นความจริงที่ทุกคนต้องยอมรับ ไม่ใช่ยอมรับเพื่อจำนน แต่เป็นการยอมรับเพื่อปรับปรุงแก้ไข
ความเมตตานั้นเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน ไม่ใช่เรื่องที่ใครอยากลุกขึ้นมาทำก็ทำได้ ไม่อย่างนั้นเราคงมีนักบุญอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง
และโลกก็คงไม่วุ่นวายอย่างทุกวันนี้ ดังนั้นในชีวิตประจำวันของเรา เราจำเป็นต้องเชื่อมโยงทุกสิ่งกับความเมตตาของเรา
เดินด้วยความเมตตา ยืนด้วยความเมตตา นั่งด้วยความเมตตา และหลับตาลงไปพร้อมความเมตตา เราต้องฝึกให้เราเป็นผู้ที่ยิ้มให้โลกอยู่เสมอ ต้องทำให้ตัวเองมีสายตาอันอ่อนโยน ดุจดังดอกไม้ผู้เป็นมิตรกับผีเสื้อ
ดอกไม้ไม่เคยโกรธผีเสื้อ แม้ว่าผีเสื้อกำลังดูดกินน้ำหวานจากเกสรของมันอยู่ ดอกไม้ไม่เคยคิดว่าผีเสื้อกำลังเอาเปรียบ แต่มันคือว่าสิ่งนี้คือการแบ่งปัน มันมีความเมตตาให้ผีเสื้อ ความคิดเช่นนี้เอง ที่ทำให้ดอกไม้มีความสุขทั้งที่มันต้องเสียน้ำหวานให้ผีเสื้อ ดังนั้นเราจงเอาอย่างดอกไม้ที่กระทำต่อผีเสื้อ
คุณจำเป็นต้องฝึกรักผู้ที่เกลียดคุณ ฝึกเห็นใจผู้ที่เอาเปรียบคุณ นอกจากนี้ทุกครั้งที่คุณเสียสตางค์ คุณควรคิดว่าคือว่าคุณกำลังเป็นผู้ให้ คุณจำเป็นต้องหัดให้เงินเกินกว่ามูลค่าสิ่งของที่คุณซื้อ เพื่อซื้อจิตวิญญาณแห่งความเมตตาของคุณกลับมา อย่าเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว แต่จงเป็นผู้ที่ให้อยู่เสมอให้เท่าที่คุณจะให้ได้
“คุณจำเป็นต้องมีความยินดีต่อความเสียเปรียบให้บ่อย เพื่อขยับขยายจิตวิญญาณของคุณให้กว้างขวาง”
ถ้าคุณเป็นคนที่เรียกร้องสิทธิของตนเองอยู่ตลอดเวลา เป็นคนที่ยอมเสียเปรียบไม่ได้ คุณจะกลายเป็นคนที่จิตใจคับแคบ แม้คุณจะมีเหตุผลอันชอบธรรมที่จะไม่ให้ แต่ใจของคุณก็จะคับแคบ คุณต้องรู้อยู่เสมอว่า เมื่อพูดถึงภาวะของจิตใจเราจะไม่พูดถึงเหตุผล เพราะเหตุผลเป็นของหยาบที่ไม่สามารถเข้าสู่จิตใจได้ จิตใจนั่นเป็นเรื่องของความรู้สึก เหตุผลที่นำคุณไปสู่การแล้งน้ำใจ จะทำให้จิตใจของคุณตกเป็นทาสของความเห็นแก่ตัว เป็นการพอกพูนลักษณะนิสัยของผู้ที่กระหายสงครามโดยไม่รู้ตัว อัตตาของคุณจะเพิ่มขึ้นจากความไร้น้ำใจ คุณจะกลายเป็นผู้ที่ถูกต้องแต่ไม่มีความสุข เป็นผู้ชนะสงครามที่มีแต่ความทุกข์
ความเสียเปรียบ การแกล้งโง่นั้น เป็นสิ่งจำเป็นมากที่จะทำให้ความเมตตาเกิดขึ้น คุณต้องยอมโง่ ต้องยอมเสียเปรียบ นี่เองคือสิ่งที่คุณต้องตระหนัก ขณะที่คุณต้องไม่ยอมเป็นคนโง่หรือยอมเสียเปรียบจนทำให้ชีวิตของตนเดือดร้อน ทุกอย่างเป็นสิ่งที่คุณต้องหาสมดุลให้เจอ ว่าจุดใดกันแน่ที่จิตใจของคนเข้มแข็งพอที่จะอดทนได้ จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มขอบเขตของความเมตตาของคุณให้มากขึ้นเป็นลำดับ ยอมถูกเอาเปรียบด้วยความเบิกบานให้มากขึ้นเป็นลำดับ จนนำไปสู่จิตใจของผู้เป็นนักบุญ ผู้เสียสละ
ถึงตอนนั้นความสุขของคุณจะเพิ่มขึ้นโดยไม่ยึดโยงกับวัตถุจอมปลอม คุณจะมีความสมบูรณ์ในด้วยเองด้วยความเมตตา
ความเมตตานี้เองจะช่วยให้คุณบรรลุธรรมได้โดยง่าย เพราะมันนำไปสู่จิตของอริยบุคคลในขั้นต่างๆ คุณจะไม่มีโอกาสเข้าถึงความจริงสูงสุด ไม่สามารถบรรลุธรรมได้เลยหากจิตใจของคุณมีเมตตาน้อยเกินไป
“แม้ความเมตตาไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายนัก แต่หากทำได้ จิตวิญญาณของคุณจะเกิดการพลิกผันจนสุดขั้ว คุณจะเกิดใหม่โดยไม่ต้องมีความตายเข้ามาเกี่ยวข้อง คุณจะกลายเป็นผู้ไม่รู้จักความทุกข์ เป็นผู้เข้าถึงความสุขที่อยู่เหนือบทกวีและภาษาใดๆจะเอื้อนเอ่ย...”
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 184
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ทรงสิ้นพระชนม์และเมื่อเวลา ๑๙.๓๐ วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา
ขอน้อมส่งพระองค์ท่านเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน
กรรมใดที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินต่อพระองค์ท่าน ด้วยกายวาจาใจ ตั้งใจก็ตามไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
ต่อหน้าก็ตามลับหลังก็ตาม ทุกภพชาติ ขอพระองค์ท่านโปรดอดโทษนั้นแก่ข้าพเจ้าด้วย
และธรรมใดที่พระองค์ท่านรู้แล้ว ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้ตามในปัจจุบันชาตินี้ด้วยเถิด
ผมขออนุญาติทุกท่านนำคำสอนของท่านมาเผยแพร่ครับ ท่านมีพระนิพนธ์และคำเทศน์จำนวนมาก
ผมของแนะนำ ๒ เล่มที่ควรจะได้อ่านกันครับ คิดว่าหลายท่านน่าจะได้อ่านแล้วคือ
ชีวิตนี้น้อยนัก http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=2821
ชีวิตนี้สำคัญนัก http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10165
คำสอนของท่าน http://www.dharma-gateway.com/monk/prea ... x-page.htm
คำสอนของครูบาอาจารย์องค์อื่นๆ
http://www.dharma-gateway.com/monk/prea ... x-page.htm
ข้อมูลอื่นๆ ในพระพุทธศาสนา
http://www.dharma-gateway.com/
ขออนุโมทนากับผู้จัดทำและรวบรวมทุกท่านด้วยครับ
ทรงสิ้นพระชนม์และเมื่อเวลา ๑๙.๓๐ วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา
ขอน้อมส่งพระองค์ท่านเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน
กรรมใดที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินต่อพระองค์ท่าน ด้วยกายวาจาใจ ตั้งใจก็ตามไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
ต่อหน้าก็ตามลับหลังก็ตาม ทุกภพชาติ ขอพระองค์ท่านโปรดอดโทษนั้นแก่ข้าพเจ้าด้วย
และธรรมใดที่พระองค์ท่านรู้แล้ว ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้ตามในปัจจุบันชาตินี้ด้วยเถิด
ผมขออนุญาติทุกท่านนำคำสอนของท่านมาเผยแพร่ครับ ท่านมีพระนิพนธ์และคำเทศน์จำนวนมาก
ผมของแนะนำ ๒ เล่มที่ควรจะได้อ่านกันครับ คิดว่าหลายท่านน่าจะได้อ่านแล้วคือ
ชีวิตนี้น้อยนัก http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=2821
ชีวิตนี้สำคัญนัก http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10165
คำสอนของท่าน http://www.dharma-gateway.com/monk/prea ... x-page.htm
คำสอนของครูบาอาจารย์องค์อื่นๆ
http://www.dharma-gateway.com/monk/prea ... x-page.htm
ข้อมูลอื่นๆ ในพระพุทธศาสนา
http://www.dharma-gateway.com/
ขออนุโมทนากับผู้จัดทำและรวบรวมทุกท่านด้วยครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 39
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 185
ขออนุโมทนาบุญของการแบ่งปันจากคุณ Dech สาธุครับ
ขออนุญาตต่อยอดจาก บทความตามลิ้งค์ที่คุณ Dech ให้มา ด้วยลิ้งค์นี้ครับ
http://epigramlover.blogspot.com/2010/0 ... panda.html
ขออนุญาตต่อยอดจาก บทความตามลิ้งค์ที่คุณ Dech ให้มา ด้วยลิ้งค์นี้ครับ
http://epigramlover.blogspot.com/2010/0 ... panda.html
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 186
ข้อ 4 ไม่ถูกต้องคับkoko8889 เขียน:...
กฏพื้นฐาน 15 ข้อเพื่อการพัฒนาจิต(ไม่สวยหรูแต่ใช้ได้จริง) พศิน อินทรวงค์
...
4. ยุติการวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นโดยเด็ดขาด เพราะการกระทำเช่นนั้น เป็นการยั่วกิเลสของเราให้พุ่งพลาน เป็นการป้อนอาหารให้ความเลวของตนเองเติบโต เขาจะดี จะเลวอย่างไรเป็นเรื่องของเขา เราสนใจในความดีเลวของตนเองเป็นพอ
...
พระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้ว่า ชมเชย เมื่อ ทำสิ่งที่ถูกต้อง และ ตำหนิ เมื่อ ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ให้เหมาะสมกับ "กาลเทศะ" ถึงจะดีที่สุด
ทุกขัง คือ ความแตกสลาย อาการของกองทุกข์คือมี ความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศก ความร่ำไรร่ำพัน ความไม่สบายกาย
ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจทั้งหลาย ความประสบกันสิ่งอันไม่เป็นที่รักที่พอใจ ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ
มีความปราถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น
สัตว์ทั้งหลายมีความทุกข์เป็นเบี้องหน้าแล้ว คือ ทุกสิ่งมันเดินไปสู่ความแตกดับ ภาษาไทยเมื่อใช้อธิบายความทุกข์
ก็มักจะเข้าใจกันว่าคือความไม่สบายใจ ไม่สบายกาย ซึ่งเป็นส่วนนึงเท่านั้น
เพราะสิ่งต่างๆนั้นแตกสลายได้ และถ้าเราคิดว่า
สิ่งนั้นๆจงอยู่กับเรา อย่าหายไปเลย อย่าหมดไปเลย
ซึ่งนั่นเป็นฐานะที่เป็นไปไม่ได้ จะช้าจะเร็ว สิ่งทั้งหลายจะหมดไป
พระพุทธเจ้าจึงสอนอริยสัจสี่
ทุกข์ ความเกิดขึ้นของทุกข์ ความดับไปของทุกข์ ทางดำเนินให้ถึงความดับไปของทุกข์
ทางแก้ทุกข์ คือ ดับความเกิด เข้าถึงความไม่เกิดไม่ดับ เป็นหนทางที่ดีที่สุด
(ซึ่งนั่นก็คือเราต้องเป็นโทษของการเกิด เช่น อีกด้านหนึ่งของความสุข คือความสุขก็หายไปได้
ไม่มีใครสุข ตาลอย ตลอดทั้งวัน หรือแม้แต่หญิงงาม วันหนึ่งก็ต้องเหี่ยว ย่น หลังงองุ้ม และเจ็บป่วย ล้มลงเป็นต้น
ดาราสาว-หนุ่มที่เราเคยชอบ ตอนนี้แก่หง่อม นักกีฬา-นักบอลที่เล่นเก่งๆสมัยก่อนก็ไม่แข็งแรงเหมือนเก่า
แม้แต่คนอื่น ที่เคยบอกว่ารักเรา วันหนึ่งเค้าก็เปลี่ยนใจได้ (ความรักเองก็ดับไปได้ ไม่มีรักอมตะที่เราเพ้อฝัน)
รวมถึงแม้แต่ตัวเอง วันนึงๆเราคิดเรื่องต่างๆทั้งวัน เรารับรู้สิ่งต่างๆที่มากระทบตลอดทั้งวัน-ทั้งคืน (แม้แต่ในความฝัน)
จิตใจเราเองนั้นเปลี่ยนแปลงตลอด มา-ไปตลอด แต่เราไม่เคยสังเกตุเห็น ซึ่งที่จิตใจเราที่เปลี่ยนนั้น มันก็เป็นธรรมชาติของจิตใจเอง
ซึ่งจิตใจเราจะเพลิน จะพอใจ ไปกับสิ่งต่างๆ ตามความเคยชินที่เราสะสมมานานต่างๆกันไปตามของแต่ละคน เช่น บางคนขี้โกรธ
บางคนซึมเซา บางคนกระตือรือร้น บางคนโลภมาก ฯลฯ ลองดูเด็กๆซิจะเห็นได้ง่ายสุด
และเราจะไม่สามารถรู้ได้เลย ถ้าเราไม่เคยฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า และได้ปฏิบัติตามคำสอน)
ทางเบี้องต้น ศีล จึงเป็นการรักษาความประพฤติทางกาย วาจา ใจ ให้เป็นไปทางกุศล
เป็นการปูทางให้จิตใจไม่ตกต่ำ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ลำบากตน ไม่ลำบากผู้อื่น ซึ่งก็เป็นคำสอนกลางๆ
ที่สัตบุรษทั้งหลายสอนกันมา
เมื่อมีศึลแล้ว จะปฏิบัติขั้นต่อมาได้ง่ายขึ้น คือ ฝึกความเพียรละสิ่งไม่ดี สร้างสิ่งดี ฝึกสติ ฝึกสมาธิ
เพื่อจิตที่ตั้งมั่น ก็จะเห็นความมา-ไปของสิ่งทั้งหลาย
ก็จะเกิดขั้นสุดท้ายคือ เกิดความเข้าใจ ว่าสิ่งใดมีความเกิด-สิ่งนั้่นมีความดับ
เข้าใจเหตุของการเกิด-เหตุของการดับ เกิดความรู้แจ้ง เข้าสู่อีกภาวะหนึ่ง
ซึ่งก็จะมีคำถามขึ้นว่า
แล้วเราจะดับความเกิดไปทำไม ในเมื่อเราก็เกิดมามีชีวิต เราก็มีความสุขในการกิน การจับจ่ายใช้สอย
เราทำงาน มีความรัก มีเพื่อน สนุกสนานในการใช้ชีวิตด้วยสิ่งต่างๆในโลก ดีจะตาย ทำไมจะต้องมาปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์
อันนี้ก็ลองดูตอนที่เราเจ็บป่วย คนใกล้ตัวเจ็บป่วย หรือไปเดินตามโรงพยาบาลดู มีผู้ที่เจ็บป่วย ล้มตาย ทรมานอยู่มากมาย
หรือในหน้าหนังสือพิมพ์ก็มีเรื่องราวต่างๆตลอด แล้วมีหรือที่วันนึงจะไม่เป็นเรา
เป็นเพราะเราประมาทกัน คิดกันว่าคงไม่มีทางเป็นเราได้หรอก ความทุกข์คงไม่เกิดแก่เรา
ตอนนี้เรายังไม่เป็น แต่ต่อไปเราจะเป็นแน่ ความเจ็บ ความแก่ ความตาย มาเยือนเราทุกคนไม่ว่าจะ
รวย-จน สูงศักดิ์-ต่ำต้อย หล่อ-สวย ไม่หล่อ-ไม่สวย แข็งแรง-อ่อนแอ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนใน
โลกนี้ โลกหน้า โลกอื่น สวรรค์ นรก ที่ไหนมีความเกิด ที่นั่นมีความดับเป็นธรรมดา
สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ (แตกสลายได้)
สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ สมควรหรือที่จะยึดมั่นถือมั่นว่า "นั่นเป็นตัวเรา นั่นเป็นของเรา"
-
- Verified User
- โพสต์: 53
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 187
ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์นะคะ
ได้ลงทุนมาหลายปี แต่เพิ่งจะมาสนใจธรรมะอย่างจริงจังในช่วงหลังนี้เองค่ะ แรกๆ ฟังจากทีวี อ่านหนังสือ
เคยฟังท่าน ว. วชิรเมธี เทศน์ ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ศาสนาพุทธ ไม่ได้ห้ามรวย แต่เมื่อรวยแล้วต้องแบ่งปันช่วยเหลือผู้อื่น/สังคม
ต่อมาลอง search หาใน internet จึงพบว่า ไม่ต้องไปวัดก็ได้
แต่สามารถเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีที่บ้านจาก internet
ได้เรียนรู้จาก clip video ต่างๆ
แต่ที่ได้ความรู้อย่างมากสอนได้อย่างละเอียด และปฏิบัติได้จริงๆ คือ Dhammada.net
ซึ่งได้มีผู้นำ MP3 เสียงเทศน์ของ หลวงพ่อปราโมทย์ วัดสวนสันติธรรม มารวบรวมไว้ ตั้งแต่ปี 45-56
ท่านสอนให้เรียนรู้หลักที่ถูกต้องให้แม่นก่อน (ศีล สมาธิ ปัญญา) แล้วต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
จึงได้ฟังธรรมที่บ้านทุกวัน ฟังไปเรื่อยๆ จากปี 56 ย้อนหลังกลับไป ขณะนี้ถึงปี 52
ทำให้เข้าใจมากขึ้นๆ และลองปฏิบัติดู ก็ รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เรื่อยๆ
ท่านที่สนใจ ลองฟังและปฏิบัติดูนะคะ ทำอย่างต่อเนื่อง
แล้วพิจารณาด้วยตนเองว่า ได้ประโยชน์หรือไม่ ดังที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสให้ลองปฏิบัติดูก่อน จึงค่อยเชื่อ
ได้ลงทุนมาหลายปี แต่เพิ่งจะมาสนใจธรรมะอย่างจริงจังในช่วงหลังนี้เองค่ะ แรกๆ ฟังจากทีวี อ่านหนังสือ
เคยฟังท่าน ว. วชิรเมธี เทศน์ ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ศาสนาพุทธ ไม่ได้ห้ามรวย แต่เมื่อรวยแล้วต้องแบ่งปันช่วยเหลือผู้อื่น/สังคม
ต่อมาลอง search หาใน internet จึงพบว่า ไม่ต้องไปวัดก็ได้
แต่สามารถเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีที่บ้านจาก internet
ได้เรียนรู้จาก clip video ต่างๆ
แต่ที่ได้ความรู้อย่างมากสอนได้อย่างละเอียด และปฏิบัติได้จริงๆ คือ Dhammada.net
ซึ่งได้มีผู้นำ MP3 เสียงเทศน์ของ หลวงพ่อปราโมทย์ วัดสวนสันติธรรม มารวบรวมไว้ ตั้งแต่ปี 45-56
ท่านสอนให้เรียนรู้หลักที่ถูกต้องให้แม่นก่อน (ศีล สมาธิ ปัญญา) แล้วต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
จึงได้ฟังธรรมที่บ้านทุกวัน ฟังไปเรื่อยๆ จากปี 56 ย้อนหลังกลับไป ขณะนี้ถึงปี 52
ทำให้เข้าใจมากขึ้นๆ และลองปฏิบัติดู ก็ รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เรื่อยๆ
ท่านที่สนใจ ลองฟังและปฏิบัติดูนะคะ ทำอย่างต่อเนื่อง
แล้วพิจารณาด้วยตนเองว่า ได้ประโยชน์หรือไม่ ดังที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสให้ลองปฏิบัติดูก่อน จึงค่อยเชื่อ
NL
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 188
ขอยกคำสอนหลวงปู่มั่น ที่ว่าsnonglak1 เขียน:
ต่อมาลอง search หาใน internet จึงพบว่า ไม่ต้องไปวัดก็ได้
แต่สามารถเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีที่บ้านจาก internet
" เมื่อได้ทำกองการกุศล คือ ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ตามคำสอนของพระบรมศาสดาจารย์เจ้าแล้ว บางพวกทำน้อยก็ต้องไปสู่สวรรค์ บางพวกทำมากและขยันจริง พร้อมทั้งวาสนาบารมีแต่หนหลังประกอบกัน ก็สามารถเข้าสู่พระนิพพานโดยไม่ต้องสงสัยเลย"
การให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กัน ดังในพระสูตรเคยยกตัวอย่างไว้ว่า มีผู้บำเพ็ญเพียรทุกอย่าง ยกเว้น
การให้ทาน เมื่อชาติสุดท้ายก่อนบรรลุอรหัต ต้องอดอยาก ทุกข์เพราะความหิวอย่างนัก เพราะขาดการให้ทานในชาติก่อนๆ จึงพึง
บำเพ็ญบารมีต่างๆให้ครบถ้วนครับ ยุคสมัยนี้ดีหน่อย ที่สามารถบริจาคออนไลน์ ไม่ต้องไปถึงที่วัดก็ได้
ดังนั้นหากไม่ละความเพียร ความเป็นพระอริยะบุคคลของคฤหัสถ์ ก็จะไปเกิดที่ไหนไม่ได้ ก็ย่อมต้องเกิดที่บ้านนั่นเองครับ
แต่ที่บ้านสิ่งยั่วยุ ก็จะเยอะหน่อยนะครับ เมื่อปรามอารมณ์ภายนอกได้ ยากสุดก็จะเหลือแค่ภายในคือใจเราเอง
ขออนุโมทนาครับ
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 189
จริงๆ การให้ทานนี่ เราให้ได้บ่อยมากนะครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องการบริจาคเงินอย่างเดียวtum_H เขียน:ขอยกคำสอนหลวงปู่มั่น ที่ว่าsnonglak1 เขียน:
ต่อมาลอง search หาใน internet จึงพบว่า ไม่ต้องไปวัดก็ได้
แต่สามารถเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีที่บ้านจาก internet
" เมื่อได้ทำกองการกุศล คือ ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ตามคำสอนของพระบรมศาสดาจารย์เจ้าแล้ว บางพวกทำน้อยก็ต้องไปสู่สวรรค์ บางพวกทำมากและขยันจริง พร้อมทั้งวาสนาบารมีแต่หนหลังประกอบกัน ก็สามารถเข้าสู่พระนิพพานโดยไม่ต้องสงสัยเลย"
การให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กัน ดังในพระสูตรเคยยกตัวอย่างไว้ว่า มีผู้บำเพ็ญเพียรทุกอย่าง ยกเว้น
การให้ทาน เมื่อชาติสุดท้ายก่อนบรรลุอรหัต ต้องอดอยาก ทุกข์เพราะความหิวอย่างนัก เพราะขาดการให้ทานในชาติก่อนๆ จึงพึง
บำเพ็ญบารมีต่างๆให้ครบถ้วนครับ ยุคสมัยนี้ดีหน่อย ที่สามารถบริจาคออนไลน์ ไม่ต้องไปถึงที่วัดก็ได้
ดังนั้นหากไม่ละความเพียร ความเป็นพระอริยะบุคคลของคฤหัสถ์ ก็จะไปเกิดที่ไหนไม่ได้ ก็ย่อมต้องเกิดที่บ้านนั่นเองครับ
แต่ที่บ้านสิ่งยั่วยุ ก็จะเยอะหน่อยนะครับ เมื่อปรามอารมณ์ภายนอกได้ ยากสุดก็จะเหลือแค่ภายในคือใจเราเอง
ขออนุโมทนาครับ
เพราะ กรรมเกิดที่จิต ที่เจตนา... แค่ขับรถ เห็นคนขอทาง เราให้ทาง เราก็ได้ทำทาน... มีคนเบียดเบียนเราทำให้เราโกรธ เรายกโทษ ให้อภัยเค้า ก็ได้ให้อภัยทาน... มีอาหาร ข้าวของเครื่องใช้มากเกินความจำเป็น ก็แบ่งให้แม่บ้านในที่ทำงาน หรือพี่ๆ รปภ. หรือ เอาไปเป็นอาหารนกอาหารปลา ก็ได้ให้ทาน
อย่างการบริจาคร่างกาย บริจาคอวัยวะนี่... เป็นการทำทานที่ได้อานิสงส์มาก แต่ลงทุนน้อย เพราะ เค้าจะเอาร่างกายของเรา เอาอวัยวะของเราไปใช้ตอนที่เราตายไปแล้ว ซึ่งเมื่อเราตายแล้ว ร่างกายของเราก็เป็นประโยชน์ให้กับคนอื่นได้ แถมการบริจาคก็ทำง่ายมากๆ แค่กรอกเอกสาร พกบัตรติดตัว ก็เรียบร้อย...
หรืออย่างการทำมรดก... ตั้งใจจะยกทรัพย์สมบัติให้เป็นสาธารณกุศลนี่ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เป็นการทำทานที่ต้นทุนน้อยมาก... เพราะ เมื่อเราตายแล้วเราก็ไม่สามารถใช้ทรัพย์สมบัติได้ ยกให้ไปเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นได้อีก
การทำทานลักษณะนี้ จิตตั้งขึ้นบ่อย ถ้าทำจนเป็นอาจิณกรรม เป็นนิสัย เป็นสันดาน อานิสงส์ ยิ่งการนานๆ บริจาคเงินทีเสียอีก... แถมการทำทานแบบนี้ ทำบ่อยๆ ใจจะผ่องใส ผิวพรรณ หน้าตาจะเปล่งปลั่ง เพราะ จิตตั้งเป็นกุศลได้บ่อย อุปสรรคไม่ค่อยเข้ามาย่างกลาย หรือถ้าเจอวิบากต้องเจอเรื่องร้ายๆ ในชีวิต อภัยทานที่ทำจนเป็นอาจิณกรรม ก็จะทำให้ผ่านเรื่องต่างๆ ไปได้ด้วยดี ไม่ทุกข์ร้อนอะไรมาก
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 190
ขอบคุณมากนะครับ ที่ช่วยอธิบายให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นpicatos เขียน: จริงๆ การให้ทานนี่ เราให้ได้บ่อยมากนะครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องการบริจาคเงินอย่างเดียว
ผมขอเพิ่มอานิสงค์ ของการให้ทาน อีกสักหน่อย
องค์สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์เจ้า เคยตรัสเกี่ยวกับอานิสงค์ของการให้ทานเรื่องหนึ่งดังนี้
"ครั้งหนึ่งพระองค์เสด็จโปรดเทวดาบนสวรรค์ มีเทวดาสององค์นั่งเฝ้าฟังธรรมอยู่เบื้องหน้า ซ้าย ขวา
เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน เหล่าเทวดาทั้งหลาย มีพระอินทร์เป็นประธาน พร้อมด้วยเหล่าเทวดาทั้งหลาย
มากันจนเต็มทั้งบริเวณนั้น
เมื่อนั้น เทวดาองค์หนึ่ง ต้องย้ายที่นั่งไปนั่งท้ายสุดของขบวน จนไม่สามารถมองเห็นตัวได้ แต่อีกองค์
กลับนั่งที่เดิม ข้างๆกับพระอินทร์
องค์สมเด็จพระบรมศาสดา จึงตรัสโปรด เพื่อแสดงอานิสงค์ของการให้ทาน ด้วยการถาม เทวดาองค์ที่
ต้องย้ายที่นั่งไปท้ายสุดของเทวดาทั้งหลายว่า เธอทำบุญอะไรถึงได้มาเป็นเทวดาอยู่บนดาวดึงส์นี้
เทวดาองค์นั้นตอบว่า เมื่อตอนเป็นมนุษย์ ได้แจกอาหาร ข้าวของต่างๆ แก่ชาวเมืองเป็นอันมาก พระเจ้าข้า
แล้วจึงหันพระพักษ์มาถามเทวดาอีกองค์ ที่ยังคงนั่งที่เดิม ถึงแม้พระอินทร์ จะเสด็จมานั่งตรงนั้น ก็ไม่ได้
เปลี่ยนที่นั่งแม้แต่น้อยว่า เธอทำบุญอะไรถึงได้มาเป็นเทวดาอยู่บนดาวดึงส์นี้
เทวดาองนั้นตอบว่า เมื่อตอนเป็นมนุษย์ ยากจน ไม่ค่อยมีโอกาสทำบุญ แต่ด้วยเป็นคนกตัญญู เลี้ยงดูพ่อแม่
อย่างดี ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง และมีแค่หนึ่งครั้งในชีวิต ที่ได้ถวายอาหารแก่พระอริยะเจ้า แค่นั้นพระเจ้าข้า"
อานิสงค์ของการให้ทานนั้น จึงแตกต่างกันไป ตามเนื้อนาบุญครับ
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 191
ในเรื่องเนื้อนาบุญกับการทำทานนั้น เป็นเรื่องที่ต้องสั่งสมบุญบารมีไม่ใช่น้อย การที่จะมีโอกาสได้ทำทานกับพระอริยะ ก็เป็นเรื่องที่ต้องสั่งสม จากการฝึกทำทานกับคนที่บุญน้อย ไล่ขึ้นๆ ไป
คนบางคนอยากจะทำทานกับพระอริยะ พระที่ประพฤติดีประพฤติชอบ เพียรแวะเวียนไปหา แต่ก็ไม่มีบุญได้เจอ ได้ทำ แต่บางคนไม่ได้ตั้งใจไป แต่ก็ได้เจอ ได้ทำ
ดังนั่นดีที่สุด คือ ทำทุกครั้งเท่าที่มีโอกาส ดีกว่าเลือกที่จะทำเฉพาะ เนื้อนาบุญเท่านั้น แล้วบุญบารมีที่สั่งสมอย่างนี้ จะทำให้มีโอกาสทำทานที่สมบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้นไปเอง
ว่ากันด้วยเรื่องจิต จิตที่ตั้งเป็นกุศลได้บ่อยๆ นั่นเอง จะเป็นกำลังที่ดึงดูดให้มีโอกาสที่ทำกุศลที่ละเอียด ปราณีต ยิ่งๆ ขึ้น
คนบางคนอยากจะทำทานกับพระอริยะ พระที่ประพฤติดีประพฤติชอบ เพียรแวะเวียนไปหา แต่ก็ไม่มีบุญได้เจอ ได้ทำ แต่บางคนไม่ได้ตั้งใจไป แต่ก็ได้เจอ ได้ทำ
ดังนั่นดีที่สุด คือ ทำทุกครั้งเท่าที่มีโอกาส ดีกว่าเลือกที่จะทำเฉพาะ เนื้อนาบุญเท่านั้น แล้วบุญบารมีที่สั่งสมอย่างนี้ จะทำให้มีโอกาสทำทานที่สมบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้นไปเอง
ว่ากันด้วยเรื่องจิต จิตที่ตั้งเป็นกุศลได้บ่อยๆ นั่นเอง จะเป็นกำลังที่ดึงดูดให้มีโอกาสที่ทำกุศลที่ละเอียด ปราณีต ยิ่งๆ ขึ้น
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 192
สาธุครับอาจารย์ตี่
เรื่องทำบุญนี่ พอ ๆ กับการลงทุนเลย บางคนเพิ่งเข้ามาลงทุนก็หวังอยากจะซื้อหุ้นแล้วรวยเลย คล้าย ๆ กะคนเราเพียรพยายามจะทำบุญกับพระอริยะเท่านั้น เหมือนอยากก้าวกระโดดเลย
เรื่องทำบุญนี่ พอ ๆ กับการลงทุนเลย บางคนเพิ่งเข้ามาลงทุนก็หวังอยากจะซื้อหุ้นแล้วรวยเลย คล้าย ๆ กะคนเราเพียรพยายามจะทำบุญกับพระอริยะเท่านั้น เหมือนอยากก้าวกระโดดเลย
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 193
เห็นด้วยนะครับ หากผู้ใดได้มีโอกาสทำบ่อยๆ และจิตที่ทำแล้วมีความสุข อานิสงค์ย่อมเต็มเม็ดเต็มหน่วย
อานิสงค์จะถึงพร้อม ต้องประกอบไปด้วย 3 ให้ ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับผู้ให้ว่ามีเจตนาอย่างไร ใจเป็นสุขไหมด้วย
เหมือนการปลูกต้นไม้ ย่อมได้รับผลที่ปลาย เช่นเดียวกับการให้ทาน ย่อมได้รับผลที่ปลายเช่นกัน เพียงแต่ว่าการดูแลเอาใจใส่ ของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไปครับ
เหมือนดังคนจับปลาเล็กแต่พอกิน จับปลาใหญ่พอได้ขาย
อานิสงค์จะถึงพร้อม ต้องประกอบไปด้วย 3 ให้ ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับผู้ให้ว่ามีเจตนาอย่างไร ใจเป็นสุขไหมด้วย
เหมือนการปลูกต้นไม้ ย่อมได้รับผลที่ปลาย เช่นเดียวกับการให้ทาน ย่อมได้รับผลที่ปลายเช่นกัน เพียงแต่ว่าการดูแลเอาใจใส่ ของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไปครับ
เหมือนดังคนจับปลาเล็กแต่พอกิน จับปลาใหญ่พอได้ขาย
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 194
ทำทาน ต้องทำด้วยเจตนาละความโลภ ความตระหนี่ด้วยคับ ไม่ต้องหวังอะไรทั้งนั้น
แล้วก็ทำทานให้กับผู้ที่เป็นสัตบรุษจะดีที่สุด ผู้ซึ่งจะทำให้
ทานที่เราให้ไปนั้นเกิดประโยชน์ที่สุด คือ เน้นที่ประโยชน์ของการให้ทานนั้นด้วย
แต่ก็มิได้หมายความว่าห้ามทำทานให้ผู้อื่น สิ่งอื่น จริงๆทำได้หมด
แม้แต่เทเศษอาหารให้ มด แมลง เพื่อให้อาหาร
สุดท้ายทำทานให้ผู้อื่นแล้วทำทานให้ตัวเองด้วยคับ โดยการภาวนา
แล้วก็ทำทานให้กับผู้ที่เป็นสัตบรุษจะดีที่สุด ผู้ซึ่งจะทำให้
ทานที่เราให้ไปนั้นเกิดประโยชน์ที่สุด คือ เน้นที่ประโยชน์ของการให้ทานนั้นด้วย
แต่ก็มิได้หมายความว่าห้ามทำทานให้ผู้อื่น สิ่งอื่น จริงๆทำได้หมด
แม้แต่เทเศษอาหารให้ มด แมลง เพื่อให้อาหาร
สุดท้ายทำทานให้ผู้อื่นแล้วทำทานให้ตัวเองด้วยคับ โดยการภาวนา
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 195
เคยฟังเทศน์หลวงพ่อพระมหาวีระ วัดท่าซุง ท่านเล่าว่า เทวดาบนสวรรค์บางองค์
มีเงาร่างของนางยักษิณีครอบอยู่ บางองค์เมื่ออดีตเพียงแค่ เห็นพระในวัดหนึ่ง
ปฎิบัติไม่ดี เลยไม่อยากไปทำบุญหรือยุ่งกับพระวัดนั้น ด้วยผลของความคิดเพียง
แค่นี้ หากหมดจากอานิสงค์ผลบุญที่สร้างไว้ ก็ต้องไปนรก
แต่การจะทำในสิ่งที่ไม่ชอบ ก็ไม่ใช่ของง่ายเลยนะครับ
มีเงาร่างของนางยักษิณีครอบอยู่ บางองค์เมื่ออดีตเพียงแค่ เห็นพระในวัดหนึ่ง
ปฎิบัติไม่ดี เลยไม่อยากไปทำบุญหรือยุ่งกับพระวัดนั้น ด้วยผลของความคิดเพียง
แค่นี้ หากหมดจากอานิสงค์ผลบุญที่สร้างไว้ ก็ต้องไปนรก
แต่การจะทำในสิ่งที่ไม่ชอบ ก็ไม่ใช่ของง่ายเลยนะครับ
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 39
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 196
ผมอยากแชร์เรื่องการลงทุนแบบวีไอกับเส้นทางธรรม ที่ได้รับประสบการณ์โดยตรง ครับ
ผมโชคดีมากที่ได้รับเกียรติจากวีไอสายดำท่านหนึ่ง ซึ่งให้เกียรติสนทนาเรื่องการลงทุนและเปิดโลกทรรศน์การลงทุนของผมอย่างมีค่ายิ่ง ทำให้เป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำไม่รู้ลืม
ผมขออนุญาตโพสต์เฉพาะหัวข้อการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับธรรมะครับ
1. การลงทุนแบบวีไอเหมือนคำสอนพุทธศาสนา คือ เหตุดีผลก็ต้องดีเป็นแน่แท้ (ปลูกถั่วได้ถั่ว คงไม่เป็นข้าว) เป็นกฎแห่งกรรมครับ
2. เมื่อลงทุนถูกต้องจนพบอิสรภาพทางการเงินแล้ว จะได้มีเวลาศึกษาธรรมะและปฏิบัติมากขึ้น
3. การวางแผนล่วงหน้ามีชีวิตคู่ แต่ไม่จำเป็นต้องมีทายาท เพราะลูกคนอื่นก็เหมือนลูกของเรา ใครลำบากก็อุปถัมภ์กันไป
4. ผลตอบแทนที่ได้ แบ่งสรรไปใช้ส่วนตัว ดูแลบุพการี,ท่านที่อยู่สูงขึ้นไป และก็แบ่งเงินเพื่ออุปถัมภ์เด็กด้อยโอกาสที่ยังมีมากอยู่ในสังคม
ยังมีหลายข้อที่เป็นสิ่งที่ผมอยากหยุดเวลา เพื่อเก็บเกี่ยวให้หมด แต่ก็เก็บได้เท่าที่มีความสามารถ สุดท้าย ในบทสนทนาผมไม่พบว่าพี่เขาต้องการเป็นคนรวยที่สุด และเป็นคนดีที่สุด พี่คือ ผู้มีศีลมีธรรมในร่างมนุษย์ธรรมดาดี ๆ นี่เอง แต่มีคุณธรรมสูงส่งเกินกว่าที่ผมจะบรรยายมาได้หมดครับ ขอแสดงความนับถือและขอบคุณพี่มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ผมโชคดีมากที่ได้รับเกียรติจากวีไอสายดำท่านหนึ่ง ซึ่งให้เกียรติสนทนาเรื่องการลงทุนและเปิดโลกทรรศน์การลงทุนของผมอย่างมีค่ายิ่ง ทำให้เป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำไม่รู้ลืม
ผมขออนุญาตโพสต์เฉพาะหัวข้อการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับธรรมะครับ
1. การลงทุนแบบวีไอเหมือนคำสอนพุทธศาสนา คือ เหตุดีผลก็ต้องดีเป็นแน่แท้ (ปลูกถั่วได้ถั่ว คงไม่เป็นข้าว) เป็นกฎแห่งกรรมครับ
2. เมื่อลงทุนถูกต้องจนพบอิสรภาพทางการเงินแล้ว จะได้มีเวลาศึกษาธรรมะและปฏิบัติมากขึ้น
3. การวางแผนล่วงหน้ามีชีวิตคู่ แต่ไม่จำเป็นต้องมีทายาท เพราะลูกคนอื่นก็เหมือนลูกของเรา ใครลำบากก็อุปถัมภ์กันไป
4. ผลตอบแทนที่ได้ แบ่งสรรไปใช้ส่วนตัว ดูแลบุพการี,ท่านที่อยู่สูงขึ้นไป และก็แบ่งเงินเพื่ออุปถัมภ์เด็กด้อยโอกาสที่ยังมีมากอยู่ในสังคม
ยังมีหลายข้อที่เป็นสิ่งที่ผมอยากหยุดเวลา เพื่อเก็บเกี่ยวให้หมด แต่ก็เก็บได้เท่าที่มีความสามารถ สุดท้าย ในบทสนทนาผมไม่พบว่าพี่เขาต้องการเป็นคนรวยที่สุด และเป็นคนดีที่สุด พี่คือ ผู้มีศีลมีธรรมในร่างมนุษย์ธรรมดาดี ๆ นี่เอง แต่มีคุณธรรมสูงส่งเกินกว่าที่ผมจะบรรยายมาได้หมดครับ ขอแสดงความนับถือและขอบคุณพี่มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 197
อ่านที่พี่ koko8889 เขียนแล้วก็นึกถึงเรื่องการทำทานกับเนื้อนาบุญขึ้นมา
จริงๆ แล้วคนที่จิตใจดี ประเสริฐแบบนี้แหละเรียกได้ว่าเป็นเนื้อนาบุญได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบของพระภิกษุเท่านั้น คนที่จิตใจแบบนี้จะสร้างประโยชน์ให้กับโลกได้มาก
คนประเภทนี้ ถ้ามีโอกาสเหมาะสมที่จะได้เจอ ผมและภรรยามักจะหาโอกาสทำทาน ซื้อขนมไปฝาก เลี้ยงข้าว เลี้ยงน้ำ ช่วยเหลือ รับใช้ ร่วมบุญไปกับเค้า ตามความเหมาะสม ซึ่งการได้ทำทานกับคนที่จิตสูงเหล่านี้ อานิสงส์มากเช่นกัน
จริงๆ แล้วคนที่จิตใจดี ประเสริฐแบบนี้แหละเรียกได้ว่าเป็นเนื้อนาบุญได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบของพระภิกษุเท่านั้น คนที่จิตใจแบบนี้จะสร้างประโยชน์ให้กับโลกได้มาก
คนประเภทนี้ ถ้ามีโอกาสเหมาะสมที่จะได้เจอ ผมและภรรยามักจะหาโอกาสทำทาน ซื้อขนมไปฝาก เลี้ยงข้าว เลี้ยงน้ำ ช่วยเหลือ รับใช้ ร่วมบุญไปกับเค้า ตามความเหมาะสม ซึ่งการได้ทำทานกับคนที่จิตสูงเหล่านี้ อานิสงส์มากเช่นกัน
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 198
เดาว่าวีไอสายดำท่านนั้น คือ พี่คนขายของkoko8889 เขียน:ผมอยากแชร์เรื่องการลงทุนแบบวีไอกับเส้นทางธรรม ที่ได้รับประสบการณ์โดยตรง ครับ
ผมโชคดีมากที่ได้รับเกียรติจากวีไอสายดำท่านหนึ่ง ซึ่งให้เกียรติสนทนาเรื่องการลงทุนและเปิดโลกทรรศน์การลงทุนของผมอย่างมีค่ายิ่ง ทำให้เป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำไม่รู้ลืม
ผมขออนุญาตโพสต์เฉพาะหัวข้อการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับธรรมะครับ
1. การลงทุนแบบวีไอเหมือนคำสอนพุทธศาสนา คือ เหตุดีผลก็ต้องดีเป็นแน่แท้ (ปลูกถั่วได้ถั่ว คงไม่เป็นข้าว) เป็นกฎแห่งกรรมครับ
2. เมื่อลงทุนถูกต้องจนพบอิสรภาพทางการเงินแล้ว จะได้มีเวลาศึกษาธรรมะและปฏิบัติมากขึ้น
3. การวางแผนล่วงหน้ามีชีวิตคู่ แต่ไม่จำเป็นต้องมีทายาท เพราะลูกคนอื่นก็เหมือนลูกของเรา ใครลำบากก็อุปถัมภ์กันไป
4. ผลตอบแทนที่ได้ แบ่งสรรไปใช้ส่วนตัว ดูแลบุพการี,ท่านที่อยู่สูงขึ้นไป และก็แบ่งเงินเพื่ออุปถัมภ์เด็กด้อยโอกาสที่ยังมีมากอยู่ในสังคม
ยังมีหลายข้อที่เป็นสิ่งที่ผมอยากหยุดเวลา เพื่อเก็บเกี่ยวให้หมด แต่ก็เก็บได้เท่าที่มีความสามารถ สุดท้าย ในบทสนทนาผมไม่พบว่าพี่เขาต้องการเป็นคนรวยที่สุด และเป็นคนดีที่สุด พี่คือ ผู้มีศีลมีธรรมในร่างมนุษย์ธรรมดาดี ๆ นี่เอง แต่มีคุณธรรมสูงส่งเกินกว่าที่ผมจะบรรยายมาได้หมดครับ ขอแสดงความนับถือและขอบคุณพี่มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
-
- Verified User
- โพสต์: 39
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 199
คุณ oatty ครับ ถ้าการเดาของคุณทำให้อัตตาใหญ่ขึ้น ผมไม่เห็นด้วยครับ เพราะอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้
แต่ถ้าสิ่งที่ผมแชร์แล้วคุณได้ประโยชน์จากสิ่งนั้น ผมขออนุโมทนาในบุญ
ถ้าสิ่งที่ผมเขียนกระทบจิตใจคุณไปทางลบ ก็ขออโหสิกรรมด้วย
แต่ถ้าสิ่งที่ผมแชร์แล้วคุณได้ประโยชน์จากสิ่งนั้น ผมขออนุโมทนาในบุญ
ถ้าสิ่งที่ผมเขียนกระทบจิตใจคุณไปทางลบ ก็ขออโหสิกรรมด้วย
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 200
ผมก็แค่เดาไปงั้นแหละครับ ไม่รู้หรอกว่าทำให้อัตตาใหญ่ขึ้นหรือเล็กลง
และไม่มีอะไรมากระทบกับจิตใจผมหรอก แค่ตามอ่านโพสต์แต่ละท่านก็ได้ประโยชน์ล้นเหลือแล้ว
และไม่มีอะไรมากระทบกับจิตใจผมหรอก แค่ตามอ่านโพสต์แต่ละท่านก็ได้ประโยชน์ล้นเหลือแล้ว
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 76
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 201
เห็นที่นี้คุยเรื่องธรรมะกันลองอ่านๆดูแล้วก็ยังงงๆ
เลยอยากจะถามว่า จริงๆแล้ว
"คำสอนของศาสนาพุทธ คืออะไรหรอครับ"
ขอสั้นๆนะครับ อยากได้แก่นจริงๆ
เลยอยากจะถามว่า จริงๆแล้ว
"คำสอนของศาสนาพุทธ คืออะไรหรอครับ"
ขอสั้นๆนะครับ อยากได้แก่นจริงๆ
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 202
เป้าของพุทธ คือ ความพ้นทุกข์Richdollar เขียน:เห็นที่นี้คุยเรื่องธรรมะกันลองอ่านๆดูแล้วก็ยังงงๆ
เลยอยากจะถามว่า จริงๆแล้ว
"คำสอนของศาสนาพุทธ คืออะไรหรอครับ"
ขอสั้นๆนะครับ อยากได้แก่นจริงๆ
แก่นของพุทธ คือ อริยสัจ 4
หนทางสู่ความดับทุกข์ คือ มรรค 8
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 203
พอดีไปวัดป่านานาชาติมา จะมาโพสต์เล่าก็ลืม มาเจอคำถามนี้ เลยเอาภาพนี้มาฝาก มีคำตอบอยู่แล้ว
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 204
อีกภาพหนึ่งครับ....
พื้นฐานการดำรงชีวิต เหมือนกันลงทุนต้องดูบริษัทที่พื้นฐาน
และก็เตือนไม่ให้อยากมั้ง...
พื้นฐานการดำรงชีวิต เหมือนกันลงทุนต้องดูบริษัทที่พื้นฐาน
และก็เตือนไม่ให้อยากมั้ง...
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 205
ผมว่าแก่นพุทธศาสนา อยู่ในคำสอนแรกที่พระพุทธองค์ ท่านสอนRichdollar เขียน:เห็นที่นี้คุยเรื่องธรรมะกันลองอ่านๆดูแล้วก็ยังงงๆ
เลยอยากจะถามว่า จริงๆแล้ว
"คำสอนของศาสนาพุทธ คืออะไรหรอครับ"
ขอสั้นๆนะครับ อยากได้แก่นจริงๆ
ส่วนคำสอนที่เหลือของท่าน นอกจากนั้นผมว่าเป็นส่วนเสริมทั้งหมดครับ
คำสอนแรกนั้นคือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ปฐมเทศนา
ซึ่งสอนไม่ให้ทำสองอย่างคือ กามสุขัลลิกานุโยค และ อัตตกิลมถานุโยค
ให้ทำหนึ่งอย่างคือ มัชฌิมาปฏิปทา ซึ่งคือทำมรรค
แล้วก็ขยายบอกความจริงเรื่อง อริยสัจ 4 ซึ่งก็คือ
ทุกข์ คือ การต้องเกิด แล้วต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย เกิดทุกข์กายทุกข์ใจ วนไปวนมาไม่ที่สิ้นสุด
สมุทัย คือ เหตุแห่งทุกข์
กามตัณหา อยากได้อยากมีในสิ่งที่ยังไม่มีทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ
ภวตัณหา อยากให้สิ่งที่มีทางหูจมูกลิ้นกายใจแล้วให้ยั่งยืนต่อไป
วิภวตัณหา ไม่อยากให้สิ่งที่มีทางหูจมูกลิ้นกายใจ ให้หายไป
นิโรธ คือความดับทุกข์ คือการปล่อยวางตัณหาไปอย่างสิ้นเชิง
มรรค ก็วิธีที่จะปฏิบัติให้ดับทุกข์ให้ได้ ให้ทำอย่างเดียวนี่แหละ
สั้นๆ ก็แค่นี้ครับ เข้าใจแค่นี้ก็จบครับ หมดแล้วพุทธศาสนามีแค่นี้แหละ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 206
คำสอนของพระพุทธเจ้า ก็คือ หลักธรรมชาติทั่วๆไปครับ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป หมุนเวียนกันไปอยู่อย่างนั้น ไม่จบสิ้นRichdollar เขียน:เห็นที่นี้คุยเรื่องธรรมะกันลองอ่านๆดูแล้วก็ยังงงๆ
เลยอยากจะถามว่า จริงๆแล้ว
"คำสอนของศาสนาพุทธ คืออะไรหรอครับ"
ขอสั้นๆนะครับ อยากได้แก่นจริงๆ
ขอยกพระคาถาบทหนึ่ง ดังความว่า
พระพุทธเจ้าจึงทรงปฏิญาณ พระองค์ว่า “เราไม่ได้ฟังมาแต่ใคร มิได้เรียนมาแต่ใคร เพราะของเหล่านี้มีอยู่ มีมาแต่ก่อนพระองค์ “ดังนี้ ได้ความว่าธรรมดาธาตุทั้งหลายย่อมเป็นย่อมมีอยู่อย่างนั้น อาศัยจิตปรุงแต่ง ทำให้เราหลงในสังขารนี้ จนต้องเวียน ว่ายตายเกิด เพื่อมาเกาะบนธาตุของโลกอยู่เรื่อยไป
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 443
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 207
ที่เราเข้าใจนะRichdollar เขียน:เห็นที่นี้คุยเรื่องธรรมะกันลองอ่านๆดูแล้วก็ยังงงๆ
เลยอยากจะถามว่า จริงๆแล้ว
"คำสอนของศาสนาพุทธ คืออะไรหรอครับ"
ขอสั้นๆนะครับ อยากได้แก่นจริงๆ
"พระพุทธเจ้าปลุกให้เราตื่นแล้วบอกความจริงว่า ไม่มีตัวเราในร่างกายนี้"
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 208
เห็นที่นี้คุยเรื่องธรรมะกันลองอ่านๆดูแล้วก็ยังงงๆ
เลยอยากจะถามว่า จริงๆแล้ว
"คำสอนของศาสนาพุทธ คืออะไรหรอครับ"
ขอสั้นๆนะครับ อยากได้แก่นจริงๆ
หากสรุปจากท่านพุทธทาส
แก่นพุทธศาสน์ ก็น่าจะเป็น
สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 210
เด็กใหม่ไฟแรง เขียน:เห็นที่นี้คุยเรื่องธรรมะกันลองอ่านๆดูแล้วก็ยังงงๆ
เลยอยากจะถามว่า จริงๆแล้ว
"คำสอนของศาสนาพุทธ คืออะไรหรอครับ"
ขอสั้นๆนะครับ อยากได้แก่นจริงๆ
หากสรุปจากท่านพุทธทาส
แก่นพุทธศาสน์ ก็น่าจะเป็น
สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น