การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 1
ในความคิดผม ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้คนที่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นและเป็นสิ่งที่ยากสำหรับผม และนักลงทุนทั่วไป คือการถือหุ้นและอยู่นิ่งๆโดยที่ไม่หวั่นไหวต่อการขึ้นลงของตลาด
ผมอยากทราบว่า คนที่ประสบความสำเร็จ เขาคิดยังไง ทำใจยังไง ทำไมถึงอดทนได้มากกว่าคนส่วนใหญ่ในตลาด เขามองเห็นอะไร หรือมีความลับอะไรบางอย่างที่คนทั่วไปยังไม่เข้าใจ รบกวนด้วยครับ
สิ่งที่ผมเข้าใจ
ซื้อกิจการที่ดี ในราคาที่เหมาะสม แล้วถือจนราคาสะท้อนมูลค่า
มองที่ตัวกิจการ ไม่ใช่ราคา ถ้าตลาดหุ้นตก แต่เราซื้อไม่แพง อนาคตกิจการดี ก็ถือต่อ
ในระยะยาว จากอดีตถือปัจจุบัน ก็เป็นที่ประจักแล้วว่าในระยะยาวกิจการที่ดีก็จะกลับมาได้
แต่ทำไมคนส่วนใหญ่จึงทำไม่ได้ คนส่วนน้อยมีอะไรที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ครับ
ขอเคล็ดลับทีครับ
ผมอยากทราบว่า คนที่ประสบความสำเร็จ เขาคิดยังไง ทำใจยังไง ทำไมถึงอดทนได้มากกว่าคนส่วนใหญ่ในตลาด เขามองเห็นอะไร หรือมีความลับอะไรบางอย่างที่คนทั่วไปยังไม่เข้าใจ รบกวนด้วยครับ
สิ่งที่ผมเข้าใจ
ซื้อกิจการที่ดี ในราคาที่เหมาะสม แล้วถือจนราคาสะท้อนมูลค่า
มองที่ตัวกิจการ ไม่ใช่ราคา ถ้าตลาดหุ้นตก แต่เราซื้อไม่แพง อนาคตกิจการดี ก็ถือต่อ
ในระยะยาว จากอดีตถือปัจจุบัน ก็เป็นที่ประจักแล้วว่าในระยะยาวกิจการที่ดีก็จะกลับมาได้
แต่ทำไมคนส่วนใหญ่จึงทำไม่ได้ คนส่วนน้อยมีอะไรที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ครับ
ขอเคล็ดลับทีครับ
- << New >>
- Verified User
- โพสต์: 1147
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 2
บางครั้งสิ่งที่ยากสุดๆของการเป็น VI ไม่ใช่การทำ valuation หามูลค่าที่แท้จริง แต่คือการนั่งอยู่เฉยๆรอตังเข้ากระเป๋าเรา
การนั่งรอตังเข้ามาหาเรายากแค่ไหน? นอกจากVI แล้วมีใครทำแบบนี้ได้อีกมั้ย? ต้องเป็นคนวิเศษ หรือมีความสามารถอะไรรึเปล่า ?
ที่จริงมีคนจำนวนมากทำได้และก็ทำได้ไม่ใช่เพราะว่ามันยากแต่กลับกันคือเค้าคงมองว่ามันง่าย ง่ายกว่าอาชีพอื่นเยอะมาก
เลยมีคนนั่งรอตังตามฟุตบาท หรือตามใต้สะพานลอยให้เห็นไงครับ
ปล. ความยากของการนั่งอยู่เฉยๆรอตังคือ ระหว่างรอต้องเข้ากระเป๋าเรา เราต้องเห็นตังเข้ากระเป๋าคนอื่นไปเรื่อยๆก่อน
การนั่งรอตังเข้ามาหาเรายากแค่ไหน? นอกจากVI แล้วมีใครทำแบบนี้ได้อีกมั้ย? ต้องเป็นคนวิเศษ หรือมีความสามารถอะไรรึเปล่า ?
ที่จริงมีคนจำนวนมากทำได้และก็ทำได้ไม่ใช่เพราะว่ามันยากแต่กลับกันคือเค้าคงมองว่ามันง่าย ง่ายกว่าอาชีพอื่นเยอะมาก
เลยมีคนนั่งรอตังตามฟุตบาท หรือตามใต้สะพานลอยให้เห็นไงครับ
ปล. ความยากของการนั่งอยู่เฉยๆรอตังคือ ระหว่างรอต้องเข้ากระเป๋าเรา เราต้องเห็นตังเข้ากระเป๋าคนอื่นไปเรื่อยๆก่อน
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 3
ผมไม่เก่งน๊ะครับ
และแม้ว่าการถือหุ้นนานสำหรับผมแล้ว จะไม่ใช่หลักการสำคัญเท่าถือหุ้นที่ถูกกว่ามูลค่าที่ประเมินได้
แต่ผมคิดว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ถือหุ้นดีๆรอเฉยๆได้นานพอดูเหมือนกันครับ
ที่ถือได้นานนอกจากทัศนคติ ผมว่าผมคงไม่ได้มีอะไรพิสดารหรือมองเห็นอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ
ก็คงคล้ายๆ พี่จขกท.ที่ว่า ต้องถือหุ้นที่เราเข้าใจและประเมินมูลค่าออกแค่นั้นแหละครับ
นอกจากนั้น ระหว่างที่ถือผมมักจะรู้สึกภูมิใจกับกิจการที่ผมถืออยู่ เมื่อเจอคนที่ใช้สินค้าและบริการจากกิจการของเรา
เช่น...
>เมื่อเห็นคนเล่นเน๊ตผมก็จะดีใจและสนับสนุนเค้า
(เมื่อก่อนเห็นลูกน้องหรือเพื่อนๆในที่ทำงานเล่นเน๊ตเราจะมองเค้าแบบมีอคติ แต่พอถือหุ้นอินเตอร์เน๊ตความคิดเราเปลี่ยนไปเลยครับ)
>เจอใครนั่งเล่นสมาร์ทโฟนเราก็จะดีใจว่าเค้าใช้บริการจากกิจการของเรา
>ล่าสุดเคยรู้สึกอึดอัด/หงุดหงิดเมื่อเจอรถติด หรือเจอรถใหญ่บนท้องถนน แต่พอมาถือหุ้นค้าปลีกน้ำมันเดี๋ยวนี้ไปไหน
ก็ดีใจที่มีรถวิ่งบนท้องถนนเยอะๆ...
นอกจากความภูมิใจในกิจการแล้ว ระยะหลังผมเริ่มชอบและมีความสุขจากเงินปันผลที่จะได้รับแต่ละปีครับ
เมื่อจะมีปันผลก็เริ่มวางแผน(ฝันหวาน)ว่าจะเอาไปซื้อหุ้นตัวไหนหรือเอาไปทำอะไรในสิ่งที่เราอยากทำดี
ผมว่าถ้าสำหรับผมที่ถือหุ้นได้นาน
น่าจะเพราะผมมีความสุขจากการถือหุ้น และการติดตามเฝ้าดูการเติบโตของกิจการนี่แหละครับ
และแม้ว่าการถือหุ้นนานสำหรับผมแล้ว จะไม่ใช่หลักการสำคัญเท่าถือหุ้นที่ถูกกว่ามูลค่าที่ประเมินได้
แต่ผมคิดว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ถือหุ้นดีๆรอเฉยๆได้นานพอดูเหมือนกันครับ
ที่ถือได้นานนอกจากทัศนคติ ผมว่าผมคงไม่ได้มีอะไรพิสดารหรือมองเห็นอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ
ก็คงคล้ายๆ พี่จขกท.ที่ว่า ต้องถือหุ้นที่เราเข้าใจและประเมินมูลค่าออกแค่นั้นแหละครับ
นอกจากนั้น ระหว่างที่ถือผมมักจะรู้สึกภูมิใจกับกิจการที่ผมถืออยู่ เมื่อเจอคนที่ใช้สินค้าและบริการจากกิจการของเรา
เช่น...
>เมื่อเห็นคนเล่นเน๊ตผมก็จะดีใจและสนับสนุนเค้า
(เมื่อก่อนเห็นลูกน้องหรือเพื่อนๆในที่ทำงานเล่นเน๊ตเราจะมองเค้าแบบมีอคติ แต่พอถือหุ้นอินเตอร์เน๊ตความคิดเราเปลี่ยนไปเลยครับ)
>เจอใครนั่งเล่นสมาร์ทโฟนเราก็จะดีใจว่าเค้าใช้บริการจากกิจการของเรา
>ล่าสุดเคยรู้สึกอึดอัด/หงุดหงิดเมื่อเจอรถติด หรือเจอรถใหญ่บนท้องถนน แต่พอมาถือหุ้นค้าปลีกน้ำมันเดี๋ยวนี้ไปไหน
ก็ดีใจที่มีรถวิ่งบนท้องถนนเยอะๆ...
นอกจากความภูมิใจในกิจการแล้ว ระยะหลังผมเริ่มชอบและมีความสุขจากเงินปันผลที่จะได้รับแต่ละปีครับ
เมื่อจะมีปันผลก็เริ่มวางแผน(ฝันหวาน)ว่าจะเอาไปซื้อหุ้นตัวไหนหรือเอาไปทำอะไรในสิ่งที่เราอยากทำดี
ผมว่าถ้าสำหรับผมที่ถือหุ้นได้นาน
น่าจะเพราะผมมีความสุขจากการถือหุ้น และการติดตามเฝ้าดูการเติบโตของกิจการนี่แหละครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 4
เพราะเรื่องเดียวครับ "แผนการ ไปสู่ เป้าหมาย"
ที่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้เพราะอาจไม่มีแผนการไปสู่เป้าหมายที่ชัดเจน
หรือไม่ได้วางแผนการอะไรเอาไว้เลยครับ
"การลงทุน คือแผนการ" อาจารย์ผมบอกไว้ครับ...^^)
ปล. และแผนการก็เป็นของแต่ละบุคคลด้วยครับ
คำถาม คือ "คุณลงทุน คุณมีแผนการที่ไปสู่เป้าหมายสุดท้ายหรือเปล่า"
หุหุหุ...^^)
ที่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้เพราะอาจไม่มีแผนการไปสู่เป้าหมายที่ชัดเจน
หรือไม่ได้วางแผนการอะไรเอาไว้เลยครับ
"การลงทุน คือแผนการ" อาจารย์ผมบอกไว้ครับ...^^)
ปล. และแผนการก็เป็นของแต่ละบุคคลด้วยครับ
คำถาม คือ "คุณลงทุน คุณมีแผนการที่ไปสู่เป้าหมายสุดท้ายหรือเปล่า"
หุหุหุ...^^)
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 5
แยกประเด็นก่อนครับทนหรือไม่ทนไม่เกี่ยวกันเลย ผมว่าการเป็นวีไอไม่ได้อยู่ที่การถือหุ้นนานหรือสั้นนะครับ เราเป็นนักลงทุนครับ
เราควรเลือกหุ้นที่ price ต่ำกว่า intrinsic value ครับ และเราควรหมั่นค้นหาหุ้นแบบนี้อย่างไม่หยุดหย่อนครับ
ในกรณีที่เราหาไม่เจอหรือเกินขอบเขตความสามารถของเรา เราก็อยู่เฉย ๆ ครับ ผมก็นั่งทับมืออยู่บ่อยมันเป็นยุทธวิธีหนึ่งยามที่ผมหาไม่เจอ (ซึ่งแน่นอนคนอื่นเค้าอาจเจอก็ได้) แต่ผมหาไม่เจอแต่ไม่ต้องทนครับ
ถ้าได้หุ้นเน่า ๆ จะทนถือทำไมแยกประเด็นนะครับ
เราควรเลือกหุ้นที่ price ต่ำกว่า intrinsic value ครับ และเราควรหมั่นค้นหาหุ้นแบบนี้อย่างไม่หยุดหย่อนครับ
ในกรณีที่เราหาไม่เจอหรือเกินขอบเขตความสามารถของเรา เราก็อยู่เฉย ๆ ครับ ผมก็นั่งทับมืออยู่บ่อยมันเป็นยุทธวิธีหนึ่งยามที่ผมหาไม่เจอ (ซึ่งแน่นอนคนอื่นเค้าอาจเจอก็ได้) แต่ผมหาไม่เจอแต่ไม่ต้องทนครับ
ถ้าได้หุ้นเน่า ๆ จะทนถือทำไมแยกประเด็นนะครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 6
ถ้ารู้ว่า หุ้นตัวไหนจะขึ้นจะลง การอยู่นิ่ง คงไม่ใช่
กลยุทธดีสุด การซื้อขายทำรอบ ย่อมเป็นกลยุทธที่ดีกว่า
เพราะทำให้ turn over port สูง >>optimize return ได้สูงสุด
ประเด็นคือเราไม่รู้ จึงต้องหาวิธีอื่น
เพื่อมา ชดเชย สิ่งดังกล่าว
คือการหาส่วนต่างมูลค่า ที่มากพอ จะชดเชย
turn over ที่ลด
ในความเป็นจริง เราเองกลับสับสน ในหลักคิด
จะเอาทั้งส่วนต่างที่มาก และ turn over ที่สูง
ทั้งๆที่ความรู้ ไม่พอ ทำให้ switch หุ้นไปมา
โดยลืม basic พื้นฐาน ทางธรรมชาติ ของวิธีลงทุนตนเอง
ปล ที่เขียนมา มั่วคับ
กลยุทธดีสุด การซื้อขายทำรอบ ย่อมเป็นกลยุทธที่ดีกว่า
เพราะทำให้ turn over port สูง >>optimize return ได้สูงสุด
ประเด็นคือเราไม่รู้ จึงต้องหาวิธีอื่น
เพื่อมา ชดเชย สิ่งดังกล่าว
คือการหาส่วนต่างมูลค่า ที่มากพอ จะชดเชย
turn over ที่ลด
ในความเป็นจริง เราเองกลับสับสน ในหลักคิด
จะเอาทั้งส่วนต่างที่มาก และ turn over ที่สูง
ทั้งๆที่ความรู้ ไม่พอ ทำให้ switch หุ้นไปมา
โดยลืม basic พื้นฐาน ทางธรรมชาติ ของวิธีลงทุนตนเอง
ปล ที่เขียนมา มั่วคับ
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 2236
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 7
อยากกระทืบlikeให้สักล้านครั้ง<< New >> เขียน:บางครั้งสิ่งที่ยากสุดๆของการเป็น VI ไม่ใช่การทำ valuation หามูลค่าที่แท้จริง แต่คือการนั่งอยู่เฉยๆรอตังเข้ากระเป๋าเรา
การนั่งรอตังเข้ามาหาเรายากแค่ไหน? นอกจากVI แล้วมีใครทำแบบนี้ได้อีกมั้ย? ต้องเป็นคนวิเศษ หรือมีความสามารถอะไรรึเปล่า ?
ที่จริงมีคนจำนวนมากทำได้และก็ทำได้ไม่ใช่เพราะว่ามันยากแต่กลับกันคือเค้าคงมองว่ามันง่าย ง่ายกว่าอาชีพอื่นเยอะมาก
เลยมีคนนั่งรอตังตามฟุตบาท หรือตามใต้สะพานลอยให้เห็นไงครับ
ปล. ความยากของการนั่งอยู่เฉยๆรอตังคือ ระหว่างรอต้องเข้ากระเป๋าเรา เราต้องเห็นตังเข้ากระเป๋าคนอื่นไปเรื่อยๆก่อน
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 8
ของผมนี่การปฏิบัติธรรมเจริญสติปัฏฐาน 4 นี่ช่วยได้มากเลยครับ เมื่อเราเข้าใจและเท่าทันความเป็นไปของอารมณ์ในแต่ละขณะมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็จะไม่เป็นไปกับความโลภและความกลัวได้มากขึ้น เมื่อเราไม่เป็นไปกับความโลภและความกลัวได้มากขึ้น เราก็สามารถมองสิ่งต่างๆ ได้ตามความเป็นจริงมากขึ้น เมื่อเรามองสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริงได้มากขึ้น เราก็เห็นเหตุปัจจัยของสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น
ผลที่ตามมาทำให้เราเห็นถึงความเป็นธรรมดาของความไม่เที่ยงของราคา อารมณ์ของนักลงทุน ตลาด ในขณะที่เห็นเหตุปัจจัยของการดำเนินการของกิจการ ที่เป็นไป
เมื่อเห็นความขัดแย้งของความแปรปรวนของตลาด กับ ความเป็นจริงของกิจการ โดยที่เราไม่ถูกอารมณ์ของตลาดครอบงำ เราจึงเห็นโอกาสในการลงทุน และเห็นโอกาสจากการนั่งเฉยๆ หรือไปทำสิ่งอื่นๆ อย่างมีความสุข
ผลที่ตามมาทำให้เราเห็นถึงความเป็นธรรมดาของความไม่เที่ยงของราคา อารมณ์ของนักลงทุน ตลาด ในขณะที่เห็นเหตุปัจจัยของการดำเนินการของกิจการ ที่เป็นไป
เมื่อเห็นความขัดแย้งของความแปรปรวนของตลาด กับ ความเป็นจริงของกิจการ โดยที่เราไม่ถูกอารมณ์ของตลาดครอบงำ เราจึงเห็นโอกาสในการลงทุน และเห็นโอกาสจากการนั่งเฉยๆ หรือไปทำสิ่งอื่นๆ อย่างมีความสุข
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 9
ในความคิดผม ไอที่มันทำให้อยากซื้ออยากขาย นี่เป็นเพราะหุ้นมันสภาพคล้องสูงด้วยหรือป่าว
อย่างเพื่อนที่ลงทุนในอสังหาเขาสามารถถือยาวๆได้ แต่พอมาลงทุนหุ้นกลับกลายเป็นอีกนิสัยนึงเลย
ส่วนตัวผม
เป็นคนที่ไม่เก่งในเรื่องการหามูลค่าที่แท้จริงหรือต้องมานั้งตามข่าว
เลยลงทุนแบบบ้านๆโดยการ
ออมไว้หุ้นทุกๆเดือน โดยเลือกกิจการที่ดี ตอนนี่ซื้อ8ตัว และ เก็บเงินก้อนไว้ส่วนนึง
พยายามไปฟังสัมนา แนวคิดมุมมองของนักลงทุน มองเทรนใหญ่ๆ มองไปไกลๆในอนาคต กิจการตัวไหนจะดี จะเป็นผู้ชนะ
แล้วก็เลงๆไว้ พอตลาดหุ้นตกหนัก หรือมีเหตุการณ์พิเศษ เช่นเผาห้าง ก็นำเงินส่วนนั้นออกมาเก็บหุ้น
พี่ว่าวิธีการบ้านๆแบบนี่ โดยที่ไม่มีการมานั้งคำนวนมูลค่าที่แท้จริง ในระยะซัก5-10ปี จะประสบความสำเร็จได้ไหมครับ
อย่างเพื่อนที่ลงทุนในอสังหาเขาสามารถถือยาวๆได้ แต่พอมาลงทุนหุ้นกลับกลายเป็นอีกนิสัยนึงเลย
ส่วนตัวผม
เป็นคนที่ไม่เก่งในเรื่องการหามูลค่าที่แท้จริงหรือต้องมานั้งตามข่าว
เลยลงทุนแบบบ้านๆโดยการ
ออมไว้หุ้นทุกๆเดือน โดยเลือกกิจการที่ดี ตอนนี่ซื้อ8ตัว และ เก็บเงินก้อนไว้ส่วนนึง
พยายามไปฟังสัมนา แนวคิดมุมมองของนักลงทุน มองเทรนใหญ่ๆ มองไปไกลๆในอนาคต กิจการตัวไหนจะดี จะเป็นผู้ชนะ
แล้วก็เลงๆไว้ พอตลาดหุ้นตกหนัก หรือมีเหตุการณ์พิเศษ เช่นเผาห้าง ก็นำเงินส่วนนั้นออกมาเก็บหุ้น
พี่ว่าวิธีการบ้านๆแบบนี่ โดยที่ไม่มีการมานั้งคำนวนมูลค่าที่แท้จริง ในระยะซัก5-10ปี จะประสบความสำเร็จได้ไหมครับ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 10
ถ้าไม่ได้คำนวณ intrinsic value ของหุ้นก่อน แล้วถามว่าจะประสบความสำเร็จได้หรือไม่? ผม No Comment ครับ ก็คงต้องบอกว่าขอให้โชคดีครับthitaphat168 เขียน:ในความคิดผม ไอที่มันทำให้อยากซื้ออยากขาย นี่เป็นเพราะหุ้นมันสภาพคล้องสูงด้วยหรือป่าว
อย่างเพื่อนที่ลงทุนในอสังหาเขาสามารถถือยาวๆได้ แต่พอมาลงทุนหุ้นกลับกลายเป็นอีกนิสัยนึงเลย
ส่วนตัวผม
เป็นคนที่ไม่เก่งในเรื่องการหามูลค่าที่แท้จริงหรือต้องมานั้งตามข่าว
เลยลงทุนแบบบ้านๆโดยการ
ออมไว้หุ้นทุกๆเดือน โดยเลือกกิจการที่ดี ตอนนี่ซื้อ8ตัว และ เก็บเงินก้อนไว้ส่วนนึง
พยายามไปฟังสัมนา แนวคิดมุมมองของนักลงทุน มองเทรนใหญ่ๆ มองไปไกลๆในอนาคต กิจการตัวไหนจะดี จะเป็นผู้ชนะ
แล้วก็เลงๆไว้ พอตลาดหุ้นตกหนัก หรือมีเหตุการณ์พิเศษ เช่นเผาห้าง ก็นำเงินส่วนนั้นออกมาเก็บหุ้น
พี่ว่าวิธีการบ้านๆแบบนี่ โดยที่ไม่มีการมานั้งคำนวนมูลค่าที่แท้จริง ในระยะซัก5-10ปี จะประสบความสำเร็จได้ไหมครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- Linzhi
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1522
- ผู้ติดตาม: 1
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 11
มีคนบอกว่าออกกำลังกายทุกวัน สุขภาพแข็งแรง ทำได้กี่คน
บางทีรู้ว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่เราก็ทำไม่ได้ บ่อยครั้งไป
ไม่ว่าจะเป็น valuation หรืออะไรก็แล้วแต่
ถ้ารู้ว่าดี ก็ต้องศึกษาและทำให้ได้ครับ นี่คือสิ่งธรรมดาที่คนทั่วไปทำไม่ได้ครับ
บางทีรู้ว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่เราก็ทำไม่ได้ บ่อยครั้งไป
ไม่ว่าจะเป็น valuation หรืออะไรก็แล้วแต่
ถ้ารู้ว่าดี ก็ต้องศึกษาและทำให้ได้ครับ นี่คือสิ่งธรรมดาที่คนทั่วไปทำไม่ได้ครับ
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
-
- Verified User
- โพสต์: 469
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 12
ราคา กับ มูลค่า เป็นคนละตัวกัน
จงมองไปที่มูลค่า แล้วซื้อในราคาที่เราพอใจ
คำว่าพื้นฐานเป็นสิ่งที่เปลี่ยนยากอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้น จงลงทุนในสิ่งที่คุณเข้าใจ
ปู่บอกว่า ถ้ามีไอเดียดีๆ ก็ทำ ไม่มีก็อยู่เฉยๆ
และไอเดียดีๆในการลงทุนคงไม่มาทุกวัน
นอกจากนั้น ก็อย่าไปอิจฉาชาวบ้านเขา
ให้ยินดีกับเขาไปดีกว่า ของผมก็ประมาณนี้
จงมองไปที่มูลค่า แล้วซื้อในราคาที่เราพอใจ
คำว่าพื้นฐานเป็นสิ่งที่เปลี่ยนยากอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้น จงลงทุนในสิ่งที่คุณเข้าใจ
ปู่บอกว่า ถ้ามีไอเดียดีๆ ก็ทำ ไม่มีก็อยู่เฉยๆ
และไอเดียดีๆในการลงทุนคงไม่มาทุกวัน
นอกจากนั้น ก็อย่าไปอิจฉาชาวบ้านเขา
ให้ยินดีกับเขาไปดีกว่า ของผมก็ประมาณนี้
Sixth Sense Investor
- Pyrostrikes
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1000
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 14
ขนาดผมคำนวนมูลค่าแล้ว ยังรู้สึกหวั่นไหวเลย
นอกจากการประเมินเชิงคุณภาพ แล้วต้องประเมินเชิงปริมาณด้วยนะครับ ไม่งั๊นเราจะไม่รู้สุขภาพของบริษัทที่เราสนใจลงทุน
นอกจากการประเมินเชิงคุณภาพ แล้วต้องประเมินเชิงปริมาณด้วยนะครับ ไม่งั๊นเราจะไม่รู้สุขภาพของบริษัทที่เราสนใจลงทุน
thitaphat168 เขียน:ในความคิดผม ไอที่มันทำให้อยากซื้ออยากขาย นี่เป็นเพราะหุ้นมันสภาพคล้องสูงด้วยหรือป่าว
อย่างเพื่อนที่ลงทุนในอสังหาเขาสามารถถือยาวๆได้ แต่พอมาลงทุนหุ้นกลับกลายเป็นอีกนิสัยนึงเลย
ส่วนตัวผม
เป็นคนที่ไม่เก่งในเรื่องการหามูลค่าที่แท้จริงหรือต้องมานั้งตามข่าว
เลยลงทุนแบบบ้านๆโดยการ
ออมไว้หุ้นทุกๆเดือน โดยเลือกกิจการที่ดี ตอนนี่ซื้อ8ตัว และ เก็บเงินก้อนไว้ส่วนนึง
พยายามไปฟังสัมนา แนวคิดมุมมองของนักลงทุน มองเทรนใหญ่ๆ มองไปไกลๆในอนาคต กิจการตัวไหนจะดี จะเป็นผู้ชนะ
แล้วก็เลงๆไว้ พอตลาดหุ้นตกหนัก หรือมีเหตุการณ์พิเศษ เช่นเผาห้าง ก็นำเงินส่วนนั้นออกมาเก็บหุ้น
พี่ว่าวิธีการบ้านๆแบบนี่ โดยที่ไม่มีการมานั้งคำนวนมูลค่าที่แท้จริง ในระยะซัก5-10ปี จะประสบความสำเร็จได้ไหมครับ
Nothing comes for free...
-
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 15
ผมคงจะแนะนำอะไรให้ไม่ได้มาก เพราะยังไปมือใหม่อยู่ครับ (ลงทุนได้ 2 ปีเอง)
แต่ก็จะแชร์ประสบการณ์สั้นๆของผมก็แล้วกันครับ
จริงๆการอยู่เฉยๆ ในตลาดหุ้น สำหรับผมก็กือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุดเหมือนกัน แต่นั้นก็เป็นเพราะเราเอาแต่มองที่
ราคาหุ้น ตัวราคาหุ้นมันจะพยายามยั่วให้เรา take action กับมัน (จริงก็เหมือนกับนายตลาดนั้นแหละครับ)
ซึ่งยิ่งเรามองมันมากเท่าไร เรายิ่งอยู่นิ่งได้ยากเท่านั้น ยกเว้น ปลงแล้ว เห็นความไม่เที่ยงของราคาแล้ว
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมยังไม่ถึงขึ้นนั้น แล้วผมทำยังไงนะหรือครับ ผมก็จะพยายามมองที่ตัวกิจการของบริษัท
มองที่พื้นฐานของบริษัท แทนที่จะคิดถึงราคาหุ้นในอีกหนึ่งนาที หรือ 10 วันข้างหน้า ผมมักจะนึกถึงกิจการของบริษัทในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ถ้าภาพยังดูดี ยังชัดอยู่ ก็ไม่ต้องไปกังวลอะไร ง่ายที่สุดก็คือไม่ต้องไปดูมันบ่อยหรอกครับ ไอราคาหุ้นนะ เอาเวลาไปดูกิจการของเราดีกว่า เหมือนกับคำกล่าวของใครซักคนที่ว่า
"อยู่ให้ห่างตลาดหุ้น แล้วคุณจะเข้าใจธุรกิจ"
ปล. หวังว่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
แต่ก็จะแชร์ประสบการณ์สั้นๆของผมก็แล้วกันครับ
จริงๆการอยู่เฉยๆ ในตลาดหุ้น สำหรับผมก็กือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุดเหมือนกัน แต่นั้นก็เป็นเพราะเราเอาแต่มองที่
ราคาหุ้น ตัวราคาหุ้นมันจะพยายามยั่วให้เรา take action กับมัน (จริงก็เหมือนกับนายตลาดนั้นแหละครับ)
ซึ่งยิ่งเรามองมันมากเท่าไร เรายิ่งอยู่นิ่งได้ยากเท่านั้น ยกเว้น ปลงแล้ว เห็นความไม่เที่ยงของราคาแล้ว
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมยังไม่ถึงขึ้นนั้น แล้วผมทำยังไงนะหรือครับ ผมก็จะพยายามมองที่ตัวกิจการของบริษัท
มองที่พื้นฐานของบริษัท แทนที่จะคิดถึงราคาหุ้นในอีกหนึ่งนาที หรือ 10 วันข้างหน้า ผมมักจะนึกถึงกิจการของบริษัทในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ถ้าภาพยังดูดี ยังชัดอยู่ ก็ไม่ต้องไปกังวลอะไร ง่ายที่สุดก็คือไม่ต้องไปดูมันบ่อยหรอกครับ ไอราคาหุ้นนะ เอาเวลาไปดูกิจการของเราดีกว่า เหมือนกับคำกล่าวของใครซักคนที่ว่า
"อยู่ให้ห่างตลาดหุ้น แล้วคุณจะเข้าใจธุรกิจ"
ปล. หวังว่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
"ผมไม่ได้ลงทุนในหุ้นเพียงเพราะว่าผมต้องการเงินมากมาย
แต่มันเป็นความสนุกในการค้นหาบริษัทชั้นเยี่ยม
เฝ้าดูมันเติบโต และทำเงินให้เรา"
"เบื้องหลังของด้านหลัง ก็คือ ด้านหน้า"
แต่มันเป็นความสนุกในการค้นหาบริษัทชั้นเยี่ยม
เฝ้าดูมันเติบโต และทำเงินให้เรา"
"เบื้องหลังของด้านหลัง ก็คือ ด้านหน้า"
-
- Verified User
- โพสต์: 513
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 16
ถ้าครบ5ปีแล้ว รบกวนคุณthitaphat168ช่วยแจ้งผลการลงทุนด้วยได้ไหมครับthitaphat168 เขียน:ในความคิดผม ไอที่มันทำให้อยากซื้ออยากขาย นี่เป็นเพราะหุ้นมันสภาพคล้องสูงด้วยหรือป่าว
อย่างเพื่อนที่ลงทุนในอสังหาเขาสามารถถือยาวๆได้ แต่พอมาลงทุนหุ้นกลับกลายเป็นอีกนิสัยนึงเลย
ส่วนตัวผม
เป็นคนที่ไม่เก่งในเรื่องการหามูลค่าที่แท้จริงหรือต้องมานั้งตามข่าว
เลยลงทุนแบบบ้านๆโดยการ
ออมไว้หุ้นทุกๆเดือน โดยเลือกกิจการที่ดี ตอนนี่ซื้อ8ตัว และ เก็บเงินก้อนไว้ส่วนนึง
พยายามไปฟังสัมนา แนวคิดมุมมองของนักลงทุน มองเทรนใหญ่ๆ มองไปไกลๆในอนาคต กิจการตัวไหนจะดี จะเป็นผู้ชนะ
แล้วก็เลงๆไว้ พอตลาดหุ้นตกหนัก หรือมีเหตุการณ์พิเศษ เช่นเผาห้าง ก็นำเงินส่วนนั้นออกมาเก็บหุ้น
พี่ว่าวิธีการบ้านๆแบบนี่ โดยที่ไม่มีการมานั้งคำนวนมูลค่าที่แท้จริง ในระยะซัก5-10ปี จะประสบความสำเร็จได้ไหมครับ
ผมขอทายผลล่วงหน้าว่าคุณthitaphatจะชนะตลาดขาดลอยด้วยวิธีการบ้านๆนี่แหละครับ
ได้เวลาเหล่าอินทรีย์ ผงาดบนฟากฟ้า
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 1
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 18
เอาจากส่วนตัวที่เคยทำได้นะครับ ผมคิดว่ามันต้องมีความพร้อมในตัวเราเองก่อน ในการถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งให้ยาวนาน ปัจจัยในความพร้อม น่าจะมีประมาณนี้ครับ
- เงินที่เราลงทุนของเรา ต้องเป็นเงินที่เย็น เย็นในที่นี้คือ ไม่มีความจำเป็นต้องขายหุ้น เพื่อนำมาใช้จ่ายไม่ว่าในกรณีใด ๆ อย่างน้อย 1-2 ปีขึ้นไป ถ้าให้ดี 3-5 ปียิ่งดี
- พร้อมในความรู้ และความมั่นใจของเรา กิจการที่เราเลือกลงทุน เราต้องพอจะมั่นใจได้ ว่าเป็นกิจการที่ดี มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ถ้าเป็น megatrend ด้วยก็ยิ่งดี เพราะยังไงซะ trend ที่ว่านี้ก็ต้องมาถึง และกิจการเราจะได้ประโยชน์ ถือแล้วพอจะมั่นใจได้ว่า อีก 3 ปี 5 ปี กิจการจะดีกว่าวันนี้ กำไรในปีต่อ ๆ ไป จะดีกว่ากำไรที่เราเห็นในวันนี้ อันนี้จะเป็นตัวที่ทำให้เรามั่นใจ และกล้าถือกิจการนั้น ๆ ในระยะเวลายาวนานครับ
- บางทีการที่เราตั้งใจจะถือหุ้นให้ยาว แต่ด้วยเหตุการณ์ที่มากระทบหลาย ๆ อย่าง อาจบีบคั้นเราให้เราอยากขายหุ้น การดูจอบ่อย ๆ ก็เป็นส่วนนึงที่ทำให้เราหวั่นไหวได้ง่าย การดูจอน้อยลง ดูตลาดน้อยลงน่าจะช่วยได้เหมือนกันครับ
- ถือหุ้นที่มีปันผลที่ดีกว่าการฝากออมทรัพย์ ก็น่าจะทำให้เราใจชื้นขึ้น ถ้าหากหุ้นที่เราถืออยู่ เกิดมีปัญหาในระยะสั้น ทำให้ผลอาจไม่เป็นอย่างที่เราคาดหวัง อย่างน้อยปีนั้นก็พอมีปันผลกินครับ ยังดีกว่าคนภายนอกที่ไม่ได้รู้จักตลาดหุ้นเลย บางคนได้แต่ฝากแบงค์อย่างเดียว
- ซื้อหุ้นในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป ถือหุ้นไปซักพัก ถ้าเป็นไปตามแผนการณ์ ราคาหุ้นจะขึ้นมา ทำให้ง่ายต่อการถือมากขึ้น เหมือนเป็นจิตวิทยา คนเราไม่ชอบการขาดทุน ถ้าเราเริ่มกำไรได้หลายสิบ หลายร้อย% แล้ว การถือหุ้นยาวจะง่ายขึ้นมากครับ ราคาลงไปหลาย % ยังเฉย ๆ อันนี้เป็นข้อได้เปรียบของคนถือหุ้นมานาน และมีต้นทุนที่ต่ำครับ (บางคนว่าให้ลืมต้นทุน แต่ถ้าลืมไม่ได้ วิธีนี้พอจะช่วยได้ครับ)
- หุ้นที่ผมถืออยู่บางตัว ไม่ค่อยมีสภาพคล่อง บางทีเราถืออยู่ในสัดส่วนที่เยอะ จะออกก็ลำบาก ตรงนี้เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ถ้าหุ้นที่เราถืออยู่เป็นหุ้นที่ดี และมีความสามารถในการแข่งขัน และเป็นหุ้นที่มีอนาคตดี บางทีข้อจำกัดเรื่องสภาพคล่อง อาจเป็นผลดีให้เราอยู่ในหุ้นตัวนั้นได้นานก็ได้ เหมือนเป็นการแกมบังคับเราเองไปในตัว แต่วิธีการนี้ก็มีความเสี่ยงอยู่มากครับ
- การทำใจ และปล่อยวาง ก็อาจทำให้ช่วยได้บ้างครับ บางทีซีเรียสกับการขึ้นลงของราคามาก เร่งผลตอบแทนเร็ว การเปรียบเทียบกับหุ้นตัวอื่น คนอื่น ๆ ก็ทำให้ใจเราเรรวนได้เหมือนกันครับ คาดหวังผลตอบแทนให้เหมาะสม และเป็นส่วนบุคคล น่าจะช่วยให้ถือหุ้นได้ยาวนานขึ้นครับ
- เงินที่เราลงทุนของเรา ต้องเป็นเงินที่เย็น เย็นในที่นี้คือ ไม่มีความจำเป็นต้องขายหุ้น เพื่อนำมาใช้จ่ายไม่ว่าในกรณีใด ๆ อย่างน้อย 1-2 ปีขึ้นไป ถ้าให้ดี 3-5 ปียิ่งดี
- พร้อมในความรู้ และความมั่นใจของเรา กิจการที่เราเลือกลงทุน เราต้องพอจะมั่นใจได้ ว่าเป็นกิจการที่ดี มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ถ้าเป็น megatrend ด้วยก็ยิ่งดี เพราะยังไงซะ trend ที่ว่านี้ก็ต้องมาถึง และกิจการเราจะได้ประโยชน์ ถือแล้วพอจะมั่นใจได้ว่า อีก 3 ปี 5 ปี กิจการจะดีกว่าวันนี้ กำไรในปีต่อ ๆ ไป จะดีกว่ากำไรที่เราเห็นในวันนี้ อันนี้จะเป็นตัวที่ทำให้เรามั่นใจ และกล้าถือกิจการนั้น ๆ ในระยะเวลายาวนานครับ
- บางทีการที่เราตั้งใจจะถือหุ้นให้ยาว แต่ด้วยเหตุการณ์ที่มากระทบหลาย ๆ อย่าง อาจบีบคั้นเราให้เราอยากขายหุ้น การดูจอบ่อย ๆ ก็เป็นส่วนนึงที่ทำให้เราหวั่นไหวได้ง่าย การดูจอน้อยลง ดูตลาดน้อยลงน่าจะช่วยได้เหมือนกันครับ
- ถือหุ้นที่มีปันผลที่ดีกว่าการฝากออมทรัพย์ ก็น่าจะทำให้เราใจชื้นขึ้น ถ้าหากหุ้นที่เราถืออยู่ เกิดมีปัญหาในระยะสั้น ทำให้ผลอาจไม่เป็นอย่างที่เราคาดหวัง อย่างน้อยปีนั้นก็พอมีปันผลกินครับ ยังดีกว่าคนภายนอกที่ไม่ได้รู้จักตลาดหุ้นเลย บางคนได้แต่ฝากแบงค์อย่างเดียว
- ซื้อหุ้นในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป ถือหุ้นไปซักพัก ถ้าเป็นไปตามแผนการณ์ ราคาหุ้นจะขึ้นมา ทำให้ง่ายต่อการถือมากขึ้น เหมือนเป็นจิตวิทยา คนเราไม่ชอบการขาดทุน ถ้าเราเริ่มกำไรได้หลายสิบ หลายร้อย% แล้ว การถือหุ้นยาวจะง่ายขึ้นมากครับ ราคาลงไปหลาย % ยังเฉย ๆ อันนี้เป็นข้อได้เปรียบของคนถือหุ้นมานาน และมีต้นทุนที่ต่ำครับ (บางคนว่าให้ลืมต้นทุน แต่ถ้าลืมไม่ได้ วิธีนี้พอจะช่วยได้ครับ)
- หุ้นที่ผมถืออยู่บางตัว ไม่ค่อยมีสภาพคล่อง บางทีเราถืออยู่ในสัดส่วนที่เยอะ จะออกก็ลำบาก ตรงนี้เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ถ้าหุ้นที่เราถืออยู่เป็นหุ้นที่ดี และมีความสามารถในการแข่งขัน และเป็นหุ้นที่มีอนาคตดี บางทีข้อจำกัดเรื่องสภาพคล่อง อาจเป็นผลดีให้เราอยู่ในหุ้นตัวนั้นได้นานก็ได้ เหมือนเป็นการแกมบังคับเราเองไปในตัว แต่วิธีการนี้ก็มีความเสี่ยงอยู่มากครับ
- การทำใจ และปล่อยวาง ก็อาจทำให้ช่วยได้บ้างครับ บางทีซีเรียสกับการขึ้นลงของราคามาก เร่งผลตอบแทนเร็ว การเปรียบเทียบกับหุ้นตัวอื่น คนอื่น ๆ ก็ทำให้ใจเราเรรวนได้เหมือนกันครับ คาดหวังผลตอบแทนให้เหมาะสม และเป็นส่วนบุคคล น่าจะช่วยให้ถือหุ้นได้ยาวนานขึ้นครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 19
ได้ครับ จริงๆผมลงทุนลักษณะนี่มาประมาณ2ปีแล้วครับ งั้นอีก3ปีผมจะมารายงานผลครับอินทรีย์ทองแดง เขียน:ถ้าครบ5ปีแล้ว รบกวนคุณthitaphat168ช่วยแจ้งผลการลงทุนด้วยได้ไหมครับthitaphat168 เขียน:ในความคิดผม ไอที่มันทำให้อยากซื้ออยากขาย นี่เป็นเพราะหุ้นมันสภาพคล้องสูงด้วยหรือป่าว
อย่างเพื่อนที่ลงทุนในอสังหาเขาสามารถถือยาวๆได้ แต่พอมาลงทุนหุ้นกลับกลายเป็นอีกนิสัยนึงเลย
ส่วนตัวผม
เป็นคนที่ไม่เก่งในเรื่องการหามูลค่าที่แท้จริงหรือต้องมานั้งตามข่าว
เลยลงทุนแบบบ้านๆโดยการ
ออมไว้หุ้นทุกๆเดือน โดยเลือกกิจการที่ดี ตอนนี่ซื้อ8ตัว และ เก็บเงินก้อนไว้ส่วนนึง
พยายามไปฟังสัมนา แนวคิดมุมมองของนักลงทุน มองเทรนใหญ่ๆ มองไปไกลๆในอนาคต กิจการตัวไหนจะดี จะเป็นผู้ชนะ
แล้วก็เลงๆไว้ พอตลาดหุ้นตกหนัก หรือมีเหตุการณ์พิเศษ เช่นเผาห้าง ก็นำเงินส่วนนั้นออกมาเก็บหุ้น
พี่ว่าวิธีการบ้านๆแบบนี่ โดยที่ไม่มีการมานั้งคำนวนมูลค่าที่แท้จริง ในระยะซัก5-10ปี จะประสบความสำเร็จได้ไหมครับ
ผมขอทายผลล่วงหน้าว่าคุณthitaphatจะชนะตลาดขาดลอยด้วยวิธีการบ้านๆนี่แหละครับ
ระหว่างนี่ผมคงต้องพยายามฝึกปรือ เรื่องการวิเคราะห์ เรื่องมูลค่า
ผมเคยฟังจาก ดร.นิเวศ นะครับ ซึ่งโดยส่วนตัว ผมเห็นด้วยมากๆเลย คือ พยายามทำให้มันเรียบง่าย เข้าใจง่าย
อะไรที่มันเรียบง่าย มันคือของจริง คนเราชอบทำอะไรให้มันดูยุ่งยาก จริงๆสาระสำคัณมันมีอยู่หน่อยเดียว อะไรประมาณนี่ครับ ผมจำไม่ค่อยได้ เลยพยายามนำมาปรับใช้กับชีวิตส่วนตัวด้วย การลงทุนด้วย ทำให้ชีวิตผมง่ายขึ้นเยอะเลยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 20
ผมว่านิ่งของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน นิ่งเพราะอยากจะนิ่ง นิ่งเพราะได้ยินมาว่านิ่งสยบทุกความเคลื่อนไหวเลยเชื่อเค้าเออนิ่งดีกว่า นิ่งเพราะตกใจทำอะไรไม่ถูก นิ่งเพราะไม่รู้ ถ้ามองเรื่องนิ่งกะไม่นิ่งเป็นตัวแปรเดียวและอย่างอื่นเหมือนเดิมเคยอ่านผ่านๆเหมือนกันว่าถ้าคนเดียวกัน คนนึงนิ่ง ในระยะยาว จะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่ผมว่าต้องดูไอ้อย่างอื่นที่เป็นตัวคงที่ประกอบด้วยเพราะความนิ่งมันไม่ใช่จะไปได้กับทุกอย่าง ผมว่าการกระทำที่เรียกว่านิ่งที่สมควรแก่การปฎิบัตินั้นเป็นเพียงผลลัพธ์ของความเข้าใจในหลักการ ความรู้ สิ่งที่คิดและสรุปได้ว่าสิ่งที่เราควรทำคืออะไร ผ่านการคิด วิเคราะห์ ไตร่ตรองมาอย่างดี จึงสรุปได้จาก framework ว่า action ที่ควร take ณ ตอนนี้คือนิ่ง ท้ายสุดนอกเหนือจากการบริหารพอร์ทและเงินสดแล้ว ถ้าคิดมาดีต้นทุนอย่างเดียวที่เหลือคือเวลา ซึ่งก็จะย้อนกลับไปด้านบนว่าวิเคราะห์มายังไง concept ของ time value of money ทำให้เรามองว่ามันคุ้มแก่การรอหรือไม่
แต่เอาเข้าจริงท้ายสุดถ้ารู้ตัวว่าทำอะไรอยู่......ไม่ได้ยุให้เทรดนะครับ แต่การเคลื่อนไหวก็ไม่ผิดถ้าอยู่ในหลักการความรู้แนวทางปฎิบัติที่ไตร่ตรองมาดีว่าสมควรทำ ทั้งหมดก็แค่การกระทำ นิ่งก็คือการกระทำอย่างนึง มีพลังงานอยู่เบื้องหลัง 5555+
warren buffett ว่าไว้ว่าความผิดพลาดยิ่งใหญ่ที่สุดของเค้ามาจาก "omission, not comission" คือผิดพลาดจากการไม่ take action แล้วอยู่นิ่งๆ พลาดโอกาสอะไรไป
แล้วแต่จะมองมีหลายมุมจริงๆ เกมนี้มันสนุกเพราะอย่างงี้นี่หละ
แต่เอาเข้าจริงท้ายสุดถ้ารู้ตัวว่าทำอะไรอยู่......ไม่ได้ยุให้เทรดนะครับ แต่การเคลื่อนไหวก็ไม่ผิดถ้าอยู่ในหลักการความรู้แนวทางปฎิบัติที่ไตร่ตรองมาดีว่าสมควรทำ ทั้งหมดก็แค่การกระทำ นิ่งก็คือการกระทำอย่างนึง มีพลังงานอยู่เบื้องหลัง 5555+
warren buffett ว่าไว้ว่าความผิดพลาดยิ่งใหญ่ที่สุดของเค้ามาจาก "omission, not comission" คือผิดพลาดจากการไม่ take action แล้วอยู่นิ่งๆ พลาดโอกาสอะไรไป
แล้วแต่จะมองมีหลายมุมจริงๆ เกมนี้มันสนุกเพราะอย่างงี้นี่หละ
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 21
ช่วงที่ผมลงทุนใหม่ๆและผมยังประเมินมูลค่าไม่เป็น ผมก็ใช้วิธีสะสมหุ้นครับthitaphat168 เขียน:ในความคิดผม ไอที่มันทำให้อยากซื้ออยากขาย นี่เป็นเพราะหุ้นมันสภาพคล้องสูงด้วยหรือป่าว
อย่างเพื่อนที่ลงทุนในอสังหาเขาสามารถถือยาวๆได้ แต่พอมาลงทุนหุ้นกลับกลายเป็นอีกนิสัยนึงเลย
ส่วนตัวผม
เป็นคนที่ไม่เก่งในเรื่องการหามูลค่าที่แท้จริงหรือต้องมานั้งตามข่าว
เลยลงทุนแบบบ้านๆโดยการ
ออมไว้หุ้นทุกๆเดือน โดยเลือกกิจการที่ดี ตอนนี่ซื้อ8ตัว และ เก็บเงินก้อนไว้ส่วนนึง
พยายามไปฟังสัมนา แนวคิดมุมมองของนักลงทุน มองเทรนใหญ่ๆ มองไปไกลๆในอนาคต กิจการตัวไหนจะดี จะเป็นผู้ชนะ
แล้วก็เลงๆไว้ พอตลาดหุ้นตกหนัก หรือมีเหตุการณ์พิเศษ เช่นเผาห้าง ก็นำเงินส่วนนั้นออกมาเก็บหุ้น
พี่ว่าวิธีการบ้านๆแบบนี่ โดยที่ไม่มีการมานั้งคำนวนมูลค่าที่แท้จริง ในระยะซัก5-10ปี จะประสบความสำเร็จได้ไหมครับ
ระยะยาวถ้าเราเลือกหุ้นถูกตัว วิธีนี้ผมว่าน่าจะประสบความสำเร็จได้ระดับหนึ่งแน่นอน
แต่สำหรับผมแล้ว ผมว่าหัวใจสำคัญในเรื่องการลงทุนคือการซื้อหุ้นที่ถูกกว่ามูลค่าครับ
ถ้าเราประเมินมูลค่าคร่าวๆได้ เราจะรู้ว่าเราควรให้น้ำหนักกับหุ้นตัวไหน
และจะจัดสรรทรัพยากรที่มีของเราอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ในวันนี้ผมจึงคิดว่าถ้าอยากประสบความสำเร็จหรือทำผลตอบแทนให้ดีขึ้น
เราควรประเมินมูลค่าหุ้นที่ลงทุนทุกตัวให้ออกครับ
ผิดถูกไม่รู้แต่ผมคิดอย่างนี้แหละครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 22
คุณ "thaitaphat 168" มีแผนการของคุณแล้ว...^^)
แผนการของผมคือการได้เงินปันผลจากหุ้น โดยผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากประจำ 1 ปี
ดังนั้นผมจะไม่สนว่า ราคาจะขึ้นจะลงมันคือเรื่องของตลาด ใครจะซื้อใครจะขายมันคือ
เรื่องของเขา เรื่องของผมคือเวลางบออก ก็เข้าไปดูซะหน่อยว่ากิจการยังทำรายได้
ได้ดีเหมือนเดิมหรือเปล่าเพื่อจะได้ ได้เงินปันผลตามที่ต้องการครับ...^^)
ส่วนเป้าหมาย คือ "การมีอิสรภาพทางการเงิน" หรือมีรายได้จาก passive
มากกว่ารายจ่ายต่อเดือน ซึ่งตอนแรกการลงทุนในหุ้นเป็นแผนของผม
แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงส่วนนึงเท่านั้น เพราะแผนนี้มันช้าเกินไปครับ!!!!
...^^)
แผนการของผมคือการได้เงินปันผลจากหุ้น โดยผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากประจำ 1 ปี
ดังนั้นผมจะไม่สนว่า ราคาจะขึ้นจะลงมันคือเรื่องของตลาด ใครจะซื้อใครจะขายมันคือ
เรื่องของเขา เรื่องของผมคือเวลางบออก ก็เข้าไปดูซะหน่อยว่ากิจการยังทำรายได้
ได้ดีเหมือนเดิมหรือเปล่าเพื่อจะได้ ได้เงินปันผลตามที่ต้องการครับ...^^)
ส่วนเป้าหมาย คือ "การมีอิสรภาพทางการเงิน" หรือมีรายได้จาก passive
มากกว่ารายจ่ายต่อเดือน ซึ่งตอนแรกการลงทุนในหุ้นเป็นแผนของผม
แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงส่วนนึงเท่านั้น เพราะแผนนี้มันช้าเกินไปครับ!!!!
...^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 1426
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 23
อยู่นิ่ง ๆ ไม่มีเคล็ดลับอะไรหรอกครับ ก็แค่ไม่ทำอะไร
ไม่มีอะไรที่ต้องทำก็ไม่ต้องทำ
เมื่อไม่ทำ ก็อยู่นิ่ง ๆ ได้แล้ว
ส่วนการถือหุ้น กอดหุ้นแน่น ๆ ถ้าใครรู้สึกว่าถึงจะเป็นบริษัทดี ๆ มีอนาคต
ก็ยังกอดลำบากมาก ลองคิดแบบนี้ดูสิ
สำหรับคนมีแฟน ให้คิดว่ากำลังกอดแฟนอยู่
สำหรับคนแต่งงานแล้ว ให้คิดว่ากำลังกอดกิ๊กอยู่
(ฮา)
อย่าให้ความสำคัญกับข่าวมากเกินไป โดยเฉพาะข่าวการเมือง
แนวคิด มุมมอง
https://www.facebook.com/pages/Prichar- ... 0152437577
ไม่มีอะไรที่ต้องทำก็ไม่ต้องทำ
เมื่อไม่ทำ ก็อยู่นิ่ง ๆ ได้แล้ว
ส่วนการถือหุ้น กอดหุ้นแน่น ๆ ถ้าใครรู้สึกว่าถึงจะเป็นบริษัทดี ๆ มีอนาคต
ก็ยังกอดลำบากมาก ลองคิดแบบนี้ดูสิ
สำหรับคนมีแฟน ให้คิดว่ากำลังกอดแฟนอยู่
สำหรับคนแต่งงานแล้ว ให้คิดว่ากำลังกอดกิ๊กอยู่
(ฮา)
อย่าให้ความสำคัญกับข่าวมากเกินไป โดยเฉพาะข่าวการเมือง
แนวคิด มุมมอง
https://www.facebook.com/pages/Prichar- ... 0152437577
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3419
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 24
ซื้อด้วยเหตุผลอะไร เมื่อถึงเวลาก็ขายด้วยเหตุผลนั้น
ระหว่างทางของเหตุผลที่ซื้อยังไม่บรรจบพบผลลัพธ์ ก็เฝ้ารอดูผลงานในแต่ละไตรมาสว่าสิ่งที่เราวิเคราะห์มีแนวโน้มที่จะไปยังเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่?
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรอคอยด้วยความอดทนในกรณีที่มีแนวโน้มตามคาด
แต่ถ้าไม่เป็นตามคาดแต่มีลุ้น นี่แหละปัญหา(ตัดสินใจยาก50:50)
ถ้าผิดคาดก็ง่ายหน่อย
คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนด้วยตัวเองไม่ว่าด้านไหน ผมคิดว่าเส้นทางที่ผ่านมาล้วนผ่านศึกเล็กใหญ่มานับไม่ถ้วน จึงสามารถยืนอยู่แถวหน้าได้
555เพ้อเจ้อมากไปหน่อยในภาวะบ้านเมืองที่กำลังเปราะบาง
ระหว่างทางของเหตุผลที่ซื้อยังไม่บรรจบพบผลลัพธ์ ก็เฝ้ารอดูผลงานในแต่ละไตรมาสว่าสิ่งที่เราวิเคราะห์มีแนวโน้มที่จะไปยังเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่?
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรอคอยด้วยความอดทนในกรณีที่มีแนวโน้มตามคาด
แต่ถ้าไม่เป็นตามคาดแต่มีลุ้น นี่แหละปัญหา(ตัดสินใจยาก50:50)
ถ้าผิดคาดก็ง่ายหน่อย
คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนด้วยตัวเองไม่ว่าด้านไหน ผมคิดว่าเส้นทางที่ผ่านมาล้วนผ่านศึกเล็กใหญ่มานับไม่ถ้วน จึงสามารถยืนอยู่แถวหน้าได้
555เพ้อเจ้อมากไปหน่อยในภาวะบ้านเมืองที่กำลังเปราะบาง
ในเกมการเงิน อะไรที่ไม่รู้ คือ ความเสี่ยง
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 25
เพราะคนส่วนใหญ่ "เชื่อว่า" การซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ รวยเร็วกว่าการซื้อหุ้นแล้วถือไว้นาน ๆthitaphat168 เขียน:ในความคิดผม ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้คนที่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นและเป็นสิ่งที่ยากสำหรับผม และนักลงทุนทั่วไป คือการถือหุ้นและอยู่นิ่งๆโดยที่ไม่หวั่นไหวต่อการขึ้นลงของตลาด
ผมอยากทราบว่า คนที่ประสบความสำเร็จ เขาคิดยังไง ทำใจยังไง ทำไมถึงอดทนได้มากกว่าคนส่วนใหญ่ในตลาด เขามองเห็นอะไร หรือมีความลับอะไรบางอย่างที่คนทั่วไปยังไม่เข้าใจ รบกวนด้วยครับ
สิ่งที่ผมเข้าใจ
ซื้อกิจการที่ดี ในราคาที่เหมาะสม แล้วถือจนราคาสะท้อนมูลค่า
มองที่ตัวกิจการ ไม่ใช่ราคา ถ้าตลาดหุ้นตก แต่เราซื้อไม่แพง อนาคตกิจการดี ก็ถือต่อ
ในระยะยาว จากอดีตถือปัจจุบัน ก็เป็นที่ประจักแล้วว่าในระยะยาวกิจการที่ดีก็จะกลับมาได้
แต่ทำไมคนส่วนใหญ่จึงทำไม่ได้ คนส่วนน้อยมีอะไรที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ครับ
ขอเคล็ดลับทีครับ
จึงไม่ต้องแปลกใจเพราะคนเหล่านั้นจะมองกำไรเพียงเล็กน้อย เมื่อหุ้นขึ้นก็ขายออกไป เน้นที่การ "ทำรอบ"
เมื่อต้อง "ทำรอบ" การซื้อขายหุ้น ก็จะมีหุ้นจำนวนมากที่ผ่านเข้ามาให้เค้าซื้อขาย เมื่อซื้อขายหุ้นหลายตัว โอกาสผิดพลาดก็จะมากขึ้นซึ่งอาจจะเกิดจากไม่ได้ศึกษาพื้นฐานของบ.หรือศึกษาไม่ละเอียด
ยังไม่นับว่าเมื่อต้องเปลี่ยนหุ้นบ่อย ๆ บางครั้งสภาพตลาดที่หุ้นส่วนใหญ่แพง ก็ยังคงต้องมีการ "ทำรอบ" ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มตามไปด้วย รวมถึงความเสี่ยงจากการซื้อขายหุ้นที่เสี่ยง เช่น หุ้นที่มี story หุ้นที่ขึ้นโดยไม่มีเหตุผลรองรับ
ที่สำคัญคนเหล่านี้มักจะคิดเข้าข้างตัวเองเสมอว่า ถ้าเกิดอะไรกับหุ้นที่เสี่ยงเหล่านั้น "เขาจะหนีทัน" สิ่งที่เห็นก็คือ บางครั้งเมื่อหุ้นลงเค้าก็จะตัดใจไม่ได้ สุดท้ายต้องอาศัยอยู่บน "ดอย" เป็นการชั่วคราวหรือถาวร ที่หนีทันไม่ว่าจะหนีทันแบบช้าหรือเร็วก็ต้องจ่าย "ค่าทางออกฉุกเฉิน" สุดท้ายกำไรที่เคยทำได้ก็ถูกเก็บส่งคืน เบ็ดเสร็จแล้วถึงจะเคยได้กำไรก็จะสลับกับการขาดทุน ถ้าโชคดีผลรวมสุทธิได้กำไรก็ดีไป แต่ถ้าโชคร้ายผลรวมสุทธิขาดทุน ยิ่งลงทุนก็ยิ่งจะมีแต่เข้าเนื้อ หาอิสรภาพทางการเงินไม่ได้เสียที
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 26
ผมอยากให้เพื่อน ๆ ทั้งหลายลองถามตัวเองดูว่าตั้งแต่ลงทุนมาเคยคิดแบบนี้หรือไม่leky เขียน:เพราะคนส่วนใหญ่ "เชื่อว่า" การซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ รวยเร็วกว่าการซื้อหุ้นแล้วถือไว้นาน ๆthitaphat168 เขียน:ในความคิดผม ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้คนที่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นและเป็นสิ่งที่ยากสำหรับผม และนักลงทุนทั่วไป คือการถือหุ้นและอยู่นิ่งๆโดยที่ไม่หวั่นไหวต่อการขึ้นลงของตลาด
ผมอยากทราบว่า คนที่ประสบความสำเร็จ เขาคิดยังไง ทำใจยังไง ทำไมถึงอดทนได้มากกว่าคนส่วนใหญ่ในตลาด เขามองเห็นอะไร หรือมีความลับอะไรบางอย่างที่คนทั่วไปยังไม่เข้าใจ รบกวนด้วยครับ
สิ่งที่ผมเข้าใจ
ซื้อกิจการที่ดี ในราคาที่เหมาะสม แล้วถือจนราคาสะท้อนมูลค่า
มองที่ตัวกิจการ ไม่ใช่ราคา ถ้าตลาดหุ้นตก แต่เราซื้อไม่แพง อนาคตกิจการดี ก็ถือต่อ
ในระยะยาว จากอดีตถือปัจจุบัน ก็เป็นที่ประจักแล้วว่าในระยะยาวกิจการที่ดีก็จะกลับมาได้
แต่ทำไมคนส่วนใหญ่จึงทำไม่ได้ คนส่วนน้อยมีอะไรที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ครับ
ขอเคล็ดลับทีครับ
จึงไม่ต้องแปลกใจเพราะคนเหล่านั้นจะมองกำไรเพียงเล็กน้อย เมื่อหุ้นขึ้นก็ขายออกไป เน้นที่การ "ทำรอบ"
เมื่อต้อง "ทำรอบ" การซื้อขายหุ้น ก็จะมีหุ้นจำนวนมากที่ผ่านเข้ามาให้เค้าซื้อขาย เมื่อซื้อขายหุ้นหลายตัว โอกาสผิดพลาดก็จะมากขึ้นซึ่งอาจจะเกิดจากไม่ได้ศึกษาพื้นฐานของบ.หรือศึกษาไม่ละเอียด
ยังไม่นับว่าเมื่อต้องเปลี่ยนหุ้นบ่อย ๆ บางครั้งสภาพตลาดที่หุ้นส่วนใหญ่แพง ก็ยังคงต้องมีการ "ทำรอบ" ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มตามไปด้วย รวมถึงความเสี่ยงจากการซื้อขายหุ้นที่เสี่ยง เช่น หุ้นที่มี story หุ้นที่ขึ้นโดยไม่มีเหตุผลรองรับ
ที่สำคัญคนเหล่านี้มักจะคิดเข้าข้างตัวเองเสมอว่า ถ้าเกิดอะไรกับหุ้นที่เสี่ยงเหล่านั้น "เขาจะหนีทัน" สิ่งที่เห็นก็คือ บางครั้งเมื่อหุ้นลงเค้าก็จะตัดใจไม่ได้ สุดท้ายต้องอาศัยอยู่บน "ดอย" เป็นการชั่วคราวหรือถาวร ที่หนีทันไม่ว่าจะหนีทันแบบช้าหรือเร็วก็ต้องจ่าย "ค่าทางออกฉุกเฉิน" สุดท้ายกำไรที่เคยทำได้ก็ถูกเก็บส่งคืน เบ็ดเสร็จแล้วถึงจะเคยได้กำไรก็จะสลับกับการขาดทุน ถ้าโชคดีผลรวมสุทธิได้กำไรก็ดีไป แต่ถ้าโชคร้ายผลรวมสุทธิขาดทุน ยิ่งลงทุนก็ยิ่งจะมีแต่เข้าเนื้อ หาอิสรภาพทางการเงินไม่ได้เสียที
ตัวผมเองเมื่อครั้งตอนที่เริ่มรู้จักคำว่า "หุ้น" ใหม่ ๆ ผมยอมรับว่าเคยมีความคิดแบบนี้เช่นกัน
"ผมขอแค่กำไรตัวละ 5% ปีละ 10 ตัว ผมก็จะได้กำไรปีละ 50% แล้ว โอโห อะไรมันดูช่างง่ายดายเช่นนี้"
"แล้วถ้าทบต้นไปเรื่อย ๆ มันจะกำไรมากมายขนาดไหน"
แต่สิ่งที่ดูเหมือนง่ายแบบนั้น ในความเป็นจริงแล้วมันกลับไม่ง่ายเลย
ในความคิดของผม แค่เราหลุดออกมาจากวงจรแห่งความคิดแบบนั้น ผมเชื่อว่าโอกาสที่จะขาดทุนจะน้อยลงอย่างมากครับ
แต่การจะหลุดออกจากวงจรแบบนั้น ดูเหมือนง่าย แต่บางครั้งก็ไม่ง่าย บางครั้งถึงหลุดออกมาแล้ว ก็มีแนวโน้มจะกลับไปได้อีก เหมือนคนติดบุหรี่ คนสูบบุหรี่ส่วนใหญ่รู้ว่าไม่ดี ไม่ควรสูบ แต่ทำไมถึงสูบ และเช่นกัน ส่วนหนึ่งเลิกได้แต่ก็กลับไปสูบ ทั้ง ๆ ที่บนซองบุหรี่ก็มีภาพโทษของการสูบบุหรี่ คนรอบข้างก็อยากให้เลิกสูบบุหรี่ เวลามีคนถามว่าทำไมถึงสูบ คนที่สูบบุหรี่ก็มักจะตอบว่ากำลังจะเลิก แต่สุดท้ายก็เลิกไม่ได้
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 27
สุดท้ายผมเลยได้ข้อสรุปว่า ต้นตอของปัญหามันเกิดจาก
"เพราะโลภเกินไป เพราะอยากรวยเร็วเกินไป"
เมื่อมีความคิดดังกล่าวข้างต้น ก็ย่อมอยากจะหา "ทางลัด"
ทางลัดที่ว่าอาจจะเป็นการพยายามเล่นรอบ เก็งกำไร ฯลฯ โดยอาจจะมีแนวคิดว่าขอกำไรน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ
ทางลัดนั้นอาจจะมีประโยชน์ แต่การไม่รู้จักหรือชำนาญในทางลัดที่ดีพอและยังพยายามจะใช้ทางลัดนั้น โดยที่ไม่รู้ว่ามันอาจจะเป็นทางที่รกทึบ มีอันตราย
สุดท้ายแทนที่จะมีประโยชน์กลับกลายเป็นโทษ ดีไม่ดีเดินไปจนสุดทางลัดนั้นแล้ว กลายเป็น "ทางตัน" ไม่เจอทางออกไปเสียอีก
"เพราะโลภเกินไป เพราะอยากรวยเร็วเกินไป"
เมื่อมีความคิดดังกล่าวข้างต้น ก็ย่อมอยากจะหา "ทางลัด"
ทางลัดที่ว่าอาจจะเป็นการพยายามเล่นรอบ เก็งกำไร ฯลฯ โดยอาจจะมีแนวคิดว่าขอกำไรน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ
ทางลัดนั้นอาจจะมีประโยชน์ แต่การไม่รู้จักหรือชำนาญในทางลัดที่ดีพอและยังพยายามจะใช้ทางลัดนั้น โดยที่ไม่รู้ว่ามันอาจจะเป็นทางที่รกทึบ มีอันตราย
สุดท้ายแทนที่จะมีประโยชน์กลับกลายเป็นโทษ ดีไม่ดีเดินไปจนสุดทางลัดนั้นแล้ว กลายเป็น "ทางตัน" ไม่เจอทางออกไปเสียอีก
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 28
[youtube]http://youtu.be/JYm8vGLFB58[/youtube]
ในเทปนี่ ดร.นิเวศน์ พูดถึงทำไมเขาถึงกล้าถือ หุ้นค้าปลีกตัวนึง ได้จนถึงปัจจุบัน
ดร.นิเวศน์ บอกว่าการลงทุนก็เหมือนการทดสอบอย่างนึง ว่าคุณแน่จริงหรือป่าว !!
ในเทปนี่ ดร.นิเวศน์ พูดถึงทำไมเขาถึงกล้าถือ หุ้นค้าปลีกตัวนึง ได้จนถึงปัจจุบัน
ดร.นิเวศน์ บอกว่าการลงทุนก็เหมือนการทดสอบอย่างนึง ว่าคุณแน่จริงหรือป่าว !!
-
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 29
http://www.youtube.com/watch?v=JYm8vGLFB58thitaphat168 เขียน:[youtube]http://youtu.be/JYm8vGLFB58[/youtube]
ในเทปนี่ ดร.นิเวศน์ พูดถึงทำไมเขาถึงกล้าถือ หุ้นค้าปลีกตัวนึง ได้จนถึงปัจจุบัน
ดร.นิเวศน์ บอกว่าการลงทุนก็เหมือนการทดสอบอย่างนึง ว่าคุณแน่จริงหรือป่าว !!
ลงคลิปไม่ได้ ตามไปดูตามลิงค์ด้านบนนะครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 411
- ผู้ติดตาม: 1
Re: การอยู่นิ่งๆในตลาดหุ้น
โพสต์ที่ 30
ถ้าเราดูกราฟราคาหุ้น จะเห็นว่าราคามันขึ้นลงเป็นจังหวะ
คนที่สามารถจับจังหวะหุ้นได้จะทํากําไรมหาศาล
นักเล่นหุ้นหลายคนเชื่อว่าตัวเองทําได้เพราะ"ผมเก่ง"
ซื้อตอนหุ้นเริ่มขึ้น พอเริ่มลงก็ขายทิ้ง
กําไรเยอะ แถมไม่ติดหุ้นอีกต่างหาก
ผมก็เคยคิดแบบนี้ แต่บทเรียนที่ได้รับคือ
"ไม่มีใครทายจังหวะตลาดหุ้นถูกตลอด
มีแต่คนโง่ที่เชื่อว่าตัวเองทําได้"
บทเรียนที่ได้รับคือ พอหุ้นเริ่มตกขายออกไป
คิดว่ามันตกมาก จะเข้าไปซื้อใหม่ถูกกว่าเดิม
มันลงมานิดเดียว แล้ววิ่งไปไกลลิบ กําไรหายไปมากมาย
หรือมันเริ่มตกเราเข้าไปซื้อมันกลับตกหนักยาวนาน จนขาดทุนมากมาย
สิ่งที่ได้รับจากการพยายามทายราคาหุ้น คือขายหมูยักษ์ซํ้าแล้วซํ้าเล่า กับติดดอยยาวนาน
ที่สําคัญที่สุดคือ การพยายามทายราคาหุ้นเป็นนิสัยของนักเก็งกําไรไม่ใช่นักลงทุน
สมมติว่า คุณซื้อทองไว้แต่งงานลูกสาว
ตอนนี้ลูกสาวอายุ15ปี คุณคิดว่าจะถือสัก10ปี เผื่อลูกแต่งงานอายุ25
ถ้าคิดแบบนี้ คุณจําเป็นไหมที่ต้องดูราคาทองทุกวันเช้าเย็น
คุณต้องเครียดไหมว่าวันนี้ราคาทองตกไป3รอบ
การลงทุนหุ้นก็เช่นกัน
คุณใช้เวลาความพยายามมากมายศึกษาหุ้นหลายสิบตัว
จนพบหุ้นที่คุณคิดว่ายอดเยี่ยม ราคายังไม่แพงมาก
เป็นกิจการที่คุณอยากมีส่วนเป็นเจ้าของ
คุณเชื่อว่าอีก3-5ปีจะต้องให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจแน่นอน
แล้วคุณจะต้องไปเฝ้าหน้าจอ ดูราคาอยู่ตลอดเวลาเพื่ออะไร
ถ้าหุ้นที่คุณเลือกมาราคาขึ้นไป30%ในเวลาไม่กี่เดือน
คุณต้องขายไหม ถ้าถือหลายปีจะไม่ขึ้นมากกว่านี้เหรอ
ขายแล้วไปซื้ออะไร ในเมื่อคุณคิดว่าตัวนี้ดีที่สุดแล้ว
การลงทุนในหุ้นต้องอาศัยทั้งประสพการณ์และการเรียนรู้ที่ยาวนาน
หลายปีก่อนหน้านี้ ผมซื้อขายหุ้นบ่อยมาก แทบทุก2-3วัน
พอตอนปีใหม่ โบรกเกอร์เอากรอบรูปพระพิฆเนศสีทองทั้งอันมาให้ราคาหลายพัน
ผมถามตัวเองว่าลงทุนแทบตายเราทําให้ตัวเองหรือโบรกเกอร์กันแน่
ปัจจุบันนี้ ผมไม่ได้ซื้อขายหุ้นสักหุ้นเดียวมา6เดือนแล้ว
คนที่สามารถจับจังหวะหุ้นได้จะทํากําไรมหาศาล
นักเล่นหุ้นหลายคนเชื่อว่าตัวเองทําได้เพราะ"ผมเก่ง"
ซื้อตอนหุ้นเริ่มขึ้น พอเริ่มลงก็ขายทิ้ง
กําไรเยอะ แถมไม่ติดหุ้นอีกต่างหาก
ผมก็เคยคิดแบบนี้ แต่บทเรียนที่ได้รับคือ
"ไม่มีใครทายจังหวะตลาดหุ้นถูกตลอด
มีแต่คนโง่ที่เชื่อว่าตัวเองทําได้"
บทเรียนที่ได้รับคือ พอหุ้นเริ่มตกขายออกไป
คิดว่ามันตกมาก จะเข้าไปซื้อใหม่ถูกกว่าเดิม
มันลงมานิดเดียว แล้ววิ่งไปไกลลิบ กําไรหายไปมากมาย
หรือมันเริ่มตกเราเข้าไปซื้อมันกลับตกหนักยาวนาน จนขาดทุนมากมาย
สิ่งที่ได้รับจากการพยายามทายราคาหุ้น คือขายหมูยักษ์ซํ้าแล้วซํ้าเล่า กับติดดอยยาวนาน
ที่สําคัญที่สุดคือ การพยายามทายราคาหุ้นเป็นนิสัยของนักเก็งกําไรไม่ใช่นักลงทุน
สมมติว่า คุณซื้อทองไว้แต่งงานลูกสาว
ตอนนี้ลูกสาวอายุ15ปี คุณคิดว่าจะถือสัก10ปี เผื่อลูกแต่งงานอายุ25
ถ้าคิดแบบนี้ คุณจําเป็นไหมที่ต้องดูราคาทองทุกวันเช้าเย็น
คุณต้องเครียดไหมว่าวันนี้ราคาทองตกไป3รอบ
การลงทุนหุ้นก็เช่นกัน
คุณใช้เวลาความพยายามมากมายศึกษาหุ้นหลายสิบตัว
จนพบหุ้นที่คุณคิดว่ายอดเยี่ยม ราคายังไม่แพงมาก
เป็นกิจการที่คุณอยากมีส่วนเป็นเจ้าของ
คุณเชื่อว่าอีก3-5ปีจะต้องให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจแน่นอน
แล้วคุณจะต้องไปเฝ้าหน้าจอ ดูราคาอยู่ตลอดเวลาเพื่ออะไร
ถ้าหุ้นที่คุณเลือกมาราคาขึ้นไป30%ในเวลาไม่กี่เดือน
คุณต้องขายไหม ถ้าถือหลายปีจะไม่ขึ้นมากกว่านี้เหรอ
ขายแล้วไปซื้ออะไร ในเมื่อคุณคิดว่าตัวนี้ดีที่สุดแล้ว
การลงทุนในหุ้นต้องอาศัยทั้งประสพการณ์และการเรียนรู้ที่ยาวนาน
หลายปีก่อนหน้านี้ ผมซื้อขายหุ้นบ่อยมาก แทบทุก2-3วัน
พอตอนปีใหม่ โบรกเกอร์เอากรอบรูปพระพิฆเนศสีทองทั้งอันมาให้ราคาหลายพัน
ผมถามตัวเองว่าลงทุนแทบตายเราทําให้ตัวเองหรือโบรกเกอร์กันแน่
ปัจจุบันนี้ ผมไม่ได้ซื้อขายหุ้นสักหุ้นเดียวมา6เดือนแล้ว